More Related Content
Similar to โรคแผลในกระเพาะอาหาร (20)
More from Wan Ngamwongwan (20)
โรคแผลในกระเพาะอาหาร
- 2. สาเหตุมาจากกรดและน ้าย่อยที่
หลังออกมาในกระเพาะอาหาร
่
ไม่วากรดนันจะมีปริมาณมาก
่ ้
หรื อน้ อยจะเป็ นตัวทาลายเยื่อบุ
กระเพาะอาหาร ร่วมกับมีความ
บกพร่องของเยื่อบุกระเพาะ
อาหารที่สร้ างแนวต้ านทานกรด
ไม่ดี นอกจากนี ้ยังมีปัจจัยอื่นที่
ส่งเสริมให้ เกิดแผลในกระเพาะ
อาหารได้ แก่ ยาแอสไพริน ยา
รักษาโรคกระดูกและข้ ออักเสบ
การสูบบุหรี่ ความเครี ยด อาหาร
เผ็ด สุรา
- 3. อาการสาคัญ
ปวด หรื อจุกแน่นบริ เวณลิ้นปี่ หรื อช่องท้องช่วงบน ซึ่ง
เป็ นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักเป็ นในช่วงท้องว่าง
หรื อหิว โดยอาการดังกล่าวมักไม่เป็ นตลอดทั้งวัน
อาการปวดแน่นท้องที่บรรเทาลง ได้ดวยอาหารหรื อ
้
ยาลดกรด ในผูป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมากขึ้น
้
หลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทาน
อาหารรสเผ็ดหรื อเปรี้ ยวจัด เป็ นต้น
อาการปวด มักเป็ นๆ หายๆ นานเป็ นปี โดยมีช่วงเว้นที่
ปลอดอาการค่อนข้างนาน เช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์
และหายไป หลายๆ เดือนจึงกลับมาปวดอีกครั้ง
- 4. ผูป่วยบางรายอาจไม่มีอาการปวดท้องแต่จะมีอาการแน่นท้อง หรื อรู ้สึกไม่สบายในท้อง มักจะ
้
เป็ นบริ เวณใต้ลิ้นปี่ หรื อกลางท้อง
รอบสะดือ ในผูป่วยกลุ่มนี้มกมีทองอืดร่ วมด้วย โดยเฉพาะหลังกินอาหารจะมีทองอืดขึ้นชัดเจน
้ ั ้ ้
มีลมมากในท้อง
ท้องร้องโกรกกราก ต้องเรอหรื อผายลมจะดีข้ ึน
อาจมีคลื่นไส้อาเจียนร่ วมด้วย โดยเฉพาะหลังอาหารแต่ละมื้อหรื อช่วงเช้ามืด ผูป่วยอาจมีอาการ
้
อิ่มง่ายกว่าปกติ ทาให้กินได้นอย และน้ าหนักลดลงได้บาง
้ ้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอาการเรื้ อรังเป็ นปี
แต่สุขภาพทัวไปมักไม่ทรุ ดโทรม น้ าหนักไม่ลด รวมถึงไม่มีภาวะซีดร่ วมด้วย
่
ภาวะแทรกซ้อนของโรคแผลใน
กระเพาะอาหาร พบได้ประมาณร้อยละ 25-30 อาทิ ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร
พบได้บ่อยที่สุด
ผูป่วยจะมีอาการอาเจียนเป็ นเลือด ถ่ายเหลวสี ดา เหนียว คล้ายน้ ามันดิน หรื อมีหน้ามืด วิงเวียน
้
ศีรษะ เป็ นลม
กระเพาะอาหารทะลุ ผูป่วยมีอาการปวดท้องช่วงบนเฉี ยบพลัน รุ นแรง หน้าท้องแข็ง ตึง กดเจ็บ
้
มาก กระเพาะอาหารอุดตัน ผูป่วยจะรับประทานได้นอย อิ่มเร็ว อาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื้อ
้ ้
เบื่ออาหาร น้ าหนักลดลง
- 5. การวินิจฉัย
โรค แผลในกระเพาะอาหารในปั จจุบนถือว่าการตรวจส่องกล้ องทางเดินอาหารส่วนบน เป็ นวิธีที่เป็ น
ั
มาตรฐานและดีที่สด ในทางการแพทย์ผ้ ป่วยที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหารและได้ รับการรักษา
ุ ู
ด้ วยยา ลดกรดแล้ วอย่างน้ อย 1 เดือนแล้ วอาการไม่ทเุ ลาควรได้ รับการตรวจส่องกล้ องทางเดินอาหาร
ส่วนบน เนื่องจากแพทย์สามารถให้ การวินิจฉัยได้ ทนที
ั
- 6. การรั กษา
ปั จจุบนแบ่งเป็ น 2
ั
1.การรั กษาสาเหตุ
ใน กรณีตรวจพบเชื ้อแบคทีเรี ย
แพทย์จะให้ การรักษาโดยมีสตร
ู
ยา 3-4 ชนิดร่วมกัน รับประทาน
นาน 1-2 สัปดาห์ สูตรยาส่วน
ใหญ่เป็ นยาปฏิชีวนะร่วมกับยา
ลดกรด
- 7. เพื่อรักษาแผลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ
ผู้ป่วยควรได้ รับการตรวจหาเชื ้อซ ้าภายหลังจากได้ รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ ว
โดยอาจเป็ นการตรวจโดยการส่องกล้ องกระเพาะอาหารอีกครังเพื่อทาการพิสจน์ ชิ ้นเนื ้อซ ้า หรื อ
้ ู
ทดสอบโดยการรับประทานยาสาหรับทดสอบเชื ้อแบคทีเรี ยโดยตรง และตรวจวัดสารที่ถกปล่อย ู
ออกมาทางลมหายใจ
ทัง้ 2 วิธีถือเป็ นวิธีที่เป็ นที่นิยมในปั จจุบน หลังตรวจพิสจน์แล้ วว่าไม่พบเชื ้อแบคทีเรี ย โอกาสการ
ั ู
เกิดแผลในกระเพาะอาหารหรื อลาไส้ เล็กซ ้าจะมีน้อยกว่า 10% ภายใน 1 ปี หลัง
ได้ รับการรักษา
ส่วนการรักษาโดยยาลดกรด PPI
เพียงอย่างเดียวอาจทาให้ แผลหายได้ เช่นกันแต่มีผลเสียคือ มีโอกาสเกิดแผลซ ้าได้ สง และทาให้ มี
ู
โอกาสที่เชื ้อแบคทีเรี ยจะทาลายเยื่อบุผิวกระเพาะอาหารลุกลามมาก ขึ ้นได้ จึงน่าเป็ นห่วงสาหรับ
ผู้ป่วยที่มกจะรับประทานยาลดกรดเอง
ั
แล้ วมีอาการเป็ นๆหายๆโดยไม่เคยได้ รับการตรวจหาเชื ้อแบคทีเรี ยซึงอาจเป็ น
่
สาเหตุของโรคที่ไม่หายขาดและส่งผลเสียต่อไปในอนาคตได้
- 9. ผู้ท่ ีเป็ นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ควรปรั บพฤติกรรมการรั บประทานอาหาร
อย่ างไรบ้ าง?
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ชา กาแฟ เครื่ องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์
อาหารรสเผ็ดจัด เปรี ยวจัด ของหมักดอง อาหารแข็งย่อยยาก
้
อาหารประเภททอด หรื อมีไขมันมาก เพราะไขมันเป็ นสารที่ย่อยยากกว่าสารอาหารชนิดอื่น รวมถึง
สังเกตอาหารหรื อผลไม้ ที่รับประทานแล้ วทาให้ มีอาการมากขึ ้น
เช่น บางคนรับประทานฝรั่งหรื อสับปะรดจะปวดท้ องมากขึ ้น เป็ นต้ น
ควรรับประทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ ้นแล้ วจึงค่อยกลับมารับประทาน
อาหารที่ใกล้ เคียงปกติ ได้
- 10. โรคแผลในกระเพาะอาหารจะหายขาดได้ หรือไม่ ?
โรคแผลในกระเพาะอาหารหายได้ แต่มีโอกาสกลับ
เป็ นใหม่ได้อีกร้อยละ 70-80 ในระยะเวลา 1 ปี
หลังให้การรักษา ซึ่งลักษณะเช่นนี้เป็ นธรรมชาติ
ของโรค คือจะมีลกษณะเรื้ อรังและกลับเป็ นซ้ าได้
ั
หลังได้รับยาอาการปวดมักจะทุเลาลงในระยะ 7
วันแต่แผลจะยังไม่หาย ส่ วนใหญ่ผป่วย
ู้
จาเป็ นต้องได้รับยารักษาติดต่อกันเป็ นเวลานาน
8-12 สัปดาห์ แผลจึงจะหาย เมื่อหายแล้วก็มี
โอกาสกลับมาเป็ นใหม่ได้อีกถ้าไม่ระวังเรื่ องการ
ปฏิบติตว ให้ถูกต้อง หรื อถ้ายังไม่สามารถกาจัด
ั ั
เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไรให้หมดไปได้
- 11. 1.นส.ชญาพร เลขที่ 36
2.นส.พิชชาพา เสมอกิจเลขที่ 46
3.นส.กชกร เอี่ยมลออ เลขที่ 48
4.นส.เยาวพา เพิ่มพินิจเลขที่ 35
5.นส.กชกร ยอดยิ่ง เลขที่ 21
6.นส.กาญจมาภรณ์ เลขที่ 22