More Related Content
Similar to 2562 final-project
Similar to 2562 final-project (20)
2562 final-project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ผลเสียของการจ้องคอมพิวเตอร์นานเกินไป
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวนภัสชา ชุ่มใจ เลขที่ 16 ชั้น ม.6 ห้อง 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
- 2. 2
สมาชิกในกลุ่ม
1นางสาวนภัสชา ชุ่มใจ เลขที่ 16
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ผลเสียของการจ้องคอมพิวเตอร์นานเกินไป
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
-Bad effects from computer
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวนภัสชา ชุ่มใจ
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม
ระยะเวลาดาเนินงาน 1 ภาคเรียน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
โครงงานนี้จัดทาขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้ทราบและได้รับความรู้เกี่ยวกับผลเสียของการที่เราจ้องคอมพิวเตอร์นาน
เกินไป ซึ่งการที่เราจะเล่นคอมพิวเตอร์นั้นก็ต้องมีขอบเขตของการเล่นคอมพิวเตอร์ด้วยเช่น การแบ่งเวลาในการเล่น
ให้เหมาะสมและถูกต้อง การไม่เอาหน้าเข้าไปจ้องคอมพิวเตอร์มากเกินไป ควรมองให้ห่างในระยะที่พอดี เป็นต้น ถ้า
หากเราเล่นหรือใช้คอมพิวเตอร์อย่างผิดวิธี จะมีผลต่อสุขภาพและร่างกายของเราโดยอาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ตามมาได้ และโครงงานนี้ยังได้รวบรวมความรู้ในการป้องกันและรักษาอาการต่างๆที่เกิดจากการจ้องคอมพิวเตอร์
นานๆอีกด้วย
วัตถุประสงค์
1. ต้องการให้ผู้อื่นได้รับรู้ถึงภัยจากคอมพิวเตอร์
2. บอกผลดีและผลเสียจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน
3. บอกแนวทางการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี
4. บอกอาการที่เกิดจากการจ้องคอมพิวเตอร์นานเกินไป
5. แนวทางการป้องกันและรักษาสุขภาพของตนเองในการใช้คอมพิวเตอร์ย่างเหมาะสม
ขอบเขตโครงงาน
กลุ่มบุคคลที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- 3. 3
หลักการและทฤษฎี
โรคที่มากับคอมพิวเตอร์ในที่นี้ไม่ใช่ “ไวรัสคอมพิวเตอร์” หรือ “โปรแกรมตัวหนอน” ซึ่งเป็นบ่อนทาลายข้อมูลใน
คอมพิวเตอร์ แต่หมายถึงความเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทางานเกือบทุกอย่าง รวมทั้งใช้เพื่อความเพลิดเพลิน การศึกษาและการติดต่อสื่อสาร
ต่างๆ ในอนาคตคอมพิวเตอร์จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจาวันจนแทบขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งใดที่มี
ประโยชน์มากก็อาจมีโทษมหันต์ ในแง่สุขภาพของเราการใช้คอมพิวเตอร์อาจมีพิษภัยต่อสุขภาพได้ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ซึ่ง
ความเจ็บป่วยที่ว่าอาจเกิดจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นานเกินไป โดยเกิดขึ้นได้กับอวัยวะต่างๆ และทาให้เกิดโรค
ได้
1.ตา ในขณะที่จ้องดูจอคอมพิวเตอร์จะมีส่วนของนัยน์ตาอย่างน้อย 2 ส่วนที่ต้องทางานส่วนแรกคือ กล้ามเนื้อตาที่
จะต้องคอยหดเกร็งตัวเพื่อปรับเลนส์ตาให้มีความหนาเหมาะสมให้แสงจากจอไปตกบนฉากรับภาพด้านหลังตาหรือที่
เรียกว่า เรตินา (retina) เพื่อให้ได้ภาพคมชัด ดังนั้น ถ้าดูจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องกันนานๆ กล้ามเนื้อตาจะต้องทางาน
หนักจนกล้ามเนื้ออาจเกิดอาการล้าได้นานวันก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสายตา เช่น สายตาสั้นหรือสายตายาว
อีกส่วนที่ต้องทางานหนักคือ จอรับภาพด้านหลังตาหรือเรตินา ซึ่งประกอบด้วยเซลล์รับแสง 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเป็นแท่ง
ทาหน้าที่รับแสงไม่สว่างมากเช่น ภาพดาขาว อีกชนิดหนึ่งเป็นรูปโคนรับแสงที่สว่าง เช่น ภาพสีต่างๆ แล้วส่งสัญญาณ
ไปยังสมอง สองส่วนนี้ หากใช้งานหนักหรือจ้องจอนานเกิน 2 ชั่วโมงบ่อยๆ อาจทาให้การทางานของเรตินาเสื่อมก่อน
เวลาอันควร ดังนั้น การใช้คอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องจึงไม่ควรใช้สายตาดูหน้าจอนานเกินไป และควรมีการพักสายตา โดย
การเปลี่ยนไปมองระยะไกลๆ บ้างสัก 10-15 นาที จึงค่อยกลับมาใช้คอมพิวเตอร์ใหม่
2.สมอง ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ อาจเกิดอาการมึนหรือปวดศีรษะได้ แต่บางครั้งอาจไม่รู้ตัวเนื่องจากทางานเพลิน
ทาให้อาการเตือนของสมองไม่ว่าจะเป็นอาการมึนหรือปวดศีรษะไม่ได้รับการรับรู้และอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสมองใน
ภายหลัง ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น จึงไม่ควรใช้สมองทางานกับเครื่องคอมพิวเตอร์
ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกินไป
3.คอ การใช้งานคอมพิวเตอร์โดยการนั่งมองจอต่อเนื่องกันนานๆ ศีรษะจะอยู่ในตาแหน่งและมุมเดิมเป็นเวลานาน คอ
ซึ่งเป็นอวัยวะที่ตั้งของศีรษะก็จะอยู่นิ่งๆ กล้ามเนื้อของคอต้องเกร็งตัวเพื่อรักษาท่าและตาแหน่งของศีรษะเป็น
เวลานานโดยที่เราไม่รู้ตัว และจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีอาการปวดเมื่อยคอ คอตึงจากอาการเกร็งของกล้ามเนื้อคอ หากมีการ
ใช้งานลักษณะนี้หลายปีโดยไม่มีการบริหารคอที่เหมาะสม อาจทาให้กระดูกคอเสื่อมก่อนเวลาอันควร ดังนั้น จึงควร
ขยับศีรษะและคอไปมา ขยับกล้ามเนื้อคอหรือหมุนศีรษะไปมาขณะทางานกับเครื่องคอมพิวเตอร์จะช่วยให้อาการปวด
เมื่อยคอหรือโอกาสเกิดกระดูกคอเสื่อมน้อยลง
4.ปวดไหล่ สาหรับท่านที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือคอมพิวเตอร์ชนิดพกพา โดยส่วนมากจะใส่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ในกระเป๋าที่สามารถถือหรือสะพายไหล่ได้ ซึ่งแต่ละเครื่องก็มีขนาดและน้าหนักต่างกัน ตั้งแต่เครื่องเล็ก
น้าหนักเบาประมาณ 1 กิโลกรัม จนถึงเครื่องค่อนข้างใหญ่น้าหนักมากถึง 4 กิโลกรัม ซึ่งถ้าพกพาโดยการสะพายไหล่
เป็นเวลานานอาจทาให้ปวดไหล่เพราะกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบริเวณไหล่อักเสบ รวมถึงกล้ามเนื้อหลังที่ต้องเกร็งตัว
ตลอดเวลาด้วย วิธีที่ช่วยได้คือการเปลี่ยนมาเป็นใส่ในกระเป๋าที่มีล้อลากหรือพยายามลดให้น้าหนักเบาลงด้วยใช้เครื่อง
ที่มีน้าหนักเบาหรือนาของไปด้วยเท่าที่จาเป็นก็อาจช่วยหลีกเลี่ยงการอักเสบของไหล่ได้ระดับหนึ่ง
5.ปวดหลัง หลายท่านที่นั่งทางานกับคอมพิวเตอร์นานๆ จะรู้สึกปวดหลัง ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ทั้งนี้ เนื่องจากการ
นั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่ได้ขยับเปลี่ยนท่า กล้ามเนื้อหลังตั้งแต่บ่า สะบักและกล้ามเนื้อ 2 ข้างของกระดูกสัน
หลังจะมีการหดเกร็งตัวเพื่อรักษาร่างกายให้อยู่ท่าเดิมตลอดเวลา โดยปกติเวลาเรานั่งท่าเดิมระยะหนึ่งจะรู้สึกปวด
เมื่อย แล้วเราก็มักจะขยับเปลี่ยนท่าเอง แต่ระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์ เรามักจะให้ความสนใจหรือมีสมาธิกับสิ่งที่อยู่
ในจอจนละเลยความรู้สึกปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อหลังจนลืมเปลี่ยนอิริยาบถของร่างกาย กว่าจะรู้ตัว กล้ามเนื้อหลังซึ่ง
มีการเกร็งตัวเป็นเวลานานจะรู้สึกปวดมาก การแก้ไขคือพยายามเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ในระหว่างการทางานกับ
เครื่องคอมพิวเตอร์
- 4. 4
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าแม้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สมัยใหม่ที่ประกอบไปด้วยหน้าจอจะมีประโยชน์มาก
และกาลังกลายเป็นสิ่งจาเป็นที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจาวัน แต่โทษของการใช้งานมากเกินไปโดยไม่ระมัดระวังก็อาจ
ก่อให้เกิดโทษมหันต์ในสัปดาห์หน้าเราจะกลับมาว่ากันต่อว่ามีอวัยวะส่วนใดอีกที่จะได้รับผลกระทบจากการใช้อุปกรณ์
สารพัดประโยชน์นี้นานๆ
การใช้คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นสิ่งปกติของคนจานวนมากไปแล้ว ไม่ว่าจะในรูปแบบของเดสก์ทอปหรือแล็ปท็อป
งานประจาวันส่วนใหญ่ทาบนคอมพิวเตอร์และส่วนมากเวลาของเราถูกใช้ไปกับการมองภาพที่หน้าจอ และยังรวมถึง
การใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน และเนื่องจากการสัมผัสกับหน้าจอเหล่านี้เป็นเวลานานเราจึงมีความเสี่ยงต่อปัญหา
สายตามากขึ้นและปัญหาเกี่ยวกับสายตาเหล่านี้เรียกว่า Computer Vision Syndrome การป้องกันปัญหาสุขภาพใน
เรื่องนี้เป็นสิ่งสาคัญ ซึ่งสามารถทาได้โดยวิธีต่อไปนี้
ไปทดสอบสายตาและตรวจสุขภาพ : ไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดเมื่อคุณสังเกตเห็นว่าตัวเองมีน้าตาไหลบ่อยๆ ปวด
ศีรษะและตาพร่ามัว แจ้งหมอที่ทาการตรวจเกี่ยวกับเวลาที่คุณใช้ไปบนหน้าจอทั้งที่บ้านและที่ทางาน
ออกกาลังกายให้ดวงตา : คนที่ใช้คอมพิวเตอร์มีโอกาสสูงที่จะมีสายตาเบลอหรือเกิดการระคายเคืองในดวงตา ฝึกการ
ออกกาลังกายแบบเรียบง่ายเช่นกระพริบซ้า ๆ กลิ้งตาไปมา และมองไปที่วัตถุที่ห่างไกลเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสายตาที่
เกิดขึ้นเนื่องจากการสัมผัสกับหน้าจอดิจิตอลเป็นเวลานาน
หยุดพักทุกๆ 20 นาที : หลีกเลี่ยงการทางานด้วยการมองไปที่หน้าจอเป็นเวลานาน หยุดพัก 20 วินาทีหลังจากผ่านไป
ทุกๆ 20 นาที ถ้าคุณต้องทางานเป็นเวลานาน เพื่อจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงโรคเกี่ยวกับสายตาได้ในระดับหนึ่ง
ให้แน่ใจว่าคุณนั่งอยู่ในแสงที่ดีในการทางาน : เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดของสายตา แสงที่ดีจึงมีความสาคัญมาก ใน
การนั่งทางานจึงมีควรแสงสว่างในระดับที่พอดีไม่มืดหรือจ้ามากเกินไป
ลดเวลาที่คุณใช้จ่ายไปกับหน้าจอ : คุณสามารถลดการใช้สายตาได้ด้วยการตัดเวลาที่คุณใช้ไปบนหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ
หลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนของคุณเมื่อไปที่เตียงเพื่อจะนอน หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่หน้าจอในที่มืดเท่าที่จะเป็นไปได้
ให้ใช้เวลาบนหน้าจอเพื่อการทางานเท่านั้น
จัดเรียงคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าจอแล็ปท็อป / เดสก์ท็อปมีระดับต่ากว่า
ระดับสายตาเล็กน้อยถ้าและหน้าจอห่างจากใบหน้าประมาณ 20-28 นิ้ว
สวมแว่นตาป้องกันแสงสะท้อนและปรับการตั้งค่าหน้าจอของคุณ : คุณรู้ว่าในท้องตลาดมีแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่
ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อลดความเมื่อยล้าตา ปวดตา ปวดศีรษะ ใช้แก้วเช่นซึ่งจะช่วยให้การทางานอย่างต่อเนื่องได้ดี
แว่นตาเหล่านี้กรองแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากแท็บเล็ต เดสก์ท็อป แล็ปท็อปและสมาร์ทโฟน รวมทั้งปรับความสว่าง
หน้าจอ ขนาดตัวอักษรและความคมชัดจนกว่าคุณจะพบการตั้งค่าที่ดีที่สุดสาหรับคุณ
ทั้งหมดนี้คือการดูแลสุขภาพสายตาของคนในยุคใหม่อย่าง Computer Vision Syndrome เพื่อป้องกันปัญหาสายตา
ที่เกิดขึ้นได้หากใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเวลาต่อเนื่องกันนานๆ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
-รวบรวมและสารวจข้อมูล พิจารณาและเรียบเรียงข้อมูล นาเสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-คอมพิวเตอร์
งบประมาณ
-200 บาท
- 5. 5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
ผู้ที่ได้อ่านโครงงานของข้าพเจ้าแล้วได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภัยที่มาพร้อมกับการใช้คอมพิวเตอร์ และ
วิธีการป้องกัน โดยข้าพเจ้ามีความคาดหวังว่าผู้ที่เข้ามาอ่านโครงงานจะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อยจากโครงงานของ
ข้าพเจ้าและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
คอมพิวเตอร์ สุขศึกษา วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://www.poinsettcountyfair.com/วิธีป้องกันสายตาเสีย/
https://www.thairath.co.th/content/399914