SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
Download to read offline
ระบบคอมพิวเตอร์


       ครูพสมัย ปรินทอง
           ิ
หมวดการงานอาชีพและเทคโนโลยี
 โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์
ยุคของคอมพิวเตอร์
1. ยุคที่หนึ่ง (First Generation)
           ยุคนี้เริ่ มตั้งแต่ ค.ศ. 1944 เป็ นต้นมา หรื อประมาณปี พ.ศ. 2494 – 2502
    เทคโนโลยีที่ใช้สร้างคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จะใช้หลอดสูญญากาศ                            และ
    วงจรไฟฟ้ า               ซึ่งต้องใช้พลังความร้อนในขณะทางานสูง              ดังนั้นเครื่ อง
    คอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึงมีขนาดใหญ่และต้องใช้เครื่ องปรับอากาศมาช่วยใน
    การระบายความร้อน นอกจากนั้นยังมีการใช้เทปกระดาษหรื อบัตรเจาะรู ใน
    การรับส่งข้อมูล                     สาหรับปั ญหาที่เกิดในยุคนี้จะเป็ นปั ญหาในด้านการ
    บารุ งรักษา                     และการซ่อมแซมเครื่ องเพื่อให้เครื่ องสามารถทางานได้
                                                     ่
    นอกจากนั้นการใช้คาสังในการสั่งงานก็คอนข้างยาก เพราะสวนมากแล้วใน
                                    ่
    การทางานต้องสังงานโดยใช้ภาษาเครื่ อง (Machine Language) ซึ่งจะถือเป็ น
                           ่
    ภาษาระดับต่า รหัสคาสังต่าง ๆ จะจดจาค่อนข้างยาก การใช้งานคอมพิวเตอร์
                                      ่
    ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็ นงานทางด้านวิทยาศาสตร์ และคณิ ตศาสตร์ ส่วนงาน
    ทางด้านธุรกิจมีการเริ่ มใช้ในยุคนี้เช่นกัน แต่มีการใช้ที่ค่อนข้างน้อย
ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
2. ยุคที่สอง (Second Generation)
             ยุคนี้เริ่ มในปี ค.ศ. 1957 หรื อประมาณปี พ.ศ. 2502-2507 ในยุคนี้ได้มีการ
   ริ เริ่ มนาเอาทรานซิสเตอร์ (Transistor) และไดโอด (Diodes) มาใช้แทนหลอด
   สูญญากาศ ซึ่งมีขนาดเล็ก มีราคาถูกลงและทางานได้เร็ วขึ้น ขนาดของเครื่ อง
   คอมพิวเตอร์จึงเล็กลงตามไปด้วย ในการทางานจะใช้วงแหวนแม่เหล็ก สาหรับเก็บ
   ข้อมูลและใช้เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กเป็ นสื่ อในการรับส่งข้อมูล นอกจากนั้นยังมี
   การเพิ่มอุปกรณ์ ในการรับข้อมูล และอุปกรณ์ในการแสดงผลลัพธ์อีกมากมาย มี
   การใช้เครื่ องพิมพ์ จานแม่เหล็ก บัตรเจาะรู จอภาพ และแป้ นพิมพ์เป็ นเครื่ อง
   ปลายทาง ในยุคนี้ได้เปลี่ยนจากการสังงานด้วยภาษาเครื่ องเป็ นการใช้สญลักษณ์
                                                ่                          ั
   แทนจึงทาให้การสังงานง่ายขึ้นและมีภาษาระดับสูงบางภาษาเกิดขึ้นในยุคนี้เช่นกัน
                             ่
ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
3. ยุคที่สาม (Third Generation)
           เริ่ มในปี ค.ศ. 1965 ในยุคนี้มีการนาเอาวงจรผนึกมาใช้แทน
   ทรานซิสเตอร์ ทาให้คอมพิวเตอร์ ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงไปอีก ความเร็ วก็
   สู งขึ้นและราคาก็ลดลงไปอีก มีการพัฒนาโปรแกรมกว้างขวางขึ้น และมี
   การเริ่ มใช้ภาษาระดับสู งมาช่วยในการเขียนโปรแกรม จึงมีหลายบริ ษท ั
   เริ่ มผลิตโปรแกรมสาเร็ จรู ปมาใช้ในการทางาน
ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)

4. ยุคที่สี่ (Fourth Generation)
              เริ่ มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 มีการนาเอาแผงวงจรรวมมาใช้แทนวงจรผนึก
    และมีการปรับปรุ งอุปกรณ์อื่น ๆ ให้มีความสามารถสูงขึ้น จึงทาให้
    คอมพิวเตอร์สามารถทางานได้เร็ วขึ้น                 นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยน
    หน่วยความจาจากวงแหวนแม่เหล็กมาเป็ นหน่วยความจาสารกึ่งตัวนา มีการ
    ผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ข้ ึนทาให้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง
    (Minicomputer) และขนาดเล็ก (Microcomputer) ขึ้นมาเพื่อขาย ความ
    เหมาะสมในการใช้งานในแต่ละประเภท                     ในยุคนี้มีประชาชนสนใจ
    คอมพิวเตอร์มากขึ้น ทาให้มีการใช้อย่างแพร่ หลายในหมู่ประชาชนทัวไป ไม่ ่
    ว่าจะเป็ นนักเรี ยน นักศึกษา ครู อาจารย์ นายแพทย์ นักธุรกิจ เป็ นต้น
วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์
                ั
         นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปั จจุบนจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีววฒนาการ
                                     ั                     ิั
เปลี่ยนแปลงไปมากทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และทางด้านซอฟต์แวร์            เพื่อให้
ทันสมัยและรวดเร็ ว ทันต่อเหตุการณ์ สาหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้าน
ฮาร์ดแวร์น้ นได้มีววฒนาการหรื อการเปลี่ยนแปลงดังนี้
               ั       ิั
ปี ค.ศ. 1981 ได้ผลิตเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นไอบีเอ็มพีซีข้ ึน      โดย
บริ ษทอินเทล ในรุ่ นนี้ใช้ CPU เบอร์ 8088 ซึ่งถือว่าเป็ นต้นกาเนิดของ
       ั
เครื่ องพีซีนปั จจุบนั
ปี ค.ศ. 1982 ได้พฒนาเป็ นรุ่ นไอบีเอ็มพีซีเอ็กซ์ที (IBM PC/XT) มีการ
                          ั
ออกแบบวงจรภายในใหม่ ให้มีขนาดเล็กลงและทางานรวดเร็ วขึ้น แต่ยงคงใช้  ั
CPU เบอร์ 8088 ของอินเทล เครื่ องรุ่ นนี้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้มีการ
เปลี่ยนไปจากเดิม คือ 8 เซกเตอร์ต่อแทรก เป็ น 9 เซกเตอร์ต่อแทรก ทาให้
สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นเป็ น 360 กิโลไบต์
วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
               ั
ปี ค.ศ. 1985 ได้พฒนาเป็ นรุ่ นไอบีเอ็มพีซีเอที (IBM PC/AT) ในรุ่ นนี้ได้
                     ั
เปลี่ยนไปใช้ CPU เบอร์ 80286 ซึ่งเป็ นตัวใหม่ของบริ ษทอินเทลในการเก็บข้อมูลก็
                                                          ั
มีการเพิ่มฮาร์ดดิสก์ ให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็ น 20 เมกะไบต์ ฟลอปปี้ ดิสก์ก็สามารถ
เก็บข้อมูลได้ถึง 1.2 เมกะไบต์ ทาให้มีประสิ ทธิภาพสูงและทางานเร็ วกว่ารุ่ น
ไอบีเอ็มเอ็กซ์ที
ปี ค.ศ. 1987 บริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์รุ่น PS/2 ขึ้นมา ในรุ่ นนี้
                       ั
ฮาร์ดดิสก์จะมีความจุมากขึ้น         ฟลอปปี้ ดิสก์ก็เพิ่มความจุจากเดิม 720 กิโลไบต์
เป็ น 1.44 เมกะไบต์ และเปลี่ยนเป็ นแผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว
วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
             ั

ปี ต่อมา       ได้พฒนาเป็ นเครื่ องมือที่ใช้ไมโครโพรเซสเซอร์เบอร์ 80386
                     ั
ของอินเทล ซึ่งมีขนาด 32 บิต และมีประสิ ทธิภาพสูงกว่าเครื่ องเอทีมาก แต่ก็มี
                                                                ่ ่
ปั ญหาหนึ่งของเครื่ อง 386 คือระบบปฏิบติการและแอพพลิเคชันที่ผานมาถูก
                                             ั
พัฒนาขึ้นมาบนเครื่ องพีซีธรรมดาเท่านั้น โปรแกรมเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้
ความสามารถของ ซีพียู 80386 ได้เต็มที่นกจะมีก็แต่ความเร็ วที่สูงขึ้นเท่านั้น
                                           ั
ปั จจุบน ั     บริ ษท อินเทล ได้พฒนาเครื่ องพีซี 586 (Pentium) ขึ้นมา เพื่อ
                       ั             ั
การใช้งานกับแอพพลิเคชันบนวินโดวส์โดยเฉพาะและรองรับความเร็ วของ
                         ่
ซีพียได้ สาหรับในปั จจุบนรุ่ นนี้เป็ นรุ่ นที่กาลังได้รับความนิยมในการทางาน
       ู                   ั
ค่อนข้างสูง
ประเภทของคอมพิวเตอร์
                        ั ่ ั่
     คอมพิวเตอร์ที่ใช้กนอยูทวไปในปั จจุบนนี้ จะพบว่ามีหลายประเภทหลายแบบ
                                        ั
     ซึ่งผูใช้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ แต่ถาต้องการแบ่งประเภทของ
           ้                                    ้
     คอมพิวเตอร์ตามการสร้างแล้ว สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท คือ
1.        ดิจิตอล (Digital Computer)
2.        อนาลอก (Analog Computer)
3.        ผสม (Hybrid Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
           สาหรับการแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์น้ น มักจะดูจากลักษณะการทางาน
                                                    ั
   มาเป็ นเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งอาจจะดูจากประเภทของข้อมูลที่รับเข้ามาประมวลผล
   ว่าเป็ นข้อมูลชนิดใด นอกจากนั้นยังดูถึงการเก็บข้อมูล การแสดงข้อมูล และการ
   นาไปประยุกต์ใช้งานอีกด้วย สาหรับการทางานและข้อแตกต่างของคอมพิวเตอร์
   ทั้ง 3 ประเภท มีดงนี้
                     ั
1.คอมพิวเตอร์ชนิดดิจิตอล (Digital computer)
           คอมพิวเตอร์ชนิดดิจิตอลเป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่มีการคานวณโดยการนับ
   จานวนโดยตรง ข้อมูลที่นบได้จะเก็บเป็ นรหัสตัวเลขฐาน 2 คือ มีเลข 0 กับเลข 1
                             ั
   การประมวลผลจะทางานต่อเนื่องกันไป และมีการเก็บข้อมูลไว้ให้อย่างถูกต้อง
                         ่ ั
   แม่นยา ซึ่งจะขึ้นอยูกบงานที่นาไปใช้ดวย เช่น ใช้ในการจองสายการบิน การ
                                             ้
   ควบคุมการยิงขีปนาวุธ การพยากรณ์สภาพภูมิอากาศ เป็ นต้น
ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
2. คอมพิวเตอร์ชนิดอนาลอก (Analog Computer)
         คอมพิวเตอร์ชนิดอนาลอกเป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่ทางานโดยการรับข้อมูล
   แบบวัดจานวนที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งจะนาข้อมูลที่วดได้มาแปลงเป็ นค่าตัวเลข เช่น การ
                                                ั
   วัดอุณหภูมิของอากาศ การวัดแรงดันไฟฟ้ า การวัดความดังของเสี ยงเครื่ องยนต์
   การวัดปริ มาณอากาศที่เป็ นพิษ เป็ นต้น ซึ่งผลจากการวัดที่ได้จะมีความละเอียด
   ค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับงานทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และทางด้าน
   คณิ ตศาสตร์ เนื่องจากงานเหล่านี้จะต้องใช้ค่าตัวเลขที่ละเอียด มีจุดทศนิยมหลาย
   ตาแหน่ง
ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
3. คอมพิวเตอร์แบบผสม (Hybrid Computer)
         คอมพิวเตอร์แบบผสม เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่นาลักษณะการทางานแบบ
   ดิจิตอลและแบบอนาลอกมาผสมกัน ลักษณะการทางานของคอมพิวเตอร์แบบนี้จะ
   มีการรับข้อมูลเข้าเครื่ องหรื อมีการแสดงผลข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น
   คอมพิวเตอร์แบบนี้ยงมีความสามารถในด้านการคานวณที่ถูกต้องแม่นยา
                        ั                                                    และ
   สามารถทางานตามโปรแกรมที่ซบซ้อนได้  ั
   สาหรับงานที่จะใช้คอมพิวเตอร์แบบผสม หรื อไฮบริ ดนั้น มักจะเป็ นงานเฉพาะ
   ด้าน เช่น งานทางด้านวิทยาศาสตร์ การฝึ กนักบิน ใช้ในการควบคุมการทางานด้าน
   อุตสาหกรรม หรื ออาจจะใช้ในวงการแพทย์ เป็ นต้น
ขนาดของคอมพิวเตอร์
      การแบ่งคอมพิวเตอร์ ออกตามขนาดนั้น ไม่ได้แบ่งว่ามีขนาดใหญ่
หรื อเล็ก แต่จะแบ่งจากขนาดของหน่วยความจาและอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
รับและแสดงข้อมูล ดังนั้นการที่จะเลือกคอมพิวเตอร์ ขนาดใดมาใช้งาน
                                               ่
นั้น จะต้องคานึ่งถึงงานด้วยว่า มีความซับซ้อน ยุงยาก ต้องใช้
หน่วยความจาในการเก็บข้อมูลมากหรื อไม่ ถ้าเรามีการเลือกขนาด
คอมพิวเตอร์ ที่เหมาะสมกับงานแล้ว งานที่ได้ก็จะมีประสิ ทธิ ภาพสู งและ
ได้ผลรวดเร็ ว ถูกต้อง ขนาดของคอมพิวเตอร์ น้ นสามารถแบ่งออกได้
                                            ั
เป็ น 4 ขนาดดังนี้
ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
1. ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Super Computer)
          เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ ท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดและสามารถประมวลผล
                                                ั
   ได้เร็ วที่สุด ซึ่ งส่ วนมากแล้วจะผลิตมาใช้กบงานเฉพาะด้านเท่านั้น เช่น
                              ุ่
   งานทางวิทยาศาสตร์ ที่ยงยากซับซ้อน และต้องมีการคานวณมาก งาน
   ออกแบบเครื่ องบิน งานวิจยทางด้านนิวเคลียร์ ซึ่งเครื่ องคอมพิวเตอร์
                                   ั
   ชนิดนี้ จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก ดังนั้นจึงมีใช้ไม่แพร่ หลายมากนัก
ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Miainframe Computer)
        เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ที่มีประสิ ทธิ ภาพสู ง มีความเร็ ว
   ในการทางานและมีหน่วยความจาสู งมาก เหมาะกับหน่วยงานขนาด
   ใหญ่ เช่น ธนาคาร
ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer)
          เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ขนาดรองลงมา มีขนาดหน่วยความจาน้อย
   กว่า 2 แบบแรก แต่ก็มีความรวดเร็ วในการประมวลผลสู ง มักจะใช้กบ  ั
   งานที่มีขอมูลไม่มาก เช่น การควบคุมอุปกรณ์ในการทดลอง การควบคุม
               ้
   เครื่ องจักรในโรงงาน เป็ นต้น
ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ)
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)
          เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ก็มีประสิ ทธิภาพสูง ปั จจุบน  ั
                           ั
   เป็ นเครื่ องที่นิยมใช้กนมาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก มีน้ าหนักเบา ราคาไม่แพง
   สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและสะดวก                บางรุ่ นมีลกษณะเป็ นกระเป๋ าหิ้วหรอืที่
                                                              ั
   เรี ยกว่า Note Book สามารถพกพาได้ สาหรับงานที่จะใช้กบเครื่ อง                ั
   ไมโครคอมพิวเตอร์น้ น ส่วนมากแล้วจะเป็ นงานไม่ใหญ่มาก เช่น งานในสานักงาน
                             ั
   ทัวไป งานเก็บข้อมูลต่าง ๆ ปั จจุบนนี้เครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์มีการพัฒนา
      ่                                          ั
   ออกแบบหลายแบบหลายรุ่ น เพื่อให้ผใช้เลือกซื้อได้และมีการพัฒนารุ่ นต่าง ๆ
                                              ู้
                ่
   ออกมาอยูตลอดเวลา
ส่ วนประกอบของ Computer
       เครื่ องคอมพิวเตอร์ถาจะทางานได้น้ นจะต้องประกอบไปด้วยส่วนประกอบ
                           ้             ั
3 ส่วน ใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ ส่วนแรกนั้นจะเป็ นตัวเครื่ องหรื อที่เรี ยกกันว่า ฮาร์ดแวร์
(Hardware) ซึ่งประกอบไปด้วย จอภาพ ชุดซีพียู คียบอร์ด เครื่ องพิมพ์ และ
                                                         ์
แผ่นดิสก์ ส่วนที่ 2 เรี ยกว่า ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งหมายถึงโปรแกรมต่าง ๆ ที่
ไว้ใช้สงให้คอมพิวเตอร์ทางานตามที่เราต้องการ ส่วนสุดท้าย เรี ยกว่า พีเพิลแวร์
        ั่
(Peopleware) ซึ่งส่วนนี้จะหมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ไม่วา   ่
จะเป็ นพนักงานป้ อนข้อมูล นักเขียนโปรแกรม หรื อนักวิเคราะห์ออกแบบ
ระบบงานต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 ส่วนนี้เป็ นส่วนประกอบที่สาคัญของ
Computer ถ้าขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปแล้ว Computer ก็ไม่สามารถใช้งานได้เลย
สาหรับในบทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของฮาร์ดแวร์ ซึ่งมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
ส่ วนประกอบของ Computer (ต่ อ)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
   หมายถึง ส่วนที่เป็ นตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยต่าง ๆ
   ดังต่อไปนี้ คือ
   -           หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) ทาหน้าที่ในการรับข้อมูลที่บนทึกไว้ในสื่อ
                                                                      ั
   ต่าง ๆ เข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจา สาหรับอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็ นหน่วยรับ
   ข้อมูล ได้แก่ Keyboard, Disk Drive, Magnetic Tape, Card Reader, Mouse, Touch
   Screen และ Scanner เป็ นต้น
   -               หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ทาหน้าที่ในการ
   คานวณและประมวลผล ซึ่งถือว่าเป็ นส่วนที่สาคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ สาหรับ
   ในหน่วยนี้มีหน้าที่ 2 อย่างคือ ควบคุมการทางาน คานวณและตรรก อุปกรณ์ที่ทา
   หน้าที่น้ ีได้แก่ CPU
ส่ วนประกอบของ Computer(ต่ อ)
-          หน่วยความจา (Memory Unit) ทาหน้าที่เก็บข้อมูล และคาสังต่ าง ๆ ที่
                                                                   ่
ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูลหรื อส่งมาจากหน่วยประมวลผลกลางมาเก็บไว้ เพื่อรอ
การเรี ยกใช้หรื อรอการประมวลผลภายหลัง            สาหรับหน่วยความจาแบ่งเป็ น
หน่วยความจาหลัก ซึ่งในที่น้ ีคือ ROM กับ RAM และหน่วยความจาสารอง ซึ่ง
ได้แก่ เทปแม่เหล็ก, Disk, Tape เป็ นต้น
-          หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit) ทาหน้าที่ในการแสดงผลลัพธ์ที่ได้มา
จากกรประมวลผล อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็ นหน่วยแสดงผลลัพธ์ ได้แก่ Monitor,
Printer, Diskette, CD-ROM, Plotter, Disk Drive และ Magnetic Tape เป็ นต้น

More Related Content

What's hot

ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)
ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)
ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)Phongsakorn Wisetthon
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ Radompon.com
 
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์devilp Nnop
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยุทธกิจ สัตยาวุธ
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
3.ระบบคอมพิวเตอร์
3.ระบบคอมพิวเตอร์3.ระบบคอมพิวเตอร์
3.ระบบคอมพิวเตอร์PongPang
 
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศบทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศwilaiporntoey
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพJakarin Damrak
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1ninjung
 

What's hot (15)

ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)
ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)
ความเป็นมาของ Computer ภาษาไทย :)
 
Ppp.
Ppp.Ppp.
Ppp.
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
Learnning01
Learnning01Learnning01
Learnning01
 
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 3 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
3.ระบบคอมพิวเตอร์
3.ระบบคอมพิวเตอร์3.ระบบคอมพิวเตอร์
3.ระบบคอมพิวเตอร์
 
Computer
ComputerComputer
Computer
 
Pang 3
Pang 3Pang 3
Pang 3
 
Cpu
CpuCpu
Cpu
 
คูมื่อ E book
คูมื่อ E bookคูมื่อ E book
คูมื่อ E book
 
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศบทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

Viewers also liked

บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศTimmy Printhong
 
GeneracióN AutomáTica De Memoriales
GeneracióN AutomáTica De MemorialesGeneracióN AutomáTica De Memoriales
GeneracióN AutomáTica De Memorialesguest72295a
 
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1Campus Party Brasil
 
La Piratería
La PirateríaLa Piratería
La Pirateríayamirlo
 
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015Ricardo Monteiro
 
Comunicação Integrada
Comunicação IntegradaComunicação Integrada
Comunicação IntegradaDennys Welder
 
16. April May 2009 Nutrition Newsletter
16. April May 2009 Nutrition Newsletter16. April May 2009 Nutrition Newsletter
16. April May 2009 Nutrition NewsletterRegine du Plessis
 

Viewers also liked (20)

บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
Unit1
Unit1Unit1
Unit1
 
Social interface
Social interfaceSocial interface
Social interface
 
GeneracióN AutomáTica De Memoriales
GeneracióN AutomáTica De MemorialesGeneracióN AutomáTica De Memoriales
GeneracióN AutomáTica De Memoriales
 
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1
Cpbr4 empreendendo comunidades_de_sucesso-v1
 
30964
3096430964
30964
 
GROUND FLOOR-Model
GROUND FLOOR-ModelGROUND FLOOR-Model
GROUND FLOOR-Model
 
34186
3418634186
34186
 
50 Preguntas
50 Preguntas50 Preguntas
50 Preguntas
 
34543
3454334543
34543
 
La Piratería
La PirateríaLa Piratería
La Piratería
 
2011 01-18.campus party 2011
2011 01-18.campus party 20112011 01-18.campus party 2011
2011 01-18.campus party 2011
 
Certbr pragas
Certbr pragasCertbr pragas
Certbr pragas
 
34780
3478034780
34780
 
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015
Pintura de ricardo monteiro watercolors divulgacao 1 2015
 
35887
3588735887
35887
 
Apres Campus Party2010
Apres Campus Party2010Apres Campus Party2010
Apres Campus Party2010
 
Comunicação Integrada
Comunicação IntegradaComunicação Integrada
Comunicação Integrada
 
Los Ipods
Los IpodsLos Ipods
Los Ipods
 
16. April May 2009 Nutrition Newsletter
16. April May 2009 Nutrition Newsletter16. April May 2009 Nutrition Newsletter
16. April May 2009 Nutrition Newsletter
 

Similar to บทที่ 21

Developcom 3
Developcom 3Developcom 3
Developcom 3paween
 
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์sak1459
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาJenchoke Tachagomain
 
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]Nattapon
 
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์จุฑารัตน์ ใจบุญ
 
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกวาสนา ใจสุยะ
 
Comtype
ComtypeComtype
Comtypepaween
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์Wangwiset School
 
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลบทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลparinee
 
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบันkanit087
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์konkamon
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1Sindy Lsk
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์Ploy Wantakan
 
ประเภทคอมพิวเตอร์
ประเภทคอมพิวเตอร์ประเภทคอมพิวเตอร์
ประเภทคอมพิวเตอร์jirawat thaporm
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์Supitcha Kietkittinan
 
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012NECTEC
 
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศกำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศnottodesu
 

Similar to บทที่ 21 (20)

Developcom 3
Developcom 3Developcom 3
Developcom 3
 
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์
ประวัติยุคของคอมพิวเตอร์
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
 
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
 
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
 
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก
ใบความรุ้ที่ 2ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก
 
Comtype
ComtypeComtype
Comtype
 
2 evaluation
2 evaluation2 evaluation
2 evaluation
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
 
ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลบทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
 
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบัน
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์1
 
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
 
computer
computercomputer
computer
 
ประเภทคอมพิวเตอร์
ประเภทคอมพิวเตอร์ประเภทคอมพิวเตอร์
ประเภทคอมพิวเตอร์
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012
Report Thailand ICT Market 2011 and Outlook 2012
 
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศกำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
 

More from Timmy Printhong

บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์Timmy Printhong
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศTimmy Printhong
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศTimmy Printhong
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศTimmy Printhong
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศTimmy Printhong
 
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์Timmy Printhong
 

More from Timmy Printhong (12)

Picasa1
Picasa1Picasa1
Picasa1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศบทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่ 1-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์
การสร้างและตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์
 
Unit1
Unit1Unit1
Unit1
 
Unit1
Unit1Unit1
Unit1
 
Unit1
Unit1Unit1
Unit1
 

บทที่ 21

  • 1. ระบบคอมพิวเตอร์ ครูพสมัย ปรินทอง ิ หมวดการงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนพานทองสภาชนูปถัมภ์
  • 2. ยุคของคอมพิวเตอร์ 1. ยุคที่หนึ่ง (First Generation) ยุคนี้เริ่ มตั้งแต่ ค.ศ. 1944 เป็ นต้นมา หรื อประมาณปี พ.ศ. 2494 – 2502 เทคโนโลยีที่ใช้สร้างคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จะใช้หลอดสูญญากาศ และ วงจรไฟฟ้ า ซึ่งต้องใช้พลังความร้อนในขณะทางานสูง ดังนั้นเครื่ อง คอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึงมีขนาดใหญ่และต้องใช้เครื่ องปรับอากาศมาช่วยใน การระบายความร้อน นอกจากนั้นยังมีการใช้เทปกระดาษหรื อบัตรเจาะรู ใน การรับส่งข้อมูล สาหรับปั ญหาที่เกิดในยุคนี้จะเป็ นปั ญหาในด้านการ บารุ งรักษา และการซ่อมแซมเครื่ องเพื่อให้เครื่ องสามารถทางานได้ ่ นอกจากนั้นการใช้คาสังในการสั่งงานก็คอนข้างยาก เพราะสวนมากแล้วใน ่ การทางานต้องสังงานโดยใช้ภาษาเครื่ อง (Machine Language) ซึ่งจะถือเป็ น ่ ภาษาระดับต่า รหัสคาสังต่าง ๆ จะจดจาค่อนข้างยาก การใช้งานคอมพิวเตอร์ ่ ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็ นงานทางด้านวิทยาศาสตร์ และคณิ ตศาสตร์ ส่วนงาน ทางด้านธุรกิจมีการเริ่ มใช้ในยุคนี้เช่นกัน แต่มีการใช้ที่ค่อนข้างน้อย
  • 3. ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 2. ยุคที่สอง (Second Generation) ยุคนี้เริ่ มในปี ค.ศ. 1957 หรื อประมาณปี พ.ศ. 2502-2507 ในยุคนี้ได้มีการ ริ เริ่ มนาเอาทรานซิสเตอร์ (Transistor) และไดโอด (Diodes) มาใช้แทนหลอด สูญญากาศ ซึ่งมีขนาดเล็ก มีราคาถูกลงและทางานได้เร็ วขึ้น ขนาดของเครื่ อง คอมพิวเตอร์จึงเล็กลงตามไปด้วย ในการทางานจะใช้วงแหวนแม่เหล็ก สาหรับเก็บ ข้อมูลและใช้เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กเป็ นสื่ อในการรับส่งข้อมูล นอกจากนั้นยังมี การเพิ่มอุปกรณ์ ในการรับข้อมูล และอุปกรณ์ในการแสดงผลลัพธ์อีกมากมาย มี การใช้เครื่ องพิมพ์ จานแม่เหล็ก บัตรเจาะรู จอภาพ และแป้ นพิมพ์เป็ นเครื่ อง ปลายทาง ในยุคนี้ได้เปลี่ยนจากการสังงานด้วยภาษาเครื่ องเป็ นการใช้สญลักษณ์ ่ ั แทนจึงทาให้การสังงานง่ายขึ้นและมีภาษาระดับสูงบางภาษาเกิดขึ้นในยุคนี้เช่นกัน ่
  • 4. ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 3. ยุคที่สาม (Third Generation) เริ่ มในปี ค.ศ. 1965 ในยุคนี้มีการนาเอาวงจรผนึกมาใช้แทน ทรานซิสเตอร์ ทาให้คอมพิวเตอร์ ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงไปอีก ความเร็ วก็ สู งขึ้นและราคาก็ลดลงไปอีก มีการพัฒนาโปรแกรมกว้างขวางขึ้น และมี การเริ่ มใช้ภาษาระดับสู งมาช่วยในการเขียนโปรแกรม จึงมีหลายบริ ษท ั เริ่ มผลิตโปรแกรมสาเร็ จรู ปมาใช้ในการทางาน
  • 5. ยุคของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 4. ยุคที่สี่ (Fourth Generation) เริ่ มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 มีการนาเอาแผงวงจรรวมมาใช้แทนวงจรผนึก และมีการปรับปรุ งอุปกรณ์อื่น ๆ ให้มีความสามารถสูงขึ้น จึงทาให้ คอมพิวเตอร์สามารถทางานได้เร็ วขึ้น นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยน หน่วยความจาจากวงแหวนแม่เหล็กมาเป็ นหน่วยความจาสารกึ่งตัวนา มีการ ผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ข้ ึนทาให้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (Minicomputer) และขนาดเล็ก (Microcomputer) ขึ้นมาเพื่อขาย ความ เหมาะสมในการใช้งานในแต่ละประเภท ในยุคนี้มีประชาชนสนใจ คอมพิวเตอร์มากขึ้น ทาให้มีการใช้อย่างแพร่ หลายในหมู่ประชาชนทัวไป ไม่ ่ ว่าจะเป็ นนักเรี ยน นักศึกษา ครู อาจารย์ นายแพทย์ นักธุรกิจ เป็ นต้น
  • 6. วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์ ั นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปั จจุบนจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีววฒนาการ ั ิั เปลี่ยนแปลงไปมากทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และทางด้านซอฟต์แวร์ เพื่อให้ ทันสมัยและรวดเร็ ว ทันต่อเหตุการณ์ สาหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้าน ฮาร์ดแวร์น้ นได้มีววฒนาการหรื อการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ั ิั ปี ค.ศ. 1981 ได้ผลิตเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นไอบีเอ็มพีซีข้ ึน โดย บริ ษทอินเทล ในรุ่ นนี้ใช้ CPU เบอร์ 8088 ซึ่งถือว่าเป็ นต้นกาเนิดของ ั เครื่ องพีซีนปั จจุบนั ปี ค.ศ. 1982 ได้พฒนาเป็ นรุ่ นไอบีเอ็มพีซีเอ็กซ์ที (IBM PC/XT) มีการ ั ออกแบบวงจรภายในใหม่ ให้มีขนาดเล็กลงและทางานรวดเร็ วขึ้น แต่ยงคงใช้ ั CPU เบอร์ 8088 ของอินเทล เครื่ องรุ่ นนี้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้มีการ เปลี่ยนไปจากเดิม คือ 8 เซกเตอร์ต่อแทรก เป็ น 9 เซกเตอร์ต่อแทรก ทาให้ สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นเป็ น 360 กิโลไบต์
  • 7. วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) ั ปี ค.ศ. 1985 ได้พฒนาเป็ นรุ่ นไอบีเอ็มพีซีเอที (IBM PC/AT) ในรุ่ นนี้ได้ ั เปลี่ยนไปใช้ CPU เบอร์ 80286 ซึ่งเป็ นตัวใหม่ของบริ ษทอินเทลในการเก็บข้อมูลก็ ั มีการเพิ่มฮาร์ดดิสก์ ให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็ น 20 เมกะไบต์ ฟลอปปี้ ดิสก์ก็สามารถ เก็บข้อมูลได้ถึง 1.2 เมกะไบต์ ทาให้มีประสิ ทธิภาพสูงและทางานเร็ วกว่ารุ่ น ไอบีเอ็มเอ็กซ์ที ปี ค.ศ. 1987 บริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์รุ่น PS/2 ขึ้นมา ในรุ่ นนี้ ั ฮาร์ดดิสก์จะมีความจุมากขึ้น ฟลอปปี้ ดิสก์ก็เพิ่มความจุจากเดิม 720 กิโลไบต์ เป็ น 1.44 เมกะไบต์ และเปลี่ยนเป็ นแผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว
  • 8. วิวฒนาการของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) ั ปี ต่อมา ได้พฒนาเป็ นเครื่ องมือที่ใช้ไมโครโพรเซสเซอร์เบอร์ 80386 ั ของอินเทล ซึ่งมีขนาด 32 บิต และมีประสิ ทธิภาพสูงกว่าเครื่ องเอทีมาก แต่ก็มี ่ ่ ปั ญหาหนึ่งของเครื่ อง 386 คือระบบปฏิบติการและแอพพลิเคชันที่ผานมาถูก ั พัฒนาขึ้นมาบนเครื่ องพีซีธรรมดาเท่านั้น โปรแกรมเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้ ความสามารถของ ซีพียู 80386 ได้เต็มที่นกจะมีก็แต่ความเร็ วที่สูงขึ้นเท่านั้น ั ปั จจุบน ั บริ ษท อินเทล ได้พฒนาเครื่ องพีซี 586 (Pentium) ขึ้นมา เพื่อ ั ั การใช้งานกับแอพพลิเคชันบนวินโดวส์โดยเฉพาะและรองรับความเร็ วของ ่ ซีพียได้ สาหรับในปั จจุบนรุ่ นนี้เป็ นรุ่ นที่กาลังได้รับความนิยมในการทางาน ู ั ค่อนข้างสูง
  • 9. ประเภทของคอมพิวเตอร์ ั ่ ั่ คอมพิวเตอร์ที่ใช้กนอยูทวไปในปั จจุบนนี้ จะพบว่ามีหลายประเภทหลายแบบ ั ซึ่งผูใช้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ แต่ถาต้องการแบ่งประเภทของ ้ ้ คอมพิวเตอร์ตามการสร้างแล้ว สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท คือ 1. ดิจิตอล (Digital Computer) 2. อนาลอก (Analog Computer) 3. ผสม (Hybrid Computer)
  • 10. ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) สาหรับการแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์น้ น มักจะดูจากลักษณะการทางาน ั มาเป็ นเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งอาจจะดูจากประเภทของข้อมูลที่รับเข้ามาประมวลผล ว่าเป็ นข้อมูลชนิดใด นอกจากนั้นยังดูถึงการเก็บข้อมูล การแสดงข้อมูล และการ นาไปประยุกต์ใช้งานอีกด้วย สาหรับการทางานและข้อแตกต่างของคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 ประเภท มีดงนี้ ั 1.คอมพิวเตอร์ชนิดดิจิตอล (Digital computer) คอมพิวเตอร์ชนิดดิจิตอลเป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่มีการคานวณโดยการนับ จานวนโดยตรง ข้อมูลที่นบได้จะเก็บเป็ นรหัสตัวเลขฐาน 2 คือ มีเลข 0 กับเลข 1 ั การประมวลผลจะทางานต่อเนื่องกันไป และมีการเก็บข้อมูลไว้ให้อย่างถูกต้อง ่ ั แม่นยา ซึ่งจะขึ้นอยูกบงานที่นาไปใช้ดวย เช่น ใช้ในการจองสายการบิน การ ้ ควบคุมการยิงขีปนาวุธ การพยากรณ์สภาพภูมิอากาศ เป็ นต้น
  • 11. ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 2. คอมพิวเตอร์ชนิดอนาลอก (Analog Computer) คอมพิวเตอร์ชนิดอนาลอกเป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่ทางานโดยการรับข้อมูล แบบวัดจานวนที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งจะนาข้อมูลที่วดได้มาแปลงเป็ นค่าตัวเลข เช่น การ ั วัดอุณหภูมิของอากาศ การวัดแรงดันไฟฟ้ า การวัดความดังของเสี ยงเครื่ องยนต์ การวัดปริ มาณอากาศที่เป็ นพิษ เป็ นต้น ซึ่งผลจากการวัดที่ได้จะมีความละเอียด ค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับงานทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และทางด้าน คณิ ตศาสตร์ เนื่องจากงานเหล่านี้จะต้องใช้ค่าตัวเลขที่ละเอียด มีจุดทศนิยมหลาย ตาแหน่ง
  • 12. ประเภทของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 3. คอมพิวเตอร์แบบผสม (Hybrid Computer) คอมพิวเตอร์แบบผสม เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่นาลักษณะการทางานแบบ ดิจิตอลและแบบอนาลอกมาผสมกัน ลักษณะการทางานของคอมพิวเตอร์แบบนี้จะ มีการรับข้อมูลเข้าเครื่ องหรื อมีการแสดงผลข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น คอมพิวเตอร์แบบนี้ยงมีความสามารถในด้านการคานวณที่ถูกต้องแม่นยา ั และ สามารถทางานตามโปรแกรมที่ซบซ้อนได้ ั สาหรับงานที่จะใช้คอมพิวเตอร์แบบผสม หรื อไฮบริ ดนั้น มักจะเป็ นงานเฉพาะ ด้าน เช่น งานทางด้านวิทยาศาสตร์ การฝึ กนักบิน ใช้ในการควบคุมการทางานด้าน อุตสาหกรรม หรื ออาจจะใช้ในวงการแพทย์ เป็ นต้น
  • 13. ขนาดของคอมพิวเตอร์ การแบ่งคอมพิวเตอร์ ออกตามขนาดนั้น ไม่ได้แบ่งว่ามีขนาดใหญ่ หรื อเล็ก แต่จะแบ่งจากขนาดของหน่วยความจาและอุปกรณ์ที่ใช้ในการ รับและแสดงข้อมูล ดังนั้นการที่จะเลือกคอมพิวเตอร์ ขนาดใดมาใช้งาน ่ นั้น จะต้องคานึ่งถึงงานด้วยว่า มีความซับซ้อน ยุงยาก ต้องใช้ หน่วยความจาในการเก็บข้อมูลมากหรื อไม่ ถ้าเรามีการเลือกขนาด คอมพิวเตอร์ ที่เหมาะสมกับงานแล้ว งานที่ได้ก็จะมีประสิ ทธิ ภาพสู งและ ได้ผลรวดเร็ ว ถูกต้อง ขนาดของคอมพิวเตอร์ น้ นสามารถแบ่งออกได้ ั เป็ น 4 ขนาดดังนี้
  • 14. ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 1. ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Super Computer) เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ ท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดและสามารถประมวลผล ั ได้เร็ วที่สุด ซึ่ งส่ วนมากแล้วจะผลิตมาใช้กบงานเฉพาะด้านเท่านั้น เช่น ุ่ งานทางวิทยาศาสตร์ ที่ยงยากซับซ้อน และต้องมีการคานวณมาก งาน ออกแบบเครื่ องบิน งานวิจยทางด้านนิวเคลียร์ ซึ่งเครื่ องคอมพิวเตอร์ ั ชนิดนี้ จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก ดังนั้นจึงมีใช้ไม่แพร่ หลายมากนัก
  • 15. ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Miainframe Computer) เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ที่มีประสิ ทธิ ภาพสู ง มีความเร็ ว ในการทางานและมีหน่วยความจาสู งมาก เหมาะกับหน่วยงานขนาด ใหญ่ เช่น ธนาคาร
  • 16. ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ขนาดรองลงมา มีขนาดหน่วยความจาน้อย กว่า 2 แบบแรก แต่ก็มีความรวดเร็ วในการประมวลผลสู ง มักจะใช้กบ ั งานที่มีขอมูลไม่มาก เช่น การควบคุมอุปกรณ์ในการทดลอง การควบคุม ้ เครื่ องจักรในโรงงาน เป็ นต้น
  • 17. ขนาดของคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) 4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer) เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ก็มีประสิ ทธิภาพสูง ปั จจุบน ั ั เป็ นเครื่ องที่นิยมใช้กนมาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก มีน้ าหนักเบา ราคาไม่แพง สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและสะดวก บางรุ่ นมีลกษณะเป็ นกระเป๋ าหิ้วหรอืที่ ั เรี ยกว่า Note Book สามารถพกพาได้ สาหรับงานที่จะใช้กบเครื่ อง ั ไมโครคอมพิวเตอร์น้ น ส่วนมากแล้วจะเป็ นงานไม่ใหญ่มาก เช่น งานในสานักงาน ั ทัวไป งานเก็บข้อมูลต่าง ๆ ปั จจุบนนี้เครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์มีการพัฒนา ่ ั ออกแบบหลายแบบหลายรุ่ น เพื่อให้ผใช้เลือกซื้อได้และมีการพัฒนารุ่ นต่าง ๆ ู้ ่ ออกมาอยูตลอดเวลา
  • 18. ส่ วนประกอบของ Computer เครื่ องคอมพิวเตอร์ถาจะทางานได้น้ นจะต้องประกอบไปด้วยส่วนประกอบ ้ ั 3 ส่วน ใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ ส่วนแรกนั้นจะเป็ นตัวเครื่ องหรื อที่เรี ยกกันว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซึ่งประกอบไปด้วย จอภาพ ชุดซีพียู คียบอร์ด เครื่ องพิมพ์ และ ์ แผ่นดิสก์ ส่วนที่ 2 เรี ยกว่า ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งหมายถึงโปรแกรมต่าง ๆ ที่ ไว้ใช้สงให้คอมพิวเตอร์ทางานตามที่เราต้องการ ส่วนสุดท้าย เรี ยกว่า พีเพิลแวร์ ั่ (Peopleware) ซึ่งส่วนนี้จะหมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ไม่วา ่ จะเป็ นพนักงานป้ อนข้อมูล นักเขียนโปรแกรม หรื อนักวิเคราะห์ออกแบบ ระบบงานต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 ส่วนนี้เป็ นส่วนประกอบที่สาคัญของ Computer ถ้าขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปแล้ว Computer ก็ไม่สามารถใช้งานได้เลย สาหรับในบทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของฮาร์ดแวร์ ซึ่งมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
  • 19. ส่ วนประกอบของ Computer (ต่ อ) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง ส่วนที่เป็ นตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ - หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) ทาหน้าที่ในการรับข้อมูลที่บนทึกไว้ในสื่อ ั ต่าง ๆ เข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจา สาหรับอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็ นหน่วยรับ ข้อมูล ได้แก่ Keyboard, Disk Drive, Magnetic Tape, Card Reader, Mouse, Touch Screen และ Scanner เป็ นต้น - หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ทาหน้าที่ในการ คานวณและประมวลผล ซึ่งถือว่าเป็ นส่วนที่สาคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ สาหรับ ในหน่วยนี้มีหน้าที่ 2 อย่างคือ ควบคุมการทางาน คานวณและตรรก อุปกรณ์ที่ทา หน้าที่น้ ีได้แก่ CPU
  • 20. ส่ วนประกอบของ Computer(ต่ อ) - หน่วยความจา (Memory Unit) ทาหน้าที่เก็บข้อมูล และคาสังต่ าง ๆ ที่ ่ ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูลหรื อส่งมาจากหน่วยประมวลผลกลางมาเก็บไว้ เพื่อรอ การเรี ยกใช้หรื อรอการประมวลผลภายหลัง สาหรับหน่วยความจาแบ่งเป็ น หน่วยความจาหลัก ซึ่งในที่น้ ีคือ ROM กับ RAM และหน่วยความจาสารอง ซึ่ง ได้แก่ เทปแม่เหล็ก, Disk, Tape เป็ นต้น - หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit) ทาหน้าที่ในการแสดงผลลัพธ์ที่ได้มา จากกรประมวลผล อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็ นหน่วยแสดงผลลัพธ์ ได้แก่ Monitor, Printer, Diskette, CD-ROM, Plotter, Disk Drive และ Magnetic Tape เป็ นต้น