ปัญหาระดับชาติ“ขนส่งมวลชนสาธารณะ”ไ
ม่เคยเพียงพอ
ในทุกๆ วัน การเดินทางของคนกรุงเทพฯ
เป็ นเหมือนเกมส์ที่ต้องวางแผนการเดินทางให้แม่นยาที่สุดมิเช่นฉะนั้นตลอดทั้งวั
นนั้นชีวิตคุณอาจเปลี่ยน
Ads by AdAsia
ซึ่งคุณต้องคานวณเวลาดีๆว่าจะไปถึงป้ านรถเมล์ทันไหม
รถไฟฟ้าจะขัดข้องหรือเปล่า
เกิดฝนตกหนักน้าในคลองแสนแสบขึ้นเรือประกาศหยุดเดิน วินมอร์เตอร์ไซค์โ
ขกราคา แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร เครื่องบินดีเลย์หลายชั่วโมง
ซึ่งหลายครั้งคิดคานวณเผื่อเวลาไว้แล้วก็ยังไปถึงที่หมายสายอยู่ดี
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องของความปลอดภัย มาตรฐานของสภาพรถ
เรือ ไปจนถึงพนักงานผู้ให้บริการที่บางครั้งเหมือนจะอารมณ์เสียพร้อมเหวี่ยงตล
อดเวลา
นิวมีเดีย พีพีทีวี ต่อสายสัมภษณ์ ดร.สุเมธ องกิตติกุล
เชี่ยวชาญด้านนโยบายการขนส่ง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(TDRI)
เล่าให้ฟังว่าปัญหาการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ
เป็ นปัญหาเชิงหลักการคือคนส่วนใหญ่จะใช้บริการเพื่อเดินทางไปทางาน
ไปเรียน ยกตัวอย่างเช่น ทุกที่จะกาหนดช่วงเวลาการเริ่มต้นทางานหรือเรียนไว้
09.00 น. ซึ่งทาให้เกิดการกระจุกตัวในช่วงเวลาที่จากัด หรือ ช่วงพีค
ทาให้เป็ นไปได้ยากที่จะสามารถบริหารจัดการปริมาณของรถขนส่งสาธารณะได้เ
พียงพอกับความต้องการ
ขณะที่ในหลายประเทศวางแผนให้มีการกระจายช่วงเวลาพีคเพื่อรองรับการเดินท
าง
นอกจากนี้ ดร.สุเมธ ยังอธิบายถึงประเภทการเดินทางหลักๆของคนกรุงเทพฯ 2
ประเภทคือ รถไฟฟ้า และ รถเมล์ ว่า รถไฟฟ้ าตามแผนของรัฐบาล 10 สาย
ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แง่ของความเพียงพอถือว่าเพียงพอแล้วในระดับหนึ่ง
เพราะมีการเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กับเมือง ขณะเดียวกัน
เมืองก็เจริญเติบโตไปตามแนวรถไฟฟ้ า
“เหมือนไก่กับไข่”
ดังนั้น หากมองในภาพรวม ก็ไม่จาเป็นต้องลงทุนเพิ่มเส้นทางใหม่ๆ ในระยะ 10-15
ปีนี้ แต่สิ่งที่ควรพัฒนาอยู่ตลอดคือการเชื่อมต่อ โดย ดร.สุเมธ ขยายความว่า
รัฐบาลคงไม่สามารถลงทุนโครงการรถไฟฟ้ าให้อยู่หน้าบ้านของคนทุกคนได้
ทาให้เห็นว่าในปัจจุบันเส้นทางรถไฟฟ้ าจะรองรับชุมชนหลักที่มีการใช้งานแนวดิ่ง
อย่าง คอนโดมิเนียมเป็นหลัก
ดังนั้นการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าหรือขนส่งมวลชนอื่นให้สามารถเดินทางได้ในทีเ
ดียวที่ออกจากบ้านจึงเป็ นเรื่องจาเป็ น
ขณะที่รถเมล์ ดร.สุเมท
บอกว่าหากย้อนดูประวัติความเป็ นมาของการบริหารคงทราบกันดีว่าเป็นอย่างไร
แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในกรุงเทพฯ แต่เท่าที่ผ่านมารถเมล์ไม่ได้มีการพัฒนาให้
ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของเมืองเท่าที่ควร
ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรมของผู้ใช้บริการที่หันมาใช้รถโดยสารอื่นแทน
เช่น รถตู้ รถสองแถว
ทั้งที่เดิมรถตู้โดยสารผิดกฎหมายและเมื่อปริมาณการใช้มากขึ้นรถตู้ก็ถูกยกระดับ
มาให้ถูกกฎหมายในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากอ้างอิงตามผลสารวจของสถาบันวิจัยและบริการ มหาวิทยาลัย
อัสสัมชัญ (เอยูโพล) เรื่องการดูแลสุขภาพของคนกรุงเทพฯ
ดัชนีความเครียดของคนไทยในกรุงเทพฯ
กรณีตัวอย่างประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่1,210
ตัวอย่างเมื่อช่วง 1-12 กันยายน
2560มีบางประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยบกับความพึงพอใจในรถโดยสาธารณะ
สาหรับรถสาธารณะที่โดยสารบ่อยที่สุด อันดับหนึ่ง 37.61% เป็ นแท๊กซี่
รองลงมาคือ รถเมล์ 35.13% รถไฟฟ้า 20.22% 5.55% ใช้แกร็บและอูเบอร์
ส่วนอีก 1.49% ใช้บริการรถตู้มอร์เตอร์ไซค์ รถยนต์ส่วนตัว รถสองแถว
เป็ นต้น
เมื่อถามว่า สิ่งที่พึงพอใจน้อยที่สุดในการใช้บริการรถสาธารณะ 22.18% บอกว่า
จานวนรถที่พร้อมให้บริการ ตามมาด้วยมารยาทในการขับรถ 17.79%
และความสะดวกสบาย 4.55%
ส่วน ปัญหาสาคัญของรถสาธารณะ 5 อันดับแรก คือ ความปลอดภัย
สภาพรถไม่ได้มาตรฐาน ปริมาณรถไม่เพียงพอ ไม่คลอบคลุมทุกพื้นที่
ความสามารถของพนักงานขับรถ
โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการให้บริการของรถสาธารณะ คือ
เรื่องมารยาทของพนักงานขับรถ
พนักงานเก็บค่าโดยสาร การปรับปรุงมาตรฐานของรถและสภาพรถ
การเพิ่มจานวนรถโดยสารให้เพียงพอ ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่
และปรับปรุงการให้บริการให้มีมาตรฐาน ตามลาดับ
สุดท้ายคือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็ นเรื่องเก่าคาราคาซังที่ทุกคนรู้ปัญหา
ระดับนโยบายก็รู้ปัญหาแต่ยังแก้ไม่ได้
ระดับประชาชนคนทั่วไปก็รู้ปัญหาแต่ต้องรับสภาพ
แต่ก็หวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่คนกรุงเทพฯจะตื่นมาแล้วเดินทางไปทางานด้วยระบ
บขนส่งสาธารณะอย่างสบายใจ ถึงที่หมายปลอดภัยและตรงเวลา

Phuphuphu