SlideShare a Scribd company logo
1 of 15
Download to read offline
1
หน่วยที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม
สาระสาคัญ
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการประมวลผล รับ-ส่ง ข้อมูลโดยใช้อุปกรณ์
โทรคมนาคมโดยความเจริญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์โทรคมนาคม
ที่ช่วยให้การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นไปได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูงสุดใน
ปัจจุบัน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เพื่อให้มีความหมายคอมพิวเตอร์
2. เพื่อให้ทราบความหมายของระบบโทรคมนาคม
3. สามารถบอกชนิดของอุปกรณ์โทรคมนาคม
4. เพื่อให้ทราบองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
5. เพื่อให้ทราบประเภทของคอมพิวเตอร์
6. เพื่อทราบลักษณะของการประมวลผลคอมพิวเตอร์แต่ละประเภท
7. เพื่อทราบลักษณะของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
8. เพื่อสามารถอธิบายลักษณะของเครื่องโน๊ตบุ๊ก ปาล์ม และ แท็บเล็ต
9. เพื่อให้ทราบประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม
10. เพื่อทราบคุณธรรม ค่านิยมที่ดีในการใช้คอมพิวเตอร์ มีความสามัคคีในการทางานเป็นทีม
2
1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ (Computer) ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้
สาหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"
คอมพิวเตอร์ หรือในภาษาไทยว่า คณิตกรณ์ เป็นเครื่องจักรแบบ สั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อ
ดาเนินการกับลาดับตัวดาเนินการทางตรรกศาสตร์หรือ คณิตศาสตร์ โดยอนุกรมนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อพร้อม ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย คอมพิวเตอร์ถูกประดิษฐ์ออกมาให้
ประกอบไปด้วยความจารูปแบบต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูล อย่างน้อยหนึ่งส่วนที่มีหน้าที่ดาเนินการคานวณ
เกี่ยวกับตัวดาเนินการทาง ตรรกศาสตร์ และตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์ และส่วนควบคุมที่ใช้
เปลี่ยนแปลงลาดับของตัวดาเนินการโดยยึดสารสนเทศที่ถูกเก็บไว้เป็นหลัก อุปกรณ์เหล่านี้จะยอมให้
นาเข้าข้อมูลจากแหล่งภายนอก และส่งผลจากการคานวณตัวดาเนินการออกไป
1.2 ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน มีการแบ่งประเภทตามขนาดออกเป็น 6 ประเภทคือ
1.2.1 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดและมีขีดความสามารถสูงที่สุด ภายในประกอบไปด้วย
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU (Central Process Unit) นับพันตัวที่สามารถคานวณด้วยความเร็วหลาย
ล้านคาสั่งต่อวินาที จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงที่สุด และเร็วที่สุดตามความหมายของซุปเปอร์
คอมพิวเตอร์
รูป 1.1 แสดงเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
ประเภทของงาน เหมาะกับงานที่มีการประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก เช่น การวิเคราะห์
ข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การค้นคว้าด้านอากาศยานและอาวุธยุทโธปกรณ์ การสารวจสามะโน
ประชากร งานพยากรณ์อากาศ การออกแบบอากาศยาน การสร้างแบบจาลองระดับโมเลกุลการวิจัย
นิวเคลียร์ และการทาลายรหัสลับ
3
1.2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
เครื่องเมนเฟรมเป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไปจัดเป็นเครื่องที่มี
ประสิทธิภาพรองลงมาจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่ยังต่ากว่า
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คือปกติสามารถทางานได้รวดเร็ว หลายสิบล้านคาสั่งต่อวินาที สาหรับสาเหตุที่ได้
ชื่อว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ก็เพราะครั้งแรกที่สร้างคอมพิวเตอร์ลักษณะนี้ได้สร้างไว้บนฐานรองรับ ที่
เรียกว่า คัสซี่ (Chassis) โดยมีชื่อเรียกฐานรองรับนี้ว่า เมนเฟรม
รูป 1.2 แสดงเครื่องเฟรมคอมพิวเตอร์
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ความเหมาะกับการใช้งาน ทั้งในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และ
ธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจานวนมากๆ เช่น งานธนาคาร ซึ่งต้องตรวจสอบบัญชีลูกค้า
หลายคน งานของสานักงานทะเบียนราษฎร์ ที่เก็บรายชื่อประชาชนประมาณ 60 ล้านคน พร้อม
รายละเอียดต่างๆ งานจัดการบันทึกการส่งเงิน ของผู้ประกับตนหลายล้านคน ของสานักงาน
ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน คอมพิวเตอร์เมนเฟรม ที่มีชื่อเสียงมาก คือ เครื่องของบริษัท IBM
ในปัจจุบัน ความนิยมใช้เครื่องเมนเฟรม ในหน่วยงานต่างๆ ได้ลดน้อยลงมาก เพราะราคา
เครื่องค่อนข้างแพง การใช้งานค่อนข้างยาก และมีผู้รู้ด้านนี้ค่อนข้างน้อย สถานศึกษาที่มีเครื่องระดับนี้
ไว้ใช้สอน ก็มีเพียงไม่กี่แห่ง เหตุผลสาคัญอีกประการหนึ่งคือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กกว่า ได้รับการ
พัฒนาให้มีสมรรถนะมากขึ้น จนสามารถทางานได้เท่ากับเครื่องเมนเฟรม แต่ราคาถูกกว่าอย่างไรก็
ตามเครื่องเมนเฟรม ยังคงมีความจาเป็น ในงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากๆ พร้อมๆ กันอยู่ต่อไปอีก ทั้งนี้
เพราะ เครื่องเมนเฟรมสามารถพ่วงต่อ และควบคุมอุปกรณ์รอบข้าง (Peripheral) เช่น เครื่องพิมพ์
เครื่องขับเทปแม่เหล็ก เครื่องขับจานแม่เหล็ก ฯลฯ ได้เป็นจานวนมากในเวลาเดียวกัน
4
1.2.3 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะน้อยกว่าเครื่องเมนเฟรม คือทางานได้ช้ากว่า และควบคุม
อุปกรณ์รอบข้างได้น้อยกว่า จุดเด่นสาคัญของเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ก็คือ ราคาย่อมเยากว่าเมนเฟรม
การใช้งานก็ไม่ต้องใช้บุคลากรมากนัก นอกจากนั้น ยังมีผู้ที่รู้วิธีใช้มากกว่าด้วย เพราะเครื่องประเภทนี้
มีใช้ตาม โรงแรม โรงพยาบาล รวมทั้งในสถานศึกษาดับอุดมศึกษาหลายแห่ง
รูป 1.3 แสดงเครื่องมินิคอมพิวเตอร์
มินิคอมพิวเตอร์ เหมาะกับงานหลายประเภท คือใช้ได้ทั้งในงานวิศวกรรม วิทยาศาสตร์
อุตสาหกรรม มีใช้ตามหน่วยงานราชการระดับกรมเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับความนิยมใช้กันมี
บริษัท Digital Equipment Corporation หรือ DEC เครื่อง Unisys ของบริษัท Unisys เครื่อง NEC
ของบริษัท NEC เครื่อง Nixdorf ของบริษัท Siemens-Nixdorf
1.2.4 เวิร์กสเตชั่น (Workstation)
เวิร์กสเตชั่นถูกออก แบบมาให้เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่มีความสามารถในการคานวน
ด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรืองานอื่นๆที่เน้นการแสดงผลด้านกราฟฟิกต่าง ๆ เช่นการนามาช่วย
ออกแบบภาพกราฟฟิกในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อออกแบบชิ้นส่วนใหม่ ๆ เป็นต้นซึ่งจากการที่ต้อง
ทางานกราฟฟิกที่มีความละเอียดสูงทาให้เวิร์คสเตชั่นใช้หน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมากรวมทั้ง
มีหน่วยเก็บข้อมูลสารอง จานวนมากด้วย มีผู้ใช้บางกลุ่มเรียกเครื่องระดับเวิร์คสเตชั่นนี้ว่าซูเปอร์ไม
โคร (super micro) เพราะออกแบบมาให้ใช้งานแบบตั้งโต๊ะแต่ชิปที่ใช้ทางานนั้นแตกต่างกันมาก
เนื่องจาก เวิร์คสเตชั่นส่วนมากใช้ชิปประเภท RISC (reduce instruction set computer) ซึ่งเป็นชิป
ที่ลดจานวนคาสั่งที่สามารถใช้สั่งงานให้เหลือเฉพาะที่จาเป็นเพื่อให้สามารถทางานได้ด้วยความเร็วสูง
5
รูป 1.4 แสดง Desktop Models รวมถึง Tower
Models
1.2.5 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
เป็นนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก และใช้ทางานคนเดียว นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคล (Personal Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ใช้งานที่พบได้อย่างแพร่หลาย จัดว่าเป็นเครื่อง
คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทั้งระบบใช้งานครั้งละเครื่อง หรือใช้งานในลักษณะเครือข่าย แบ่งได้หลาย
ลักษณะตามขนาด เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบตั้งโต๊ะ (Personal Computer) หรือแบบ
พกพา (Portable Computer) ลักษณะของไมโครคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งได้ เป็นรูปแบบย่อยดังนี้
1) เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานทั่วไป ที่เรียกว่า Desktop Models รวมถึง tower
นอกจากนี้ ยังมีคอมพิวเตอร์แบบผู้ใช้คนเดียวที่ได้รับการออกแบบให้สามารถพกพาติดตัวได้
สะดวก เช่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุค (Notebook computer) คอมพิวเตอร์ปาล์มทอป (Palmtop
computer) และ PDA (Personal Digital Assistant) ซึ่งคอมพิวเตอร์เหล่านี้ จัดได้ว่าเป็นเครือง
ไมโครคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งขนากเล็กน้าหนักเบา และมีรูปลักษณ์ที่เหมาะกับการพกพา
2) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก หรือ แล็ปท็อป เป็นพีซีแบบเคลื่อนที่ได้ มีน้าหนักเบา มีหน้าจอ
บาง หรือมักจะเรียกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กเพราะมีขนาดเล็กสามารถทางานด้วยแบตเตอรี่ สามารถ
นาไปใช้งานได้ทุกที่ โดยจะมีส่วนหน้าจอรวมกับส่วนแป้นพิมพ์ สามารถกพับได้ และน้าหนักเบา
รูป 1.5 แสดง Notebook computer
6
รูป 1.6 แสดงเครื่องแท็ปเล็ต
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
(1) อัลตร้าบุ๊ก (Ultra book) เป็นโน๊ตบุ๊กที่เน้นความบางและน้าหนักเบา มีจอภาพ
ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 13-17 นิ้ว สาหรับความบางของตัวเครื่องจะบางน้อยกว่า 21 มม. มีแบตเตอรี่ที่ใช้
งานได้ยาวนาน
(2) โน๊ตบุ๊ก (Net Book) มีหน้าจอขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก คือมีขนาด
ประมาณ 8.9-11.6 นิ้ว มีความหนาประมาณ 1 นิ้ว เหมาะสมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้
งานทั่วไป และไม่มีซีดีรอม
3) แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) เรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ตพีซี เป็น
คอมพิวเตอร์ที่รวมการทางานทุกอย่างไว้ในจอสัมผัสโดยใช้ปากกาสไดลัส ปากกาดิจิตอล หรือปลาย
นิ้วเป็นอุปกรณ์อินพุตพื้นฐาน แทนการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ แต่จะมีอยู่หรือไม่มีก็ได้ มีอุปกรณ์ไร้สาย
สาหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน
แท็บเล็ต เป็นเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณสามารถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์
ของเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ใช้เพื่อทดแทนสมุดหรือกระดาษ
แท็บเล็ต ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆ โดยการเขียน
(อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้, หินชนวน) และ มีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบัน มีการ
พัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลาย บริษัทได้ให้คานิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้ว
มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต
คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" ใน ปัจจุบัน แท็บเล็ต ถูก
พัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค มีขนาดเล็กสามารถถือด้วยมือเดียว และ
น้าหนักเบาโดยมี 3 รูปแบบคือ
(1) Convertible Tablet มีโครงสร้างเดียวกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก แต่ตัวจอภาพสามารถ
หมุนแล้วพับซ้อนบนคีย์บอร์ดหรือสามารถแยกส่วนได้
7
รูป 1.7 แสดงตัวอย่าง Convertible Tablet
รูป 1.8 แสดงตัวอย่าง State Tablet
รูป 1.9 แสดงตัวอย่าง Personal Digital Assistant :PDA
(2) State Tablet จะเป็นแท็บเล็ตที่มีเพียงหน้าจอคล้ายกับกระดานชนวน จะมีคีย์บอร์ดใน
ตัวแต่บางยี่ห้อสามารถใช้ปากกาเป็นอุปกรณ์อินพุตแทนคีย์บอร์ด
(3) อุปกรณ์พกพา (Personal Digital Assistant :PDA) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา
ขนาดเล็กสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ด้วยระบบไร้สายสามารถในการเพิ่มเติม
แอพพลิเคชั่นเพื่อให้ใช้งานด้านอื่น ๆ ได้ เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่สาหรับผู้คนยุคใหม่และได้รับความนิยมมาก
ขึ้น มีขนาดเล็กกกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ปัจจุบันเลิกใช้งาน และมีการพัฒนาเป็นเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มี
จอกว้างขึ้น สามารถใส่ซิมเพื่อโทรศัพท์ได้ และใช้เป็นแท็บเล็ต เรียกว่า แฟบเล็ต
8
รูป 1.9 แสดงตัวอย่าง เครื่องปาล์ม
แฟบเล็ต (อังกฤษ: Phablet ,/ˈfæblɪt/) เป็นสิ่งที่เรียกอุปกรณ์ที่อยู่ระหว่าง "มือถือ"
(Phone) กับ "แท็บเล็ต" (Tablet)[1] ซึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟน ที่มีขนาดหน้าจอระหว่าง 5.1–7 นิ้ว (130–
180 มม.) โดยแฟบเล็ตถูกสร้างออกมาเพื่อให้สามารถมีฟังก์ชันสาหรับทางานระหว่างสมาร์ทโฟนกับ
แท็บเล็ต โดยแฟบเล็ต จะมีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่จะเล็กกว่าแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ
ใหญ่กว่า ทาให้มีความสะดวกสบายในการพกพามากกว่าแท็บเล็ต แฟบเล็ตนั้นจะเหมาะสมกับการเข้า
อินเทอร์เน็ต และการใช้สื่อมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าสมาร์ทโฟนปกติ แฟบเล็ตนั้น
เริ่มมีมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ในชุดของ กาแลคซี โน้ต โดย ซัมซุง ซึ่งซอฟต์แวร์ออกแบบ
มาสาหรับการใช้ปากกาสไตลัส ในการเขียนหรือวาด
แฟบเล็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่การเปิดตัวคือ กาแลคซีโน้ต โดยในเดือนมกราคม
พ.ศ. 2556 ไอเอชเอส ได้รายงานว่า แฟบเล็ตรุ่นนี้ถูกขายไปแล้ว 25.6 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2555
และคาดว่าจะเติบโตเป็น 60.4 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2556 และ 146 ล้านเครื่อง ในปี พ.ศ. 2559
รูป 1.10 แสดงตัวอย่างแฟบเล็ต
แฟบเล็ตนั้นในช่วงแรกถูกออกแบบมาเพื่อตลาดเอเชียที่ผู้บริโภคไม่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มี
ขนาดเล็กเกินไปและแท็บเล็ตที่มีขนาดใหญ่เกินไป เหมือนกับผู้บริโภคในทวีปอเมริกาเหนืออย่างไรก็
ตาม แฟบเล็ตก็ได้ประสบความสาเร็จในทวีปอเมริกาเหนือด้วย ซึ่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ตั้งแต่
รุ่น 4.0 เป็นต้นมา มีคุณลักษณะเหมาะกับอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ เช่นเดียวกับหน้าจอขนาดเล็ก
ส่วนผู้ใช้ที่มีอายุมาก ก็ต้องการอุปกรณ์ที่มีขนาดจอใหญ่ๆเช่นกัน เนื่องจากปัญหาด้านสายตา ขณะที่
ผู้ผลิตในปัจจุบันก็ผลิตแฟบเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 5.1 ถึง 7 นิ้วมากขึ้น ส่วนทางด้านแอ็ปเปิล (ในยุค
ของ สตีฟ จ็อบส์) ปฏิเสธที่จะผลิตอุปกรณ์ที่มีหน้าจอใหญ่กว่า ไอโฟน ที่มีขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้ว
(89 มม.) และเล็กกว่า ไอแพด ที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว (250 มม.) ในปี พ.ศ. 2555
9
1.2.6 ไมโครคอนโทลเลอร์ (Microcontrollers)
ไมโครคอนโทรลเลอร์ (อังกฤษ: microcontroller มักย่อว่า µC, uC หรือ MCU) คือ อุปกรณ์
ควบคุมขนาดเล็ก ซึ่งบรรจุความสามารถที่คล้ายคลึงกับระบบคอมพิวเตอร์ ในไมโครคอนโทรลเลอร์ได้
รวมเอาซีพียู, หน่วยความจา และพอร์ต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสาคัญของระบบคอมพิวเตอร์เข้าไว้
ด้วยกัน โดยทาการบรรจุเข้าไว้ในตัวถังเดียวกัน
ไมโครคอนโทรลเลอร์ เป็นคอมพิวเตอร์แบบฝังตัว(Embedded Computers) ออกแบบมา
เป็นพิเศษ มีขนาดเล็ก ป้อนโปรแกรมเพื่อให้ทางานด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะสามารถสังเกตได้จาก
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปในปัจจุบัน มักมีเป็นส่วนประกอบแทบทั้งสิ้น เช่น
สมาร์ททีวี เครื่องไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น เป็นต้น
รูป 1.11 แสดงตัวอย่างสมาร์ททีวี
1.3 อุปกรณ์โทรคมนาคม (Telecommunications)
โทรคมนาคม (อังกฤษ: Telecommunication) หมายถึงการสื่อสารระยะไกล โดยใช้เทคโนโลยี
ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสัญญาณไฟฟ้า หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเนื่องจากเทคโนโลยีที่
แตกต่างกันจานวนมากที่เกี่ยวข้องกับคานี้ จึงมักใช้ในรูปพหูพจน์ เช่น Telecommunications
เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมในช่วงต้นประกอบด้วยสัญญาณภาพ เช่น ไฟสัญญาณ,
สัญญาณควัน, โทรเลข, สัญญาณธงและ เครื่องส่งสัญญาณด้วยกระจกสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์
ตัวอย่างอื่นๆ ของการสื่อสารโทรคมนาคมก่อนช่วงที่ทันสมัยได่แก่ ข้อความเสียง เช่นกลอง, แตร และ
นกหวีด เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมด้วยไฟฟ้าและแม่เหล็กไฟฟ้าได้แก่โทรเลข, โทรศัพท์และ
โทรพิมพ์, เครือข่าย, วิทยุ, เครื่องส่งไมโครเวฟ, ใยแก้วนาแสง, ดาวเทียมสื่อสารและอินเทอร์เน็ตโดย
อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งสัญญาณไปในอวกาศ เช่น การส่งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ และการส่ง
10
คลื่นไมโครเวฟ และการส่งสัญญาณดวงเดียว โดยจุดที่ส่งข่าวสารกับจุดรับอยู่ห่างกัน และข่าวสารที่ส่ง
จะเฉพาะเจาะจงผู้รับคนใดคนหนึ่ง หรือการส่งแบบผู้รับทั่วไปก็ได้
โทรคมนาคมเป็นการใช้สื่ออุปกรณ์รับไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร และ
โทรพิมพ์ เพื่อการสื่อสารในระยะไกล โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะแปลงข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ เช่น เสียง
และภาพไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า สัญญาณเหล่านี้จะถูกส่งไปโดยสื่อ เช่น สายโทรศัพท์ หรือคลื่นวิทยุ
เมื่อสัญญาณไปถึงจุดปลายทาง อุปกรณ์ด้านผู้รับจะรับและแปลงกลับสัญญาณไฟฟ้าเหลานี้ให้เป็น
ข้อมูลที่สามารถเข้าใจได้ เช่นเป็นเสียงทางโทรศัพท์ หรือภาพบนจอโทรทัศน์ หรือข้อความและภาพ
บนจอคอมพิวเตอร์ โทรคมนาคมจะช่วยให้บุคคลสามารถติดต่อสารกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดๆ ในโลก
ในรูปแบบของข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิง
1.4 องค์ประกอบของระบบโทรคมนาคม
โทรคมนาคม (Telecommunications) หมายถึง การสื่อสารข้อมูลระยะทางไกลในรูปแบบ
สัญญาณอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในอดีตระบบโทรคมนาคมให้บริการในรูปแบบของสัญญาณเสียงผ่าน
สายโทรศัพท์ที่เรียกกันว่าสัญญาณในระบบ อนาลอก (Analog Signal) แต่ในปัจจุบันสัญญาณ
โทรคมนาคมกาลังกลายเป็นการถ่ายทอดสัญญาณในรูปแบบดิจิตอล (Digital Signal)
ระบบโทรคมนาคม (Telecommunications Systems) คือระบบที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และ
ซอฟท์แวร์จานวนหนึ่งที่สามารถทางานร่วมกันและถูกจัดไว้สาหรับการสื่อสารข้อมูลจากสถานที่แห่ง
หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งสามารถถ่ายทอดข้อความ ภาพกราฟฟิก เสียงสนทนา และวิดีทัศน์
ได้ มีรายละเอียดของโครงสร้างส่วนประกอบดังนี้
1.4.1 เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือเปลี่ยนปริมาณใดให้เป็นไฟฟ้า (Transducer) เช่น
โทรศัพท์ หรือไมโครโฟน เป็นต้น
รูป 1.11 แสดงตัวอย่างเครื่องโทรศัพท์รุ่นต่าง ๆ
11
รูป 1.13 แสดงไมโครโฟนรุ่นต่าง ๆ
1.4.2 เครื่องเทอร์มินอลสาหรับการรับข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์หรือ
โทรศัพท์
รูป 1.14 แสดงการส่งและรับสัญญาณโทรศัพท์
1.4.3 อุปกรณ์ประมวลผลการสื่อสาร (Transmitter) ทาหน้าที่แปรรูปสัญญาณไฟฟ้าให้
เหมาะสมกับช่องสัญญาณ เช่น โมเด็ม (MODEM) มัลติเพล็กเซอร์ (multiplexer) แอมพลิไฟเออร์
(Amplifier) และดาวเทียม (Satellite) ดาเนินการได้ทั้งรับและส่งข้อมูล
รูป 1.15 แสดงการประมวลผลของอุปกรณ์ส่งและรับสัญญาณ
12
รูป 1.16 แสดงการประมวลผลการส่งสัญญาณดาวเทียมของสองสถานี
1.4.4 ช่องทางสื่อสาร (Transmission Channel) หมายถึงการเชื่อมต่อรูปแบบใดๆ เช่น
สายโทรศัพท์ ใยแก้วนาแสง สายโคแอกเซียล หรือแม้แต่การสื่อสารแบบไร้สาย
รูป 1.17 แสดงการสื่อสารของระบบสัญญาณเสียง และสัญญาณภาพของระบบทีวีแบบอนาล็อก
1.4.5 ซอฟท์แวร์การสื่อสารซึ่งทาหน้าที่ควบคุมกิจกรรมการรับส่งข้อมูลและอานวยความสะดวก
ในการสื่อสาร
รูป 1.18 แสดงตัวอย่างโปรแกรมสาหรับการสื่อสารที่ได้รับความนิยม
13
1.5 หน้าที่ของระบบโทรคมนาคม
ระบบโทรคมนาคม ทาหน้าที่ในการส่งและรับข้อมูลระหว่างจุดสองจุด ได้แก่ ผู้ส่งข่าวสาร
(Sender) และ ผู้รับข่าวสาร (Receiver) ดาเนินการจัดการลาเลียงข้อมูลผ่านเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ
ที่สุด จัดการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่จะส่งและรับเข้ามา สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบข้อมูล
ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งที่กล่าวมานี้ส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวจัดการ ในระบบ
โทรคมนาคมส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์การรับส่งข้อมูลข่าวสารต่างชนิด ต่างยี่ห้อกัน แต่สามารถแลกเปลี่ยน
ข้อมูลระหว่างกันได้เพราะใช้ชุดคาสั่งมาตรฐานชุดเดียวกัน กฎเกณฑ์มาตรฐานในการสื่อสารนี้เรา
เรียกว่า “โปรโตคอล (Protocol)” อุปกรณ์แต่ละชนิดในเครือข่ายเดียวกันต้องใช้โปรโตคอลอย่าง
เดียวกัน จึงจะสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้ หน้าที่พื้นฐานของโปรโตคอล คือ การทาความรู้จักกับ
อุปกรณ์ตัวอื่นที่อยู่ในเส้นทางการถ่ายทอดข้อมูล การตกลงเงื่อนไขในการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบ
ความถูกต้องของข้อมูล แก้ไขปัญหาข้อมูลที่เกิดการผิดพลาดขณะส่ง โปรโตคอลที่รู้จักกันมาก ได้แก่
โปรโตคอลในระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต เช่น Internet Protocol , TCP/IP
1.6 ประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม
1.6.1 ประเภทของข้อมูลสาหรับการสื่อสารในระบบโทรคมนาคม สามารถแยกได้เป็น 4 ประเภท
คือ
1) ประเภทเสียง เช่น เสียงพูด เสียงดนตรี
2) ประเภทตัวอักษร เช่นอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์
3) ประเภทภาพ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
4) ประเภทรวม เป็นการสื่อสารทั้งตัวอักขระ ภาพและเสียง
1.6.2 ประเภทของข้อมูลจาแนกตามสัญญาณที่ส่งออกโดยจะมีการส่งสัญญานข้อมูลทั้ง 4 ปรพ
เภทด้านบน และนามาแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่าสัญญาณข้อมูล (Data Signal) ทาให้สามารถ
ส่งผ่านสื่อไปได้ในระยะไกลด้วยความเร็วสูง ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นสัญญาณข้อมูลได้ 2 ประเภทคือ
1) สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) หมายถึง สัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง มีขนาดของ
ข้อมูลไม่คงที่ มีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยสัญญาณอนาล็อกจะถูกรบกวนให้มีการแปล
ความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณในสายโทรศัพท์ เป็นต้น
14
รูป 1.19 แสดงตัวอย่างสัญญาณอนาล็อก
รูป 1.20 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบอนาล็อก
2) สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่
ต่อเนื่อง มีขนาดแน่นอนซึ่งจะมีการกระโดดไปมาระหว่างสองค่าคือ สัญญาณสูงที่สุด และระดับ
สัญญาณที่ระดับต่าที่สุด สัญญาณนี้เป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทางานและติดต่อสื่อสารกัน
เช่น ระบบการสื่อสารวิทยุดิจิตอล และทีวีดิจิตอล
15
รูป 1.21 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบดิจิตอล
รูป 1.22 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบดิจิตอล

More Related Content

What's hot

โครงงานตัดต่อวีดีโอ
โครงงานตัดต่อวีดีโอโครงงานตัดต่อวีดีโอ
โครงงานตัดต่อวีดีโอManussawee Rattana
 
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อ
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อเฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อ
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อpeter dontoom
 
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพ
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพรายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพ
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพZnackiie Rn
 
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์supatra2011
 
รายงานคอมพิวเตอร์
รายงานคอมพิวเตอร์รายงานคอมพิวเตอร์
รายงานคอมพิวเตอร์Pimrada Seehanam
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานSiriporn Kusolpiamsuk
 
ตัวอย่างเอกสารปวส.
ตัวอย่างเอกสารปวส.ตัวอย่างเอกสารปวส.
ตัวอย่างเอกสารปวส.rubtumproject.com
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
Powerpoint หน่วยที่ 1
Powerpoint หน่วยที่ 1Powerpoint หน่วยที่ 1
Powerpoint หน่วยที่ 1may4404
 
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงาน
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงานคำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงาน
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงานsomdetpittayakom school
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติพัน พัน
 
การถ่ายภาพเบื้องต้น
การถ่ายภาพเบื้องต้นการถ่ายภาพเบื้องต้น
การถ่ายภาพเบื้องต้นSuphol Sutthiyutthasenee
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องTheeraWat JanWan
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Sitanan Norapong
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์Why'o Manlika
 
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่นโครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่นkvcthidarat
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมปยล วชย.
 

What's hot (20)

โครงงานตัดต่อวีดีโอ
โครงงานตัดต่อวีดีโอโครงงานตัดต่อวีดีโอ
โครงงานตัดต่อวีดีโอ
 
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อ
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อเฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อ
เฉลยข้อสอบExcel 40 ข้อ
 
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพ
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพรายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพ
รายงาน เรื่อง โครงงานสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-book) : เทคนิคการถ่ายภาพ
 
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interaction)
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
รายงานคอมพิวเตอร์
รายงานคอมพิวเตอร์รายงานคอมพิวเตอร์
รายงานคอมพิวเตอร์
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน
 
ตัวอย่างเอกสารปวส.
ตัวอย่างเอกสารปวส.ตัวอย่างเอกสารปวส.
ตัวอย่างเอกสารปวส.
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
Powerpoint หน่วยที่ 1
Powerpoint หน่วยที่ 1Powerpoint หน่วยที่ 1
Powerpoint หน่วยที่ 1
 
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงาน
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงานคำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงาน
คำอธิบายรายวิชา การใช้โปรแกรมสำนักงาน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
 
การถ่ายภาพเบื้องต้น
การถ่ายภาพเบื้องต้นการถ่ายภาพเบื้องต้น
การถ่ายภาพเบื้องต้น
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1 - 5
บทที่ 1 - 5 บทที่ 1 - 5
บทที่ 1 - 5
 
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...
การออกแบบเรซูเม่และแฟ้มสะสมผลงานในยุคดิจิทัล (Resume and Portfolio Design in ...
 
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่นโครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
โครงงาน ระดับ ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
 

Similar to Z y9hyp4sl8f20160214144302

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยุทธกิจ สัตยาวุธ
 
ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์Netnapa Champakham
 
ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์Netnapa Champakham
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์konkamon
 
หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2niramon_gam
 
หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2ratiporn555
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาJenchoke Tachagomain
 
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์Timmy Printhong
 
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์Pokypoky Leonardo
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1maysasithon
 

Similar to Z y9hyp4sl8f20160214144302 (20)

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์
 
ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์ชนิดของคอมพิวเตอร์
ชนิดของคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
Ch1 com tech
Ch1 com techCh1 com tech
Ch1 com tech
 
หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2
 
หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2หน่วยที่ 2
หน่วยที่ 2
 
Computer system
Computer systemComputer system
Computer system
 
(บทที่ 2)
(บทที่ 2)(บทที่ 2)
(บทที่ 2)
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
 
บทที่ 21
บทที่ 21บทที่ 21
บทที่ 21
 
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2-ระบบคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์
บทที่ 2. ระบบคอมพิวเตอร์
 
Computer system
Computer systemComputer system
Computer system
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
Computer
ComputerComputer
Computer
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์
 
คำศัพท์ประกอบหน่วยที่1
คำศัพท์ประกอบหน่วยที่1คำศัพท์ประกอบหน่วยที่1
คำศัพท์ประกอบหน่วยที่1
 

More from pattanan sabumoung (20)

Computer maintenance
Computer maintenanceComputer maintenance
Computer maintenance
 
Computer maintenance
Computer maintenanceComputer maintenance
Computer maintenance
 
Lesson 6
Lesson 6Lesson 6
Lesson 6
 
Lesson 5
Lesson 5Lesson 5
Lesson 5
 
Lesson 4
Lesson 4Lesson 4
Lesson 4
 
Lesson 3
Lesson 3Lesson 3
Lesson 3
 
Lesson 2
Lesson 2Lesson 2
Lesson 2
 
Lesson 1
Lesson 1Lesson 1
Lesson 1
 
Lesson2
Lesson2Lesson2
Lesson2
 
Lesson1
Lesson1Lesson1
Lesson1
 
เนื้อหา3.5
เนื้อหา3.5เนื้อหา3.5
เนื้อหา3.5
 
เนื้อหา3.4
เนื้อหา3.4เนื้อหา3.4
เนื้อหา3.4
 
เนื้อหา3.3
เนื้อหา3.3เนื้อหา3.3
เนื้อหา3.3
 
เนื้อหา3.2
เนื้อหา3.2เนื้อหา3.2
เนื้อหา3.2
 
เนื้อหา3.1
เนื้อหา3.1เนื้อหา3.1
เนื้อหา3.1
 
เนื้อหา 2.4 compressed
เนื้อหา 2.4 compressedเนื้อหา 2.4 compressed
เนื้อหา 2.4 compressed
 
เนื้อหา 2.3 compressed
เนื้อหา 2.3 compressedเนื้อหา 2.3 compressed
เนื้อหา 2.3 compressed
 
เนื้อหา 2.2
เนื้อหา 2.2เนื้อหา 2.2
เนื้อหา 2.2
 
เนื้อหา 2.1
เนื้อหา 2.1เนื้อหา 2.1
เนื้อหา 2.1
 
เนื้อหา 1.3
เนื้อหา 1.3เนื้อหา 1.3
เนื้อหา 1.3
 

Z y9hyp4sl8f20160214144302

  • 1. 1 หน่วยที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม สาระสาคัญ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการประมวลผล รับ-ส่ง ข้อมูลโดยใช้อุปกรณ์ โทรคมนาคมโดยความเจริญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์โทรคมนาคม ที่ช่วยให้การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นไปได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูงสุดใน ปัจจุบัน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้มีความหมายคอมพิวเตอร์ 2. เพื่อให้ทราบความหมายของระบบโทรคมนาคม 3. สามารถบอกชนิดของอุปกรณ์โทรคมนาคม 4. เพื่อให้ทราบองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 5. เพื่อให้ทราบประเภทของคอมพิวเตอร์ 6. เพื่อทราบลักษณะของการประมวลผลคอมพิวเตอร์แต่ละประเภท 7. เพื่อทราบลักษณะของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 8. เพื่อสามารถอธิบายลักษณะของเครื่องโน๊ตบุ๊ก ปาล์ม และ แท็บเล็ต 9. เพื่อให้ทราบประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม 10. เพื่อทราบคุณธรรม ค่านิยมที่ดีในการใช้คอมพิวเตอร์ มีความสามัคคีในการทางานเป็นทีม
  • 2. 2 1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ (Computer) ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้ สาหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์" คอมพิวเตอร์ หรือในภาษาไทยว่า คณิตกรณ์ เป็นเครื่องจักรแบบ สั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อ ดาเนินการกับลาดับตัวดาเนินการทางตรรกศาสตร์หรือ คณิตศาสตร์ โดยอนุกรมนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อพร้อม ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย คอมพิวเตอร์ถูกประดิษฐ์ออกมาให้ ประกอบไปด้วยความจารูปแบบต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูล อย่างน้อยหนึ่งส่วนที่มีหน้าที่ดาเนินการคานวณ เกี่ยวกับตัวดาเนินการทาง ตรรกศาสตร์ และตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์ และส่วนควบคุมที่ใช้ เปลี่ยนแปลงลาดับของตัวดาเนินการโดยยึดสารสนเทศที่ถูกเก็บไว้เป็นหลัก อุปกรณ์เหล่านี้จะยอมให้ นาเข้าข้อมูลจากแหล่งภายนอก และส่งผลจากการคานวณตัวดาเนินการออกไป 1.2 ประเภทของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน มีการแบ่งประเภทตามขนาดออกเป็น 6 ประเภทคือ 1.2.1 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดและมีขีดความสามารถสูงที่สุด ภายในประกอบไปด้วย หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU (Central Process Unit) นับพันตัวที่สามารถคานวณด้วยความเร็วหลาย ล้านคาสั่งต่อวินาที จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงที่สุด และเร็วที่สุดตามความหมายของซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ รูป 1.1 แสดงเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ประเภทของงาน เหมาะกับงานที่มีการประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก เช่น การวิเคราะห์ ข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การค้นคว้าด้านอากาศยานและอาวุธยุทโธปกรณ์ การสารวจสามะโน ประชากร งานพยากรณ์อากาศ การออกแบบอากาศยาน การสร้างแบบจาลองระดับโมเลกุลการวิจัย นิวเคลียร์ และการทาลายรหัสลับ
  • 3. 3 1.2.2 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) เครื่องเมนเฟรมเป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วๆไปจัดเป็นเครื่องที่มี ประสิทธิภาพรองลงมาจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่ยังต่ากว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คือปกติสามารถทางานได้รวดเร็ว หลายสิบล้านคาสั่งต่อวินาที สาหรับสาเหตุที่ได้ ชื่อว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ก็เพราะครั้งแรกที่สร้างคอมพิวเตอร์ลักษณะนี้ได้สร้างไว้บนฐานรองรับ ที่ เรียกว่า คัสซี่ (Chassis) โดยมีชื่อเรียกฐานรองรับนี้ว่า เมนเฟรม รูป 1.2 แสดงเครื่องเฟรมคอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ความเหมาะกับการใช้งาน ทั้งในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และ ธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจานวนมากๆ เช่น งานธนาคาร ซึ่งต้องตรวจสอบบัญชีลูกค้า หลายคน งานของสานักงานทะเบียนราษฎร์ ที่เก็บรายชื่อประชาชนประมาณ 60 ล้านคน พร้อม รายละเอียดต่างๆ งานจัดการบันทึกการส่งเงิน ของผู้ประกับตนหลายล้านคน ของสานักงาน ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน คอมพิวเตอร์เมนเฟรม ที่มีชื่อเสียงมาก คือ เครื่องของบริษัท IBM ในปัจจุบัน ความนิยมใช้เครื่องเมนเฟรม ในหน่วยงานต่างๆ ได้ลดน้อยลงมาก เพราะราคา เครื่องค่อนข้างแพง การใช้งานค่อนข้างยาก และมีผู้รู้ด้านนี้ค่อนข้างน้อย สถานศึกษาที่มีเครื่องระดับนี้ ไว้ใช้สอน ก็มีเพียงไม่กี่แห่ง เหตุผลสาคัญอีกประการหนึ่งคือ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กกว่า ได้รับการ พัฒนาให้มีสมรรถนะมากขึ้น จนสามารถทางานได้เท่ากับเครื่องเมนเฟรม แต่ราคาถูกกว่าอย่างไรก็ ตามเครื่องเมนเฟรม ยังคงมีความจาเป็น ในงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากๆ พร้อมๆ กันอยู่ต่อไปอีก ทั้งนี้ เพราะ เครื่องเมนเฟรมสามารถพ่วงต่อ และควบคุมอุปกรณ์รอบข้าง (Peripheral) เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องขับเทปแม่เหล็ก เครื่องขับจานแม่เหล็ก ฯลฯ ได้เป็นจานวนมากในเวลาเดียวกัน
  • 4. 4 1.2.3 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะน้อยกว่าเครื่องเมนเฟรม คือทางานได้ช้ากว่า และควบคุม อุปกรณ์รอบข้างได้น้อยกว่า จุดเด่นสาคัญของเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ก็คือ ราคาย่อมเยากว่าเมนเฟรม การใช้งานก็ไม่ต้องใช้บุคลากรมากนัก นอกจากนั้น ยังมีผู้ที่รู้วิธีใช้มากกว่าด้วย เพราะเครื่องประเภทนี้ มีใช้ตาม โรงแรม โรงพยาบาล รวมทั้งในสถานศึกษาดับอุดมศึกษาหลายแห่ง รูป 1.3 แสดงเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ เหมาะกับงานหลายประเภท คือใช้ได้ทั้งในงานวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม มีใช้ตามหน่วยงานราชการระดับกรมเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับความนิยมใช้กันมี บริษัท Digital Equipment Corporation หรือ DEC เครื่อง Unisys ของบริษัท Unisys เครื่อง NEC ของบริษัท NEC เครื่อง Nixdorf ของบริษัท Siemens-Nixdorf 1.2.4 เวิร์กสเตชั่น (Workstation) เวิร์กสเตชั่นถูกออก แบบมาให้เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่มีความสามารถในการคานวน ด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรืองานอื่นๆที่เน้นการแสดงผลด้านกราฟฟิกต่าง ๆ เช่นการนามาช่วย ออกแบบภาพกราฟฟิกในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อออกแบบชิ้นส่วนใหม่ ๆ เป็นต้นซึ่งจากการที่ต้อง ทางานกราฟฟิกที่มีความละเอียดสูงทาให้เวิร์คสเตชั่นใช้หน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมากรวมทั้ง มีหน่วยเก็บข้อมูลสารอง จานวนมากด้วย มีผู้ใช้บางกลุ่มเรียกเครื่องระดับเวิร์คสเตชั่นนี้ว่าซูเปอร์ไม โคร (super micro) เพราะออกแบบมาให้ใช้งานแบบตั้งโต๊ะแต่ชิปที่ใช้ทางานนั้นแตกต่างกันมาก เนื่องจาก เวิร์คสเตชั่นส่วนมากใช้ชิปประเภท RISC (reduce instruction set computer) ซึ่งเป็นชิป ที่ลดจานวนคาสั่งที่สามารถใช้สั่งงานให้เหลือเฉพาะที่จาเป็นเพื่อให้สามารถทางานได้ด้วยความเร็วสูง
  • 5. 5 รูป 1.4 แสดง Desktop Models รวมถึง Tower Models 1.2.5 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก และใช้ทางานคนเดียว นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคล (Personal Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ใช้งานที่พบได้อย่างแพร่หลาย จัดว่าเป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทั้งระบบใช้งานครั้งละเครื่อง หรือใช้งานในลักษณะเครือข่าย แบ่งได้หลาย ลักษณะตามขนาด เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบตั้งโต๊ะ (Personal Computer) หรือแบบ พกพา (Portable Computer) ลักษณะของไมโครคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งได้ เป็นรูปแบบย่อยดังนี้ 1) เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานทั่วไป ที่เรียกว่า Desktop Models รวมถึง tower นอกจากนี้ ยังมีคอมพิวเตอร์แบบผู้ใช้คนเดียวที่ได้รับการออกแบบให้สามารถพกพาติดตัวได้ สะดวก เช่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุค (Notebook computer) คอมพิวเตอร์ปาล์มทอป (Palmtop computer) และ PDA (Personal Digital Assistant) ซึ่งคอมพิวเตอร์เหล่านี้ จัดได้ว่าเป็นเครือง ไมโครคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งขนากเล็กน้าหนักเบา และมีรูปลักษณ์ที่เหมาะกับการพกพา 2) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก หรือ แล็ปท็อป เป็นพีซีแบบเคลื่อนที่ได้ มีน้าหนักเบา มีหน้าจอ บาง หรือมักจะเรียกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กเพราะมีขนาดเล็กสามารถทางานด้วยแบตเตอรี่ สามารถ นาไปใช้งานได้ทุกที่ โดยจะมีส่วนหน้าจอรวมกับส่วนแป้นพิมพ์ สามารถกพับได้ และน้าหนักเบา รูป 1.5 แสดง Notebook computer
  • 6. 6 รูป 1.6 แสดงเครื่องแท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ (1) อัลตร้าบุ๊ก (Ultra book) เป็นโน๊ตบุ๊กที่เน้นความบางและน้าหนักเบา มีจอภาพ ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 13-17 นิ้ว สาหรับความบางของตัวเครื่องจะบางน้อยกว่า 21 มม. มีแบตเตอรี่ที่ใช้ งานได้ยาวนาน (2) โน๊ตบุ๊ก (Net Book) มีหน้าจอขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก คือมีขนาด ประมาณ 8.9-11.6 นิ้ว มีความหนาประมาณ 1 นิ้ว เหมาะสมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้ งานทั่วไป และไม่มีซีดีรอม 3) แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) เรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ตพีซี เป็น คอมพิวเตอร์ที่รวมการทางานทุกอย่างไว้ในจอสัมผัสโดยใช้ปากกาสไดลัส ปากกาดิจิตอล หรือปลาย นิ้วเป็นอุปกรณ์อินพุตพื้นฐาน แทนการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ แต่จะมีอยู่หรือไม่มีก็ได้ มีอุปกรณ์ไร้สาย สาหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน แท็บเล็ต เป็นเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณสามารถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ใช้เพื่อทดแทนสมุดหรือกระดาษ แท็บเล็ต ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆ โดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้, หินชนวน) และ มีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบัน มีการ พัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลาย บริษัทได้ให้คานิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้ว มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" ใน ปัจจุบัน แท็บเล็ต ถูก พัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค มีขนาดเล็กสามารถถือด้วยมือเดียว และ น้าหนักเบาโดยมี 3 รูปแบบคือ (1) Convertible Tablet มีโครงสร้างเดียวกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก แต่ตัวจอภาพสามารถ หมุนแล้วพับซ้อนบนคีย์บอร์ดหรือสามารถแยกส่วนได้
  • 7. 7 รูป 1.7 แสดงตัวอย่าง Convertible Tablet รูป 1.8 แสดงตัวอย่าง State Tablet รูป 1.9 แสดงตัวอย่าง Personal Digital Assistant :PDA (2) State Tablet จะเป็นแท็บเล็ตที่มีเพียงหน้าจอคล้ายกับกระดานชนวน จะมีคีย์บอร์ดใน ตัวแต่บางยี่ห้อสามารถใช้ปากกาเป็นอุปกรณ์อินพุตแทนคีย์บอร์ด (3) อุปกรณ์พกพา (Personal Digital Assistant :PDA) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา ขนาดเล็กสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ด้วยระบบไร้สายสามารถในการเพิ่มเติม แอพพลิเคชั่นเพื่อให้ใช้งานด้านอื่น ๆ ได้ เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่สาหรับผู้คนยุคใหม่และได้รับความนิยมมาก ขึ้น มีขนาดเล็กกกว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ปัจจุบันเลิกใช้งาน และมีการพัฒนาเป็นเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มี จอกว้างขึ้น สามารถใส่ซิมเพื่อโทรศัพท์ได้ และใช้เป็นแท็บเล็ต เรียกว่า แฟบเล็ต
  • 8. 8 รูป 1.9 แสดงตัวอย่าง เครื่องปาล์ม แฟบเล็ต (อังกฤษ: Phablet ,/ˈfæblɪt/) เป็นสิ่งที่เรียกอุปกรณ์ที่อยู่ระหว่าง "มือถือ" (Phone) กับ "แท็บเล็ต" (Tablet)[1] ซึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟน ที่มีขนาดหน้าจอระหว่าง 5.1–7 นิ้ว (130– 180 มม.) โดยแฟบเล็ตถูกสร้างออกมาเพื่อให้สามารถมีฟังก์ชันสาหรับทางานระหว่างสมาร์ทโฟนกับ แท็บเล็ต โดยแฟบเล็ต จะมีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่จะเล็กกว่าแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ ใหญ่กว่า ทาให้มีความสะดวกสบายในการพกพามากกว่าแท็บเล็ต แฟบเล็ตนั้นจะเหมาะสมกับการเข้า อินเทอร์เน็ต และการใช้สื่อมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าสมาร์ทโฟนปกติ แฟบเล็ตนั้น เริ่มมีมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ในชุดของ กาแลคซี โน้ต โดย ซัมซุง ซึ่งซอฟต์แวร์ออกแบบ มาสาหรับการใช้ปากกาสไตลัส ในการเขียนหรือวาด แฟบเล็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่การเปิดตัวคือ กาแลคซีโน้ต โดยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ไอเอชเอส ได้รายงานว่า แฟบเล็ตรุ่นนี้ถูกขายไปแล้ว 25.6 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2555 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 60.4 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2556 และ 146 ล้านเครื่อง ในปี พ.ศ. 2559 รูป 1.10 แสดงตัวอย่างแฟบเล็ต แฟบเล็ตนั้นในช่วงแรกถูกออกแบบมาเพื่อตลาดเอเชียที่ผู้บริโภคไม่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มี ขนาดเล็กเกินไปและแท็บเล็ตที่มีขนาดใหญ่เกินไป เหมือนกับผู้บริโภคในทวีปอเมริกาเหนืออย่างไรก็ ตาม แฟบเล็ตก็ได้ประสบความสาเร็จในทวีปอเมริกาเหนือด้วย ซึ่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ตั้งแต่ รุ่น 4.0 เป็นต้นมา มีคุณลักษณะเหมาะกับอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ เช่นเดียวกับหน้าจอขนาดเล็ก ส่วนผู้ใช้ที่มีอายุมาก ก็ต้องการอุปกรณ์ที่มีขนาดจอใหญ่ๆเช่นกัน เนื่องจากปัญหาด้านสายตา ขณะที่ ผู้ผลิตในปัจจุบันก็ผลิตแฟบเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 5.1 ถึง 7 นิ้วมากขึ้น ส่วนทางด้านแอ็ปเปิล (ในยุค ของ สตีฟ จ็อบส์) ปฏิเสธที่จะผลิตอุปกรณ์ที่มีหน้าจอใหญ่กว่า ไอโฟน ที่มีขนาดหน้าจอ 3.5 นิ้ว (89 มม.) และเล็กกว่า ไอแพด ที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว (250 มม.) ในปี พ.ศ. 2555
  • 9. 9 1.2.6 ไมโครคอนโทลเลอร์ (Microcontrollers) ไมโครคอนโทรลเลอร์ (อังกฤษ: microcontroller มักย่อว่า µC, uC หรือ MCU) คือ อุปกรณ์ ควบคุมขนาดเล็ก ซึ่งบรรจุความสามารถที่คล้ายคลึงกับระบบคอมพิวเตอร์ ในไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ รวมเอาซีพียู, หน่วยความจา และพอร์ต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสาคัญของระบบคอมพิวเตอร์เข้าไว้ ด้วยกัน โดยทาการบรรจุเข้าไว้ในตัวถังเดียวกัน ไมโครคอนโทรลเลอร์ เป็นคอมพิวเตอร์แบบฝังตัว(Embedded Computers) ออกแบบมา เป็นพิเศษ มีขนาดเล็ก ป้อนโปรแกรมเพื่อให้ทางานด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะสามารถสังเกตได้จาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปในปัจจุบัน มักมีเป็นส่วนประกอบแทบทั้งสิ้น เช่น สมาร์ททีวี เครื่องไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น เป็นต้น รูป 1.11 แสดงตัวอย่างสมาร์ททีวี 1.3 อุปกรณ์โทรคมนาคม (Telecommunications) โทรคมนาคม (อังกฤษ: Telecommunication) หมายถึงการสื่อสารระยะไกล โดยใช้เทคโนโลยี ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสัญญาณไฟฟ้า หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเนื่องจากเทคโนโลยีที่ แตกต่างกันจานวนมากที่เกี่ยวข้องกับคานี้ จึงมักใช้ในรูปพหูพจน์ เช่น Telecommunications เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมในช่วงต้นประกอบด้วยสัญญาณภาพ เช่น ไฟสัญญาณ, สัญญาณควัน, โทรเลข, สัญญาณธงและ เครื่องส่งสัญญาณด้วยกระจกสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ ตัวอย่างอื่นๆ ของการสื่อสารโทรคมนาคมก่อนช่วงที่ทันสมัยได่แก่ ข้อความเสียง เช่นกลอง, แตร และ นกหวีด เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมด้วยไฟฟ้าและแม่เหล็กไฟฟ้าได้แก่โทรเลข, โทรศัพท์และ โทรพิมพ์, เครือข่าย, วิทยุ, เครื่องส่งไมโครเวฟ, ใยแก้วนาแสง, ดาวเทียมสื่อสารและอินเทอร์เน็ตโดย อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งสัญญาณไปในอวกาศ เช่น การส่งคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ และการส่ง
  • 10. 10 คลื่นไมโครเวฟ และการส่งสัญญาณดวงเดียว โดยจุดที่ส่งข่าวสารกับจุดรับอยู่ห่างกัน และข่าวสารที่ส่ง จะเฉพาะเจาะจงผู้รับคนใดคนหนึ่ง หรือการส่งแบบผู้รับทั่วไปก็ได้ โทรคมนาคมเป็นการใช้สื่ออุปกรณ์รับไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร และ โทรพิมพ์ เพื่อการสื่อสารในระยะไกล โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะแปลงข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ เช่น เสียง และภาพไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า สัญญาณเหล่านี้จะถูกส่งไปโดยสื่อ เช่น สายโทรศัพท์ หรือคลื่นวิทยุ เมื่อสัญญาณไปถึงจุดปลายทาง อุปกรณ์ด้านผู้รับจะรับและแปลงกลับสัญญาณไฟฟ้าเหลานี้ให้เป็น ข้อมูลที่สามารถเข้าใจได้ เช่นเป็นเสียงทางโทรศัพท์ หรือภาพบนจอโทรทัศน์ หรือข้อความและภาพ บนจอคอมพิวเตอร์ โทรคมนาคมจะช่วยให้บุคคลสามารถติดต่อสารกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดๆ ในโลก ในรูปแบบของข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิง 1.4 องค์ประกอบของระบบโทรคมนาคม โทรคมนาคม (Telecommunications) หมายถึง การสื่อสารข้อมูลระยะทางไกลในรูปแบบ สัญญาณอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในอดีตระบบโทรคมนาคมให้บริการในรูปแบบของสัญญาณเสียงผ่าน สายโทรศัพท์ที่เรียกกันว่าสัญญาณในระบบ อนาลอก (Analog Signal) แต่ในปัจจุบันสัญญาณ โทรคมนาคมกาลังกลายเป็นการถ่ายทอดสัญญาณในรูปแบบดิจิตอล (Digital Signal) ระบบโทรคมนาคม (Telecommunications Systems) คือระบบที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และ ซอฟท์แวร์จานวนหนึ่งที่สามารถทางานร่วมกันและถูกจัดไว้สาหรับการสื่อสารข้อมูลจากสถานที่แห่ง หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งสามารถถ่ายทอดข้อความ ภาพกราฟฟิก เสียงสนทนา และวิดีทัศน์ ได้ มีรายละเอียดของโครงสร้างส่วนประกอบดังนี้ 1.4.1 เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือเปลี่ยนปริมาณใดให้เป็นไฟฟ้า (Transducer) เช่น โทรศัพท์ หรือไมโครโฟน เป็นต้น รูป 1.11 แสดงตัวอย่างเครื่องโทรศัพท์รุ่นต่าง ๆ
  • 11. 11 รูป 1.13 แสดงไมโครโฟนรุ่นต่าง ๆ 1.4.2 เครื่องเทอร์มินอลสาหรับการรับข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์หรือ โทรศัพท์ รูป 1.14 แสดงการส่งและรับสัญญาณโทรศัพท์ 1.4.3 อุปกรณ์ประมวลผลการสื่อสาร (Transmitter) ทาหน้าที่แปรรูปสัญญาณไฟฟ้าให้ เหมาะสมกับช่องสัญญาณ เช่น โมเด็ม (MODEM) มัลติเพล็กเซอร์ (multiplexer) แอมพลิไฟเออร์ (Amplifier) และดาวเทียม (Satellite) ดาเนินการได้ทั้งรับและส่งข้อมูล รูป 1.15 แสดงการประมวลผลของอุปกรณ์ส่งและรับสัญญาณ
  • 12. 12 รูป 1.16 แสดงการประมวลผลการส่งสัญญาณดาวเทียมของสองสถานี 1.4.4 ช่องทางสื่อสาร (Transmission Channel) หมายถึงการเชื่อมต่อรูปแบบใดๆ เช่น สายโทรศัพท์ ใยแก้วนาแสง สายโคแอกเซียล หรือแม้แต่การสื่อสารแบบไร้สาย รูป 1.17 แสดงการสื่อสารของระบบสัญญาณเสียง และสัญญาณภาพของระบบทีวีแบบอนาล็อก 1.4.5 ซอฟท์แวร์การสื่อสารซึ่งทาหน้าที่ควบคุมกิจกรรมการรับส่งข้อมูลและอานวยความสะดวก ในการสื่อสาร รูป 1.18 แสดงตัวอย่างโปรแกรมสาหรับการสื่อสารที่ได้รับความนิยม
  • 13. 13 1.5 หน้าที่ของระบบโทรคมนาคม ระบบโทรคมนาคม ทาหน้าที่ในการส่งและรับข้อมูลระหว่างจุดสองจุด ได้แก่ ผู้ส่งข่าวสาร (Sender) และ ผู้รับข่าวสาร (Receiver) ดาเนินการจัดการลาเลียงข้อมูลผ่านเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ ที่สุด จัดการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่จะส่งและรับเข้ามา สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบข้อมูล ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใจได้ตรงกัน ซึ่งที่กล่าวมานี้ส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวจัดการ ในระบบ โทรคมนาคมส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์การรับส่งข้อมูลข่าวสารต่างชนิด ต่างยี่ห้อกัน แต่สามารถแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันได้เพราะใช้ชุดคาสั่งมาตรฐานชุดเดียวกัน กฎเกณฑ์มาตรฐานในการสื่อสารนี้เรา เรียกว่า “โปรโตคอล (Protocol)” อุปกรณ์แต่ละชนิดในเครือข่ายเดียวกันต้องใช้โปรโตคอลอย่าง เดียวกัน จึงจะสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้ หน้าที่พื้นฐานของโปรโตคอล คือ การทาความรู้จักกับ อุปกรณ์ตัวอื่นที่อยู่ในเส้นทางการถ่ายทอดข้อมูล การตกลงเงื่อนไขในการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูล แก้ไขปัญหาข้อมูลที่เกิดการผิดพลาดขณะส่ง โปรโตคอลที่รู้จักกันมาก ได้แก่ โปรโตคอลในระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต เช่น Internet Protocol , TCP/IP 1.6 ประเภทของสัญญาณในระบบโทรคมนาคม 1.6.1 ประเภทของข้อมูลสาหรับการสื่อสารในระบบโทรคมนาคม สามารถแยกได้เป็น 4 ประเภท คือ 1) ประเภทเสียง เช่น เสียงพูด เสียงดนตรี 2) ประเภทตัวอักษร เช่นอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ 3) ประเภทภาพ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว 4) ประเภทรวม เป็นการสื่อสารทั้งตัวอักขระ ภาพและเสียง 1.6.2 ประเภทของข้อมูลจาแนกตามสัญญาณที่ส่งออกโดยจะมีการส่งสัญญานข้อมูลทั้ง 4 ปรพ เภทด้านบน และนามาแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่าสัญญาณข้อมูล (Data Signal) ทาให้สามารถ ส่งผ่านสื่อไปได้ในระยะไกลด้วยความเร็วสูง ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นสัญญาณข้อมูลได้ 2 ประเภทคือ 1) สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) หมายถึง สัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง มีขนาดของ ข้อมูลไม่คงที่ มีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยสัญญาณอนาล็อกจะถูกรบกวนให้มีการแปล ความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณในสายโทรศัพท์ เป็นต้น
  • 14. 14 รูป 1.19 แสดงตัวอย่างสัญญาณอนาล็อก รูป 1.20 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบอนาล็อก 2) สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่ ต่อเนื่อง มีขนาดแน่นอนซึ่งจะมีการกระโดดไปมาระหว่างสองค่าคือ สัญญาณสูงที่สุด และระดับ สัญญาณที่ระดับต่าที่สุด สัญญาณนี้เป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทางานและติดต่อสื่อสารกัน เช่น ระบบการสื่อสารวิทยุดิจิตอล และทีวีดิจิตอล
  • 15. 15 รูป 1.21 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบดิจิตอล รูป 1.22 แสดงตัวอย่างการส่งสัญญาณทีวีแบบดิจิตอล