แผนการจัดการเรียนรู้
รหัส-ชื่อรายวิชา ว30131 เคมีพื้นฐาน                         ชั้น ม.4               ภาคเรียนที่ 1                ปีการศึกษา 2555
แผนการเรียนรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง                                   เวลา              3              คาบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด (หลักสูตรโรงเรียนวิทยาศาสตร์และหลักสูตรแกนกลาง 2551)
          มาตรฐานที่ 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
          ตัวชี้วัด
          1.1 สืบค้นข้อมูลและอธิบายโครงสร้างอะตอม และสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ
          1.2 วิเคราะห์และอธิบายการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ความสัมพันธ์ระหว่างอิเล็กตรอนในระดับพลังงาน
นอกสุดกับสมบัติของธาตุและการเกิดปฏิกิริยา
          มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อมมีความ
เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
          ตัวชี้วัด
          ว 8.1 ม.4-6/1 ตั้งคาถามที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ หรือความสนใจ หรือ
จากประเด็นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ที่สามารถ ทาการสารวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้
          ว 8.1 ม.4-6/2 สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับ หรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ หรือสร้างแบบจาลองหรือสร้าง
รูปแบบ เพื่อนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ
          ว 8.1 ม.4-6/3 ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลที่ต้องพิจารณาปัจจัยหรือ ตัวแปรสาคัญ ปัจจัยที่มีผลต่อปัจจัยอื่น
ปัจจัยที่ ควบคุมไม่ได้ และจานวนครั้งของการสารวจ ตรวจสอบเพื่อให้ได้ผลที่มีความเชื่อมั่นอย่างเพียงพอ
          ว 8.1 ม.4-6/4 เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณ์ที่ใช้ในการสังเกต การวัด การสารวจตรวจสอบอย่างถูกต้องทั้ง
ทางกว้างและลึก ในเชิงปริมาณและคุณภาพ
          ว 8.1 ม.4-6/5 รวบรวมข้อมูลและบันทึกผลการสารวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบถูกต้อง ครอบคลุมทั้งใน
เชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเป็นไปได้ ความเหมาะสมหรือความผิดพลาดของข้อมูล
          ว 8.1 ม.4-6/6 จัดกระทาข้อมูล โดยคานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกต้องและนาเสนอ
ข้อมูลด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสม
          ว 8.1 ม.4-6/7 วิเคราะห์ข้อมูล แปลความหมายข้อมูลและประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปหรือ
สาระสาคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
          ว 8.1 ม.4-6/8 พิจารณาความน่าเชื่อถือของวิธีการ และผลการสารวจตรวจสอบ โดยใช้หลักความ
คลาดเคลื่อนของการวัดและการสังเกต เสนอแนะการปรับปรุงวิธีการสารวจตรวจสอบ
          ว 8.1 ม.4-6/9 นาผลของการสารวจตรวจสอบที่ได้ ทั้งวิธีการและองค์ความรู้ที่ได้ไปสร้างคาถามใหม่
นาไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่และในชีวิตจริง
          ว 8.1 ม.4-6/10 ตระหนักถึงความสาคัญในการที่จะต้องมี ส่วนร่วมรับผิดชอบการอธิบาย การลงความเห็น
และการสรุปผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่นาเสนอต่อสาธารณชนด้วยความถูกต้อง
          ว 8.1 ม.4-6/11 บันทึกและอธิบายผลการสารวจตรวจสอบอย่างมีเหตุผล ใช้พยานหลักฐานอ้างอิงหรือ
ค้นคว้าเพื่อเติม เพื่อหาหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ และยอมรับว่าความรู้เดิมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อมีข้อมูลและ
ประจักษ์พยานใหม่เพิ่มเติมหรือโต้แย้งจากเดิม ซึ่งท้าทายให้มีการตรวจสอบ อย่างระมัดระวัง อันจะนามาสู่ การ
ยอมรับเป็นความรู้ใหม่
       ว 8.1 ม.4-6/12 จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผลของ
โครงงานหรือชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจ

2. สาระสาคัญ
       คลื่น คือ ลักษณะของการถูกรบกวน ที่มีการแผ่กระจาย เคลื่อนที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกว่ง หรือ
กระเพื่อม และมักจะมีการส่งถ่ายพลังงานไปด้วย คลื่นเชิงกลซึ่งเกิดขึ้นในตัวกลาง (ซึ่งเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรูป จะมี
ความแรงยืดหยุ่นในการดีดตัวกลับ) จะเดินทางและส่งผ่านพลังงานจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในตัวกลาง โดยไม่ทาให้
เกิดการเคลื่อนตาแหน่งอย่างถาวรของอนุภาคตัวกลาง แต่จะมี การเคลื่อนที่แกว่งกวัด (oscillation) ไปกลับของ
อนุภาค ลักษณะของคลื่นนั้น จะระบุจาก สันคลื่น หรือ ยอดคลื่น (ส่วนที่มีค่าสูงขึ้น) และ ท้องคลื่น (ส่วนที่มีค่าต่าลง)
ในลักษณะ ตั้งฉากกับทิศทางเดินคลื่น เรียก "คลื่นตามขวาง" (transverse wave) หรือ ขนานกับทิศทางเดินคลื่น
เรียก "คลื่นตามยาว" (longitudinal wave)
       สเปกตรัม หมายถึง อนุกรมของแถบสีหรือ หรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปในสเปกโตรสโคป ทา
ให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบหรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ เรียงลาดับกันไป แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
         ก. สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง (Continuous spectrum)
         ข. สเปกตรัมไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous spectrum) สเปกตรัมที่ไม่ต่อเนื่องจะมีบทบาทที่สาคัญใน
การศึกษาโครงสร้างอะตอม เนื่องจากอะตอมของธาตุต่าง ๆ จะมีเส้นสเปกตรัมเฉพาะตัวคล้ายกับลายนิ้วมือของคน
แต่ละคนที่ไม่เหมือนกันสาหรับสเปกตรัมของธาตุ

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
       3.1 ความรู้
       1. บอกความหมายของความยาวคลื่น ความถี่คลื่น สเปกตรัม แสงที่มองเห็นได้และแสงขาวได้
       2. บอกความสัมพันธ์ระหว่างความยาวคลื่น ความถี่และพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งคานวณ
หาความยาวคลื่น ความถี่และพลังงานของคลื่นได้
       3. อธิบายการเกิดและลักษณะของแถบสเปกตรัมของแสงขาวได้
       4. เปรียบเทียบค่าพลังงานของสเปกตรัมที่ปรากฏในช่วงคลื่นของแสงที่มองเห็นได้
       3.2 ทักษะกระบวนการ
       ทาการทดลองศึกษาเส้นสเปกตรัมของธาตุต่างๆ เพื่ออธิบายการเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอนได้
       3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์
       1. เข้าเรียน ปฏิบัติกิจกรรม และส่งงานตรงเวลา
       2. ร่วมมือในการเรียน แสวงหาความรู้ ตอบคาถาม ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และแสดงความคิดเห็น
   อย่างมีเหตุผล
       3. บันทึกข้อมูลจากการปฏิบัติกิจกรรม
       4. รักษาความสะอาดผลงาน ห้องเรียนและสถานที่ปฏิบัติกิจกรรม

4. สาระการเรียนรู้
       นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามศึกษาลักษณะของการจัดเรียงอิเล็กตรอนรอบ ๆ อะตอม โดยแบ่งการศึกษา
ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการศึกษาเกี่ยวกับสเปกตรัมของอะตอมซึ่งจะทาให้ทราบว่าภายในอะตอมมีการจัด
ระดับพลังงานเป็นชั้น ๆ ในแต่ละชั้นจะมีอิเล็กตรอนบรรจุอยู่ ส่วนที่สองเป็ นการศึกษาเกี่ยวกับพลังงานไอออนไนเซ
ชัน เพื่อจะดูว่าในแต่ละระดับพลังงานจะมีอิเล็กตรอนบรรจุอยู่ได้กี่ตัว
           สเปกตรัม หมายถึง อนุกรมของแถบสีหรือ หรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปในสเปกโตรสโคป
ทาให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบหรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ เรียงลาดับกันไป แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
           ก. สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง (Continuous spectrum) เป็นสเปกตรัมที่ประกอบด้วยแถบสีที่มีความถี่
ต่อเนื่องกันไปอย่างกลมกลืนกัน เช่น สเปกตรัมของแสงอาทิตย์
           ข. สเปกตรัมไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous spectrum) หรือเรียกเส้นสเปกตรัม ลักษณะของสเปกตรัม
จะเป็นเส้นหรือแถบสีเล็ก ๆ ที่ไม่เกิดต่อเนื่องกันไป แต่มีการเว้นช่วงของความถี่ที่เส้นสเปกตรัมเกิด เช่น สเปกตรัม
ธาตุไฮโดรเจน ธาตุฮีเลียม เป็นต้น
           ความยาวคลื่น (Wavelength) ใช้สัญลักษณ์เป็น  (อ่านว่า แลมบ์ดา) เป็นสมบัติที่สาคัญของคลื่น
                                                             หมายถึง ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบพอดี (คือ
                                                             ระยะทางจากจุด ก. ถึงจุด ข. ในรูป หรือระยะทางจาก
                                                             จุดประปลายหนึ่งไปยังอีกปลายหนึ่ง ) ความยาวคลื่นมี
                                                             หน่วยเป็นเมตร ( m ) หรือหน่วยย่อยของเมตร เช่น นา
                                                             โนเมตร (nm) โดย 1 nm = 10-9 เมตร
                                                             ความถี่ของคลื่น ใช้สัญลักษณ์เป็น        (อ่านว่า นิว )
                                                             หมายถึง จานวนรอบของคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านจุดใดจุดหนึ่ง
ในเวลา 1 วินาที ความถี่ของคลื่นจึงมีหน่วยเป็นจานวนรอบต่อวินาที ( S-1 หรือ cycle/s) หน่วยนี้มีชื่อเรียกอีก
อย่างหนึ่งว่าเฮิร์ตซ์ ( Hertz) หรือใช้สัญลักษณ์เป็น Hz
           คลื่นที่จะศึกษากันในที่นี้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นระหว่าง 380-750 nm ซึ่งเป็นช่วงคลื่น
ที่ มี ค วามยาวและความถี่ ที่ ป ระสาทตาของคนจะรั บ ได้ เรี ย กคลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า ช่ ว งดั ง กล่ า วนี้ ว่ า
“แสงขาว (Visibel light)”
           เมื่อให้แสงขาวส่องผ่านปริซึม แสงขาวจะแยกออกเป็นแถบสีต่าง ๆ ต่อเนื่องกัน 7 สี เหมือนสีรุ้ง คือ สี
ม่วง คราม น้าเงิน เขียว เหลือง ส้ม และแดง นักวิทยาศาสตร์เรียกแถบสีต่อเนื่องกันทั้ง 7 สีนี้ว่า “ สเปกตรัม
ของแสงสีขาว ” การที่แสงขาวสามารถแยกออกเป็นสเปกตรัมสีต่าง ๆ กันก็เนื่องจากแสงขาวประกอบด้วยสีต่าง ๆ
ทั้ง 7 สี ซึ่งมีความยาวคลื่นต่าง ๆ จะทาให้เกิดการหักเหตามขนาดของมุมต่าง ๆ แสงที่มีความยาวคลื่นไม่เท่ากันจะ
เกิดการหักเหในปริซึมได้ไม่เท่ากัน ซึ่งทาให้เกิดการแยกออกเป็นแถบแสงสีต่าง ๆ และต่อเนื่องกันเป็นแถบสเปกตรัม
           สาหรับคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าในช่ว งอื่น ๆ ก็มีการหักเหเมื่อผ่านปริซึมหรือผ่านตัวกลางเช่นเดียวกัน แต่ไม่
สามารถมองเห็ น ได้เหมือนแสงขาว การศึกษาสเปกตรัมของคลื่ นแม่เหล็ กไฟฟ้าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งต่อมามักซ์ พลังค์ (Max Planck) นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน ได้พบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หรือแสงเป็นพลังงานรูปหนึ่งและพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีส่วนสัมพันธ์กับความถี่และความยาวของคลื่นโดย
สรุปเป็นกฎว่า “ พลังงานของคลื่นแม่เหล็กแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความถี่ของคลื่นนั้น ”
           เขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้
                                  E               
E         =       h


                เมื่อ   E = พลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (หน่วยเป็น จูล )
                        h = ค่าคงที่ของพลังค์ ( Plank , constant) = 6.625 x 10-34 Js
                          = ความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Hz หรือ s-1)
                 ในการศึกษาเกี่ยวกับคลื่นโดยทั่ว ๆ ไปมักจะวัด เป็นความคลื่น ซึ่งความยาวคลื่นมีส่วนสัมพันธ์กับ
ความถี่ของคลื่นดังนี้
                                  C         =     
                                                    c
                                               =
                                                   
              เมื่อ c คือความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสุญญากาศ หรือความเร็วแสงในสุญญากาศ
           c = 2.99 x 108 ms-1 หรือ โดยประมาณ c = 3.0 x 108 ms-1
      จากความสัมพันธ์ของความยาวคลื่นของความยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทาให้สามารถเขียนกฎของพลังค์ เพื่อ
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับความยาว และความถี่ของคลื่น ได้ดังนี้
                                                  c
                    E        =        h        =   h
                                                 
ตัวอย่างเพิ่มเติมที่ 1 เส้นสเปกตรัมของไฮโดรเจน 2 เส้น คือเส้นสีม่วงมีความยาวคลื่น 410 nm และเส้นสีน้า
เงินมีความยาวคลื่น 434 nm จะมีพลังงานต่างกันเท่าใด ?
                                                      c
วิธีทา       จากสูตร       E       = h = h
                                                      
                                              8
                         c         = 3.0 x 10 m/s
                          h        = 6.625 x 10-34 Js
         สาหรับเส้นสีม่วง ;       = 410 nm         = 4.10 x 10-7 m
                                                                  3.0x108
                        E             =    6.625 x 10-34 Js x           7
                                                                              =   4.85 x 10-19 J
                                                                 4.10x10
        สาหรับเส้นสีม่วง ;           = 434 nm             =    4.34 x 10-7 m
                                                                  3.0x108
                        E             =    6.625 x 10-34 Js x
                                                                 4.34x10 7
                                                     -19
                                      = 4.58 x 10 J
        มีพลังงานต่างกันเท่ากับ        4.85 x 10-19 J - 4.58 x 10-19 J = 2.7 x 10-20 J

ตัวอย่างเพิ่มเติมที่ 2 ธาตุชนิดหนึ่งเมื่อน าไปเผาไฟ จะเกิดเส้นสเปกตรัมหลายเส้น จากการทดลองพบว่าเส้ น
สเปกตรัมเส้นหนึ่งมีพลังงาน 4.0 x 10-19 J สเปกตรัมเส้นดังกล่าวจะมีความยาวและความถี่คลื่นเป็นเท่าใด และ
มีสีอะไร
c
วิธีทา                E     =       h
                                 
                      E    = 4.0 x 10-19 J
                      h    = 6.625 x 10-34 Js
                      c = 2.998 x 108 m/s
                                                              2.998x108
              จะได้ 4.0 x 10-19 J = 6.625 x 10-34 Js x
                                                                  
                                       =   497 x 10-9 m=       497 nm
                                             c
                      จาก              =
                                             
                                       =    2.998x108
                                             497 x10 9
                                          =     6.04 x 1014 Hz
          สเปกตรัมเส้นนี้มีความยาวคลื่น 497 นาโนเมตร ความถี่ 6.04 x 1014 Hz และตรงกับสีเขียว (ช่วงสี
เขียวอยู่ระหว่างความยาวคลื่น 490 - 580 นาโนเมตร)

5. หลักฐาน หรือร่องรอยของการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล
        5.1 ความรู้
      ภาระงาน/
                             วิธีการวัด        เครื่องมือ     เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน     ผู้ประเมิน
        ชิ้นงาน
   แผนผังความคิด วัดเมื่อจบบทเรียน         - Concept map ระดับ 4 ดีเยี่ยม 4 คะแนน        ครู
   (Graphic         ตามตัวชี้วัดต่อไปนี้   - แบบประเมิน = ทาได้ถูกต้องทุกตัวชี้วัด
   Organize)        1. การกาหนดและ         แผนผังความคิด ระดับ 3 ดี 3 คะแนน
                    เชื่อมโยงแนวความคิด                   = ทาได้ถูกต้องจานวนมาก
                    หลัก แนวความคิดรอง                    ระดับ 2 พอใช้ 2 คะแนน
                    แนวความคิดย่อย                         = ทาได้ถูกต้องจานวนน้อย
                    2. การเชื่อมโยงความรู้                ระดับ 1 ต้องปรับปรุง
                    3. การเชื่อมโยง                       1 คะแนน
                    ประเด็นต่างๆอย่าง                     = ทาได้ถูกต้องน้อยมาก
                    สมเหตุสมผล มี                         หรือไม่ถูกต้องเลย
                    คาเชื่อมถูกต้อง
                    ชัดเจน
   ตอบคาถาม         ตรวจคาตอบของ           - Exit ticket  ระดับ 4 ดีเยี่ยม 4 คะแนน       ครู
   สะท้อนความคิด คาถามสะท้อน               - แบบประเมิน = ทาได้ถูกต้องทุกตัวชี้วัด เพื่อนนักเรียน
   (Exit ticket)    ความคิด ตามตัวชี้วัด การตอบคาถาม ระดับ 3 ดี 3 คะแนน
                    ต่อไปนี้               สะท้อนความคิด = ทาได้ถูกต้องจานวนมาก
                    1. ความถูกต้อง                        ระดับ 2 พอใช้ 2 คะแนน
                    ครอบคลุมสิ่งที่ได้                     = ทาได้ถูกต้องจานวนน้อย
                    เรียนรู้                              ระดับ 1 ต้องปรับปรุง
                    2. ความสมเหตุสมผล                     1 คะแนน
ชัดเจน ของคาตอบ                        = ทาได้ถูกต้องน้อยมาก
                3. การตั้งคาถามที่                     หรือไม่ถูกต้องเลย
                อยากรู้




     5.2 ทักษะกระบวนการ
   ภาระงาน/
                       วิธีการวัด         เครื่องมือ       เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน       ผู้ประเมิน
     ชิ้นงาน
ใบกิจกรรมการ สังเกตพฤติกรรมการ         - แบบประเมิน    - ต้องได้ไม่ต่ากว่าระดับ         ครู
ทดลอง            - การวางแผนการ        ทักษะในการ      คุณภาพ 3 คือ ดี จากระดับ
                 ทดลอง                 ปฏิบัติการ      คุณภาพ 4 คือ ดีมาก
                 -การออกแบบตาราง       ทดลอง
                 บันทึกผลการทดลอง
                 -การปฏิบัติการทดลอง
                 -การสังเกตและบันทึก
                 ผลการทดลอง
                 -การจัดกระทากับ
                 ข้อมูล การวิเคราะห์
                 อภิปรายและสรุปผล
                 การทดลอง
                 -การนาเสนอข้อสรุป

     5.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์
 คุณลักษณะ         ภาระงาน/
                                                                   เกณฑ์ที่ใช้
    อันพึง          ชิ้นงาน/       วิธีการวัด     เครื่องมือ                        ผู้ประเมิน
                                                                    ประเมิน
   ประสงค์         พฤติกรรม
 ตรงต่อเวลา เข้าเรียน         - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน       ต้องได้ไม่ต่ากว่า      ครู
               ปฏิบัติกิจกรรม การเข้าเรียน การ คุณลักษณะ        ระดับคุณภาพ
               ส่งงานตรงเวลา ปฏิบัติกิจกรรม    อันพึงประสงค์    3 คือ ดี
                              และการส่งงานของ                   จากระดับ
                              นักเรียน                          คุณภาพ 4 คือ
                                                                ดีมาก
คุณลักษณะ         ภาระงาน/
                                                                          เกณฑ์ที่ใช้
       อันพึง          ชิ้นงาน/          วิธีการวัด         เครื่องมือ                   ผู้ประเมิน
                                                                           ประเมิน
      ประสงค์         พฤติกรรม
      ใฝ่เรียนรู้ ร่วมมือในการ       - สังเกตพฤติกรรม     แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า      ครู
                  เรียน แสวงหา       ความร่วมมือใน        คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ
                  ความรู้ ตอบ        การเรียน การ         อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี
                  คาถาม ยอมรับ       แสวงหาความรู้                      จากระดับ
                  ความคิดเห็นผู้อื่น การตอบคาถาม                        คุณภาพ 4
                  และแสดงความ        การยอมรับความ                      คือ ดีมาก
                  คิดเห็นอย่างมี     คิดเห็นผู้อื่น และ
                  เหตุผล             การแสดงความ
                                     คิดเห็นอย่างมี
                                     เหตุผล
      ซื่อสัตย์    บันทึกข้อมูลจาก - สังเกตพฤติกรรม       แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู
                   การปฏิบัติ        การบันทึกข้อมูล      คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ
                   กิจกรรม ทา        จากการปฏิบัติ        อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี
                   แบบฝึกหัด ทา กิจกรรม การทา                           จากระดับ
                   แบบทดสอบ          แบบฝึกหัดและการ                    คุณภาพ 4 คือ
                   ด้วยความซื่อสัตย์ ทาแบบทดสอบ                         ดีมาก
     รักสะอาด      รักษาความ         - สังเกตพฤติกรรม     แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู
                   สะอาดผลงาน        การรักษาความ         คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ เพื่อนนักเรียน
                   ห้องเรียนและ      สะอาดผลงาน การ       อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี
                   สถานที่ปฏิบัติ    ทาความสะอาด                        จากระดับ
                   กิจกรรม           ห้องเรียน และ                      คุณภาพ 4 คือ
                                     สถานที่ปฏิบัติ                     ดีมาก
                                     กิจกรรม

6. คาถามสาคัญ
      1. สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หมายถึงอะไร และยกตัวอย่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
      2. ปรากฏการณ์ที่แสงขาวเดินทางผ่านตัวกลาง แล้วเกิดการหักเหแสงแล้วเกิดเป็นแถบสีรุ้งได้แก่แสงสีอะไร
      3. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างแสงสีสเปกตรัม ความยาวคลื่นและพลังงานของคลื่นได้



7. การจัดกระบวนการเรียนรู้
      ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครูสร้างความสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน โดยการให้ชมคลิปวีดีทัศน์เกี่ยวกับ the electromagnetic
    spectrum จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อทบทวนความรู้ เรื่อง โครงสร้างอะตอมตามแบบจาลองของ
    รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งเป็นแบบจาลองที่ยังไม่มีรายละเอียดว่า อิเล็กตรอนรอบๆ นิวเคลียสอยู่กันอย่างไร จึงแสดงให้
    เห็นถึงความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ในการหาข้อมูลมาสร้างแบบจาลองอะตอมโดยการศึกษาจากสเปกตรัม
    ของธาตุในสารประกอบและธาตุอิสระ (ทบทวน เชื่อมโยง ตรวจสอบความรู้เดิม และเปิดโอกาสให้ซักถามเพิ่มเติม
    เพื่อกระตุ้นความสนใจ) หลังจากนั้นให้นักเรียนเขียนในสิ่งที่รู้ และสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับคลื่น สมบัติของคลื่นและ
    สเปกตรัมของแสง ลงในกระดาษที่แจกให้ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการ
    สอน (KWL)

          ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration)
               1. จัดกลุ่มนักเรียน 3 คน ที่ประกอบด้วยนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูง ปานกลาง และอ่อน
               2. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง
               3. ครูสอนโดยใช้สื่อ Power Point (PPT) เรื่องคลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง
               4. ครูให้นักเรียนในกลุ่มช่วยกันระดมสมอง (Brainstorming) และร่วมกันอภิปรายสรุปความสัมพันธ์
     ระหว่างความถี่ของคลื่นกับความยาวคลื่น ความยาวคลื่นกับพลังงานของคลื่น ซึ่งควรสรุปได้ดังนี้
                              - แสงที่เป็นคลื่นสั้นจะมีความถี่สูงกว่าแสงที่เป็นคลื่นยาว
                              - แสงที่เป็นคลื่นสั้นจะมีพลังงานสูงกว่าแสงที่เป็นคลื่นยาว
               5. จากการอภิปรายและให้ความรู้ ครูยกตัวอย่างโดยใช้สมการกฎของพลังค์ คานวณหาปริมาณที่
     เกี่ยวข้อง 3 ตัวอย่างและศึกษาเพิ่มเติมในใบความรู้ ดังนี้
ตัวอย่างที่ 1 จงคานวณความถี่ของคลื่นและพลังงานของแสงสีเหลืองที่มีความยาวคลื่นเท่ากับ 5.8 x 10-7 m
วิธีทา          จากสูตร         E         = h = h c
                                                              
                                                8
                         c        = 3.0 x 10 m/s
                                 = 5.8 x 10-7 m
                          h       = 6.625 x 10-34 Js
                                                                                  3.0x108
                          E       = 6.625 x 10-34  = 6.625 x 10-34 x
                                                                                 4.8x10 7
                                = 3.4 x 10-19 J
                          = 5.2 x 1014 s-1
        แสงสีเหลืองมีความถี่ 5.2 x 1014 s-1 และมีพลังงาน 3.4 x 10-19 J


ตัวอย่างที่ 2 พลังงานไอออนไนเซชัน Li2+ มีค่า 1.961 x 10-17 จูล จะมีความยาวช่วงคลื่นกี่ nm
(กาหนด h = 6.625 x 10-34 Js และ c = 2.998 x 108 m/s)
                                     c
วิธีทา จากสูตร           E = h
                                     
                        E    = 1.96 x 10-17 J               c = 2.998 x 108 m/s
                        h    = 6.625 x 10-34 Js
2.998x108
       แทนค่า     1.96 x 10-17 J = 6.625 x 10-34 Js           x
                                                                      
                                  = 1.013 x 10-8 m =             10.13 x 10-9 m =            10.13 nm

ตัวอย่างที่ 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ 8.5 x 104 Hz จะมีพลังงานและความยาวคลื่นเท่าใด
                                          c
วิธีทา จากสูตร              E = h                =      h
                                          
                           h     = 6.625 x 10-34 Js              c    = 2.998 x 108 m/s
                            = 8.5 x 104 Hz
                                                         2.998x108
                       E     =     6.625 x 10-34 Js x
                                                             
                             =6.625 x 10-34 x 8.5 x 104 Hz=            5.63 x 10    -29
                                                                                          J
                                 c
                        =
                                
                                           8
                8.5 x 104 Hz = 2.998x10
                                          
                             = 3.53 x 103 m
      คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีพลังงาน 5.63 x 10 -29 J และมีความยาวคลื่น 3.53 x 103 m
      6. ครูแจกใบกิจกรรมการทดลองโดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาการทดลอง เรื่อง การศึกษาสีของเปลวไฟจาก
   สารประกอบและเส้ นสเปกตรัมของธาตุบางชนิด โดยศึกษาจากใบความรู้และใบกิจกรรมพร้อมทั้งให้สมาชิก
   กาหนดหน้าที่กันเองในกุล่ม เช่น
                คนที่ 1 อ่านขั้นตอนการทดลองและบอกวิธีการทดลองตามลาดับ
                คนที่ 2 ดาเนินการทดลอง จัดเตรียมอุปกรณ์ รับอุปกรณ์ สารเคมี สาหรับการทดลอง
                คนที่ 3 บันทึกข้อมูล ผลการทดลอง

         อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
         1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ อภิปรายผลการทดลอง ตามแนวคาถาม
                  - เมื่อเผาสารประกอบของโลหะชนิดเดียวกัน จะให้เปลวไฟสีเดียวกันหรือไม่ และสีของเปลวไฟที่
         ปรากฏนั้นเป็นสีที่เกิดจากองค์ประกอบใดในสารประกอบ
                  - สเปกตรัมที่เห็นจากการใช้แผ่นเกรตติงส่องดูแสงอาทิตย์กับแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
         เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด
                  - เส้นสเปกตรัมของแก๊สไฮโดรเจน แก๊สนีออน และไอปรอท แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
         2. ครูให้ความรู้ถึงการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจนแล้วนาไปสร้างแบบจาลอง
   อะตอมตามรายละเอียดในใบความรู้ และเน้นว่าสีของเส้นสเปกตรัมจะบ่งบอกถึงค่าพลังงานของเส้นสเปกตรัมนั้น
   ด้วย เพราะเส้นสเปกตรัมเกิดจากการคายพลังงานของอิเล็กตรอนเมื่อมีการเปลี่ยนระดับพลังงาน ซึ่งไม่จาเป็นต้อง
   เปลี่ยนทีละระดับแต่สามารถเปลี่ยนทีละหลายระดับ ค่าพลังงานของสเปกตรัมที่ปรากฏก็จะสูงตามไปด้วย


       ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูนาอภิปรายและเฉลยคาตอบจากประเด็นแนวคาถามจากการทดลอง
       2. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การแปลความหมายของเส้นสเปกตรัมของธาตุไฮโดรเจนมาเป็นระดับพลังงานตาม
  รูปในใบความรู้นั้น เป็นการแปลความหมายของเส้นสเปกตรัมในช่วงคลื่นที่มองเห็นได้
       3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง เป็นแบบ
  แผนผังความคิด (Concept map)

      ขั้นประเมิน (Evaluation)
      นักเรียนเขียนสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกการเรียนรู้ (Learning logs) และ
  ประเมินผลสะท้อนการเรียนรู้ลงใน 3-2-1 Ticket (Exit Ticket)

8. สื่อ วัสดุ อุปกรณ์/ แหล่งเรียนรู้
               1. สื่อดิจิทัล เรื่อง the electromagnetic spectrum
               2. ใบความรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง
               3. Power Point (PPT) เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง
               4. ใบกิจกรรมการทดลอง เรื่อง การศึกษาสีของเปลวไฟจากสารประกอบและเส้นสเปกตรัมของธาตุ
      บางชนิด
               5. แบบประเมินแผนผังความคิด
               6. แบบประเมินการตอบคาถามสะท้อนความคิด
              7. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
บันทึกหลังสอน
รหัส-ชื่อรายวิชา ว30131 เคมีพื้นฐาน                ชั้น ม.4         กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แผนการเรียนรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย

           ประเด็นการบันทึก                                                 ผลการใช้แผนการสอน
1. เนื้อหาที่สอน                     ....................................................................................................................
(สอนได้สมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่)        ....................................................................................................................
2. เวลา                              ....................................................................................................................
(เหมาะสมหรือไม่)                     ....................................................................................................................
3. กิจกรรมที่ใช้สอน                  ....................................................................................................................
(ตามแผนหรือไม่)                      ....................................................................................................................
4. ปัญหาและอุปสรรค                   ....................................................................................................................
                                     ....................................................................................................................

ผลการเรียนของนักเรียน
            ชั้น                           เข้าเรียน (คน)                                                       ขาด (คน)
           ม.4/1
           ม.4/2
           ม.4/3
           ม.4/4
           ม.4/5
           ม.4/6
   ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน        ผ่าน                                                    ไม่ผ่าน
                                เกณฑ์…………………………………….                                    เกณฑ์…………………………………..

การมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบ ………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
บรรยากาศในการเรียน………………………………………………………….………………………………………………………………………
………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาและอุปสรรค……………………………………………………….………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………

                                                                               ลงชื่อ
                                                                                                  (นางธิดารัตน์ แสงฮวด)

03 คลื่นและสมบัติของคลื่นสเปกตรัมของธาตุ

  • 1.
    แผนการจัดการเรียนรู้ รหัส-ชื่อรายวิชา ว30131 เคมีพื้นฐาน ชั้น ม.4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 แผนการเรียนรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง เวลา 3 คาบ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด (หลักสูตรโรงเรียนวิทยาศาสตร์และหลักสูตรแกนกลาง 2551) มาตรฐานที่ 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด 1.1 สืบค้นข้อมูลและอธิบายโครงสร้างอะตอม และสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ 1.2 วิเคราะห์และอธิบายการจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ความสัมพันธ์ระหว่างอิเล็กตรอนในระดับพลังงาน นอกสุดกับสมบัติของธาตุและการเกิดปฏิกิริยา มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ แก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อมมีความ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ตัวชี้วัด ว 8.1 ม.4-6/1 ตั้งคาถามที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ หรือความสนใจ หรือ จากประเด็นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ที่สามารถ ทาการสารวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ ว 8.1 ม.4-6/2 สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับ หรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ หรือสร้างแบบจาลองหรือสร้าง รูปแบบ เพื่อนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ว 8.1 ม.4-6/3 ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลที่ต้องพิจารณาปัจจัยหรือ ตัวแปรสาคัญ ปัจจัยที่มีผลต่อปัจจัยอื่น ปัจจัยที่ ควบคุมไม่ได้ และจานวนครั้งของการสารวจ ตรวจสอบเพื่อให้ได้ผลที่มีความเชื่อมั่นอย่างเพียงพอ ว 8.1 ม.4-6/4 เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณ์ที่ใช้ในการสังเกต การวัด การสารวจตรวจสอบอย่างถูกต้องทั้ง ทางกว้างและลึก ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ว 8.1 ม.4-6/5 รวบรวมข้อมูลและบันทึกผลการสารวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบถูกต้อง ครอบคลุมทั้งใน เชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเป็นไปได้ ความเหมาะสมหรือความผิดพลาดของข้อมูล ว 8.1 ม.4-6/6 จัดกระทาข้อมูล โดยคานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกต้องและนาเสนอ ข้อมูลด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสม ว 8.1 ม.4-6/7 วิเคราะห์ข้อมูล แปลความหมายข้อมูลและประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปหรือ สาระสาคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ว 8.1 ม.4-6/8 พิจารณาความน่าเชื่อถือของวิธีการ และผลการสารวจตรวจสอบ โดยใช้หลักความ คลาดเคลื่อนของการวัดและการสังเกต เสนอแนะการปรับปรุงวิธีการสารวจตรวจสอบ ว 8.1 ม.4-6/9 นาผลของการสารวจตรวจสอบที่ได้ ทั้งวิธีการและองค์ความรู้ที่ได้ไปสร้างคาถามใหม่ นาไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่และในชีวิตจริง ว 8.1 ม.4-6/10 ตระหนักถึงความสาคัญในการที่จะต้องมี ส่วนร่วมรับผิดชอบการอธิบาย การลงความเห็น และการสรุปผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่นาเสนอต่อสาธารณชนด้วยความถูกต้อง ว 8.1 ม.4-6/11 บันทึกและอธิบายผลการสารวจตรวจสอบอย่างมีเหตุผล ใช้พยานหลักฐานอ้างอิงหรือ ค้นคว้าเพื่อเติม เพื่อหาหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ และยอมรับว่าความรู้เดิมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อมีข้อมูลและ
  • 2.
    ประจักษ์พยานใหม่เพิ่มเติมหรือโต้แย้งจากเดิม ซึ่งท้าทายให้มีการตรวจสอบ อย่างระมัดระวังอันจะนามาสู่ การ ยอมรับเป็นความรู้ใหม่ ว 8.1 ม.4-6/12 จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผลของ โครงงานหรือชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจ 2. สาระสาคัญ คลื่น คือ ลักษณะของการถูกรบกวน ที่มีการแผ่กระจาย เคลื่อนที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกว่ง หรือ กระเพื่อม และมักจะมีการส่งถ่ายพลังงานไปด้วย คลื่นเชิงกลซึ่งเกิดขึ้นในตัวกลาง (ซึ่งเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรูป จะมี ความแรงยืดหยุ่นในการดีดตัวกลับ) จะเดินทางและส่งผ่านพลังงานจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในตัวกลาง โดยไม่ทาให้ เกิดการเคลื่อนตาแหน่งอย่างถาวรของอนุภาคตัวกลาง แต่จะมี การเคลื่อนที่แกว่งกวัด (oscillation) ไปกลับของ อนุภาค ลักษณะของคลื่นนั้น จะระบุจาก สันคลื่น หรือ ยอดคลื่น (ส่วนที่มีค่าสูงขึ้น) และ ท้องคลื่น (ส่วนที่มีค่าต่าลง) ในลักษณะ ตั้งฉากกับทิศทางเดินคลื่น เรียก "คลื่นตามขวาง" (transverse wave) หรือ ขนานกับทิศทางเดินคลื่น เรียก "คลื่นตามยาว" (longitudinal wave) สเปกตรัม หมายถึง อนุกรมของแถบสีหรือ หรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปในสเปกโตรสโคป ทา ให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบหรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ เรียงลาดับกันไป แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ก. สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง (Continuous spectrum) ข. สเปกตรัมไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous spectrum) สเปกตรัมที่ไม่ต่อเนื่องจะมีบทบาทที่สาคัญใน การศึกษาโครงสร้างอะตอม เนื่องจากอะตอมของธาตุต่าง ๆ จะมีเส้นสเปกตรัมเฉพาะตัวคล้ายกับลายนิ้วมือของคน แต่ละคนที่ไม่เหมือนกันสาหรับสเปกตรัมของธาตุ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ความรู้ 1. บอกความหมายของความยาวคลื่น ความถี่คลื่น สเปกตรัม แสงที่มองเห็นได้และแสงขาวได้ 2. บอกความสัมพันธ์ระหว่างความยาวคลื่น ความถี่และพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งคานวณ หาความยาวคลื่น ความถี่และพลังงานของคลื่นได้ 3. อธิบายการเกิดและลักษณะของแถบสเปกตรัมของแสงขาวได้ 4. เปรียบเทียบค่าพลังงานของสเปกตรัมที่ปรากฏในช่วงคลื่นของแสงที่มองเห็นได้ 3.2 ทักษะกระบวนการ ทาการทดลองศึกษาเส้นสเปกตรัมของธาตุต่างๆ เพื่ออธิบายการเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอนได้ 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. เข้าเรียน ปฏิบัติกิจกรรม และส่งงานตรงเวลา 2. ร่วมมือในการเรียน แสวงหาความรู้ ตอบคาถาม ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล 3. บันทึกข้อมูลจากการปฏิบัติกิจกรรม 4. รักษาความสะอาดผลงาน ห้องเรียนและสถานที่ปฏิบัติกิจกรรม 4. สาระการเรียนรู้ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามศึกษาลักษณะของการจัดเรียงอิเล็กตรอนรอบ ๆ อะตอม โดยแบ่งการศึกษา ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการศึกษาเกี่ยวกับสเปกตรัมของอะตอมซึ่งจะทาให้ทราบว่าภายในอะตอมมีการจัด
  • 3.
    ระดับพลังงานเป็นชั้น ๆ ในแต่ละชั้นจะมีอิเล็กตรอนบรรจุอยู่ส่วนที่สองเป็ นการศึกษาเกี่ยวกับพลังงานไอออนไนเซ ชัน เพื่อจะดูว่าในแต่ละระดับพลังงานจะมีอิเล็กตรอนบรรจุอยู่ได้กี่ตัว สเปกตรัม หมายถึง อนุกรมของแถบสีหรือ หรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปในสเปกโตรสโคป ทาให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบหรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ เรียงลาดับกันไป แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ก. สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง (Continuous spectrum) เป็นสเปกตรัมที่ประกอบด้วยแถบสีที่มีความถี่ ต่อเนื่องกันไปอย่างกลมกลืนกัน เช่น สเปกตรัมของแสงอาทิตย์ ข. สเปกตรัมไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous spectrum) หรือเรียกเส้นสเปกตรัม ลักษณะของสเปกตรัม จะเป็นเส้นหรือแถบสีเล็ก ๆ ที่ไม่เกิดต่อเนื่องกันไป แต่มีการเว้นช่วงของความถี่ที่เส้นสเปกตรัมเกิด เช่น สเปกตรัม ธาตุไฮโดรเจน ธาตุฮีเลียม เป็นต้น ความยาวคลื่น (Wavelength) ใช้สัญลักษณ์เป็น  (อ่านว่า แลมบ์ดา) เป็นสมบัติที่สาคัญของคลื่น หมายถึง ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบพอดี (คือ ระยะทางจากจุด ก. ถึงจุด ข. ในรูป หรือระยะทางจาก จุดประปลายหนึ่งไปยังอีกปลายหนึ่ง ) ความยาวคลื่นมี หน่วยเป็นเมตร ( m ) หรือหน่วยย่อยของเมตร เช่น นา โนเมตร (nm) โดย 1 nm = 10-9 เมตร ความถี่ของคลื่น ใช้สัญลักษณ์เป็น  (อ่านว่า นิว ) หมายถึง จานวนรอบของคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านจุดใดจุดหนึ่ง ในเวลา 1 วินาที ความถี่ของคลื่นจึงมีหน่วยเป็นจานวนรอบต่อวินาที ( S-1 หรือ cycle/s) หน่วยนี้มีชื่อเรียกอีก อย่างหนึ่งว่าเฮิร์ตซ์ ( Hertz) หรือใช้สัญลักษณ์เป็น Hz คลื่นที่จะศึกษากันในที่นี้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นระหว่าง 380-750 nm ซึ่งเป็นช่วงคลื่น ที่ มี ค วามยาวและความถี่ ที่ ป ระสาทตาของคนจะรั บ ได้ เรี ย กคลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า ช่ ว งดั ง กล่ า วนี้ ว่ า “แสงขาว (Visibel light)” เมื่อให้แสงขาวส่องผ่านปริซึม แสงขาวจะแยกออกเป็นแถบสีต่าง ๆ ต่อเนื่องกัน 7 สี เหมือนสีรุ้ง คือ สี ม่วง คราม น้าเงิน เขียว เหลือง ส้ม และแดง นักวิทยาศาสตร์เรียกแถบสีต่อเนื่องกันทั้ง 7 สีนี้ว่า “ สเปกตรัม ของแสงสีขาว ” การที่แสงขาวสามารถแยกออกเป็นสเปกตรัมสีต่าง ๆ กันก็เนื่องจากแสงขาวประกอบด้วยสีต่าง ๆ ทั้ง 7 สี ซึ่งมีความยาวคลื่นต่าง ๆ จะทาให้เกิดการหักเหตามขนาดของมุมต่าง ๆ แสงที่มีความยาวคลื่นไม่เท่ากันจะ เกิดการหักเหในปริซึมได้ไม่เท่ากัน ซึ่งทาให้เกิดการแยกออกเป็นแถบแสงสีต่าง ๆ และต่อเนื่องกันเป็นแถบสเปกตรัม สาหรับคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าในช่ว งอื่น ๆ ก็มีการหักเหเมื่อผ่านปริซึมหรือผ่านตัวกลางเช่นเดียวกัน แต่ไม่ สามารถมองเห็ น ได้เหมือนแสงขาว การศึกษาสเปกตรัมของคลื่ นแม่เหล็ กไฟฟ้าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งต่อมามักซ์ พลังค์ (Max Planck) นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน ได้พบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือแสงเป็นพลังงานรูปหนึ่งและพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีส่วนสัมพันธ์กับความถี่และความยาวของคลื่นโดย สรุปเป็นกฎว่า “ พลังงานของคลื่นแม่เหล็กแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความถี่ของคลื่นนั้น ” เขียนเป็นความสัมพันธ์ได้ดังนี้ E  
  • 4.
    E = h เมื่อ E = พลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (หน่วยเป็น จูล ) h = ค่าคงที่ของพลังค์ ( Plank , constant) = 6.625 x 10-34 Js  = ความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Hz หรือ s-1) ในการศึกษาเกี่ยวกับคลื่นโดยทั่ว ๆ ไปมักจะวัด เป็นความคลื่น ซึ่งความยาวคลื่นมีส่วนสัมพันธ์กับ ความถี่ของคลื่นดังนี้ C =  c  =  เมื่อ c คือความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสุญญากาศ หรือความเร็วแสงในสุญญากาศ c = 2.99 x 108 ms-1 หรือ โดยประมาณ c = 3.0 x 108 ms-1 จากความสัมพันธ์ของความยาวคลื่นของความยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทาให้สามารถเขียนกฎของพลังค์ เพื่อ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับความยาว และความถี่ของคลื่น ได้ดังนี้ c E = h = h  ตัวอย่างเพิ่มเติมที่ 1 เส้นสเปกตรัมของไฮโดรเจน 2 เส้น คือเส้นสีม่วงมีความยาวคลื่น 410 nm และเส้นสีน้า เงินมีความยาวคลื่น 434 nm จะมีพลังงานต่างกันเท่าใด ? c วิธีทา จากสูตร E = h = h  8 c = 3.0 x 10 m/s h = 6.625 x 10-34 Js สาหรับเส้นสีม่วง ;  = 410 nm = 4.10 x 10-7 m 3.0x108 E = 6.625 x 10-34 Js x 7 = 4.85 x 10-19 J 4.10x10 สาหรับเส้นสีม่วง ;  = 434 nm = 4.34 x 10-7 m 3.0x108 E = 6.625 x 10-34 Js x 4.34x10 7 -19 = 4.58 x 10 J มีพลังงานต่างกันเท่ากับ 4.85 x 10-19 J - 4.58 x 10-19 J = 2.7 x 10-20 J ตัวอย่างเพิ่มเติมที่ 2 ธาตุชนิดหนึ่งเมื่อน าไปเผาไฟ จะเกิดเส้นสเปกตรัมหลายเส้น จากการทดลองพบว่าเส้ น สเปกตรัมเส้นหนึ่งมีพลังงาน 4.0 x 10-19 J สเปกตรัมเส้นดังกล่าวจะมีความยาวและความถี่คลื่นเป็นเท่าใด และ มีสีอะไร
  • 5.
    c วิธีทา E = h  E = 4.0 x 10-19 J h = 6.625 x 10-34 Js c = 2.998 x 108 m/s 2.998x108 จะได้ 4.0 x 10-19 J = 6.625 x 10-34 Js x   = 497 x 10-9 m= 497 nm c จาก  =   = 2.998x108 497 x10 9 = 6.04 x 1014 Hz สเปกตรัมเส้นนี้มีความยาวคลื่น 497 นาโนเมตร ความถี่ 6.04 x 1014 Hz และตรงกับสีเขียว (ช่วงสี เขียวอยู่ระหว่างความยาวคลื่น 490 - 580 นาโนเมตร) 5. หลักฐาน หรือร่องรอยของการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล 5.1 ความรู้ ภาระงาน/ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ผู้ประเมิน ชิ้นงาน แผนผังความคิด วัดเมื่อจบบทเรียน - Concept map ระดับ 4 ดีเยี่ยม 4 คะแนน ครู (Graphic ตามตัวชี้วัดต่อไปนี้ - แบบประเมิน = ทาได้ถูกต้องทุกตัวชี้วัด Organize) 1. การกาหนดและ แผนผังความคิด ระดับ 3 ดี 3 คะแนน เชื่อมโยงแนวความคิด = ทาได้ถูกต้องจานวนมาก หลัก แนวความคิดรอง ระดับ 2 พอใช้ 2 คะแนน แนวความคิดย่อย = ทาได้ถูกต้องจานวนน้อย 2. การเชื่อมโยงความรู้ ระดับ 1 ต้องปรับปรุง 3. การเชื่อมโยง 1 คะแนน ประเด็นต่างๆอย่าง = ทาได้ถูกต้องน้อยมาก สมเหตุสมผล มี หรือไม่ถูกต้องเลย คาเชื่อมถูกต้อง ชัดเจน ตอบคาถาม ตรวจคาตอบของ - Exit ticket ระดับ 4 ดีเยี่ยม 4 คะแนน ครู สะท้อนความคิด คาถามสะท้อน - แบบประเมิน = ทาได้ถูกต้องทุกตัวชี้วัด เพื่อนนักเรียน (Exit ticket) ความคิด ตามตัวชี้วัด การตอบคาถาม ระดับ 3 ดี 3 คะแนน ต่อไปนี้ สะท้อนความคิด = ทาได้ถูกต้องจานวนมาก 1. ความถูกต้อง ระดับ 2 พอใช้ 2 คะแนน ครอบคลุมสิ่งที่ได้ = ทาได้ถูกต้องจานวนน้อย เรียนรู้ ระดับ 1 ต้องปรับปรุง 2. ความสมเหตุสมผล 1 คะแนน
  • 6.
    ชัดเจน ของคาตอบ = ทาได้ถูกต้องน้อยมาก 3. การตั้งคาถามที่ หรือไม่ถูกต้องเลย อยากรู้ 5.2 ทักษะกระบวนการ ภาระงาน/ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ที่ใช้ประเมิน ผู้ประเมิน ชิ้นงาน ใบกิจกรรมการ สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมิน - ต้องได้ไม่ต่ากว่าระดับ ครู ทดลอง - การวางแผนการ ทักษะในการ คุณภาพ 3 คือ ดี จากระดับ ทดลอง ปฏิบัติการ คุณภาพ 4 คือ ดีมาก -การออกแบบตาราง ทดลอง บันทึกผลการทดลอง -การปฏิบัติการทดลอง -การสังเกตและบันทึก ผลการทดลอง -การจัดกระทากับ ข้อมูล การวิเคราะห์ อภิปรายและสรุปผล การทดลอง -การนาเสนอข้อสรุป 5.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คุณลักษณะ ภาระงาน/ เกณฑ์ที่ใช้ อันพึง ชิ้นงาน/ วิธีการวัด เครื่องมือ ผู้ประเมิน ประเมิน ประสงค์ พฤติกรรม ตรงต่อเวลา เข้าเรียน - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู ปฏิบัติกิจกรรม การเข้าเรียน การ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ ส่งงานตรงเวลา ปฏิบัติกิจกรรม อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี และการส่งงานของ จากระดับ นักเรียน คุณภาพ 4 คือ ดีมาก
  • 7.
    คุณลักษณะ ภาระงาน/ เกณฑ์ที่ใช้ อันพึง ชิ้นงาน/ วิธีการวัด เครื่องมือ ผู้ประเมิน ประเมิน ประสงค์ พฤติกรรม ใฝ่เรียนรู้ ร่วมมือในการ - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู เรียน แสวงหา ความร่วมมือใน คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ ความรู้ ตอบ การเรียน การ อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี คาถาม ยอมรับ แสวงหาความรู้ จากระดับ ความคิดเห็นผู้อื่น การตอบคาถาม คุณภาพ 4 และแสดงความ การยอมรับความ คือ ดีมาก คิดเห็นอย่างมี คิดเห็นผู้อื่น และ เหตุผล การแสดงความ คิดเห็นอย่างมี เหตุผล ซื่อสัตย์ บันทึกข้อมูลจาก - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู การปฏิบัติ การบันทึกข้อมูล คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ กิจกรรม ทา จากการปฏิบัติ อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี แบบฝึกหัด ทา กิจกรรม การทา จากระดับ แบบทดสอบ แบบฝึกหัดและการ คุณภาพ 4 คือ ด้วยความซื่อสัตย์ ทาแบบทดสอบ ดีมาก รักสะอาด รักษาความ - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน ต้องได้ไม่ต่ากว่า ครู สะอาดผลงาน การรักษาความ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ เพื่อนนักเรียน ห้องเรียนและ สะอาดผลงาน การ อันพึงประสงค์ 3 คือ ดี สถานที่ปฏิบัติ ทาความสะอาด จากระดับ กิจกรรม ห้องเรียน และ คุณภาพ 4 คือ สถานที่ปฏิบัติ ดีมาก กิจกรรม 6. คาถามสาคัญ 1. สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หมายถึงอะไร และยกตัวอย่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 2. ปรากฏการณ์ที่แสงขาวเดินทางผ่านตัวกลาง แล้วเกิดการหักเหแสงแล้วเกิดเป็นแถบสีรุ้งได้แก่แสงสีอะไร 3. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างแสงสีสเปกตรัม ความยาวคลื่นและพลังงานของคลื่นได้ 7. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
  • 8.
    1. ครูสร้างความสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน โดยการให้ชมคลิปวีดีทัศน์เกี่ยวกับthe electromagnetic spectrum จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อทบทวนความรู้ เรื่อง โครงสร้างอะตอมตามแบบจาลองของ รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งเป็นแบบจาลองที่ยังไม่มีรายละเอียดว่า อิเล็กตรอนรอบๆ นิวเคลียสอยู่กันอย่างไร จึงแสดงให้ เห็นถึงความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ในการหาข้อมูลมาสร้างแบบจาลองอะตอมโดยการศึกษาจากสเปกตรัม ของธาตุในสารประกอบและธาตุอิสระ (ทบทวน เชื่อมโยง ตรวจสอบความรู้เดิม และเปิดโอกาสให้ซักถามเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นความสนใจ) หลังจากนั้นให้นักเรียนเขียนในสิ่งที่รู้ และสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับคลื่น สมบัติของคลื่นและ สเปกตรัมของแสง ลงในกระดาษที่แจกให้ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการ สอน (KWL) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. จัดกลุ่มนักเรียน 3 คน ที่ประกอบด้วยนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูง ปานกลาง และอ่อน 2. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง 3. ครูสอนโดยใช้สื่อ Power Point (PPT) เรื่องคลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง 4. ครูให้นักเรียนในกลุ่มช่วยกันระดมสมอง (Brainstorming) และร่วมกันอภิปรายสรุปความสัมพันธ์ ระหว่างความถี่ของคลื่นกับความยาวคลื่น ความยาวคลื่นกับพลังงานของคลื่น ซึ่งควรสรุปได้ดังนี้ - แสงที่เป็นคลื่นสั้นจะมีความถี่สูงกว่าแสงที่เป็นคลื่นยาว - แสงที่เป็นคลื่นสั้นจะมีพลังงานสูงกว่าแสงที่เป็นคลื่นยาว 5. จากการอภิปรายและให้ความรู้ ครูยกตัวอย่างโดยใช้สมการกฎของพลังค์ คานวณหาปริมาณที่ เกี่ยวข้อง 3 ตัวอย่างและศึกษาเพิ่มเติมในใบความรู้ ดังนี้ ตัวอย่างที่ 1 จงคานวณความถี่ของคลื่นและพลังงานของแสงสีเหลืองที่มีความยาวคลื่นเท่ากับ 5.8 x 10-7 m วิธีทา จากสูตร E = h = h c  8 c = 3.0 x 10 m/s  = 5.8 x 10-7 m h = 6.625 x 10-34 Js 3.0x108 E = 6.625 x 10-34  = 6.625 x 10-34 x 4.8x10 7 = 3.4 x 10-19 J  = 5.2 x 1014 s-1 แสงสีเหลืองมีความถี่ 5.2 x 1014 s-1 และมีพลังงาน 3.4 x 10-19 J ตัวอย่างที่ 2 พลังงานไอออนไนเซชัน Li2+ มีค่า 1.961 x 10-17 จูล จะมีความยาวช่วงคลื่นกี่ nm (กาหนด h = 6.625 x 10-34 Js และ c = 2.998 x 108 m/s) c วิธีทา จากสูตร E = h  E = 1.96 x 10-17 J c = 2.998 x 108 m/s h = 6.625 x 10-34 Js
  • 9.
    2.998x108 แทนค่า 1.96 x 10-17 J = 6.625 x 10-34 Js x   = 1.013 x 10-8 m = 10.13 x 10-9 m = 10.13 nm ตัวอย่างที่ 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ 8.5 x 104 Hz จะมีพลังงานและความยาวคลื่นเท่าใด c วิธีทา จากสูตร E = h = h  h = 6.625 x 10-34 Js c = 2.998 x 108 m/s  = 8.5 x 104 Hz 2.998x108 E = 6.625 x 10-34 Js x  =6.625 x 10-34 x 8.5 x 104 Hz= 5.63 x 10 -29 J c  =  8 8.5 x 104 Hz = 2.998x10   = 3.53 x 103 m คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีพลังงาน 5.63 x 10 -29 J และมีความยาวคลื่น 3.53 x 103 m 6. ครูแจกใบกิจกรรมการทดลองโดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาการทดลอง เรื่อง การศึกษาสีของเปลวไฟจาก สารประกอบและเส้ นสเปกตรัมของธาตุบางชนิด โดยศึกษาจากใบความรู้และใบกิจกรรมพร้อมทั้งให้สมาชิก กาหนดหน้าที่กันเองในกุล่ม เช่น คนที่ 1 อ่านขั้นตอนการทดลองและบอกวิธีการทดลองตามลาดับ คนที่ 2 ดาเนินการทดลอง จัดเตรียมอุปกรณ์ รับอุปกรณ์ สารเคมี สาหรับการทดลอง คนที่ 3 บันทึกข้อมูล ผลการทดลอง อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ อภิปรายผลการทดลอง ตามแนวคาถาม - เมื่อเผาสารประกอบของโลหะชนิดเดียวกัน จะให้เปลวไฟสีเดียวกันหรือไม่ และสีของเปลวไฟที่ ปรากฏนั้นเป็นสีที่เกิดจากองค์ประกอบใดในสารประกอบ - สเปกตรัมที่เห็นจากการใช้แผ่นเกรตติงส่องดูแสงอาทิตย์กับแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด - เส้นสเปกตรัมของแก๊สไฮโดรเจน แก๊สนีออน และไอปรอท แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร 2. ครูให้ความรู้ถึงการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจนแล้วนาไปสร้างแบบจาลอง อะตอมตามรายละเอียดในใบความรู้ และเน้นว่าสีของเส้นสเปกตรัมจะบ่งบอกถึงค่าพลังงานของเส้นสเปกตรัมนั้น ด้วย เพราะเส้นสเปกตรัมเกิดจากการคายพลังงานของอิเล็กตรอนเมื่อมีการเปลี่ยนระดับพลังงาน ซึ่งไม่จาเป็นต้อง เปลี่ยนทีละระดับแต่สามารถเปลี่ยนทีละหลายระดับ ค่าพลังงานของสเปกตรัมที่ปรากฏก็จะสูงตามไปด้วย ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
  • 10.
    1. ครูนาอภิปรายและเฉลยคาตอบจากประเด็นแนวคาถามจากการทดลอง 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การแปลความหมายของเส้นสเปกตรัมของธาตุไฮโดรเจนมาเป็นระดับพลังงานตาม รูปในใบความรู้นั้น เป็นการแปลความหมายของเส้นสเปกตรัมในช่วงคลื่นที่มองเห็นได้ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับคลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง เป็นแบบ แผนผังความคิด (Concept map) ขั้นประเมิน (Evaluation) นักเรียนเขียนสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ลงในสมุดบันทึกการเรียนรู้ (Learning logs) และ ประเมินผลสะท้อนการเรียนรู้ลงใน 3-2-1 Ticket (Exit Ticket) 8. สื่อ วัสดุ อุปกรณ์/ แหล่งเรียนรู้ 1. สื่อดิจิทัล เรื่อง the electromagnetic spectrum 2. ใบความรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง 3. Power Point (PPT) เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง 4. ใบกิจกรรมการทดลอง เรื่อง การศึกษาสีของเปลวไฟจากสารประกอบและเส้นสเปกตรัมของธาตุ บางชนิด 5. แบบประเมินแผนผังความคิด 6. แบบประเมินการตอบคาถามสะท้อนความคิด 7. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
  • 11.
    บันทึกหลังสอน รหัส-ชื่อรายวิชา ว30131 เคมีพื้นฐาน ชั้น ม.4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แผนการเรียนรู้ เรื่อง คลื่นและสมบัติของคลื่น/สเปกตรัมของแสง โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย ประเด็นการบันทึก ผลการใช้แผนการสอน 1. เนื้อหาที่สอน .................................................................................................................... (สอนได้สมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่) .................................................................................................................... 2. เวลา .................................................................................................................... (เหมาะสมหรือไม่) .................................................................................................................... 3. กิจกรรมที่ใช้สอน .................................................................................................................... (ตามแผนหรือไม่) .................................................................................................................... 4. ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................... .................................................................................................................... ผลการเรียนของนักเรียน ชั้น เข้าเรียน (คน) ขาด (คน) ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผ่าน ไม่ผ่าน เกณฑ์……………………………………. เกณฑ์………………………………….. การมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บรรยากาศในการเรียน………………………………………………………….……………………………………………………………………… ………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาและอุปสรรค……………………………………………………….……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………… ลงชื่อ (นางธิดารัตน์ แสงฮวด)