More Related Content
Similar to หน่วยที่ 3 (20)
More from niramon_gam (11)
หน่วยที่ 3
- 4. การจัดการข้อมูลในคอมพิวเตอร์
การเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์นั้นข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น
ตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ จะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่
คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้กล่าวคือ ข้อมูลที่จัดเก็บจะมีลักษณะเป็นสัญญาณ
ดิจิตอล (สัญญาณไฟฟ้า) ซึ่งลักษณะการแทนข้อมูลต่างๆของคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้
รหัสของเลขฐานสอง (Binary Number) ประกอบด้วยเลข 2 ตัว คือ 0
และ 1 (0 แทนสัญญาณปิดและ 1 แทนสัญญาณเปิด) โดยจะนาตัวเลข 0 และ 1
มาประกอบกันเป็นชุดเพื่อใช้แทนตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ
ตัวเลข 0 และ 1 ของระบบเลขฐานสองแต่ละตัวจะมีหน่วยเรียกว่า บิต (Bit)
ซึ่งมาจากคาว่า Binary digit การนาตัวเลข 0 และ 1 เขียนเป็นชุดเพื่อแทน
อักขระต่างๆ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยเลข 0 หรือ 1 จานวน 8 บิต เรียงกันเป็น
หน่วยที่ใหญ่ขึ้น เรียกว่า ไบต์ (Byte) แต่ละไบต์จะสามารถแทนอักษรตัวเลขหรือ
สัญลักษณ์ได้1 ตัว
- 5. รหัสแทนข้อมูล
รหัสแทนข้อมูลที่ใช้แสดงข้อมูลคอมพิวเตอร์ ได้แก่ รหัสแอสกี (ASCII) และรหัสเอบซีดิค (EBCKIC)
รหัส ASCII ย่อมาจาก American StandardCode for Information Interchange
เป็นรหัสแทนข้อมูลที่นิยมใช้แทนข้อมูลมากที่สุด แอสกีจะใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและมินิคอมพิวเตอร์ ส่วน
รหัส EBCKIC ย่อมาจาก Extended Binary Coded Decimal Interchange Code
นิยมใช้กับเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
ทั้งรหัสแอสกีและเอบซีคิดจะใช้เลขฐานสอง (O หรือ 1) จานวน 8 หลักแทนข้อมูลหนึ่งตัวหรือ 1 byte
ดังนั้นรหัสแทนข้อมูลทั้งแอสกีและเอบซีดิคจะสามารถแทนข้อมูลที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด 256 แบบ
นอกจากนั้นรหัสทั้งสองที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีรหัส Unicode ซึ่งเป็นรหัสชุดใหม่ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้สามารถ
แทนตัวอักษรได้มากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากภาษาทางเอเชีย เช่น ภาษาจีนและญี่ปุ่นจะมีตัวอักษรจานวนมากเกินกว่าที่จะแทน
ด้วยเลขฐานสอง 8 บิต
Unicode เป็นรหัสแบบ 16 บิต จึงมีความสามารถในหารแทนข้อมูลได้สูงถึง 65,536 แบบ อย่างไรก็
ตาม รหัสแอสกีก็ยังสามารถใช้ได้กับรหัส Unicode จะมีลักษณะเดียวกับรหัสแทนข้อมูลแบบแอสกี แต่จะเติม 0
ไว้ข้างหน้าจานวน 8 บิต เช่น 01110100 ในรหัสแอสกีแทน t ถ้าเป็น Unicode จะเป็น 0000 0000
0111 0100
ปัจจุบัน Unicode เป็นรหัสที่นาไปใช้กับระบบปฎิบัติการหลายประเภท เช่น Windows 2000
(NT 5) และ 0S/2 เป็นต้น
- 6. หน่วยประมวลผลกลาง (PU)
ซีพียู (CPU) เป็นคาย่อของ Central Processing Unit ซึ่งเป็นชิปซิลิกอน (Silicon
Chip) หรือวงจรรวม (Integrated Circuit หรือ IC) ประกอบด้วยส่วนสาคัญ 2 ส่วน คือ หน่วย
ควบคุม (Control Unit) และหน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic/Logic Unit หรือ
ALU) ดังมีรายละเอียดดังนี้
หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์ทุกส่วน เช่น ส่วนรับข้อมูลประมวลผล แสดงผล การ
จัดเก็บข้อมูล ดังนั้น การทางานของหน่วยควบคุมจึงถือเป็นหัวใจหลักของระบบคอมพิวเตอร์ หน่วยคานวณและ
ตรรกะ ทาหน้าที่คานวณทางคณิตศาสตร์ (เช่น บวก ลบ คูณ หาร) และเปรียบเทียบทางตรรกะของข้อมูล (เช่น
มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ ) การทางานของหน่วยประมวลผลกลาง (ทั้งหน่วยควบคุมและ ALU ) จะมี
รีจิสเตอร์ (Register) ซึ่งเป็นแหล่งเก็บข้อมูลชั่วคราวที่ช่วยให้ซีพียูสามารถดึงข้อมูลไปประมวลผลได้เร็วกว่า
หน่วยความจาธรรมดา
ความเร็วของซีพียู เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละแบบแต่ละประเภทจะมีความเร็วในการประมวลผลของซีพียูที่
แตกต่างกันออกไป รวมทั้งมีหน่วยในการวัดความเร็วที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ตัวอย่างเช่น เครื่องพีซีโดย
ทั่งไปจะมีหน่วยวัดความเร็วเป็นแกะเฮิรตช์ (MHz หรือ Megahertz หรือ Millions of Clock
Cycles) เครื่องระดับเวิร์กสเตชั่นและเมนเฟรม จะมีหน่วยวัดเป็น MIPS (Millions of
Instructions Per Second) ส่วนเครื่องระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จะมีหน่วยวัดความเร็วเป็น
BIPS (Billions of
Instructions Per Second)
- 7. หน่วยความจาหลัด (MAIN MEMORY UNIT)
เป็นวงจรรวมหรือชิปที่ใช้บันทึกโปรแกรมและข้อมูล หน่วยความจาหลักจะบรรจุอยู่
บนเมนบอร์ดหรือแผงวงจรหลัด หน่วยความจาบางประเภทก็ถูกออกแบบให้อยู่ในชิปซีพียู
เลย
หน่วยของข้อมูลที่จัดเก็บในหน่วยความจาเรียกว่าไบต์ (Byte) 1 ไบต์ จะประกอบ
ไปด้วย 8 บิต นอกจากนี้ยังมีหน่วยเป็นกิโลไบต์ (Kilobyte หรือ KB) ซึ่งมีค่า
เท่ากับ 1,024 KB , กิกะไบต์ (Gigabyte หรือ GB) มีค่าประมาณหนึ่ง
พันล้านไบต์หรือหนึ่งล้านกิโลไบต์และเทราไบต์ (Terabyte หรือ TB) มีค่าประมาณ
หนึ่งล้านล้านไบต์ หน่วยความจุของข้อมูลในหน่วยความจาสรุปได้ ดังนี้
8bits = 1 byte
1024 bytes = 1 kilobyte (KB)
1024 KB = 1 megabyte (MB)
1024 MB = 1 gigabyte (GB)
1024 GB = 1 terabyte (TB)
- 8. อุปการรับข้อมูล (Input Devices)
สามารถจาแนกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device) อุปกรณ์ประเภทนี้ ได้แก่ แป้นพิมพ์
หรือ Keyboard แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งจะ
ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
2. อุปกรณ์ชี้ตาแหน่งและวาดรูป (Pointing and Drawing
Devices) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการทางานของตัวชี้ตาแหน่ง (Pointer) ซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ที่ทางานอยู่บนจอภาพคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ชี้ตาแหน่งใช้อุปกรณ์ที่รับข้อมูลเข้า
สู่ระบบ โดยอุปกรณ์ชี้ตาแหน่งและวาดรูปที่นิยมใช้
3. อุปกรณ์กวาดข้อมูล (Scanning Devices) เป็นอุปกรณ์เพื่อใช้บันทึก
ข้อความ ภาพวาด หรือสัญลักษณ์พิเศษอื่นๆ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมีหลักการทางาน
คือ อุปกรณ์จะทาการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตอลที่สามารถนาไป
ประมวลผลและแสดงบนจอภาพได้อุปกรณ์กวาดข้อมูล
4. อุปกรณ์รับข้อมูลมัลติมีเดีย
- 9. หน่วยแสดงผล (Output Unit)
หน่วยแสดงผลทาหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลข้อมูล (Data) ลักษณะ
การแสดงผลสามารถแสดงในรูปแบบของรายงานและกราฟิก ซึ่งสามารถพิมพ์ด้วย
เครื่องพิมพ์หรือแสดงผลผ่านทางจอภาพ ผลลัพธ์ที่อยู่ในรูปของสิ่งพิมพ์เรียกว่า Hard
Copy และผลลัพธ์ที่แสดงผลทางจอภาพ เรียกว่า Soft Copy นอกจากนี้ยังมีการ
แสดงผลในรูปแบบอื่นๆ อีกเช่น ระบบเสียงและภาพวีดีโอ
รายงาน (Reports) เป็นการนาเสนอข้อสนเทศตามรูปแบบรายงานขององค์กร
ซึ่งรายงานอาจอยู่ในรูปของเอกสารสิ่งพิมพ์หรือแสดงผลทางจอภาพ
กราฟิก (Graphics) คอมพิวเตอร์กราฟิก คือข้อสนเทศที่ไม่อยู่ในรูปของ
ข้อความแต่เป็นรูปภาพในระยะแรกๆ จะใช้กราฟ เพื่อแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ระบบเสียง (Audio) การแสดงผลในรูปของระบบเสียง (Audio) หมายถึง
เสียงที่เป็นเสียงและดนตรีซึ่งผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ใช้สาหรับแสดงผลใน
รูปแบบของเสียง คือ ลาโพง (Speaker) ซึ่งจะรับสัญญาณจากการ์ดเสียง
(Sound Card)
วีดีโอ (Video Output) การแสดงผลในรูปของวีดีโอจะประกอบด้วยภาพที่
บันทึกด้วยอุปกรณ์บันทึกภาพวีดีโอ (Video Input Device)