More Related Content
Similar to 5.เครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องมัลติฟังก์ชั่น (20)
5.เครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องมัลติฟังก์ชั่น
- 1. การเลือกซื้อเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ในระดับมืออาชีพ (Performance)<br />วิธีการเลือกซื้อเครื่อง Scanner สำหรับผู้ใช้ระดับสูง เครื่อง สแกนเนอร์ ที่แนะกับผู้ใช้ในระดับนี้ จะต้องเป็นเครื่อง สแกนเนอร์ ที่มีความละเอียดที่สูง มีบิตสีในการสแกนที่มาก มีความเร็วในการสแกนที่พอเหมาะไม่ช้าจนเกินไป สามารถสแกนได้ทั้งกระดาษธรรมดา และแผ่นฟิล์ม มีขนาดและรูปร่างที่ไม่ใหญ่มากนัก<br />ในส่วนแรกเลยก็คงจะต้องมาเลือกกันที่ว่าหัวสแกนของเครื่อง สแกนเนอร์ หรือ Scanner ต้องการหัวสแกนแบบใด แบบ CCD Flatbed หรือแบบ CIS Flatbed ซึ่งหัวสแกนทั้ง 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ แบบCCD Flatbed จะมีความละเอียดในการสแกนรูปภาพ และความเร็วในการสแกนที่สูงกว่าหัวสแกนแบบ CIS Flatbed ส่วนขนาดของเครื่องหัวสแกนแบบ CCD Flatbed จะมีความหนาและใหญ่กว่าเครื่องที่ใช้หัวสแกนแบบ CIS Flatbed ความละเอียดสำหรับเครื่อง Scanner ในระดับมืออาชีพนี้ควรจะมีความละเอียดอยู่ที่ 1200 x 1200 จุดต่อตารางนิ้วขึ้นไป ยิ่งมีความละเอียดที่สูงก็จะทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดสูงขึ้น แต่ในเครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner) ในปัจจุบันจะสามารถปรับความละเอียดในการสแกนเพิ่มขึ้นได้อีกโดยใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์เข้าช่วย ความละเอียดที่ได้จากโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์จะอยู่ที่ 9600 จุดต่อตารางนิ้วขึ้นไป<br />ต่อมาเป็นจำนวนบิตสีในการสแกนควรจะอยู่ที่ 48 บิตสี จะอยู่ในโหมด สี 48 บิต Input/ 24 บิต Output ส่วนโหมดสีเท่า 16 บิต Input/ 8 บิต Output ส่วนความเร็วในการพรีวิวสแกนควรจะอยู่ที่ 7 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น ส่วนพื้นที่ในการสแกนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 216 x 197 มิลลิเมตร หรือกระดาษขนาด A4 ความสามารถของเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) บางรุ่นจะสามารถสแกนรูปภาพหรือข้อความถูกบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มได้ นับว่าเป็นตัวเลือกของผู้ใช้ที่ต้องการคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างอื่นอีก<br />ส่วนการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันเครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner) ส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อผ่านทาง USB 1.1/2.0 อันนี้แล้วแต่เครื่องของผู้ใช้กับว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ใช้พอร์ต USB เวอร์ชันใด ถ้าเป็น USB 1.1 ก็จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลน้อยกว่า USB 2.0 แต่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าถ้า USB ของผู้ใช้เป็น USB 2.0 แล้วจะไม่สามารถใช้ USB 1.1 ได้ สามารถใช้ได้ครับแต่ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลจะช้าลงเพียงเท่านั้น ส่วนในเรื่องพลังไฟที่ใช้ในเครื่องScanner (สแกนเนอร์) บางรุ่นจะมี Adapter ในการเชื่อมต่อเพื่อจ่ายพลังงานให้กับเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) แต่ในบางรุ่นจะสามารถใช้กระแสไฟจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงได้ นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่จะทำผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องหาปลั๊กไฟเพิ่มเติม แต่ก็มีข้อเสียอยู่ตรงที่หาก Power Supply ของเครื่องคอมพิวเตอร์มีกำลังไฟไม่เพียงพอแล้วอาจจะทำให้เครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) หรืออุปกรณ์บางอย่างไม่สามารถทำงานได้ ในส่วนระบบใช้ก็จะเป็น Windows 98/98SE/ME/2000/XP หรือ Mac OS 8.6-9.x ส่วนในด้านเทคโนโลยีหรือโปรแกรมที่แถมมากับเครื่อง Scanner นั้น อันนี้แล้วแต่ผู้ใช้ว่ามีความถนัดหรือใช้งานได้ง่ายหรือไม่<br />การเลือกซื้อเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ในระดับประสิทธิภาพคุ้มค่า (Value)<br />การเลือกซื้อ Scanner (สแกนเนอร์) ในแบบมีประสิทธิสมราคา อย่างแรกก็คงเป็นเทคโนโลยีการสแกน มีทั้งแบบ CCD และแบบ CIS แล้วแต่จะเลือกครับ แบบ CCD มีข้อดีตรงที่สามารถสแกนวัตถุได้ทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ (วัตถุ 2 มิติ คือ วัตถุที่มีเพียงด้านเดียว ส่วนวัตถุ 3 มิติ คือ วัตถุที่มีทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง) แบบ CIS ก็สามารถในการสแกนได้เหมือนกับ CCD แต่จะด้อยกว่าในด้านประสิทธิภาพของภาพที่ได้จากการสแกน ส่วนตัวเครื่อง CCD จะมีขนาดและน้ำหมักที่มากกว่า CIS ลำดับต่อมาคือ ความละเอียดในการสแกนควรจะเลือกเครื่องสแกนที่มีความละเอียดในการสแกน 1200 x 1200 จุดต่อตารางนิ้วขึ้นไปครับ แต่เครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) บางรุ่นยังสามารถเพิ่มความละเอียดได้ด้วยโปรแกรม (Software)<br />ตัวอย่างเช่น Up to 4800 Optimized หมายความว่า สามารถปรับความละเอียดโดยใช้โปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ทำให้ได้ความละเอียดสูงสุดที่ 4800 จุดต่อตารางนิ้ว ส่วนความละเอียดในการสแกนส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 48 บิตสีอยู่แล้ว จะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการสแกนความคมชัดที่สูงขึ้นครับ ต่อไปเป็นการเชื่อมต่อเครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner) มีการเชื่อมต่อหลายแบบครับ ได้แก่ Parallel เป็นการเชื่อมต่อแบบธรรมดาที่สุด, USB 1.1/2.0 ทำให้การส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วกว่า Parallel สะดวกในการติดตั้ง, SCSI คล้ายๆ กับ Parallel แต่มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่า Parallel และสุดท้าย FireWire มีเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) น้อยรุ่นที่จะใช้พอร์ตนี้ในการเชื่อมต่อ เมื่อนำมาติดตั้งไว้ในเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) จะทำให้มีราคาที่สูงขึ้น ผู้ใช้ต้องเลือกด้วยว่าจะใช้พอร์ตอะไรในการเชื่อมต่อ ในปัจจุบัน USB 1.1/2.0 เป็นพอร์ตที่ใช้งานง่ายที่สุดแล้วครับ ราคาก็ไม่แพงมากนัก Scanner (สแกนเนอร์) บางรุ่นยังมีความสามารถที่เครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) รุ่นอื่นไม่มีอีก คือ การสแกนแผ่นฟิล์ม หรือแผ่นสไลด์ได้ครับ นับเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาแล้วได้ประโยชน์อีกไม่น้อยครับ<br />เมื่อผู้ใช้กำหนดสเปกของเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) แล้วว่าต้องการแบบไหน ความละเอียดในการสแกนเท่าไหร่ เชื่อมต่อผ่านทางพอร์ตอะไร คราวนี้ก็ต้องมาดูกันที่เทคโนโลยีของบริษัทผู้ผลิตเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ว่าผู้ใช้ใช้งานง่ายหรือไม่ การที่เราสามารถใช้งานเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ได้ง่าย ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการอ่านคู่มือมากนัก น้ำหนักกับขนาดของเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์)ส่วนใหญ่จะไม่ต่างกันมากกนัก ก็แล้วแต่ว่าผู้ใช้ชอบเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) หน้าตาแบบไหน สีอะไรครับ<br />การเลือกซื้อเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ในระดับประหยัด (Budget)<br />สำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณในการจัดซื้อน้อย Scanner (สแกนเนอร์) ระดับBudget ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดูจะเหมาะสมมากที่สุดและในตลาดบ้านเราตอนนี้ก็มีให้เลือกอยู่หลายรุ่นเช่นเดียวกัน ในด้านของประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ใช้ได้เลยครับ แต่ต้องพิจารณาจากใช้งานหลักของผู้ใช้เองด้วยนะครับ อย่างที่เคยได้กล่าวไปถึงวิธีการเลือกซื้อในฉบับก่อนแล้ว ครั้งนี้เราจะเข้ามาลึกอีกสักหน่อย สำหรับการเลือกซื้อ Scanner ระดับล่าง ที่ทางผู้ใช้มีงบประมาณน้อยจะเลือกซื้ออย่างไรถึงจะใช้ได้ การเลือกซื้อ สแกนเนอร์ระดับนี้เราต้องมาพิจารณาถึงองค์ประกอบหลักว่าเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ที่ทางผู้ใช้สนใจอยู่นั้นมีรุ่นใดบ้าง ให้เอาราคาที่ใกล้เคียงกับงบประมาณที่มีอยู่หลังจากนั้นให้นำมาเปรียบเทียบกันว่ามีข้อแตกต่างกันในส่วนใดบ้าง ด้านเทคโนโลยีของสแกนเป็นรู้ดีอยู่ว่ามีแบบ CIS และแบบที่เป็นCCD ถ้าคุณต้องการเน้นประสิทธิในการสแกนวัตถุสามมิติ แนะนำให้ใช้เทคโนโลยีแบบ CCD จะดีกว่าเพราะการสแกนวัตถุที่เป็นสามมิตินั้นเทคโนโลยี CCD จะเหนือกว่า CIS อยู่เล็กน้อย เนื่องจากระบบการทำงานจะต่างกัน หากคุณต้องการเน้นที่ความรวดเร็ว ประหยัดพื้นที่สามารถจัดเก็บได้สะดวกเมื่อไม่ได้ใช้งานก็ต้องเป็นแบบCISครับ เพราะที่รู้ๆกันว่าข้อเสียของเครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner) แบบที่ใช้เทคโนโลยีแบบ CCD ตัวเครื่องค่อนข้างหนาและมีน้ำหนักมากกว่า เทคโนโลยีแบบ CIS พอประมาณครับ จำนวนบิตสีควรเลือกที่เป็นมาตรฐานคือ 48 บิตสีจะดีกว่า<br />การเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เลือกที่คุณคิดว่าสะดวกมากที่สุด อย่างเช่น ถ้าคุณใช้เครื่องพรินเตอร์ที่ต่อกับสาย Parallel อยู่ก็ควรเลือกซื้อ Scanner (สแกนเนอร์) ที่เชื่อมต่อแบบ USB หรือไม่ก็ FireWire แทนจะได้ทำให้การทำงานสอดคล้องกัน ทำงานร่วมกันได้ไม่ต้องมีปัญหาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้เสียเวลา หากเครื่องพรินเตอร์ใช้เป็นUSB และถ้าคุณมีช่องUSB เหลือก็ตามสะดวกได้เลยครับ เพราะการเชื่อมต่อแบบ USB นั้นจะรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบ Paralle อยู่พอสมควร หรือถ้าหากว่าอยากลองการเชื่อมต่อแบบใหม่อย่าง FireWire ก็ไม่ว่ากันครับ แต่ต้องดูด้วยว่าเครื่องScanner (สแกนเนอร์) รุ่นที่คุณต้องการสนับสนุนการเชื่อมต่อแบบนี้หรือไม่ เพราะที่เห็นกันในตลาดบ้านเราตอนนี้แบบราคาระดับล่างมีอยู่ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีการเชื่อมต่อแบบ FireWire ด้วย แถมไม่ทราบว่าจะมีการ์ดPCI ที่ไว้ต่อกับตัวเชื่อมต่อ FireWire มาให้ด้วยหรือเปล่าในบ้างรุ่น จากการที่ได้ไปสำรวจมาในบางร้านมีแถมมาให้ บางร้านก็ไม่มีต้องเพิ่มเงินซื้อถึงจะได้ ทั้งๆ ที่น่าแถมมาให้พร้อมเครื่อง สแกนเนอร์ (Scanner) อยู่แล้ว ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลองคิดดูเล่นๆก็แล้วครับว่าทำไม ส่วนของค่าความละเอียดในการสแกนคงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ที่มีค่าความละเอียดสูงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นค่าความละเอียดที่ใช้งานกันใน ระดับปกติเป็นมาตรฐานอยู่แล้วครับ ไม่ต้องเสียใจไปว่าเรามีงบประมาณน้อยไม่สามารถซื้อเครื่อง Scanner (สแกนเนอร์) ที่มีค่าความละเอียดสูงๆได้ เพียงแค่คุณก็ใช้ทำงานได้ในระดับหนึ่งแล้ว<br />อ้างอิง http://www.buycoms.com/buyers-guide/scanner/index.asp<br />เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction)<br />เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้<br />ส่วนการทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงานให้มีการทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายเอกสารทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย อย่างเช่น การย่อหรือขยายเอกสาร การทำสำเนา หรือจะเป็นการปรับ เลือกโหมดการถ่ายเอกสารสีหรือการถ่ายเอกสารขาว-ดำได้ เป็นต้น<br />ส่วนเครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีแฟกซ์ในตัวเราจะสังเกตได้จากแผงควบคุมที่จะมีปุ่มสำหรับกดเลขหมายโทรศัพท์ได้ สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชันนี้จะมีทั้งกลุ่มธุรกิจองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง โฮมออฟฟิศ และกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านนั้นในตอนนี้ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางผู้ผลิตทั้งหลายต่างก็ได้ส่งเครื่องมัลติฟังก์ชันราคาประหยัดลงมาทำตลาดกัน ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 4000 บาทเท่านั้น และเมื่อลองเทียบกันกับการซื้อPrinterและScannerแบบแยกชิ้นแล้ว จะเห็นได้ว่ามีราคาต่างกันไม่มาก แต่เมื่อดูถึงจุดเด่นของมัลติฟังก์ชันที่ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งกว่า และสามารถถ่ายเอกสารทั้งสีทั้งขาว-ดำได้แล้วถือว่าเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว<br />ในการเลือกซื้อเครื่องมัลติฟังก์ชันเราจะอาศัยหลักการเลือกซื้อแบบแยกชิ้นอาจจะไม่ได้ เพราะในการเลือกซื้อแบบแยกชิ้นอย่างการซื้อPrinterสักเครื่องเราอาจจะพิจารณาจากความละเอียดในการพิมพ์เป็นอันดับต้น ๆ ก็ได้ แต่สำหรับการซื้อมัลติฟังก์ชันนั้นต่างกันเนื่องจากมัลติฟังก์ชันเป็นอุปกรณ์แบบรวมชิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคาดหวังว่าในการพิมพ์ต้องมีความละเอียดเท่านี้ สแกนเนอร์ต้องสแกนงานได้ที่ความละเอียดเท่านี้นั้นเป็นเรื่องที่กำหนดได้ยาก ถ้าให้ดีเราควรเลือกซื้อตามความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลักดีกว่า อย่างเช่นถ้าที่ออฟฟิศของคุณมีเครื่องแฟกซ์อยู่แล้วก็ควรเลือกซื้อเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบที่ไม่มีแฟกซ์ในตัวมาใช้ ซึ่งราคาส่วนต่างระหว่างรุ่นที่มีแฟกซ์กับไม่มีแฟกซ์จะต่างกันค่อนข้างมากอยู่ ส่วนในเรื่องของความละเอียดในการพิมพ์และการสแกนงานนั้น ในการเลือกซื้อให้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานด้วย อย่างถ้ามีความจำเป็นต้องมีการใช้งานเกี่ยวกับด้านกราฟิกบ้าง เครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีความละเอียดสูง ๆ ก็จะเหมาะสมกับงานแบบนี้มากกว่า หรือถ้าหากมีการใช้งานการพิมพ์หรือการสแกนที่ต้องการความละเอียดสูงจริง ๆ หรือมีการใช้งานเป็นประจำ ควรจะเลือกซื้อแบบแยกชิ้นไปเลยดีกว่า เพราะในการใช้งานแบบเฉพาะเจาะจงนั้นอุปกรณ์แบบแยกชิ้นย่อมทำงานได้ดีกว่าเสมอ เราต้องอย่าลืมว่า เครื่องมัลติฟังก์ชันนั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้มากขึ้น แต่ถ้าจะเลือกซื้อมัลติฟังก์ชันความละเอียดมีตั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว, 1200 x 1200 ตารางนิ้ว ความสามารถในการพิมพ์ขาว-ดำ 12 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป พิมพ์สี 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนความละเอียดในการสแกนตั้งแต่ 600 x 1200 จุดต่อตารางนิ้ว ยิ่งมากยิ่ง สแกนได้ความละเอียดสูง จำนวนบิตสีก็สำคัญส่วนใหญจะประมาณ 48 บิตสี บางรุ่นยังสามารถสแกนแล้วย่อ – ขยายได้ตั้งแต่ 25% - 400% ในส่วนนี้ เป็นส่วนเพิ่มเติม หน่วยความจำในเครื่องมัลติฟังก์ชันก็สำคัญควรจะมีประมาณ 16 MB ขึ้นไป จะได้ช่วยประมวลผลในการพิมพ์ได้เร็วขึ้น<br />การเชื่อม ต่อสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบใด Parallel, USB 1.1/2.0, FireWire และ Ethernet ขอแนะนำให้ใช้ USB 1.1/2.0 เพราะราคาไม่สูงมากนัก แต่ถ้า ต้องการความเร็วในส่งข้อมูลที่สูงขึ้นแนะนำ FireWire ครับ ฟังก์ชันในการใช้งานในตอนนี้มัลติฟังก์ชันมีสามารถในการพิมพ์ภาพจากกล้องดิจิตอล หรือสื่อ บันทึกข้อมูล Memory Stick, MutiMedia Card(MMC), Secure Disk(SD), CompactFlash(CF) และ XD-Cart<br />สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการพิมพ์ที่มีความละเอียดในการพิมพ์ที่สูงขึ้นสามารถพิมพ์รูปภาพได้สวยขึ้น ไม่แพ้เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์, ในเรื่องของความสามารถในการพิมพ์ก็เช่นเดียวกัน เครื่องมัลติฟังก์ชันมีความเร็วในการพิมพ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถพิมพ์ได้ไวขึ้น, ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีความง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น โดยจะมีโปรแกรมที่ช่วยเหลือในการพิมพ์ให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งาน การสแกนรูปภาพ หรือการทำสำเนา และรวมทั้งการรับ-ส่งแฟกซ์ โดยที่การทำงานต่างๆ เหล่านี้สามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทางซอฟต์แวร์ควบคุม หรือว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านทางหน้าจอควบคุม และปุ่มควบคุมทางด้านบนของตัวเครื่อง, การทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีมีความสามารถอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสาร 2 หน้าอัตโนมัติโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม เพราะได้ติดตั้งไว้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับตัวเครื่องแล้ว ซึ่งบางรุ่นก็ยังได้เพิ่มเติมความสามารถในการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD อีกด้วย<br />ขั้นตอนประเมินฟังก์ชั่นในการใช้งานที่คุณต้องการ<br />1. พิจารณาถึงความต้องการของคุณ - เลือกสีของปริ้นเตอร์ว่าต้องการสีสัน ,สีดำ หรือ สีขาว - เลือกระหว่าง ปริ้นเตอร์แบบอิงก์เจท(InkJet) หรือ แบบเลเซอร์ (Laser) ตามงบประมาณที่คุณมี (เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์จะแพงกว่า)<br />2. พิจารณาถึงความละเอียดในการพิมพ์และการสแกน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการซื้อเครื่องพิมพ์มาพิมพ์ข้อความขาวดำเพียงเท่านั้น ความละเอียด 600 x 600 dpi ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการซื้อปริ้นเตอร์มาพิมพ์งานที่มีความละเอียดสูง หรือ ภาพถ่าย คุณจะต้องเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดสูง 4800 x 1200 dpi เป็นต้น (ใช้เลือกซื้อให้เหมาะสมตามความต้องการใช้งานของคุณ)<br />3. เลือกว่าฟังก์ชั่นถ่ายเอกสาร คุณต้องการแบบ sheetfed or flatbed - แบบ fletbed คือแบบที่สามารถเปิดฝาด้านบนได้ ทำให้สามารถถ่ายเอกสารหรือสแกนได้จากสื่อต่างๆหลายประเภท เช่น<br />หนังสือ รูปภาพ การ์ดต่างๆ<br />4. หาข้อมูลจากบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายปริ้นเตอร์ว่ามีมัลติฟังก์ชั่นปริ้นเตอร์รุ่นไหนบ้าง (Canon ,Brother , Samsung, Hp เป็นต้น) จากนั้นให้นำข้อมูลรายละเอียดของปริ้นเตอร์แต่ละรุ่น เช่น ความละเอียดในการพิมพ์ ,ฟังก์ชั่นต่างๆ และราคา มาเปรียบเทียบกัน โดยใช้ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็ได้<br />5. เลือกว่าต้องการมัลติฟังก์ชั่น ปริ้นเตอร์ ที่มีความสามารถในการส่งแฟ็กส์หรือไม่ ถ้าต้องการความสามารถนี้ ให้พิจารณาถึง ความเร็วในการส่ง กระดาษที่ใช้ ,ความละเอียดในการส่งfax<br />6. เลือกคุณสมบัติในการสแกนและทำสำเนา เช่น ความเร็วในการก็อปปี้หรือสแกน , ความสามารถในการขยายหรือลดขนาดภาพที่ก็อปปี้หรือสแกน<br />7. ตรวจสอบระบบการเชื่อมต่อของปริ้นเตอร์กับคอมพิวเตอร์ (เช่น USB หรือ Ethernet) และระบบปฏิบัติการที่รองรับ (เช่น Windows หรือ Mac ) ก่อนซื้อจะต้องแน่ใจว่าเมื่อซื้อมาแล้ว ปริ้นเตอร์สามารถทำงานกับคอมพิวเตอร์ของคุณได้<br />อ้างอิง http://www.pharm.chula.ac.th/webelarning/elearning/printer/4_multifunction__allinone_aio.html<br />