Submit Search
Upload
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
•
0 likes
•
8 views
maruay songtanin
Follow
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
Read less
Read more
Spiritual
Report
Share
Report
Share
1 of 6
Download now
Download to read offline
Recommended
๐๓. สุวรรณสามชาดก.pdf
๐๓. สุวรรณสามชาดก.pdf
maruay songtanin
พระบรมศาสดาเมื่อประทับ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุเลี้ยงดูมารดารูปหนึ่ง ตรัสสุวัณณสามชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า ใครกันหนอใช้ลูกศรยิงเราผู้ประมาทกำลังนำน้ำไปอยู่ ดังนี้เป็นต้น
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
Tongsamut vorasan
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
ว่าด้วย บารมี ๑๐ ทัศ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภภิกษุผู้เบื่อหน่าย ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เรื่องจักมีแจ้งใน กุสชาดก ข้างหน้า. ก็พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ จริงหรือที่ว่าเธอเป็นผู้เบื่อหน่ายแล้ว. เมื่อเธอกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เหตุไรเล่า เธอบรรพชาในพระศาสนาอันเป็นที่นำสัตว์ออกจากทุกข์เห็นปานนี้ ยังเป็นผู้เบื่อหน่ายด้วยอำนาจกิเลส แม้แต่บัณฑิตในปางก่อนเสวยราชสมบัติ ณ สุรุนธนนครมีบริเวณได้ ๑๒ โยชน์อันมั่งคั่ง ถึงจะอยู่ร่วมห้องกับหญิงผู้เทียบเท่านางเทพอัปสร ตลอด ๗๐๐ ปี ก็ยังมิได้ทำลายอินทรีย์ แลดูด้วยอำนาจความโลภเลย ดังนี้ แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้.
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ทรงปรารภพระเทวทัตตรัสจันทกุมารชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า มีพระราชาผู้ทรงทำกรรมหยาบช้า ดังนี้เป็นต้น
32 กัณหทีปายนจริยา มจร.pdf
32 กัณหทีปายนจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
สุวัณณสามชาดก (๕๔๐) ว่าด้วยสุวรรณสามบำเพ็ญเมตตาบารมี พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าการเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลาย ตรัสฉะนี้แล้ว ทรงประกาศอริยสัจสี่ ประชุมชาดก. ในเวลาเทศนาอริยสัจสี่จบลง ภิกษุนั้นบรรลุโสดาปัตติผล. พระราชาปิลยักขราช ในกาลนั้น เป็น ภิกษุชื่ออานนท์ ในกาลนี้. พสุนธรีเทพธิดา เป็น ภิกษุณีชื่ออุบลวรรณา. ท้าวสักกเทวราช เป็น ภิกษุชื่ออนุรุทธะ. ทุกูลบัณฑิตผู้บิดา เป็น ภิกษุชื่อมหากัสสปะ. นางปาริกาผู้มารดาเป็น ภิกษุณีชื่อภัททกาปิลานี. ก็สุวรรณสามบัณฑิต คือ เราผู้สัมมาสัมพุทธะ นี้เองแล.
Recommended
๐๓. สุวรรณสามชาดก.pdf
๐๓. สุวรรณสามชาดก.pdf
maruay songtanin
พระบรมศาสดาเมื่อประทับ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุเลี้ยงดูมารดารูปหนึ่ง ตรัสสุวัณณสามชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า ใครกันหนอใช้ลูกศรยิงเราผู้ประมาทกำลังนำน้ำไปอยู่ ดังนี้เป็นต้น
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
27 มูคปักขจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
08 จันทกุมารจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
Tongsamut vorasan
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
ว่าด้วย บารมี ๑๐ ทัศ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภภิกษุผู้เบื่อหน่าย ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เรื่องจักมีแจ้งใน กุสชาดก ข้างหน้า. ก็พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ จริงหรือที่ว่าเธอเป็นผู้เบื่อหน่ายแล้ว. เมื่อเธอกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เหตุไรเล่า เธอบรรพชาในพระศาสนาอันเป็นที่นำสัตว์ออกจากทุกข์เห็นปานนี้ ยังเป็นผู้เบื่อหน่ายด้วยอำนาจกิเลส แม้แต่บัณฑิตในปางก่อนเสวยราชสมบัติ ณ สุรุนธนนครมีบริเวณได้ ๑๒ โยชน์อันมั่งคั่ง ถึงจะอยู่ร่วมห้องกับหญิงผู้เทียบเท่านางเทพอัปสร ตลอด ๗๐๐ ปี ก็ยังมิได้ทำลายอินทรีย์ แลดูด้วยอำนาจความโลภเลย ดังนี้ แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้.
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ทรงปรารภพระเทวทัตตรัสจันทกุมารชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า มีพระราชาผู้ทรงทำกรรมหยาบช้า ดังนี้เป็นต้น
32 กัณหทีปายนจริยา มจร.pdf
32 กัณหทีปายนจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
สุวัณณสามชาดก (๕๔๐) ว่าด้วยสุวรรณสามบำเพ็ญเมตตาบารมี พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าการเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลาย ตรัสฉะนี้แล้ว ทรงประกาศอริยสัจสี่ ประชุมชาดก. ในเวลาเทศนาอริยสัจสี่จบลง ภิกษุนั้นบรรลุโสดาปัตติผล. พระราชาปิลยักขราช ในกาลนั้น เป็น ภิกษุชื่ออานนท์ ในกาลนี้. พสุนธรีเทพธิดา เป็น ภิกษุณีชื่ออุบลวรรณา. ท้าวสักกเทวราช เป็น ภิกษุชื่ออนุรุทธะ. ทุกูลบัณฑิตผู้บิดา เป็น ภิกษุชื่อมหากัสสปะ. นางปาริกาผู้มารดาเป็น ภิกษุณีชื่อภัททกาปิลานี. ก็สุวรรณสามบัณฑิต คือ เราผู้สัมมาสัมพุทธะ นี้เองแล.
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ อุทยานลัฏฐิวัน ทรงปรารภการที่ทรงทรมานอุรุเวลกัสสปะ ตรัสมหานารทกัสสปชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า ได้มีพระราชาแห่งกรุงวิเทหะ ดังนี้เป็นต้น
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภปัญญาบารมีของพระองค์ ตรัสมโหสธชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองแคว้นปัญจาละเสด็จยาตราทัพมาพร้อมด้วยกองทัพทุกหมู่เหล่าเป็นต้น
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
ว่าด้วยมีจิตมั่นคง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภทานของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิศดารว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีปรารภเฉพาะวิหารเท่านั้น เรี่ยรายทรัพย์ ๕๔โกฏิไว้ในพระพุทธศาสนา มิได้ทำความสำคัญในสิ่งอื่น ว่าเป็นรัตนะนอกจากรัตนะทั้ง ๓ ให้เกิดเลย เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ย่อมไปยังที่บำรุงใหญ่ ๓ ครั้งทุกวัน ตอนเช้าตรู่ไปครั้งหนึ่ง รับประทานอาหารเช้าแล้วไปครั้งหนึ่ง เวลาเย็นไปครั้งหนึ่ง ที่บำรุงในระหว่าง แม้แห่งอื่นก็มีเหมือนกัน. ก็เมื่อจะไป ไม่เคยมีมือเปล่าไป ด้วยคิดว่า สามเณรหรือภิกษุหนุ่มทั้งหลาย จะพึงแลดูแม้มือของเรา ด้วยคิดว่า ท่านเศรษฐีถืออะไรมาหนอ เมื่อไปตอนเช้า ให้คนถือข้าวยาคูไป รับประทานอาหารเช้า แล้วเมื่อจะไป ให้คนถือเอาเนยใส เนยข้น นํ้าผึ้ง และนํ้าอ้อยเป็นต้นไป เมื่อจะไปเวลาเย็น ถือของหอม ดอกไม้และผ้าไป. ก็เมื่อท่านเศรษฐีนั้นบริจาคอยู่อย่างนี้ทุกวันๆ ประมาณในการบริจาค ย่อมไม่มี. ฝ่ายคนผู้อาศัยการค้าขายเลี้ยงชีพเป็นอันมาก ทำหนังสือให้ไว้กับมือของท่านเศรษฐี กู้เอาทรัพย์ไปนับได้ ๑๘ โกฏิ. ท่านเศรษฐีให้ทวงเอาทรัพย์ของคนเหล่านั้นมา อนึ่ง ทรัพย์ ๑๘ โกฏิจำนวนอื่นซึ่งเป็นของประจำตระกูลของท่านเศรษฐีนั้น ฝังไว้ที่ฝั่งแม่นํ้า เมื่อฝั่งแม่นํ้าถูกนํ้าในแม่นํ้าอจิรวดีเซาะพังทลาย ก็เคลื่อนลงมหาสมุทรไป. ตุ่มโลหะ (ที่บรรจุทรัพย์) ตามที่ปิดไว้และประทับตราไว้นั้น ก็กลิ้งไปในท้องทะเล. ก็ในเรือนของท่านเศรษฐีนั้น ยังคงมีนิตยภัตเป็นประจำสำหรับภิกษุ ๕๐๐ รูป. จริงอยู่ เรือนของท่านเศรษฐีเป็นเช่นกับสระโบกขรณีที่ขุดไว้ในหนทาง ๔ แพร่งสำหรับภิกษุสงฆ์ ตั้งอยู่ในฐานะบิดามารดาของภิกษุทั้งปวง ด้วยเหตุนั้น แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปเรือนของท่านเศรษฐีนั้น ฝ่ายพระมหาเถระทั้ง ๘๐ องค์ก็ไปเหมือนกัน. ส่วนภิกษุทั้งหลายที่เหลือ ต่างมาๆ ไปๆ หาประมาณมิได้.
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
ว่าด้วย สมณะ จตุโปสถิกชาดกนี้ จักมีแจ้งใน ปุณณกชาดก. พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงพระปรารภปัญญาบารมี จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิศดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากันที่โรงธรรมสภาว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริงหนอ พระศาสดาทรงมีพระปัญญามาก มีพระปัญญากว้างขวาง มีพระปัญญาเร็วไว มีพระปัญญาร่าเริง มีพระปัญญาเฉียบแหลม มีพระปัญญาปรุโปร่ง ทรงย่ำยีถ้อยคำกล่าวร้ายของคนอื่น ทรงทำลายปัญหาอันละเอียด ที่กษัตริย์และบัณฑิตเป็นต้นแต่งขึ้น ได้ด้วยอานุภาพแห่งพระปัญญาของพระองค์ ทรงทรมานให้หมดพยศ แล้วให้ตั้งอยู่ในสรณะและศีล และให้ดำเนินไปตามหนทางอันจะนำสัตว์ไป สู่อมตมหานิพพาน. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ. เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ. จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้บรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณ อันสามารถทำลายเสีย ซึ่งคำที่คนอื่นกล่าวให้ร้าย แนะนำชนทั้งหลายมีกษัตริย์เป็นต้นได้เช่นนี้ ไม่น่าอัศจรรย์ เพราะว่า ตถาคตแม้เมื่อกำลังแสวงหาพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในภพก่อน ก็เป็นผู้มีปัญญาย่ำยีถ้อยคำที่คนอื่นกล่าวให้ร้ายเช่นนี้ เหมือนกัน. จริงอย่างนั้น ในกาลที่เราเป็นวิธุรบัณฑิต เราทรมานยักษ์เสนาบดีนามว่า ปุณณกะ ได้ด้วยกำลังญาณบนยอดกาฬคิริบรรพตสูงถึง ๖๐ โยชน์ ปราบให้หมดพยศ ให้ตั้งอยู่ในศีล ๕ จนยอมมอบชีวิตให้แก่เรา. ดังนี้แล้ว ทรงดุษณีภาพ. อันภิกษุเหล่านั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัส ดังต่อไปนี้.
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
maruay songtanin
พระอานนท์ ประวัติในอดีตชาติของพระอานนทเถระ ราชกุมารนี้จักเป็นพระญาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นธงชัยแห่งศากยะตระกูล มีนามว่าอานนท์ เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก
อรอุมา เขียวสวัสดิ์
Ppt 1
Ppt 1
อรอุมา เขียวสวัสดิ์
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
จันทกุมารชาดก (๕๔๔) ว่าด้วยจันทกุมารทรงบำเพ็ญขันติบารมี พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ประกาศอริยสัจ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่ในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตพยายามเพื่อฆ่าคนเป็นอันมาก เพราะอาศัยเราแม้ผู้เดียว ดังนี้แล้ว จึงทรงประชุมชาดก. กัณฑหาลพราหมณ์ ในกาลนั้น ได้เป็น พระเทวทัต. พระนางโคตมีเทวี เป็น พระมหามายา. พระนางจันทาเทวี เป็น ราหุลมารดา. พระวสุละ เป็น พระราหุล. พระเสลากุมารี เป็น อุบลวรรณา. พระสุรกุมาร เป็น พระอานนท์. พระรามโคตรตะ (บาลีเป็น วามโคตตะ) เป็น กัสสปะ. พระภัททเสน เป็น โมคคัลลานะ. พระสุริยกุมาร เป็น พระสารีบุตร. ท้าวสักกเทวราช เป็น อนุรุทธะ. บริษัทในกาลนั้น ได้มาเป็น พุทธบริษัท. ส่วนพระจันทกุมารนั้น คือ เราสัมมาสัมพุทธะ ดังนี้แล.
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
ว่าด้วย พระยาเนื้อนันทิยะ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงมารดา จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่า เธอเลี้ยงคฤหัสถ์หรือ? เมื่อเธอกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า. เมื่อพระองค์ตรัสตามว่า เป็นอะไรกับเธอ? เมื่อเธอทูลว่า เป็นมารดาบิดาของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดีแล้ว ดีแล้วภิกษุ เธอรักษาวงศ์ของโบราณกบัณฑิตทั้งหลายไว้ เพราะว่าโบราณกบัณฑิตทั้งหลาย แม้เกิดในกำเนิดเดียรัจฉาน ก็ได้ให้แม้ชีวิตแก่มารดาบิดาทั้งหลาย แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ประวัติพระแก้วมรกต
ประวัติพระแก้วมรกต
รองประธานศูนย์บริการชุมชนคลองจั่น, กรรมการชมรมผู้อาวุโส สคช.,
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาประทับอยู่ ณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงปรารภฝนโบกขรพรรษ (ฝนดุจน้ำตกในใบบัวมีสีแดง ผู้ต้องการให้เปียกจึงเปียก) ให้เป็นเหตุ ตรัสเวสสันดรชาดกแก่ภิกษุทั้งหลาย
ทสชาติชาดก(ย่อ)
ทสชาติชาดก(ย่อ)
หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
ว่าด้วย พิษเหวเปือกตมและอสรพิษ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภการประเล้าประโลมของสาวเทื้อ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เล่ากันมาว่า ธิดาของสกุลชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งมีอายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี เป็นหญิงมีรูปเลอโฉม แต่ไม่มีใครสู่ขอนาง. ลำดับนั้น มารดาของนางคิดว่า ธิดาของเราเป็นสาวแล้ว แต่ไม่มีใครสู่ขอนางเลย เราต้องใช้นางล่อประเล้าประโลมภิกษุของพระศากยะรูปหนึ่ง เหมือนล่อปลาด้วยเหยื่อ ให้สึกเสียจนได้ แล้วจักอาศัยเธอเลี้ยงชีพ. ครั้งนั้น กุลบุตรชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ตั้งแต่กาลที่อุปสมบทแล้วก็ละทิ้งสิกขาบท เกียจคร้าน มัวแต่ประดับสรีระอยู่. มหาอุบาสิกาจัดแจงยาคูและข้าว ขาทนียโภชนียะไว้ในเรือน ยืนที่ประตูเรือน ใคร่ครวญ บรรดาภิกษุที่พากันเดินไปในระหว่างถนน สักรูปหนึ่ง ซึ่งมีท่าทางที่นางสามารถจะเกี้ยวได้ด้วยรสตัณหา. เมื่อขบวนพระผู้ทรงพระไตรปิฎก ผู้ทรงพระอภิธรรม ผู้ทรงพระวินัย พากันเดินไปกับบริวารเป็นอันมาก ก็ยังไม่เห็นรูปไรๆ ในกลุ่มที่พอจะเกาะไว้ได้ ในกลุ่มแห่งพระธรรมกถึกผู้กล่าวธรรมไพเราะก็ดี ในกลุ่มแห่งพระผู้สมาทานปิณฑบาตเป็นวัตร ผู้เช่นกับวลาหกอันกระจายฝอยก็ดี ผู้เดินไปภายหลังแห่งภิกษุกลุ่มนั้น ก็คงยังไม่เห็นสักรูปหนึ่งเลย.
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จเข้าไปอาศัยกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภอุบาสก อุบาสิกา ผู้รักษาอุโบสถศีล ตรัสภูริทัตตชาดกนี้ ซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ ดังนี้ เป็นต้น
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
AY'z Felon
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Jatupol Yothakote
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรตตนหนึ่ง ดังนี้. ได้ยินว่า ในอดีตกาล ในกรุงพาราณสี ยังมีบุรุษเปลี้ยคนหนึ่งเป็นผู้ฉลาดในการประกอบการดีดกรวด เขาถึงความสำเร็จในศิลปการดีดกรวดนั้น นั่งอยู่ที่โคนต้นไทรใกล้ประตูพระนคร แสดงรูปช้าง ม้า มนุษย์ รถ เรือนยอด ธงและหม้อน้ำเต็มเป็นต้นที่ใบไทรด้วยการดีดกรวด. พวกเด็กในพระนครให้ทรัพย์หนึ่งมาสกและกึ่งมาสก เพื่อประโยชน์แก่การเล่นของตน ให้เขาแสดงศิลปเหล่านั้นตามความชอบใจ ภายหลังวันหนึ่ง พระเจ้าพาราณสีเสด็จออกจากพระนครเข้าไปยังโคนต้นไทรนั้น เห็นการจำแนกรูปต่างๆ โดยเป็นรูปช้างเป็นต้นที่แนบสนิทอยู่ที่ใบไทร จึงตรัสถามพวกมนุษย์ว่า ใครหนอกระทำการจำแนกรูปต่างๆ อย่างนี้ที่ใบไทรเหล่านี้. พวกมนุษย์ชี้ให้ทอดพระเนตรบุรุษเปลี้ยนั้นแล้วทูลว่า บุรุษเปลี้ยนี้กระทำพระเจ้าข้า. พระราชารับสั่งให้เรียกบุรุษเปลี้ยนั้นมาแล้วตรัสอย่างนี้ว่า แน่ะพนาย เธออาจเพื่อจะเอามูลแพะใส่ให้เต็มท้องของบุรุษคนหนึ่งผู้ที่เราชี้ให้ ผู้กล่าวอยู่กะพระราชานั้นนั่นแหละ ได้ไหมหนอ. บุรุษเปลี้ยทูลว่า ได้พระเจ้าข้า.
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
เรื่องเปรตผู้เป็นบุตรเศรษฐีนี้ มีดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันกรุงสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงประดับตกแต่งแล้วเสด็จขึ้นคอช้างเผือกประเสริฐ เสด็จเลียบพระนครด้วยราชฤทธิ์อันใหญ่ ด้วยราชานุภาพอันใหญ่ ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้ว หญิงคนหนึ่งมีส่วนเปรียบด้วยนางเทพอัปสรเพราะสมบูรณ์ด้วยรูป เปิดหน้าต่างชั้นบนปราสาท ในเรือนหลังหนึ่งแลดูการตบแต่งองค์พระราชานั้น มีจิตกลุ้มรุมด้วยความฟุ้งแห่งกิเลสที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันในอารมณ์ที่ไม่เคยเห็น แม้จะมีชนในพระราชวังผู้สมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษมีตระกูล รูปและอาจาระเป็นต้น ก็มีจิตปฏิพัทธ์ในหญิงนั้น ด้วยอำนาจจิตที่ข่มได้ยาก เกิดเร็วดับเร็วเป็นสภาวะ จึงได้ให้สัญญาแก่บุรุษผู้นั่งอยู่หลังพระอาศน์ว่า เธอจงตรวจดูปราสาทนี้และหญิงนี้ แล้วเสด็จเข้าไปยังพระราชนิเวศน์.
More Related Content
Similar to 20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ อุทยานลัฏฐิวัน ทรงปรารภการที่ทรงทรมานอุรุเวลกัสสปะ ตรัสมหานารทกัสสปชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า ได้มีพระราชาแห่งกรุงวิเทหะ ดังนี้เป็นต้น
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อประทับ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภปัญญาบารมีของพระองค์ ตรัสมโหสธชาดกซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองแคว้นปัญจาละเสด็จยาตราทัพมาพร้อมด้วยกองทัพทุกหมู่เหล่าเป็นต้น
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
ว่าด้วยมีจิตมั่นคง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภทานของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิศดารว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีปรารภเฉพาะวิหารเท่านั้น เรี่ยรายทรัพย์ ๕๔โกฏิไว้ในพระพุทธศาสนา มิได้ทำความสำคัญในสิ่งอื่น ว่าเป็นรัตนะนอกจากรัตนะทั้ง ๓ ให้เกิดเลย เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ย่อมไปยังที่บำรุงใหญ่ ๓ ครั้งทุกวัน ตอนเช้าตรู่ไปครั้งหนึ่ง รับประทานอาหารเช้าแล้วไปครั้งหนึ่ง เวลาเย็นไปครั้งหนึ่ง ที่บำรุงในระหว่าง แม้แห่งอื่นก็มีเหมือนกัน. ก็เมื่อจะไป ไม่เคยมีมือเปล่าไป ด้วยคิดว่า สามเณรหรือภิกษุหนุ่มทั้งหลาย จะพึงแลดูแม้มือของเรา ด้วยคิดว่า ท่านเศรษฐีถืออะไรมาหนอ เมื่อไปตอนเช้า ให้คนถือข้าวยาคูไป รับประทานอาหารเช้า แล้วเมื่อจะไป ให้คนถือเอาเนยใส เนยข้น นํ้าผึ้ง และนํ้าอ้อยเป็นต้นไป เมื่อจะไปเวลาเย็น ถือของหอม ดอกไม้และผ้าไป. ก็เมื่อท่านเศรษฐีนั้นบริจาคอยู่อย่างนี้ทุกวันๆ ประมาณในการบริจาค ย่อมไม่มี. ฝ่ายคนผู้อาศัยการค้าขายเลี้ยงชีพเป็นอันมาก ทำหนังสือให้ไว้กับมือของท่านเศรษฐี กู้เอาทรัพย์ไปนับได้ ๑๘ โกฏิ. ท่านเศรษฐีให้ทวงเอาทรัพย์ของคนเหล่านั้นมา อนึ่ง ทรัพย์ ๑๘ โกฏิจำนวนอื่นซึ่งเป็นของประจำตระกูลของท่านเศรษฐีนั้น ฝังไว้ที่ฝั่งแม่นํ้า เมื่อฝั่งแม่นํ้าถูกนํ้าในแม่นํ้าอจิรวดีเซาะพังทลาย ก็เคลื่อนลงมหาสมุทรไป. ตุ่มโลหะ (ที่บรรจุทรัพย์) ตามที่ปิดไว้และประทับตราไว้นั้น ก็กลิ้งไปในท้องทะเล. ก็ในเรือนของท่านเศรษฐีนั้น ยังคงมีนิตยภัตเป็นประจำสำหรับภิกษุ ๕๐๐ รูป. จริงอยู่ เรือนของท่านเศรษฐีเป็นเช่นกับสระโบกขรณีที่ขุดไว้ในหนทาง ๔ แพร่งสำหรับภิกษุสงฆ์ ตั้งอยู่ในฐานะบิดามารดาของภิกษุทั้งปวง ด้วยเหตุนั้น แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปเรือนของท่านเศรษฐีนั้น ฝ่ายพระมหาเถระทั้ง ๘๐ องค์ก็ไปเหมือนกัน. ส่วนภิกษุทั้งหลายที่เหลือ ต่างมาๆ ไปๆ หาประมาณมิได้.
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
ว่าด้วย สมณะ จตุโปสถิกชาดกนี้ จักมีแจ้งใน ปุณณกชาดก. พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงพระปรารภปัญญาบารมี จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิศดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากันที่โรงธรรมสภาว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริงหนอ พระศาสดาทรงมีพระปัญญามาก มีพระปัญญากว้างขวาง มีพระปัญญาเร็วไว มีพระปัญญาร่าเริง มีพระปัญญาเฉียบแหลม มีพระปัญญาปรุโปร่ง ทรงย่ำยีถ้อยคำกล่าวร้ายของคนอื่น ทรงทำลายปัญหาอันละเอียด ที่กษัตริย์และบัณฑิตเป็นต้นแต่งขึ้น ได้ด้วยอานุภาพแห่งพระปัญญาของพระองค์ ทรงทรมานให้หมดพยศ แล้วให้ตั้งอยู่ในสรณะและศีล และให้ดำเนินไปตามหนทางอันจะนำสัตว์ไป สู่อมตมหานิพพาน. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ. เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ. จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้บรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณ อันสามารถทำลายเสีย ซึ่งคำที่คนอื่นกล่าวให้ร้าย แนะนำชนทั้งหลายมีกษัตริย์เป็นต้นได้เช่นนี้ ไม่น่าอัศจรรย์ เพราะว่า ตถาคตแม้เมื่อกำลังแสวงหาพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในภพก่อน ก็เป็นผู้มีปัญญาย่ำยีถ้อยคำที่คนอื่นกล่าวให้ร้ายเช่นนี้ เหมือนกัน. จริงอย่างนั้น ในกาลที่เราเป็นวิธุรบัณฑิต เราทรมานยักษ์เสนาบดีนามว่า ปุณณกะ ได้ด้วยกำลังญาณบนยอดกาฬคิริบรรพตสูงถึง ๖๐ โยชน์ ปราบให้หมดพยศ ให้ตั้งอยู่ในศีล ๕ จนยอมมอบชีวิตให้แก่เรา. ดังนี้แล้ว ทรงดุษณีภาพ. อันภิกษุเหล่านั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัส ดังต่อไปนี้.
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
maruay songtanin
พระอานนท์ ประวัติในอดีตชาติของพระอานนทเถระ ราชกุมารนี้จักเป็นพระญาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นธงชัยแห่งศากยะตระกูล มีนามว่าอานนท์ เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก
อรอุมา เขียวสวัสดิ์
Ppt 1
Ppt 1
อรอุมา เขียวสวัสดิ์
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
จันทกุมารชาดก (๕๔๔) ว่าด้วยจันทกุมารทรงบำเพ็ญขันติบารมี พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ประกาศอริยสัจ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่ในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตพยายามเพื่อฆ่าคนเป็นอันมาก เพราะอาศัยเราแม้ผู้เดียว ดังนี้แล้ว จึงทรงประชุมชาดก. กัณฑหาลพราหมณ์ ในกาลนั้น ได้เป็น พระเทวทัต. พระนางโคตมีเทวี เป็น พระมหามายา. พระนางจันทาเทวี เป็น ราหุลมารดา. พระวสุละ เป็น พระราหุล. พระเสลากุมารี เป็น อุบลวรรณา. พระสุรกุมาร เป็น พระอานนท์. พระรามโคตรตะ (บาลีเป็น วามโคตตะ) เป็น กัสสปะ. พระภัททเสน เป็น โมคคัลลานะ. พระสุริยกุมาร เป็น พระสารีบุตร. ท้าวสักกเทวราช เป็น อนุรุทธะ. บริษัทในกาลนั้น ได้มาเป็น พุทธบริษัท. ส่วนพระจันทกุมารนั้น คือ เราสัมมาสัมพุทธะ ดังนี้แล.
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
ว่าด้วย พระยาเนื้อนันทิยะ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงมารดา จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่า เธอเลี้ยงคฤหัสถ์หรือ? เมื่อเธอกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า. เมื่อพระองค์ตรัสตามว่า เป็นอะไรกับเธอ? เมื่อเธอทูลว่า เป็นมารดาบิดาของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดีแล้ว ดีแล้วภิกษุ เธอรักษาวงศ์ของโบราณกบัณฑิตทั้งหลายไว้ เพราะว่าโบราณกบัณฑิตทั้งหลาย แม้เกิดในกำเนิดเดียรัจฉาน ก็ได้ให้แม้ชีวิตแก่มารดาบิดาทั้งหลาย แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ประวัติพระแก้วมรกต
ประวัติพระแก้วมรกต
รองประธานศูนย์บริการชุมชนคลองจั่น, กรรมการชมรมผู้อาวุโส สคช.,
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาประทับอยู่ ณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงปรารภฝนโบกขรพรรษ (ฝนดุจน้ำตกในใบบัวมีสีแดง ผู้ต้องการให้เปียกจึงเปียก) ให้เป็นเหตุ ตรัสเวสสันดรชาดกแก่ภิกษุทั้งหลาย
ทสชาติชาดก(ย่อ)
ทสชาติชาดก(ย่อ)
หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tongsamut vorasan
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
ว่าด้วย พิษเหวเปือกตมและอสรพิษ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภการประเล้าประโลมของสาวเทื้อ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เล่ากันมาว่า ธิดาของสกุลชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งมีอายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี เป็นหญิงมีรูปเลอโฉม แต่ไม่มีใครสู่ขอนาง. ลำดับนั้น มารดาของนางคิดว่า ธิดาของเราเป็นสาวแล้ว แต่ไม่มีใครสู่ขอนางเลย เราต้องใช้นางล่อประเล้าประโลมภิกษุของพระศากยะรูปหนึ่ง เหมือนล่อปลาด้วยเหยื่อ ให้สึกเสียจนได้ แล้วจักอาศัยเธอเลี้ยงชีพ. ครั้งนั้น กุลบุตรชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ตั้งแต่กาลที่อุปสมบทแล้วก็ละทิ้งสิกขาบท เกียจคร้าน มัวแต่ประดับสรีระอยู่. มหาอุบาสิกาจัดแจงยาคูและข้าว ขาทนียโภชนียะไว้ในเรือน ยืนที่ประตูเรือน ใคร่ครวญ บรรดาภิกษุที่พากันเดินไปในระหว่างถนน สักรูปหนึ่ง ซึ่งมีท่าทางที่นางสามารถจะเกี้ยวได้ด้วยรสตัณหา. เมื่อขบวนพระผู้ทรงพระไตรปิฎก ผู้ทรงพระอภิธรรม ผู้ทรงพระวินัย พากันเดินไปกับบริวารเป็นอันมาก ก็ยังไม่เห็นรูปไรๆ ในกลุ่มที่พอจะเกาะไว้ได้ ในกลุ่มแห่งพระธรรมกถึกผู้กล่าวธรรมไพเราะก็ดี ในกลุ่มแห่งพระผู้สมาทานปิณฑบาตเป็นวัตร ผู้เช่นกับวลาหกอันกระจายฝอยก็ดี ผู้เดินไปภายหลังแห่งภิกษุกลุ่มนั้น ก็คงยังไม่เห็นสักรูปหนึ่งเลย.
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จเข้าไปอาศัยกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภอุบาสก อุบาสิกา ผู้รักษาอุโบสถศีล ตรัสภูริทัตตชาดกนี้ ซึ่งมีคำเริ่มต้นว่า รัตนะอย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ ดังนี้ เป็นต้น
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
ทศบารมี พระโพธิสัตว์
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
AY'z Felon
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Jatupol Yothakote
Similar to 20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
(20)
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
040 ขทิรังคารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
17 รุรุราชจริยา มจร.pdf
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
(๑๒) พระอานันทเถราปทาน มจร.pdf
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก
Ppt 1
Ppt 1
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
385 นันทิยมิคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
ประวัติพระแก้วมรกต
ประวัติพระแก้วมรกต
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก.pdf
ทสชาติชาดก(ย่อ)
ทสชาติชาดก(ย่อ)
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
๐๖. ภูริทัตตชาดก.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
Ppt1767.pptm [บันทึกอัตโนมัติ]
More from maruay songtanin
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรตตนหนึ่ง ดังนี้. ได้ยินว่า ในอดีตกาล ในกรุงพาราณสี ยังมีบุรุษเปลี้ยคนหนึ่งเป็นผู้ฉลาดในการประกอบการดีดกรวด เขาถึงความสำเร็จในศิลปการดีดกรวดนั้น นั่งอยู่ที่โคนต้นไทรใกล้ประตูพระนคร แสดงรูปช้าง ม้า มนุษย์ รถ เรือนยอด ธงและหม้อน้ำเต็มเป็นต้นที่ใบไทรด้วยการดีดกรวด. พวกเด็กในพระนครให้ทรัพย์หนึ่งมาสกและกึ่งมาสก เพื่อประโยชน์แก่การเล่นของตน ให้เขาแสดงศิลปเหล่านั้นตามความชอบใจ ภายหลังวันหนึ่ง พระเจ้าพาราณสีเสด็จออกจากพระนครเข้าไปยังโคนต้นไทรนั้น เห็นการจำแนกรูปต่างๆ โดยเป็นรูปช้างเป็นต้นที่แนบสนิทอยู่ที่ใบไทร จึงตรัสถามพวกมนุษย์ว่า ใครหนอกระทำการจำแนกรูปต่างๆ อย่างนี้ที่ใบไทรเหล่านี้. พวกมนุษย์ชี้ให้ทอดพระเนตรบุรุษเปลี้ยนั้นแล้วทูลว่า บุรุษเปลี้ยนี้กระทำพระเจ้าข้า. พระราชารับสั่งให้เรียกบุรุษเปลี้ยนั้นมาแล้วตรัสอย่างนี้ว่า แน่ะพนาย เธออาจเพื่อจะเอามูลแพะใส่ให้เต็มท้องของบุรุษคนหนึ่งผู้ที่เราชี้ให้ ผู้กล่าวอยู่กะพระราชานั้นนั่นแหละ ได้ไหมหนอ. บุรุษเปลี้ยทูลว่า ได้พระเจ้าข้า.
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
เรื่องเปรตผู้เป็นบุตรเศรษฐีนี้ มีดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันกรุงสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงประดับตกแต่งแล้วเสด็จขึ้นคอช้างเผือกประเสริฐ เสด็จเลียบพระนครด้วยราชฤทธิ์อันใหญ่ ด้วยราชานุภาพอันใหญ่ ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้ว หญิงคนหนึ่งมีส่วนเปรียบด้วยนางเทพอัปสรเพราะสมบูรณ์ด้วยรูป เปิดหน้าต่างชั้นบนปราสาท ในเรือนหลังหนึ่งแลดูการตบแต่งองค์พระราชานั้น มีจิตกลุ้มรุมด้วยความฟุ้งแห่งกิเลสที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันในอารมณ์ที่ไม่เคยเห็น แม้จะมีชนในพระราชวังผู้สมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษมีตระกูล รูปและอาจาระเป็นต้น ก็มีจิตปฏิพัทธ์ในหญิงนั้น ด้วยอำนาจจิตที่ข่มได้ยาก เกิดเร็วดับเร็วเป็นสภาวะ จึงได้ให้สัญญาแก่บุรุษผู้นั่งอยู่หลังพระอาศน์ว่า เธอจงตรวจดูปราสาทนี้และหญิงนี้ แล้วเสด็จเข้าไปยังพระราชนิเวศน์.
๔๘. โภคสังหรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๘. โภคสังหรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
เรื่องนางโภคสังหรณเปรตนี้ มีดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? ได้ยินว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเวฬุวันมหาวิหาร หญิง ๔ คนในกรุงราชคฤห์ ทำการค้าขายด้วยเนยใส น้ำผึ้ง น้ำมันและข้าวเปลือกเป็นต้นด้วยเครื่องนับโกงเป็นต้น รวบรวมโภคะเลี้ยงชีพโดยไม่แยบคาย. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก หญิงเหล่านั้นไปบังเกิดเป็นนางเปรต อยู่ที่หลังคูนอกเมือง. ในเวลากลางคืน นางเปรตเหล่านั้นถูกความทุกข์เข้าครอบงำ ร้องบ่นเพ้อด้วยเสียงขรมน่าสะพึงกลัว ด้วยคาถาว่า
๔๗. อักขรุกขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๗. อักขรุกขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
เรื่องอักขทายกเปรตนี้ มีดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี มีอุบาสกชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งเอาเกวียนหลายเล่มบรรทุกสินค้าไปขายต่างประเทศ ขายสินค้าของตนในประเทศนั้นแล้ว ก็ซื้อเอาสินค้าต่างประเทศกลับมา เดินทางมุ่งไปกรุงสาวัตถี. เมื่ออุบาสกนั้นกำลังเดินทางเพลาเกวียนเล่มหนึ่งหักในดง. ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งได้เอาผึ่งและขวานเพื่อจะตัดไม้ออกจากบ้านตน เที่ยวไปในป่าถึงที่นั้น พบอุบาสกนั้นผู้ถึงความโทมนัส เพราะเพลาเกวียนหัก จึงคิดว่า พ่อค้านี้มาลำบากในดง เพราะเพลาเกวียนหัก อาศัยความอนุเคราะห์ จึงตัดท่อนไม้มาดามเพลาเกวียนให้มั่นคงแล้วประกอบเกวียนให้ไป. สมัยต่อมา บุรุษนั้นทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นภุมมเทวดาอยู่ในดงนั้นนั่นแหละ พิจารณาถึงกรรมของตน ในเวลาราตรีจึงไปเรือนของอุบาสกนั้น ยืนอยู่ที่ประตูเรือนกล่าวคาถาว่า
๔๖. อัมพวนเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๔๖. อัมพวนเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภอัมพเปรต ดังนี้. ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี มีคฤหบดีคนหนึ่งผู้เสื่อมสิ้นจากโภคสมบัติ. ภริยาของเขาก็ตาย ยังมีธิดาคนเดียวเท่านั้น. เขาได้ให้ธิดานั้นไปอยู่เรือนมิตรของตน เอาเงินที่ยืมมา ๑๐๐ กหาปณะไปซื้อสิ่งของ บรรทุกเกวียนไปค้าขาย ไม่นานนักก็ได้เงิน ๕๐๐ กหาปณะอันเป็นกำไรพร้อมทั้งต้นทุนแล้วกลับมาพร้อมด้วยเกวียน. ในระหว่างทาง พวกโจรดักซุ่มปล้นหมู่เกวียน. พวกหมู่เกวียนแตกกระจายหนีไป. ฝ่ายคฤหบดีนั้นซ่อนกหาปณะไว้ที่กอไม้แห่งหนึ่งแล้ว แอบอยู่ในที่ไม่ไกล. พวกโจรจับคฤหบดีนั้นฆ่าทิ้งเสีย. เพราะความโลภในทรัพย์ เขาจึงบังเกิดเป็นเปรตในที่นั้นนั่นเอง. พวกพ่อค้าไปยังกรุงสาวัตถี เล่าเรื่องนั้นให้ธิดาของเขาทราบ. ธิดานั้นเกิดโทมนัสอย่างยิ่ง ร่ำไรอย่างหนัก เพราะความตายของบิดา และเพราะภัยแห่งเลี้ยงชีพ.
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภวิมานเปรตตนหนึ่ง ดังนี้ ได้ยินว่า พ่อค้าชาวกรุงสาวัตถีและชาวกรุงปาฏลีบุตรเป็นอันมาก แล่นเรือไปยังสุวรรณภูมิ. บรรดาพ่อค้าเหล่านั้น พ่อค้าคนหนึ่งเป็นอุบาสก เกิดป่วยไข้ มีจิตปฏิพัทธ์ในมาตุคาม ได้ทำกาละแล้ว. เขาแม้ได้ทำกุศลไว้ก็ไม่เข้าถึงเทวโลก เกิดเป็นวิมานเปรตในท่ามกลางมหาสมุทร เพราะเป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์ในหญิง. ก็หญิงที่เขามีจิตปฏิพัทธ์นั้น ขึ้นเรือไปยังสุวรรณภูมิ. ลำดับนั้น เปรตนั้นประสงค์จะจับหญิงนั้น จึงปิดกั้นไม่ให้เรือไป.
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรตเป็นอันมาก ดังนี้. ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี มนุษย์เป็นอันมาก เป็นคณะ ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส มีจิตถูกมลทินคือความตระหนี่กลุ้มรุม เป็นผู้เบือนหน้าต่อสุจริตมีทานเป็นต้น มีชีวิตอยู่นาน เพราะกายแตกตายไป จึงบังเกิดในกำเนิดเปรต ใกล้พระนคร. ภายหลังวันหนึ่ง ท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังเดินบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี เห็นพวกเปรตในระหว่างทาง จึงถามด้วยคาถาว่า
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภนางเปรตผู้กินคูถตนหนึ่ง ดังนี้. เรื่องของนางเปรตนั้นเช่นกับเรื่องที่ติดต่อกันนั้น. ในเรื่องนั้นมาโดยอำนาจอุบาสกว่า อุบาสกได้สร้างวิหาร แต่ในเรื่องนี้มีความแปลกกันเท่านี้ว่า อุบาสิกาได้สร้างวิหาร.
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภคูถขาทกเปรตตนหนึ่ง ดังนี้. ได้ยินว่า ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถีนัก ยังมีกฎุมพีผู้หนึ่งสร้างวิหารอุทิศถวายภิกษุผู้เป็นชีต้นของตน, ภิกษุทั้งหลายมาจากชนบทต่างๆ อยู่อาศัยในวิหารหลังนั้น. มนุษย์ทั้งหลายเห็นภิกษุเหล่านั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใส อุปัฏฐากด้วยปัจจัยอันประณีต. ภิกษุชีต้นอดทนปัจจัยนั้นไม่ได้ เป็นผู้ถูกความริษยาครอบงำ เมื่อจะกล่าวโทษของภิกษุเหล่านั้น จึงยกโทษกะกฎุมพี. กฎุมพีข่มขี่บริภาษภิกษุเหล่านั้น และภิกษุผู้เป็นชีต้น. ลำดับนั้น ภิกษุผู้เป็นชีต้นทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นเปรตในเวจจกุฏี ในวัดนั่นเอง.
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรตราชบุตร ดังนี้ ในเรื่องนั้น ในอดีตกาล โอรสของพระเจ้ากิตวะ ผิดในพระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีตไหม้ในนรกหลายพันปี ด้วยเศษแห่งวิบากของกรรมนั้นนั่นแหละ เขาจึงเกิดในหมู่เปรต ท่านประสงค์เอาว่า เปรตราชบุตร ในที่นี้. เรื่องของเปรตราชบุตรนั้นมาโดยพิสดารในเรื่องสานุวาสิเปรต ในหนหลังนั่นแล เพราะฉะนั้น ควรถือเอาโดยนัยที่กล่าวแล้วในเรื่องสานุวาสิเปรตนั่นเอง. จริงอยู่ ในกาลนั้น เมื่อพระเถระกล่าวประวัติของเปรตผู้เป็นญาติของตน พระศาสดาจึงตรัสว่า ไม่ใช่เปรตผู้เป็นญาติของท่านอย่างเดียวเท่านั้น โดยที่แท้ แม้ท่านก็จากโลกนี้ ไปเป็นเปรต เสวยทุกข์อย่างใหญ่ในอัตภาพ อันเป็นอดีตโดยลำดับ ดังนี้ อันพระเถระนั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงตรัสเปตวัตถุนี้ว่า
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรต ๒ ตน ดังนี้ ได้ยินว่า ในกรุงสาวัตถี พระเจ้าโกศลมีพระโอรส ๒ พระองค์น่าเลื่อมใส กำลังอยู่ในปฐมวัย มัวเมาในความเป็นหนุ่ม กระทำกรรมคือคบหาภรรยาของคนอื่น ทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นเปรตที่หลังคู. ในเวลากลางคืน เปรตเหล่านั้นพากันรำพันด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัว. พวกมนุษย์ได้ฟังเสียงนั้น พากันสะดุ้งกลัว คิดว่า เมื่อพวกเราทำอย่างนี้ อวมงคลนี้ย่อมสงบ จึงพากันถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
เรื่องนางเรวดีเปรตนี้ มีดังนี้. เพราะเหตุที่เรื่องนั้นไม่มีพิเศษไปกว่า เรวตีวิมานวัตถุ เพราะฉะนั้น คำใดที่ควรกล่าวในอัตถุปปัตติเหตุ และในคาถานั้น คำนั้นพึงทราบโดยนัยดังกล่าวในอรรถกถาวิมานวัตถุ ชื่อปรมัตถทีปนีนั่นแหละ. ก็เรื่องนี้ แม้พระสังคีติกาจารย์จะยกขึ้นสู่สังคายนาในบาลีวิมานวัตถุด้วยอำนาจนันทิยเทพบุตร ก็พึงทราบว่ายกขึ้นสู่สังคายนา แม้ในบาลีเปตวัตถุว่า เรวตีเปติวัตถุ ด้วยอำนาจคาถาที่เนื่องด้วยนางเรวดี
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
เรื่องนันทกเปรตนี้ มีดังนี้. การอุบัติขึ้นของเรื่องนั้นเป็นอย่างไร? นับแต่พระศาสดาปรินิพพานล่วงไปได้ ๒๐๐ ปี ในสุรัฐวิสัย ได้มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ปิงคละ. เสนาบดีของพระราชานั้น ชื่อว่านันทกะ เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความผิดแปลก เที่ยวยกย่องการถือผิดๆ โดยนัยมีอาทิว่า ทานที่ทายกถวายแล้ว ไม่มีผล ดังนี้. ธิดาของนายนันทกะนั้นเป็นอุบาสิกาชื่อว่าอุตตรา เขาได้ยกให้แต่งงานในตระกูลที่เสมอกัน. ฝ่ายนันทกเสนาบดีทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นเวมานิกเปรตที่ต้นไทรใหญ่ ในดงไฟไหม้. เมื่อนันทกเสนาบดีนั้นทำกาละแล้ว นางอุตตราได้ถวายหม้อน้ำดื่มเต็มด้วยน้ำหอมสะอาดและเยือกเย็น และขันอันเต็มด้วยขนม เพียบพร้อมด้วยสีกลิ่นและรสที่ปรุงด้วยขนมกุมมาส แด่พระขีณาสพเถระรูปหนึ่ง แล้วอุทิศว่า ขอทักษิณานี้จงสำเร็จแก่บิดาของเราเถิด. น้ำดื่มอันเป็นทิพย์ และขนมอันหาประมาณมิได้ ปรากฏแก่เปรตนั้น เพราะทานนั้น.
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
เรื่องเสรีสกเปรตนี้ มีดังนี้. เพราะเหตุที่เรื่องนั้นไม่พิเศษไปกว่าเรื่องเสรีสกวิมาน ฉะนั้น คำที่ควรจะกล่าวในอัตถุปปัตติเหตุและในคาถานั้น พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวไว้แล้วในอรรถกถาวิมานวัตถุ ชื่อปรมัตถทีปนี ฉะนั้น พึงทราบโดยนัยที่ได้กล่าวไว้แล้ว ในอรรถกถาวิมานวัตถุนั้น ฉะนี้แล
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
เรื่องอัมพสักขรเปรตนี้ มีดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร เจ้าลิจฉวีนามว่าอัมพสักขระ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นนัตถิกวาทะ ครองราชย์ในเมืองเวสาลี. ก็สมัยนั้น ในพระนครเวสาลี มีเปือกตมอยู่ในที่ใกล้ร้านตลาดของพ่อค้าคนหนึ่ง. ชนเป็นอันมากในที่นั้นโดดข้ามไปลำบาก บางคนเปื้อนโคลน. พ่อค้านั้นเห็นดังนั้นจึงคิดว่า คนเหล่านี้อย่าเหยียบเปือกตม จึงให้นำกระดูกศีรษะโคอันมีส่วนเปรียบด้วยสีสังข์ปราศจากกลิ่นเหม็น มาวางทอดไว้. ก็ตามปกติ เขาเป็นคนมีศีล ไม่มักโกรธ มีวาจาอ่อนหวาน และระบุถึงคุณตามความเป็นจริงของคนเหล่าอื่น. วันนั้น เมื่อสหายของตนอาบน้ำ ไม่แลดูด้วยความเลินเล่อ เขาจึงซ่อนผ้านุ่งไว้ด้วยความประสงค์จะล้อเล่น ทำให้เขาลำบากเสียก่อนจึงได้ให้ไป. ก็หลานของเขาขโมยภัณฑะมาจากเรือนของคนอื่น แล้วทิ้งไว้ที่ร้านของเขานั่นเอง. เจ้าของภัณฑะเมื่อตรวจดู จึงแสดงหลานของเขาและตัวเขาพร้อมทั้งภัณฑะแก่พระราชา. พระราชาสั่งบังคับว่า พวกท่านจงตัดศีรษะผู้นี้ ส่วนหลานของเขาจงเสียบหลาวไว้. พวกราชบุรุษได้กระทำดังนั้น. เขาทำกาละแล้วเกิดในภุมเทพ ได้เฉพาะม้าอาชาไนยทิพ มีสีขาว มีความเร็วทันใจ เพราะเอาศีรษะโคทำสะพาน และเพราะการกล่าวสรรเสริญคุณของผู้มีคุณ กลิ่นทิพจึงฟุ้งออกจากกายของเขา แต่เขาได้เป็นผู้เปลือยกาย เพราะเก็บผ้าสาฎกซ่อนไว้.
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
เรื่องแห่งเปรตผู้ติเตียนพระธาตุนี้ มีดังนี้. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพาน ในระหว่างนางรังทั้งคู่ ณ สาลวโนทยานแห่งมัลลกษัตริย์อันเป็นที่แวะเวียน ในกรุงกุสินารา และทำการจำแนกพระธาตุ พระเจ้าอชาตสัตตุทรงถือเอาการส่วนพระธาตุที่พระองค์ได้ ทรงระลึกถึงพระพุทธคุณ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันแล้วให้การบูชาอันโอฬารเป็นไป. พวกมนุษย์ในที่นั้นนับไม่ได้ประมาณไม่ได้ พากันทำจิตให้เลื่อมใส ได้เข้าถึงสวรรค์. ก็บุรุษประมาณ ๘๖,๐๐๐ คนในที่นั้นมีจิตวิปปลาส เพราะความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา และเพราะความเห็นผิดที่ตนให้เกิดตลอดกาลนาน ประทุษร้ายจิตของตนแม้ในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส แล้วเกิดในหมู่เปรต. ภรรยา ธิดา ลูกสะใภ้ของกุฏมพีผู้เพียบพร้อมด้วยสมบัติคนหนึ่ง ในกรุงราชคฤห์นั้นนั่นเอง มีจิตเลื่อมใส พากันคิดว่าจักถวายบูชาพระธาตุ จึงถือเอาสักการะมีของหอมและดอกไม้เป็นต้น เริ่มไปยังที่บรรจุพระธาตุ. กฎุมพีนั้นคิดว่าจะประโยชน์อะไรด้วยการบูชากระดูก จึงดูหมิ่นพระธาตุเหล่านั้น ติเตียนการบูชาพระธาตุ. หญิงเหล่านั้นก็ไม่เชื่อคำของกฎุมพีนั้น พากันไปในที่นั้นกระทำการบูชาพระธาตุ. มายังเรือนถูกโรคเช่นนั้นครอบงำ ไม่นานนักก็ทำกาละไปบังเกิดในเทวโลก. ส่วนกฎุมพีนั้นถูกความโกรธครอบงำ ไม่นานนักทำกาละแล้ว ไปบังเกิดในหมู่เปรตเพราะบาปกรรมนั้น.
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
maruay songtanin
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภเปรตผู้วินิจฉัยโกง ดังนี้. ในกาลนั้น พระเจ้าพิมพิสารเข้าจำอุโบสถเดือนละ ๖ วัน มนุษย์เป็นอันมากคล้อยตามท้าวเธอ จึงพากันเข้าจำอุโบสถ. พระราชาตรัสถามพวกมนุษย์ผู้มายังสำนักของพระองค์ว่า พวกเธอเข้าจำอุโบสถหรือ หรือว่าไม่เข้าจำ. ในบรรดามนุษย์เหล่านั้นผู้พิพากษาตัดสินความคนหนึ่ง เป็นผู้มีวาจาส่อเสียด เป็นผู้หลอกลวง ผู้รับเอาสินบน ไม่อดกลั้นเพื่อจะกล่าวว่า หม่อมฉันไม่ได้เข้าจำอุโบสถ แต่กราบทูลว่า หม่อมฉันเข้าจำอุโบสถพระเจ้าข้า. ลำดับนั้น สหายจึงกล่าวกะเธอผู้ออกจากที่ใกล้พระราชา สหายวันนี้ ท่านเข้าจำอุโบสถหรือ? เขาตอบว่า สหายเอ๋ย เพราะความกลัว ผมจึงกราบทูลอย่างนั้นต่อพระพักตร์พระราชา แต่ผมไม่ได้เข้าจำอุโบสถ. ลำดับนั้น สหายจึงกล่าวกะเธอว่า ถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้น อันดับแรกเธอจงรักษาอุโบสถกึ่งวัน ในวันนี้ เธอจงสมาทานองค์อุโบสถเถิด. เธอรับคำของสหายนั้นแล้วไปยังเรือน ไม่บริโภคเลย บ้วนปากอธิษฐานอุโบสถ เข้าจำอยู่ในกลางคืน ถูกความเสียดแทงอันมีพลังลมเป็นต้นเหตุซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากท้องว่าง เข้าตัดอายุสังขาร ถัดจากจุติก็ไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรตในท้องภูเขา.
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภมิคลุททกเปรตอีกตนหนึ่ง ดังนี้. ได้ยินว่า ในกรุงราชคฤห์ มาณพชื่อว่ามาควิกะคนหนึ่ง แม้เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยสมบัติ ก็ละโภคสุข ออกเที่ยวล่าเนื้อตลอดทั้งคืนและวัน. อุบาสกคนหนึ่งผู้เป็นสหายของเธอ อาศัยความเอ็นดูจึงให้โอวาทว่า ดีละสหาย เธอจงงดเว้นจากปาณาติบาต เธออย่าได้มี เพื่อสิ่งอันมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนานเลย. เธอหาได้เอื้อเฟื้อโอวาทนั้นไม่. ลำดับนั้น อุบาสกนั้นจึงขอร้องพระขีณาสพเถระซึ่งเป็นที่เจริญใจแห่งตนรูปหนึ่งว่า ดีละ พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านจงแสดงธรรมแก่บุรุษชื่อโน้น โดยประการที่เธอจะพึงงดเว้นจากปาณาติบาต. ภายหลังวันหนึ่ง พระเถระนั้นเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้หยุดยืนที่ประตูเรือนของเธอ. มาควิกะนั้นเห็นท่านแล้ว เกิดมีความนับถือมาก ต้อนรับให้เข้าไปสู่เรือน ได้ตกแต่งอาสนะถวาย. พระเถระนั่งบนอาสนะที่ตกแต่งไว้แล้ว. ฝ่ายมาณพนั้นก็เข้าไปหาพระเถระนั่งแล้ว. พระเถระประกาศโทษในปาณาติบาต และอานิสงส์ในการงดเว้นจากปาณาติบาตนั้นแก่เธอ. เธอแม้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ไม่ปรารถนาจะงดเว้นจากปาณาติบาตนั้น. ลำดับนั้น พระเถระจึงกล่าวกะเธอว่า คุณ ถ้าคุณไม่สามารถจะงดเว้นโดยประการทั้งปวงได้ไซร้ อันดับแรก เธอก็จงงดเว้นแม้ในกลางคืนเถอะ. เธอรับคำแล้วว่าจะงดเว้นในเวลากลางคืน แล้วจึงงดเว้นจากปาณาติบาตนั้น.
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภมิคลุททกเปรต ดังนี้. ได้ยินว่า ในกรุงราชคฤห์ ยังมีพรานคนหนึ่งเที่ยวล่าเนื้อเลี้ยงชีพตลอดคืนและวัน. พรานนั้นได้มีอุบาสกคนหนึ่งเป็นมิตร. อุบาสกนั้น เมื่อไม่อาจจะให้นายพรานนั้นกลับจากความชั่วตลอดกาลได้ จึงชักชวนในการบุญตอนราตรีว่า มาเถอะสหาย ท่านจงงดเว้นจากปาณาติบาตในตอนกลางคืน. เขางดเว้นในตอนกลางคืน กระทำปาณาติบาตในตอนกลางวันเท่านั้น. สมัยต่อมา เขาทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นเวมานิกเปรต ใกล้กรุงราชคฤห์ เสวยทุกข์อย่างใหญ่ตลอดส่วนกลางวัน เพียบพร้อม พรั่งพร้อมบำเรอด้วยกามคุณ ๕ ในกลางคืน.
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภนางเสรินีเปรต ดังนี้. ได้ยินว่า ในหัตถินีบุรี ในแคว้นกุรุรัฐ มีหญิงคนหนึ่งชื่อว่าเสรินี ได้เป็นผู้อาศัยรูปเลี้ยงชีวิต. ก็ภิกษุทั้งหลายจากที่นั้นๆ ได้มาประชุมกันในหัตถินีบุรีนั้น เพื่อต้องการทำอุโบสถ. ได้มีภิกษุจำนวนมากมาประชุมกันอีก. มนุษย์ทั้งหลายเห็นดังนั้นจึงจัดเตรียมเครื่องอุปกรณ์ในการบำเพ็ญทานเป็นอันมาก มีเมล็ดงาและข้าวสารเป็นต้น และมีเนยใส เนยข้นและน้ำผึ้งเป็นต้น บำเพ็ญมหาทาน. ก็สมัยนั้น นางคณิกาคนนั้นไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส จิตถูกกลุ้มรุมด้วยมลทินคือความตระหนี่ แม้จะถูกพวกมนุษย์เหล่านั้นให้กำลังใจว่า มาซิเธอ ก่อนอื่นจงอนุโมทนาทานนี้ ก็ประกาศยืนยันความไม่เลื่อมใสแก่มนุษย์เหล่านั้นว่า จะประโยชน์อะไรด้วยทานที่ให้แก่พวกสมณะโล้น การบริจาคสิ่งของมีประมาณเล็กน้อยจักมีแต่ไหน. สมัยต่อมา นางทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นเปรตที่หลังคูแห่งปัจจันตนครแห่งหนึ่ง.
More from maruay songtanin
(20)
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๕๐. สัฏฐิกูฏเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๙. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๘. โภคสังหรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๘. โภคสังหรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๗. อักขรุกขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๗. อักขรุกขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๖. อัมพวนเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๔๖. อัมพวนเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
1.
1 การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๒๐
ชยทิสจริยา พลตรี มารวย ส่งทานินทร์ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เกริ่นนา ดวงจันทร์พ้นจากปากราหู ย่อมรุ่งเรืองดุจแสงสว่างในวันเพ็ญฉันใด. ท่านกปิละผู้มีอานุภาพใหญ่ ท่านพ้นจากโปริสาทย่อมรุ่งโรจน์ฉันนั้น. พระองค์ยังพระชนกชนนีให้ปลาบปลื้ม ทั้งผู้ที่เป็นฝ่ายพระญาติทั้ง ปวงของพระองค์ก็ยินดี. พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ๙. ชยทิสจริยา ว่าด้วยพระจริยาของพระเจ้าชัยทิศ [๗๔] ในกรุงที่ประเสริฐชื่อกัปปิลา เป็นนครที่อุดมในแคว้นปัญจาละ ได้มีพระราชาพระนามว่า ชัยทิศ ประกอบด้วยคุณคือศีล [๗๕] เราเป็นโอรสของพระราชาพระองค์นั้น มีธรรมอันสดับแล้ว มีศีลดีงาม มีนามว่าอลีนสัตต กุมาร มีคุณสงเคราะห์บริวารชนทุกเมื่อ [๗๖] พระราชบิดาของเราเสด็จล่าเนื้ อ ได้เข้าใกล้พระยาโปริสาท พระยาโปริสาทนั้นได้จับพระ ราชบิดาของเราแล้วกล่าวว่า ท่านเป็นอาหารของเรา อย่าดิ้นรนไปเลย [๗๗] พระราชบิดาของเราทรงสดับคาของพระยาโปริสาทนั้น ตกพระทัย สะดุ้งหวาดหวั่น มีพระ เพลาแข็ง (พระเพลาแข็ง หมายถึงขาแข็งไม่สามารถจะหนีไปได้) เพราะทอดพระเนตรเห็นพระยาโปริสาท [๗๘] พระยาโปริสาทรับเอาเนื้ อแล้วปล่อยไปโดยบังคับให้กลับมาอีก พระราชบิดาพระราชทาน ทรัพย์แก่พราหมณ์แล้วตรัสเรียกเรามาว่า [๗๙] ลูกเอ๋ย จงปกครองราชสมบัติ อย่าประมาทปกครองนครนี้ พระยาโปริสาทบังคับพ่อให้ กลับไปหาอีก [๘๐] เราไหว้พระราชมารดาและพระราชบิดาแล้ว ตกแต่งร่างกาย สะพายธนู เหน็บพระแสง ขรรค์ ออกไปหาพระยาโปริสาท(เราคิดว่า) [๘๑] พระยาโปริสาทเห็นเรามีอาวุธถืออยู่ในมือ บางทีจักสะดุ้งกลัว แต่เพราะเมื่อเราทาความ สะดุ้งกลัวต่อพระยาโปริสาท ศีลของเราจะขาด [๘๒] เพราะเรากลัวศีลจะขาด จึงไม่กล่าววาจาน่ารังเกียจแก่พระยาโปริสารทนั้น เรามีเมตตาจิต กล่าวคาที่เป็นประโยชน์ว่า
2.
2 [๘๓] “ท่านจงก่อไฟกองใหญ่ขึ้น เราจักโดดจากต้นไม้เข้ากองไฟ
ท่านปู่ ท่านรู้เวลาว่า เราสุกดี แล้วจงกินเถิด” [๘๔] เราไม่ได้รักษาชีวิตของเราเพราะเหตุแห่งพระราชบิดาผู้ทรงศีล และเราได้ให้พระยาโปริ สาทผู้ฆ่าสัตว์เป็นปกติทุกเมื่อนั้นบวชแล้ว ฉะนี้ แล ชยทิสจริยาที่ ๙ จบ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบาเพ็ญสีลบารมี ๙. ชยทิสจริยา อรรถกถาชยทิสจริยาที่ ๙ ได้ยินว่า วันหนึ่ง พระเจ้าชยทิศเสด็จออกจากกบิลนครพร้อมด้วยบริวารใหญ่อันสมควรแก่ พระองค์ ด้วยมีพระประสงค์ว่าจักไปล่าเนื้ อ. พอพระราชาเสด็จออกไปได้พักหนึ่ง นันทพราหมณ์ชาวเมืองตักกสิลาถือเอาคาถาชื่อว่าสตารหา ๔ บท เข้าไปหาเพื่อจะบอก แล้วกราบทูลถึงเหตุที่ตนมาแด่พระราชา. พระราชาทรงดาริว่าเราจักกลับไปฟัง จึงพระราชทานเรือนเป็นที่อยู่และเสบียงแก่เขาแล้วเสด็จ เข้าป่าตรัสว่า เนื้ อหนีไปทางข้างของผู้ใด ผู้นั้นจะต้องถูกปรับสินไหม. แล้วทรงเที่ยวล่าเนื้ อ. ครั้งนั้น เนื้ อฟานตัวหนึ่งได้ยินเสียงเท้าของคนเป็นอันมากจึงออกจากที่อยู่หนีไปทางพระราชา. พวกอามาตย์หัวเราะชอบใจ. พระราชาทรงตามเนื้ อนั้นไปสุดทาง ๓ โยชน์ ทรงยิงเนื้ อนั้นซึ่งหมดกาลังให้ล้ม ลง. พระราชาทรงเอาพระขรรค์ชาแหละเนื้ อที่ล้มลงนั้นออกเป็นสองส่วน แม้พระองค์ไม่ปรารถนา ก็ เพื่อปลดเปลื้องคาพูดว่า พระราชาไม่สามารถจับมฤคเอาเนื้ อไปได้ จึงทรงทาคานคอนเสด็จมา ประทับนั่ง เหนือหญ้าแพรกที่โคนต้นไทรต้นหนึ่ง ทรงพักครู่หนึ่งเตรียมจะเสด็จไป. ก็สมัยนั้น พระเชษฐาของพระราชานั้น ในวันประสูติถูกยักษิณีจับไปเพื่อจะกิน ยักษิณีนั้นถูก พวกมนุษย์อารักขาติดตามไปถึงทางทดน้า จึงวางพระกุมารไว้ที่อก พระกุมารดูดนมด้วยสาคัญว่าพระ มารดา. ยักษิณีเกิดความรักคล้ายบุตร จึงเลี้ยงดูอย่างดี พระกุมารเสวยเนื้ อมนุษย์เพราะเขาประกอบ เป็นอาหารให้เสวย ครั้นเจริญวัยขึ้นตามลาดับ ก็หายตัวได้ด้วยอานุภาพของรากยาที่ยักษิณีให้เพื่อหายตัวได้ จึงเสวยเนื้ อมนุษย์เลี้ยงชีพ. เมื่อยักษิณีตาย รากยานั้นหายด้วยความประมาทของตน จึงมีร่างปรากฏ เปลือยน่ากลัว เคี้ยว กินเนื้ อมนุษย์ เห็นราชบุรุษที่ติดตามหาพระราชา จึงหนีเข้าป่าอาศัยอยู่ที่โคนต้นไทรนั้น. ครั้นเห็นพระราชาจึงพูดว่า ท่านเป็นอาหารของเราแล้ว จึงจับที่พระหัตถ์. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
3.
3 พระยาโปริสาทนั้นได้จับพระบิดาของเรา แล้วกล่าวว่า ท่านเป็นอาหารของเรา
อย่าดิ้นรน. พระบิดาของเราทรงสดับคาของพระยาโปริสาทนั้น ทรงกลับสะดุ้งหวาดหวั่น พระองค์มีพระ เพลาแข็งกระด้าง เพราะทรงเห็นพระยาโปริสาท พระยาโปริสาทรับเอาเนื้ อแล้ว ปล่อยไป โดยบังคับให้ กลับมาอีก. ลาดับนั้น พระราชาทรงพระดาริว่า เจ้าโปริสาทนี้ คงจะไม่ปล่อยเรา เพราะเอาเนื้ อเป็นสินไถ่แน่. อนึ่ง เมื่อเรามาล่าเนื้ อได้ทาปฏิญญาไว้กับพราหมณ์นั้นว่า เรากลับมาแล้วจะให้ทรัพย์ท่าน หาก ยักษ์นั้นอนุญาต เราจะรักษาคาสัตย์ไว้กลับไปเรือนปลดเปลื้องปฏิญญานั้นแล้ว จะพึงกลับมาเป็นอาหาร ของยักษ์นี้ อีก ทรงแจ้งความนั้นแก่ยักษ์. พระยาโปริสาทฟังดังนั้นแล้วกล่าวว่า หากท่านรักษาคาสัตย์ประสงค์จะไป. ท่านไปให้ทรัพย์แก่ พราหมณ์นั้นแล้วรักษาคาสัตย์ พึงรีบกลับมาอีกแล้วปล่อยพระราชาไป. พระราชาครั้นพระยาโปริสาทปล่อยแล้วจึงตรัสว่า ท่านอย่าวิตกไปเลย เราจะมาแต่เช้าทีเดียว. แล้วทรงสังเกตเครื่องหมายทาง เสด็จเข้าไปถึงหมู่พลของพระองค์ อันหมู่พลแวดล้อมเสด็จเข้าพระนคร ตรัส เรียกนันทพราหมณ์นั้นมา ให้นั่งเหนืออาสนะอันสมควร ทรงสดับคาถาเหล่านั้นแล้วพระราชทานทรัพย์ ๔,๐๐๐ ให้พราหมณ์ขึ้นยาน มีพระดารัสว่า พวกท่านจงนาพราหมณ์นี้ ไปส่งให้ถึงเมืองตักกสิลา แล้วทรงให้ พวกมนุษย์ไปส่งพราหมณ์. ในวันที่สองมีพระประสงค์จะไปหาพระยาโปริสาท เมื่อทรงตั้งพระโอรสไว้ในราชสมบัติ จึงทรง ให้โอวาทตรัสบอกความนั้น. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า พระยาโปริสาทรับเอาเนื้ อแล้ว ปล่อยไปโดยบังคับให้กลับมาอีก พระบิดาพระราชทานทรัพย์แก่ พราหมณ์ แล้วตรัสเรียกเรามาว่า ดูก่อนลูก ลูกจงปกครองราชสมบัติ อย่าประมาท ปกครองนครนี้ พระยา โปริสาทบังคับพ่อ ให้พ่อกลับไปหาอีก. พระราชาตรัสว่า ดูก่อนลูก ลูกจงปกครองราชสมบัติอันเป็นของตระกูลนี้ เถิด พ่อครองราช สมบัติโดยธรรมโดยเสมอไว้อย่างใด แม้ลูกเขายกเศวตฉัตรให้ครองราชสมบัติก็จงเป็นอย่างนั้น. ลูกรักษา พระนครนี้ และครองราชสมบัติ อย่าได้ถึงความประมาทเลย. พ่อได้รับรองไว้กับยักษ์โปริสาทที่โคนต้นไทรใน ที่โน้นว่า พ่อจะมาหาเขาอีก. พ่อรักษาคาสัตย์จึงกลับมาที่นี้ ก็เพื่อให้ทรัพย์แก่พราหมณ์นั้นอย่างเดียว. เพราะฉะนั้น พ่อจะกลับ ณ ที่นั้น. พระมหาสัตว์ทรงสดับดังนั้นจึงทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระบิดาอย่าเสด็จไป ณ ที่นั้นเลย พระเจ้า ข้า. หม่อมฉันจักไป ณ ที่นั้นเอง. ข้าแต่พระบิดา หากพระบิดาจักเสด็จไปให้ได้. แม้หม่อมฉันก็จักไปกับพระ บิดาด้วย. พระโพธิสัตว์ทรงดาริว่า เมื่อเป็นอย่างนั้น เราจะไปทั้งสองก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เรานี่แหละจักไป ณ ที่นั้นเอง. ได้รับอนุญาตจากพระราชาผู้ทรงห้ามโดยประการต่างๆ แล้วถวายบังคมพระมารดาบิดา ทรง สละชีวิตเพื่อประโยชน์แก่พระบิดา. เมื่อพระบิดาทรงให้โอวาทและเมื่อพระมารดา พระภคินี พระชายากระทาสัจจกิริยา เพื่อความ
4.
4 สวัสดีจึงถืออาวุธออกจากพระนคร ตรัสอาลามหาชนผู้มีหน้านองด้วยน้าตาติดตามไป ทรงดาเนินไปตาม ทางที่อยู่ของยักษ์โดยนัยที่พระบิดาทรงบอกไว้. แม้บุตรยักษิณีก็คิดว่า
ขึ้นชื่อว่ากษัตริย์มีมารยามาก. ใครจะรู้ จักเป็นอย่างไร จึงขึ้นต้นไม้นั่ง คอยดูการมาของพระราชา เห็นพระกุมารเสด็จมาจึงคิดว่าบุตรจักมาแทนบิดา. ภัยไม่มีแก่เราแน่จึงลงจาก ต้นไม้ นั่งหันหลังให้พระโพธิสัตว์. พระมหาสัตว์เสด็จมาประทับยืนข้างหน้าพระยาโปริสาทนั้น. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า เราถวายบังคมพระมารดาบิดาแล้ว ตกแต่งร่างกาย สะพายธนูเหน็บพระแสงขรรค์ ออกไปหา พระยาโปริสาท. พระยาโปริสาทเห็นมีมือถืออาวุธ บางทีจักสะดุ้งกลัว แต่เพราะเมื่อเราทาความสะดุ้งกลัวแก่ พระยาโปริสาท ศีลของเราจะเศร้าหมอง เพราะเรากลัวศีลจะขาด จึงไม่นาสิ่งที่น่าเกลียด เข้าไปใกล้พระยา โปริสาทนั้น เรามีเมตตาจิต กล่าวคาเป็นประโยชน์จึงได้กล่าวคานี้ . พระมหาสัตว์ครั้นเสด็จไปประทับยืนอยู่ข้างหน้า. บุตรยักษิณีประสงค์จะทดลองพระมหาสัตว์นั้น จึงถามว่า ท่านเป็นใคร มาแต่ไหน ท่านไม่รู้จัก เราหรือว่าเราเป็นพรานกินเนื้ อมนุษย์ เหตุไรท่านจึงมาถึงที่นี่. พระกุมารตรัสว่า เราเป็นโอรสของพระเจ้าชยทิส เรารู้ว่าท่านคือโปริสาทผู้กินคน เรามาที่นี่ก็ เพื่อจะรักษาพระชนม์ของพระบิดา เพราะฉะนั้น ท่านจงเว้นพระบิดา กินเราแทนเถิด. บุตรยักษิณีกล่าวด้วยอาการฉงนอีกว่า เรารู้จักท่านว่าเป็นโอรสของพระราชาชยทิสนั้น แต่ท่าน มาอย่างนี้ ชื่อว่าท่านกระทาสิ่งที่ทาได้ยาก. พระกุมารตรัสว่า ไม่ยากเลย การสละชีวิตในเพราะประโยชน์ของบิดา. จริงอยู่ บุคคลทาบุญเห็นปานนี้ เพราะเหตุมารดาบิดา ย่อมบันเทิงในสวรรค์โดยส่วนเดียว เท่านั้น. อนึ่ง เรารู้ว่า สัตว์ไรๆ ชื่อว่าไม่มีความตายเป็นธรรมดานั้นย่อมไม่มี และเราจะไม่ระลึกถึงบาป อย่างใดอย่างหนึ่งที่ตนทาไว้. เพราะฉะนั้น เราจึงไม่กลัวต่อความตาย เราสละชีวิตนี้ ให้แก่ท่าน. แล้วตรัสว่า ท่านจงก่อไฟแล้วกินเราเถิด. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ท่านจงเอาแก่นไม้มาก่อไฟให้เป็นกองใหญ่ เราจะโดดเข้าไป. ท่านผู้เป็นพระเจ้าลุง ท่านทราบ เวลาว่าเราสุกดีแล้ว จงกินเถิด. บุตรยักษิณีได้ฟังดังนั้นคิดว่า เราไม่อาจกินเนื้ อกุมารนี้ ได้. เราจักให้กุมารนี้ หนีไปโดยอุบาย จึง กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านจงเข้าป่าหาไม้มีแก่น มาทาให้เป็นถ่านเพลิงไม่มีควัน. เราจะปิ้ งเนื้ อท่านที่ถ่านเพลิง นั้นแล้วกินเสีย. พระมหาสัตว์ได้ทาตามนั้นแล้วจึงบอกแก่โปริสาท. โปริสาทแลดูพระกุมารนั้นคิดว่า กุมารนี้ เป็นบุรุษสีหราชไม่กลัวแม้แต่ความตาย คนไม่กลัวตาย
5.
5 อย่างนี้ เราไม่เคยเห็น. เกิดขนลุกชันมองดูพระกุมาร. พระกุมารตรัสถามว่า
ท่านมองดูเราทาไมเล่า ท่านไม่ทาตามคาพูด. บุตรยักษิณีกล่าวกะพระมหาสัตว์ว่า ผู้ใดกินท่าน ศีรษะของผู้นั้นจะพึงแตก ๗ เสี่ยง. พระมหา สัตว์ตรัสว่า หากท่านไม่ประสงค์จะกินเรา ท่านก่อไฟทาไมเล่า. ยักษ์ตอบว่า เพื่อข่มท่าน. พระกุมารเมื่อจะทรงแสดงเนื้ อความนั้นว่า ท่านจักข่มเราได้อย่างไรในบัดนี้ . เราแม้เกิดใน กาเนิดเดียรัจฉานก็ยังมิให้ท้าวสักกเทวราชข่มเราได้เลยดังนี้ จึงกล่าวคาถาว่า ก็กระต่ายนั้นสาคัญว่า ท้าวสักกะนี้ เป็นพราหมณ์ จึงได้เชิญให้อยู่ ณ ที่นั้น. ข้าแต่เทวะ ด้วยเหตุ นั้นแล กระต่ายนั้นจึงเป็นจันทิมาเทพบุตร ได้ความสรรเสริญด้วยเสียงว่า สส ให้เจริญความใคร่จนทุกวันนี้ . พระมหาสัตว์ทรงแสดงเครื่องหมายกระต่ายในดวงจันทร์ อันเป็นปาฏิหาริย์ ตั้งอยู่ตลอดกัปให้ เป็นพยาน แล้วได้ตรัสถึงความที่พระองค์ แม้ท้าวสักกะก็ไม่สามารถจะข่มได้. พระยาโปริสาทได้ฟังดังนั้นเกิดจิตอัศจรรย์ไม่เคยมี จึงกล่าวคาถาว่า ดวงจันทร์พ้นจากปากราหู ย่อมรุ่งเรืองดุจแสงสว่างในวันเพ็ญฉันใด. ท่านกปิละผู้มีอานุภาพ ใหญ่ ท่านพ้นจากโปริสาทย่อมรุ่งโรจน์ฉันนั้น. พระองค์ยังพระชนกชนนีให้ปลาบปลื้ม ทั้งผู้ที่เป็นฝ่ายพระ ญาติทั้งปวงของพระองค์ก็ยินดี. แล้วก็ปล่อยพระกุมารไปด้วยทูลว่า ขอท่านผู้เป็นวีระบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จงกลับไปเถิด. แม้พระมหาสัตว์ก็ทรงทาให้โปริสาทนั้นหมดพยศได้ แล้วให้ศีล ๕. เมื่อจะทรงทดลองดูว่า โปริสาทนี้ เป็นยักษ์หรือไม่จึงสันนิษฐานเอาโดยไม่พลาด ดุจด้วยพระ สัพพัญญุตญาณโดยอนุมาน คือถือเอาตามนัยดังนี้ คือ นัยน์ตายักษ์มีสีแดงไม่กะพริบ, เงาไม่ปรากฏ, ไม่ หวาดสะดุ้ง. โปริสาทนี้ ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ยักษ์ เป็นมนุษย์นี่เอง. นัยว่า พระบิดาของเรามีพระภาดา ๓ องค์ ถูกยักษิณีจับไป. ทั้ง ๓ องค์นั้นถูกยักษิณีกินเสีย ๒ องค์. องค์หนึ่งยักษิณีเลี้ยงดูด้วยความรักเหมือนลูก. โปริสาทนี้ คงจักเป็นองค์นั้นเป็นแน่แล้วคิดว่า เราจักทูลพระบิดาของเราให้ตั้งโปริสาทไว้ในราช สมบัติ แล้วกล่าวว่า ท่านมิใช่ยักษ์เป็นพระเชษฐาของพระบิดาของเรา มาเถิดท่านจงมาไปกับเรา แล้ว ครองราชสมบัติอันเป็นของตระกูล. ดังที่พระกุมารกล่าวว่า ท่านเป็นลุงของเรา. เมื่อโปริสาทกล่าวว่า เราไม่ใช่มนุษย์. พระกุมารจึงนาไปหาดาบสผู้มีตาทิพย์ซึ่งโปริสาทเชื่อถือ. เมื่อดาบสกล่าวถึงความเป็นพ่อว่า พวกท่านทาอะไรกันทั้งพ่อทั้งลูกเที่ยวไปในป่าดังนี้ โปริสาท จึงเชื่อกล่าวว่า ไปเถิดลูก เราไม่ต้องการราชสมบัติ เราจักบวชละ แล้วบวชเป็นฤๅษีอยู่ในสานักของดาบส. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า เรามิได้รักษาชีวิตของเรา เพราะเหตุแห่งพระบิดาเป็นผู้ทรงศีล เราได้ให้พระยาโปริสาท ผู้ฆ่า
6.
6 สัตว์เป็นปกติทุกเมื่อนั้นบวชแล้ว. ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงนมัสการพระเจ้าลุงของตนซึ่งบวชแล้วไปใกล้พระนคร. พระราชา ชาวพระนคร
ชาวนิคม ชาวชนบท ได้ฟังว่าพระกุมารเสด็จกลับมาแล้ว ต่างก็ร่าเริงยินดีลุกไปตั้งรับ. พระ กุมารถวายบังคมพระราชา แล้วทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ. พระราชาได้ทรงสดับดังนั้นแล้ว ในขณะนั้นเองจึงทรงรับสั่งให้ตีกลองป่าวประกาศ เสด็จไปหา พระดาบสโปริสาทนั้นด้วยบริวารใหญ่แล้วตรัสว่า ข้าแต่เจ้าพี่ ขอเชิญเจ้าพี่มาครองราชสมบัติเถิด. พระดาบสทูลว่า อย่าเลย มหาบพิตร. พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น นิมนต์อยู่ในพระราชอุทยานของข้าพเจ้าเถิด. พระดาบสทูลว่า อาตมาไม่มา. พระราชารับสั่งให้ปลูกบ้านใกล้อาศรมนั้นแล้วจัดตั้งภิกษา. บ้านนั้นชื่อจูฬกัมมาสทัมมนิคม. พระมารดาพระบิดาในครั้งนั้น ได้เป็นมหาราชตระกูลในครั้งนี้ . พระดาบส คือพระสารีบุตร. โปริสาท คือพระองคุลิมาล. พระกนิษฐา คือนางอุบลวรรณา. พระอัครมเหสี คือมารดาพระราหุล. อลีนสัตตุกุมาร คือพระโลกนาถ. อนึ่ง พึงประกาศคุณานุภาพของพระโพธิสัตว์ไว้ในจริยานี้ มีอาทิอย่างนี้ คือ การที่พระบิดาทรงห้ามสละชีวิตของตน เพื่อรักษาชีวิตของพระบิดาจึงตัดสินพระทัยว่า จักไปหา โปริสาท. การที่วางศัสตราไปเพื่อมิให้โปริสาทนั้นหวาดสะดุ้ง. การเจรจาถ้อยคาน่ารักกับโปริสาทนั้นด้วยหวังว่า ศีลของตนจงอย่าขาดเลย. การไม่มีความสะดุ้งต่อความตาย ทั้งๆ ที่โปริสาทนั้นข่มขู่โดยนัยต่างๆ. การร่าเริงยินดีว่า เราจักทาร่างกายของเราให้มีผลในประโยชน์ของพระบิดา. การรู้ภาวะของตนที่ไม่คานึงถึงชีวิต เพื่อบริจาคในชาติเป็นกระต่าย ซึ่งแม้ท้าวสักกะก็ไม่ สามารถจะข่มได้. การไม่มีความผิดปกติแม้เมื่อถูกสมาคมปล่อย. การรู้ไม่ผิดพลาดของความเป็นมนุษย์ และความเป็นพระเจ้าลุงของโปริสาทนั้น. ความเป็นผู้ใคร่เพื่อให้โปริสาทนั้น ดารงอยู่ในราชสมบัติอันเป็นของตระกูลเพียงได้รู้จักกัน. การให้โปริสาทเกิดสลดใจในการแสดงธรรมแล้วให้ตั้งอยู่ในศีล. จบอรรถกถาชยทิสจริยาที่ ๙ -----------------------------------------------------
Download now