More Related Content Similar to สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
Similar to สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403 (20) สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)4031. สายไฟเบอร์ออพติก
นำเสนอ
อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร
สมาชิก
1.นส.ณัฐมน ไพบูลย์ เลขที่ 19
2.นส.พิชญานันท์ โตบัว เลขที่ 24
3.นส.อุไรรัตน์ ทับทิมศรี เลขที่ 28
2. สาย
เส้นใยแก้วนาแสง
เส้นใยแก้วนำแสง คือ สำยนำสัญญำณที่ใช้แสงเป็นตัวกลำงในกำร
สื่อสำรข้อมูลจำกจุดหนี่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยใช้กับสัญญำณข้อมูลที่อยู่ในรูปของคลื่นแสงเท่ำนั้น โดย
สัญญำณข้อมูลจะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงแล้วจึงส่งให้เดินทำงสะท้อนภำยในสำยใยแก้วเรื่อยไปจนถึง
ผู้รับที่ปลำยทำงสำยใยแก้ว ซึ่งเส้นใยแก้วนำแสงทำจำกแก้วที่มีควำมบริสุทธิ์มำก เส้นใยแก้วนำแสงที่ดี
ต้องสำมำรถนำสัญญำณแสงจำกจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งโดยมีกำรสูญเสียของสัญญำณแสงน้อยที่สุด
แต่มีข้อจำกัด คือ เมื่อสำยใยแก้วขำด หักงอหรือแตกหัก จำเป็นต้องอำศัยอุปกรณ์พิเศษในกำรซ่อมแซม
ซึ่งยุ่งยำกและมีค่ำใช้จ่ำยสูงกว่ำแบบอื่น
3. โครงสร้างของสาย Fiber Optic
1. เส้นแก้ว (Core) เป็นตัวที่นำสัญญำณแสง จะมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 62.5/125 um,
50/125
um, 9/125 um
2. ฉนวนเคลือบ (Cladding) เป็นสำรที่ใช้ในกำรเคลือบแก้ว (Core) เพื่อให้นำ
สัญญำณได้ กล่ำวคือแสงที่ถูกส่งไปในแกนแก้วจะถูกขังหรือเคลื่อนที่ไปตำมสำยไฟเบอร์
ด้วยขบวนกำรสะท้อน
กลับของแสง นิยมเคลือบจนมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 125 um
3. ฉนวนป้องกัน (Coating) เป็นเสมือนผนังของเส้นแก้วเป็นชั้นที่ต่อจำก Cladding
เพื่อให้
ปลอดภัยขึ้น และใช้ป้องกันแสงจำกภำยนอกไม่ให้เข้ำมำภำยในเส้นไฟเบอร์ มี
เส้นผ่ำศูนย์กลำง
250 um
4. โครงสร้างของสาย Fiber Optic
4. ปลอกสำย (Buffer) เป็นเสมือนปลอกของสำยหรือเสื้อชั้นในที่หุ้ม
ป้องกันสำย และยังช่วยให้
กำรโค้งงอของสำยไฟเบอร์มีควำมยืดหยุ่นมำกขึ้น มี
เส้นผ่ำศูนย์กลำงประมำณ 900 um
(Buffer Tube)
5. ปลอกหุ้ม (Jacket) เป็นเสมือนเสื้อชั้นนอกสุดของสำยไฟเบอร์ที่ให้
เกิดควำมเรียบร้อย และทำ
หน้ำที่ป้องกันสำยไฟเบอร์เป็นชั้นนอกสุดชนิดของ Jacket จะมี
หลำยชนิด ขึ้นอยู่กับกำรใช้งำน
ว่ำเป็นสำยที่เดินภำยในอำคำร (Indoor) หรือเดินภำยนอกอำคำร
(Outdoor)
5. ประเภทของสาย Fiber Optic
สำย Fiber Optic แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. Single Mode (SM) มีเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ
Cladding 9/125 um ตำมลำดับ ซึ่ง
ส่วนของแกนแก้วจะมีขนำดเล็กมำกและจะให้แสงออกมำ
เพียง Mode เดียว แสงที่ใช้จะต้องเป็น
เส้นตรง ข้อดีทำให้ส่งสัญญำณได้ไกล
6. ประเภทของสาย Fiber Optic
• 2. Multi Mode (MM) จะมีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ
Cladding 62/125 um และ
50/125 um ตำมลำดับ เนื่องจำกขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ
แกนมีขนำดใหญ่ ทำให้แนวแสงเกิด
ขึ้นหลำยโหมด โดยแต่ละ Mode จะมีระยะเวลำในกำร
เดินทำงที่แตกต่ำงกัน อันเป็นสำเหตุที่ทำให้
เกิดกำรกระจำยของแสง (Mode Dispersion)
7. แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำน
1. Tight Buffer เป็นสำยไฟเบอร์แบบเดินภำยในอำคำร
(Indoor) โดยมีกำรหุ้มฉนวนอีกชั้นหนึ่งให้มี
ควำมหนำ 900 um เพื่อสะดวกในกำรใช้งำนและป้องกัน
สำยไฟเบอร์ในกำรติดตั้ง ปริมำณของ
เส้นใยแก้วบรรจุอยู่ไม่มำกนัก เช่น 4,6,8 Core ส่วนสำยที่ใช้
เชื่อมต่อระหว่ำงอุปกรณ์จะมีขนำด 1
Core ซึ่งเรียกว่ำ Simplex ขนำด 2 Core เรียกว่ำ Zip
Core
8. แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำน
2. Loose Tube เป็นสำยไฟเบอร์ที่ออกแบบมำใช้เดินภำยนอก
อำคำร (Outdoor) โดยกำรนำสำยไฟ
เบอร์มำไว้ในแท่งพลำสติก และใส่เยลกันน้ำเข้ำไป เพื่อ
ป้องกันไม่ให้สัมผัสกับแรงต่ำงๆ อีกทั้งยัง
กันน้ำซึมเข้ำภำยในสำย สำยแบบ Outdoor ยังแบ่งตำม
ลักษณะกำรใช้งำนได้อีกดังนี้
9. 2.Loose Tube
2.1 Duct Cable เป็นสำย Fiber Optic แบบร้อยท่อ
โครงสร้ำงของสำยไม่มีส่วนใดเป็นตัวนำ
ไฟฟ้ำ ซึงจะไม่มีปัญหำเรื่องฟ้ำผ่ำ แต่จะมีควำมแข้ง
่
แรงทนทำนน้อย ในกำรติดตั้งจึงควร
ร้อยไปในท่อ Conduit หรือ HDPE (High-
Density-Polyethylene)
10. 2.Loose Tube
• 2.2 Direct Burial เป็นสำย Fiber Optic ที่ออกแบบมำให้สำมำรถ
ใช้ฝังดินได้โดยไม่ต้องร้อยท่อ โดยโครงสร้ำงของสำยจะมีส่วนของ
Steel Armored เกรำะ ช่วยป้องกัน และเพิมควำมแข็งแรงให้สำย
่
11. 2.Loose Tube
• 2.3 Figure - 8 เป็นสำยไฟเบอร์ที่ใช้แขวนโยงระหว่ำงเสำ โดยมีส่วน
ที่เป็นลวดสลิงทำหน้ำที่รับ แรงดึงและประคองสำย จึงทำให้สำยมี
รูปร่ำงหน้ำตัดแบบเลข 8 จึ
• 2.4 ADSS (All Dielectric Self Support) เป็นสำยไฟเบอร์ ที่
สำมำรถโยงระหว่ำงเสำได้ โดย
ไม่ต้องมีลวดสลิงเพื่อประคองสำย เนื่องจำก
โครงสร้ำงของสำยประเภทนี้ ได้ถูกออกแบบให้
เป็น Double Jacket จึงทำให้มีควำมแข็งแรงสูงง
เรียกว่ำ Figure – 8
12. แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำน
• 3. สำยแบบ Indoor/Outdoor
เป็นสำยเคเบิลใยแก้วที่สำมำรถเดินได้ทั้งภำยนอกและภำยในอำคำร
เป็นสำยที่มีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่ำ Low Smoke Zero Halogen
(LSZH) ซึ่งเมือเกิดอัคคีภัย จะเกิดควันน้อยและควันไม่เป็นพิษ เมื่อเทียบ
่
กับ Jacket ของสำยชนิดอื่น ที่จะลำมไฟง่ำยและเกิดควันพิษ
เนื่องจำกกำรเดินสำยในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินภำยนอก
อำคำร ด้วยสำย Outdoor แล้วเข้ำ
อำคำร ซึ่งผิดมำตรฐำนสำกล ดังนั้นจึงควรใช้สำยประเภทนี้เมื่อมี
กำรเดินจำกภำยนอกเข้ำสู่ภำยใน
14. เฉลย
• 1. สำยนำสัญญำณที่ใช้แสงเป็นตัวกลำงในกำร
สื่อสำรข้อมูลจำกจุดหนี่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยใช้กับสัญญำณข้อมูลที่อยู่
ในรูปของคลื่นแสง
• 2. สำมำรถนำสัญญำณแสงจำกจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งโดยมีกำรสูญเสีย
ของสัญญำณแสงน้อยที่สุด
• 3. แบ่งออกเป็น 2 แบบ 1. Single Mode (SM) 2. Multi Mode
(MM)
• 4.แบ่งได้3แบบ ได้แก่ 1. Tight Buffer 2.Loose Tube 3. สำยแบบ
Indoor/Outdoor