More Related Content
Similar to กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
Similar to กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492 (20)
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์(พ.ศ.2417 – พ.ศ.2492
- 4. เสด็จในกรมฯ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์
เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ ณ วันพุธ ขึ้น 11 ค่า ปีจอ ฉศก จุลศักราช 1236 ตรง
วาระทางสุริยะคติ 21 ตุลาคม พุทธศักราช 2417
เมื่อทรงเจริญพระวัย พอสมควรจะศึกษาอักขรสมัยได้สมเด็จพระบรม
ชนกนาถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศึกษาอักขรวิธีภาษาไทย ในสานักพระ
ยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ภาษาอังกฤษขั้นต้น ในสานักครูรามสามิ
ต่อมาทรงเข้าศึกษาภาษาไทยชั้นมัธยม ในสานักพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น โอวาทะ
สาร) และในโรงเรียนพระตาหนักสวนกุหลาบ โดยมีเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)
เป็นพระอาจารย์ในความดูแลของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงรา
ชานุภาพ
- 5. พระประวัติ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้า
รพีพัฒนศักดิ์เป็น พระราชโอรสองค์ที่ ๑๔ ในสมเด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
จุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระปิยมหาราช) รัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราช
จักรีวงศ์ ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ ธิดาพระยาพระยา เวียงในนฤบาล ประสูติ วัน
พุธ ขึ้น ๑๑ ค่า เดือน ๑๑ ปีจอ ฉศก จุลศักราช ๑๒๑๗ ตรงกับวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๔๑๗
- 6. • การศึกษา
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษา
วิชาภาษาไทยครั้งแรกในสานักพระยาศรีสุนทรโวหาร
(น้อย อาจารยางกูร) แล้วทรงเข้าศึกษาภาษาอังกฤษชั้นต้น
ในสานักครูรามสามิ และในปี พ.ศ. ๒๔๒๖ ได้ทรง
เข้าศึกษา ภาษาไทยอยู่ใน สานักพระยาโอวาทวรกิจ
(แก่น เปรียญ) ณ พระตาหนักสวนกุหลาบ
พระองค์ได้เข้าพิธีพระราชโสกันต์ในวันที่ ๒๖ ธันวาคม
๒๔๒๗ และทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตน-
ศาสดาราม โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌายะ
หลังจากเสร็จพระราชพิธีสมโภชแล้วจึงทรงเสด็จ
มาประทับที่ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันศุกร์ที่
๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๒๘ จึงลาสิกขาเสด็จกลับ
เข้าประทับในพระบรมหมาราชวัง รวมเวลาที่พระองค์ได้
ทรงผนวช ทั้งสิ้น ๒๒ วัน
- 7. ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้เสด็จไปประเทศอังกฤษ และทรงเข้าศึกษาใน
โรงเรียนมัธยมอยู่นกรุงลอนดอนเป็น เวลา ๓ ปี เมื่อสาเร็จการศึกษาแล้ว ได้ทรง
เลือกศึกษาวิชา กฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๓๓ เมื่อได้ทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัย ไครส์ตเชิช แล้วได้ทรงอุตสาหะเอา
พระทัยใส่เป็นอย่างมาก ในที่สุดได้ทรงสอบ ไล่ผ่านทุกวิชาตามหลักสูตร ได้รับ
ปริญญาตรีเกียรตินิยม ในทางกฎหมายของมหาวิทยาลัย ภายในเวลา ๓ ปี ช่วง
ขณะนั้นทรงมี พระชนมายุเพียง 20 พรรษา
- 8. เนื่องจากช่วงเวลานั้น ประเทศไทยกาลังประสบปัญหาต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะ
การรุกรานของฝรั่งเศส ในพุทธ ศักราช ๒๔๓๖ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ได้เสด็จ
กลับประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระกรุณา โปรด
เกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงฝึกหัดราชการในกรมราช
เลขานุการ และได้ทรงศึกษากฎหมาย ไทยทั้งหมดที่หม่อมลัดเลย์ได้พิมพ์
ไว้ พระองค์ทรงแตกฉานในกฎหมายไทยและสามารถปฏิบัติราชการได้อย่าง
คลองแคล้ว
- 9. พระราชกรณียกิจ
- เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง
มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ขึ้นดารงตาแหน่งเสนาบดี
กระทรวงยุติธรรม ในขณะที่ทรงมี พระชนมายุได้ ๒๒ พรรษา ทรงเป็นเสนาบดี
กระทรวงยุติธรรมเป็นลาดับที่ ๓ และทรงวางระเบียบศาลยุติธรรมโดยออกเป็นกฎ
เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม (พิจารณาความแพ่ง,พิจารณาอาญา ในปีพุทธศักราช
๒๔๗๘) พระองค์ทรงจัดให้มีการสอนวิชากฎหมายขึ้นเป็นการแพร่หลาย ให้
โอกาสบุคคลที่สนใจทั่วไป เข้าศึกษาได้ทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นมา
- 10. - เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ เป็นการเปิด
การสอนกฎหมายครั้งแรก
- ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงได้รับ
พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาพระ
อิสริยศักดิ์เป็นกรมหมื่น โดยมีพระ
นามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า พระ
เจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นราชบุรีดิเรก
ฤทธิ์
- เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๓ ได้ทรงดาริ
จัดตั้งกรมพิมพ์ลายมือขึ้นที่กรงลหุ
โทษ และได้ทรงสอนวิธีตรวจ
เส้นลายมือและวิธีเก็บพิมพ์ลายมือ
สาหรับตรวจพิมพ์ลายมือผู้ต้องหาใน
คดีอาญา
- ครั้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๓
กรมหลวงราชบุรีฯ ทรงทาหนังสือ
กราบบังคมทูลว่าประชวร โดยมี
อาการปวดพระเศียร คิดและทาอะไร
ไม่ได้ทั้งสิ้น หมอไรเตอร์ตรวจพระ
อาการแล้วว่าต้องหยุดการทางาน พัก
รักษาพระองค์
- 11. - ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสร็จในกรม ฯ กลับรับราชการเป็นเสนาบดีกระทรวง
เกษตรธิการตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช
๒๔๕๕ และทรงดารงตาแหน่งเพียงปีเดียวก็ได้รับพระบรมราชโองการเลื่อน
ขึ้นเป็นพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน
พุทธศักราช ๒๔๕๕
- 12. จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๖๒ เสด็จในกรมฯ ทรงประชวรด้วยพระวัณโรคที่พระวักกะ
จึงทรงกราบบังคมทูลลาออกจากตาแหน่งเสนาบดีเพื่อเปิดโอกาสให้ทรงเลือกสรร
ให้ผู้อื่นได้รับหน้าที่ต่อไป และได้เสด็จ ไปรักษาพระองค์ ณ กรุงปารีส แต่พระ
อาการก็หาทุเลาขึ้นไม่ จนกระทั่งในวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๓ เวลา ๒๑.๐๐ น.
พระองค์ก็เสด็จสิ้นพระชน ณ กรุงปารีส นับพระชนมายุได้๔๗ พรรษา อันนา
ความเศร้า โศกเสียใจมาสู่วงการนักกฎหมายไทยยิ่งนัก ด้วยเหตุที่ทรงมีพระคุณต่อ
ประเทศชาติและนักกฎหมายทั้งปวงเป็นอเนกประการ ด้วยพระเกียรติคุณอันจะสุด
พรรณนา ทาให้ประชาชนทั่วไป ถวาย พระสมญานามว่า "พระบิดาและปรมาจารย์
แห่งนักกฎหมายไทย" และเรียกวันที่ ๗ สิงหาคม ของทุกปี ว่าวัน "รพี"
- 13. ผลงาน
เนื่องจากโรงเรียนกฎหมาย ซึ่งเสด็จในกรมฯ ได้ทรงจัดตั้งขึ้นมีการศึกษาเป็น
ปึกแผ่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๖ ทรงพระ
กรุณา โปรดเกล้าฯ เมื่อวันที ๗ มิถุนายน ๒๔๕๕ ให้ยกโรงเรียนกฎหมายขึ้นเป็น
โรงเรียนหลวง อยู่ในกระทรวงยุติธรรม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว ได้ทรงริเริ่มพระราชทานกาเนิด เนติบัณฑิตยสภา ขึ้นเมื่อ
พ.ศ. ๒๔๕๗ ต่อมามีพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๖๗ ให้
โรงเรียนกฎหมายอยู่ในความควบคุมของสภานิติศึกษา จนกระทั่งสมัยเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ แล้ว โรงเรียนกฎหมายได้โอนไปรวมกับ
แผนกรัฐศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ อยู่ ๑ ปี เรียกว่า
แผนกนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ พ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบาลจึงจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชา
ธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึง
ได้โอนแผนกนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปดาเนินการ
สอนในมหาวิทยาลัยที่ตั้งขึ้นใหม่นี้แยกเป็นอิสระส่วนหนึ่งต่างหาก