More Related Content Similar to ทิศทางการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่นในยุคปฏิรูปประเทศไทย
Similar to ทิศทางการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่นในยุคปฏิรูปประเทศไทย (10) More from เทศบาลเมืองวังสะพุง จังหวัดเลย
More from เทศบาลเมืองวังสะพุง จังหวัดเลย (20) ทิศทางการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่นในยุคปฏิรูปประเทศไทย4. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
มาตรา 35 คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทาร่างรัฐธรรมนูญให้
ครอบคลุมดังนี้
1. • การรับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
2.
• การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุขที่เหมาะสม
กับสภาพสังคมของไทย
3.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้ องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้ง
ในภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งกลไกในการกากับและควบคุมให้การใช้อานาจรัฐเป็นไป
เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน
4.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบมิให้ผู้เคยต้องคาพิพากษาหรือคาสั่งที่
ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทาการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทาการอันทาให้การ
เลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม เข้าดารงตาแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด
5. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (ต่อ)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
มาตรา 35 คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทาร่างรัฐธรรมนูญให้
ครอบคลุมดังนี้
5.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพที่ทาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองและ
พรรคการเมือง สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือดาเนินกิจกรรมได้โดยอิสระ ปราศจากการ
ครอบงาหรือชี้นาโดยบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
6.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการสร้างเสริมความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม และการสร้าง
เสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วนและทุกระดับ
7.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน และป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้าง
ความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและ
ประชาชนในระยะยาว
6. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (ต่อ)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
มาตรา 35 คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทาร่างรัฐธรรมนูญให้
ครอบคลุมดังนี้
8.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐให้เป็ นไปอย่างคุ้มค่า
และตอบสนองต่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนโดยสอดคล้องกับ
สถานะทางการเงินการคลังของประเทศ และกลไกการตรวจสอบและ
เปิดเผยการใช้จ่ายเงินของรัฐที่มีประสิทธิภาพ
9.
• กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้ องกันมิให้มีการทาลายหลักการสาคัญที่
รัฐธรรมนูญจะได้วางไว้
10. • กลไกที่จะผลักดันให้มีการปฏิรูปเรื่องสาคัญต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ต่อไป
7. การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ “ฉบับสี่ภาค”
ภาคที่ 1
พระมหากษัตริย์และ
ประชาชน
• หมวด 1
พระมหากษัตริย์
• หมวด 2 ประชาชน
• ส่วนที่ 1 ความเป็ น
พลเมือง
• ส่วนที่ 2 สิทธิ
เสรีภาพของ
พลเมือง
• ส่วนที่ 3 หน้าที่
พลเมือง
• ส่วนที่ 4 การมีส่วน
ร่วมทางการเมือง
• ส่วนที่ 5 การมีส่วน
ร่วมในการ
ตรวจสอบ
ภาค 2 ผู้นาการเมืองที่ดี
และสถาบันการเมือง
• หมวด 1 ระบบผู้
แทนที่ดีและผู้นา
การเมืองที่ดี
• หมวด 2 แนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ
• หมวด 3 รัฐสภา
• หมวด 4
คณะรัฐมนตรี
• หมวด 5 การคลังและ
การงบประมาณ
• หมวด 6
ความสัมพันธ์ระหว่าง
ราชการ นักการเมือง
แลประชาชน
• หมวด 7 การกระจาย
อานาจและการ
ปกครองท้องถิ่น
ภาค 3 นิติธรรม ศาล
และองค์กรตรวจสอบ
การใช้อานาจรัฐ
• หมวด 1 ศาลและ
กระบวนการยุติธรรม
• หมวด 2 การ
ตรวจสอบการใช้
อานาจรัฐ
ภาค 4 การปฏิรูปและ
การสร้างความปรองดอง
• หมวด 1 การปฏิรูป
เพื่อลดความเหลื่อมล้า
และสร้างความเป็ น
ธรรม
• หมวด 2 สร้างความ
ปรองดอง
8. กรอบเวลาการจัดทารัฐธรรมนูญ
ประชุม สปช. ครั้งแรก (21
ตุลาคม 2557)
ประธาน สปช. ตั้งคณะ
กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ
(4 พฤศจิกายน 2557)
สปช. เสนอความเห็นต่อ
กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ
(19 ธันวาคม 2557)
คณะกรรมาธิการจัดทาร่าง
รัฐธรรมนูญ (17 เมษายน
2558)
สปช. พิจารณาให้
ข้อเสนอแนะหรือ
ความเห็น (27 เมษายน
2558)
สปช./ครม./คสช. เสนอคา
ขอแก้ไขเพิ่มเติม (26
พฤษภาคม 2558)
กมธ. พิจารณาร่าง
รัฐธรรมนูญ (28
กรกฎาคม 2558)
สปช. พิจารณาเห็นชอบ
หรือไม่เห็นชอบร่าง
รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ (11
สิงหาคม 2558)
ประธาน สปช. นาร่าง
รัฐธรรมนูญ
ขึ้นทูลเกล้าถวาย
(9 กันยายน 2558)
9. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
มาตรา 27 ให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติมีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปใน
ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
เจตนารมณ์: เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีระบบการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม
มีกลไกป้ องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีประสิทธิภาพ ขจัดความ
เหลื่อมล้าและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทาให้กลไกของรัฐสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว และมี
การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม
(1) การเมือง
(2) การบริหาร
ราชการแผ่นดิน
(3) กฎหมายและ
กระบวนการ
ยุติธรรม
(4) การปกครอง
ท้องถิ่น
(5) การศึกษา (6) เศรษฐกิจ
(7) พลังงาน
(8) สาธารณสุข
และสิ่งแวดล้อม
(9)
สื่อสารมวลชน
(10) สังคม (11) อื่น ๆ
10. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
มาตรา 31 อานาจหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
(1) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทา แนวทางและข้อเสนอแนะ
เพื่อการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามมาตรา ๒๗ เสนอต่อสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบ
แห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(2) เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยก
ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการจัดทาร่าง
รัฐธรรมนูญ
(3) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทาขึ้น
หากเห็นว่ากรณีใด
จาเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัติหรือ
พระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญขึ้นใช้บังคับ
ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ
จัดทาร่างพระราชบัญญัติ
ดังกล่าวเสนอต่อสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติเพื่อ
พิจารณา
11. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
สภาปฏิรูปแห่งชาติมีคณะกรรมาธิการปฏิรูปใน 18 ด้านคือ
1. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค
2. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
3. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการกีฬา
4. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรมและการศาสนา
5. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
6. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงาน
7. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส
8. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ
9. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
12. อานาจหน้าที่และกรอบเวลาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (ต่อ)
สภาปฏิรูปแห่งชาติมีคณะกรรมาธิการปฏิรูปใน 18 ด้านคือ
10. • คณะกรรมาธิการปฏิรูประบบสาธารณสุข
11. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน
12. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยวและบริการ
13. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง
14. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
15. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น
16. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
17. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน
18. • คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง
15. กลุ่มประเด็นด้านการกระจายอานาจ
„ รัฐต้องกระจายอานาจและส่งเสริมให้ประชาชนและท้องถิ่น มีความสามารถและความ
เป็นอิสระในการปกครองตนเองภายใต้เอกภาพแห่งรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาและสนองความ
ต้องการของพื้นที่โดยการมีส่วนร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเพียงพอ
„ การกากับดูแลต้องทาอย่างเท่าที่จาเป็นเพื่อเป็นหลักประกันด้านธรรมาภิบาลและ
ผลสัมฤทธิ์
ประเด็นที่ 1: เจตนารมณ์และหลักการกระจายอานาจไปสู่ประชาชนและท้องถิ่น
„ รัฐต้องกาหนดขอบเขตภารกิจ อานาจหน้าที่ และจัดดุลอานาจตลอดจนความสัมพันธ์ที่
ชัดเจนระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ภายใต้หลักการ
เพิ่มอานาจให้ประชาชนมีส่วนร่วมและบทบาทในการบริหารจัดการตนเองได้มากขึ้น
ประเด็นที่ 2: การจัดระเบียบความสัมพันธ์ด้านบทบาทและอานาจหน้าที่ระหว่างส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และประชาชน
16. กลุ่มประเด็นด้านการกระจายอานาจ
„ รัฐจะต้องส่งเสริมความเป็นอิสระทางการคลังของท้องถิ่น โดยจัดให้มีระบบงบประมาณคู่ขนานคือ การ
จัดสรรงบประมาณตามพื้นที่ควบคู่กับการจัดสรรงบประมาณตามภารกิจ ภายใต้หลักการที่มุ่งสร้างความ
ยืดหยุ่นคล่องตัวให้ท้องถิ่นในการตัดสินใจใช้งบประมาณ
„ ส่งเสริมให้ท้องถิ่นสามารถจัดหารายได้ บริหารรายจ่าย และดุลยภาพทางการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กระบวนการและวิธีการงบประมาณตามพื้นที่ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด
ประเด็นที่ 3: ความเป็ นอิสระทางการคลังและประสิทธิภาพในการบริหารการคลังของ
ท้องถิ่น
„ ให้มีกลไกที่มีเอกภาพเพื่อขับเคลื่อนการกระจายอานาจ การบริหารการเงินการคลัง การบริหารงานบุคคล
โดยประกอบด้วย 1). สภาการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ มีลักษณะจตุภาคี ประกอบด้วยผู้แทนจาก
ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภาคชุมชน/ประชาชน และผู้ทรงคุณวุฒิ/ตัวแทนวิชาชีพ 2). สานักงานสภาการ
ปกครองท้องถิ่น มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง และ 3). ระบบริหารงาน เงิน คนที่เหมาะสมกับบริบทการ
กระจายอานาจของท้องถิ่น โดย
„ รัฐจะต้องถ่ายโอนภารกิจของราชการบริหารส่วนกลางให้กับท้องถิ่นในภารกิจขั้นพื้นฐานและภารกิจอื่นที่
ไม่ได้ระบุไว้ โดยจะต้องดาเนินการถ่ายโอนให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้
ประเด็นที่ 4: กลไกและการถ่ายโอนภารกิจที่จาเป็ นเพื่อการกระจายอานาจการปกครอง
ท้องถิ่น
17. กลุ่มประเด็นด้านการปกครองท้องถิ่น
„ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ รูปแบบทั่วไปและรูปแบบพิเศษ โดยรูปแบบทั่วไป
หมายถึงรูปแบบทั่วไปที่ใช้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ 1). ท้องถิ่น
ระดับจังหวัด และท้องถิ่นต่ากว่าระดับจังหวัด กับรูปแบบพิเศษ หมายถึง รูปแบบที่กาหนดขึ้นเพื่อ
วัตถุประสงค์พิเศษ อันมีลักษณะแตกต่างออกไปจากรูปแบบทั่วไป
ประเด็นที่ 1: รูปแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
„ โดยรัฐพึงจัดระบบการเมืองในระดับท้องถิ่นให้มีความแตกต่างจากระบบการเมืองระดับชาติ ให้ตั้งอยู่บน
พื้นฐานของความปรองดอง เพื่อนาไปสู่การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้าในท้องถิ่นและความร่วมมือของทุก
ฝ่ายในการพัฒนาของท้องถิ่น
„ จัดให้มีสภาพลเมืองเพื่อเป็นกลไกปรึกษาหารือโดยใช้ข้อมูลความรู้เพื่อกาหนด ทิศทางการพัฒนาของ
ท้องถิ่น ควบคู่กับสภาท้องถิ่น
„ รัฐจะต้องมีมาตรการในการคัดกรองที่ดีเพื่อให้ได้สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความรู้
ความสามารถ และมีคุณธรรมเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้บริหารท้องถิ่น
„ ประชาชนสามารถยื่นถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นได้ ส่วนการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น จานวนสมาชิกสภา
ท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ที่มา คุณสมบัติ วาระการดารงตาแหน่ง การถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นและ
สมาชิกสภาท้องถิ่นอาจมีหลากหลายรูปแบบตามที่กฎหมายกาหนด
ประเด็นที่ 2: ระบบการเมืองท้องถิ่นที่เป็ นการประนอมอานาจในท้องถิ่น
18. กลุ่มประเด็นด้านการปกครองท้องถิ่น
„ ให้มีระบบให้การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความยืดหยุ่น
คล่องตัว ยึดถือระบบคุณธรรม
„ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลท้องถิ่นให้เป็นผู้มีสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ โดยมีระบบสวัสดิการที่เหมาะสม
„ มีการประเมินผลแบบประชาชนมีส่วนร่วม และการพิทักษ์ระบบคุณธรรม รวมทั้งการ
จัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจาให้สมดุลกัน
„ ให้มีองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้เป็นการเฉพาะ
„ การถ่ายโอน การหมุนเวียน การโอนย้ายบุคลากรระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และส่วนท้องถิ่น ตลอดจนการจัดระเบียบบริหารงานบุคคลและการพัฒนาทรัพยากร
บุคคลของท้องถิ่น ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด
ประเด็นที่ 3: ระบบการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่
เหมาะสมกับบริบทและภารกิจ
22. ข้อเสนออื่นที่ช่วยผลักดันการกระจายอานาจ
การปฏิรูปการเงิน การคลัง และ
งบประมาณ
ข้อเสนอใน
รัฐธรรมนูญ
„ กาหนดให้การก่อหนี้ผูกพันและการใช้เงินแผ่นดิน ต้องทาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณประจาปีประกอบด้วย
งบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่าย (หรือระบบงบประมาณสองขา)
„ กาหนดให้นาเงินงบประมาณที่สภาผู้แทนราษฎรแปรญัตติ ปรับลด หรือ “งบแปรญัตติ” ไปไว้ในแผนงบประมาณส่วนใด
ส่วนหนึ่งซึ่งไม่สามารถนาไปจัดสรรหรือใช้จ่ายในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่นักการเมืองหรือส่วนราชการใด ๆ ได้โดยตรง
„ ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีอานาจหน้าที่ตรวจสอบไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี การใช้จ่ายเงินแผ่นดินและการก่อหนี้
ผูกพันของคระรัฐมนตรี ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐ และองค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น
„ การจัดแบ่งประเภทภาษีและรายได้จากแหล่งรายได้อื่น ๆ ระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยคานึงถึง
ดุลยภาพทางการคลังระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และความเท่าเทียมทางการคลังระหว่างพื้นที่
„ การจัดระบบงบประมาณในเชิงพื้นที่ โดยยึดหลักการงบประมาณแบบมีส่วนร่วมของประชาชนควบคู่ไปกับงบประมาณ
ฐานหน่วยงาน
28. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
1. • ปัญหาการรวมศูนย์อานาจของส่วนกลาง
2. • ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง-ภูมิภาค-ท้องถิ่น
3. • โครงสร้างและกลไกการปกครองท้องถิ่นแบบสองชั้น
4. • คุณภาพและความหลากหลายของบริการสาธารณะโดยท้องถิ่น
5. • การเติบและข้อวิจารณ์ต่อพัฒนาการประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น
6. • การเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งในท้องถิ่น
7. • การขาดแคลนรายได้ของท้องถิ่น
8. • การกากับดูแลที่เข้มงวดเกินไป
29. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
ปัญหาการรวมศูนย์อานาจของส่วนกลาง
การรวมศูนย์อานาจที่มากเกินไปทาให้เกิดการผูกขาดและการกระจุกตัวของอานาจ
หน้าที่แก่ส่วนกลางในฐานะผู้ใช้อานาจ มีโอกาสที่จะเกิดการใช้อานาจในทางที่พิษ
ได้ง่ายและสร้างความเสียหายในวงกว้าง
การเปิดโอกาสและกระจายอานาจให้ท้องถิ่นจะช่วยกระจายความเสี่ยงของการใช้อานาจ
ในทางที่ผิดและความเสียหายจากการใช้อานาจในภาครัฐได้
ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง-ภูมิภาค-ท้องถิ่น
ส่วนกลาง-ส่วนภูมิภาคไม่ควรมีอานาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะในระดับพื้นที่
แข่งกับท้องถิ่น
ส่วนกลาง-ภูมิภาคควรทาหน้าที่กาหนดและบริหารยุทธศาสตร์แห่งชาติ-
ยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ และจัดบริการสาธารณะระดับชาติที่ท้องถิ่นไม่สามารถ
ดาเนินการได้เช่น ความมั่นคง การเศรษฐกิจมหภาค และการทูต
ท้องถิ่นควรมีอานาจในการจัดบริการสาธารณะเกือบทุกประเภทในระดับท้องถิ่นยกเว้น
ด้านความมั่นคง การเศรษฐกิจมหภาค และการทูต
30. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
โครงสร้างและกลไกการปกครองท้องถิ่นแบบสองชั้น
การทับซ้อนกันของอานาจและเขตพื้นที่ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ความสัมพันธ์ระหว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล/องค์การบริหารส่วนตาบล
ยังขาดความชัดเจนในการแบ่งแยกอานาจหน้าที่
อบจ. ควรจัดบริการสาธารณะที่เป็นภาพรวมในระดับจังหวัด หรือเป็นบริการสาธารณะ
ที่เทศบาล/อบต. ไม่สามารถดาเนินการได้และได้รับการร้องขอจากเทศบาล/อบต.ตาม
หลัก Subsidiarity
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชั้นบน
องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชั้นล่าง
เทศบาล
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชั้นล่าง
องค์การบริหารส่วนตาบล (อบต.)
31. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
คุณภาพและความหลากหลายของบริการสาธารณะโดยท้องถิ่น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความได้เปรียบในการจัดบริการสาธารณะที่สอดคล้องกับ
ความต้องการของคนในพื้นที่ และสามารถสร้างบริการสาธารระที่เป็นนวัตกรรมและมี
ความหลากหลายได้
อย่างไรก็ตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังถูกวิจารณ์ถึงคุณภาพในการจัดบริการ
สาธารณะ การจัดบริการที่ไม่คานึงถึงการประหยัดขนาด (Economic of Scale) และ
การทุจริต
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังคงต้องได้รับการยกระดับและพัฒนาศักยภาพในการ
จัดการและความสามารถเชิงเทคนิคในการจัดบริการสาธารณะที่เกี่ยวกับ
การพัฒนาทักษะที่สลับซับซ้อนเช่น องค์ความรู้ด้านสาธารณสุข ฯลฯ
การจัดการความเสี่ยงทางด้านการคลัง
ฯลฯ
32. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
การเติบและข้อวิจารณ์ต่อพัฒนาการประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น
การกระจายอานาจได้สร้างพัฒนาการในสองลักษณะคือ
1. การมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ที่ทาให้นักการเมืองท้องถิ่นและ
ประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันในพื้นที่
ประชาชนมีการติดตามและเรียกร้องให้นักการเมืองท้องถิ่นต้องจัดบริการสาธารณะและโครงการที่
เป็นประโยชน์มากขึ้น
2. ในทางตรงกันข้าม บางพื้นที่การเมืองท้องถิ่นยังถูกผูกขาดโดยเจ้าพ่อท้องถิ่น
เกิดการคอรัปชั่น และการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ
ทาให้ผลของการสร้างประชาธิปไตยท้องถิ่นในหลายพื้นที่มีทั้ง “ได้ผล” และ “ยังไม่
ได้ผล”
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาประชาธิปไตยท้องถิ่นไม่ควรเป็ นเหตุผลของการ
ยุบการปกครองท้องถิ่น
33. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
การเลือกตั้งและระบบเลือกตั้งในท้องถิ่น
การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นถูกวิจารณ์ถึงปัญหาการซื้อเสียง การอุปถัมภ์ การ
แทรกแซงจากการเมืองระดับชาติ และการได้ผู้แทนที่ไร้ความสามารถ
ระบบการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม กับการทาให้พลเมืองมีความกระตือรือร้นในการ
สร้างการเลือกตั้งที่เป็นธรรมจึงเป็นความท้าทายและส่งผลต่อความชอบธรรมของ
การเมืองท้องถิ่น
การออกแบบระบบเลือกตั้งที่เหมาะสมสาหรับท้องถิ่น (?แตกต่างจากการเลือกตั้ง
ระดับชาติ) จึงสาคัญ
การคัดเลือดและคัดกรองนักการเมืองท้องถิ่น
การวาระบบการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น
การสร้างบรรยากาศการแข่งขันทางการเมืองในท้องถิ่น
ฯลฯ
34. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
การขาดแคลนรายได้ของท้องถิ่น
ความไม่สมดุลกันระหว่างรายได้ของท้องถิ่นกับภารกิจที่ท้องถิ่นต้องดาเนินการ
ท้องถิ่นยังมีรายได้ที่จัดเก็บเองในสัดส่วนที่น้อยมาก
พ.ศ.2556 มีเพียง 8.78 % ของรายได้ทั้งหมด
ท้องถิ่นยังพึ่งพารายได้จากเงินอุดหนุนของรัฐบาลเป็นหลัก
พ.ศ.2556 ท้องถิ่นมีรายได้จากเงินอุดหนุนร้อยละ 41.83 ของรายได้ทั้งหมด
การปรับปรุงการคลังท้องถิ่นต้องมุ่งไปที่การเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่นเป็นสาคัญเช่น
การเพิ่มประเภทภาษีและแหล่งรายได้ที่ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บเองได้
การกาหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมในการจัดสรรรายได้ โดยพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงของพื้นที่
และยุทธศาสตร์ของพื้นที่
การส่งเสริมให้ท้องถิ่นสามารถหารายได้จากแหล่งรายได้ที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tax)
ลดการพึ่งพาเงินอุดหนุน
สร้างระบบข้อมูลทางการคลังที่มีประสิทธิภาพและเสริมความรู้ทางการคลังแก่ท้องถิ่น
35. กระบวนทัศน์ดั้งเดิม: ปัญหาและวิธีการเดิมที่ต้องแก้ไข
การกากับดูแลที่เข้มงวดเกินไป
การออกระเบียบและคาสั่งที่ยังขัดกับเจตนารมณ์ของการกระจายอานาจใน
รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการกระจายอานาจ
เน้นการกากับดูแล “ก่อนการกระทา” (Pre-Audit) และ “การตีความ
กฎหมายที่แคบเกินไป” จนท้องถิ่นขาดความเป็นอิสระ
แนวทางการกากับดูแลควรถูกปรับปรุงเพื่อสร้างธรรมาภิบาลและ
มาตรฐานการบริการสาธารณะโดยยังยึดหลักความเป็นอิสระของท้องถิ่น
หน่วยงานรัฐผู้กากับดูแลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีฉันทานุมัติ
หรือการตกลงร่วมกันในการกาหนดแนวทางการกากับดูแล
39. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
การปฏิรูประบบการคลังและงบประมาณระดับชาติ (ต่อ)
การปฏิรูประบบการคลังและงบประมาณระดับชาติให้สอดคล้องกับความเป็ น
อิสระทางการคลังของท้องถิ่นมีความสาคัญเช่น
กาหนดให้การก่อหนี้ผูกพันและการใช้เงินแผ่นดิน ต้องทาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณ
ประจาปีประกอบด้วยงบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่าย (หรือระบบงบประมาณ
สองขา)
กาหนดให้นาเงินงบประมาณที่สภาผู้แทนราษฎรแปรญัตติ ปรับลด หรือ “งบประญัตติ” ไปไว้
ในแผนงบประมาณส่วนใดส่วนหนึ่งซึ่งไม่สามารถนาไปจัดสรรหรือใช้จ่ายในลักษณะที่เอื้อ
ประโยชน์แก่นักการเมืองหรือส่วนราชการใด ๆ ได้โดยตรง
ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีอานาจหน้าที่ตรวจสอบไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี การใช้
จ่ายเงินแผ่นดินและการก่อหนี้ผูกพันของคณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐ และองค์กร
ปกรองส่วนท้องถิ่น
การจัดแบ่งประเภทภาษีและรายได้จากแหล่งรายได้อื่น ๆ ระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น โดยคานึงถึงดุลยภาพทางการคลังระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น และความเท่าเทียมทางการคลังระหว่างพื้นที่
การจัดระบบงบประมาณในเชิงพื้นที่ โดยยึดหลักการงบประมาณแบบมีส่วนร่วมของ
ประชาชนควบคู่ไปกับงบประมาณฐานหน่วยงาน
42. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
การสร้างนวัตกรรม (Innovative Initiation) โดยองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเป็นผู้นาในการสร้างนวัตกรรมสาหรับ
ภาครัฐ
ปัจจุบัน สถาบันพระปกเกล้าได้สารวจและคัดเลือก “Best Practices” ของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกปี โดยในพ.ศ.2557 มีองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น 12 แห่งที่ได้รางวัล “พระปกเกล้าทองคา” ในด้าน
ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม
การเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม
การสร้างความสมานฉันท์และสันติสุข
43. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
การจัดโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่หลากหลาย
ในปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีโรงสร้างเดียวคือ “ฝ่ายสภา-บริหาร”
โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรถูกออกแบบให้มีความหลากหลายมาก
ขึ้นเช่น คณะกรรมการเมือง / ระบบผู้ว่าการเมือง / ผู้จัดการเมือง ฯลฯ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถ “เลือก” โครงสร้างที่สอดคล้องกับอปท. ของตนก็
ได้
การตั้ง “สภาพลเมือง” ที่สร้างการมีส่วนร่วมในทุกระดับ
เป็นแนวคิดในร่างพระราชบัญญัติจังหวัดปกครองตนเองพ.ศ.....
เป็น “สภาแห่งที่สอง” ทาหน้าที่ให้คาปรึกษาและตรวจสอบการทางานของอปท.
สมาชิกสภาพลเมืองต้องมาจากตัวแทนของประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่
สมาชิกสภาพลเมืองอาจมีที่มาแตกต่างกันเช่น การเลือกตั้ง การสรรหา การเป็นตัวแทน
ของกลุ่มในสังคม ฯลฯ
ยังถกเถียงกันว่าควรให้อานาจหน้าที่มากน้อยเพียงใด และสภาพลเมืองควรจัดตั้งใน
อปท. รูปแบบใด (เทศบาล อบต. อบจ.)
44. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
การจัดการเชิงพื้นที่ (Area-Based Management-ABM) และการจัดองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
ABM เป็นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ที่ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์/ประเด็นปัญหา
เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นตามสถานการณ์และยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเช่น
เมืองชายแดน
พื้นที่ที่มีประชากร/แรงงานผู้อพยพ
พื้นที่อนุรักษ์ทางสิ่งแวดล้อม
พื้นที่ทางเศรษฐกิจ
ABM อาจมีอานาจพิเศษสาหรับการจัดการในพื้นที่เฉพาะและอาจได้รับงบประมาณพิเศษจาก
การจัดสรรงบประมาณเชิงพื้นที่
การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ อาจถูกก่อตั้งเพื่อให้มีโครงสร้างและ
อานาจหน้าที่ที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีความพิเศษที่ต้องมี ABM
การสร้างอปท. รูปแบบพิเศษในปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่มีความพยายามจากหลายภาคส่วน
เช่น เมืองแม่สอด / การจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวของเกาะสมุย หรือการจัดการพื้นที่เศรษฐกิจ
พิเศษรอบสนามบินสุวรรณภูมิ
45. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
ขนาดที่เหมาะสม (Optimal Size) สาหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีขนาดเล็กและกระจัดกระจายเช่น อปท. บางแห่งมี
งบประมาณเล็กน้อยแต่มีพื้นที่การจัดการกว้างขวาง
อปท. ที่มีขนาดเล็กเกินไปไม่ก่อให้เกิดความประหยัดเชิงขนาด (Economic of Scale) และใช้
งบประมาณในลักษณะ “เบี้ยหัวแตก”
การควบรวมอปท. เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาและเกณฑ์การควบรวมยังเป็นที่ถกเถียง
กันอยู่เช่น
การใช้เกณฑ์ด้านรายได้
การใช้เกณฑ์จากจานวนประชากร
การใช้เกณฑ์โดยพิจารณาจากพื้นที่/ทาเลที่ตั้ง
การควบรวมอปท. ควรสามารถทาได้โดยไม่จาเป็นต้องอิงตามเขตพื้นที่ของจังหวัด-อาเภอ-
ตาบล
การควบรวมควรดาเนินการโดยได้รับความยินยอมของประชาชน ?
การบังคับอาจถูกต่อต้านในหลายพื้นที่และขาดการมีส่วนร่วมในกระบวนการควบรวม
การอาศัยความยินยอมอย่างเดียวอาจ “ไม่เกิดการควบรวม” จากการเสียประโยชน์ในการเมืองท้องถิ่น
46. แนวความคิดและข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับการกระจายอานาจ
การคงอยู่ของระบบราชการส่วนภูมิภาคและระบบกานัน/ผู้ใหญ่บ้าน
ข้อเสนอ “การยุบระบบราชการส่วนภูมิภาค” ยังเป็นที่ถกเถียงกันมากในสอง
ลักษณะคือ
1. การยุบภูมิภาคไม่ใช่แนวทางในการแก้ไขปัญหาการรวมศูนย์
เนื่องจากระบบราชการส่วนภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของส่วนกลาง
แม้แต่ในปัจจุบัน “หน่วยงานที่มีฐานะเป็นระบบราชการส่วนกลาง” ก็ไปดาเนินงานใน
พื้นที่เป็นจานวนมากมากกว่า “หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค”
2. ระบบราชการส่วนภูมิภาคอาจมีความจาเป็ นแต่ควรปรับเปลี่ยนภารกิจใหม่
ให้เน้นการบริหารและติดตามการทางานของท้องถิ่นให้มีทิศทางที่สอดคล้องกับ
ยุทธศาสตร์ชาติ/ยุทธศาสตร์พื้นที่
การทาหน้าที่ให้การสนับสนุนและให้คาปรึกษาทางวิชาการแก้ท้องถิ่น