4. การใช้นามนับได้เอกพจน์
ต้องนาหน้าด้วย determiners อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
I want an orange. (ไม่ใช่ I want orange.)
Where is the bottle? ( ไม่ใช่ Where is bottle?)
Do you want this book?
การใช้นามนับได้พหูพจน์
อาจจะนาหน้าด้วย articles หรือไม่ก็ได้ เช่น
I like to feed the birds. ( เฉพาะเจาะจง ต้องมี articles )
Cats are interesting pets. ( ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่ต้องมี article )
I want those books on the table. ( those เป็น determiners )
6. - มีรูปเอกพจน์และเมื่อกล่าวถึงเป็นการทั่วๆไป หรือ ไม่ได้กล่าวถึงมาก่อน
ไม่ต้องนาด้วย articles เช่น
I have bread and butter for breakfast every morning.
( ฉันกินขนมปังและเนยเป็นอาหารเช้าทุกวัน )
We cannot live without air and water.
( เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากอากาศและน้า )
Information is often valuable.
( ข้อมูลข่าวสารมักจะมีคุณค่า )
Sunlight and water are usually required for plants to grow.
( แสงแดดและน้าเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับการเจริญเติบโตของพืช )
7. Uncountable nouns ที่ทาหน้าที่ประธานของประโยค จะต้องใช้
verb ด้วยหลักการเดียวกับคานามเอกพจน์ เช่น Butter is fattening. ( เนยทาให้อ้วน )
ปกติจะมีรูปเป็นเอกพจน์ แต่ทาให้เป็นพหูพจน์ได้โดยบอกจานวนตามภาชนะที่บรรจุ
กลุ่ม น้าหนัก และลักษณะนาม เช่น two cups of water, three pieces of information,
five patches of sunlight, three games of hockey, two lumps of sugar
Example
I need two lumps of sugar for my coffee.
(ฉันกินกาแฟต้องใส่น้าตาล 2 ก้อน)
Two glasses of milk are enough. (ใช้ are เนื่องจาก glasses เป็นพหูพจน์ )
(นมสองแก้วก็เพียงพอแล้ว)
9. ลักษณะพิเศษของนาม
คานามมีลักษณะพิเศษอยู่ 2 ประการคือ การเปลี่ยนนามนับได้จากรูป
เอกพจน์เป็นพหูพจน์ และการสร้างนามให้อยู่ในรูปแสดงเจ้าของ ดังนี้
1. นามนับได้เอกพจน์-พหูพจน์ การเปลี่ยนนามนับได้จากรูปเอกพจน์เป็นพหูพจน์
มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.1 เติม s ท้ายนามเอกพจน์
เช่น book - books, pen - pens, car - cars
1.2 เติม es ท้ายนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch, และ sh
เช่น bus-buses, watch-watches, box-boxes
carrot carrots
10. 1.3 นามเอกพจน์ลงท้ายด้วย y การเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ขึ้นอยู่กับ
กฎเกณฑ์ 2 ประการคือ
1.3.1 หน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i และเติม es
เช่น company-companies, city-cities, lady-ladies
1.3.2 หน้า y เป็นสระ a, e, i, o, u คง y ไว้แล้วเติม s
เช่น day-days, key-keys, way-ways
1.4 นามเอกพจน์ลงท้ายด้วย o การเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ 2 ประการคือ
1.4.1 หน้า o เป็นพยัญชนะเติม es
เช่น potato-potatoes, mango-mangoes,
1.4.2 หน้า o เป็นสระ เติม s
เช่น radio-radios, studio-studios, zoo-zoos, cuckoo-cuckoos,
bamboo-bamboos, kangaroo-kangaroos
11. 1.5 เปลี่ยนนามเอกพจน์ลงท้ายด้วย f หรือ fe เป็น v แล้วเติม es
เช่น half-halves, wife-wives, life-lives, calf-calves
**ยกเว้น** นามบางคาเติม s โดยไม่มีการเปลี่ยน f หรือ fe แต่อย่างใด
เช่น safe-safes, proof-proofs, chief-chiefs, brief-briefs
1.6 นามเอกพจน์บางคาเวลาเป็นพหูพจน์เปลี่ยนรูปต้องจา
เช่น goose-geese, tooth-teeth, foot-feet, man-men, woman-women,
child-children, mouse-mice, ox-oxen
1.7 นามบางคามีรูปเหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
เช่น deer-deer, sheep-sheep, species-species, series-series, trout-trout,
means-means
13. 2. นามแสดงเจ้าของ การสร้างคานามให้อยู่ในรูปของการแสดงความเป็น
เจ้าของมีหลักเกณฑ์คือ
2.1 นามเอกพจน์
สามารถทาให้เป็นรูปแสดงการเป็นเจ้าของด้วยการเติม s ท้ายนาม Sunee's car,
ous nations's flag, Nipon's books.
2.2 นามพหูพจน์
นามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s หรือ es ทาเป็นรูปแสดงเจ้าของโดยการเติม ' ท้าย
นาม เช่น ladies' coats, girls' bicycles, soldiers' guns แต่หากนามพหูพจน์มิได้ลงท้ายด้วย
s หรือ es ให้เติม 's เมื่อแสดงเจ้าของ เช่น children's parents, women's dresses, men's jeans
2.3 นามผสม
ให้เติม 's ท้ายคานามนั้น เช่น son-in-law's, books, daughter-in-law's house
14. แบบทดสอบหลังเรียน
1) Do you like........cake?
.a . an . -
2) I haven't got ........watch.
.a . an . the
3) Do you want........cup of coffee?
.a . an . the
4) Don't go out without ........umbrella.
.a . an . the
5) Jamaica is ........ island.
.a . an . the