More Related Content
Similar to Roman Empire and Christianity in the Middle Ages (Thai language)
Similar to Roman Empire and Christianity in the Middle Ages (Thai language) (7)
Roman Empire and Christianity in the Middle Ages (Thai language)
- 2. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์กับการตงั้ถิ่นาาน
• กา เนิดบริเวณคาบสมุทรอิตาลี ทางตอนใตข้องยุโรป ลักษณะเป็น
แหลมยื่นลงไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทา ให้การเดินเรือไปค้าขาย
ทา ได้อย่างสะดวก
• ลักษณะภมูิประเทศส่วนใหญ่เป็นภเูขาและเนินเขา ได้แก่ เทือกเขา
แอลป์ ทางทิศเหนือ และเทือกเขาแอเพนไนน์ซึ่งเป็นแกนกลางของ
คาบสมุทร
• บริเวณที่ราบมีนอ้ย เช่น ที่ราบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ที่ราบลุ่มนา้
โป และที่ราบลุ่มนา้ไทเบอร์
• ที่ราบลุ่มนา้ไทเบอร์ เป็นที่ตงั้ของกรงุโรม ในปัจจุบัน
- 7. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• บริเวณที่ตั้งของกรุงโรมในปัจจุบัน มีพวก อีทรัสคัน จาก
ภาคเหนือของอิตาลี อยู่ครอบครองมาก่อน
• 509 ปี ก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินได้โค่นล้มกษัตริย์ชาว
อีทรัสคัน จัดตงั้กรงุโรม และก่อรปูแบบสาธารณรัา
• พวกละตินได้สร้างกรุงโรมที่เนินเขาลาดชัน 7 ลูก โดยในเวลา
กลางวัน พวกเขาจะทาไร่ไถนา บนพื้นที่ราบอุดมสมบูรณ์ที่เชิง
เขา ในเวลากลางคืน พวกเขากลับไปยังบ้านที่อยู่บนยอดเขา เพื่อ
ปกป้ องตัวเองจากการโจมตี
- 9. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• ในขณะที่กรุงโรมพัฒนาเป็นอารยธรรมที่ซับซ้อน ก็มีชนชั้นสอง
จา พวกเกิดขนึ้
• อา นาจการปกครองเป็นของชนชนั้สูงที่เรียกว่า พวกพาทริเชียน
• ราษฎรสามัญหรือประชาชนส่วนใหญ่ เรียกว่า เพลเบียน
• ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างพวกเขา นา ไปสู่ ความขัดแย้ง ในที่สุด
พวกเพลเบียนได้มีสิทธิออกกฎหมายร่วมกับพวกพาทริเชียน เป็น
ประมวลกฎหมายที่เป็ นลายลักษณ์อักษรฉบับแรก เรียกว่า
“กฎหมำยสิบสองโต๊ะ”
- 10. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
สงครำมพิวนิค
264-146 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โรมันทา สงครามพิวนิค 3 ครงั้
กับพวกคาร์เทจ ที่อยู่บริเวณทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา สาเหตุ
มาจากการแย่งผลประโยชน์ในเกาะซิซิลี
โรมได้รับชัยชนะสงครามพิวนิคทุกครั้ง ในที่สุดโรมก็ยึดและ
ทา ลายเมืองคาร์เทจได้ พลเมือง 50,000 คนที่ อาศัยอยู่ในเมืองก็ถูก
ขายไปเป็นทาส ดินแดนแห่งเมืองคาร์เธจถูกสร้างขนึ้เป็นจังหวัดของ
โรมัน
- 12. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• ในขณะที่โรมขยายอาณาเขต ชาวโรมันผู้มัง่คั่งคิดถึงแต่อา นาจและ
ความมัง่คัง่มากขนึ้ สิ่งนเี้พิ่มระยะห่างระหว่างคนรวยและจน ส่งผล
ให้เกิดความไม่พอใจของสามัญชนมากขนึ้เรื่อย ๆ
• ในที่สุด เมื่อ 27 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ชาวโรมันได้ยุติการปกครอง
ในระบอบสาธารณรัา มาเป็นการการปกครองแบบจักรวรรดิ
อย่างเป็นทางการ
• ออคเทเวียน ได้รับสมญานามว่า ออกัสตัส ได้ถูกยกย่องให้เป็น
จักรพรรดิพระองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน
- 14. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• รัาที่เริ่มภายใต้การปกครองของออกัสตัส มีประสิทธิภาพมากใน
คริสต์ศตวรรษที่ 1 กินเนื้อที่จากสเปนไปถึงเมโสโปเตเมีย จาก
แอฟริกาเหนือไปถึงเกาะบริเตน (สหราชอาณาจักร) มีผู้คนจาก
หลายภาษาวัฒนธรรมและประเพณีรวมอยู่ในภูมิภาคของ
จักรวรรดิ
• เกษตรกรรม เป็นกิจกรรมทางเศรษากิจที่สา คัญที่สุดในจักรวรรดิ
เป็นพื้นาานของเศรษากิจโรมัน ส่วนใหญ่ชาวโรมันมีชีวิตอยู่รอด
ด้วยผลิตผลจากพื้นที่ในท้องถิ่นของพวกเขา
- 15. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• อุตสาหกรรม มีการขยายตัว มีการผลิตเครื่องปั้นดินเผา สินค้า
โลหะและกระจก เพิ่มขึ้น การผลิตไวน์และนา้มันมะกอก ตลอดจน
ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ก็เพิ่มขนึ้เช่นกัน
• พาณิชยกรรม จักรวรรดิได้ส่งเสริมการใช้เส้นทางการค้าขาย
พ่อค้าแล่นเรือขา้มทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปสเปน แอฟริกาและเอเชีย
ตะวันตก และพวกเขายังเดินทางโดยทางบกไปยังกอลและส่วนอื่น ๆ
ของยุโรป
- 17. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• เงินตรา ในยุคของออกัสตัส เหรียญเงินที่เรียกว่า Denarius ถูก
นา มาใชทั้ว่จักรวรรดิ รปูแบบทัว่ไปของเงินทา ให้การค้าขายระหว่าง
ส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิง่ายมากขึ้น เหล่าพ่อค้าสามารถซื้อและ
ขายโดยไม่ตอ้งเปลี่ยนเงินของพวกเขาเป็นเงินตราอีกสกลุหนงึ่
- 18. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• ความเชื่อของชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวอีทรัสคันและชาวกรีก
• ชาวโรมันได้รับความคิดของชาวอีทรัสคัน เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่ใน
ร่างมนุษย์ และพวกเขายังได้รับพิธีกรรมการทา นายอนาคต ของ
ชาวอินทรัสกันมาด้วย
• ชาวโรมันได้ยืมเทพเจ้าจานวนมากมาจากชาวกรีก เช่น เทพเจ้า
โรมัน ชื่อ จูปิเตอร์ ซึ่งเป็นบิดาของเทพเจ้าทั้งหลาย มีลักษณะ
คล้ายเทพเจ้าซุส ของกรีกหลายประการ
- 20. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• ในคริสต์ศตวรรษที่1 ศาสนาคริสต์
แ ผ่ข ย า ย ไ ป ท า ง ทิศ ต ะ วัน ต ก ข อ ง
ปาเลสไตน์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ใต้การ
ปกครองของโรม จักรวรรดิโรมัน
ต่อตา้นคริสต์ศาสนาอย่างรนุแรง
• จนกระทั่ง ค.ศ.313 จักรพรรดิ
คอนสแตนติน ประกาศกฤษฎีกาให้
เสรีภาพในการนับถือศาสนาคริสต์
- 21. อารยธรรมโรมันสมัยประวัติศาสตร์
• ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมัน
อ่อนแอลงตามลาดับ จนในที่สุดกรุงโรมถูกพวกอนารยชนเผ่า
เยอรมัน หรือเผากอท เขา้รกุราน
• จักรพรรดิโรมันองค์สุดท้าย ถูกพวกอนารยชนขับออกจากบัลลังก์
ใน ค.ศ. 476 จึงถือว่าเป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมัน
- 32. ควำมเป็ นมำ
คริสต์ศาสนาได้กา เนิดขนึ้ในช่วงตน้ของสมัยจักรวรรดิโรมัน
แต่เดิมคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาตอ้งห้ามของจักรวรรดิโรมัน และ
ถูกทางการปราบปรามอย่างรนุแรง
- 33. ควำมเป็ นมำ
ตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่1
(ค.ศ. 306-337) ได้ทรงประกาศให้เสรีภาพในการนับถือ
คริสต์ศาสนา ต่อมาจักรพรรดิธีโอโดซุสทรงประกาศให้
คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจา จักรวรรดิโรมัน
Editor's Notes
- โรมันตะวันตกล่มสลาย ค.ศ. 476
โรมันตะวันออกล่มสลาย ค.ศ. 1453โคลัมบัสพบทวีปอเมริกา ค.ศ. 1492
- รูป: อธิบายว่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์จะถูกโยนเข้าไปให้สู้กับสัตว์ป่าในสนามกีฬา 19th century painting.
สมัยที่มีการปราบปรามรุนแรงมากก็คือสมัยของจักรพรรดิเนโร คือเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรม
จักรพรรดิเนโรก็โทษว่าพวกคริสเตียนเป็นผู้วางเพลิง จึงสั่งให้ลงโทษ เช่น จับพวกคริสเตียนผูกกับเสาเอาน้ำมันยางราดแล้วจุดไฟใช้เป็นคบเพลิงตอนกลางคืน
หรือว่าเอาหนังสัตว์พันแล้วให้สุนัขกัดฉีก
- ตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (ค.ศ. 306-337) ได้ทรงครองราชย์สมบัติ และพระองค์ได้ทรงประกาศให้เสรีภาพในการนับถือคริสต์ศาสนา ส่วนพระองค์เองก็นับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาจักรพรรดิธีโอโดซุสทรงประกาศให้คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสต์ศาสนาขยายตัว และมีผู้นับถือมากขึ้น
รูป: จักรพรรดิคอนแสตนตินก่อนจะรบที่ยุทธการสะพานมิลเวียน ตามตำนานจักรพรรดิคอนแสตนตินเห็นกางเขนสว่างอยู่บนฟ้า จึงมีพระราชดำรัสว่า “สัญลักษณ์นี้คือชัยชนะ”
- เมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลาย ยุโรปมีแต่ความปั่นป่วน ศาสนาจึงเข้ามามีบทบาทเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ผู้คนฝากความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าภายหน้า จนบางครั้งยุคกลางถูกเรียกว่า “สมัยแห่งศรัทธา”
ทำให้คริสต์ศาสนามีอิทธิพลครอบงำยุโรปสมัยกลางทั้งทางด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ
- รูป: เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย ชนเผ่าเยอรมันต่างๆเข้ามามีอำนาจแทนที่ โดยชนเผ่าเหล่านี้ได้แก่ ชาวแองเกิลส์ ชาวแซ็กซอน เข้าไปยึดครองในอังกฤษ ชาวแฟรงค์ก็มีอำนาจในฝรั่งเศส ชาววิสิโกธในสเปน ชาวแวนดัลในแอฟริกา ชาวออสโตรกอธในอิตาลี ใขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันออกก็ยังคงอยู่
- ศาสนจักรได้อ้างอำนาจเหนือกษัตริย์โดยสันตะปาปาจะเป็นผู้สถาปนาจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธ์
เริ่มตั้งแต่สันตะปาปาลีโอที่ 3 ทรงประกอบพิธีสวมมงกุฎจักรพรรดิชาร์เลอมาญซึ่งเป็นผู้รวบรวมอาณาแฟรงค์ที่แตกแยกได้อีกครั้ง
และแผ่ขยายอิทธิพลชนเผ่าแฟรงค์ไปได้สูงสุด
ซึ่งการอ้างอำนาจของสันตะปาปานี้นำไปสู่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างศาสนจักรกับจักรพรรดิเยอรมันในสมัยกลางระยะกลาง
- ศาสนจักรได้อ้างอำนาจเหนือกษัตริย์โดยสันตะปาปาจะเป็นผู้สถาปนาจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธ์
เริ่มตั้งแต่สันตะปาปาลีโอที่ 3 ทรงประกอบพิธีสวมมงกุฎจักรพรรดิชาร์เลอมาญซึ่งเป็นผู้รวบรวมอาณาแฟรงค์ที่แตกแยกได้อีกครั้ง
และแผ่ขยายอิทธิพลชนเผ่าแฟรงค์ไปได้สูงสุด
ซึ่งการอ้างอำนาจของสันตะปาปานี้นำไปสู่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างศาสนจักรกับจักรพรรดิเยอรมันในสมัยกลางระยะกลาง
- ชาวยุโรปในสมัยกลางมีความเชื่อในศาสนาอย่างมาก และจะต้องปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด ถ้าผู้ใดมีความเห็นขัดแย้งกับศาสนจักรจะต้องถูกไต่สวนและลงโทษ เช่น บัพพาชนียกรรม (excommunication) ก็คือห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา ทำให้วิญญาณไม่หลุดพ้น และก็ห้ามติดต่อกับศาสนิกชนคนอื่นๆ
หรือการลงโทษผู้นำรัฐโดยการตัดขาดจากศาสนาทั้งชุมชน (interdiction) คือ ปิดโบสถ์ ไม่ประกอบพิธีกรรม ทำให้คนทั้งชุมชนไม่หลุดพ้น
- ศาสนจักรเป็นแหล่งรวมความมั่งคั่งในสมัยกลาง โบสถ์จัดการเก็บภาษีโดยตรงจากประชาชน
เรียกว่า tithe (เก็บ10% จากรายได้ทั้งหมด) นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่นๆ เช่น เงินบำรุงศาสนา เงินบริจาค
- มีสันตะปาปาเป็นประมุขสุงสุด คาร์ดินัลเป็นที่ปรึกษา
ในส่วนภูมิภาคแบ่งเป็นมณฑลมีอาร์คบิชอบเป็นผู้ปกครอง
ถัดลงไปเป็นระดับแขวงมีบิชอปปกครอง
ส่วนระดับล่างสุดซึ่งก็คือโบสถ์จะมีบาทหลวงเป็นผู้ดูแล