4. – สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยเซลล์ๆเดียว (Fungi) บางชนิดมีหลายเซลล์รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น
เห็ด รา ยีสต์ เป็นต้น
– โปรทีสต้า(Protista) เช่น พาราซิสต์ พยาธิ์ ใส้เดือน ต่างๆ
– สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก (Archaea) เบคเตเรียขนาดเล็ก อาจเรียกว่า จุลลินทรีย์
– สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าบัคเตเรีย (Bactaria) เชื้อ เบคเตเรีย
ในยุโรปและลาตินอเมริกาจะมีความแตกต่างต่างจากในอเมริกา
แผนภาพที่ 2 ความหลากหลายทางพันธุกรรม
การแบ่งตามกลุ่มย่อยๆลงมาเมีขนาดเล็กกว่า Kingdom แต่ใหญ่กว่า ระดับชั้น (Class) คือการแบ่ง
ตาม ไฟลั่ม (Phylum) เป็นการแบ่งตามลักษณะย่อยของพืชและสัตว์
Phylum Meaning
Common
name
Distinguishing
characteristics
Chytridiomycota
Little pot
mushroom
Chytrids
Cellulose in cell walls,
flagellated gametes
Deuteromycota
Second
mushroom
Imperfect
fungi
Unclassified fungi; only
asexual reproduction
observed no other
major distinguishments
5. Zygomycota
Yolk
mushroom
Zygomycetes
Blend gametangia to
form a zygosporangium
Glomeromycota
Ball
mushroom
None
Form arbuscular
mycorrhizae with plants
Ascomycota
Bag/Wineskin
Mushroom
Sac fungi
Produce spores in an
'ascus'which is a kind of
fruiting bud
Basidiomycota
Basidium
Mushroom
Club Fungi
Produce spores from a
'basidium' which is a
kind of fruiting bud
Total: 6
ตารางที่ 1 การแบ่งตาม ไฟลั่ม (Phylum)
ž
ž
ž แผนภาพที่ 3 การแบ่งตามไฟลั่มสัตว์ประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง
การแบ่งระดับชั้น เพื่อการจาแนก (Class) ความสาคัญของพืชและสัตว์ การแบ่งลักษณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่
แน่ชัดนัก
6. ž Name
ž Meaning
of prefix
ž Example 1 ž Example 2 ž Example 3[1]
ž Superclass
ž (ชั้นบนสุด)
ž super: above ž Tetrapoda ž ž
ž Class
รองลงมา
ž ž Mammalia ž Maxillopoda ž Sauropsida
ž Subclass ใต้ ž sub: under ž ž Thecostraca ž Avialae
ž Infraclass
ต่าสุด
ž infra: below ž ž Cirripedia ž Aves
ž Parvclass
ž ไม่มี
ความสาคัญ
ž parvus: small, ž ž ž Neornithes
ตารางที่ 2 การแบ่งระดับชั้น เพื่อการจาแนก (Class)
ž Name
ž Meaning
of prefix
ž Example 1 ž Example 2
ž Magnorder
อันดับ/ตระกูล
สาคัญ
ž magnus: large,
great, important
ž Boreoeutheria
ž
ž Superorder
อันดับ/ตระกูล
เหนือขึ้นไป
ž super: above ž Euarchontoglires ž Parareptilia
ž Grandorder
อันดับ/ตระกูล
ใหญ่ มีมาก
ž grand: large ž Euarchonta
ž
ž Mirorderตระกูล
ที่จัดในประเภท
แปลกประหลาด
ž mirus:
wonderful,
strange
ž Primatomorpha
ž
11. ความหลากหลายของกลุ่ม (Community Diversity); จานวน ขนาดและการกระจายตัวในเชิงปริภูมิ
ของกลุ่มหรือชุมชน (บางครั้งเรียกว่าPatchiness; หมายถึงการที่ชุมชนของสิ่งมีชีวิต กระจายตัวเป็นหย่อมๆ
และมีการเปลี่ยนแปลงทางพลวัตรของประชากรในรอบปี)
ความหลากหลายของพื้นที่(Landscape Diversity) คือความหลากหลายของระบบนิเวศน์ในพื้นที่
(บางครั้งเรียกว่า ความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์)
ความหลากหลายของระบบนิเวศน์(Ecosystem diversity) คือ
ลักษณะที่เกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ {เช่น การหาอาหาร หรือการล่าเยื่อ(Predatoion), การแข่งขัน
(Competition), การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน (Symbiosis)}
ลักษณะของสภาพแวดล้อม เช่น ความซับซ้อน (complexity), ความสามารถในรองรับกลุ่มของ
สิ่งมีชีวิต-การเจริญเติบโตหรือการทนต่อเปลี่ยนแปลงในระดับใดระดับ โดยสิ่งแวดล้อมยังสามารถคงอยู่หรือ
ดาเนินอยู่ได้อย่างปกติและปราศจากผลกระทบ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพ สุขภาพ
พลานามัย สิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมนั้น (Carrying Capacity), ข้อจากัดของทรัพยากร
และ การกระทาของมนุษย์}
Populations must not exceed the carrying capacity of their environments!!!
If the carrying capacity of the environment is exceeded, organisms die and the
environment may be permanently destroyed.
แผนภาพที่ 8 ความสมดุลของระบบนิเวศน์
ความหลากหลายของระบบนิเวศน์ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่อง จากสาเหตุดัว
ต่อไปนี้
การผสมผสานของสายพันธ์ที่ก่อให้เกิดชุมชนและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์อย่างต่อเนื่อง
การเพิ่มสายพันธ์ที่หลากหลายมีผลให้เกิดระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกัน หรือทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
12. ของประชากรที่เพิ่มขึ้น (Patchiness) หรือการเพิ่มขึ้นของถิ่นที่อยู่ (habitat)
อิทธิของพลวัตรด้านถิ่นที่อยู่(Habitat Patchiness) ไม่เพียงมีผลต่อองค์ประกอบหรือส่วนต่างๆของ
สายพันธ์ในระบบนิเวศน์เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์ด้วย
การรบกวนที่ทาให้เกิดผลกระทบเป็นระยะๆ(Periodic Disturbances)มีผลต่อการเพิ่มสภาพแวดล้อม
เป็นหย่อมๆซึ่งกระตุ้นให้ประชากรของสายพันธ์ต่างๆเพิ่มขึ้น
Geomorphology and oceanography creating habitat patchiness and limiting long
dispersal, as well as past and ongoing human impact.
แผนภาพที่ 9 ความหลากหลายของระบบนิเวศน์
แผนภาพที่ 10 ถิ่นที่ที่หลากหลาย (Habitat Patcheness)
13. แผนภาพที่ 11 การทาลายระบบนิเวศน์ (Periodic Disturbances and disturbances in ecosystem
ขนาดและการแบ่งแยกของถิ่นที่อยู่เป็นหย่อมๆ(Size and Isolation) มีอิทธิพลต่อการเพิ่มประชากร
ของสายพันธ์ ขอบเขตของอาณาเขตที่มีการเชื่อมต่อ (Ecotone) มีอิทธิพลต่อการความอุดมสมบูรณ์ของสาย
พันธ์ การเอื้อต่อสายพันธ์ดังกล่าวจะไม่ปรากฏในถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ ต่อเนื่อง ในพื้นที่ ที่แบ่งตามโซนอุณหภูมิ
หรือพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าหรือป่าเตี้ยๆหรือป่าละเมาะ มักจะมีสายพันธ์มากกว่าถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ต่อเนื่อง
แผนภาพที่ 12 เขตเชื่อมต่อขอบชายป่าที่ประกอบด้วยทุ่งหญ้าและไม้เตี้ยๆ (Transition Zones ;Ecotones)
สายพันธ์บางสายพันธ์ มีอิทธิพลอย่างไม่เป็นสัดส่วนต่อลักษณะของระบบนิเวศน์สายพันธ์เหล่านี้
เรียกว่า Ketstone Species อันเป็นสายพันธ์ที่มีความสามารถกาหนดจานวนประชากร หรือรักษาโครงสร้าง
ของประชากรของสายพันธ์ที่มีจานวนมากได้ เช่น สายพันธ์แมลง (Pollinators, สัตว์ที่แพร่กระจายเมล็ดและ
เมล็ดพืชที่สามารถแพร่กระจาย (Seed dispresers) และสัตว์กินเนื้อ (Predators)
Ketstone Species จะมีอิทธิพลต่อสภาวะแวดล้อมที่อาศัยอยู่อย่างมาก ถึงแม้ว่าบางครั้งจานวน
ประชากรของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นอาจจะต่าก็ตาม หากสิ่งมีชีวิตคีย์สโตนหายไปจากระบบนิเวศหนึ่งๆ ระบบ
นิเวศนั้นจะเสียสมดุลและพังทลายลง
18. จานวนสายพันธ์จะถึงจุดสมดุลต่อเมื่อ อัตราการกระจายตัวของสายพันธ์(Colonization) เท่ากับ
อัตราการสูญพันธ์
จานวนที่มีสมดุลของสายพันธ์ในเกาะที่มีขนาดกว้างใหญ่ใกล้แผ่นดินจะมีสูงกว่าเกาะที่มีพื้นที่
ขนาดเล็กและห่างไกลจากแผ่นดิน
ถิ่นที่อยู่บนเกาะ(Habitat Island)
ตัวแบบของความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์กับพื้นที่ ; มีพื้นที่ที่ขยายออกไปจากพื้นที่เกาะเพื่อ
ปกป้องพื้นที่รอบๆเกาะ แต่ไม่ได้หมายถึงการปกป้องถิ่นที่อยู่ของสายพันธ์ต่างๆ
ภายใต้ฐานคติของความสัมพันธ์นี้ คือ หากบนเกาะมีจานวนสายพันธ์ที่แน่นอน
การลดลงของพื้นที่เกาะมีผลต่อการลดจานวนลงของสายพันธ์
จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ในเชิงปริมาณของงานวิจัยด้านถิ่นที่อยู่ พบว่า 10%ของสายพันธ์ซึ่ง
ปรากฏในถิ่นที่อยู่บนเกาะจะหายไป เมื่อพื้นที่ของเกาะถูกทาลายหรือลดลง 50% และจะสูญพันธ์ไปในที่สุด
เมื่อเนื้อที่เกาะหายไปจานวน 90%
ž แนวทางตามความคิดของถิ่นที่อยู่บนเกาะ สามารถนามาประยุกต์ เพื่ออธิบายในพื้นที่เขตร้อนชื้น
( Tropical Rain Forest)
สายพันธ์มีนัยสาคัญที่จะหายไปจากเขตร้อนชื้น เมื่อป่าถูกทาลายและทาให้ถิ่นที่อยู่แตกออกเป็น
เสี่ยงเสี้ยว(Fragmentation)
หากพื้นที่ป่าในเขตร้อนร้อนชื้นของโลกถูกทาลายไปปีละเพียง 1% วิลสัน(Wilson,1989)
ประมาณการว่า สายพันธ์จะหายไป 20,000-30,000 สายพันธ์/ปี หากคาณวนจากพื้นฐาน 10 mio สายพันธ์
หากเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ พบว่า การสูญหายของสายพันธ์อยู่ที่ 2% และ 11% ต่อรอบ 10ปี
The greatest loss with the longest-lasting effects from the ongoing destruction of
wilderness will be the mass extinction of species that provide Earth with biodiversity.
Although great extinctions have occurred in the past, none has occurred as rapidly or has
been so much the result of the actions of a single species. The extinction rate of today may
be 1,000 to 10,000 times the biological normal, or background, extinction rate of 1-10
species extinctions per year.
การแพร่กระจายของความหลากหลายทางชีวภาพในโลก
ž กฎของแรบโพพอร์ท (Rappoport’s Rule, 1982) ใช้ในการแสดงความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านสภาพ
อากาศ ระดับพื้นที่ซึ่งวัดจากระดับน้าทะเลเป็นต้น );
ความชุกชุมของสายพันธ์(Species Richness) ของพืช และสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามสภาพของระดับความ
สูงจากระดับพื้นราบ (altitudes)
ความหลากหลายทางชีวภาพที่ระดับสูงกว่าจะได้รับการเกื้อกูลจากป่าร้อนชื้นในที่ราบ
ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 6-7% จากพื้นที่ทั้งหมด แต่อาจมีสายพันธ์มากกว่า 50% ของสายพันธ์ทั้งหมด
สาเหตุที่ความหลากหลายทางชีวภาพมีการแพร่กระจายไม่เท่ากัน(Uneven Distribution)