การดูแลสุขภาพ<br />  ก่อนอื่นมาทำการรู้จักกับโภชขบัญญัติ 9 ประการ และสุขบัญญัติแห่งชาติ 10ประการ กันก่อน<br />โภชนบัญญัติ 9 ประการ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยข้อปฎิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยหรือ โภชนบัญญัติ 9 ประการ   เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการกินของคนไทยให้ถูกต้องเพื่อการมีภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดี ดังต่อไปนี้       1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว       2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ       3. กินพืชผักให้มากและกินผลไม่เป็นประจำ       4. กินปลา กินเนื้อไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ       5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย       6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร       7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด       8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน       9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว        ในอาหารแต่ละชนิดจะประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่มากน้อยต่างกัน ไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่จะมีสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกินอาหารหลายๆชนิดหรือให้ครบทั้ง 5 หมู่ และกินแต่ละหมู่ให้หลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ        \"
น้ำหนักตัว\"
 เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพของร่างกาย จึงควรชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้งและนำมาประเมินดูว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่โดยใช้ดัชนีมวลกายเป็นเกณฑ์ ดังนี้ดัชนีมวลกาย= น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/ส่วนสูง2 (เมตร)ค่าปกติอยู่ระหว่าง 18.5-14.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ        ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยที่ให้พลังงานและสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ควรกินเป็นประจำและอาจจะสลับกับอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน บะหมี่ เผือก มัน ก็ได้3. กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ        พืชผักและผลไม้ นอกจากจะให้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งช่วยให้การขับถ่ายดีแล้วยังมีสารแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งป้องกันการเกิดมะเร็งบางประเภทได้4. กินปลา กินเนื้อไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ        ปลา เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดี ย่อยง่ายมีไขมันต่ำ หากกินปลาเป็นประจำจะช่วยลดไขมันในเลือดและในปลาทะเลทุกชนิดมีสารไอโอดีนที่ช่วยป้องกันการเป็นคอพอก รวมทั้งหากกินปลาเล็กปลาน้อยจะได้แคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง        เนื้อสัตว์ทุกชนิดมีโปรตีน แต่ควรกินชนิดไม่ติดมันเพื่อลดการสะสมไขมันในร่างกายและโลหิต        ไข่ เป็นอาหารโปรตีนราคาถูก มีแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นเด็กกินได้ทุกวัน แต่ผู้ใหญ่ควรกินไม่เกินสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง        ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์ เป็นโปรตีนที่ดี ราคาถูกควรกินสลับกับเนื้อสัตว์เป็นประจำ5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย        นม เป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่มีโปรตีน วิตามินบี2 และแคลเซียม ซึ่งช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ควรดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว แต่สำหรับคนอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยแทน6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร        ไขมัน ให้พลังงานและความอบอุ่นกับร่างกาย ทั้งช่วยดูดซึมวิตามิน เอ ดี อี เค แต่ไม่ควรกินมากเกินไปจะทำให้อ้วน และเกิดโรคอื่นๆตามมา จึงควรกินแต่พอควร แต่ไม่ควรงดอย่างเด็ดขาด การประกอบอาหารประเภท ต้ม นึ่ง ย่าง อบ จะช่วยลดปริมาณไขมันในอาหารได้7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด         การกินอาหารรสจัดมากจนเป็นนิสัยจะเกิดโทษต่อร่างกายอาหารรสหวานจัดทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มทำให้อ้วน รสเค็มจัดเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยกินผัก ผลไม้ และชอบกินอาหารรสเค็มจัด จะมีโอากาสเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารด้วย8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน        อาหารปนเปื้อนจะเกิดจากเชื้อโรค พยาธิต่างๆ สารเคมีที่เป็นพิษหรือโลหะหนักที่เป็นอันตราย จะเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษ และเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงควรเลือกกินอาหารที่สด สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ มีการปกปิดป้องกันแมลงวัน หรือบรรจุในภาชนะที่สะอาด และที่สำคัญคือ ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารทุกครั้ง9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำเป็นโทษต่อร่างกายทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ มะเร็จหลอดอาหาร และโรคความดันโลหิตสูงการจะมีโภชนาการดี สุขภาพดี และคุณภาพชีวิตดี ต้องคำนึงถึงหลักใหญ่ดังนี้1. กินอาหารและปฎิบัติตามโภชนบัญญัติ 9 ประการ2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ3. ผ่อนคลายจิตใจ4. หลีกเลี่ยงสิ่งซึ่งเป็นพิษภัย เช่น บุหรี่ เหล้า และสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ<br />1.      ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด2.      รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง3.      ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังขับถ่าย4.      กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตรายและหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด5.      งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนันและการสำส่อนทางเพศ6.      สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น7.      ป้องกันอุบัติเหตุด้วยการไม่ประมาท8.      ออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพประจำปี9.      ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ10. มีสำนึกต่อส่วนรวมร่วมสร้างสังคม<br />การเจริญเติบโตและพัฒนาการของตนเอง<br /> <br />     เมื่อผู้เรียนทราบเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโต แล้ว  ลองนำมาเปรียบเทียบ   กับอายุ  น้ำหนัก  และส่วนสูงของตนเองว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตหรือไม่  ถ้าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน  หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถือว่าเป็นสิ่งดี  แต่ถ้ามีน้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่า     ค่าต่ำสุดของเกณฑ์มาตรฐานแล้ว ก็ควรมีการปรับปรุงพัฒนาตนเองให้มีน้ำหนักและส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์อายุของคนหรือเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโต <br />การเจริญเติบโตของตนเอง ในการสำรวจการเจริญเติบโตของนักเรียนนั้นจะใช้วิธีการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง  เป็นหลักซึ่งควรกระทำอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง  โดยอาจบันทึกข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ   ลงในแบบบันทึกน้ำหนักและส่วนสูง  <br />เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตและพัฒนาของมนุษย์<br />เมื่อคนเราเจริญเติบโต จะมีการพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เติบโตตามมาด้วยคนเราต้องรู้จักรักษาสมดุลของร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ผลของการเจริญเติบโตที่เห็นได้ชัดเจน คือ การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายทั้งน้ำหนักและส่วนสูง เราควรรู้จักรักษาสุขภาพของตนเอง โดยเปรียบเทียบน้ำหนักเกณฑ์มาตรฐานได้ถูกต้อง<br />การเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี<br />right0เด็กในวัยทารกและวัยเด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น พัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม ตามขั้นตอนที่เป็นแบบแผนและมีทิศทางเฉพาะ ซึ่งการเรียนรู้พัฒนาการในวัยทารกและวัยเด็ก จะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างพัฒนาการของ เด็กได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นเราจึงควรศึกษาถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย เพื่อ ให้เข้าใจถึงการเจริญเติบโตและสามารถทำกิจกรรม เพื่อช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ของ เด็กในวัยต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ<br /> <br />วัยเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กแรกเกิด - 1 ปีเริ่มใช้ขาพยุงตัวให้ลุกขึ้น และเกาะสิ่งต่าง เพื่อเดิน สามารถเลียนแบบ พฤติกรรมที่พบเห็น และเลียนแบบการใช้ภาษา  วัย 1 - 3 ปีใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น ดู สัมผัส ชิมรส ได้ยิน ดมกลิ่น เด็กจะทำ พฤติกรรมซ้ำกันบ่อยๆ ใช้ภาษาที่เป็นคำโดด หรือภาษา 2 คำ ในช่วงอายุ 18-24 เดือน จะเป็นระยะเริ่มคิด จดจำคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ใน ช่วงอายุ 24-36 เดือน เด็กจะสามารถเปลี่ยนทิศทางในการเดินได้ วัยนี้จึง เป็นวัยสำคัญที่ เด็กจะพัฒนาความเป็นตัวเอง และรู้จักตนเอง  วัย 3-6 ปีมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม มีการแบ่งปันของเล่นทั้งเด็ก หญิง และชาย โดยดูวิธีการเล่นที่เพื่อนยอมรับมากที่สุด เด็กวัยนี้จะกระทำ ตาม เพื่อนไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการกระทำ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนยอมรับ  <br />พัฒนาการไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งของการเจริญเติบโตทางร่างกายเท่านั้น แต่พัฒนาการจะยังคงมีต่อไปจนตลอดชีวิตของมนุษย์<br />www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/contents/grows03.html<br />รูปภาพของฉันในอดีตตั้งแต่แรกคลอด วัยทารก จนถึงวัยเด็กตอนปลาย<br />       วัยแรกคลอด                         วัยทารก                        วัยเด็กตอนปลาย<br />ตารางที่ 2  ตารางบันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัยแรกเกิดจนถึง ชั้นวัยเด็กตอนปลาย(ป.6) และการแสดงกราฟ<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก แรกคลอด วัยทารกอนุบาลอนุบาลอนุบาลอนุบาล            อายุ(ปี/เดือน)   แรกเกิด  1 ขวบ-2 ขวบ 3 ปี4 ปี   5 ปี 6 ปีส่วนสูง(ซ.ม.)   50 cm 75 cm 89 cm 98 cm 102 cm 109.5 cmน้ำหนัก(กก.) 3 (กก.) 10(กก.) 13 (กก.) 15 (กก.) 16 (กก.) 17.8 (กก.)<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก ป.1 ป.2ป.3ป.4ป.5  ป.6            อายุ(ปี/เดือน)   7 ปี8  ปี9 ปี   10 ปี 11 ปี 12 ปีส่วนสูง(ซ.ม.)   114cm119cm   124cm  129cm 132 cm143 cmน้ำหนัก(กก.)  21 (กก.) 23 (กก.) 26 (กก.) 29 (กก.)32 (กก.)37 (กก.)<br />แนวตั้งแสดงถึง น้ำหนัก    แนวนอนแสดงถึง ส่วนสูง<br />การเจริญเติบโตของตนเองกับเกณฑ์มาตราฐาน (ฉันในอดีต)<br />ถ้าเทียบการเจริญเติบโตของตนเองกับเกณฑ์มาตรฐานแล้ว(ตามตารางที่ 1) จะต่ำกว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย แต่จากการนำข้อมูลที่นำมาทำเป็นกราฟ จะเห็นว่า เส้นกราฟจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆเป็นไปในทิศทางที่พอเหมาะ<br /> ในวงการแพทย์นิยมใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index : BMI) ในการประเมินมากกว่า โดยมีสูตรจำนวน ดังนี้<br />ตัวอย่างน้ำหนักตัว(กิโลกรัม)BMI = -------------------- <br />ส่วนสูง (เมตร)<br />ตารางที่ 1 ตารางเปรียบเทียบส่วนสูงมาตรฐานของเด็กและเยาวชนไทยใน พ.ศ.2534 ซึ่งกรมอนามัยคาดหวังไว้<br /> <br />อายุ(ปี)ชาย(ส่วนสูงไม่น้อยกว่า)เซนติเมตรหญิง(ส่วนสูงไม่น้อยกว่า)เซนติเมตร5109.0108.36114.6114.07119.6119.38124.6124.69129.4129.610134.2135.511139.2142.612145.8149.613153.8153.514160.5155.815164.8157.316167.7157.517168.8157.618169.4157.619169.5157.620169.6157.7<br />  <br />                                รูปภาพฉันในปัจจุบัน<br />                        <br />บันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัย ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เทอม 1 <br />น้ำหนัก 40 กิโลกรัม  ส่วนสูง 145 เมตร  BMI  =  19  ลุก-นั่ง 30 ครั้ง  วิดพื้น 26 ครั้ง   <br />ตารางที่ 3  ตารางบันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัย ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เทอม 2<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก                                                                            ม.1                                                                    เทอม2         อายุ13 ปี(ปี/เดือน) 01/11/5308/11/5315/11/5322/11/5329/11/5306/12/5313/12/5320/12/5327/12/5331/12/53ส่วนสูง(ซ.ม.)   147 cm  147 cm  147 cm148 cm148 cm148.5 cm148.5 cm149 cm149.5 cm150 cmน้ำหนัก(กก.)   3939.539.540404040404040<br />                                                                                                                          <br />  แนวตั้งแสดงถึง น้ำหนัก    แนวนอนแสดงถึง ส่วนสูง<br />ในวงการแพทย์นิยมใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index : BMI) ในการประเมินมากกว่า โดยมีสูตรจำนวน ดังนี้<br />ตัวอย่างน้ำหนักตัว(กิโลกรัม)BMI = -------------------- <br />ส่วนสูง (เมตร)<br />เมื่อนำข้อมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน (ฉันในปัจจุบัน)<br />จากข้อมูลของภาคเรียนที่ 1 และ ที่2 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นว่าเกือบจะไม่เห็นความแตกต่างกันเลยในด้านของน้ำหนักตัว ส่วนความสูงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกันเกณฑ์มาตรฐานแล้วถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก ดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาและเสริมสร้างสมรรถภาพของตนเอง<br />การเสริมสร้างสมรรถภาพตนเอง<br />พัฒนาการของตนเอง      นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ต้องมีการปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย  จึงควรเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองโดยเฉพาะพัฒนาการทางเพศและพัฒนาการทางสังคม  เพราะถ้าไม่เข้าใจอาจทำให้เกิด  ความสับสนได้ <br />ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์      คนเรามีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกต่างกันไปทั้งๆ  ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน    ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังที่จะกล่าวต่อไป  ดังนี้ <br />1 พันธุกรรม <br />2 สิ่งแวดล้อม <br />3 การอบรมเลี้ยงดู <br />แนวทางในการพัฒนาตนเองให้เติบโตสมวัย การพัฒนาตน  หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น  การทำชีวิตให้มี      ความเจริญก้าวหน้า  ประสบความสำเร็จและมีความสุขในการดำรงชีวิต ดังนั้น  การพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติอยู่เป็นประจำ  เพราะคงไม่มีใคร      ที่มีความสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่างจนไม่ต้องมีการพัฒนาสิ่งใดของตนเลย  และไม่มีใครที่มี     แต่สิ่งไม่ดีจนไม่สามารถพัฒนาได้  เพราะทุกคนมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่ในตนเองด้วยกันทุกคน  ขึ้นอยู่กับว่าตนเองรู้จักตนเองดีพอหรือรู้จักตนเองมากน้อยเพียงใด  อีกทั้งยอมรับหรือไม่ว่าตนเองมีข้อบกพร่องที่จำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนา  ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้และ      จะนำไปสู่การมีชีวิตที่มีความสุข <br />ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเองมีปัจจัยที่สำคัญ  ดังนี้                1.  การรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างถูกต้อง  บางคนอาจจะเข้าใจว่าตนเองรู้จักและเข้าใจตนเองดี  แต่ความจริงแล้วยังมีบุคคลอยู่เป็นจำนวนมากที่ไม่รู้จักและเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง     อาจคิดว่าตนเองดีเลิศไม่มีสิ่งใดบกพร่อง  หรือบางคนอาจจะตีค่าตนเองต่ำเกินไป  เห็นแต่ข้อไม่ดีของตนเอง  จนเกิดความหมดอาลัยในชีวิต  ถ้าบุคคลใดไม่รู้จักตนเองดีพอก็จะทำให้การพัฒนาตนเองเป็นไปได้ยาก <br />                2.  การยอมรับในความบกพร่องของตนเอง  การรู้จักและเข้าใจตนเองเพียงอย่างเดียว       คงยังไม่พอ  ต้องยอมรับในความบกพร่องของตนเอง  เพื่อจะได้พัฒนาส่วนที่บกพร่องให้ดีขึ้น     แต่ถ้าไม่ยอมรับความบกพร่องของตนเองก็จะทำให้ไม่มีการพัฒนาตนเอง  อาจทำให้ชีวิตล้มเหลวได้และไม่สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข <br />                3.  การรู้จักเข้าใจผู้อื่นและยอมรับผู้อื่น  การที่คนเรารู้จักเข้าใจและยอมรับผู้อื่น    เป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับบุคคลอื่นได้ดี  จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเองเช่นกัน <br />การพัฒนาตนด้านการเจริญเติบโต      กรมอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข  ได้ให้คำแนะนำเพื่อการเจริญเติบโตที่สมวัยไว้ 3 ประการ ดังนี้ 1.  การรับประทานอาหารเช้า  รับประทานอาหารมื้อหลักให้ครบ 3 มื้อ และครบ 5 หมู่    ในแต่ละวัน  อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญของวัยเรียนเพราะอยู่ในวัยเจริญเติบโตและสมองต้องใช้พลังงานในการเรียนรู้ตลอดทั้งวัน  นักเรียนจึงไม่ควรงดอาหารเช้า <br />2.  การดื่มนม ดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว (แก้วละ  200 ซีซี) เป็นประจำ เพราะนมมีคุณค่า     ทางโภชนาการสูง  คือ มีโปรตีน  แคลเซียม เพราะแคลเซียมในนมเป็นแคลเซียมที่มีคุณภาพ        นมจึงช่วยให้นักเรียนมีรูปร่างเติบโต  สูงใหญ่  และแข็งแรง <br />3.  การออกกำลังกาย ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที     สัปดาห์ละ 3 วัน อย่างต่อเนืองเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และที่สำคัญ  จะช่วยให้ร่างกายสูงใหญ่ เสริมความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ   และจิตใจร่าเริงแจ่มใส <br />การพัฒนาจิตของตนเอง        การพัฒนาจิต  เป็นการส่งเสริมการบริการจัดการความเครียด  ฝึกการมีสมาธิ  มีปัญญา  ส่งเสริมการฝึกจิต การควบคุมอารมณ์   การพัฒนาจิตจะช่วยให้บุคคลมีสุขภาพจิตที่ดี  มีศีลธรรม  จะสร้างแต่ความดี  ถ้าในสังคมเรามีบุคคลประเภทนี้มากๆ สังคมจะสงบรมเย็น ไม่มีปัญหาดังเช่นทุกวันนี้ การพัฒนาจิตของตนเอง  อาจทำได้โดยการฟังธรรม  อ่านหนังสือธรรมะ  นั่งสมาธิ  นึกคิดแต่เรื่องดีๆ  รู้จักผ่อนคลายความตึงเครียด  การช่วยเหลือผู้อื่น  บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม  ทำบุญตักบาตร  ลดละความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  พยายามทำจิตใจของตนเองให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ <br />                          ฉันในอนาคต<br />          <br />วิธีการดูแลตนเอง<br /> จากที่ได้มีการบันทึก และรวบรวมข้อมูลมาสักระยะหนึ่ง ทั่งเรื่องน้ำหนักและความสูง จนกระทั่งได้เอามาทำเป็นกราฟการเจริญเติบโต จะเห็นว่ายังต้องมีการพัฒนาอีกมากถ้าจะให้เป็นดังคนในภาพ ทั้งในเรื่องอาหารควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ครบทั่ง 5หมู่ ตามหลักของโภชนบัญญติ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ตามหลักของสุขบัญญติแห่งชาติ<br />สุขภาพครอบครัวของฉัน<br />      สมาชิกครอบครัวของฉัน มีทั้งหมด 5คน มี คุณพ่อ  คุณแม่  น้องสาว  ตัวของกระผม และคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่  น้องสาว และตัวกระผมเอง มีสุขภาพร่างกายที่ดี ส่วนคุณย่า จะมีโรคประจำตัว คือท่านเป็นโรคเบาหวาน การดูแลสุขภาพของท่านก็คือ จะต้องค่อยระวังเรื่องอาหารการกิน และไปหาหมอตามเวลา ที่คุณหมอนับ และที่สำคัญ ควรทำตามสุขบัญญติแห่งชาติและตามหลักโภชนบัญญติก็จะทำให้ครอบครัวของเรามีสุขภาพที่ดีตลอดไป<br />สรุป      การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ไม่ว่าจะทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกาย  ทางด้านจิตใจ  และการพัฒนาการทางสังคมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพล  ได้แก่พันธุกรรม  สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดู  ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาตนด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนาจิตของตนเป็นสำคัญและที่ขาดไม่ได้ คือ ควรจะปฏิบัติและทำตามสุขบัญญติแห่งชาติและตามหลักโภชนบัญญติก็จะทำให้ชีวิตของเรามีสุขขึ้น<br />แหล่งอ้างอิง<br />www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/... www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/contents/grows03.html<br />www.tungsong.com/Healthlife/Healthlife.htm -<br />www.vcharkarn.com/varticle/39513<br />กองส่งเสริมสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครhttp://www.phpd.cjb.net<br />
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ
การดูแลสุขภาพ

การดูแลสุขภาพ

  • 1.
    การดูแลสุขภาพ<br /> ก่อนอื่นมาทำการรู้จักกับโภชขบัญญัติ 9 ประการ และสุขบัญญัติแห่งชาติ 10ประการ กันก่อน<br />โภชนบัญญัติ 9 ประการ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยข้อปฎิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยหรือ โภชนบัญญัติ 9 ประการ   เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการกินของคนไทยให้ถูกต้องเพื่อการมีภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดี ดังต่อไปนี้       1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว       2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ       3. กินพืชผักให้มากและกินผลไม่เป็นประจำ       4. กินปลา กินเนื้อไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ       5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย       6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร       7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด       8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน       9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว        ในอาหารแต่ละชนิดจะประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่มากน้อยต่างกัน ไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่จะมีสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกินอาหารหลายๆชนิดหรือให้ครบทั้ง 5 หมู่ และกินแต่ละหมู่ให้หลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ        \" น้ำหนักตัว\" เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพของร่างกาย จึงควรชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้งและนำมาประเมินดูว่าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่โดยใช้ดัชนีมวลกายเป็นเกณฑ์ ดังนี้ดัชนีมวลกาย= น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/ส่วนสูง2 (เมตร)ค่าปกติอยู่ระหว่าง 18.5-14.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ        ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยที่ให้พลังงานและสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ควรกินเป็นประจำและอาจจะสลับกับอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน บะหมี่ เผือก มัน ก็ได้3. กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ        พืชผักและผลไม้ นอกจากจะให้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งช่วยให้การขับถ่ายดีแล้วยังมีสารแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งป้องกันการเกิดมะเร็งบางประเภทได้4. กินปลา กินเนื้อไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ        ปลา เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดี ย่อยง่ายมีไขมันต่ำ หากกินปลาเป็นประจำจะช่วยลดไขมันในเลือดและในปลาทะเลทุกชนิดมีสารไอโอดีนที่ช่วยป้องกันการเป็นคอพอก รวมทั้งหากกินปลาเล็กปลาน้อยจะได้แคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง        เนื้อสัตว์ทุกชนิดมีโปรตีน แต่ควรกินชนิดไม่ติดมันเพื่อลดการสะสมไขมันในร่างกายและโลหิต        ไข่ เป็นอาหารโปรตีนราคาถูก มีแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นเด็กกินได้ทุกวัน แต่ผู้ใหญ่ควรกินไม่เกินสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง        ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์ เป็นโปรตีนที่ดี ราคาถูกควรกินสลับกับเนื้อสัตว์เป็นประจำ5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย        นม เป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่มีโปรตีน วิตามินบี2 และแคลเซียม ซึ่งช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ควรดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว แต่สำหรับคนอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยแทน6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร        ไขมัน ให้พลังงานและความอบอุ่นกับร่างกาย ทั้งช่วยดูดซึมวิตามิน เอ ดี อี เค แต่ไม่ควรกินมากเกินไปจะทำให้อ้วน และเกิดโรคอื่นๆตามมา จึงควรกินแต่พอควร แต่ไม่ควรงดอย่างเด็ดขาด การประกอบอาหารประเภท ต้ม นึ่ง ย่าง อบ จะช่วยลดปริมาณไขมันในอาหารได้7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด         การกินอาหารรสจัดมากจนเป็นนิสัยจะเกิดโทษต่อร่างกายอาหารรสหวานจัดทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มทำให้อ้วน รสเค็มจัดเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยกินผัก ผลไม้ และชอบกินอาหารรสเค็มจัด จะมีโอากาสเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารด้วย8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน        อาหารปนเปื้อนจะเกิดจากเชื้อโรค พยาธิต่างๆ สารเคมีที่เป็นพิษหรือโลหะหนักที่เป็นอันตราย จะเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษ และเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงควรเลือกกินอาหารที่สด สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ มีการปกปิดป้องกันแมลงวัน หรือบรรจุในภาชนะที่สะอาด และที่สำคัญคือ ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารทุกครั้ง9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำเป็นโทษต่อร่างกายทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ มะเร็จหลอดอาหาร และโรคความดันโลหิตสูงการจะมีโภชนาการดี สุขภาพดี และคุณภาพชีวิตดี ต้องคำนึงถึงหลักใหญ่ดังนี้1. กินอาหารและปฎิบัติตามโภชนบัญญัติ 9 ประการ2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ3. ผ่อนคลายจิตใจ4. หลีกเลี่ยงสิ่งซึ่งเป็นพิษภัย เช่น บุหรี่ เหล้า และสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ<br />1.      ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด2.      รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง3.      ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังขับถ่าย4.      กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตรายและหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด5.      งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนันและการสำส่อนทางเพศ6.      สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น7.      ป้องกันอุบัติเหตุด้วยการไม่ประมาท8.      ออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพประจำปี9.      ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ10. มีสำนึกต่อส่วนรวมร่วมสร้างสังคม<br />การเจริญเติบโตและพัฒนาการของตนเอง<br /> <br />     เมื่อผู้เรียนทราบเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโต แล้ว  ลองนำมาเปรียบเทียบ   กับอายุ  น้ำหนัก  และส่วนสูงของตนเองว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตหรือไม่  ถ้าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน  หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถือว่าเป็นสิ่งดี  แต่ถ้ามีน้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่า     ค่าต่ำสุดของเกณฑ์มาตรฐานแล้ว ก็ควรมีการปรับปรุงพัฒนาตนเองให้มีน้ำหนักและส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์อายุของคนหรือเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโต <br />การเจริญเติบโตของตนเอง ในการสำรวจการเจริญเติบโตของนักเรียนนั้นจะใช้วิธีการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง  เป็นหลักซึ่งควรกระทำอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง  โดยอาจบันทึกข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ   ลงในแบบบันทึกน้ำหนักและส่วนสูง  <br />เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตและพัฒนาของมนุษย์<br />เมื่อคนเราเจริญเติบโต จะมีการพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เติบโตตามมาด้วยคนเราต้องรู้จักรักษาสมดุลของร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ผลของการเจริญเติบโตที่เห็นได้ชัดเจน คือ การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายทั้งน้ำหนักและส่วนสูง เราควรรู้จักรักษาสุขภาพของตนเอง โดยเปรียบเทียบน้ำหนักเกณฑ์มาตรฐานได้ถูกต้อง<br />การเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี<br />right0เด็กในวัยทารกและวัยเด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น พัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม ตามขั้นตอนที่เป็นแบบแผนและมีทิศทางเฉพาะ ซึ่งการเรียนรู้พัฒนาการในวัยทารกและวัยเด็ก จะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างพัฒนาการของ เด็กได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นเราจึงควรศึกษาถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย เพื่อ ให้เข้าใจถึงการเจริญเติบโตและสามารถทำกิจกรรม เพื่อช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ของ เด็กในวัยต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ<br /> <br />วัยเกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กแรกเกิด - 1 ปีเริ่มใช้ขาพยุงตัวให้ลุกขึ้น และเกาะสิ่งต่าง เพื่อเดิน สามารถเลียนแบบ พฤติกรรมที่พบเห็น และเลียนแบบการใช้ภาษา  วัย 1 - 3 ปีใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น ดู สัมผัส ชิมรส ได้ยิน ดมกลิ่น เด็กจะทำ พฤติกรรมซ้ำกันบ่อยๆ ใช้ภาษาที่เป็นคำโดด หรือภาษา 2 คำ ในช่วงอายุ 18-24 เดือน จะเป็นระยะเริ่มคิด จดจำคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ใน ช่วงอายุ 24-36 เดือน เด็กจะสามารถเปลี่ยนทิศทางในการเดินได้ วัยนี้จึง เป็นวัยสำคัญที่ เด็กจะพัฒนาความเป็นตัวเอง และรู้จักตนเอง  วัย 3-6 ปีมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม มีการแบ่งปันของเล่นทั้งเด็ก หญิง และชาย โดยดูวิธีการเล่นที่เพื่อนยอมรับมากที่สุด เด็กวัยนี้จะกระทำ ตาม เพื่อนไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการกระทำ เพื่อให้กลุ่มเพื่อนยอมรับ  <br />พัฒนาการไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งของการเจริญเติบโตทางร่างกายเท่านั้น แต่พัฒนาการจะยังคงมีต่อไปจนตลอดชีวิตของมนุษย์<br />www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/contents/grows03.html<br />รูปภาพของฉันในอดีตตั้งแต่แรกคลอด วัยทารก จนถึงวัยเด็กตอนปลาย<br /> วัยแรกคลอด วัยทารก วัยเด็กตอนปลาย<br />ตารางที่ 2  ตารางบันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัยแรกเกิดจนถึง ชั้นวัยเด็กตอนปลาย(ป.6) และการแสดงกราฟ<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก แรกคลอด วัยทารกอนุบาลอนุบาลอนุบาลอนุบาล            อายุ(ปี/เดือน)   แรกเกิด  1 ขวบ-2 ขวบ 3 ปี4 ปี   5 ปี 6 ปีส่วนสูง(ซ.ม.)   50 cm 75 cm 89 cm 98 cm 102 cm 109.5 cmน้ำหนัก(กก.) 3 (กก.) 10(กก.) 13 (กก.) 15 (กก.) 16 (กก.) 17.8 (กก.)<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก ป.1 ป.2ป.3ป.4ป.5 ป.6            อายุ(ปี/เดือน)   7 ปี8 ปี9 ปี   10 ปี 11 ปี 12 ปีส่วนสูง(ซ.ม.)   114cm119cm   124cm  129cm 132 cm143 cmน้ำหนัก(กก.)  21 (กก.) 23 (กก.) 26 (กก.) 29 (กก.)32 (กก.)37 (กก.)<br />แนวตั้งแสดงถึง น้ำหนัก แนวนอนแสดงถึง ส่วนสูง<br />การเจริญเติบโตของตนเองกับเกณฑ์มาตราฐาน (ฉันในอดีต)<br />ถ้าเทียบการเจริญเติบโตของตนเองกับเกณฑ์มาตรฐานแล้ว(ตามตารางที่ 1) จะต่ำกว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย แต่จากการนำข้อมูลที่นำมาทำเป็นกราฟ จะเห็นว่า เส้นกราฟจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆเป็นไปในทิศทางที่พอเหมาะ<br /> ในวงการแพทย์นิยมใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index : BMI) ในการประเมินมากกว่า โดยมีสูตรจำนวน ดังนี้<br />ตัวอย่างน้ำหนักตัว(กิโลกรัม)BMI = -------------------- <br />ส่วนสูง (เมตร)<br />ตารางที่ 1 ตารางเปรียบเทียบส่วนสูงมาตรฐานของเด็กและเยาวชนไทยใน พ.ศ.2534 ซึ่งกรมอนามัยคาดหวังไว้<br /> <br />อายุ(ปี)ชาย(ส่วนสูงไม่น้อยกว่า)เซนติเมตรหญิง(ส่วนสูงไม่น้อยกว่า)เซนติเมตร5109.0108.36114.6114.07119.6119.38124.6124.69129.4129.610134.2135.511139.2142.612145.8149.613153.8153.514160.5155.815164.8157.316167.7157.517168.8157.618169.4157.619169.5157.620169.6157.7<br /> <br /> รูปภาพฉันในปัจจุบัน<br /> <br />บันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัย ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เทอม 1 <br />น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 145 เมตร BMI = 19 ลุก-นั่ง 30 ครั้ง วิดพื้น 26 ครั้ง <br />ตารางที่ 3  ตารางบันทึกการเจริญเติบโตของนักเรียนในวัย ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เทอม 2<br />ชั้น/ภาคเรียน อายุ ส่วนสูง/น้ำหนัก ม.1    เทอม2        อายุ13 ปี(ปี/เดือน) 01/11/5308/11/5315/11/5322/11/5329/11/5306/12/5313/12/5320/12/5327/12/5331/12/53ส่วนสูง(ซ.ม.)   147 cm  147 cm  147 cm148 cm148 cm148.5 cm148.5 cm149 cm149.5 cm150 cmน้ำหนัก(กก.)   3939.539.540404040404040<br /> <br /> แนวตั้งแสดงถึง น้ำหนัก แนวนอนแสดงถึง ส่วนสูง<br />ในวงการแพทย์นิยมใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index : BMI) ในการประเมินมากกว่า โดยมีสูตรจำนวน ดังนี้<br />ตัวอย่างน้ำหนักตัว(กิโลกรัม)BMI = -------------------- <br />ส่วนสูง (เมตร)<br />เมื่อนำข้อมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน (ฉันในปัจจุบัน)<br />จากข้อมูลของภาคเรียนที่ 1 และ ที่2 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นว่าเกือบจะไม่เห็นความแตกต่างกันเลยในด้านของน้ำหนักตัว ส่วนความสูงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกันเกณฑ์มาตรฐานแล้วถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก ดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาและเสริมสร้างสมรรถภาพของตนเอง<br />การเสริมสร้างสมรรถภาพตนเอง<br />พัฒนาการของตนเอง      นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ต้องมีการปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย  จึงควรเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองโดยเฉพาะพัฒนาการทางเพศและพัฒนาการทางสังคม  เพราะถ้าไม่เข้าใจอาจทำให้เกิด  ความสับสนได้ <br />ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์      คนเรามีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกต่างกันไปทั้งๆ  ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน    ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังที่จะกล่าวต่อไป  ดังนี้ <br />1 พันธุกรรม <br />2 สิ่งแวดล้อม <br />3 การอบรมเลี้ยงดู <br />แนวทางในการพัฒนาตนเองให้เติบโตสมวัย การพัฒนาตน  หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น  การทำชีวิตให้มี      ความเจริญก้าวหน้า  ประสบความสำเร็จและมีความสุขในการดำรงชีวิต ดังนั้น  การพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติอยู่เป็นประจำ  เพราะคงไม่มีใคร      ที่มีความสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่างจนไม่ต้องมีการพัฒนาสิ่งใดของตนเลย  และไม่มีใครที่มี     แต่สิ่งไม่ดีจนไม่สามารถพัฒนาได้  เพราะทุกคนมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่ในตนเองด้วยกันทุกคน  ขึ้นอยู่กับว่าตนเองรู้จักตนเองดีพอหรือรู้จักตนเองมากน้อยเพียงใด  อีกทั้งยอมรับหรือไม่ว่าตนเองมีข้อบกพร่องที่จำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนา  ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้และ      จะนำไปสู่การมีชีวิตที่มีความสุข <br />ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเองมีปัจจัยที่สำคัญ  ดังนี้                1.  การรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างถูกต้อง  บางคนอาจจะเข้าใจว่าตนเองรู้จักและเข้าใจตนเองดี  แต่ความจริงแล้วยังมีบุคคลอยู่เป็นจำนวนมากที่ไม่รู้จักและเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง     อาจคิดว่าตนเองดีเลิศไม่มีสิ่งใดบกพร่อง  หรือบางคนอาจจะตีค่าตนเองต่ำเกินไป  เห็นแต่ข้อไม่ดีของตนเอง  จนเกิดความหมดอาลัยในชีวิต  ถ้าบุคคลใดไม่รู้จักตนเองดีพอก็จะทำให้การพัฒนาตนเองเป็นไปได้ยาก <br />                2.  การยอมรับในความบกพร่องของตนเอง  การรู้จักและเข้าใจตนเองเพียงอย่างเดียว       คงยังไม่พอ  ต้องยอมรับในความบกพร่องของตนเอง  เพื่อจะได้พัฒนาส่วนที่บกพร่องให้ดีขึ้น     แต่ถ้าไม่ยอมรับความบกพร่องของตนเองก็จะทำให้ไม่มีการพัฒนาตนเอง  อาจทำให้ชีวิตล้มเหลวได้และไม่สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข <br />                3.  การรู้จักเข้าใจผู้อื่นและยอมรับผู้อื่น  การที่คนเรารู้จักเข้าใจและยอมรับผู้อื่น    เป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับบุคคลอื่นได้ดี  จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเองเช่นกัน <br />การพัฒนาตนด้านการเจริญเติบโต      กรมอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข  ได้ให้คำแนะนำเพื่อการเจริญเติบโตที่สมวัยไว้ 3 ประการ ดังนี้ 1.  การรับประทานอาหารเช้า  รับประทานอาหารมื้อหลักให้ครบ 3 มื้อ และครบ 5 หมู่    ในแต่ละวัน  อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญของวัยเรียนเพราะอยู่ในวัยเจริญเติบโตและสมองต้องใช้พลังงานในการเรียนรู้ตลอดทั้งวัน  นักเรียนจึงไม่ควรงดอาหารเช้า <br />2.  การดื่มนม ดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว (แก้วละ  200 ซีซี) เป็นประจำ เพราะนมมีคุณค่า     ทางโภชนาการสูง  คือ มีโปรตีน  แคลเซียม เพราะแคลเซียมในนมเป็นแคลเซียมที่มีคุณภาพ        นมจึงช่วยให้นักเรียนมีรูปร่างเติบโต  สูงใหญ่  และแข็งแรง <br />3.  การออกกำลังกาย ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที     สัปดาห์ละ 3 วัน อย่างต่อเนืองเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และที่สำคัญ  จะช่วยให้ร่างกายสูงใหญ่ เสริมความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ   และจิตใจร่าเริงแจ่มใส <br />การพัฒนาจิตของตนเอง        การพัฒนาจิต  เป็นการส่งเสริมการบริการจัดการความเครียด  ฝึกการมีสมาธิ  มีปัญญา  ส่งเสริมการฝึกจิต การควบคุมอารมณ์   การพัฒนาจิตจะช่วยให้บุคคลมีสุขภาพจิตที่ดี  มีศีลธรรม  จะสร้างแต่ความดี  ถ้าในสังคมเรามีบุคคลประเภทนี้มากๆ สังคมจะสงบรมเย็น ไม่มีปัญหาดังเช่นทุกวันนี้ การพัฒนาจิตของตนเอง  อาจทำได้โดยการฟังธรรม  อ่านหนังสือธรรมะ  นั่งสมาธิ  นึกคิดแต่เรื่องดีๆ  รู้จักผ่อนคลายความตึงเครียด  การช่วยเหลือผู้อื่น  บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนรวม  ทำบุญตักบาตร  ลดละความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  พยายามทำจิตใจของตนเองให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ <br /> ฉันในอนาคต<br /> <br />วิธีการดูแลตนเอง<br /> จากที่ได้มีการบันทึก และรวบรวมข้อมูลมาสักระยะหนึ่ง ทั่งเรื่องน้ำหนักและความสูง จนกระทั่งได้เอามาทำเป็นกราฟการเจริญเติบโต จะเห็นว่ายังต้องมีการพัฒนาอีกมากถ้าจะให้เป็นดังคนในภาพ ทั้งในเรื่องอาหารควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ครบทั่ง 5หมู่ ตามหลักของโภชนบัญญติ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ตามหลักของสุขบัญญติแห่งชาติ<br />สุขภาพครอบครัวของฉัน<br /> สมาชิกครอบครัวของฉัน มีทั้งหมด 5คน มี คุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว ตัวของกระผม และคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว และตัวกระผมเอง มีสุขภาพร่างกายที่ดี ส่วนคุณย่า จะมีโรคประจำตัว คือท่านเป็นโรคเบาหวาน การดูแลสุขภาพของท่านก็คือ จะต้องค่อยระวังเรื่องอาหารการกิน และไปหาหมอตามเวลา ที่คุณหมอนับ และที่สำคัญ ควรทำตามสุขบัญญติแห่งชาติและตามหลักโภชนบัญญติก็จะทำให้ครอบครัวของเรามีสุขภาพที่ดีตลอดไป<br />สรุป      การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ไม่ว่าจะทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกาย  ทางด้านจิตใจ  และการพัฒนาการทางสังคมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่มีอิทธิพล  ได้แก่พันธุกรรม  สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดู  ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาตนด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนาจิตของตนเป็นสำคัญและที่ขาดไม่ได้ คือ ควรจะปฏิบัติและทำตามสุขบัญญติแห่งชาติและตามหลักโภชนบัญญติก็จะทำให้ชีวิตของเรามีสุขขึ้น<br />แหล่งอ้างอิง<br />www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/... www.thaigoodview.com/library/contest2551/health03/05/2/contents/grows03.html<br />www.tungsong.com/Healthlife/Healthlife.htm -<br />www.vcharkarn.com/varticle/39513<br />กองส่งเสริมสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครhttp://www.phpd.cjb.net<br />