More Related Content
More from ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
More from ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา (20)
แถลงการณ์คดีผ่าไส้ติ่งร่อนพิบูลย์
- 1. เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
27 ซอยเพชรเกษม 50/1, บางหว้า, ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ 10160.
โทร. 080-438-0001 Facebook: Preeyanan Lorsermvattana Line: ouipreeyanan
Website: www.thai-medical-error.blogspot.com E-mail: ouidolla@yahoo.com
13 ธันวาคม 2550
แถลงการณ์
1
กรณีศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พิพากษาจำาคุกแพทย์หญิงสุทธิพร ไกรมาก เป็นเวลา 3 ปี
โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็ทำาให้วงการแพทย์
ออกอาการไม่พอใจที่แพทย์ด้วยกันต้องรับโทษทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง พร้อมขู่ยุติการทำาผ่าตัดที่รพ.ชุมชนและ
จะมีการส่งต่อผู้ป่วยกันมากขึ้น ต่างวิพากษ์วิจารณ์และโยนความผิดทั้งหมดให้กับผู้เสียหายและเครือข่ายฯทั้งที่
คดีอาญานั้นดำาเนินขึ้นก่อนที่ผู้เสียหายรายนี้จะมาพบกับเครือข่ายฯ
หน่วยงานที่รู้รายละเอียดดีอย่างแพทยสภาและสำานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาโต้ตอบ
และบิดเบือนข้อเท็จจริง อาศัยเหตุการณ์นี้เล่นละครตบตาวงการแพทย์และสังคม เรียกร้องความชอบธรรมให้
กับตนเองและเรียกร้องให้แพทย์ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ทั้งที่รู้ดีว่าเหตุการณ์ที่บานปลายจนพญ.สุทธิพรฯ
ต้องได้รับโทษนั้นแพทยสภาและสำานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นต้นเหตุใหญ่ และแม้กระทั่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เครือข่ายฯ หวังว่าท่านจะเป็นหนึ่งเดียวที่พึ่งได้ ก็ไม่ได้ให้ความสำาคัญกับ
ชีวิตคนไข้ที่เสียหาย พร้อมควักเงินส่วนตัวเริ่มตั้งกองทุนช่วยเหลือแพทย์สู้คดี เครือข่ายฯ ขอถามว่าแล้วชีวิต
คนไข้ไทยที่ต้องล้มตาย เจ็บ พิการ เป็นใบไม้ร่วงทุกวันจากความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้ จะพึ่ง
ใครได้ หรือต้องปล่อยให้เป็นเวรเป็นกรรม เพราะขืนหากลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องหาความเป็นธรรม ก็จะกลาย
เป็นคนผิด และมีแต่เสียงก่นด่าสาปแช่งจากวงการแพทย์ไทยเป็นรางวัล
เครือข่ายฯ เห็นใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพญ.สุทธิพรฯ แต่อยากให้ท่านทั้งหลายได้ใช้สติ ดูเหตุ ดู
ผล และดูข้อเท็จจริงเสียก่อน แล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสินว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นต้นเหตุ
ดังที่เครือข่ายฯ จะชแี้จงดังต่อไปนี้
1. พญ.สุทธิพรฯ ไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่นาทีเดียว กุญแจมือก็ไม่ถูกใส่ เพราะศาลท่านให้เกียรติ
แพทย์ อีกทั้งนส.ศิริมาศลูกสาวนางสมควร แก้วคงจันทร์ (ผู้ตาย) ได้ขอร้องศาลผ่านเจ้าหน้าที่หน้า
บัลลังก์ว่า ขอไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้เอาพญ.สุทธิพรไปคุมขังในระหว่างรอประกันตัว เนื่องจาก
เธอเห็นว่าในคดีอื่นที่พิพากษาก่อนหน้าคดีของเธอบัลลังก์เดียวกันนั้น ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาเจ้า
หน้าที่ตำารวจประจำาศาลได้เอากุญแจมือไปใส่ไว้กับตัวจำาเลยก่อนมีคำาพิพากษา และเธอไม่เคยคิดที่จะ
- 2. เอาหมอติดคุก เธอเพียงแต่ต้องการให้ใครสักคนตอบว่าแม่เธอเป็นอะไรตาย แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์
จะบานปลายมาจนเป็นแบบนี้
2
2. 5 มิถุนายน 2545 เมื่อแม่ของศิริมาศเสียชีวิตหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่มีใครอธิบายว่าแม่ตายเพราะอะไร
แพทย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกว่าหัวใจล้มเหลว ไปถามรพ.มหาราชก็ตอบว่าเพราะสมองบวม ทาง
รพ.ไม่เคยมีนำ้าใจไปร่วมงานศพ เธอนำาศพแม่เข้ากรุงเทพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ผลก็ออกมาแบบ
คลุมเครือ
3. สสจ.จังหวัดนครศรีธรรมราชสอบสวนแล้วบอกว่าหมอไม่ผิด แต่จะจ่ายเงินให้ แต่หมอไม่รับว่าเป็นความ
ผิดพลาด ศิริมาศ บอกว่าถ้าจะให้รับเงินต้องอธิบายก่อนว่าแม่ตายเพราะอะไร ถ้าหมอไม่ผิดเธอก็
เหมือนไปขู่กรรโชกทรัพย์มันไม่ถูกต้อง คนในสสจ.บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้ไปฟ้องเอาเอง
4. ศิริมาศจึงไปแจ้งความ (จุดเริ่มต้นคดีอาญา) เมื่อไปแจ้งความ ศิริมาศรู้ว่ามีการใช้อิทธิพลท้องถิ่น ทำาให้
ตำารวจไม่รับแจ้งความ ไม่ยอมทำาสำานวนส่งอัยการ
5. เธอร้องเรียนแพทยสภาก็บอกสั้น ๆ ว่า ”คดีไม่มีมูล” ร้องรัฐมนตรีฯ สธ.ยุคนางสุดารัตน์ฯ ก็ไม่มีใคร
ช่วย ศิริมาศร้องเรียนต่อ 16 หน่วยงาน หน่วยงานสอบสวนแล้วพบว่าตำารวจมีความผิดจนถูกย้าย และ
อัยการสูงสุดมีคำาสั่งให้ฟ้องคดีนี้ในที่สุด
6. ปลายปี 2545 ศิริมาศเข้ารวมตัวกับเครือข่ายฯ เครือข่ายฯ จึงช่วยเธอยื่นฟ้องสำานักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของรพ.ร่อนพิบูลย์ เป็นคดีแพ่ง ตามพรบ.ความรับ
ผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ปี 2539 จนกระทั่งปลายปี 2548 ศาลชั้นต้นตัดสินให้ศิริมาศชนะคดี ว่า
คดีไม่หมดอายุความ และรพ.ประมาทเลินเล่อ สธ.ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 6 แสนบาท
ศิริมาศเหนื่อยมาหลายปี หนังสือก็ไม่ได้เรียน ทั้งที่เธอเอนทร้านซ์ติดคณะชีวะเคมี เธออยากเรียน
หนังสือ จึงขอร้องสำานักงานปลัดกระทรวงฯ ว่าอย่าอุทธรณ์เลย เธอพอใจและได้คำาตอบแล้วว่าแม่เป็น
อะไรตาย และเงินจำานวน 6 แสนบาทนั้นแม้จะไม่มากหากเทียบกับชีวิตแม่ แต่ก็คงพอทำาให้เธอกับน้อง
ๆ ได้เรียนหนังสือ หลังจากแม่ตายก็บ้านแตก พี่น้อง 5 คนแตกแยกกันไปคนละทิศละทาง เธอกับน้อง
ๆ ไม่มีใครส่งเสียให้ได้เรียน ความเป็นอยู่ลำาบาก แต่ทางสำานักงานปลัดกระทรวงฯ กับทาง
แพทยสภากลับร่วมกันตั้งทีมทนายสู้กับคนไข้ ทำาทุกวิถีทางที่จะเอาชนะคนไข้ แม้จะไม่ถูกต้องก็ทำา
และยื่นอุทธรณ์ในประเด็นอายุความ จนทำาให้ศิริมาศต้องได้รับความพ่ายแพ้เนื่องจากคดีหมดอายุ
ความ เมื่อ 12 กรกฎาคม 2550
เจตนารมณ์ของ พรบ . ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่นั้น เขามีไว้ช่วยแพทย์เวลาถูกร้อง
เรียน ไม่ต้องให้แพทย์ถูกฟ้อง และมีไว้เพื่อเยียวยาผู้เสียหาย แต่สำานักงานปลัดกระทรวง กลับไม่ยอม
ทำาตามเจตนารมย์ของกฎหมาย ปล่อยให้คนผู้เสียหายที่มีความทุกข์และต้องการความช่วยเหลืออย่าง
- 3. 3
มาก ไปฟ้องกันเอาเอง แล้วก็จัดตั้งทีมกฎหมายสู้แบบเอาเป็นเอาตาย เหตุการณ์เปลี่ยนไปน้องศิริ
มาศต้องต่อสู้กับหน่วยงานที่ควรให้ความเป็นธรรมกับเธอ และแพทย์ของรพ.ร่อนพิบูลย์ก็ถูกนำาไปเป็น
เครื่องมือในการเอาชนะผู้เสียหายของหน่วยงาน
7. ในคดีอาญาที่อัยการสั่งฟ้อง ชมรมแพทย์ชนบทได้ประสานกับเครือข่ายฯ ว่าจะหาทางออกอย่างไร
ดี เครือข่ายฯ อาสาคุยกับน้องให้ ศิริมาศบอกว่ามาพูดตอนนี้มันสายไปแล้ว อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว
ทำาไมก่อนหน้านี้ไม่มาคุย และคดีอ าญานั้นยอมความกันไม่ได้ ถือเป็นอาญาแผ่นดิน แต่ก็มี
ทางออก โดยให้แพทย์ขอโทษอย่างเป็นทางการ และทำาบุญให้แม่เธอ และเธอจะไปแถลงต่อศาลเองว่า
ไม่ติดใจเอาความ และให้หมอไปรับสารภาพกับศาลท่านพร้อม ๆ กัน โทษหนักจะได้เป็นเบา อย่างมาก
ศาลก็รอลงอาญา ครั้งแรกทางรพ.ตอบตกลง แต่แพทยสภาและสำานักงานปลัดกระทร
วงฯ ไม่ให้หมอขอโทษและให้สู้คดี โดยบอกหมอว่ามีทางชนะ โดยจัดทีมนักกฎหมาย ทีม
แพทย์ที่จบกฏหมายช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ มีกรรมการแพทยสภาคอยประกบพยานฝ่ายของศิริมาศใน
ศาลอย่างน่าเกลียดอีกด้วย
ในการสู้คดีศิริมาศเห็นว่าแพทย์หญิงสุทธิพร หลงเชื่อหน่วยงานเบิกความไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แพทย์
พยานผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยก็เบิกความขัดกับตำาราที่ตนเองเขียน
ดังนั้นการที่พญ.สุทธิพร ต้องคดีอาญาในครั้งนี้ เป็นเพราะหลงเชื่อแพทยสภาและสำานักงานปลัดกระ
ทรวงฯ ที่ยุให้แพทย์สู้คดีในทางที่ผิด ๆ จึงทำาให้ตนเองต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งที่น้องศิริมาศและเครือข่ายฯ
ได้พยายามช่วยแล้วแต่แพทย์ไม่รับเอง มิหนำาซ้ำ้าทุกครั้งที่ศิริมาศพบกับพญ.สุทธิพร เธอยกมือไหว้แต่
พญ.สุทธิพรไม่เคยรับไหว้ และแสดงกิริยาอาการที่ไม่เป็นมิตรอีกด้วย
เวลาคนไข้ถูกหน่วยงานรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้ เครือข่ายฯ ไม่เคยเห็นวงการแพทย์ส่วน
ใหญ่จะเห็นใจ และออกมาเรียกร้องเพื่อคนไข้ทั้ง ๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่าแพทย์ทำาผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็น
ธรรม แต่ก็ปล่อยให้คนไข้ถูกกระทำา วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้องอย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้
เหมือนจับคนไข้เป็นตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มาต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่
สมควรทำาอย่างยิ่ง สังคมแพทย์ควรมีความเห็นอกเห็นใจผู้เสียหาย และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมี
มนุษยธรรม เพราะที่ใดไม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิด แพทย์อยากให้คนไข้เข้าใจแพทย์ เห็นใจใน
ความเหนื่อยยากของแพทย์แพทย์ก็ต้อง เห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุขด้วยกันทุกฝ่าย
ทุกวันนี้ทั้ง คนไข้ และหมอ คือเหยื่อของระบบ เหยื่อของหน่วยงาน ที่ผู้บริหารเหลิงและลุแก่อำานาจ
ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มัวแต่ห่วงภาพพจน์และศักดิ์ศรีของตนเอง จนลืมความมีมนุษยธรรม
ทำาให้เหตุการณ์เล็ก ๆ บานปลายมาจนถึงกับทำาให้แพทย์หญิงสุทธิพรต้องโทษถูกจำาคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
อย่างวันนี้ เครือข่ายฯ ก็ได้แต่ภาวนาว่าศาลชั้นอุทธรณ์ และศาลฎีกาท่านจะให้ความเมตตาต่อแพทย์ ให้ได้รับ
โทษสถานเบาที่สุดเพียงแค่รอลงอาญา
- 4. เครือข่ายฯ ขอวิงวอนให้สื่อมวลชนได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับเครือข่ายฯ ช่วยเผยแพร่แถลงการณ์นี้
ให้แพทย์และสังคมได้รับทราบ เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่เคยสนับสนุนให้คนไข้ฟ้องอาญาแพทย์ และไม่เคย
ต้องการเห็นแพทย์ติดคุก และการฟ้องคดีอาญาต่อแพทย์นั้นส่วนใหญ่คือหนทางสุดท้าย เป็นเพราะระบบไม่ให้
ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย หากเครือข่ายฯ คิดทำาลายวงการแพทย์ก็คงไม่อดทนเรียกร้องให้มีการตั้งกองทุน
ชดเชยความเสียหายมายาวนานต่อเนื่องถึง 5 ปี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคนไข้และคุ้มครองแพทย์ ไม่ให้
มีการฟ้องร้องกันอีกต่อไป และข้อเรียกร้องของผู้เสียหายที่เป็นผู้บริโภคไม่ใช่หรือ ที่ได้รับการบรรจุลงในร่าง
พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ที่ได้ผ่านมติครม.ไปแล้วและกำาลังอยู่ระหว่างการ
พิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เครือข่ายฯ ขอถามว่าแพทย์ทุกคนไม่ได้ประโยชน์หรือ กับการลุกขึ้นเรียกร้องของเครือข่ายฯ ขณะที่
พวกท่านส่วนใหญ่เพิกเฉยไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของคนไข้ที่ไม่มีทางสู้
ขอไว้อาลัยให้กับหน่วยงานสาธารณสุขของไทย
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
เหตุการณ์ล่าสุด
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบแถลงการณ์ฉบับนี้ ได้เรียกนส.ศิริมาศ และนางปรียนันท์
ประธานเครือข่ายฯ ไปชี้แจงข้อเท็จจริงนาน 3 ชั่วโมง จากนั้นรมว.สธ.ได้จ่ายเงินเยียวยาน้องศิริมาศจำานวน
8 แสนบาท พร้อมไปร่วมทำาบุญให้แม่น้องที่นครศรีธรรมราช น้องศิริมาศได้ทำาหนังสือประนีประนอมยอม
ความให้กับทางกระทรวง ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องแพทย์หญิงสุทธิพร (ยุติเรื่อง)
4