More Related Content Similar to ระบบภาพดิจิตอล Similar to ระบบภาพดิจิตอล (20) ระบบภาพดิจิตอล2. การใช้กล้องดิจิตอลอาจมีความยุ่งยากในการใช้งานบ้างตอนต้น แต่เมื่อคุ้นเคยกับมันดีแล้ว กล้องดิจิตอลจะให้ความสะดวกพอสมควรทีเดียว และยิ่งในปัจจุบันนี้ที่ราคาของกล้องดิจิตอลในท้องตลาดมีราคาต่ำลงเป็นอย่างมาก ทำให้มีคนสนใจหันมาซื้อกล้องดิจิตอลกันมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ซื้อนิยมดูกันที่รุ่นใหม่ๆ และความละเอียดที่สูงๆ เป็นหลัก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วกล้องดิจิตอลมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปมากกว่านั้นมาก และรุ่นใหม่ๆ หรือความละเอียดสูงๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเสมอไปก็ได้ 5. ข้อด้อยหลักของกล้องดิจิตอลเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องราคา แม้ว่าราคาของกล้องจะถูกลงมามากแล้ว แต่อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมก็ยังนับว่ามีราคาสูงอยู่พอสมควร หากว่าใช้งานในระยะยาวราคาต้นทุนอาจเฉลี่ยลงไปเรื่อยๆ ทำให้ประหยัดกว่าฟิล์มได้ แต่สำหรับท่านที่ใช้งานไม่มากนัก แม้จะไม่ได้รับประโยชน์ในด้านนี้เท่าไหร่แต่ก็สามารถอัดภาพมาดูได้ไม่ต้องรอให้ถ่ายหมดม้วนเหมือนฟิล์ม 7. ราคาที่ลดลงมากๆ นี้บางครั้งก็ค่อนข้างดึงดูดความสนใจได้มาก แต่อย่าลืมว่ากล้องดิจิตอลเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง การซื้อรุ่นเก่าที่ราคาต่ำลง ควรนำมาเทียบกับรุ่นใหม่ในสเปคที่ใกล้เคียงด้วย เพื่อจะได้เห็นข้อเปรียบเทียบที่เด่นชัด อย่าไปมองเพียงส่วนลดที่ดูน่าสนใจ ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องผิดหวังกับสิ่งที่ซื้อมาก็ได้ เพราะการขายเป็นกล้องมือสองสำหรับกล้องดิจิตอลแล้วค่อนข้างยากและไม่คุ้มทุนจริงๆ 16. ภาพขนาด 1600 x 1200 = 1,920,000 พิกเซล หรือเป็นความละเอียดสูงสุดที่สุดที่กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซลสามารถบันทึกได้ ความละเอียดของกล้องดิจิตอลที่ระบุไว้จะดูที่ความละเอียดสูงสุดที่กล้องสามารถบันทึกได้เท่านั้น ( นอกจากกล้องบางรุ่นที่ระบุความละเอียดโดยใช้หลักการของการประมวลผลและเพิ่มข้อมูลให้กับภาพ ) 18. กล้องดิจิตอลมีหลักการในการทำงานคล้ายๆ กับกล้องที่ใช้ฟิล์มทั่วๆ ไป กล้องดิจิตอลมีเลนส์ มีตัวรับภาพ ( ดิจิตอลฟิล์ม ) ส่วนที่ใช้ในการควบคุมการบันทึกภาพ ส่วนที่เพิ่มเข้ามาในกล้องดิจิตอลใหญ่ๆ สองส่วนคือส่วนของจอ LCD สำหรับดูภาพเมื่อบันทึกเสร็จ และส่วนของหน่วยบันทึกข้อมูล (memory card) สำหรับบันทึกข้อมูลภาพที่ต้องการเก็บ ( หากไม่ลบทิ้ง ) 19. การทำงานในส่วนของการบันทึกภาพนั้นใกล้เคียงกับกล้องใช้ฟิล์ม ส่วนที่แตกต่างกันคือระบบการควบคุมคุณภาพของภาพ ซึ่งได้รวมเอาขึ้นตอนการแต่งภาพ การปรับโทนสีของภาพ การอัด - ขยายภาพมาให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกควบคุม ( ในกรณีที่ต้องการ มิเช่นนั้นสามารถเลือกให้กล้องทำให้แบบอัตโนมัติได้ ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างกล้องดิจิตอลและกล้องใช้ฟิล์มคือ 25. - มีฟังชั่นการบันทึกแบบอื่นๆ นอกเหนือจากการบันทึกภาพนิ่ง - ใช้พลังงานเป็นหลักในการทำงานของกล้อง ตั้งแต่เริ่มเปิดกล้องไปจนถึงการเก็บข้อมูล 28. เนื่องจากกล้องดิจิตอลในท้องตลาดมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีระบบการทำงานรวมไปถึงวัสดุที่ใช้แตกต่างกัน ทำให้คุณภาพของภาพที่บันทึกได้มีความคมชัด โทนสี หรือคอนทราสของภาพที่แตกต่างกัน แต่เมื่อพูดถึงส่วนของความละเอียดของภาพดิจิตอลแล้ว หัวใจหลักจะอยู่ที่ขนาดภาพสำเร็จที่ต้องการใช้งานเป็นหลักใหญ่ 30. หลักง่ายๆ ในเรื่องของความละเอียดหรือ resolution ของภาพดิจิตอลก็คือ หากเราเลือกบันทึกภาพที่ความละเอียดต่ำ แต่ต้องการนำภาพไปขยายให้ใหญ่เท่ากับภาพที่บันทึกด้วยความละเอียดสูง คุณภาพของภาพที่ได้ก็จะต่ำลง หากอัตราการขยายไม่สูงนัก ก็จะมีผลต่อภาพไม่มากนัก แต่หากเราขยายขึ้นไปมากๆ ภาพที่ได้ก็อาจจะขาดรายละเอียดซึ่งมีผลทำให้ดูไม่ชัดไปได้ แต่ไม่ใช่ว่าภาพที่บันทึกด้วยความละเอียดที่ต่ำจะมีสีสัน ความคมชัดของภาพ สู้ภาพที่บันทึกด้วยความละเอียดสูงไม่ได้ 32. เวลาที่เราดูบนหน้าจอ LCD ด้านบนเมื่อปรับในเรื่องความละเอียดของภาพ ส่วนใหญ่แล้วกล้องเดี๋ยวนี้จะให้เลือกควบคู่กันไปโดยเรียกว่า Image Quality โดยจะสลับกันไปมาระหว่างขนาด - ระดับการบีบอัด ซึ่งจะมีผลทำให้จำนวนของภาพที่สามารถบันทึกลงในการ์ดแตกต่างกันออกไป 35. ตัวรับภาพที่ใช้ในกล้องดิจิตอลมีขนาดไม่มาตรฐานเหมือนฟิล์มที่เราใช้กัน ( ฟิล์ม 35 มม . มีขนาดเท่ากับ 24 x 36 มม .) และตัวรับภาพที่ใช้กันอยู่ในกล้องดิจิตอลทั่วไปก็มีใช้กันอยู่หลายขนาด เริ่มตั้งแต่เล็กเพียง 3 x 4 มม . ไปจนถึงขนาดเท่าฟิล์ม ทำให้กล้องดิจิตอลมีความละเอียดในการบันทึกภาพแตกต่างกัน และการที่ตัวรับภาพมีขนาดที่ต่างกันทำให้เลนส์ของกล้องซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรวมแสงให้ผ่านเข้าไปตกยังตำแหน่งของตัวรับภาพมีทางยาวโฟกัสที่ต่างกัน ( ขึ้นอยู่กับขนาดของตัวรับภาพ ) 36. ทางยาวโฟกัสที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นเป็นทางยาวโฟกัสที่เทียบในฟอร์แมทของกล้อง 35 มม . แต่ในเมื่อตัวรับภาพของกล้องดิจิตอลมีขนาดเล็กกว่าฟิล์มมาก ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องคอมแพค ) ทำให้ทางยาวโฟกัสจริงของเลนส์ในกล้องดิจิตอลมีตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับทางยาวโฟกัสมาตรฐาน ทำให้ผู้ผลิตระบุทางยาวโฟกัสเป็นจำนวนเท่ามาให้ดูคู่ไปกับทางยาวโฟกัสจริง กล้องรุ่นใหม่ๆ บางรุ่นจะเขียนเป็นทางยาวโฟกัสเทียบเท่ามาให้เพื่อความสะดวก ในขณะที่ส่วนใหญ่ยังเขียนเป็นค่าจริงอยู่ 37. ทางยาวโฟกัสของกล้องคอมแพคจะเริ่มต้นอยู่ที่ระหว่าง 4.5 - 8 มม . เมื่อเทียบกับค่าทางยาวโฟกัสของกล้องในฟอร์มแมท 35 มม . แล้วจะเริ่มที่ระหว่าง 37 - 43 มม ซึ่งให้องศาการรับภาพใกล้เคียงกับเลนส์มาตรฐาน หากเป็นเลนส์ซูม ส่วนใหญ่จะบอกค่าทางยาวโฟกัสเป็นจำนวนเท่า หรือ X เท่า เช่น 3X หมายถึง 3 เท่า หากเริ่มที่ 37 มม . ก็จะเท่ากับมีทางยาวโฟกัสอยู่ในช่วง 37 - 111 มม . เป็นต้น 38. กล้องดิจิตอลบางรุ่น ( โดยเฉพาะขนาดเล็กๆ ) อาจมีค่าทางยาวโฟกัสเดียว ซึ่งหมายถึงว่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนองศาการรับภาพได้ * หากต้องการเปลี่ยนมุมมอง ต้องขยับไปข้างหน้าหรือถอยหลังเป็นต้น กล้องประเภทนี้จะระบุค่าการซูมภาพมาให้โดยทั่วไปจะเป็น 2x หรือ 2 เท่า แต่จะไม่สามารถระบุที่หน้าเลนส์ได้ เพราะเป็นการซูมภาพโดยใช้โปรแกรมการทำงานของกล้องไม่ใช่การซูมจริงของเลนส์ ซึ่งจะให้ภาพที่มีคุณภาพด้อยกว่าการซูมด้วยเลนส์จริง 39. Optical Zoom - Digital Zoom ระบบการซูมภาพของเลนส์ในกล้องดิจิตอลมีอยู่ 2 ระบบ คือระบบ Optical Zoom และ Digital Zoom ซึ่งระบบ Optical Zoom จะเป็นซูมด้วยเลนส์จริง ในขณะที่ระบบการซูมภาพแบบ Digital Zoom นั้น จะเป็นการตัดภาพในส่วนที่แสดงช่วงการซูมไว้ แล้วนำมาประมวลผลในกล้อง - ขยายให้ใหญ่ขึ้น ทำให้เมื่อดูจากจอ LCD ดูเหมือนว่าเป็นการซูมภาพจริงๆ 40. ทั้งนี้พัฒนาการของ Digital Zoom นับว่าดีขึ้นมากแล้วในกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆ แต่หากว่าเทียบกับการซูมภาพด้วยเลนส์ที่มีคุณภาพดีแล้วก็ยังเทียบกันไม่ได้ กล้องส่วนใหญ่จะมีฟังชั่นของ Digital Zoom เป็นของแถมมาให้ ในขณะที่บางรุ่นเน้นโฆษณาในส่วนนี้มาก การเลือกความสามารถของกล้องควรดูด้วยค่าการซูมจริง หรือ Optical Zoom ของกล้องเป็นหลักดีกว่า * ดูเรื่ององศาการรับภาพเพิ่มเติมได้ที่หลักการถ่ายภาพ 42. เนื่องจากภาพดิจิตอลคือข้อมูลของตารางสีสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่นำมาเรียงต่อกัน ดังนั้นขนาดของภาพดิจิตอลเมื่อนำไปแสดงผ่านสื่อต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับประเภทของสื่อที่เราต้องการนำภาพไปแสดงด้วย ภาพดิจิตอลที่ถ่ายด้วยความละเอียดเท่ากัน หากนำไปแสดงผ่านจอมอนิเตอร์ จะดูมีขนาดใหญ่ แต่หากนำไปพิมพ์แล้วอาจได้ขนาดเล็กนิดเดียว สิ่งที่แตกต่างกันคือความละเอียดที่สื่อแต่ละอย่างต้องการไม่เหมือนกัน 43. การแสดงภาพดิจิตอลบนหน้าจอมอนิเตอร์ต้องการความละเอียดเพียง 72 - 95 พิกเซลต่อตารางนิ้ว ในขณะที่การพิมพ์ภาพดิจิตอลตามแล็ปหรือจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับพิมพ์ภาพ จะอยู่ที่ 200 - 300 พิกเซลต่อตารางนิ้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ควรจะได้ ดังนั้นการถ่ายภาพสำหรับส่งอีเมล์ กับการถ่ายภาพเพื่ออัด หรือเพื่อขยายจึงต้องใช้ความละเอียดในการบันทึกที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ 45. ดังจะเห็นได้จากภาพว่า ภาพถ่ายดิจิตอลที่ความละเอียด 1600 x 1200 พิกเซล สามารถมีขนาดตั้งแต่ประมาณ 5 x 4 นิ้ว ไปจนถึง 22 x 16 นิ้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราสามารถนำภาพดิจิตอลไปอัดขยายได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ว่าเป็นความแตกต่างและความต้องการของสื่อที่ใช้แสดงผลที่ไม่เท่ากัน 46. หากเราต้องการพิมพ์ ความละเอียดของภาพจะได้ประมาณ 4 x 6" หรือ 5 x 7" ในขณะที่หากเรานำมาแสดงผ่านทางจอมอนิเตอร์ ภาพจะดูใหญ่เกินจอ ( ล้นจอ ) แต่ที่เราเห็นไม่เต็มจอเป็นเพราะภาพนั้นถูกสเกลให้เล็กลง ให้ลองสังเกตที่หัวมุมด้านบนซ้ายของภาพจะบอกว่าภาพนั้นๆกำลังแสดงอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ หากเราดูที่ 100 % เราจะต้องใช้แถบ cursor เลื่อนขึ้นลง หรือซ้ายขวา เนื่องจากว่าภาพมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จอมอนิเตอร์จะแสดงได้เต็มนั่นเอง 50. 3072 x 2048 ระดับ 6 ล้านพิกเซล 2592 x 1944 ระดับ 5 ล้านพิกเซล 2272 x 1704 ระดับ 4 ล้านพิกเซล 2048 x 1536 ระดับ 3 ล้านพิกเซล 1600 x 1200 ระดับ 2 ล้านพิกเซล 1280 x 960 ระดับ 1 ล้านพิกเซล ความละเอียดภาพนิ่งสูงสุด ที่กล้องสามารถบันทึกได้ ( โดยประมาณ ) ความละเอียดของกล้อง ( โดยประมาณ )