More Related Content
More from Klangpanya (20)
มุสลิมอีสานต้องการครอบครองประเทศไทยจริงหรือ?
- 2. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
2 พฤษภาคม 2562
มุสลิมอีสานต้องการครอบครอง
ประเทศไทยจริงหรือ?
ตามที่ Numjai Pimsuy1 ได้เขียนข้อความเผยแพร่ผ่านไลน์ว่าอิสลามต้องการครอบครองประเทศไทย
ทั้งประเทศและจะเปลี่ยนให้เป็นประเทศสาธารณรัฐอิสลาม โดยเริ่มจากการสร้างมัสยิดกลางที่จังหวัด
นครพนมเพื่อทาลายพุทธศาสนาหรือศาสนสถานที่สาคัญอย่างพระธาตุพนม แล้วพัฒนาจุดยุทธศาสตร์ใน
การขยายฐานอานาจของมุสลิมไปทั่วทั้งภาคอีสานนั้น
แนวคิดดังกล่าวสะท้อนกระแสคนท้องถิ่นที่นับถือศาสนาพุทธบางส่วนที่ออกมาต่อต้านการสร้างมัสยิด
ของคนที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งกระแสนี้เริ่มขึ้นในพื้นที่ จ.บึงกาฬ และแพร่กระจายไปใน
พื้นที่ จ.มุกดาหาร จ .ขอนแก่น จ.สกลนคร และ จ.นครพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปีพ.ศ. 2561 ซึ่ง
ยังคงปรากฏให้เห็นตามหน้าสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ มัสยิดบางแห่งสามารถดาเนินการก่อสร้างจน
แล้วเสร็จ ในขณะที่บางแห่งโครงการก่อสร้างจาเป็นต้องยกเลิกไป2
บทความนี้มีจุดประสงค์โต้แย้งความเห็นของ Numjai ที่อ้างว่ามุสลิมต้องการจะยึดครองประเทศไทย
ว่าไม่เป็นความจริง แต่เป็นคาพูดที่สะท้อนแนวคิดต่อต้านและหวาดกลัวศาสนาอิสลามที่กาลังแพร่หลายใน
ภาคอีสานของไทย อันจะขอนาเสนอประเด็นโต้แย้งพร้อมเหตุผลสนับสนุนสามข้อหลักดังต่อไปนี้
1 ไม่ปรากฏชื่อจริงของ Numjai Pimsuy แต่จากการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ผู้เขียนเป็นเจ้าของบล็อก
http://truthistruth5.blogspot.com ซึ่งเผยแพร่กระทู้ปกป้องพุทธศาสนาตามแนวทางคาสอนของวัดพระธรรมกาย
นอกจากนี้ ผู้เขียนเคยเผยแพร่ข้อความต่อต้านอิสลามและชาวมุสลิมผ่านบล็อก “กูเปนคนไท” หลายครั้ง เช่น การสร้าง
มัสยิดกลางประจาจังหวัดคือแผนการยึดครองประเทศ การมีอาหารฮาลาลในเซเว่น อีเลฟเว่นเป็นการสร้างความแตกแยก
ในสังคม เป็นต้น
2 The Isaan Record, “มัสยิดบึงกาฬ: ความจาเป็นที่แตกต่างนาไปสู่การต่อต้าน,” เดอะ อีสานเรคคอร์ด, 10 ธันวาคม
2561, https://isaanrecord.com/2018/12/10/islam-muslim-masjid-in-isaan/ (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
- 3. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
ประการแรก ผู้เขียนไม่มีหลักฐานสนับสนุนชัดเจนว่าชาวมุสลิมในนครพนมต้องการจะสร้างมัสยิดเพื่อ
ทาลายพุทธศาสนา นอกจากนี้ ผู้เขียนอาจเหมารวมมุสลิมในนครพนมว่าเป็นพวกเดียวกับกลุ่มมุสลิมผู้มี
แนวคิดสุดโต่ง นิยมใช้ความรุนแรงบีบบังคับให้คนนับถืออิสลามตามแบบของเขา เช่น ขบวนการอัลกออิ
ดะห์ (al-Qaeda) และขบวนการรัฐอิสลาม (The Islamic State) ด้วยเหตุนี้ Numjai จึงอนุมานว่าการสร้าง
มัสยิดและประชากรมุสลิมที่อาศัยอยู่ในนครพนมจะนามาซึ่งสงครามความขัดแย้งและความรุนแรงเหมือนกับ
มุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ก่อนอื่น ผู้อ่านจะต้องเข้าใจว่า ชาวไทยมุสลิมอีสานมีจานวนประชากรน้อยมากเมื่อเทียบสัดส่วนของ
ประชากรคนอีสานส่วนใหญ่ซึ่งนับถือพุทธศาสนาที่คิดเป็นร้อยละ 85 ของประชากรอีสานทั้งหมด ข้อมูลจาก
การสารวจสามะโนประชากรและการเคหะของสานักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ชาวมุสลิมที่อยู่ในประเทศไทย
กระจุกตัวอยู่บางพื้นที่มากกว่าที่จะกระจายไปทุกพื้นที่ของประเทศ กว่าร้อยละ 08 ของชาวมุสลิมอาศัยอยู่
ในภาคใต้ โดยเฉพาะ ใน 5 จังหวัดชายแดนได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสงขลา หรือประมาณ
343,64222 คน3
ถึงแม้ว่าจะมีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่ไม่มากเท่ากับภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ แต่ชาวไทยมุสลิม
ในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในภาคอีสานต่างมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ชาติพันธุ์พอสมควร ในงาน
วิทยานิพนธ์ที่ศึกษาวิถีชีวิตของชาวไทยมุสลิมอีสานของวิชาญ ชูช่วย ชื่อ “สังคมชาวมุสลิมใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ระบุว่า ลักษณะสังคมชาวไทยมุสลิมในภาคอีสานมีการตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันของ
กลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันมาก คือ มุสลิมเชื้อสายปาทาน มลายู บังคลาเทศและพม่า ตลอดจนคนพื้นเมือง
ที่เพิ่งเข้ารีตอิสลามใหม่4 โดยมุสลิมเชื้อสายปาทานจากประเทศปากีสถานเป็นมุสลิมกลุ่มแรกที่อพยพมา
อาศัยอยู่ในภูมิภาคตั้งแต่หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พร้อมกับการสร้างทางรถไฟสายอีสานตอนล่างข้าม
ดงพระยาเย็น (นครราชสีมา – สุรินทร์ – อุบลราชธานี) ในปี พ.ศ. 24435 จึงกล่าวได้ว่าชาวมุสลิมได้ตั้งหลัก
แหล่งอยู่ในดินแดนอีสานมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว
3 นูรซาลบียะห์ เช็ง, “กรุงเทพฯ เมืองใหญ่ กับฉันที่เป็นมุสลิม,” UDDC, 11 มกราคม 2018,
http://www.uddc.net/th/knowledge/กรุงเทพฯ-เมืองใหญ่-กับฉันที่เป็นมุสลิม#.XMpMDfZuKUk (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน
2562).
4 วิชาญ ชูช่วย4 “สังคมชาวมุสลิมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ4” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทย
คดีศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม4 2533.
5 ฉัตรทิพย์ นาถสุภา4 “เศรษฐกิจหมู่บ้านไทยในอดีต4” กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์4 25274 85
- 4. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
แต่การอยู่ร่วมกันกับกลุ่มชาวไทยส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธทาให้ชาวไทยมุสลิมภาคอีสานมีความ
แตกต่างจากชาวไทยมุสลิมในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีการรวมกลุ่มมุสลิมเชื้อชาติเดียวกันอาศัยอยู่ด้วยกันในเขต
ใกล้เคียง เช่น มุสลิมมลายูอยู่ร่วมกลุ่มกันบริเวณคลองแสนแสบ และชานเมืองในกรุงเทพฯ มุสลิมเชื้อสาย
จาม-เขมรอยู่ร่วมกันบริเวณบ้านครัวหรือเจริญผล กรุงเทพฯ มุสลิมจีนฮ่ออยู่ร่วมกันบริเวณบ้านฮ่อ มัสยิด
ช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ แต่ในภูมิภาคอีสานจะพบว่าชุมชนมุสลิมอยู่กระจัดกระจายปะปนกับกลุ่ม
วัฒนธรรมอื่นๆ อย่างชัดเจน6
ที่เห็นได้ชัดคือ ชาวมุสลิมใน จ.นครพนม ที่มีอยู่ประมาณ 022 คน กระจายกันอยู่ตามอาเภอต่างๆ ไม่
มีการรวมตัวเป็นลักษณะชุมชนมุสลิม โดยชาวมุสลิมบางส่วนเกิดในจังหวัด อีกส่วนหนึ่งเข้ามาทางานรับ
ราชการ แต่โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรชาวสวนยางพารา ในแง่ศาสนา ชาวมุสลิมในนครพนม
แยกปฏิบัติศาสนกิจตามครอบครัวแต่ละครอบครัว และเท่าที่ผ่านมายังไม่เคยปรากฏความเคลื่อนไหวเพื่อ
ทากิจกรรมทางศาสนา7
บทความนี้จึงสันนิษฐานว่า Numjai อาจได้รับอิทธิพลจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และตามโทรทัศน์
เกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ความขัดแย้งแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ
การก่อการร้ายในระดับโลก จนทาให้เขาไม่สามารถแยกแยะกลุ่มชาวมุสลิมในประเทศไทยที่มีพื้นเพทาง
สังคม วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ต่างกัน และอาศัยอยู่ร่วมกับคนไทยพุทธอย่างสงบสุขมาช้านานได้ แต่กลับ
มองคนมุสลิมทั้งหมดว่าเป็นผู้ร้าย นิยมความรุนแรงในลัทธิอิสลามสุดโต่งเหมือนๆ กัน
ประการที่สอง แนวคิดต่อต้านมุสลิมของ Numjai สะท้อนความหวาดกลัวของชาวพุทธในภาคอีสานว่า
การสร้างมัสยิดและจัดตั้งกิจการอาหารฮาลาลจะกลืนกินวัฒนธรรมพุทธ ในกรณีนี้ วสันต์ ท่อทิพย์ หรือ
“อาบีดูน” อิหม่ามประจามัสยิดอัศศอบีรีนและเป็นหนึ่งในผู้ที่ริเริ่มแนวคิดก่อสร้างมัสยิดแห่งแรกใน จ.บึงกาฬ
กล่าวว่า ประเด็นความกังวลเรื่องวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามจะกลืนกินวัฒนธรรมของศาสนาพุทธนั้นไม่
น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากในภาคกลางก็มีคนมุสลิมที่สร้างชุมชนมุสลิมในชุมชนพุทธมานาน ซึ่งไม่เห็นมีปัญหา
หรือขัดแย้งกันในเรื่องศาสนาและวิถีชีวิต หรือมีปัญหาว่าวัฒนธรรมมุสลิมจะกลืนกินวัฒนธรรมชาวพุทธแต่
อย่างใด หรือถ้าหากมุสลิมมีแผนจะกลืนพุทธศาสนาจริง เขาก็ควรเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมัสยิดที่
6 ทิพย์รัตน์4 “ความเป็นมามุสลิมภาคอีสาน4” muslimchiangmai.net, 23 กรกฎาคม 25444
http://muslimchiangmai.net/index.php?topic=3904.0;wap2 (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
7 “ทุกข์ยากมุสลิมนครพนม! ถูกต้านสร้างมัสยิด-ต้องรื้อบาแลด้วยน้าตา,” M Today, 15 กรกฎาคม 2018,
http://www.mtoday.co.th/25966 (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
- 5. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมุสลิมอาศัยอยู่มากกว่าจังหวัดอื่นในภาคอีสาน8 หรือตั้งแต่สมัย
ที่อิสลามเริ่มเข้าสู่ประเทศไทยในยุคสมัยสุโขทัยแล้ว นายอาบีดูนมองว่าสาเหตุของความหวาดกลัวดังกล่าว
เกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างคนที่นับถือศาสนาพุทธและคนที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ เนื่องจากไม่
มีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์หรือพูดคุยกัน9 รัตติยา สาและกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ความไม่เข้าใจของผู้คนต่างศาสนา
ที่มีต่อวิถีชีวิตของชาวไทยมุสลิมนั้นมีอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้แล้ว ในกลุ่มชาวไทยมุสลิมด้วยกันเองยังมีความ
แตกต่างกันทางด้านแหล่งที่มาของบรรพบุรุษ ชาติพันธุ์ รวมถึงในแง่ของการตีความเข้าใจในหลักคาสอน
ทางศาสนาบางประการด้วย10 มุสลิมคนหนึ่งในจังหวัดนครพนมได้อธิบายว่า แผนการที่จะสร้างมัสยิดกลาง
ในจังหวัดนครพนมนั้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ละหมาด เป็นศูนย์รวมพี่น้องมุสลิมให้ปรึกษาหารือกัน
และเป็นสถานศึกษาสอนอัลกุรอ่านให้ลูกหลานมุสลิม พร้อมกับไว้รองรับพี่น้องมุสลิมในท้องที่และที่เดิน
ทางผ่านเข้ามา ไม่ใช่สถานที่สะสมอาวุธ หรือก่อการร้ายตามที่มีการใช้เป็นเหตุผลในการต่อต้าน11
ประการที่สาม ข้อมูลจากสานักกิจการความมั่นคงภายใน ส่วนประสานราชการ กรมการปกครอง
พ.ศ. 2550 ระบุว่า จังหวัดนครพนมยังไม่มีมัสยิดจัดตั้งขึ้นสักแห่งเดียว นอกจากนี้ จากการประชุมเพื่อลง
ประชามติกรณีที่จะมีการก่อสร้างมัสยิดอัลมูฮายีรีนขึ้นในพื้นที่ ม.11 ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อ
วันที่ 4 มิถุนายน 0652 ชาวบ้านนาราชควายทุกคนยืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” ในการจะก่อสร้างมัสยิดใน
พื้นที่12 คากล่าวของ Numjai ที่ว่านครพนมมีมัสยิดแล้วสามที่ และกาลังจะสร้างแห่งที่สี่เสร็จจึงไม่เป็นความ
จริง หลักฐานและข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจึงชี้ให้เห็นว่า ชาวมุสลิมไม่เพียงล้มเหลวหรือถูกต่อต้านในเรื่องการ
สร้างมัสยิดในนครพนมเพียงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าชาวมุสลิมไม่ได้มีแผนในการยึดครอง
จังหวัดนครพนมให้เป็นฐานอานาจของมุสลิมภาคอีสาน หรือพยายามปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น
สาธารณรัฐอิสลาม
8 ทางนาชีวิต, “มุสลิมอีสาน : รายการทางนาชีวิตอิสลาม ชุด สลามประเทศไทย” Halallife, 21 มิถุนายน 2559
https://www.halallifemag.com/way-of-life-muslim-isan/ (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
9 The Isaan Record, “มัสยิดบึงกาฬ : ความจาเป็นที่แตกต่างนาไปสู่การต่อต้าน,” เดอะ อีสานเรคคอร์ด4 10 ธันวาคม
25614 https://isaanrecord.com/2018/12/10/islam-muslim-masjid-in-isaan/ (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
10 รัตติยา สาและ4 “การปฏิสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกที่ปรากฏในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส4” กรุงเทพฯ4 สานักงาน
กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
11 “ทุกข์ยากมุสลิมนครพนม! ถูกต้านสร้างมัสยิด-ต้องรื้อบาแลด้วยน้าตา,” M Today.
12 ชาวนาคราชควาย นครพนม ลงมติเอกฉันท์ไม่เอามัสยิดในพื้นที่4 M Today, 5 มิถุนายน 25604
http://www.mtoday.co.th/14163 (สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562).
- 6. สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ
กล่าวโดยสรุปก็คือ แทนที่จะมุ่งหาข้อแตกต่างและความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนาและอิสลาม หรือ
แทนที่จะมองว่ามุสลิมเป็นชนวนแห่งปัญหาความขัดแย้ง เราควรยอมรับว่าสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมอีสาน
เป็นสังคม “พหุวัฒนธรรม” ที่เปิดโอกาสให้คนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมมีสิทธิและเสรีภาพใน
การนับถือศาสนา มีสถานที่ที่จะใช้ประกอบศาสนกิจ และมีพื้นที่ในการแสดงออกทางทางสังคม ศาสนา และ
วัฒนธรรมร่วมกัน แนวคิดนี้จะช่วยส่งเสริมให้ชาวพุทธและมุสลิมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
กล่าวคือ เป็นสังคมที่มีลักษณะหลากหลายในแง่สังคมวัฒนธรรมแต่ก็มีเอกภาพสูง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่ากระแสความเกลียดกลัวอิสลามยังถูกโหมกระพืออย่างรุนแรง สร้างความ
เกลียดชังต่อพี่น้องมุสลิมที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนมและในประเทศไทยโดยรวม ความสามารถในการอยู่
ร่วมกันและสายสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมก็จะพังทลายลง จนเกิดประเด็น
เรื่องปฏิกิริยาโต้กลับจากกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มความคิดขวาจัดที่ต่อต้านมุสลิมดังเช่นที่ปรากฏในยุโรป ตาม
ความเห็นของอาจารย์อาทิตย์ ทองอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญประเด็นด้านการก่อการร้าย อาจารย์ประจาคณะ
รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บทบาทที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นของกลุ่มขวาจัดเหล่านี้ จะกลายเป็นปฏิกิริยา
ลูกโซ่ เป็นปัจจัยผลักให้คนมุสลิม โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งเดิมอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องทางสังคม การเมือง
มากมายนัก และอาจจะไม่ได้เคร่งในพิธีกรรมทางศาสนามาก รู้สึกถูกกดทับทางอัตลักษณ์แล้วหันมายึดถือ
แนวคิดสุดโต่งของขบวนการรัฐอิสลาม จนเกิดผู้ก่อการร้ายที่เป็นคนข้างในประเทศนั้นเอง หรือที่เรียกว่า
“homegrown terrorist” หากสังคมไทยมีผู้หวาดกลัวและต่อต้านศาสนาอิสลามอย่าง Numjai Pimsuy
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยขาดการถกเถียงทางแนวคิดและหลักฐานสนับสนุนอย่างสมเหตุสมผล ขบวนการก่อการ
ร้ายโดยกลุ่มแนวคิดสุดโต่งก็อาจจะปะทุขึ้นจริงในนครพนมหรือในประเทศไทยตามที่ผู้เขียนโพสต์ กล่าวอ้าง
ขึ้นก็เป็นได้
ทางแก้ปัญหาระยะยาวที่ดีที่สุดก็คือ ชาวไทยพุทธควรมองว่ามุสลิมที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็เป็นคน
ไทยเหมือนกัน เกิดที่ประเทศไทย และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารเหมือนกัน การเปิดโอกาสให้ชาวมุสลิมได้
ตั้งถิ่นฐานในไทย การที่รัฐไทยอนุญาตให้ตั้งมัสยิดกลางเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนมุสลิมในหลาย
จังหวัด และการดารงชีวิตร่วมกันของชาวพุทธและมุสลิมในนครพนมอย่างกลมกลืนจึงเป็นสิ่งที่เราควร
ส่งเสริมและภาคภูมิใจว่าประเทศไทยประสบความสาเร็จในการเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””