เสนอ 
อ.ดร.อนุชา โสมาบุตร 
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การศึกษา
นางสาวพรพิมล จันทร์สว่าง 563050111-3 
นางสาวรติยากร คชา 563050126-0 
นางสาวศินารักษ์ สุขโต 563050140-6 
นางสาวนิดาวรรณ เพียสุพรรณ 563050370-9 
สมาชิกผู้จัดทา
สถานการณ์ปัญหา 
ครูสมศรีเป็นครูสอนวิชาสังคมศึกษา เป็นผู้มีความรู้และมีความ เชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างดี โดยวิธีการสอนนักเรียนในแต่ละครั้ง ครู สมศรีมักจะสอนหรือบรรยายให้นักเรียนจา และสื่อการสอนที่นามาใช้ ประกอบการสอนก็เป็นในลักษณะที่เน้นการถ่ายทอดความรู้ด้วย ไม่ว่า จะเป็นหนังสือเรียน, การสอนบนกระดาน หรือแม้กระทั่งวิดีโอที่นามา เปิดให้นักเรียนได้เรียน โดยครูสมศรีมีความเชื่อที่ว่า การสอนที่ดีและมี ประสิทธิภาพนั้น คือ สามารถทาให้นักเรียนสามารถจาเนื้อหา เรื่องราวใน บทเรียนให้ได้มากที่สุด
ส่วนนักเรียนของครูสมศรีก็เป็นประเภทที่ว่ารอรับเอาความรู้ จากครูแต่เพียงอย่างเดียว ดาเนินกิจกรรมการเรียนตามที่ครูกาหนด ทั้งหมด เรียนไปได้ไม่นานก็เบื่อ ไม่กระตือรือร้นที่จะหาความรู้จากที่ อื่นเพิ่มเติม ครูให้ทาแค่ไหนก็ทาแค่นั้นพอ 
ซึ่งจากวิธีการสอนของครูสมศรีและลักษณะของนักเรียนที่ กล่าวมาทั้งหมด ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้นคือ เมื่อเรียนผ่านมาได้ไม่ นานก็ทาให้ลืมเนื้อหาที่เคยเรียนมา ไม่สามารถคิดได้ด้วยตนเองและไม่ สามารถที่จะนามาใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวันได้
1. วิเคราะห์แนวคิดวิธีการจัดการเรียนการสอน และการใช้สื่อการสอนของครู สมศรี ตลอดจนวิธีการเรียนรู้ของนักเรียน ว่าสอดคล้องกับยุคปฏิรูปการศึกษา ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญหรือไม่ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ 
-วิธีการจัดการเรียนการสอน ครูสมศรีมักจะสอนหรือ บรรยายให้นักเรียนจาโดยครูสมศรีเชื่อว่าการสอนที่ดี และมีประสิทธิภาพนั้นคือสามารถทาให้นักเรียนจา เนื้อหาเรื่องราวในบทเรียนให้ได้มากที่สุด
- การใช้สื่อการสอนของครูสมศรี จะเป็นหนังสือเรียน การสอนบน กระดานหรือแม้กระทั่งวิดีโอที่นามาเปิดให้นักเรียนได้เรียน 
-วิธีการเรียนรู้ของนักเรียน รอรับเอาความรู้จากครูแต่เพียงอย่าง เดียวดาเนินกิจกรรมตามที่ครูกาหนดทั้งหมด เรียนไปได้ไม่นานก็เบื่อ ไม่กระตือรือร้นที่จะหาความรู้จากที่อื่นเพิ่มเติมครูให้ทาแค่ไหนก็ทา แค่นั้นพอ
ซึ่งน่าจะเป็นการสอนที่ผู้เรียนไม่สามารถคิดเกินกว่าข้อมูลที่ครู จัดให้ในบางครั้งอาจเป็นการเรียนโดย เน้นทักษะการจดจา ท่องจาอย่างเดียวเท่านั้น (Rote Leaming) ซึ่งไม่สอดคล้องกับยุคปฏิรูปการศึกษาเพราะในยุคปฏิรูป การศึกษาจะเป็นการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางคานึงถึงการที่ ผู้เรียนมีคุณภาพอย่างรอบด้านให้คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น และ สามารถศึกษาด้วยตนเองได้ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่มี ความรวดเร็วสามารถรับข้อมูลจากทั่วโลกและแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งกันและกันได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงที่ซับซ้อนดังที่ Bruner (1983) กล่าวว่า ผู้เรียนต้องยกระดับการเรียนที่เพิ่ม จาก การจดจา ข้อเท็จจริงไปสู่การเริ่มต้นที่จะคิดอย่างมี วิจารณญาณและสร้างสรรค์
2. วิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา มาสู่ยุคปฏิรูปการเรียนรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลง ทางด้านใดบ้าง พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลสนับสนุน
ด้านครูผู้สอน 
สมัยก่อนครูจะเน้นการเรียนการสอนในรูปแบบของการเน้นเนื้อหา จากการบรรยายให้นักเรียนฟังเพียงอย่างเดียว แต่ครูยุคใหม่จาเป็นต้องมี ทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญในการนาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการศึกษาได้ อย่างเหมาะสมและก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี มีการวางแผน อย่างเป็นระบบเพื่อนาพลังเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด และเป้าหมายสาคัญสาหรับครูในการนาเทคโนโลยีมาใช้ต้องสูงกว่าขั้น การรับเอามาใช้ ( Adoption ) โดยมุ่งไปสู่การปรับใช้ ( Adaption ) และก้าวไปจนถึงขั้นการเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ( Appropriate Technology )
การเป็นครูในยุคปฏิรูปการศึกษานั้น ครูจะต้อง มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ประพฤติตนเป็น แบบอย่างที่ดีในทุกๆด้าน สามารถแยกเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานได้ ควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี มี คุณธรรม จริยธรรม มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีจรรยา- บรรณในวิชาชีพครู เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครูด้วยกัน และเป็นที่ยอมรับของผู้เรียนด้วย
ด้านผู้เรียน 
ผู้เรียนนั้นควรลงมือปฏิบัติในกิจกรรมการเรียนที่ส่งเสริมการ แสวงหาข้อมูล สารสนเทศ การค้นพบคาตอบ ตลอดจนสามารถนา ความรู้ที่เรียนมาใช้ในการแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่เพียงแค่การรอรับความรู้ จากครูเพียงอย่างเดียว 
ในยุคการปฏิรูปการเรียนรู้ ผู้เรียนจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม การเรียนการสอนมากขึ้น มีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความ คิดเห็น ซึ่งขณะนี้ผู้เรียนจะถูกมองว่า เป็นผู้ที่มีความตื่นตัวในการเรียนรู้ คิดค้น เสาะแสวงหาวิธีที่จะวิเคราะห์ ตั้งคาถาม อธิบาย ตลอดจนทา ความเข้าใจสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ด้านสื่อการสอน 
สื่อการสอนนั้นจาเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความ เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน จากเดิมสื่อการเรียนการสอนมีรูปแบบเป็นสื่อการ เรียนรู้ และนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ เช่น หนังสือเรียน การสอนบนกระดาน เพื่อที่จะปรับรูปแบบของสื่อการสอนให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน เป็นศูนย์กลางที่ไม่ได้มุ่งเพียงให้ผู้เรียนสามารถจดจาสิ่งที่เรียนรู้ได้เท่านั้น แต่ยัง มุ่งพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของสังคมไทย ได้แก่ ความสามารถคิดแบบ องค์รวม และสามารถเรียนรู่ร่วมกันในการทางานเป็นทีมได้ ตลอดจน ความสามารถในการแสวงหาความรู้ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง เพื่อทาให้เป็น สังคมที่มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อที่จะสามารถแข่งขัน และร่วมมือ อย่างสร้างสรรค์ในสังคมและโลกต่อไป
3. ปรับวิธีการสอนและวิธีการใช้สื่อการสอนของครูสมศรี ให้เหมาะสมกับยุค ปฏิรูปการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 
ในการจัดการเรียนแบบของครูสมศรีคือ เน้นครู เป็นศูนย์กลางและมีความเข้าใจที่ผิดคือ การสอนที่ดีและมี ประสิทธิภาพนั้น คือสามารถทาให้นักเรียนสามารถจา เนื้อหา เรื่องราวในบทเรียนให้ได้มากที่สุด ซึ่งผู้เรียนก็จะรอ รับเอาสิ่งที่ครูสอน ทาให้ไม่สามารถคิดเกินกว่าข้อมูลที่ครูจัด ให้ ในบางครั้งอาจเป็นการเรียนโดย "เน้นทักษะการจดจา” ท่องจาอย่างเดียวเท่านั้น (Rote Learning) และเมื่อเรียนไป ไม่นานผู้เรียนก็จะเบื่อลักษณะวิธีการเรียนการสอนของครู สมศรี และลืมเนื้อหาที่ครูสมศรีสอน
ครูสมศรีควรปรับวิธีการสอนและวิธีการใช้สื่อให้ เหมาะสมกับยุคปฏิรูปการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือ ครู สมศรีควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนแบบเดิมมาเป็นการสอนแบบเน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางยกระดับผู้เรียนจากการเรียนแบบ การ จดจา ข้อเท็จจริงไปสู่การเริ่มต้นที่จะคิดอย่างมีวิจารณญาณ และ สร้างสรรค์ ฝึกให้เด็กมีทักษะการคิดในระดับสูง(Higher-Order Thinking Skills)เพื่อที่เด็กจะได้มีคุณภาพอย่างรอบด้าน ให้คิด เป็น แก้ปัญหาเป็น และสามารถศึกษาด้วยตนเองได้
ครูสมศรีควรเปลี่ยนวิธีการใช้สื่อและ นวัตกรรม จากใช้สื่อและนวัตกรรมเพื่อการสอน นักเรียนเปลี่ยนมาเป็นการใช้สื่อและนวัตกรรมเพื่อให้ นักเรียนเรียนรู้โดยครูมีบทบาทในการเป็นผู้แนะ แนวทางและผู้อานวยการ ตลอดจนช่วยเหลือผู้เรียน ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ได้

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการศึกษา