SlideShare a Scribd company logo
1 of 107
คำำนำำ
เอกสำรประกอบกำรเรียนวิชำกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม
ที่ท่ำนถืออยู่ในขณะนี้ผู้เขียนและคณะได้ร่วมกันพัฒนำขึ้นจำก
หลักสูตรรำยวิชำกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม (Life and
Social Skills ) รหัส 01-120-001 มีวัตถุประสงค์ ให้นักศึกษำใน
ระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง (ปวส.) มีควำมเข้ำใจในกำร
พัฒนำตนเอง ให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนเป็นผู้มีจรรยำ
ในวิชำชีพ สำมำรถพัฒนำตนเองให้ทำำงำนร่วมกับผู้อื่น ได้อย่ำงมี
ควำมสุข และ สำมำรถสร้ำง แนวคิด และ ทัศนคติที่ดีในกำรดำำรง
ชีวิตในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข
ปัญหำสังคมที่เกิดในปัจจุบัน เกิดจำก กำรที่คนเรำขำด
คุณธรรมจริยธรรม และควำมรับผิดชอบต่อส่วนรวม และตนเอง มุ่ง
เอำแต่ประโยชน์ส่วนตน ขำดกำรปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมและค่ำ
นิยมที่ถูกต้อง ซึมซับ และเรียนรู้วัฒนธรรม และวิทยำกำรจำกอำรยะ
ประเทศ โดยปรำศจำกกำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ สร้ำงแบบกำร
ดำำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้องตำมทำำนองคลองธรรม ของสังคมไทย ดังนั้นผู้
เขียนจึงมีควำมมุ่งหมำยที่ จะพัฒนำผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดกระบวนกำร
คิด อย่ำงมีเหตุผล และมุ่งปลูกฝังให้มีควำมตระหนักถึงค่ำนิยม และ
สำำนึกในควำมเป็นไทย เพื่อให้สอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ตำม
แผนกำรศึกษำแห่งชำติ ที่ต้องกำรให้ผู้เรียน คิดเป็น ทำำเป็น สำมำรถ
อยู่ในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข และผู้เขียนมีควำมเชื่อในทฤษฎี
พัฒนำกำรมนุษย์ ของอับบรำฮัม มำสโลว์ ว่ำ “มนุษย์สำมำรถพัฒนำ
ได้เมื่อได้ทำำในสิ่งที่ตนเองได้รับประโยชน์ และสนองควำมต้องกำร
”ของตน เพื่อนำำไปสู่กำรพัฒนำตนเองที่ยังยืนต่อไป
เนื้อหำสำระของวิชำนี้มีทั้งหมด 7 หน่วยกำรเรียน ไดแก่
1. ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
2 ปรัชญำและหลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิต
3. ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคคล
4.หลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิตของบุคล
5 ทีมงำนและกำรทำำงำนเป็นทีม
6. พฤติกรรมมนุษย์
7. จริยธรรมและจรรยำบรรณในกำรดำำรงชีวิตและในกำร
ประกอบอำชีพ
กำรพัฒนำตำำรำเรียนเล่มนี้ได้สืบค้นจำกตำำรำที่ผู้ทรงคุณวุฒิ
หลำยท่ำน ได้เขียนไว้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ และอ้ำงอิง ผู้เขียน
และคณะได้พัฒนำขึ้นเพื่อควำมเหมำะสมกับยุคและสมัยปัจจุบันจึงขอ
ขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่ำนด้วยควำมเคำรพยิ่งมำ ณ ที่นี้
สุธี เทศวิรัช
สำรบัญ
หน่วย เรื่อง
หน้ำ
หน่วยที่ 1 ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
1.1 ควำมหมำย และ ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพ
ชีวิต
1.2 องค์ประกอบกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
1.3 แนวทำงกำรปรับปรุงและพัฒนำคุภำพชีวิตและ
สังคม
1.4 นโยบำยกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
ตำมแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติฉบับ
ที่9
หน่วยที่2 กำรสร้ำงแนวคิดและเจคติในกำรดำำเนินชีวิต
ของตนเอง
2.1 ควำมหมำยและควำมสำำคัญ ของปรัชญำ
2.2 กำำเนิดปรัชญำ
2..3 สำขำปรัชญำ
2.4 คุณค่ำของปรัชญำ
2.5 ประโยชน์ของปรัชญำ
หน่วยที่3 หลักธรรมพื้นฐำนในกำรดำำรงชีวิตของบุคล
3.1 ควำมหมำยของธรรมะ
3.2 ประโยชน์ของธรรมะ
3.3 หลักธรรมสำำหรับกำรพัฒนำตนเอง
3.4
หน่วยที่4 ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคคล
4.1 ควำมหมำยของบทบำทและหน้ำที่
4.2 หน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคล
4.3 กำรดำำเนินชีวิตครอบครัวให้มีควำมสุข
หน่วยที่ 5 ทีมงำนและกำรทำำงำนเป็นทีม
5.1 ควำมหมำย และควำมสำำคัญของทีมงำน
5.2 องค์ประกอบของกำรทำำงำนเป็นทีม
5.3 วิธีครองใจคนและกลยุทธ์ในกำรบริหำรตนเอง
หน่วยที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์
- ควำมหมำยของพฤติกรรม
- ประเภทของพฤติกรรม
- สำเหตุของพฤติกรรม
- ค่ำนิยม บรรทัดฐำน และเจตคติ
หน่วยที่ 7จริยธรรมและจรรยำบรรณในกำรดำำรงชีวิตและใน
กำรประกอบอำชีพ
7.1 ควำมหมำย และ ควำมสำำคัญของจริยธรรม
7.2 องค์ประกอบจริยธรรม
7.3 แนวทำงกำรส่งเสริมจริยธรรม
กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม(Life and social Skills)
รหัส 01-120-001
ตำมหลักสูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง(ปวส.)พุทธศักรำช
2527 ฉบับปรับปรุงพุทธศักรำช 2536 ของสถำบันเทคโนโลยีรำช
มงคล กระทรวงศึกษำธิกำร
คำำอธิบำยรำยวิชำ
เป็นวิชำที่มีควำมต้องกำรให้ผู้เรียน ศึกษำเกี่ยวกับปรัชญำ และ
หลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิต และกำรทำำงำนของบุคคล กำรสร้ำง
แนวคิดและทัศนคติต่อตนเอง ธรรมะกับกำรสร้ำงคุณภำพชีวิต
บทบำทหน้ำที่และควำมรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น กำรบริหำร
ตนเองให้เข้ำกับชีวิตและสังคม และกำรปรับตนเพื่อร่วมกิจกรรมทำง
สังคม เทคนิคกำรครองใจคน กำรสร้ำงผลผลิตในกำรทำำงำนให้มี
ประสิทธิภำพ
จุดมุ่งหมำยรำยวิชำ
วิชำนี้มีจุดประสงค์ให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมกำรเรียนรู้ในด้ำนต่ำง
ๆ ดังนี้
1. เพื่อให้นักศึกษำมี แนวควำมคิด และเจคติที่ถูกต้องในกำร
ดำำรงชีวิตของตนเอง กำร
อยู่ร่วมกันในสังคม ตลอดจน วิธีทำำงำน ร่วมกับผู้อื่นได้
อย่ำงมีประสิทธิภำพ
2. สำมำรถนำำหลักเกณฑ์ เทคนิควิธีกำรไปประยุกต์ใช้ ในกำร
ดำำรงชีวิตและประกอบ
สัมมำชีพได้อย่ำงถูกต้อง
3. พัฒนำพฤติกรรม และลักษณะนิสัยในกำรทำำงำนของ
นักศึกษำให้เป็นผู้นำำและผู้ตำมที่ดี
4. พัฒนำให้นักศึกษำเป็นผู้มีคุณสมบัติด้ำน คุณธรรม จริยธรรม
จรรยำวิชำชีพ ตลอดจน
มีระเบียบวินัยในสังคมสำมำรถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมีควำม
สุข
หน่วยที่ 1
ควำมรู้เบื้องตนเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
1.จุดประสงค์ทั่วไป
หน่วยนี้มุ่งพัฒนำผู้เรียนให้เกิดควำมรู้ ควำมเข้ำใจใน บริบท
โดยทั่วไปของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ควำมหมำย และควำมสำำคัญ
ของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต องค์ประกอบที่สำำคัญในกำรพัฒนำ
คุณภำพชีวิตที่ใช้เป็นแนวทำงในกำรดำำเนินชีวิต เสริมสร้ำงเจคติ ใน
กำรพัฒนำตนเองทั้งทำงร่ำงกำยและจิตใจแนวทำงในกำรพัฒนำ
คุณภำพชีวิตตลอดจนแผนพัฒนำเศรษบกิจและสังคมแห่งชำติฉบับที่
9 ที่กำำหนดแผนในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของคนสังคมเอำไว้
2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
1.ให้เข้ำใจควำมหมำยและ ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพ
ชีวิต
2. เข้ำใจองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
3. เข้ำใจแนวทำงกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
3.เนื้อหำสำระ
1. ควำมหมำยของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต
2. ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต
3 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
4. แนวทำงกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
5.
4. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ศึกษำเนื้อหำสำระและควำมสัมพันธ์ของเนื้อหำแต่ละตอน
2. ฝึกคิดวิเครำะห์จำกบทกลอนคำำสอนท่ำนพุทธทำส “เป็น
”มนุษย์
3. กิจกรรมฝึกคิด 1+1=1 ได้หรือไม่ ? เพรำะเหตใด?
4. กิจกรรมฝึกคิด รถยนต์ + ช้อน=?
5. ทำำแบบฝึกหัดท้ำยบท
6. ศึกษำค้นคว้ำเพิ่มเติมจำกแหล่งข้อมูลอื่นๆให้เข้ำใจ
กว้ำงขวำงยิ่งขึ้น
7.สรุปเป็นแผนที่ควำมคิด (My maping)
ควำม
หมำย
ควำม
หมำย
ควำม
สำำคัญ
ควำม
สำำคัญ
องค์ระกอบ
กำรพัฒนำ
องค์ระกอบ
กำรพัฒนำ
แผนพัฒนำ
เศรษฐกิจ
9
แผนพัฒนำ
เศรษฐกิจ
9
กำรพัฒนำ
คุณภำพชีวิต
หน่วยที่1
ควำมรู้เบื้องตนทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
1. ควำมหมำยของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
คำำว่ำ “ ”พัฒนำ ตำมพจนำณุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน
พ.ศ.2525 หมำยถึง ควำมเจริญ ทำำให้เจริญ ส่วนคำำว่ำ “กำร
”พัฒนำ ปฬำณี ฐิติวัฒนำ (2535 : 3) กล่ำวว่ำ ตรงกับควำมหมำย
ในภำษำอังกฤษว่ำ development ซึ่งมีควำมหมำย หลำยแนวคิด
เช่น กำรเปลี่ยนแปลงระบบที่กำรกระทำำ เช่นกำรเปลี่ยนแปลงของ
ทำรก จำกระยะต่ำงๆ ทำงสังคมวิทยำ หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงทำง
ด้ำน ปริมำณ คุณภำพ และโครงสร้ำงของสังคมด้วย เช่นกำร
ทำำควำมเจริญ , กำรเปลี่ยนแปลงในทำงเจริญขึ้น , กำรคลี่คลำยใน
ทำงที่ดี ดังนั้นเมื่อรวมกับคุณภำพชีวิต จึงหมำยถึงกำรทำำชีวิตให้มี
คุณภำพดีขึ้นในทำงที่ดี คุณภำพชีวิต เป็นคำำที่แพร่หลำย ไม่ว่ำจะอยู่
ในหน่วยงำนสำขำใดก็ตำม คุณภำพชีวิตจะถูกกล่ำวถึงเสมอว่ำเป็น
เป้ำหมำยในกำรพัฒนำ เช่น
นิพนธ์ คันธเสวี (อ้ำงถึงในวิภำพร มำพบสุข มปท :3)ให้ควำม
หมำยของคุณภำพชีวิตว่ำ “คือระดับของกำรดำำรงชีวิตของมนุษย์ตำม
องค์ประกอบของชีวิตอันได้แก่ ทำงร่ำงกำย อำรมณ์ สังคม ควำมคิด
”และจิตใจ
อวย เกตุสิห์ (2526 : 1) ให้คำำนิยำมคุณภำพชีวิตว่ำ “ กำรมี
ร่ำงกำยปกติ มีจิตใจปกติ มีควำมสำำเร็จในหน้ำที่กำรงำนและมีควำม
สำำเร็จในสังคม
สิปนนท์ เกตุทัต (2538 :2) ให้ควำมหมำยคุณภำพชีวิตว่ำ “คือ
ชีวิตที่มีควำมสุข ชีวิตที่สำมำรถปรับตัวเองให้เข้ำกับธรรมชำติ และ
สิ่งแวดล้อมได้ ทั้งสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพ สิ่งแวดล้อมทำงสังคม และ
สำมำรถปรับ ธรรมชำติ สิ่งแวดล้อม และสังคมให้เข้ำกับตน โดยไม่
เบียดเบียนผู้อื่นหรือกล่ำวสั้น ๆคือกำรเรียนรู้ธรรมชำติ จนปรับตนเอง
”และธรรมชำติให้เข้ำกันได้โดยไม่เบียดเบียนกัน
พัทยำ สำยหู (อ้ำงถึงในฤดี กรุดทอง:1973-70) กล่ำวว่ำชีวิตที่
มีคุณภำพคือชีวิตที่ทำำประโยชน์ ให้กับผู้อื่นในสังคม ครอบครัว ต้อง
เป็นสถำบันแรกที่สร้ำงคุณภำพชีวิต
ชัยวัฒน์ ปัณจพงษ์ (อ้ำงถึงใน ฤดี กรุดทอง ,2521) ให้ควำม
หมำยคุณภำพชีวิตว่ำ หมำยถึงชีวิตที่ไม่เป็นภำระไม่ก่อให้เกิดปัญหำ
สังคมเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ทั้งร่ำงกำยและจิตใจ
สรุปได้ว่ำ คุณภำพชีวิต หมำยถึง กำรที่บุคคลสำมำรถ
ดำำรงชีวิตและดำำเนินกิจกรรมทั้งหลำยของชีวิตด้วย พละ
กำำลัง ควำมรู้ ควำมสำมำรถทั้งปวงที่ตนมีอยู่ด้วยควำมรำบ
รื่นทั้งร่ำงกำยและจิตใจรวมถึงควำมปลอดภัยในชีวิตและ
ทรัพย์สิน และได้รับกำรยอมรับนับถือจำกสังคมที่ตนเป็น
สมำชิกอยู่ตำมสมควร
2. ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต
ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตได้ดังนี้
1 .กำรพัฒนำคุภำพชีวิต ช่วยทำำให้บุคคลมีแนวทำงในกำร
ดำำรงชีวิตที่ดีขึ้นจึงส่งผลให้สังคม
มีควำมสุขด้วย
2.กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตกระตุ้นให้บุคคลและสังคมเกิดควำม
กระตือรือร้นคิดปรับปรุง ตน เองสังคม
สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
3. กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตทำำให้บุคคลรู้จักใช้ปัญญำ เหตุผล
ควำมมีคุณธรรม จริยธรรม และหลักวิชำ
กำรในกำรแก้ปัญหำด้ำนต่ำง ๆ
4.กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตช่วยให้บุคคล ในสังคมอยู่ร่วมกัน
อย่ำงสมำนฉันท์ ลดควำมขัด แย้งกันใน
สังคม
5. ทำำให้บุคคล และสังคมที่มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจที่จะร่วมมือกัน ใน
กำรที่ ส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรม จำรีต ประเพณี และค่ำนิยมที่
ดีงำนในสังคม
3. องค์ประกอบของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต
ชีวิตที่มีคุณภำพเป็นวิถีชีวิตที่ทุกคนในสังคมพึงปรำรถณำ
ด้วนกันทั้งสิ้น เพรำะเป็นชีวิตที่ดี มีควำมสุข สำมำรถดำำเนินชีวิตได้
และมีสิ่งตอบสนองควำมต้องกำรพื้นฐำนของชีวิตได้ครบถ้วนอันได้แก่
ปัจจัย 4 คือ 1.อำหำร 2. เสื้อผ้ำ 3.เครื่องนุ่งห่ม 4.ยำ
รักษำโรค
ฤดี กรุดทอง( มปท :66) กล่ำวว่ำองค์ประกอบของคุณภำพชีวิต
ประกอบด้วย
1. ทำงกำย เช่น ควำมต้องกำรกิน หลับนอน และสืบพันธุ์
2. ทำงอำรมณ์ได้แก่ควำมอยำกสนุกสนำน สดชื่น รื่นเริง เจริญ
หูเจริญตำ เจริญใจ รัก
อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย
3. ทำงสังคม เช่นควำมต้องกำรมีหน้ำมีตำ มีคนยกย่อง
4. ทำงควำมคิด ต้องกำรรู้และเข่ำใจ ค้นคิดหำวิธีป้องกันแก้
ปัญหำให้ตัวเองมีชีวิตที่สุขสบำย
5. ทำงจิตใจ ต้องกำรที่ยึดเหนี่ยวทำงใจ
สำยสุรี จุติกุล (2523 : 15-18 ) ได้กล่วถึงคุณภำพชีวิตของคนไทย
ว่ำกำรที่คนไทยจะมีคุณภำพชีวิตที่ดี
นั้น ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐำนหลัก 5 ประกำรคือ
1. สุขภำพร่ำงกำยดี 2. สุขภำพจิตดี 3. มีกำรพัฒนำสติ
ปัญญำ 4. มีคุณธรรม และจริยธรรมดี
5. มีควำมเป็นคนไทย
ยูเนสโก Unesco 1981:1( อ้ำงถึงในวิภำพร มำพบสุข มปท.:
23), ) ชี้ให้เห็นว่ำปัจจัยที่มีควำมสัมพันธ์
กันคุณภำพชีวิตของคนในสังคมได้แก่
1.อำหำร
2.สุขภำพอนำมัยและโภชนำกำร
3.กำรศึกษำ
4. สิ่งแวดล้อมและทรัพยำกร
5. กำรมีงำนทำำ
6 . ค่ำนิยม ศำสนำ จริยธรรม กฎหมำย
7. ที่อยู่อำศัย กำรตั้งถิ่นฐำน
8 .ปัจจัยด้ำนจิตวิทยำ
ดังนั้นกำรที่จะกำำหนดเกณฑ์ของคุณภำพชีวิตของคนใน
สังคมจึงแตกต่ำงกันไปตำมองค์ประกอบและบริบทของสังคม
นั้น ๆ พอสรุปได้ว่ำ องค์ประกอบำของคุณภำพชีวิตควร
ประกอบด้วย
1. องค์ประกอบด้ำนร่ำงกำยได้แก่ ปัจจัยสี่ คือ อำหำร ที่อยู่
อำศัย เครื่องนุ่งห่ม ยำรักษำโรค
2. องค์ประกอบ ด้ำนอำรมณ์เช่นกำรพักผ่อน กำรแสดงอำรมณ์ที่
เป็นผลจำกควำมสัมพันธ์ในครอบ
ครัว ควำมรักในหมู่คณะ
3. องค์ประกอบด้ำนจิตใจได้แก่ ควำมมีระเบียบวินัย ค่ำนิยมทำง
วัฒนธรรม ควำมรู้ สติปัญญำ ควำมสำมำรถป้องกัน แก้ปัญหำในระดับ
บุคคล ครอบครัว กำรมีเป้ำหมำยในชีวิต ควำมซื่อสัตย์สุจริต เอื้ออำรี
ต่อกันควำมกตัญญู เสียสละ และจงรักภักดี มีควำมศรัทธำในศำสนำ
เป็นต้น
4. องค์ประกอบด้ำนสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่กำรที่บุคคลมี
มนุษย์สัมพันธ์ที่ดี สำมำรถครองใจคนได้ มีควำมสำมำรถในกำรปรับ
ตนให้เข้ำกับบุคลอื่นในสังคมได้ ไม่ว่ำจะเป็น โรงเรียน ที่ทำำงำน
สังคมที่อยู่อำศัย รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีและ วัฒนธรรมของ
องค์กรที่เป็นสมำชิกอยู่แลดำำเนินชีวิตอยู่ได้อย่ำงมีควำมสุข
4 . แนวทำงกำรพัฒนำและปรับปรุงคุณภำพชีวิต
กำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกส่วน
ที่เกี่ยวข้องอย่ำงจริงจัง เป็นรูปธรรมจึงจะประสบควำมสำำเร็จลงได้
แนวทำงกำรปรับปรุงและพัฒนำคุณภำพชีวิตของคนในสังคมพอสรุป
ได้ดังนี้
4.1 กำรพัฒนำปรับปรุงโดยภำครัฐ
4.2 กำรปรับปรุงโดยสมำชิของสังคม
4.2.1 กำรพัฒนำด้ำนสุขภำพร่ำงกำย
4.2.3 กำรพัฒนำด้ำนจิตใจ
4.2.3 กำรพัฒนำด้ำนสังคม
4.2.4 กำรพัฒนำด้ำนสติปัญญำและควำมรู้
จำกบริบทเบื้องต้น ที่กล่ำวมำ แสดงให้เห็นชัดเจนถึง
ควำมสำำคัญ จุดมุ่งหมำย และวัตถุประสงค์ ในกำรพัฒนำ และ
กำรยกระดับคุณภำพชีวิตของคนในสังคมอย่ำงแท้จริงที่ต้อง
ประกอบด้วยจุดมุ่งหมำยและเจตนำของภำครัฐ เพรำะกำร
พัฒนำประเทศชำติที่แท้จริงต้องพัฒนำที่คน และต้องยึด คน
เป็นศูนย์กลำงกำรพัฒนำ เพรำะคนเป็นองค์ประกอบสำำคัญ
ของสังคมและประเทศชำติ เมื่อคนได้รับกำรพัฒนำให้มี
คุณภำพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้ำน แล้วแสดงว่ำประเทศชำตินั้น ๆ
มีสังคมที่มั่นคงแข็งแรงอันจะทำำให้เกิดกำรพัฒนำที่ยังยืนต่อ
ไป
หน่วยที่ 2
ปรัชญำในกำรดำำเนินชีวิต
กำรพัฒนำตนเองให้ประสบควำมสำำเร็จได้นั้น ต้องเกิด
จำกแรงผลักดันที่มีอยู่ภำยในของเรำ
และแรงผลักดันนั้น ก็คือ ควำมตั้งใจ และควำมแน่วแน่ ในกำรพัฒนำ
ตนเอง และจะประสบควำมสำำเร็จได้
ก็ต้องมีควำมคิด และทัศนะคติที่ดีต่อกำรใช้ชีวิต และกำรพัฒนำ
คุณภำพชีวิตจะสำำเร็จได้ ต้องมีแนวทำง และหลักกำรเพื่อยึดเป็นกรอบ
ในกำรดำำเนินกำร อันได้แก่ “ ”ปรัชญำในกำรดำำรงชีวิต
1 . ควำมหมำยของปรัชญำ
อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2520 : 1) ได้กล่ำวถึงควำมหมำย
“ของปรัชญำไว้ว่ำ ”ปรัชญำ เป็นภำษำสันสกฤต ตรงกับคำำภำษำบำลี
ว่ำ “ ”ปัญญำ ซึ่งพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำนได้ให้ควำมหมำย
“ ”ปัญญำ ว่ำ “ ควำมรู้แจ้ง ,ควำมรอบรู้ ,ควำมสุขุม , ”ควำมลำด ส่วนคำำ
ว่ำ“ปรัชญำ” ”ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ เป็นวิชำที่ว่ำด้วยหลักควำมรู้และ
”ควำมจริง
บุญมี แท่นแก้ว (2536: 1) กล่ำวถึงควำมหมำยปรัชญำไว้ว่ำคำำ
ว่ำปรัชญำมำจำกรำกศัพท์
ภำสันสกฤตว่ำ “ ”ปร (อุปสรรค) แปลว่ำ รอบ , ประเสริฐ
“และ ”ชญำ แปลว่ำ รู้, เข้ำใจ ดังนั้น “ ”ปรัชญำ จึงแปลว่ำ ควำม
รอบรู้ , ควำมรู้ประเสริฐ ได้แก่ควำมรู้ที่เกิดหลังจำกสิ้นสงสัย หรือ
ควำมแปลกใจ ควำมรู้ที่ประกอบด้วยเหตุผล จึงพยำยำมจะรู้ในสิ่งนั้น
ให้ได้ แต่ควำมรู้ทุกอย่ำงย่อมหำที่สิ้นสุดได้ยำก เมื่อเรำหำควำมรู้ใน
สิ่งหนึ่งได้ ก็จะพยำยำมค้นหำควำมรู้ในสิ่งอื่นๆอีกต่อไป ดังนั้นกำร
แสวงหำควำมรู้จึงไม่มีที่สิ้นสุด เพรำะทุกสิ่งไม่สำมำรถจะรู้เห็นได้ด้วย
ดวงตำธรรมดำ แต่เมื่อเรำได้บรรลุถึงควำมรู้ขั้นสุดยอด(Ultimate
reality)แล้ว ควำมอยำกรู้หรือควำมสิ้นสงสัยก็จะหมดไปทันที เพรำะ
สิ่งที่เรำอยำกรู้ต่อไปอีก ไม่เหลืออยู่ ก็คือ เรำได้ควำมรู้ที่สูงสุดสมบูรณ์
อันเป็นควำมรู้อันประเสริฐแล้ว
และอีกควำมหมำยหนึ่ง “ ควำมรู้ทำงโลกียธรรม และควำมรู้ทำง
โลกุตลธรรม ย่อมประจักรแจ้งแก่เรำ นั่นคือ เรำไม่มีควำมสงสัยที่จะค้น
ต่อไปอีกแล้ว หรือควำมรู้ดังกล่ำวได้พำเรำข้ำมพ้นแดนสงสัย หรือ
ควำมมืดมนแห่งชีวิตเรำเสียได้จึงนับว่ำเป็นควำมรู้อันประเสริฐ ดังนั้น
ปรัชญำจึงไดแก่ “ควำมรู้ภำยหลังเมื่อสิ้นควำมสงสัยหรือควำม
”แปลกใจแล้ว
“ปรัชญำ” พระเจ้ำวรวงค์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงษ์ประพันธ์ทรง
บัญญัติศัพท์มำจำกภำษำ อังกฤษว่ำ “ Philosophy” ซึงมำจำกคำำ
ฝรั่งเศสโบรำณ ว่ำ Phiosphia ที่แผลงมำจำกภำษำกรีกว่ำ
Philosophai ซึ่งในภำษำกรีก ประกอบด้วยคำำ 2 คำำ คือ Philos
ตรงกับคำำภำษำอังกฤษว่ำ loving of แปลว่ำ “ควำมรัก ,ควำมเข้ำใจ
, ”ควำมเลื่อมใส และคำำว่ำ “Sophia”ตรงกับคำำภำษำอังกฤษว่ำ
Wisdom แปลว่ำ ปัญญำ , ควำมฉลำด ,ควำมรู้ ,วิชำ หรือวิทยำ ดัง
นั้นควำมหมำยของปรัชญำตำมรำกศัพท์จึงหมำยถึง “ ควำมรักใน
ควำมรู้” “ ”ควำมสนใจ ”ควำมเลื่อมใสในควำมรู้ (Loving of
wisdom)
อลิสโตเติล(Alitotle) นักปรัชญำตะวันตก ได้ให้นิยำม ควำมรู้
ในทำงปรัชญำว่ำหมำยถึงกำรรู้จักตนเอง เป็นวิชำที่ว่ำด้วย ควำม
คิดเห็นในปัญหำต่ำงๆ ที่ทุกคนยังสงสัยและปรำรถนำที่จะเรียนรู้ร่วมกัน
เป็นควำมคิดเห็นที่ยังไม่มีกำรพิสูจน์ เมื่อใดก็ตำมที่มีกำรพิสูจน์วิชำ
ปรัชญำแขนงใดให้เห็นจริงแล้ว วิชำนั้นก็ไม่เรียกว่ำเป็นปรัชญำอีกต่อ
ไป เรำเรียกว่ำ เป็นวิทยำศำสตร์ เพรำะได้มีกำรพิสูจน์แล้ว
ปรัชญำ ในอีกควำมหมำยหนึ่ง หมำยถึง แนวคิด ควำมเชื่อ
คติ หรือข้อคิด ซึ่งมักพบเห็นเป็นปรัชญำชีวิต ที่บุคลสื่อให้ทรำบว่ำ
เขำมีแนวควำมคิดหรือ คติ ในกำรดำำเนินชีวิตอย่ำงไร ปรัชญำใน
แนวทำงนี้ เป็นแนวทำงปรัชญำที่เรำเรียกว่ำปรัชญำชีวิต
สรุปควำมหมำยของปรัชญำ จำกควำมหมำยของ
ปรัชญำที่ยกมำพอสรุปได้ว่ำปรัชญำเป็นเรื่องของกำรคิด
หำเหตุผลเพื่อสันนิษฐำนควำมเป็นจริง เป็นควำมรู้ที่แท้จริง
แน่นอน ลึกซึ้งจนถึงที่สุด เรื่องใดค้นพบควำมจริงแล้ว ไม่
เป็นปรัชญำ
2. ต้นกำำเนิดและวิวัฒนำกำรของปรัชญำ
ปรัชญำเกิดขึ้นเมื่อใด ? และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร ?
คำำตอบแรกตอบได้ว่ำ ปรัชญำเกิดขึ้นพร้อมกับต้นกำำเนิด
มนุษย์ เพรำะหลักฐำนที่นักโบรำณคดีค้นพบจำกหลุมฝังศพมนุษย์นั้น
ได้พบเครื่องมือเครื่องใช้อยู่ในหลุมฝังศพ แสดงว่ำมนุษย์เหล่ำนั้นมี
ควำมเชื่อเรื่องวิญญำณ คือเชื่อว่ำวิญญำณจะกลับมำเกิดอีก เพื่อผู้ตำย
จะได้นำำข้ำวของเครื่องใช้ ไปใช้ได้อีก ควำมคิด และควำมเชื่อง
เรื่องวิญญำณ จัดเป็นควำมคิดทำงปรัชญำ และควำมคิดนี้เกิด
ขึ้นได้เพรำะมนุษย์สนใจศึกษำสังเกตสิ่งแวดล้อม และควำม
เป็นอยู่ของตนเอง จนเกิดโลกทรรศน์ขึ้น(World view)
เมื่อมนุษย์มีโลกทรรศน์เป็นของตนเองก็แสดงว่ำเขำมีปรัชญญำ
เป็นของตนเองแต่ปรัชญำดังกล่ำวเป็นปรัชญำขั้นตน้ที่ยังไม่เป็นระบบ
สำำหรับปรัชญำที่เป็นระบบนั้น ได้เกิดข้นครั้งแรกในตะวันออก คือ
อินเดียประมำณ 3000 ปี และ ในตะวันตก คือ ในประเทศกรีก
ประมำณ 2700 ปี ล่วงมำแล้ว(1)
เพลโต ยืนยันว่ำ ควำมแปลกใจ(Wonder)เป็นบ่อในข้อที่
ว่ำปรัชญำเกิดขึ้นได้อย่ำงไรนั้นทำงฝ่ำยตะวันตกเชื่อว่ำ
ปรัชญำเกิดจำกควำมสงสัย หรือควำมแปลกใจ ทำำให้เกิด
ปรัชญำ(Philosophy) เช่น
เกิดของปรัชญำ(Philosophy)
(1)
อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ ปรัชญำเบื้องตน (:2521:3-4)
เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ เชื่อว่ำ ควำมสงสัย (Doubt)เป็น
รำกเหง้ำแห่งปรัชญำ(Philosophy)
โซครำตีส บิดำแห่งปรัชญำตะวันตกให้ทรรศนะว่ำ เมื่อ
เขำมีควำมสงสัยทุกสิ่ง ทุกประเพณีและทุกพฤติกำรณ์ที่อยู่
รอบ ๆ ตัว เขำก็จะค้นหำคำำตอบเกี่ยวกับควำมสงสัยดังกล่ำว
เพือให้ได้มำซึ่งควำมหำยสงสัย
ในฝ่ำยตะวันออก มีหลักฐำนเชื่อได้ว่ำปรัชญำ เกิดขึ้น
ประมำณ 3000 ปีล่วงมำแล้ว ในประเทศอินเดีย เหตุเกิดมำ
จำกกำรกลัวภัยธรรมชำติ เพื่อหำที่พึ่งทำงใจ ที่ยึดเหนี่ยว
จิตใจ และปรัชญำยังแบ่งออกเป็นยุคต่ำงๆ 3 ยุค คือ ยุคพระเวท
ยุคมหำกำพย์ และยุคระบบปรัชญำทั้ง 6 ปรัชญำตะวันออก
ทุกสำำนัก ยกเว้น พุทธะ อำศัย ควำมสงสัย ควำมแปลกใจ เป็น
มูลเหตุกำรเกิดปรัชญำ ทั้งสิ้น ในทำงพุทธะจะถือเอำควำมตรัสรู้
เป็นต้นเค้ำของปรัชญำ (อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2520 :
16)
เจ้ำชำยสิทธัตถะ เมื่อยังไม่ได้ตรัสรู้ ก็เกิดควำมสงสัยถึง
เหตุต่ำง ๆ บนโลก ทำำให้พระองค์ทรงค้นคิดแสวงหำอุบำย
วิธีที่จะได้คำำตอบ จนในที่สุดก็ได้คำำตอบ ก็คือ กำร
ตรัสรู้(ญำณ) จนหมดสิ้นควำมสงสัย จึงจัดว่ำเป็นมูลฐำนแห่ง
ปัญญำ และกำรอธิบำยควำม ตรัสรู้ตำมหลักเหตุผลจัดเป็น
ตัวปรัชญำ
(บุญมี แท่นแก้ว :2536:4-5)
ปรัชญำในประเทศจีน สันนิฐำนว่ำเกิดขึ้นประมำณ 1200 ปี ก่อน
พุทธศักรำช เน้นเรื่องควำมรักเพื่อน มนุษย์ มำกกว่ำพระเจ้ำ มนุษย์
และจักรวำลต่ำงก็มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน ปรัชญำจีนไม่สนใจว่ำ
โลกนี้จะมีผู้สร้ำงหรือไม่ แต่ชำวจีนนับถือพระเจ้ำ เรียกว่ำ “ ”เซียงตี้
เพรำะเชื่อว่ำให้พรและลงโทษได้ บูชำบรรพบุรุษเชื่อว่ำบรรพบุรุษ เป็น
บริวำรของพระเจ้ำ
ในประเทศญี่ปุ่นมีควำมเชื่อว่ำ พวกตนสืบเชื้อสำยมำจำก
พระอำทิตย์ หรือ สุริยะเทพ ถือพระอำทิตย์เป็นเทพสูงสุด เชื่อว่ำ
เหตุกำรณ์ต่ำงๆ เกิดจำกกำรบันดำลของเทพ เจ้ำ มีรำกฐำนศำสนำ
ใหญ่ อยู่ 2 ศำสนำคือ “ ”ชินโต และ พุทธ นิกำย “ ”เซนต์
ในประเทไทยได้รับอิทธิพลทำงปรัชญำ จำก ตะวันตก
และตะวันออกดังนี้
อิทธิพลจำกตะวันออกสู่สังคมไทย ไดรับจำกจีนและอินเดีย
1. ควำมเชื่อเรื่องอมตภำพและวิญญำณ
2. ควำมเชื่อเรื่องพรหมลิขิต
3. ควำมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
4. ควำมเชื่อเรื่องไสยศำสตร์
5. ควำมเชื่องกำรหลุดพ้นจำกทุกข์
ในสังคมปัจจุบันเรำติดต่อกับชำวตะวันตกมำกขึ้นจึงได้รับอิทธิพล
ทำงปรัชญำที่หลั่งไหลเข้ำมำมำกขึ้นทำำให้เกิดกำรเปลี่ยนปลง และ
ผสมผสำนทำงปรัชญำมำกขึ้นด้วย
อิทธิพลจำกปรัชญำตะวันตกที่มีต่อสังคมไทย
1.ด้ำนควำมเป็นอยู่
1.1 ด้ำนควำมสัมพันธ์
1.2 ด้ำนกำรแต่งกำย
1.3 ควำมสะดวกสบำย
1.4 ด้ำนควำมเท่ำเทียมกันทำงทำงสังคม
2.ค่ำนิยมของสังคมไทย
3.หลักควำมเชื่อหรือหลักควำมรู้
4.ด้ำนกำรสศึกษำ
5.ด้ำนกำรเมือง
ปรัชญำชีวิตของชำวไทยพุทธ
ตำมแนวพุทธศำสนำนั้นทรงสั่งสอนให้มนุษย์ดำำเนินชีวิต เพื่อ
บรรลุนิพำน คือกำรไม่กลับมำเวียนว่ำยในวัฏสงสำรอีก
โดยมีพื้นฐำนกำรดำำเนินชีวิตตำมหลักคำำสอนดังนี้
1. ละเว้นควำมชั่ว
2. ประพฤติดี
3 .ทำำจิตใจให้สะอำดผ่องใส
จำกประวัติปรัชญำ ดังกล่ำวพอสรุปได้ว่ำ
1.ปรัชญำเกิดจำกควำมคิดของมนุษย์ ควำมคิดที่เป็นปรัชญำได้
จะต้องมีเหตุผล และเหตุที่ทำำให้ต้องมีเหตุผลก็คือควำมสงสัย ควำม
ประหลำดใจ หรือควำมไม่รู้ สงสัยในธรรมชำติ สงสัยในอำำนำจลึกลับ
2.มนุษย์มีควำมสงสัยในวงจรชีวิตของตนเอง เช่น เกิดมำจำก
ไหน ตำยแล้วไปไหน ทำำให้คิดค้นเพื่อหำคำำตอบ
3. สำขำปรัชญำ
สุเมธ เมธำวิทยำกุล(2534 :5) กล่ำวว่ำเนื่องจำกปรัชญำมี
ขอบเขตกว้ำงครอบคลุมไปทุกสำขำวิชำของวิทยำศำสตร์แต่กำร
จำำแนกสำขำของปรัชญำก็ไม่เกิน 3 สำขำซึ่งจำำแนกไว้ตั้งแต่สมัยกรีก
โบรำณคือ
1.อภิปรัชญำ
2.ญำณวิทยำ
3.คุณวิทยำ
บุญมี แท่นแก้ว (2536:10)ได้จำำแนกสำขำของปรัชญำตะวันตกไว้ 3
สำขำคือ
1. อภิปรัชญำ(Mataphysics)เป็นสำขำที่กล่ำวถึง ปัญหำทั่วๆ
ไป เกี่ยวกับ ควำมจริง ธรรมชำติ และพระเจ้ำ ศึกษำว่ำสัจจะ
ภำวะ หรือ สภำวะควำมเป็นจริงอันสูงสุด( Ultmate reality) ว่ำ
อะไรคือควำมจริงสูงสุด
2. ญำณวิทยำหรือทฤษฎีควำมรู้(Epitermology) คือทฤษฎีว่ำ
ด้วยควำมรู้ได้ศึกษำถึงเหตุปัจจัยที่ทำำให้ควำมรู้เกิดขึ้น ศึกษำว่ำอะไร
เป็นบ่อเกิดแห่งควำมรู้ อะไรเป็นธรรมชำติแห่งควำมรู้ ขอบเขตควำมรู้
มีกำำหนดแค่ไหน ทฤษฎีควำมรู้มี 6 ทฤษฎีคือ
2.1 เหตุผลนิยม
2.2 ประจักษ์นิยม
2.3 เพทนกำรนิยม
2.4 อนุมำนนิยม
2.5 สัญชำติญำณนิยม
2.6 ประกำศิตนิยม
3.คุณวิทยำ เป็นสำขำที่กล่ำวถึงควำมดีควำมงำม แบ่งเป็น 3
สำขำ
3.1 ตรรกวิทยำ(Logic) เป็นสำขำที่กล่ำวถึง หลักเหตุผล
อันแท้จริง ศึกษำกฎเกณฑ์กำร
ใช้เหตุผล กำรอ้ำงเหตุผลจะอ้ำงอย่ำงไรจึง
จะสมเหตุสมผล
3.2 จริยศำสตร์ (Ethics) เป็นสำขำที่กล่วถึงปัญหำด้ำน
จริยธรรมหรือปรัชญำชีวิตเช่นมำตรฐำนกำรตัดสินควำมดีควำม
ชั่วในกำรประพฤติของบุคคลว่ำอย่ำงไรดี อย่ำงไรชั่ว อย่ำงไร
ถูก อย่ำงไรผิด
3.3 สุนทรียศำสตร์(Aesthetics) เป็นสำขำที่กล่ำวถึง
ควำมงำมโดยเฉพำะ
อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2521 : 7)กล่ำวว่ำ ปรัชญำมี 3 สำขำ
ใหญ่ คือ
1. ญำณวิทยำ(Epitermology) เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมรู้
2. ภำววิทยำ(Ontolgy) เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมมีอยู่หรือ
อภิปรัชญำ(Mataphysic)
เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมแท้จริงมี 3 สำขำ
2.1 ว่ำด้วยธรรมชำติ
2.2 ว่ำด้วยวิญำณหรือจิต
2.3 ว่ำด้วยพระผู้เป็นเจ้ำ
3.คุณวิทยำ(Axiology)เป็นทฤษฎีว่ำด้วยคุณค่ำหรือ
อุดมคติจำำแนกเป็น 4 สำขำย่อย
3.1. ตรรกวิทยำ 3. 2 .จริยศำสตร์ 3.3.
สุนทรียศำสตร์ 3.4. เทววิทยำ
กิติมำ ปรีดีดิลก สรุปปรัชญำเป็น 4 สำขำคือ
1. อภิปรัชญำ(Meataphysic)ศึกษำ ควำมจริงสูงสุดของสรรสิ่ง
ที่เป็นธรรมชำติ
2. ญำณวิทยำ(Epistemology) ศึกกระบวนกำรไดมำซึ่ง
ควำมรู้
3.คุณวิทยำ (Axiology) ศึกษำคุณค่ำของสิ่งของ คุณค่ำ
ของมนุษย์ ควำมดีควำมงำม จริย และสุนทรียะคืออะไร
4. ตรรกวิทยำ(Logic) หมำยถึงกำรคิด กำรพูดอย่ำงมีเหตุ
มีผล กำรแสดงออกอย่ำงมีกฎเกณฑ์ของกำรใช้เหตุผล
ดังนั้นกำรแบ่งประเภทของปรัชญำจึงแตกต่ำงกันไป ยุคและ
สมัยนิยม
จำกกำรศึกษำปรัชญำทำำให้แต่ละคนเข้ำใจ จุดยืนและโลกทรรศ์
ของตนเอง โลกทรรศ์ก็คือควำมเชื่ออย่ำงเป็นระบบ โลกทรรศ์ของ
มนุษย์แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กำรดำำเนินชีวิตของคนเรำในสังคมปัจจุบัน
พอจะสรุปได้ว่ำมีวิธีกำรดำำเนินชีวิตตำมโลกทรรศ์ต่ำงๆ ดังนี้
1. จิตนิยม พวกนี้ยึดถือเอจิตใจเป็นที่ตั้ง ถือว่ำควำมสุขทั้ง
หลำยทั้งปวงอยู่ที่ใจ ถ้ำใจมีควำมสุข มีควำมเพียงพอกำยก็จะมี
ควำมสุข ด้วย เป็นพวกที่มีควำมซำบซึ้งในวรรณกรรมชอบใช้
ควำมคิด ชอบอ่ำน ไม่ยึดติดในเครื่องอำำนวยควำมสะดวกใด ๆ
ทั้งสิ้น
2.วัตถุนิยม หรือสสำรนิยม พวกนี้เป็นพวกที่ถือว่ำกำรที่จะ
มีควำมสุขในชีวิตต้องเครื่องอำำนวยควำมสะดวกให้ชีวิตเมือ
ร่ำงกำยมีควำมสุข แล้วกำยก็จะมีควำมสุขด้วย
3. มนุษย์นิยม พวกนี้ถือว่ำกำรที่จะมีควำมสุขได้ต้อง
ประกอบด้วยกำย และจิตใจ กำรมีควำมสุขจิตใจต้องไม่เป็นทุกข์
และกำยต้องได้รับกำรตอบสนองด้วยเครื่องอำำนวยควำมสะดวก
ด้วยทั้งหลำยทั้งปวง
4. เสรีนิยม หรือโรแมนติกลิซึ่ม พวกนี้ไม่สนใจกฎเกณฑ์
ใด ๆทั้งสิ้นเป็นพวกที่ชอบทำำตำมใจตนเองปรำรถนำ ไม่สนใจ
ควำมรู้สึกของคนอื่น ไม่ยอมอยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคมยึดถือ
เอำใจตนเองเป็นที่ตั้ง
4. คุณค่ำของกำรศึกษำปรัชญำ
ผลที่ได้จำกกำรศึกษำปรัชญำนั้ไม่สำมรถปรียบได้กับผลกำร
ศึกษำทำงศำสตร์แขนงอื่นๆ ที่ทำำให้เกิดควำมรู้ควำมเข้ำใจทันทีแต่ผล
ของกำรศึกษำปรัชญำทำำให้เรำเกิดกำรซึบซับเป็นองค์ควำมรู้ที่ต้องมี
กำรสรุปและสังเครำะห์ด้วยตนเอง เป็นกำรขัดเกลำทำงปัญญำและ
ควำมคิด
กำรศึกษำปรัชญำทำำให้ผู้ศึกษำได้รับประโยชน์ที่พอ
ส รุ ป ไ ด้ ดั ง นี้
1. เพื่อให้ผู้ศึกษำได้รู้ควำมจริงของมนุษย์ โลก และจักรวำล
2 เพื่อให้รู้บ่อเกิดธรรมชำติ และขอบเขตของควำมรู้
3. ทำำให้เป็นคนมีเหตุผล มีโลกทรรศน์ กว้ำงขึ้น
4. ทำำให้เป็นนักปกครองที่ดี
5. ช่วยให้เรำวิพำกย์ วิเครำะห์ ภำษำและควำมคิดรวมยอด
6.ให้คุณค่ำทำงสุนทรีย์ และควำมงำม ก่อให้เกิด ควำมสุข
ควำมพอใจ มีจิตใจดีงำม
สรุป กำรศึกษำปรัชญำเป็นกำรศึกษำ เพื่อพัฒนำทำงควำมคิดและ
โลกทรรศน์ ในแง่มุมต่ำงๆ ทำำให้มองโลกและชีวิตในหลำยมิติ ผลกำร
ศึกษำที่ได้เป็นองค์ควำมรู้ที่ผู้เรียนต้องสรุปและสังเครำะห์ด้วยตนเอง
หน่วยที่ 3
หลักธรรมพื้นฐำนในกำรดำำรงชีวิตของมนุษย์
หลักธรรมแห่งพระพุทธศำสนำเป็นหลักที่ประกอบไปด้วยเหตุ
และผล ที่พระพุทธองค์ทรงใช้สั่งสอนมนุษยชำติ เพื่อสำมำรถดำำรง
ชีวิตอยู่ในโลกได้ด้วยควำมผำสุก หลักธรรมของพระพุทธองค์มีสำระ
ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่ำงที่มนุษย์จะพึงปฏิบัติต่อกันไว้อย่ำงครบถ้วน
สมบูรณ์ ทั้งในด้ำนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบิดำมำรดำกับบุตร สำมีกับ
ภรรยำ หัวหน้ำกับลูกน้อง บุคคลต่อบุคคลในฐำนะเพื่อนมนุษย์ กำร
ประกอบอำชีพเพื่อครอบครัวมีวำมสุขและกำรปฏิบัติตนเพื่อกำรดำำเนิน
ชีวิตที่ดี
ดังนั้นกำรศึกษำหลักธรรมคำำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงเป็นสิ่ง
สำำคัญสำำหรับพุทธศำสนิกชนทุกคนพึงศึกษำเพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจ
ในหลักธรรมหมวดต่ำงๆ อย่ำงถ่องแท้ แล้วนำำไปฝึกปฏิบัติในชีวิต
ประจำำวันเพื่อให้เกิดผลดีต่อกำรพัฒนำตนเอง และพัฒนำสังคมใน
ทุกๆด้ำน ได้แก่กำรปรับปรุงด้ำนกำรศึกษำ ด้ำนเศรษฐกิจ วัฒนธรรม
และกำรลดปัญหำสังคมต่ำงๆให้หมดไปจำกประเทศชำติ ในชั้นนี้ควร
ได้เรียนรู้ควำมหมำยของคำำว่ำ “ ”ธรรมะ ก่อนที่จะเรียนรู้ถึงหลักธรรม
ในหมวดต่ำงๆ ซึ่งมีรำยละเอียดดังนี้
3.1 ควำมหมำยของธรรมะ มีควำมหมำยดังนี้ ตำมพจนำนุกรมพุทธ
ศำสตร์ให้ควำมหมำย ธรรมะว่ำคือ สภำพที่ทรงไว้ ธรรมดำ
ธรรมชำติ ควำมจริง คุณธรรม ควำมดี พระธรรม คำำสั่งสอนของ
พระพุทธเจ้ำ “ ”ธรรม หรือ “ ”ธรรมะ พจนำนุกรมฉบับ
รำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.2525 ให้ควำมหมำย ไว้ว่ำ ธรรมะหมำยถึง
คุณควำมดี คำำสั่งสอนในศำสนำ หลักประพฤติในศำสนำ ควำมจริง
ควำมยุติธรรม ควำมถูกต้อง
บุญมี แท่นแก้ว(2538:7) คำำว่ำธรรมแบ่งกันศึกษำได้หลำยรูป
แบบเช่น
1 แบ่งเป็นสภำวธรรม คือสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่โดยธรรมชำติ
ของมันเอง กับคุณธรรม คือข้อ
ปฏิบัติที่คนปฏิบัติแล้วเกิดควำมเจริญรุ่งเรือง
2. แบ่งเป็นรูปธรรม คือสิ่งที่สำมำรถสัมผัสได้ด้วยประสำท
สัมผัสทั้ง ห้ำกับนำมธรรมคือ
ธรรมะ ฝ่ำยที่ไม่อำจสัมผัสได้ด้วยประสำทสัมผัสทั้ง
ห้ำ
3.แบ่งเป็น โลกียธรรม คือธรรมสำำหรับคนทั่วไป และโลลกุตร
ธรรม คือ ธรรมที่ผู้บรรลุ
ควำม เป็นอริยะปฏิบัติ
4. แบ่งเป็นกุศลธรรม คือธรรม ฝ่ำยที่เป็นควำมดี กับอกุศลธรรม
คือ ธรรมฝ่ำยที่ไม่ดี และ
อัพยำกตธรรมคือธรรมกลำง ๆ ไม่ดีไม่ชั่ว
5. แบ่งเป็นสังขตธรรม คือธรรมที่มีกำรปรุงแต่ง กับ อสังขต
ธรรม คือ ธรรมที่ไม่มีกำรปรุงแต่ง
6 .แบ่งเป็น ควำมจริงสมุติ (สมุติสัจจะ) คือควำมจริงที่เรำสมมุติ
เอำ กับ ควำมจริงแท้ (อริยสัจจะ)
ท่ำนพุทธทำส ภิกขุ พระนักปฏิบัตธรรม และเป็นพระที่ยกย่องของ
คนทั่วโลกเจ้ำอำวำส
วัดสวนโมขพลำรำม ท่ำนได้ให้ควำมหมำยของธรรมะไว้ว่ำมี4
ควำมหมำยคือ(1)
1.ที่เป็นตัวธรรมชำติเรียกว่ำ ธรรมะเพรำะร่ำงกำยมนุษย์เกิด
จำกจำกธำตุทั้ง 4 คือดิน นำ้ำ ลม ไฟ อำกำศ วิญญำณ
2. ที่เป็นกฎของธรรมชำติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำำให้ร่ำงกำยของเรำ
เปลี่ยนแปลงไป ไม่จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงเป็นไปตำมกฎธรรมชำติ
3.เป็นหน้ำที่ของเรำที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตำมกฎธรรมชำติ เพื่อ
ให้มีชีวิตอยู่รอด และเพื่อควำมเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงก็เป็นไปตำมกฎ
ของธรรมชำติคือทำำกรรมดีก็ได้รับผลดี ทำำกรรมชั่วก็ได้รับผลกรรม
นั้นๆ
4. เป็นผลจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ คือผลที่ได้รับจำกกำรกระทำำของ
ตนจะเป็นอย่ำงไรก็ขึ้นอยู่กับกำรกระทำำทั้งสิ้นไม่มีใครหรือเทพองค์ใด
มำดลบันดำลให้ได้
สรุปได้ว่ำ ธรรมะหมำยถึง สรรพสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชำติทั้งรูป
ธรรมและนำมธรรม ซึ่งเป็นไปตำมกฎของธรรมชำติ เกิดมำ ตั้งอยู่
และดับไปในที่สุด ในกำรดำำเนินชีวิตประจำำวัน หำกบุคคลสำมำรถ
ปฏิบัติตำมธรรมะของพุทธองค์ก็เท่ำกับว่ำได้ปฏิบัติตำมหลักคำำสอน
ของพระองค์แล้ว
ดังนั้นคำำสอนของพระพุทธองค์จึงเป็นแนวปรัชญำ ซึ่งเป็น
รำกฐำนให้คนได้รู้จักพัฒนำตนเอง เพื่อให้สำมำรถดำำเนินชีวิตได้ถูก
ต้องเหมำะสม และได้พัฒนำสังคมเพื่อควำมสุขสงบร่มเย็นของคนใน
สังคมที่มีเมตตำกรุณำและให้อภัยต่อกัน พุทธศำสนำที่ชำวไทยให้
ควำมเคำรพนับถือนั้นจะสอนให้เห็นสัจจะของชีวิตที่แท้จริงดังนี้(บุญมี
แท่นแก้ว และคณะ :2538:10-16)
1.ไม่ทรงสอนในเรื่องพระเจ้ำสร้ำงโลก ทรงสอนว่ำทุกำสิ่งทุก
อย่ำงเกิดขึ้นตำมธรรมชำติ มีอยู่ตำมธรรมชำติ และดับไปตำม
ธรรมชำติ
2.ทรงสอนให้เชื่อ ด้วยปัญญำ เชื่ออย่ำงมีเหตุผลไม่ให้งมงำย
เช่น ทรงตรัสสั่งสอนชำวกำลำมะในแคว้นโกศล เรื่องควำมเชื่อ เรียก
ว่ำ กำลำมสูตร 10 ประกำรคือ
1.อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะได้ฝังตำมกันมำ
2.อย่ำปลงใจเชื่อด้วยกำรถือสืบ กันมำ
(1)
พุทธทำส ภิกขุ .วธีทำำชีวิตเต็มบริบูรณ์: สำำนักพิมพ์ธรรมสภำ
3. อย่ำปลงใจเชื่อด้วยกำรเล่ำลือ
4. อย่ำปลงใจเชื่อด้วยอ้ำง ตำำรำ หรือ คัมภีร์
5 .อย่ำปลงใจเชื่อด้วยอ้ำงเหตุผลทำงตรรกะ
6 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะกำรอนุมำน
7 อย่ำปลงใจเชื่อ ด้วยกำรคิดตรองเอำตำมแนวเหตุผล
8 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะตรงตำมควำมเห็นหรือทฤษฎีของ
ตนที่คิดไว้
9. อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะมองเห็นรูปลักษณะว่ำน่ำจะเป็นไป
ได้
10 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะนับถือว่ำสมณะนี้เป็นครูเรำ
3.ให้เชื่อเรื่องกรรม หรือกำรกระทำำของตนเองเป็นสิ่ง
สำำคัญ ควำมสุข ควำมทุกข์ ควำมฉลำด ควำมโง่ เป็นเรื่องของ
ตนเอง เป็นผู้กระทำำ เป็นผู้รับผลแห่งกำรกระทำำนั้น ๆ ไม่มีเทวดำ
อินทร์ พรม หรือพระผู้เป็นเจ้ำจะมำดลบันดำลให้
4. หลักคำำสอนของพระองค์ คือพระธรรม เป็นคำำสอนของ
ท่ำนผู้รู้ ที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรำ คือพระพุทธเจ้ำ ทรงแสวงหำ
ทรงค้นคว้ำ ทดลอง พิสูจน์จนพบกฎแห่งควำมจริง คือสูตรแห่งควำม
หลุดพ้นจำกอำำนำจมืด คือกิเลส ตัณหำ อวิชำ โมหะ ซึ่งประมวลหลัก
คำำสอนของพระองค์ทั้งหมดอยู่ในโอวำท 3 ประกำรคือ 1 ให้เว้น
จำกกำรทำำชั่วทุกอย่ำง 2. ให้ทำำควำมดีทุกอย่ำง 3.ให้ชำำระจิตใจ
ตนเองให้ผ่องใส
5.ทรงสอนให้พึ่งตนเอง ชนะใจตนเอง สร้ำงคุณงำมควำมดี
3.2 ประโยชน์ของธรรมมะ
หลักธรรมที่มนุษย์ใช้เป็นหลักในกำรดำำรงค์ชีวิตนั้นเมื่อพิจำรณำ
ให้ดีแล้วจะเกิดประโยชน์ดังนี้
1. ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำตนเอง กำรปฏิบัติตำมหลักธรรม
หรือธรรมะ ก่อให้เกิดผลดีแก่ตนเองในด้ำนกำรดำำเนินชีวิตได้ถูกต้อง
เหมำะสม สำมำรถปรับตัวได้ดี สุขภำพกำยสุขภำพจิตดี จนสำมำรถ
บรรลุเป้ำหมำยชีวิตที่วำงไว้ได้
2 .ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำสังคม กำรปฏิบัติตำมหลักธรรม
นอกจำกจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์
ต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย เช่น ทำำให้เกิดควำมสำมัคคี มีมิตรภำพที่ดี
ต่อกัน กำรไม่เบียดเบียนกัน กำรเคำรพสิทธิและเสรีภำพของผู้อื่น กำร
รู้จักบทบำทและหน้ำที่ควำมรับผิดชอบ ล้วนเป็นหลักธรรมที่จะทำำให้
คนในครอบครัว และสังคมอยู่ร่วมกันอย่ำงมีควำมสุข
3. ประโยชน์ต่อประเทศชำติ หลักธรรมที่บุคคล ทุกคนได้
ประพฤติปฏิบัติทั้งในระดับผู้ปกครองผู้บริหำรและประชำชน ย่อม
ทำำให้ทุกคนมีคุณธรรม มีเมตตำกรุณำต่อกัน มีระเบียบวินัย มีควำม
ยุติธรรมในสังคม มีกำรเคำรพนับถือต่อกันและทำำให้เกิดควำมสำมัคคี
ควำมมีเสถียรภำพ และควำมมั่นคงของประเทศชำติ
3.3 หลักธรรมพื้นฐำนสำำหรับกำรดำำรงชีวิตในครอบครัว
หลักธรรมในหัวข้อนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
2.2.1 หลักธรรมสำำหรับพัฒนำตนเอง
2.2.2 หลักธรรมสำำหรับกำรดำำรงชีวิตในครอบครัว
2.2.3 หลักธรรมสำำหรับดำำเนินชีวิตในครอบครัว
1.2.1. หลักธรรมสำำหรับพัฒนำตนเอง หมำยถึง หลักปฏิบัติที่
ช่วยให้บุคคลสำมำรถดำำเนินชีวิตได้ถูกทำำนองคลองธรรมเพื่อไปสู่เป้ำ
หมำยชีวิตที่ดี ในฐำนะที่เรำนับถือพุทธศำสนำอย่ำงน้อนเรำก็ควรมี
หลักยึดเหนี่ยวปฏิบัติได้แก่
1) เบญจศีล- เบญจธรรม 2.) หิริโอตตัปปะ หรือ โลกปำล
ธรรม 3.)ขันติ โสรัจจะ 4.) สัปปุริสธรรม 7
5.) นำถกรณีธรรม 10 6.) อริยวัฑฒิ 5 7).กุศล
กรรมบถ 10 8).อธิฐำนธรรม 4 9) .บุญกริยำวัตถุ 10
10) .อริยทรัพย์ 7 11) .สุจริต 3
12) .นิวรณ์ 5 13) .มงคลชีวิต 38 ประกำร
ในที่นี้จะยกตัวอย่ำงหลักธรรมพอสังเขป
1. เบญจศีล- เบญจธรรม
เบญจศีล หมำยถึงข้อห้ำม 5 ประกำรเพื่อเป็นเกรำะป้องกันตน
ไม่ให้ทำำชั่วได้แก่
1) เว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์ตัดชีวิต ทั้งนี้รวมทั้งกำรไม่
ทะเลำะวิวำทหรือทำำร้ำยร่ำงกำย กำรทรมำนคนหรือสัตว์
2) เว้นจำกกำรลักทรัพย์ ทั้งนี้รวมทั้งกำรหลอกลวง
ฉ้อโกงยักยอกตลอดจนกำรทำำควำมเสียหำยให้แก่ทรัพย์สินของผู้อื่น
โดยมิชอบ เช่น กำรขีดเขียนบนฝำผนังห้องเรียน
3) เว้นจำกกำรประพฤติผิดในกำม หมำยถึงกำรไม่
ยุ่งเกี่ยวทำงเพศสัมพันธ์กับชำยหรือหญิงที่มีคู่ครองแล้ว
4) เว้นจำกกำรพูดเท็จ หมำยถึง กำรเจตนำบิดเบือน
ควำมจริงทุกอย่ำงเช่น ไม่พูดเกินควำมเป็นจริง ไม่อวดอ้ำงตนเอง ไม่
พูดทำำให้คนเข้ำใจผิดต่อกัน
5) เว้นจำกกำรดื่มสุรำเมรัย หมำยถึง ละเว้นกำรดื่มที่
ทำำให้ตนเองครองสติไม่อยู่ทุกชนิด รวมทั้งยำเสพติดทุกชนิด
เบญจธรรม หมำยถึง ข้อปฏิบัติให้บุคคลทำำควำมดี 5 ประกำรได้แก่
1) มีควำมเมตตำ – กรุณำ ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่หนึ่ง
ของศีล 5 เมตตำคือควำมปรำรถนำที่อยำกจะให้ผู้อื่นมีควำมสุข
กรุณำ คือ ควำมปรำรถนำที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
2) มีสัมมำอำชีวะ หมำยถึง กำรเลี้ยงชีพในทำงที่ชอบ
ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่สองของศีล 5 คือ กำรลักทรัพย์
3) มีควำมสำำรวมในกำม หมำยถึง กำรยินดีเฉพำะคู่
ครองของตน และไม่คิดหมกมุ่นแต่ในเรื่องของกำมจนเกินขอบเขต
ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่สำมของศีล 5
4) มีควำมสัตย์ หมำยถึง พูดตำมควำมจริง ธรรมในข้อ
นี้ตรงกับข้อที่สี่ของศีล 5 ถึงกำรไม่พูดเท็จ ธรรมข้อนี้ช่วยส่งเสริมคน
ให้มีไมตรีที่ดีต่อกันทำงวำจำ
5) มีสติสัมปชัญญะ หมำยถึง มีสติรอบคอบรู้สึกตัวอยู่
ตลอดเวลำ ว่ำกำำลังพูดอะไร คิดอะไร จะเป็นคนไม่ประมำท ทำำกำรสิ่ง
ใดก็สำำเร็จโดยไม่ยำก
เพื่อสะดวกแก่กำรเข้ำใจ จึงขอสรุปเบญจศีลและเบญจธรรม ลง
ในตำรำงเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน ดังนี้
2. หิริโอตตัปปะ หรือ โลกปำลธรรม
หิริ หมำยถึง กำรละอำยต่อควำมชั่ว กำรที่บุคคล
ละอำยต่อกำรทำำชั้ว เพรำะมีควำมละอำยแก่ใจตนเอง มีควำมสำำนึกตัว
ว่ำ สิ่งนี้เป็นสิ่งชั่วไม่ควรทำำแม้จะมีโอกำสทำำได้ก็ตำม บุคคลที่มีควำม
รู้สึกภำยในยับยั้งไว้ มิใช่เพรำะกลัวคนอื่นเห็นแต่มีมโนธรรมประจำำใจ
ที่จะไม่กระทำำ
โอตตัปปะ หมำยถึง กำรเกรงกลัวต่อควำมชั่ว กำรที่บุคคล
เกรงกลัวต่อควำมชั่ว ไม่ยอมทำำผิดทั้งต่อหน้ำและลับหลังผู้อื่นเป็น
เพรำะว่ำกลัวจะเกิดควำมสกปรกขึ้นในจิตใจ
สรุปได้ว่ำ ผู้ที่ละอำยและเกรงกลัวต่อควำมชั่ว คือผู้ที่เคำรพ
ตนเอง เพรำะจิตสำำนึกทำงศีลธรรมและรู้จักหักห้ำมใจตนเอง
3.ขันติ โสรัจจะ
ขันติ แปลว่ำ ควำมอดทน ควำมอดทนมี 3 แบบคือ
1) ทนลำำบำก ได้แก่ อดทนต่อควำมเจ็บไข้ทำงกำย
2) ทนตรำกตรำำ ได้แก่ อดทนต่อกำรเรียน กำร
ทำำงำนที่ต้องใช้เวลำและควำมมำนะบำกบั่น
3) ทนเจ็บใจ ได้แก่อดทนต่อสิ่งที่เร้ำควำมโกรธ
โสรัจจะ แปลว่ำ ควำมเสงี่ยม คือกำรรักษำสีหน้ำท่ำทำงให้
เป็นปกติ ไม่แสดงอำกำรโกรธให้
ปรำกฎ ขันติและโสรัจจะเป็นธรรมที่อยู่คู่กัน กล่ำวคือเมื่อมีสิ่งมำกระ
ตุ้นให้เกิดควำมโกรธ คนเรำมักรู้สึกโกระแต่ถ้ำมีขันติอยู่ในใจ ถึงรู้สึก
โกรธก็ไม่ตอบโต้แต่ยังปรำกฎอำกำรทำงกำย เช่น หน้ำแดง ตัวสั่น ที่
เป็นเช่นนี้เพรำะมีเฉพำะขันติอยู่ในใจแต่ยังขำดโสรัจจะ ถ้ำมีขันติและ
โสรัจจะแล้วอำกำรผิดปกติทำงกำยจะไม่ปรำกฎ
สรุปได้ว่ำ ธรรมทั้ง 2 ประกำรนี้เป็นธรรมที่ทำำให้งำมทำงใจ
4. กุศลกรรมบถ 10 กุศลกรรมบถ 10 หมำยถึง ธรรมแห่งกำร
ทำำควำมดี มีส่วนประกอบ 3 ประกำร คือ
1) ควำมประพฤติดีทำงร่ำงกำย 3 อย่ำงคือ(กำยกรรม 3)
(1) เว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์
(2) เว้นจำกกำรลักทรัพย์
(3) เว้นจำกกำรประพฤติในกำม
2) ควำมประพฤติดีทำวำจำ 4 อย่ำงคือ(วจีกรรม 4)
(1) เว้นจำกกำรพูดเท็จ
(2) เว้นจำกกำรพูดส่อเสียด
(3) เว้นจำกกำรพูดคำำหยำบ
(4) เว้นจำกกำรพูดเพ้อเจ้อ
3) ควำมประพฤติดีทำงใจ 3 อย่ำงคือ(มโนกรรม 3)
(1) กำรไม่โลภอยำกได้ของผู้อื่น
(2) กำรไม่คิดร้ำยเบียดเบียนผู้อื่น
(3) กำรเห็นชอบตำมธรรมนองคลองธรรม
สรุปได้ว่ำ ผู้ที่ปฏิบัติตำมกุศลกรรมบถ 10 จะช่วยให้กำรดำำเนิน
ชีวิตได้ถูกต้องเหมำะสมทั้งกำย วำจำ และใจ
5. บุญกิริยำวัตถุ 10
บุญกิริยำวัตถุ 10 หมำยถึง หลักแห่งกำรทำำดีเพื่อชำำระจิตใจให้
สะอำด 10 ประกำรคือ
1) ทำนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จด้วยกำรบริจำคทำนเพื่อช่วย
กำำจัดควำมโลภในจิตใจมนุษย์
2) ศีลมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จด้วยกำรรักษำศีล เพื่อช่วยกำำจัด
ควำมโหดร้ำยในจิตใจของมนุษย์
3) ภำวนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรเจริญภำวนำเพื่อ
กำำจัดโมหะควำมปลงผิดในจิตมนุษย์ ทำำให้เกิดปัญญำ
4) อปจำยนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรประพฤติถ่อมตน
ต่อผู้ใหญ่เพื่อกำำจัดควำมไม่เคำรพ ควำมกระด้ำงกระเดื่องต่อผู้ใหญ่
5) ไวยยำวัจจมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรขวนขวำยใน
กิจที่ชอบบุญข้อนี้มุ่งให้มนุษย์พยำยำมบำำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์
6) ปัตติทำนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรให้บุญ เพื่อให้
มนุษย์ทำำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้อื่น
7) ปัตตำนะโมทนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรอนุโมทนำ
ส่วนบุญเพื่อให้มนุษย์ร่วมอนุโมทนำในกำรทำำบุญร่วมกับผู้อื่น
8) ธัมมัสสวนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรฟังธรรมเพื่อให้
คนสนใจฟังและได้รับควำมสุขจำกกำรฟังธรรม
9) ธัมมเทสนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรสั่งสอนหรือ
แสดงธรรมเพื่อให้ควำมรู้แก่ผู้อื่น
10) ทิฏฐชุกัมม์ หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรทำำควำมเห็นให้
ตรงเพื่อกำรรู้จักมองสิ่งต่ำงๆตำมควำมเป็นจริง
สรุปได้ว่ำ บุญกิริยำวัตถุ 10 จะช่วยให้กำรดำำเนินชีวิตของ
บุคคลสำมำรถละจำกควำมโลภ ควำมโกรธและควำมหลงได้เพื่อทำำให้
จิตใจผ่องใสบริสุทธิ์
6.มงคลชีวิต 38 ประกำร
ในกำรศึกษำมงคลชีวิตให้เข้ำใจง่ำย ให้เรำสมมติตัวเองว่ำเป็นพ่อแม่
และถำมตัวเองว่ำ เรำอยำกจะให้ลูกเรำเป็นคนมีคุณสมบัติอย่ำงไร
หรือสมมติว่ำเรำเป็นพี่ เรำอยำกจะให้น้องเรำเป็นคนมีคุณสมบัติ
อย่ำงไร หรือสมมติว่ำเรำเป็นเจ้ำของบริษัทใหญ่ เรำอยำกจะให้
พนักงำนของเรำมีคุณสมบัติอย่ำงไร
เรำจะพบคำำตอบว่ำ คนที่เรำต้องกำร ซึ่งเป็นลักษณะของคน
ที่สมบูรณ์นั้นคือ
1 ต้องเป็นคนดี พวกคนเกเร เกะกะ เกกมะเหรกไม่มีใครชอบ
ไม่มีใครต้องกำร ทุกที่ต้องกำรแต่คนดี
2 ต้องเป็นคนที่มีควำมพร้อมในกำรฝึกตัวเอง มีปัจจัย
สนับสนุนในกำรทำำงำนในกำรสร้ำงควำมดี
3 ต้องเป็นคนมีประโยชน์ มีฝีมือ ทำำงำนได้ ทำำงำนเป็นพูด
เป็น ไม่ใช่เป็นคนมีไฟแรงแต่ฝีมือไม่มี จับงำนอะไรละก็พังทุกที
อย่ำงนั้นไม่มีใครต้องกำร
4 ต้องเป็นคนมีครอบครัวอบอุ่นสำมัคคี ไม่มีกำรทะเลำะเบำะ
แว้งกัน และมีฐำนะมั่นคง
5 ต้องเป็นคนมีนำ้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น ไม่เห็นแก่ตัว แต่
รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม
ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นคุณสมบัติของคนที่ใคร ๆ ก็ต้องกำร แต่เรำก็
ไม่รู้ว่ำทำำอย่ำงไรคุณสมบัติเหล่ำนี้จึงจะเกิดขึ้นได้ ควำมจริงพระ
สัมมำสัมพุทธเจ้ำได้ตรัสสอนเรำไว้แล้ว ซึ่งก็คือหลักมงคลชีวิต
นั่นเอง
มงคลสูตรทั้ง 38 ข้อนั้น แบ่งได้เป็น 10 หมู่ 5 หมู่แรก
เป็นข้อปฏิบัติในกำรสร้ำงชีวิต เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องพบต้องปฏิบัติใน
ชีวิตประจำำวัน ส่วน 5 หมู่หลังเป็นกำรฝึกใจโดยตรง ใครทำำตำม
หลักมงคล 5 หมู่แรกละก็คุณสมบัติ 5 ข้อที่เรำต้องกำรก็จะเกิดขึ้น
มำดังนี้
มงคลหมู่ที่ ๑ ฝึกให้เป็นคนดี
มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพำล
มงคลที่ ๒ คบบัณฑิต
มงคลที่ ๓ บูชำบุคคลที่ควรบูชำ
มงคลหมู่ที่ ๒ สร้ำงควำมพร้อมในกำรฝึกตัวเอง
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมำะสม
มงคลที่ ๕ มีบุญวำสนำมำก่อน
มงคลที่ ๖ ตั้งตนชอบ
มงคลหมู่ที่ ๓ ฝึกตนให้เป็นคนมีประโยชน์
มงคลที่ ๗ เป็นพหูสูต
มงคลที่ ๘ มีศิลปะ
มงคลที่ ๙ มีวินัย
มงคลที่ ๑๐ มีวำจำสุภำษิต
มงคลหมู่ที่ ๔ บำำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว
มงคลที่๑๑ บำำรุงบิดำมำรดำ
มงคลที่๑๒ เลี้ยงดูบุตร
มงคลที่๑๓ สงเครำะห์ภรรยำ (สำมี)
ม ง ค ล ที่ ๑ ๔ ทำำ ง ำ น ไ ม่ คั่ ง ค้ ำ ง
มงคลหมู่ที่ 5 บำำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
มงคลที่ ๑๕ บำำเพ็ญทำน
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม
มงคลที่๑๗ สงเครำะห์ญำติ
มงคลที่๑๘ ทำำงำนไม่มีโทษ
มงคลหมู่ที่ ๖ ปรับเตรียมสภำพใจให้พร้อม
มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจำกบำป
มงคลที่ ๒๐ สำำรวมจำกกำรดื่มนำ้ำเมำ
มงคลที่ ๒๑ ไม่ประมำทในธรรม
มงคลหมู่ที่ ๗ กำรเเสวงหำธรรมะเบื้องต้นใส่ตัว
มงคลที่ ๒๒ มีควำมเคำรพ
มงคลที่ ๒๓ มีควำมถ่อมตน
ม ง ค ล ที่ ๒ ๔ มี ค ว ำ ม สั น โ ด ษ
มงคลที่ ๒๕ มีควำมกตัญญู
มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตำมกำล
มงคลหมู่ที่ ๘ กำรเเสวงหำธรรมะเบื้องสูงใส่ตัวให้เต็มที่
มงคลที่ ๒๗ มีควำมอดทน
มงคลที่ ๒๘ เป็นคนว่ำง่ำย
มงคลมี่ ๒๙ เห็นสมณะ
มงคลที่ ๓๐ สนทนำธรรมตำมกำล
มงคลหมู่ที่ ๙ กำรฝึกภำคปฏิบัติเพื่อกำำจัดกิเลสให้สิ้นไป
มงคลที่ ๓๑ บำำเพ็ญตบะ
มงคลที่ ๓๒ ประพฤติพรหมจรรย์
มงคลที่ ๓๓ เห็นอริยสัจ
มงคลที่ ๓๔ ทำำพระนิพพำนให้เเจ้ง
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2

More Related Content

Viewers also liked

Viswanath pl1
Viswanath pl1Viswanath pl1
Viswanath pl1mxk4552
 
A Brief History of Crowdfunding
A Brief History of CrowdfundingA Brief History of Crowdfunding
A Brief History of CrowdfundingEduard Abramovich
 
Trend zoom step by step
Trend zoom step by stepTrend zoom step by step
Trend zoom step by stepDoğa Doğa
 
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2Sutee Tee
 
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORT
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORTCROWDFUNDING INDUSTRY REPORT
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORTEduard Abramovich
 
Elumen Sales Brochure
Elumen Sales BrochureElumen Sales Brochure
Elumen Sales BrochureDoğa Doğa
 
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de Calais
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de CalaisUsages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de Calais
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de CalaisCITC-EuraRFID
 
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...Petit Web
 
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devis
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devisFR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devis
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devisA3C - Expert Comptable à Dunkerque
 
Formation gestion de projet - 04 - le cadrage
Formation gestion de projet - 04 - le cadrageFormation gestion de projet - 04 - le cadrage
Formation gestion de projet - 04 - le cadrageiafactory
 
Présentation laconique ebloo-group 2011
Présentation laconique ebloo-group 2011Présentation laconique ebloo-group 2011
Présentation laconique ebloo-group 2011ebloo GROUP
 
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”Salon e-tourisme #VeM
 
Identifier les risques
Identifier les risquesIdentifier les risques
Identifier les risquesCarine Pascal
 

Viewers also liked (20)

N.f.p1 copy
N.f.p1   copyN.f.p1   copy
N.f.p1 copy
 
the future of crowdfunding
 the future of crowdfunding the future of crowdfunding
the future of crowdfunding
 
what is iptv ?
what is iptv ?what is iptv ?
what is iptv ?
 
Query Agent
Query Agent Query Agent
Query Agent
 
Viswanath pl1
Viswanath pl1Viswanath pl1
Viswanath pl1
 
infografia
infografiainfografia
infografia
 
A Brief History of Crowdfunding
A Brief History of CrowdfundingA Brief History of Crowdfunding
A Brief History of Crowdfunding
 
Trend zoom step by step
Trend zoom step by stepTrend zoom step by step
Trend zoom step by step
 
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2
 
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORT
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORTCROWDFUNDING INDUSTRY REPORT
CROWDFUNDING INDUSTRY REPORT
 
Elumen Sales Brochure
Elumen Sales BrochureElumen Sales Brochure
Elumen Sales Brochure
 
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de Calais
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de CalaisUsages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de Calais
Usages & acteurs des technologies sans contact en Nord-Pas de Calais
 
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...
Du Mediaplanning au Content Management - Présentation Coca-Cola au Petit Club...
 
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devis
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devisFR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devis
FR - Paramétrage - La personnalisation de la facture et du devis
 
Formation gestion de projet - 04 - le cadrage
Formation gestion de projet - 04 - le cadrageFormation gestion de projet - 04 - le cadrage
Formation gestion de projet - 04 - le cadrage
 
WP7-SDMT
WP7-SDMTWP7-SDMT
WP7-SDMT
 
Vidéoportez nous dans vos destinations
Vidéoportez nous dans vos destinationsVidéoportez nous dans vos destinations
Vidéoportez nous dans vos destinations
 
Présentation laconique ebloo-group 2011
Présentation laconique ebloo-group 2011Présentation laconique ebloo-group 2011
Présentation laconique ebloo-group 2011
 
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”
Atelier IE10 Google+ : le réseau social qui fédère les services “Google”
 
Identifier les risques
Identifier les risquesIdentifier les risques
Identifier les risques
 

Similar to ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2

ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนา
ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนาศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนา
ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนาpentanino
 
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...Mahasarakham Business School, Mahasarakham University
 
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิช
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิชเปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิช
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิชแผนงาน นสธ.
 
หลักสูตร51สู่ห้องเรียน
หลักสูตร51สู่ห้องเรียนหลักสูตร51สู่ห้องเรียน
หลักสูตร51สู่ห้องเรียนPitima Boonprasit
 
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)ประพันธ์ เวารัมย์
 
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนหลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนthanathip
 
DHS_PCA-CUPบ้านนา
DHS_PCA-CUPบ้านนาDHS_PCA-CUPบ้านนา
DHS_PCA-CUPบ้านนาAuamporn Junthong
 
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชน
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชนการพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชน
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชนsoftganz
 
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนathapol anunthavorasakul
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 
เสริมสร้างคุณธรรม
เสริมสร้างคุณธรรมเสริมสร้างคุณธรรม
เสริมสร้างคุณธรรมchanhom357
 
1281507500 sex 3
1281507500 sex 31281507500 sex 3
1281507500 sex 3Nok Tiwung
 
9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษาWatcharin Chongkonsatit
 
9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษาWatcharin Chongkonsatit
 

Similar to ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2 (20)

ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนา
ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนาศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนา
ศึกษาการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวพระพุทธศาสนา
 
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...
Social-class (ชนชั้นทางสังคมกับพฤติกรรมผู้บริโภค : บทที่ 5 ) สำหรับนิสิต วิชา...
 
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิช
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิชเปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิช
เปลี่ยนกระบวนทัศน์อุดมศึกษาไทย วิจารณ์ พานิช
 
ชื่อโครงการ 57
ชื่อโครงการ 57ชื่อโครงการ 57
ชื่อโครงการ 57
 
หลักสูตร51สู่ห้องเรียน
หลักสูตร51สู่ห้องเรียนหลักสูตร51สู่ห้องเรียน
หลักสูตร51สู่ห้องเรียน
 
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
 
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)
นักบริหารงานสวัสดิการสังคม(ต้น สูง)
 
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนหลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
 
DHS_PCA-CUPบ้านนา
DHS_PCA-CUPบ้านนาDHS_PCA-CUPบ้านนา
DHS_PCA-CUPบ้านนา
 
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชน
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชนการพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชน
การพัฒนาคุณภาพในการทำงานชุมชน
 
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชนภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
ภาวะผู้นำการศึกษากับชุมชน
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
เสริมสร้างคุณธรรม
เสริมสร้างคุณธรรมเสริมสร้างคุณธรรม
เสริมสร้างคุณธรรม
 
05 ethics
05 ethics05 ethics
05 ethics
 
QA forstudent 300511
QA forstudent 300511QA forstudent 300511
QA forstudent 300511
 
หน่วยที่๔
หน่วยที่๔หน่วยที่๔
หน่วยที่๔
 
1281507500 sex 3
1281507500 sex 31281507500 sex 3
1281507500 sex 3
 
9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา
 
9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา9 การให้สุขศึกษา
9 การให้สุขศึกษา
 

ต้นฉบับพัฒนา ปรับปรุง2

  • 1. คำำนำำ เอกสำรประกอบกำรเรียนวิชำกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม ที่ท่ำนถืออยู่ในขณะนี้ผู้เขียนและคณะได้ร่วมกันพัฒนำขึ้นจำก หลักสูตรรำยวิชำกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม (Life and Social Skills ) รหัส 01-120-001 มีวัตถุประสงค์ ให้นักศึกษำใน ระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง (ปวส.) มีควำมเข้ำใจในกำร พัฒนำตนเอง ให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนเป็นผู้มีจรรยำ ในวิชำชีพ สำมำรถพัฒนำตนเองให้ทำำงำนร่วมกับผู้อื่น ได้อย่ำงมี ควำมสุข และ สำมำรถสร้ำง แนวคิด และ ทัศนคติที่ดีในกำรดำำรง ชีวิตในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข ปัญหำสังคมที่เกิดในปัจจุบัน เกิดจำก กำรที่คนเรำขำด คุณธรรมจริยธรรม และควำมรับผิดชอบต่อส่วนรวม และตนเอง มุ่ง เอำแต่ประโยชน์ส่วนตน ขำดกำรปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมและค่ำ นิยมที่ถูกต้อง ซึมซับ และเรียนรู้วัฒนธรรม และวิทยำกำรจำกอำรยะ ประเทศ โดยปรำศจำกกำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ สร้ำงแบบกำร ดำำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้องตำมทำำนองคลองธรรม ของสังคมไทย ดังนั้นผู้ เขียนจึงมีควำมมุ่งหมำยที่ จะพัฒนำผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดกระบวนกำร คิด อย่ำงมีเหตุผล และมุ่งปลูกฝังให้มีควำมตระหนักถึงค่ำนิยม และ สำำนึกในควำมเป็นไทย เพื่อให้สอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ตำม แผนกำรศึกษำแห่งชำติ ที่ต้องกำรให้ผู้เรียน คิดเป็น ทำำเป็น สำมำรถ อยู่ในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข และผู้เขียนมีควำมเชื่อในทฤษฎี พัฒนำกำรมนุษย์ ของอับบรำฮัม มำสโลว์ ว่ำ “มนุษย์สำมำรถพัฒนำ ได้เมื่อได้ทำำในสิ่งที่ตนเองได้รับประโยชน์ และสนองควำมต้องกำร ”ของตน เพื่อนำำไปสู่กำรพัฒนำตนเองที่ยังยืนต่อไป เนื้อหำสำระของวิชำนี้มีทั้งหมด 7 หน่วยกำรเรียน ไดแก่ 1. ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 2 ปรัชญำและหลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิต 3. ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคคล 4.หลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิตของบุคล 5 ทีมงำนและกำรทำำงำนเป็นทีม 6. พฤติกรรมมนุษย์ 7. จริยธรรมและจรรยำบรรณในกำรดำำรงชีวิตและในกำร ประกอบอำชีพ กำรพัฒนำตำำรำเรียนเล่มนี้ได้สืบค้นจำกตำำรำที่ผู้ทรงคุณวุฒิ หลำยท่ำน ได้เขียนไว้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ และอ้ำงอิง ผู้เขียน
  • 2. และคณะได้พัฒนำขึ้นเพื่อควำมเหมำะสมกับยุคและสมัยปัจจุบันจึงขอ ขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่ำนด้วยควำมเคำรพยิ่งมำ ณ ที่นี้ สุธี เทศวิรัช สำรบัญ หน่วย เรื่อง หน้ำ หน่วยที่ 1 ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 1.1 ควำมหมำย และ ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพ ชีวิต 1.2 องค์ประกอบกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 1.3 แนวทำงกำรปรับปรุงและพัฒนำคุภำพชีวิตและ สังคม 1.4 นโยบำยกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ตำมแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติฉบับ ที่9 หน่วยที่2 กำรสร้ำงแนวคิดและเจคติในกำรดำำเนินชีวิต ของตนเอง 2.1 ควำมหมำยและควำมสำำคัญ ของปรัชญำ 2.2 กำำเนิดปรัชญำ 2..3 สำขำปรัชญำ 2.4 คุณค่ำของปรัชญำ 2.5 ประโยชน์ของปรัชญำ หน่วยที่3 หลักธรรมพื้นฐำนในกำรดำำรงชีวิตของบุคล 3.1 ควำมหมำยของธรรมะ 3.2 ประโยชน์ของธรรมะ 3.3 หลักธรรมสำำหรับกำรพัฒนำตนเอง 3.4 หน่วยที่4 ภำระหน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคคล 4.1 ควำมหมำยของบทบำทและหน้ำที่ 4.2 หน้ำที่และควำมรับผิดชอบของบุคล
  • 3. 4.3 กำรดำำเนินชีวิตครอบครัวให้มีควำมสุข หน่วยที่ 5 ทีมงำนและกำรทำำงำนเป็นทีม 5.1 ควำมหมำย และควำมสำำคัญของทีมงำน 5.2 องค์ประกอบของกำรทำำงำนเป็นทีม 5.3 วิธีครองใจคนและกลยุทธ์ในกำรบริหำรตนเอง หน่วยที่ 6 พฤติกรรมมนุษย์ - ควำมหมำยของพฤติกรรม - ประเภทของพฤติกรรม - สำเหตุของพฤติกรรม - ค่ำนิยม บรรทัดฐำน และเจตคติ หน่วยที่ 7จริยธรรมและจรรยำบรรณในกำรดำำรงชีวิตและใน กำรประกอบอำชีพ 7.1 ควำมหมำย และ ควำมสำำคัญของจริยธรรม 7.2 องค์ประกอบจริยธรรม 7.3 แนวทำงกำรส่งเสริมจริยธรรม
  • 4. กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคม(Life and social Skills) รหัส 01-120-001 ตำมหลักสูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง(ปวส.)พุทธศักรำช 2527 ฉบับปรับปรุงพุทธศักรำช 2536 ของสถำบันเทคโนโลยีรำช มงคล กระทรวงศึกษำธิกำร คำำอธิบำยรำยวิชำ เป็นวิชำที่มีควำมต้องกำรให้ผู้เรียน ศึกษำเกี่ยวกับปรัชญำ และ หลักธรรมในกำรดำำเนินชีวิต และกำรทำำงำนของบุคคล กำรสร้ำง แนวคิดและทัศนคติต่อตนเอง ธรรมะกับกำรสร้ำงคุณภำพชีวิต บทบำทหน้ำที่และควำมรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น กำรบริหำร ตนเองให้เข้ำกับชีวิตและสังคม และกำรปรับตนเพื่อร่วมกิจกรรมทำง สังคม เทคนิคกำรครองใจคน กำรสร้ำงผลผลิตในกำรทำำงำนให้มี ประสิทธิภำพ จุดมุ่งหมำยรำยวิชำ วิชำนี้มีจุดประสงค์ให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมกำรเรียนรู้ในด้ำนต่ำง ๆ ดังนี้ 1. เพื่อให้นักศึกษำมี แนวควำมคิด และเจคติที่ถูกต้องในกำร ดำำรงชีวิตของตนเอง กำร อยู่ร่วมกันในสังคม ตลอดจน วิธีทำำงำน ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ 2. สำมำรถนำำหลักเกณฑ์ เทคนิควิธีกำรไปประยุกต์ใช้ ในกำร ดำำรงชีวิตและประกอบ สัมมำชีพได้อย่ำงถูกต้อง 3. พัฒนำพฤติกรรม และลักษณะนิสัยในกำรทำำงำนของ นักศึกษำให้เป็นผู้นำำและผู้ตำมที่ดี 4. พัฒนำให้นักศึกษำเป็นผู้มีคุณสมบัติด้ำน คุณธรรม จริยธรรม จรรยำวิชำชีพ ตลอดจน มีระเบียบวินัยในสังคมสำมำรถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมีควำม สุข
  • 5. หน่วยที่ 1 ควำมรู้เบื้องตนเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 1.จุดประสงค์ทั่วไป หน่วยนี้มุ่งพัฒนำผู้เรียนให้เกิดควำมรู้ ควำมเข้ำใจใน บริบท โดยทั่วไปของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ควำมหมำย และควำมสำำคัญ ของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต องค์ประกอบที่สำำคัญในกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิตที่ใช้เป็นแนวทำงในกำรดำำเนินชีวิต เสริมสร้ำงเจคติ ใน กำรพัฒนำตนเองทั้งทำงร่ำงกำยและจิตใจแนวทำงในกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิตตลอดจนแผนพัฒนำเศรษบกิจและสังคมแห่งชำติฉบับที่ 9 ที่กำำหนดแผนในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของคนสังคมเอำไว้ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1.ให้เข้ำใจควำมหมำยและ ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพ ชีวิต 2. เข้ำใจองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 3. เข้ำใจแนวทำงกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 3.เนื้อหำสำระ 1. ควำมหมำยของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต 2. ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต 3 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 4. แนวทำงกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 5. 4. กิจกรรมเสนอแนะ 1. ศึกษำเนื้อหำสำระและควำมสัมพันธ์ของเนื้อหำแต่ละตอน 2. ฝึกคิดวิเครำะห์จำกบทกลอนคำำสอนท่ำนพุทธทำส “เป็น ”มนุษย์ 3. กิจกรรมฝึกคิด 1+1=1 ได้หรือไม่ ? เพรำะเหตใด?
  • 6. 4. กิจกรรมฝึกคิด รถยนต์ + ช้อน=? 5. ทำำแบบฝึกหัดท้ำยบท 6. ศึกษำค้นคว้ำเพิ่มเติมจำกแหล่งข้อมูลอื่นๆให้เข้ำใจ กว้ำงขวำงยิ่งขึ้น 7.สรุปเป็นแผนที่ควำมคิด (My maping) ควำม หมำย ควำม หมำย ควำม สำำคัญ ควำม สำำคัญ องค์ระกอบ กำรพัฒนำ องค์ระกอบ กำรพัฒนำ แผนพัฒนำ เศรษฐกิจ 9 แผนพัฒนำ เศรษฐกิจ 9 กำรพัฒนำ คุณภำพชีวิต
  • 7. หน่วยที่1 ควำมรู้เบื้องตนทั่วไปเกี่ยวกับกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต 1. ควำมหมำยของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต คำำว่ำ “ ”พัฒนำ ตำมพจนำณุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.2525 หมำยถึง ควำมเจริญ ทำำให้เจริญ ส่วนคำำว่ำ “กำร ”พัฒนำ ปฬำณี ฐิติวัฒนำ (2535 : 3) กล่ำวว่ำ ตรงกับควำมหมำย ในภำษำอังกฤษว่ำ development ซึ่งมีควำมหมำย หลำยแนวคิด เช่น กำรเปลี่ยนแปลงระบบที่กำรกระทำำ เช่นกำรเปลี่ยนแปลงของ ทำรก จำกระยะต่ำงๆ ทำงสังคมวิทยำ หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงทำง ด้ำน ปริมำณ คุณภำพ และโครงสร้ำงของสังคมด้วย เช่นกำร ทำำควำมเจริญ , กำรเปลี่ยนแปลงในทำงเจริญขึ้น , กำรคลี่คลำยใน ทำงที่ดี ดังนั้นเมื่อรวมกับคุณภำพชีวิต จึงหมำยถึงกำรทำำชีวิตให้มี คุณภำพดีขึ้นในทำงที่ดี คุณภำพชีวิต เป็นคำำที่แพร่หลำย ไม่ว่ำจะอยู่ ในหน่วยงำนสำขำใดก็ตำม คุณภำพชีวิตจะถูกกล่ำวถึงเสมอว่ำเป็น เป้ำหมำยในกำรพัฒนำ เช่น นิพนธ์ คันธเสวี (อ้ำงถึงในวิภำพร มำพบสุข มปท :3)ให้ควำม หมำยของคุณภำพชีวิตว่ำ “คือระดับของกำรดำำรงชีวิตของมนุษย์ตำม องค์ประกอบของชีวิตอันได้แก่ ทำงร่ำงกำย อำรมณ์ สังคม ควำมคิด ”และจิตใจ อวย เกตุสิห์ (2526 : 1) ให้คำำนิยำมคุณภำพชีวิตว่ำ “ กำรมี ร่ำงกำยปกติ มีจิตใจปกติ มีควำมสำำเร็จในหน้ำที่กำรงำนและมีควำม สำำเร็จในสังคม สิปนนท์ เกตุทัต (2538 :2) ให้ควำมหมำยคุณภำพชีวิตว่ำ “คือ ชีวิตที่มีควำมสุข ชีวิตที่สำมำรถปรับตัวเองให้เข้ำกับธรรมชำติ และ สิ่งแวดล้อมได้ ทั้งสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพ สิ่งแวดล้อมทำงสังคม และ สำมำรถปรับ ธรรมชำติ สิ่งแวดล้อม และสังคมให้เข้ำกับตน โดยไม่ เบียดเบียนผู้อื่นหรือกล่ำวสั้น ๆคือกำรเรียนรู้ธรรมชำติ จนปรับตนเอง ”และธรรมชำติให้เข้ำกันได้โดยไม่เบียดเบียนกัน
  • 8. พัทยำ สำยหู (อ้ำงถึงในฤดี กรุดทอง:1973-70) กล่ำวว่ำชีวิตที่ มีคุณภำพคือชีวิตที่ทำำประโยชน์ ให้กับผู้อื่นในสังคม ครอบครัว ต้อง เป็นสถำบันแรกที่สร้ำงคุณภำพชีวิต ชัยวัฒน์ ปัณจพงษ์ (อ้ำงถึงใน ฤดี กรุดทอง ,2521) ให้ควำม หมำยคุณภำพชีวิตว่ำ หมำยถึงชีวิตที่ไม่เป็นภำระไม่ก่อให้เกิดปัญหำ สังคมเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ทั้งร่ำงกำยและจิตใจ สรุปได้ว่ำ คุณภำพชีวิต หมำยถึง กำรที่บุคคลสำมำรถ ดำำรงชีวิตและดำำเนินกิจกรรมทั้งหลำยของชีวิตด้วย พละ กำำลัง ควำมรู้ ควำมสำมำรถทั้งปวงที่ตนมีอยู่ด้วยควำมรำบ รื่นทั้งร่ำงกำยและจิตใจรวมถึงควำมปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน และได้รับกำรยอมรับนับถือจำกสังคมที่ตนเป็น สมำชิกอยู่ตำมสมควร 2. ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุภำพชีวิต ควำมสำำคัญของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตได้ดังนี้ 1 .กำรพัฒนำคุภำพชีวิต ช่วยทำำให้บุคคลมีแนวทำงในกำร ดำำรงชีวิตที่ดีขึ้นจึงส่งผลให้สังคม มีควำมสุขด้วย 2.กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตกระตุ้นให้บุคคลและสังคมเกิดควำม กระตือรือร้นคิดปรับปรุง ตน เองสังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอยู่เสมอ 3. กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตทำำให้บุคคลรู้จักใช้ปัญญำ เหตุผล ควำมมีคุณธรรม จริยธรรม และหลักวิชำ กำรในกำรแก้ปัญหำด้ำนต่ำง ๆ 4.กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตช่วยให้บุคคล ในสังคมอยู่ร่วมกัน อย่ำงสมำนฉันท์ ลดควำมขัด แย้งกันใน สังคม 5. ทำำให้บุคคล และสังคมที่มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจที่จะร่วมมือกัน ใน กำรที่ ส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรม จำรีต ประเพณี และค่ำนิยมที่ ดีงำนในสังคม 3. องค์ประกอบของกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ชีวิตที่มีคุณภำพเป็นวิถีชีวิตที่ทุกคนในสังคมพึงปรำรถณำ ด้วนกันทั้งสิ้น เพรำะเป็นชีวิตที่ดี มีควำมสุข สำมำรถดำำเนินชีวิตได้ และมีสิ่งตอบสนองควำมต้องกำรพื้นฐำนของชีวิตได้ครบถ้วนอันได้แก่
  • 9. ปัจจัย 4 คือ 1.อำหำร 2. เสื้อผ้ำ 3.เครื่องนุ่งห่ม 4.ยำ รักษำโรค ฤดี กรุดทอง( มปท :66) กล่ำวว่ำองค์ประกอบของคุณภำพชีวิต ประกอบด้วย 1. ทำงกำย เช่น ควำมต้องกำรกิน หลับนอน และสืบพันธุ์ 2. ทำงอำรมณ์ได้แก่ควำมอยำกสนุกสนำน สดชื่น รื่นเริง เจริญ หูเจริญตำ เจริญใจ รัก อบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย 3. ทำงสังคม เช่นควำมต้องกำรมีหน้ำมีตำ มีคนยกย่อง 4. ทำงควำมคิด ต้องกำรรู้และเข่ำใจ ค้นคิดหำวิธีป้องกันแก้ ปัญหำให้ตัวเองมีชีวิตที่สุขสบำย 5. ทำงจิตใจ ต้องกำรที่ยึดเหนี่ยวทำงใจ สำยสุรี จุติกุล (2523 : 15-18 ) ได้กล่วถึงคุณภำพชีวิตของคนไทย ว่ำกำรที่คนไทยจะมีคุณภำพชีวิตที่ดี นั้น ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐำนหลัก 5 ประกำรคือ 1. สุขภำพร่ำงกำยดี 2. สุขภำพจิตดี 3. มีกำรพัฒนำสติ ปัญญำ 4. มีคุณธรรม และจริยธรรมดี 5. มีควำมเป็นคนไทย ยูเนสโก Unesco 1981:1( อ้ำงถึงในวิภำพร มำพบสุข มปท.: 23), ) ชี้ให้เห็นว่ำปัจจัยที่มีควำมสัมพันธ์ กันคุณภำพชีวิตของคนในสังคมได้แก่ 1.อำหำร 2.สุขภำพอนำมัยและโภชนำกำร 3.กำรศึกษำ 4. สิ่งแวดล้อมและทรัพยำกร 5. กำรมีงำนทำำ 6 . ค่ำนิยม ศำสนำ จริยธรรม กฎหมำย 7. ที่อยู่อำศัย กำรตั้งถิ่นฐำน 8 .ปัจจัยด้ำนจิตวิทยำ ดังนั้นกำรที่จะกำำหนดเกณฑ์ของคุณภำพชีวิตของคนใน สังคมจึงแตกต่ำงกันไปตำมองค์ประกอบและบริบทของสังคม นั้น ๆ พอสรุปได้ว่ำ องค์ประกอบำของคุณภำพชีวิตควร ประกอบด้วย
  • 10. 1. องค์ประกอบด้ำนร่ำงกำยได้แก่ ปัจจัยสี่ คือ อำหำร ที่อยู่ อำศัย เครื่องนุ่งห่ม ยำรักษำโรค 2. องค์ประกอบ ด้ำนอำรมณ์เช่นกำรพักผ่อน กำรแสดงอำรมณ์ที่ เป็นผลจำกควำมสัมพันธ์ในครอบ ครัว ควำมรักในหมู่คณะ 3. องค์ประกอบด้ำนจิตใจได้แก่ ควำมมีระเบียบวินัย ค่ำนิยมทำง วัฒนธรรม ควำมรู้ สติปัญญำ ควำมสำมำรถป้องกัน แก้ปัญหำในระดับ บุคคล ครอบครัว กำรมีเป้ำหมำยในชีวิต ควำมซื่อสัตย์สุจริต เอื้ออำรี ต่อกันควำมกตัญญู เสียสละ และจงรักภักดี มีควำมศรัทธำในศำสนำ เป็นต้น 4. องค์ประกอบด้ำนสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่กำรที่บุคคลมี มนุษย์สัมพันธ์ที่ดี สำมำรถครองใจคนได้ มีควำมสำมำรถในกำรปรับ ตนให้เข้ำกับบุคลอื่นในสังคมได้ ไม่ว่ำจะเป็น โรงเรียน ที่ทำำงำน สังคมที่อยู่อำศัย รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีและ วัฒนธรรมของ องค์กรที่เป็นสมำชิกอยู่แลดำำเนินชีวิตอยู่ได้อย่ำงมีควำมสุข 4 . แนวทำงกำรพัฒนำและปรับปรุงคุณภำพชีวิต กำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกส่วน ที่เกี่ยวข้องอย่ำงจริงจัง เป็นรูปธรรมจึงจะประสบควำมสำำเร็จลงได้ แนวทำงกำรปรับปรุงและพัฒนำคุณภำพชีวิตของคนในสังคมพอสรุป ได้ดังนี้ 4.1 กำรพัฒนำปรับปรุงโดยภำครัฐ 4.2 กำรปรับปรุงโดยสมำชิของสังคม 4.2.1 กำรพัฒนำด้ำนสุขภำพร่ำงกำย 4.2.3 กำรพัฒนำด้ำนจิตใจ 4.2.3 กำรพัฒนำด้ำนสังคม 4.2.4 กำรพัฒนำด้ำนสติปัญญำและควำมรู้ จำกบริบทเบื้องต้น ที่กล่ำวมำ แสดงให้เห็นชัดเจนถึง ควำมสำำคัญ จุดมุ่งหมำย และวัตถุประสงค์ ในกำรพัฒนำ และ กำรยกระดับคุณภำพชีวิตของคนในสังคมอย่ำงแท้จริงที่ต้อง ประกอบด้วยจุดมุ่งหมำยและเจตนำของภำครัฐ เพรำะกำร พัฒนำประเทศชำติที่แท้จริงต้องพัฒนำที่คน และต้องยึด คน เป็นศูนย์กลำงกำรพัฒนำ เพรำะคนเป็นองค์ประกอบสำำคัญ ของสังคมและประเทศชำติ เมื่อคนได้รับกำรพัฒนำให้มี
  • 11. คุณภำพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้ำน แล้วแสดงว่ำประเทศชำตินั้น ๆ มีสังคมที่มั่นคงแข็งแรงอันจะทำำให้เกิดกำรพัฒนำที่ยังยืนต่อ ไป หน่วยที่ 2 ปรัชญำในกำรดำำเนินชีวิต กำรพัฒนำตนเองให้ประสบควำมสำำเร็จได้นั้น ต้องเกิด จำกแรงผลักดันที่มีอยู่ภำยในของเรำ และแรงผลักดันนั้น ก็คือ ควำมตั้งใจ และควำมแน่วแน่ ในกำรพัฒนำ ตนเอง และจะประสบควำมสำำเร็จได้ ก็ต้องมีควำมคิด และทัศนะคติที่ดีต่อกำรใช้ชีวิต และกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิตจะสำำเร็จได้ ต้องมีแนวทำง และหลักกำรเพื่อยึดเป็นกรอบ ในกำรดำำเนินกำร อันได้แก่ “ ”ปรัชญำในกำรดำำรงชีวิต 1 . ควำมหมำยของปรัชญำ อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2520 : 1) ได้กล่ำวถึงควำมหมำย “ของปรัชญำไว้ว่ำ ”ปรัชญำ เป็นภำษำสันสกฤต ตรงกับคำำภำษำบำลี
  • 12. ว่ำ “ ”ปัญญำ ซึ่งพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำนได้ให้ควำมหมำย “ ”ปัญญำ ว่ำ “ ควำมรู้แจ้ง ,ควำมรอบรู้ ,ควำมสุขุม , ”ควำมลำด ส่วนคำำ ว่ำ“ปรัชญำ” ”ได้ให้ควำมหมำยไว้ว่ำ เป็นวิชำที่ว่ำด้วยหลักควำมรู้และ ”ควำมจริง บุญมี แท่นแก้ว (2536: 1) กล่ำวถึงควำมหมำยปรัชญำไว้ว่ำคำำ ว่ำปรัชญำมำจำกรำกศัพท์ ภำสันสกฤตว่ำ “ ”ปร (อุปสรรค) แปลว่ำ รอบ , ประเสริฐ “และ ”ชญำ แปลว่ำ รู้, เข้ำใจ ดังนั้น “ ”ปรัชญำ จึงแปลว่ำ ควำม รอบรู้ , ควำมรู้ประเสริฐ ได้แก่ควำมรู้ที่เกิดหลังจำกสิ้นสงสัย หรือ ควำมแปลกใจ ควำมรู้ที่ประกอบด้วยเหตุผล จึงพยำยำมจะรู้ในสิ่งนั้น ให้ได้ แต่ควำมรู้ทุกอย่ำงย่อมหำที่สิ้นสุดได้ยำก เมื่อเรำหำควำมรู้ใน สิ่งหนึ่งได้ ก็จะพยำยำมค้นหำควำมรู้ในสิ่งอื่นๆอีกต่อไป ดังนั้นกำร แสวงหำควำมรู้จึงไม่มีที่สิ้นสุด เพรำะทุกสิ่งไม่สำมำรถจะรู้เห็นได้ด้วย ดวงตำธรรมดำ แต่เมื่อเรำได้บรรลุถึงควำมรู้ขั้นสุดยอด(Ultimate reality)แล้ว ควำมอยำกรู้หรือควำมสิ้นสงสัยก็จะหมดไปทันที เพรำะ สิ่งที่เรำอยำกรู้ต่อไปอีก ไม่เหลืออยู่ ก็คือ เรำได้ควำมรู้ที่สูงสุดสมบูรณ์ อันเป็นควำมรู้อันประเสริฐแล้ว และอีกควำมหมำยหนึ่ง “ ควำมรู้ทำงโลกียธรรม และควำมรู้ทำง โลกุตลธรรม ย่อมประจักรแจ้งแก่เรำ นั่นคือ เรำไม่มีควำมสงสัยที่จะค้น ต่อไปอีกแล้ว หรือควำมรู้ดังกล่ำวได้พำเรำข้ำมพ้นแดนสงสัย หรือ ควำมมืดมนแห่งชีวิตเรำเสียได้จึงนับว่ำเป็นควำมรู้อันประเสริฐ ดังนั้น ปรัชญำจึงไดแก่ “ควำมรู้ภำยหลังเมื่อสิ้นควำมสงสัยหรือควำม ”แปลกใจแล้ว “ปรัชญำ” พระเจ้ำวรวงค์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงษ์ประพันธ์ทรง บัญญัติศัพท์มำจำกภำษำ อังกฤษว่ำ “ Philosophy” ซึงมำจำกคำำ ฝรั่งเศสโบรำณ ว่ำ Phiosphia ที่แผลงมำจำกภำษำกรีกว่ำ Philosophai ซึ่งในภำษำกรีก ประกอบด้วยคำำ 2 คำำ คือ Philos ตรงกับคำำภำษำอังกฤษว่ำ loving of แปลว่ำ “ควำมรัก ,ควำมเข้ำใจ , ”ควำมเลื่อมใส และคำำว่ำ “Sophia”ตรงกับคำำภำษำอังกฤษว่ำ Wisdom แปลว่ำ ปัญญำ , ควำมฉลำด ,ควำมรู้ ,วิชำ หรือวิทยำ ดัง นั้นควำมหมำยของปรัชญำตำมรำกศัพท์จึงหมำยถึง “ ควำมรักใน ควำมรู้” “ ”ควำมสนใจ ”ควำมเลื่อมใสในควำมรู้ (Loving of wisdom) อลิสโตเติล(Alitotle) นักปรัชญำตะวันตก ได้ให้นิยำม ควำมรู้ ในทำงปรัชญำว่ำหมำยถึงกำรรู้จักตนเอง เป็นวิชำที่ว่ำด้วย ควำม
  • 13. คิดเห็นในปัญหำต่ำงๆ ที่ทุกคนยังสงสัยและปรำรถนำที่จะเรียนรู้ร่วมกัน เป็นควำมคิดเห็นที่ยังไม่มีกำรพิสูจน์ เมื่อใดก็ตำมที่มีกำรพิสูจน์วิชำ ปรัชญำแขนงใดให้เห็นจริงแล้ว วิชำนั้นก็ไม่เรียกว่ำเป็นปรัชญำอีกต่อ ไป เรำเรียกว่ำ เป็นวิทยำศำสตร์ เพรำะได้มีกำรพิสูจน์แล้ว ปรัชญำ ในอีกควำมหมำยหนึ่ง หมำยถึง แนวคิด ควำมเชื่อ คติ หรือข้อคิด ซึ่งมักพบเห็นเป็นปรัชญำชีวิต ที่บุคลสื่อให้ทรำบว่ำ เขำมีแนวควำมคิดหรือ คติ ในกำรดำำเนินชีวิตอย่ำงไร ปรัชญำใน แนวทำงนี้ เป็นแนวทำงปรัชญำที่เรำเรียกว่ำปรัชญำชีวิต สรุปควำมหมำยของปรัชญำ จำกควำมหมำยของ ปรัชญำที่ยกมำพอสรุปได้ว่ำปรัชญำเป็นเรื่องของกำรคิด หำเหตุผลเพื่อสันนิษฐำนควำมเป็นจริง เป็นควำมรู้ที่แท้จริง แน่นอน ลึกซึ้งจนถึงที่สุด เรื่องใดค้นพบควำมจริงแล้ว ไม่ เป็นปรัชญำ 2. ต้นกำำเนิดและวิวัฒนำกำรของปรัชญำ ปรัชญำเกิดขึ้นเมื่อใด ? และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร ? คำำตอบแรกตอบได้ว่ำ ปรัชญำเกิดขึ้นพร้อมกับต้นกำำเนิด มนุษย์ เพรำะหลักฐำนที่นักโบรำณคดีค้นพบจำกหลุมฝังศพมนุษย์นั้น ได้พบเครื่องมือเครื่องใช้อยู่ในหลุมฝังศพ แสดงว่ำมนุษย์เหล่ำนั้นมี ควำมเชื่อเรื่องวิญญำณ คือเชื่อว่ำวิญญำณจะกลับมำเกิดอีก เพื่อผู้ตำย จะได้นำำข้ำวของเครื่องใช้ ไปใช้ได้อีก ควำมคิด และควำมเชื่อง เรื่องวิญญำณ จัดเป็นควำมคิดทำงปรัชญำ และควำมคิดนี้เกิด ขึ้นได้เพรำะมนุษย์สนใจศึกษำสังเกตสิ่งแวดล้อม และควำม เป็นอยู่ของตนเอง จนเกิดโลกทรรศน์ขึ้น(World view) เมื่อมนุษย์มีโลกทรรศน์เป็นของตนเองก็แสดงว่ำเขำมีปรัชญญำ เป็นของตนเองแต่ปรัชญำดังกล่ำวเป็นปรัชญำขั้นตน้ที่ยังไม่เป็นระบบ สำำหรับปรัชญำที่เป็นระบบนั้น ได้เกิดข้นครั้งแรกในตะวันออก คือ อินเดียประมำณ 3000 ปี และ ในตะวันตก คือ ในประเทศกรีก ประมำณ 2700 ปี ล่วงมำแล้ว(1) เพลโต ยืนยันว่ำ ควำมแปลกใจ(Wonder)เป็นบ่อในข้อที่ ว่ำปรัชญำเกิดขึ้นได้อย่ำงไรนั้นทำงฝ่ำยตะวันตกเชื่อว่ำ ปรัชญำเกิดจำกควำมสงสัย หรือควำมแปลกใจ ทำำให้เกิด ปรัชญำ(Philosophy) เช่น เกิดของปรัชญำ(Philosophy) (1) อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ ปรัชญำเบื้องตน (:2521:3-4)
  • 14. เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ เชื่อว่ำ ควำมสงสัย (Doubt)เป็น รำกเหง้ำแห่งปรัชญำ(Philosophy) โซครำตีส บิดำแห่งปรัชญำตะวันตกให้ทรรศนะว่ำ เมื่อ เขำมีควำมสงสัยทุกสิ่ง ทุกประเพณีและทุกพฤติกำรณ์ที่อยู่ รอบ ๆ ตัว เขำก็จะค้นหำคำำตอบเกี่ยวกับควำมสงสัยดังกล่ำว เพือให้ได้มำซึ่งควำมหำยสงสัย ในฝ่ำยตะวันออก มีหลักฐำนเชื่อได้ว่ำปรัชญำ เกิดขึ้น ประมำณ 3000 ปีล่วงมำแล้ว ในประเทศอินเดีย เหตุเกิดมำ จำกกำรกลัวภัยธรรมชำติ เพื่อหำที่พึ่งทำงใจ ที่ยึดเหนี่ยว จิตใจ และปรัชญำยังแบ่งออกเป็นยุคต่ำงๆ 3 ยุค คือ ยุคพระเวท ยุคมหำกำพย์ และยุคระบบปรัชญำทั้ง 6 ปรัชญำตะวันออก ทุกสำำนัก ยกเว้น พุทธะ อำศัย ควำมสงสัย ควำมแปลกใจ เป็น มูลเหตุกำรเกิดปรัชญำ ทั้งสิ้น ในทำงพุทธะจะถือเอำควำมตรัสรู้ เป็นต้นเค้ำของปรัชญำ (อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2520 : 16) เจ้ำชำยสิทธัตถะ เมื่อยังไม่ได้ตรัสรู้ ก็เกิดควำมสงสัยถึง เหตุต่ำง ๆ บนโลก ทำำให้พระองค์ทรงค้นคิดแสวงหำอุบำย วิธีที่จะได้คำำตอบ จนในที่สุดก็ได้คำำตอบ ก็คือ กำร ตรัสรู้(ญำณ) จนหมดสิ้นควำมสงสัย จึงจัดว่ำเป็นมูลฐำนแห่ง ปัญญำ และกำรอธิบำยควำม ตรัสรู้ตำมหลักเหตุผลจัดเป็น ตัวปรัชญำ (บุญมี แท่นแก้ว :2536:4-5) ปรัชญำในประเทศจีน สันนิฐำนว่ำเกิดขึ้นประมำณ 1200 ปี ก่อน พุทธศักรำช เน้นเรื่องควำมรักเพื่อน มนุษย์ มำกกว่ำพระเจ้ำ มนุษย์ และจักรวำลต่ำงก็มีควำมสัมพันธ์สอดคล้องกัน ปรัชญำจีนไม่สนใจว่ำ โลกนี้จะมีผู้สร้ำงหรือไม่ แต่ชำวจีนนับถือพระเจ้ำ เรียกว่ำ “ ”เซียงตี้ เพรำะเชื่อว่ำให้พรและลงโทษได้ บูชำบรรพบุรุษเชื่อว่ำบรรพบุรุษ เป็น บริวำรของพระเจ้ำ ในประเทศญี่ปุ่นมีควำมเชื่อว่ำ พวกตนสืบเชื้อสำยมำจำก พระอำทิตย์ หรือ สุริยะเทพ ถือพระอำทิตย์เป็นเทพสูงสุด เชื่อว่ำ เหตุกำรณ์ต่ำงๆ เกิดจำกกำรบันดำลของเทพ เจ้ำ มีรำกฐำนศำสนำ ใหญ่ อยู่ 2 ศำสนำคือ “ ”ชินโต และ พุทธ นิกำย “ ”เซนต์ ในประเทไทยได้รับอิทธิพลทำงปรัชญำ จำก ตะวันตก และตะวันออกดังนี้ อิทธิพลจำกตะวันออกสู่สังคมไทย ไดรับจำกจีนและอินเดีย
  • 15. 1. ควำมเชื่อเรื่องอมตภำพและวิญญำณ 2. ควำมเชื่อเรื่องพรหมลิขิต 3. ควำมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม 4. ควำมเชื่อเรื่องไสยศำสตร์ 5. ควำมเชื่องกำรหลุดพ้นจำกทุกข์ ในสังคมปัจจุบันเรำติดต่อกับชำวตะวันตกมำกขึ้นจึงได้รับอิทธิพล ทำงปรัชญำที่หลั่งไหลเข้ำมำมำกขึ้นทำำให้เกิดกำรเปลี่ยนปลง และ ผสมผสำนทำงปรัชญำมำกขึ้นด้วย อิทธิพลจำกปรัชญำตะวันตกที่มีต่อสังคมไทย 1.ด้ำนควำมเป็นอยู่ 1.1 ด้ำนควำมสัมพันธ์ 1.2 ด้ำนกำรแต่งกำย 1.3 ควำมสะดวกสบำย 1.4 ด้ำนควำมเท่ำเทียมกันทำงทำงสังคม 2.ค่ำนิยมของสังคมไทย 3.หลักควำมเชื่อหรือหลักควำมรู้ 4.ด้ำนกำรสศึกษำ 5.ด้ำนกำรเมือง ปรัชญำชีวิตของชำวไทยพุทธ ตำมแนวพุทธศำสนำนั้นทรงสั่งสอนให้มนุษย์ดำำเนินชีวิต เพื่อ บรรลุนิพำน คือกำรไม่กลับมำเวียนว่ำยในวัฏสงสำรอีก โดยมีพื้นฐำนกำรดำำเนินชีวิตตำมหลักคำำสอนดังนี้ 1. ละเว้นควำมชั่ว 2. ประพฤติดี 3 .ทำำจิตใจให้สะอำดผ่องใส จำกประวัติปรัชญำ ดังกล่ำวพอสรุปได้ว่ำ 1.ปรัชญำเกิดจำกควำมคิดของมนุษย์ ควำมคิดที่เป็นปรัชญำได้ จะต้องมีเหตุผล และเหตุที่ทำำให้ต้องมีเหตุผลก็คือควำมสงสัย ควำม ประหลำดใจ หรือควำมไม่รู้ สงสัยในธรรมชำติ สงสัยในอำำนำจลึกลับ 2.มนุษย์มีควำมสงสัยในวงจรชีวิตของตนเอง เช่น เกิดมำจำก ไหน ตำยแล้วไปไหน ทำำให้คิดค้นเพื่อหำคำำตอบ 3. สำขำปรัชญำ
  • 16. สุเมธ เมธำวิทยำกุล(2534 :5) กล่ำวว่ำเนื่องจำกปรัชญำมี ขอบเขตกว้ำงครอบคลุมไปทุกสำขำวิชำของวิทยำศำสตร์แต่กำร จำำแนกสำขำของปรัชญำก็ไม่เกิน 3 สำขำซึ่งจำำแนกไว้ตั้งแต่สมัยกรีก โบรำณคือ 1.อภิปรัชญำ 2.ญำณวิทยำ 3.คุณวิทยำ บุญมี แท่นแก้ว (2536:10)ได้จำำแนกสำขำของปรัชญำตะวันตกไว้ 3 สำขำคือ 1. อภิปรัชญำ(Mataphysics)เป็นสำขำที่กล่ำวถึง ปัญหำทั่วๆ ไป เกี่ยวกับ ควำมจริง ธรรมชำติ และพระเจ้ำ ศึกษำว่ำสัจจะ ภำวะ หรือ สภำวะควำมเป็นจริงอันสูงสุด( Ultmate reality) ว่ำ อะไรคือควำมจริงสูงสุด 2. ญำณวิทยำหรือทฤษฎีควำมรู้(Epitermology) คือทฤษฎีว่ำ ด้วยควำมรู้ได้ศึกษำถึงเหตุปัจจัยที่ทำำให้ควำมรู้เกิดขึ้น ศึกษำว่ำอะไร เป็นบ่อเกิดแห่งควำมรู้ อะไรเป็นธรรมชำติแห่งควำมรู้ ขอบเขตควำมรู้ มีกำำหนดแค่ไหน ทฤษฎีควำมรู้มี 6 ทฤษฎีคือ 2.1 เหตุผลนิยม 2.2 ประจักษ์นิยม 2.3 เพทนกำรนิยม 2.4 อนุมำนนิยม 2.5 สัญชำติญำณนิยม 2.6 ประกำศิตนิยม 3.คุณวิทยำ เป็นสำขำที่กล่ำวถึงควำมดีควำมงำม แบ่งเป็น 3 สำขำ 3.1 ตรรกวิทยำ(Logic) เป็นสำขำที่กล่ำวถึง หลักเหตุผล อันแท้จริง ศึกษำกฎเกณฑ์กำร ใช้เหตุผล กำรอ้ำงเหตุผลจะอ้ำงอย่ำงไรจึง จะสมเหตุสมผล 3.2 จริยศำสตร์ (Ethics) เป็นสำขำที่กล่วถึงปัญหำด้ำน จริยธรรมหรือปรัชญำชีวิตเช่นมำตรฐำนกำรตัดสินควำมดีควำม ชั่วในกำรประพฤติของบุคคลว่ำอย่ำงไรดี อย่ำงไรชั่ว อย่ำงไร ถูก อย่ำงไรผิด
  • 17. 3.3 สุนทรียศำสตร์(Aesthetics) เป็นสำขำที่กล่ำวถึง ควำมงำมโดยเฉพำะ อมร โสภณวิเชษฐวงศ์ (2521 : 7)กล่ำวว่ำ ปรัชญำมี 3 สำขำ ใหญ่ คือ 1. ญำณวิทยำ(Epitermology) เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมรู้ 2. ภำววิทยำ(Ontolgy) เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมมีอยู่หรือ อภิปรัชญำ(Mataphysic) เป็นทฤษฎีว่ำด้วยควำมแท้จริงมี 3 สำขำ 2.1 ว่ำด้วยธรรมชำติ 2.2 ว่ำด้วยวิญำณหรือจิต 2.3 ว่ำด้วยพระผู้เป็นเจ้ำ 3.คุณวิทยำ(Axiology)เป็นทฤษฎีว่ำด้วยคุณค่ำหรือ อุดมคติจำำแนกเป็น 4 สำขำย่อย 3.1. ตรรกวิทยำ 3. 2 .จริยศำสตร์ 3.3. สุนทรียศำสตร์ 3.4. เทววิทยำ กิติมำ ปรีดีดิลก สรุปปรัชญำเป็น 4 สำขำคือ 1. อภิปรัชญำ(Meataphysic)ศึกษำ ควำมจริงสูงสุดของสรรสิ่ง ที่เป็นธรรมชำติ 2. ญำณวิทยำ(Epistemology) ศึกกระบวนกำรไดมำซึ่ง ควำมรู้ 3.คุณวิทยำ (Axiology) ศึกษำคุณค่ำของสิ่งของ คุณค่ำ ของมนุษย์ ควำมดีควำมงำม จริย และสุนทรียะคืออะไร 4. ตรรกวิทยำ(Logic) หมำยถึงกำรคิด กำรพูดอย่ำงมีเหตุ มีผล กำรแสดงออกอย่ำงมีกฎเกณฑ์ของกำรใช้เหตุผล ดังนั้นกำรแบ่งประเภทของปรัชญำจึงแตกต่ำงกันไป ยุคและ สมัยนิยม จำกกำรศึกษำปรัชญำทำำให้แต่ละคนเข้ำใจ จุดยืนและโลกทรรศ์ ของตนเอง โลกทรรศ์ก็คือควำมเชื่ออย่ำงเป็นระบบ โลกทรรศ์ของ มนุษย์แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กำรดำำเนินชีวิตของคนเรำในสังคมปัจจุบัน พอจะสรุปได้ว่ำมีวิธีกำรดำำเนินชีวิตตำมโลกทรรศ์ต่ำงๆ ดังนี้ 1. จิตนิยม พวกนี้ยึดถือเอจิตใจเป็นที่ตั้ง ถือว่ำควำมสุขทั้ง หลำยทั้งปวงอยู่ที่ใจ ถ้ำใจมีควำมสุข มีควำมเพียงพอกำยก็จะมี ควำมสุข ด้วย เป็นพวกที่มีควำมซำบซึ้งในวรรณกรรมชอบใช้
  • 18. ควำมคิด ชอบอ่ำน ไม่ยึดติดในเครื่องอำำนวยควำมสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น 2.วัตถุนิยม หรือสสำรนิยม พวกนี้เป็นพวกที่ถือว่ำกำรที่จะ มีควำมสุขในชีวิตต้องเครื่องอำำนวยควำมสะดวกให้ชีวิตเมือ ร่ำงกำยมีควำมสุข แล้วกำยก็จะมีควำมสุขด้วย 3. มนุษย์นิยม พวกนี้ถือว่ำกำรที่จะมีควำมสุขได้ต้อง ประกอบด้วยกำย และจิตใจ กำรมีควำมสุขจิตใจต้องไม่เป็นทุกข์ และกำยต้องได้รับกำรตอบสนองด้วยเครื่องอำำนวยควำมสะดวก ด้วยทั้งหลำยทั้งปวง 4. เสรีนิยม หรือโรแมนติกลิซึ่ม พวกนี้ไม่สนใจกฎเกณฑ์ ใด ๆทั้งสิ้นเป็นพวกที่ชอบทำำตำมใจตนเองปรำรถนำ ไม่สนใจ ควำมรู้สึกของคนอื่น ไม่ยอมอยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคมยึดถือ เอำใจตนเองเป็นที่ตั้ง 4. คุณค่ำของกำรศึกษำปรัชญำ ผลที่ได้จำกกำรศึกษำปรัชญำนั้ไม่สำมรถปรียบได้กับผลกำร ศึกษำทำงศำสตร์แขนงอื่นๆ ที่ทำำให้เกิดควำมรู้ควำมเข้ำใจทันทีแต่ผล ของกำรศึกษำปรัชญำทำำให้เรำเกิดกำรซึบซับเป็นองค์ควำมรู้ที่ต้องมี กำรสรุปและสังเครำะห์ด้วยตนเอง เป็นกำรขัดเกลำทำงปัญญำและ ควำมคิด กำรศึกษำปรัชญำทำำให้ผู้ศึกษำได้รับประโยชน์ที่พอ ส รุ ป ไ ด้ ดั ง นี้ 1. เพื่อให้ผู้ศึกษำได้รู้ควำมจริงของมนุษย์ โลก และจักรวำล 2 เพื่อให้รู้บ่อเกิดธรรมชำติ และขอบเขตของควำมรู้ 3. ทำำให้เป็นคนมีเหตุผล มีโลกทรรศน์ กว้ำงขึ้น 4. ทำำให้เป็นนักปกครองที่ดี 5. ช่วยให้เรำวิพำกย์ วิเครำะห์ ภำษำและควำมคิดรวมยอด 6.ให้คุณค่ำทำงสุนทรีย์ และควำมงำม ก่อให้เกิด ควำมสุข ควำมพอใจ มีจิตใจดีงำม สรุป กำรศึกษำปรัชญำเป็นกำรศึกษำ เพื่อพัฒนำทำงควำมคิดและ โลกทรรศน์ ในแง่มุมต่ำงๆ ทำำให้มองโลกและชีวิตในหลำยมิติ ผลกำร ศึกษำที่ได้เป็นองค์ควำมรู้ที่ผู้เรียนต้องสรุปและสังเครำะห์ด้วยตนเอง
  • 19. หน่วยที่ 3 หลักธรรมพื้นฐำนในกำรดำำรงชีวิตของมนุษย์ หลักธรรมแห่งพระพุทธศำสนำเป็นหลักที่ประกอบไปด้วยเหตุ และผล ที่พระพุทธองค์ทรงใช้สั่งสอนมนุษยชำติ เพื่อสำมำรถดำำรง ชีวิตอยู่ในโลกได้ด้วยควำมผำสุก หลักธรรมของพระพุทธองค์มีสำระ ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่ำงที่มนุษย์จะพึงปฏิบัติต่อกันไว้อย่ำงครบถ้วน สมบูรณ์ ทั้งในด้ำนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบิดำมำรดำกับบุตร สำมีกับ ภรรยำ หัวหน้ำกับลูกน้อง บุคคลต่อบุคคลในฐำนะเพื่อนมนุษย์ กำร ประกอบอำชีพเพื่อครอบครัวมีวำมสุขและกำรปฏิบัติตนเพื่อกำรดำำเนิน ชีวิตที่ดี
  • 20. ดังนั้นกำรศึกษำหลักธรรมคำำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงเป็นสิ่ง สำำคัญสำำหรับพุทธศำสนิกชนทุกคนพึงศึกษำเพื่อให้เกิดควำมเข้ำใจ ในหลักธรรมหมวดต่ำงๆ อย่ำงถ่องแท้ แล้วนำำไปฝึกปฏิบัติในชีวิต ประจำำวันเพื่อให้เกิดผลดีต่อกำรพัฒนำตนเอง และพัฒนำสังคมใน ทุกๆด้ำน ได้แก่กำรปรับปรุงด้ำนกำรศึกษำ ด้ำนเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และกำรลดปัญหำสังคมต่ำงๆให้หมดไปจำกประเทศชำติ ในชั้นนี้ควร ได้เรียนรู้ควำมหมำยของคำำว่ำ “ ”ธรรมะ ก่อนที่จะเรียนรู้ถึงหลักธรรม ในหมวดต่ำงๆ ซึ่งมีรำยละเอียดดังนี้ 3.1 ควำมหมำยของธรรมะ มีควำมหมำยดังนี้ ตำมพจนำนุกรมพุทธ ศำสตร์ให้ควำมหมำย ธรรมะว่ำคือ สภำพที่ทรงไว้ ธรรมดำ ธรรมชำติ ควำมจริง คุณธรรม ควำมดี พระธรรม คำำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้ำ “ ”ธรรม หรือ “ ”ธรรมะ พจนำนุกรมฉบับ รำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.2525 ให้ควำมหมำย ไว้ว่ำ ธรรมะหมำยถึง คุณควำมดี คำำสั่งสอนในศำสนำ หลักประพฤติในศำสนำ ควำมจริง ควำมยุติธรรม ควำมถูกต้อง บุญมี แท่นแก้ว(2538:7) คำำว่ำธรรมแบ่งกันศึกษำได้หลำยรูป แบบเช่น 1 แบ่งเป็นสภำวธรรม คือสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่โดยธรรมชำติ ของมันเอง กับคุณธรรม คือข้อ ปฏิบัติที่คนปฏิบัติแล้วเกิดควำมเจริญรุ่งเรือง 2. แบ่งเป็นรูปธรรม คือสิ่งที่สำมำรถสัมผัสได้ด้วยประสำท สัมผัสทั้ง ห้ำกับนำมธรรมคือ ธรรมะ ฝ่ำยที่ไม่อำจสัมผัสได้ด้วยประสำทสัมผัสทั้ง ห้ำ 3.แบ่งเป็น โลกียธรรม คือธรรมสำำหรับคนทั่วไป และโลลกุตร ธรรม คือ ธรรมที่ผู้บรรลุ ควำม เป็นอริยะปฏิบัติ 4. แบ่งเป็นกุศลธรรม คือธรรม ฝ่ำยที่เป็นควำมดี กับอกุศลธรรม คือ ธรรมฝ่ำยที่ไม่ดี และ อัพยำกตธรรมคือธรรมกลำง ๆ ไม่ดีไม่ชั่ว 5. แบ่งเป็นสังขตธรรม คือธรรมที่มีกำรปรุงแต่ง กับ อสังขต ธรรม คือ ธรรมที่ไม่มีกำรปรุงแต่ง 6 .แบ่งเป็น ควำมจริงสมุติ (สมุติสัจจะ) คือควำมจริงที่เรำสมมุติ เอำ กับ ควำมจริงแท้ (อริยสัจจะ)
  • 21. ท่ำนพุทธทำส ภิกขุ พระนักปฏิบัตธรรม และเป็นพระที่ยกย่องของ คนทั่วโลกเจ้ำอำวำส วัดสวนโมขพลำรำม ท่ำนได้ให้ควำมหมำยของธรรมะไว้ว่ำมี4 ควำมหมำยคือ(1) 1.ที่เป็นตัวธรรมชำติเรียกว่ำ ธรรมะเพรำะร่ำงกำยมนุษย์เกิด จำกจำกธำตุทั้ง 4 คือดิน นำ้ำ ลม ไฟ อำกำศ วิญญำณ 2. ที่เป็นกฎของธรรมชำติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำำให้ร่ำงกำยของเรำ เปลี่ยนแปลงไป ไม่จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงเป็นไปตำมกฎธรรมชำติ 3.เป็นหน้ำที่ของเรำที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตำมกฎธรรมชำติ เพื่อ ให้มีชีวิตอยู่รอด และเพื่อควำมเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงก็เป็นไปตำมกฎ ของธรรมชำติคือทำำกรรมดีก็ได้รับผลดี ทำำกรรมชั่วก็ได้รับผลกรรม นั้นๆ 4. เป็นผลจำกกำรปฏิบัติหน้ำที่ คือผลที่ได้รับจำกกำรกระทำำของ ตนจะเป็นอย่ำงไรก็ขึ้นอยู่กับกำรกระทำำทั้งสิ้นไม่มีใครหรือเทพองค์ใด มำดลบันดำลให้ได้ สรุปได้ว่ำ ธรรมะหมำยถึง สรรพสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชำติทั้งรูป ธรรมและนำมธรรม ซึ่งเป็นไปตำมกฎของธรรมชำติ เกิดมำ ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด ในกำรดำำเนินชีวิตประจำำวัน หำกบุคคลสำมำรถ ปฏิบัติตำมธรรมะของพุทธองค์ก็เท่ำกับว่ำได้ปฏิบัติตำมหลักคำำสอน ของพระองค์แล้ว ดังนั้นคำำสอนของพระพุทธองค์จึงเป็นแนวปรัชญำ ซึ่งเป็น รำกฐำนให้คนได้รู้จักพัฒนำตนเอง เพื่อให้สำมำรถดำำเนินชีวิตได้ถูก ต้องเหมำะสม และได้พัฒนำสังคมเพื่อควำมสุขสงบร่มเย็นของคนใน สังคมที่มีเมตตำกรุณำและให้อภัยต่อกัน พุทธศำสนำที่ชำวไทยให้ ควำมเคำรพนับถือนั้นจะสอนให้เห็นสัจจะของชีวิตที่แท้จริงดังนี้(บุญมี แท่นแก้ว และคณะ :2538:10-16) 1.ไม่ทรงสอนในเรื่องพระเจ้ำสร้ำงโลก ทรงสอนว่ำทุกำสิ่งทุก อย่ำงเกิดขึ้นตำมธรรมชำติ มีอยู่ตำมธรรมชำติ และดับไปตำม ธรรมชำติ 2.ทรงสอนให้เชื่อ ด้วยปัญญำ เชื่ออย่ำงมีเหตุผลไม่ให้งมงำย เช่น ทรงตรัสสั่งสอนชำวกำลำมะในแคว้นโกศล เรื่องควำมเชื่อ เรียก ว่ำ กำลำมสูตร 10 ประกำรคือ 1.อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะได้ฝังตำมกันมำ 2.อย่ำปลงใจเชื่อด้วยกำรถือสืบ กันมำ (1) พุทธทำส ภิกขุ .วธีทำำชีวิตเต็มบริบูรณ์: สำำนักพิมพ์ธรรมสภำ
  • 22. 3. อย่ำปลงใจเชื่อด้วยกำรเล่ำลือ 4. อย่ำปลงใจเชื่อด้วยอ้ำง ตำำรำ หรือ คัมภีร์ 5 .อย่ำปลงใจเชื่อด้วยอ้ำงเหตุผลทำงตรรกะ 6 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะกำรอนุมำน 7 อย่ำปลงใจเชื่อ ด้วยกำรคิดตรองเอำตำมแนวเหตุผล 8 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะตรงตำมควำมเห็นหรือทฤษฎีของ ตนที่คิดไว้ 9. อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะมองเห็นรูปลักษณะว่ำน่ำจะเป็นไป ได้ 10 อย่ำปลงใจเชื่อเพรำะนับถือว่ำสมณะนี้เป็นครูเรำ 3.ให้เชื่อเรื่องกรรม หรือกำรกระทำำของตนเองเป็นสิ่ง สำำคัญ ควำมสุข ควำมทุกข์ ควำมฉลำด ควำมโง่ เป็นเรื่องของ ตนเอง เป็นผู้กระทำำ เป็นผู้รับผลแห่งกำรกระทำำนั้น ๆ ไม่มีเทวดำ อินทร์ พรม หรือพระผู้เป็นเจ้ำจะมำดลบันดำลให้ 4. หลักคำำสอนของพระองค์ คือพระธรรม เป็นคำำสอนของ ท่ำนผู้รู้ ที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรำ คือพระพุทธเจ้ำ ทรงแสวงหำ ทรงค้นคว้ำ ทดลอง พิสูจน์จนพบกฎแห่งควำมจริง คือสูตรแห่งควำม หลุดพ้นจำกอำำนำจมืด คือกิเลส ตัณหำ อวิชำ โมหะ ซึ่งประมวลหลัก คำำสอนของพระองค์ทั้งหมดอยู่ในโอวำท 3 ประกำรคือ 1 ให้เว้น จำกกำรทำำชั่วทุกอย่ำง 2. ให้ทำำควำมดีทุกอย่ำง 3.ให้ชำำระจิตใจ ตนเองให้ผ่องใส 5.ทรงสอนให้พึ่งตนเอง ชนะใจตนเอง สร้ำงคุณงำมควำมดี 3.2 ประโยชน์ของธรรมมะ หลักธรรมที่มนุษย์ใช้เป็นหลักในกำรดำำรงค์ชีวิตนั้นเมื่อพิจำรณำ ให้ดีแล้วจะเกิดประโยชน์ดังนี้ 1. ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำตนเอง กำรปฏิบัติตำมหลักธรรม หรือธรรมะ ก่อให้เกิดผลดีแก่ตนเองในด้ำนกำรดำำเนินชีวิตได้ถูกต้อง เหมำะสม สำมำรถปรับตัวได้ดี สุขภำพกำยสุขภำพจิตดี จนสำมำรถ บรรลุเป้ำหมำยชีวิตที่วำงไว้ได้ 2 .ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำสังคม กำรปฏิบัติตำมหลักธรรม นอกจำกจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย เช่น ทำำให้เกิดควำมสำมัคคี มีมิตรภำพที่ดี ต่อกัน กำรไม่เบียดเบียนกัน กำรเคำรพสิทธิและเสรีภำพของผู้อื่น กำร
  • 23. รู้จักบทบำทและหน้ำที่ควำมรับผิดชอบ ล้วนเป็นหลักธรรมที่จะทำำให้ คนในครอบครัว และสังคมอยู่ร่วมกันอย่ำงมีควำมสุข 3. ประโยชน์ต่อประเทศชำติ หลักธรรมที่บุคคล ทุกคนได้ ประพฤติปฏิบัติทั้งในระดับผู้ปกครองผู้บริหำรและประชำชน ย่อม ทำำให้ทุกคนมีคุณธรรม มีเมตตำกรุณำต่อกัน มีระเบียบวินัย มีควำม ยุติธรรมในสังคม มีกำรเคำรพนับถือต่อกันและทำำให้เกิดควำมสำมัคคี ควำมมีเสถียรภำพ และควำมมั่นคงของประเทศชำติ 3.3 หลักธรรมพื้นฐำนสำำหรับกำรดำำรงชีวิตในครอบครัว หลักธรรมในหัวข้อนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ 2.2.1 หลักธรรมสำำหรับพัฒนำตนเอง 2.2.2 หลักธรรมสำำหรับกำรดำำรงชีวิตในครอบครัว 2.2.3 หลักธรรมสำำหรับดำำเนินชีวิตในครอบครัว 1.2.1. หลักธรรมสำำหรับพัฒนำตนเอง หมำยถึง หลักปฏิบัติที่ ช่วยให้บุคคลสำมำรถดำำเนินชีวิตได้ถูกทำำนองคลองธรรมเพื่อไปสู่เป้ำ หมำยชีวิตที่ดี ในฐำนะที่เรำนับถือพุทธศำสนำอย่ำงน้อนเรำก็ควรมี หลักยึดเหนี่ยวปฏิบัติได้แก่ 1) เบญจศีล- เบญจธรรม 2.) หิริโอตตัปปะ หรือ โลกปำล ธรรม 3.)ขันติ โสรัจจะ 4.) สัปปุริสธรรม 7 5.) นำถกรณีธรรม 10 6.) อริยวัฑฒิ 5 7).กุศล กรรมบถ 10 8).อธิฐำนธรรม 4 9) .บุญกริยำวัตถุ 10 10) .อริยทรัพย์ 7 11) .สุจริต 3 12) .นิวรณ์ 5 13) .มงคลชีวิต 38 ประกำร ในที่นี้จะยกตัวอย่ำงหลักธรรมพอสังเขป 1. เบญจศีล- เบญจธรรม เบญจศีล หมำยถึงข้อห้ำม 5 ประกำรเพื่อเป็นเกรำะป้องกันตน ไม่ให้ทำำชั่วได้แก่ 1) เว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์ตัดชีวิต ทั้งนี้รวมทั้งกำรไม่ ทะเลำะวิวำทหรือทำำร้ำยร่ำงกำย กำรทรมำนคนหรือสัตว์
  • 24. 2) เว้นจำกกำรลักทรัพย์ ทั้งนี้รวมทั้งกำรหลอกลวง ฉ้อโกงยักยอกตลอดจนกำรทำำควำมเสียหำยให้แก่ทรัพย์สินของผู้อื่น โดยมิชอบ เช่น กำรขีดเขียนบนฝำผนังห้องเรียน 3) เว้นจำกกำรประพฤติผิดในกำม หมำยถึงกำรไม่ ยุ่งเกี่ยวทำงเพศสัมพันธ์กับชำยหรือหญิงที่มีคู่ครองแล้ว 4) เว้นจำกกำรพูดเท็จ หมำยถึง กำรเจตนำบิดเบือน ควำมจริงทุกอย่ำงเช่น ไม่พูดเกินควำมเป็นจริง ไม่อวดอ้ำงตนเอง ไม่ พูดทำำให้คนเข้ำใจผิดต่อกัน 5) เว้นจำกกำรดื่มสุรำเมรัย หมำยถึง ละเว้นกำรดื่มที่ ทำำให้ตนเองครองสติไม่อยู่ทุกชนิด รวมทั้งยำเสพติดทุกชนิด เบญจธรรม หมำยถึง ข้อปฏิบัติให้บุคคลทำำควำมดี 5 ประกำรได้แก่ 1) มีควำมเมตตำ – กรุณำ ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่หนึ่ง ของศีล 5 เมตตำคือควำมปรำรถนำที่อยำกจะให้ผู้อื่นมีควำมสุข กรุณำ คือ ควำมปรำรถนำที่จะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 2) มีสัมมำอำชีวะ หมำยถึง กำรเลี้ยงชีพในทำงที่ชอบ ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่สองของศีล 5 คือ กำรลักทรัพย์ 3) มีควำมสำำรวมในกำม หมำยถึง กำรยินดีเฉพำะคู่ ครองของตน และไม่คิดหมกมุ่นแต่ในเรื่องของกำมจนเกินขอบเขต ธรรมข้อนี้คู่กับข้อที่สำมของศีล 5 4) มีควำมสัตย์ หมำยถึง พูดตำมควำมจริง ธรรมในข้อ นี้ตรงกับข้อที่สี่ของศีล 5 ถึงกำรไม่พูดเท็จ ธรรมข้อนี้ช่วยส่งเสริมคน ให้มีไมตรีที่ดีต่อกันทำงวำจำ 5) มีสติสัมปชัญญะ หมำยถึง มีสติรอบคอบรู้สึกตัวอยู่ ตลอดเวลำ ว่ำกำำลังพูดอะไร คิดอะไร จะเป็นคนไม่ประมำท ทำำกำรสิ่ง ใดก็สำำเร็จโดยไม่ยำก เพื่อสะดวกแก่กำรเข้ำใจ จึงขอสรุปเบญจศีลและเบญจธรรม ลง ในตำรำงเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน ดังนี้ 2. หิริโอตตัปปะ หรือ โลกปำลธรรม หิริ หมำยถึง กำรละอำยต่อควำมชั่ว กำรที่บุคคล ละอำยต่อกำรทำำชั้ว เพรำะมีควำมละอำยแก่ใจตนเอง มีควำมสำำนึกตัว ว่ำ สิ่งนี้เป็นสิ่งชั่วไม่ควรทำำแม้จะมีโอกำสทำำได้ก็ตำม บุคคลที่มีควำม รู้สึกภำยในยับยั้งไว้ มิใช่เพรำะกลัวคนอื่นเห็นแต่มีมโนธรรมประจำำใจ ที่จะไม่กระทำำ
  • 25. โอตตัปปะ หมำยถึง กำรเกรงกลัวต่อควำมชั่ว กำรที่บุคคล เกรงกลัวต่อควำมชั่ว ไม่ยอมทำำผิดทั้งต่อหน้ำและลับหลังผู้อื่นเป็น เพรำะว่ำกลัวจะเกิดควำมสกปรกขึ้นในจิตใจ สรุปได้ว่ำ ผู้ที่ละอำยและเกรงกลัวต่อควำมชั่ว คือผู้ที่เคำรพ ตนเอง เพรำะจิตสำำนึกทำงศีลธรรมและรู้จักหักห้ำมใจตนเอง 3.ขันติ โสรัจจะ ขันติ แปลว่ำ ควำมอดทน ควำมอดทนมี 3 แบบคือ 1) ทนลำำบำก ได้แก่ อดทนต่อควำมเจ็บไข้ทำงกำย 2) ทนตรำกตรำำ ได้แก่ อดทนต่อกำรเรียน กำร ทำำงำนที่ต้องใช้เวลำและควำมมำนะบำกบั่น 3) ทนเจ็บใจ ได้แก่อดทนต่อสิ่งที่เร้ำควำมโกรธ โสรัจจะ แปลว่ำ ควำมเสงี่ยม คือกำรรักษำสีหน้ำท่ำทำงให้ เป็นปกติ ไม่แสดงอำกำรโกรธให้ ปรำกฎ ขันติและโสรัจจะเป็นธรรมที่อยู่คู่กัน กล่ำวคือเมื่อมีสิ่งมำกระ ตุ้นให้เกิดควำมโกรธ คนเรำมักรู้สึกโกระแต่ถ้ำมีขันติอยู่ในใจ ถึงรู้สึก โกรธก็ไม่ตอบโต้แต่ยังปรำกฎอำกำรทำงกำย เช่น หน้ำแดง ตัวสั่น ที่ เป็นเช่นนี้เพรำะมีเฉพำะขันติอยู่ในใจแต่ยังขำดโสรัจจะ ถ้ำมีขันติและ โสรัจจะแล้วอำกำรผิดปกติทำงกำยจะไม่ปรำกฎ สรุปได้ว่ำ ธรรมทั้ง 2 ประกำรนี้เป็นธรรมที่ทำำให้งำมทำงใจ 4. กุศลกรรมบถ 10 กุศลกรรมบถ 10 หมำยถึง ธรรมแห่งกำร ทำำควำมดี มีส่วนประกอบ 3 ประกำร คือ 1) ควำมประพฤติดีทำงร่ำงกำย 3 อย่ำงคือ(กำยกรรม 3) (1) เว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์ (2) เว้นจำกกำรลักทรัพย์ (3) เว้นจำกกำรประพฤติในกำม 2) ควำมประพฤติดีทำวำจำ 4 อย่ำงคือ(วจีกรรม 4) (1) เว้นจำกกำรพูดเท็จ (2) เว้นจำกกำรพูดส่อเสียด (3) เว้นจำกกำรพูดคำำหยำบ (4) เว้นจำกกำรพูดเพ้อเจ้อ 3) ควำมประพฤติดีทำงใจ 3 อย่ำงคือ(มโนกรรม 3) (1) กำรไม่โลภอยำกได้ของผู้อื่น (2) กำรไม่คิดร้ำยเบียดเบียนผู้อื่น (3) กำรเห็นชอบตำมธรรมนองคลองธรรม
  • 26. สรุปได้ว่ำ ผู้ที่ปฏิบัติตำมกุศลกรรมบถ 10 จะช่วยให้กำรดำำเนิน ชีวิตได้ถูกต้องเหมำะสมทั้งกำย วำจำ และใจ 5. บุญกิริยำวัตถุ 10 บุญกิริยำวัตถุ 10 หมำยถึง หลักแห่งกำรทำำดีเพื่อชำำระจิตใจให้ สะอำด 10 ประกำรคือ 1) ทำนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จด้วยกำรบริจำคทำนเพื่อช่วย กำำจัดควำมโลภในจิตใจมนุษย์ 2) ศีลมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จด้วยกำรรักษำศีล เพื่อช่วยกำำจัด ควำมโหดร้ำยในจิตใจของมนุษย์ 3) ภำวนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรเจริญภำวนำเพื่อ กำำจัดโมหะควำมปลงผิดในจิตมนุษย์ ทำำให้เกิดปัญญำ 4) อปจำยนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรประพฤติถ่อมตน ต่อผู้ใหญ่เพื่อกำำจัดควำมไม่เคำรพ ควำมกระด้ำงกระเดื่องต่อผู้ใหญ่ 5) ไวยยำวัจจมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรขวนขวำยใน กิจที่ชอบบุญข้อนี้มุ่งให้มนุษย์พยำยำมบำำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ 6) ปัตติทำนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรให้บุญ เพื่อให้ มนุษย์ทำำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้อื่น 7) ปัตตำนะโมทนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรอนุโมทนำ ส่วนบุญเพื่อให้มนุษย์ร่วมอนุโมทนำในกำรทำำบุญร่วมกับผู้อื่น 8) ธัมมัสสวนมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรฟังธรรมเพื่อให้ คนสนใจฟังและได้รับควำมสุขจำกกำรฟังธรรม 9) ธัมมเทสนำมัย หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรสั่งสอนหรือ แสดงธรรมเพื่อให้ควำมรู้แก่ผู้อื่น 10) ทิฏฐชุกัมม์ หมำยถึง บุญสำำเร็จได้ด้วยกำรทำำควำมเห็นให้ ตรงเพื่อกำรรู้จักมองสิ่งต่ำงๆตำมควำมเป็นจริง สรุปได้ว่ำ บุญกิริยำวัตถุ 10 จะช่วยให้กำรดำำเนินชีวิตของ บุคคลสำมำรถละจำกควำมโลภ ควำมโกรธและควำมหลงได้เพื่อทำำให้ จิตใจผ่องใสบริสุทธิ์ 6.มงคลชีวิต 38 ประกำร ในกำรศึกษำมงคลชีวิตให้เข้ำใจง่ำย ให้เรำสมมติตัวเองว่ำเป็นพ่อแม่ และถำมตัวเองว่ำ เรำอยำกจะให้ลูกเรำเป็นคนมีคุณสมบัติอย่ำงไร หรือสมมติว่ำเรำเป็นพี่ เรำอยำกจะให้น้องเรำเป็นคนมีคุณสมบัติ อย่ำงไร หรือสมมติว่ำเรำเป็นเจ้ำของบริษัทใหญ่ เรำอยำกจะให้ พนักงำนของเรำมีคุณสมบัติอย่ำงไร
  • 27. เรำจะพบคำำตอบว่ำ คนที่เรำต้องกำร ซึ่งเป็นลักษณะของคน ที่สมบูรณ์นั้นคือ 1 ต้องเป็นคนดี พวกคนเกเร เกะกะ เกกมะเหรกไม่มีใครชอบ ไม่มีใครต้องกำร ทุกที่ต้องกำรแต่คนดี 2 ต้องเป็นคนที่มีควำมพร้อมในกำรฝึกตัวเอง มีปัจจัย สนับสนุนในกำรทำำงำนในกำรสร้ำงควำมดี 3 ต้องเป็นคนมีประโยชน์ มีฝีมือ ทำำงำนได้ ทำำงำนเป็นพูด เป็น ไม่ใช่เป็นคนมีไฟแรงแต่ฝีมือไม่มี จับงำนอะไรละก็พังทุกที อย่ำงนั้นไม่มีใครต้องกำร 4 ต้องเป็นคนมีครอบครัวอบอุ่นสำมัคคี ไม่มีกำรทะเลำะเบำะ แว้งกัน และมีฐำนะมั่นคง 5 ต้องเป็นคนมีนำ้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น ไม่เห็นแก่ตัว แต่ รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นคุณสมบัติของคนที่ใคร ๆ ก็ต้องกำร แต่เรำก็ ไม่รู้ว่ำทำำอย่ำงไรคุณสมบัติเหล่ำนี้จึงจะเกิดขึ้นได้ ควำมจริงพระ สัมมำสัมพุทธเจ้ำได้ตรัสสอนเรำไว้แล้ว ซึ่งก็คือหลักมงคลชีวิต นั่นเอง มงคลสูตรทั้ง 38 ข้อนั้น แบ่งได้เป็น 10 หมู่ 5 หมู่แรก เป็นข้อปฏิบัติในกำรสร้ำงชีวิต เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องพบต้องปฏิบัติใน ชีวิตประจำำวัน ส่วน 5 หมู่หลังเป็นกำรฝึกใจโดยตรง ใครทำำตำม หลักมงคล 5 หมู่แรกละก็คุณสมบัติ 5 ข้อที่เรำต้องกำรก็จะเกิดขึ้น มำดังนี้ มงคลหมู่ที่ ๑ ฝึกให้เป็นคนดี มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพำล มงคลที่ ๒ คบบัณฑิต มงคลที่ ๓ บูชำบุคคลที่ควรบูชำ มงคลหมู่ที่ ๒ สร้ำงควำมพร้อมในกำรฝึกตัวเอง มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมำะสม มงคลที่ ๕ มีบุญวำสนำมำก่อน มงคลที่ ๖ ตั้งตนชอบ มงคลหมู่ที่ ๓ ฝึกตนให้เป็นคนมีประโยชน์ มงคลที่ ๗ เป็นพหูสูต มงคลที่ ๘ มีศิลปะ มงคลที่ ๙ มีวินัย มงคลที่ ๑๐ มีวำจำสุภำษิต
  • 28. มงคลหมู่ที่ ๔ บำำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว มงคลที่๑๑ บำำรุงบิดำมำรดำ มงคลที่๑๒ เลี้ยงดูบุตร มงคลที่๑๓ สงเครำะห์ภรรยำ (สำมี) ม ง ค ล ที่ ๑ ๔ ทำำ ง ำ น ไ ม่ คั่ ง ค้ ำ ง มงคลหมู่ที่ 5 บำำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม มงคลที่ ๑๕ บำำเพ็ญทำน มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม มงคลที่๑๗ สงเครำะห์ญำติ มงคลที่๑๘ ทำำงำนไม่มีโทษ มงคลหมู่ที่ ๖ ปรับเตรียมสภำพใจให้พร้อม มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจำกบำป มงคลที่ ๒๐ สำำรวมจำกกำรดื่มนำ้ำเมำ มงคลที่ ๒๑ ไม่ประมำทในธรรม มงคลหมู่ที่ ๗ กำรเเสวงหำธรรมะเบื้องต้นใส่ตัว มงคลที่ ๒๒ มีควำมเคำรพ มงคลที่ ๒๓ มีควำมถ่อมตน ม ง ค ล ที่ ๒ ๔ มี ค ว ำ ม สั น โ ด ษ มงคลที่ ๒๕ มีควำมกตัญญู มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตำมกำล มงคลหมู่ที่ ๘ กำรเเสวงหำธรรมะเบื้องสูงใส่ตัวให้เต็มที่ มงคลที่ ๒๗ มีควำมอดทน มงคลที่ ๒๘ เป็นคนว่ำง่ำย มงคลมี่ ๒๙ เห็นสมณะ มงคลที่ ๓๐ สนทนำธรรมตำมกำล มงคลหมู่ที่ ๙ กำรฝึกภำคปฏิบัติเพื่อกำำจัดกิเลสให้สิ้นไป มงคลที่ ๓๑ บำำเพ็ญตบะ มงคลที่ ๓๒ ประพฤติพรหมจรรย์ มงคลที่ ๓๓ เห็นอริยสัจ มงคลที่ ๓๔ ทำำพระนิพพำนให้เเจ้ง