More Related Content
Similar to ใบความรู้เรื่อง การกำเนิดไฟฟ้า
Similar to ใบความรู้เรื่อง การกำเนิดไฟฟ้า (20)
ใบความรู้เรื่อง การกำเนิดไฟฟ้า
- 1. 1.ธรรมชาติของไฟฟ้ า
.... สสารที่มีในโลกนี้ประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ซึ่ งเราเรี ยกว่า อะตอมหรื อปรมาณู (Atoms)ภายในอะตอม
จะประกอบไปด้วยอนุภาคไฟฟ้ าเล็กๆ 3 ชนิดคืออิเล็กตรอน โปรตอนและนิวตรอน โดยที่อิเล็กตรอนจะมี
่
ประจุไฟฟ้ าเป็ นลบ โปรตอนมีประจุไฟฟ้ าเป็ นบวก และในนิวตรอนมีประจุไฟฟ้ าเป็ นกลาง การอยูร่วมกัน
่
ของอนุ ภาคทั้งสามในอะตอมเป็ นลักษณะที่โปรตอนและนิวตรอนร่ วมกันอยูตรงกลาง เรี ยกว่า นิวเคลียส
่
และมีอิเล็กตรอนโคจรอยูรอบ ๆ
2.การไหลของอิเล็กตรอน
่
่
.......ภายในอะตอมจะมีอิเล็กตรอนโคจรอยูรอบ ๆ นิวเคลียสเป็ นวง ๆ ซึ่ งอิเล็กตรอนที่อยูวงนอกสุ ดเรี ยกว่า
่
่
อิเล็กตรอนอิสระและถ้าอิเล็กตรอนที่อยูวงนอกนี้ได้รับพลังงานก็จะทาให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปอยูใน
อะตอมที่ถดไปทาให้เกิดการไหลของอิเล็กตรอนพลังงานที่จะทาให้อิเล็กตรอน ในวัตถุตวนาไหลได้ คือ
ั
ั
่
เครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าซึ่ งจะทาหน้าที่ท้ งการรับและจ่ายอิเล็กตรอน ซึ่ งเราเรี ยกว่า ขั้วไฟฟ้ าโดยกาหนดไว้วาขั้วที่
ั
รับอิเล็กตรอนเรี ยกว่า ขั้วบวกขั้ วที่จ่ายอิเล็กตรอนเรี ยกว่า ขั้วลบ
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 2. 3.แหล่งกาเนิไไฟฟ้ า
.........แหล่งกาเนิดไฟฟ้ ามีหลายชนิด ดังนี้
3.1 แหล่ งกาเนิไไฟฟาทีเ่ กิไขึนจากการเสี ยไสี ของวัตถุ
้
้
ั
ุุ ........การนาวัตถุ 2 ชนิดมาเสี ยดสี กนจะเกิดไฟฟ้ า เรี ยกว่า ไฟฟ้ าสถิต...ผูคนพบไฟฟ้ าสถิตครั้งแรก คือ
้้
นักปราชญ์กรี กโบราณท่านหนึ่งชื่อเทลิส(Philosopher Thales) แต่ยงไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับไฟฟ้ ามากนัก ..
ั
ั
จนถึงสมัยเซอร์ วลเลี่ยมกิลเบอร์ ค(Sir William Gilbert)ได้ทดลองนาเอาแท่งอาพันถูกบผ้าขนสัตว์ปรากฏว่า
ิ
แท่งอาพันและผ้าขนสัตว์สามารถดูดผงเล็ก ๆ ได้ปรากฏการณ์น้ ีคือการเกิดไฟฟ้ าสถิตบน วัตถุท้ งสอง
ั
3.2 แหล่งกาเนิไไฟฟ้ าทีเ่ กิไขึนจากพลังงานทางเคมี
้
แหล่งกาเนิดไฟฟ้ าจากพลังงานทางเคมีเป็ นไฟฟ้ าชนิดกระแสตรง(Direct Current) สามารถแบ่งออกได้เป็ น
2 แบบ คือ
1) เซลล์ ปฐมภูมิ (Primary Cell)
......เป็ นแหล่งกาเนิดไฟฟ้ าที่ให้กระแสไฟฟ้ าตรง ผูที่คิดค้นได้คนแรกคือ เคานต์อาเลสซันโดรยูเซปเป
้
อันโตนีโออานัสตาซี โอวอลตานักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี โดยใช้แผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดงจุ่มลงใน
สารละลายของกรดกามะถันอย่างเจือจาง มีแผ่นทองแดงเป็ นขั้วบวกแผ่นสังกะสี เป็ นขั้วลบ เรี ยกว่า เซลล์
ั
วอลเทอิก ...เมื่อต่อเซลล์กบวงจรภายนอกก็จะมีกระแสไฟฟ้ าไหลจากแผ่นทองแดงไปยังแผ่นสังกะสี
ั
....... ขณะที่เซลล์วอลเทอิกจ่ายกระแสไฟฟ้ าให้กบหลอดไฟแผ่นสังกะสี จะค่อย ๆ กร่ อนไปทีละน้อยซึ่ งจะ
เป็ นผลทาให้กาลังในการจ่ายกระแสไฟฟ้ าลดลงด้วย และเมื่อใช้ไปจนกระทังแผ่นสังกะสี กร่ อนมากก็ตอง
้
่
เปลี่ยนสังกะสี ใหม่ จึงจะทาให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ าได้ต่อไปเท่าเดิม .ข้อเสี ยของเซลล์แบบนี้คือ ผูใช้จะต้อง
้
คอยเปลี่ยนแผ่นสังกะสี ทุกครั้งที่เซลล์จ่ายกระแสไฟฟ้ าลดลงแต่อย่างไรก็ตามเซลล์วอลเทอิกนี้ ........ถือว่า
เป็ นต้นแบบของการประดิษฐ เซลล์แห้ง (Dry Cell) หรื อถ่านไฟฉายในปั จจุบน ทั้งเซลล์เปี ยกและเซลล์แห้ง
ั
นี้เรี ยกว่า เซลล์ปฐมภูมิ (Primary Cell) ข้อดีของเซลล์ปฐมภูมิน้ ี คือเมื่อสร้างเสร็ จสามารถนาไปใช้ได้ทนที
ั
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 3. 2) เซลล์ ทุติยภูมิ (Secondary Cell)
เป็ นเซลล์ไฟฟ้ าสร้างขึ้นแล้วต้องนาไปประจุไฟเสี ยก่อนจึงจะนามาใช้ และเมื่อใช้ไฟหมดแล้วก็สามารถ
นาไปประจุไฟใช้ได้อีกโดยไม่ตองเปลี่ยนส่ วนประกอบภายใน และเพื่อให้มีกระแสไฟฟ้ ามากจะต้องใช้
้
เซลล ์์หลายแผ่นต่อกันแบบขนานแต่ถาต้องการให้แรงดันกระแสไฟฟ้ าสู งขึ้นก็ตองใช้เซลล์หลาย ๆแผ่น.
้
้
แบบอนุกรมเซลล์ไฟฟ้ าแบบนี้มีชื่อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า สตอเรจเซลล์ หรื อสตอเรจแบตเตอรี่ (Storage
Battery)
3.3 แหล่งกาเนิไไฟฟ้ าทีเ่ กิไขึนจากพลังงานแม่ เหล็กไฟฟา
้
้
........กระแสไฟฟ้ าที่ได้มาจากพลังงานแม่เหล็กโดยวิธีการใช้ลวดตัวนาไฟฟ้ าตัดผ่านสนามแม่เหล็ก หรื อการ
นาสนามแม่เหล็กวิงตัดผ่านลวดตัวนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งสองวิธีน้ ีจะทาให้มีกระแสไฟฟ้ าไหลในตัวนา
่
นั้น กระแสที่ผลิตได้มีท้ งกระแสตรงและกระแสสลับ
ั
1) เครื่องกาเนิไไฟฟ้ ากระแสตรง
..... หลักการของเครื่ องกาเนิ ดไฟฟ้ ากระแสตรงอาศัยหลักการที่ตวนาเคลื่อนที่ตดสนามแม่เหล็กจะเกิดแรง
ั
ั
เคลื่อนที่ไฟฟ้ าขึ้นในลวดตัวนานั้น
โครงสร้ างของเครื่องกาเนิไไฟฟ้ ากระแสตรง มีดงนี้
ั
่ ั
ก. ส่ วนที่อยูกบที่ ประกอบด้วย
.... โครงและขั้วแม่เหล็ก ส่ วนนี้สร้างสนามแม่เหล็กหรื อเส้นแรงแม่เหล็กและส่ วนที่รับกระแสไฟออก
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 4. ข. ส่ วนที่เคลื่อนที่ หรื อส่ วนที่หมุนเรี ยกว่า อาร์ มาเจอร์ (Armature)....ประกอบด้วย 1. แกนเพลา 2. แกน
เหล็ก 3. คอมมิวเตเตอร์
2) เครื่องกาเนิไไฟฟ้ ากระแสสลับ
..... .มีโครงสร้างเหมือนเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ ากระแสตรง แต่ที่อาร์ มาเจอร์ มีวงแหวนแทนคอมมิวเตเตอร์
(Commutature) หลักการทางานของการเกิดมีข้ นตอนโครงสร้าง 9 ขั้นตอน
ั
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 5. 3.4 แหล่งกาเนิไไฟฟ้ าทีเ่ กิไขึนจากพลังงานแสง
้
........ เกิดจากการที่แสงผ่านกระแสไฟฟ้ า จากพลังงานสารกึ่งตัวนา เพราะว่าเมื่อสารกึ่งตัวนาได้รับแสง
่
อิเล็กตรอนภายในสารหลุดออกมาและเคลื่อนที่ได้ แหล่งกาเนิดไฟฟ้ านี้ที่ใช้อยูปัจจุบนเรี ยกว่า โฟโตเซลล์
ั
(Photo Cell) ใช้ในเครื่ องวัดแสงของกล้องถ่ายรู ป การปิ ดเปิ ดประตูลิฟต์และระบบนิรภัย เป็ นต้น
3.5 แหล่งกาเนิไไฟฟ้ าทีเ่ กิไขึนจากพลังงานความร้ อน .....กระแสไฟฟ้ าเกิดขึ้นจากพลังงานความร้อนโดย
้
การนาโลหะ 2 ชนิดมายึดติดกันแล้วให้ความร้อนจะเกิดกระแสไฟฟ้ าไหลในแท่งโลหะทั้งสอง เช่น ใช้
ทองคาขาวกับคอนสแตนตันยึดปลายข้างหนึ่งให้ติดกัน ...และปลายอีกด้านหนึ่งของโลหะทั้งสองต่อเข้ากับ
เครื่ องวัดไฟฟ้ า กัลวานอร์ มิเตอร์ เมื่อใช้ความร้อนเผาปลายของโลหะที่ยดติดกันนั้น พลังงานความร้อนจะ
ึ
ทาให้เกิดพลังงานไฟฟ้ าขึ้น เกิดกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านเครื่ องวัดไฟฟ้ า
3.6 แหล่งกาเนิไไฟฟ้ าทีเ่ กิไขึนจากแรงกไ ........กระแสไฟฟ้ าที่เกิดขึ้นจากแรงกด สารที่ถูกแรงกด หรื อดึง
้
จะเกิดกระแสไฟฟ้ าผลึกของควอตซ์ ทัวร์มาไลท์และเกลือโรเซลล์ เมื่อนาเอาผลึกดังกล่าวมาวางไว้ระหว่าง
โลหะทั้งสองแผ่นแล้วออกแรงกด สารนี้จะมีไฟฟ้ าออกมาที่ปลายโลหะทั้งสอง พลังงานไฟฟ้ าที่เกิดขึ้นนี้ ต่า
มาก นาไปใช้ทาไมโครโฟน หูฟัง โทรศัพท์ หัวปิ คอัพของเครื่ องเล่นจานเสี ยง เป็ นต้น
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 6. 4.ชนิไของไฟฟ้ า
.........ไฟฟ้ าที่เกิดขึ้นแบ่งออกเป็ น 2 ชนิด ดังนี้
ั
่
4.1 ไฟฟาสถิต ไฟฟ้ าสถิตเกิดขึ้นจากการเสี ยดสี โดยการนาสารต่างชนิ ดมาถูกนอิเล็กตรอนที่อยูในวงจร
้
ั
โคจรของสารทั้งสองอาจชนกันได้อาจทาให้สารชิ้นหนึ่งสู ญเสี ยอิเล็กตรอนไปให้กบสารอีกชนิดหนึ่ง แต่
่
เนื่องจากว่าสารเหล่านี้ไม่ได้ต่อกับสารภายนอกอิเล็กตรอน ไม่มีโอกาสถ่ายเทได้จึงคงอยูที่สารนั้น เราจึง
่
เรี ยกไฟฟ้ าแบบนี้วาไฟฟ้ าสถิต
ประโยชน์ ของไฟฟ้ าสถิต
.............ไฟฟ้ าสถิตสามารถนาไปใช้ในวงการอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการพ่นสี โลหะต่าง ๆ การกรองฝุ่ นและ
เขม่าออกจากควันไฟการทากระดาษทราย เป็ นต้น
โทษของไฟฟาสถิต ได้แก่ การเกิดฟ้ าผ่า
้
่
4.2 ไฟฟากระแส ไฟฟ้ ากระแส เป็ นไฟฟ้ าที่ใช้อยูในบ้านพักอาศัย และในโรงงานอุตสาหกรรมทัวไป ไฟฟ้ า
้
่
กระแสสามารถแบ่งได้ 2 ชนิดคือ
1) ไฟฟากระแสตรง (Direct Current) ไฟฟ้ ากระแสตรงเป็ นไฟฟ้ ากระแสที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ของ
้
กระแสไฟฟ้ าไปในทิศทางเดียวกันเป็ นวงจร เช่น กระแสไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ (Battery) ถ่านไฟฉายเซลล์
สุ ริยะ ไดนาโมกระแสตรง เป็ นต้น
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 7. 2) ไฟฟากระแสสลับ (Alternating Current) เป็ นไฟฟ้ ากระแสที่มีทิศทางการเคลื่อนที่สลับกัน โดย
้
กระแสไฟฟ้ าที่เกิดขึ้นในขดลวดตัวนาของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ ากระแสสลับ ซึ่ งมีอยู่ 3 ชนิดคือ ไฟฟ้ า
กระแสสลับ เฟสเดียว สองเฟส และสามเฟสในปัจจุบนนิยมใช้เพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ กระแสไฟฟ้ าสลับ
ั
เฟสเดียวกับสามเฟส
.................... ก. ไฟฟ้ ากระแสสลับเฟสเไียว (Single Phase)
................ลักษณะการเกิดไฟฟ้ ากระแสสลับ คือ ขดลวดชุดเดียวหมุนตัดเส้นแรงแม่เหล็ก เกิดแรงดัน
กระแสไฟฟ้ าทาให้กระแสไหลไปยังวงจรภายนอก โดยผ่านวงแหวน และแปลงถ่านดังกล่าวมาแล้ว จะเห็น
่
ได้วาเมื่อออกแรงหมุนลวดตัวนาได้ 1 รอบ จะได้กระแสไฟฟ้ าชุดเดียวเท่านั้น ถ้าต้องการให้ได้ปริ มาณ
กระแสไฟฟ้ าเพิ่มขึ้น ก็ตองใช้ลวดตัวนาหลายชุดไว้บนแกนที่หมุน ดังนั้นในการออกแบบขดลวดของเครื่ อง
้
กาเนิดไฟฟ้ ากระแสสลับถ้าหากออกแบบชุดขดลวดบนแกนให้เพิ่มขึ้นอีก 1 ชุด แล้วจะได้กาลังไฟฟ้ าเพิ่มขึ้น
..........ข. ไฟฟากระแสสลับสามเฟส (Three Phase) ...................เป็ นการพัฒนามาจากเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ า
้
กระแสสลับชนิดสองเฟส โดยการออกแบบจัดวางขดลวดบนแกนที่หมุนของเครื่ องกาเนิดนั้น เป็ น 3 ชุด ซึ่ง
แต่ละชุดนั้นวางห่างกัน 120 องศาทางไฟฟ้ า
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm
- 8. ...............ไฟฟ้ ากระแสสลับที่ใช้ในบ้านพักอาศัย ส่ วนใหญ่ใช้ไฟฟ้ ากระแสสลับเฟสเดียว
(SinglePhase)ระบบการส่ งไฟฟ้ าจะใช้สายไฟฟ้ า 2 สายคือ สายไฟฟ้ า 1 เส้น และสายศูนย์ (นิวทรอล) หรื อ
เราเรี ยกกันว่า สายดินอีก 1 สาย สาหรับบ้านพักอาศัยในเมืองบางแห่ง อาจจะใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าชนิดพิเศษ
จะต้องใช้ไฟฟ้ าชนิดสามเฟส ซึ่ งจะให้กาลังมากกว่า เช่น มอเตอร์ เครื่ องสู บน้ าในการบาบัดน้ าเสี ย ลิฟต์ของ
อาคารสู ง ๆ เป็ นต้น
ที่มา : http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/electric/Elec-1.htm