More Related Content
Similar to Creative lanna booklet(3) (20)
Creative lanna booklet(3)
- 4. การจัดทำฐานข้อมูลในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Lanna Creative Economy
ภายใต้โครงการพัฒนาเศรษฐกิจล้านนาเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy)
ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ 1 – เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน
ดำเนินการโดย
ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1
158 ถนนทุ่งโฮเต็ล ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
โทร. 053-245 361-2 โทรสาร. 053 248 315
ร่วมกับ
ศูนย์นวัตกรรมและการจัดการความรู้ (KIC)
วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
239 ถ.ห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร 084-804 9286, 053-920 299 ต่อ 403
โทรสาร 053-920 299 ต่อ 402
วันที่ตีพิมพ์ เป็นวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ลิขสิทธิ์ © 2554
ออกแบบโดยบริษัท มี แอนด์ เฟรนด์ สตูดิโอ จำกัด
- 5. สารบัญ
บทนำ
การออกแบบ
• ลักษณะการออกแบบและวัสดุเพื่อการออกแบบ
• ลักษณะแนวโน้มของตลาด
• รายการนิตยสาร
ช่องทางการจำหน่ายสินค้า
• ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)
• ข้อมูลกลุ่มผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
• ข้อมูลผู้ขายสินค้า
• ปฏิทินการจัดนิทรรศการสินค้า
ฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านการส่งออก
• ขั้นตอนการส่งออก (How to export)
ข้อมูลการให้คำปรึกษาและบริการการออกแบบผลิตภัณฑ์
• รายชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ
• สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการออกแบบละการทดสอบผลิตภัณฑ์
ข้อมูลทั่วไปของผู้ประกอบการ และผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือก
ผู้สนับสนุนโครงการ
- 7. บทนำ
สาขาอุตสาหกรรมหลักของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) หรือกลุ่มล้านนา
เป็นประเภทอุตสาหกรรมขนส่ง อุตสาหกรรมอาหารและเครืองดืม และอุตสาหกรรมไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ซึงเป็นอุตสาหกรรมที่
่ ่ ่
พึ่งฐานทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก มีมูลค่ารวม 40,000ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมฐานความรู้
(Knowledge Based Industry) มากขึ้น ตามเงื่อนไขมาตรฐานสินค้า และการแข่งขันในตลาดสากล นอกจากนั้นในกลุ่ม
จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ยังมีพนฐานของอุตสาหกรรมการท่องเทียวทีมมลค่าอันดับต้นๆของประเทศ อันมีจดขายทางด้านวัฒนธรรม
ื้ ่ ่ีู ุ
ประวัติศาสตร์ และทรัพยากรมนุษย์
หากสามารถพัฒนาต่อยอดด้วยการเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ (Value Creation) โดยใช้องค์ความรู้ และนวัตกรรม
ผนวกกบจดแขงในดานความหลากหลายของทรพยากรธรรมชาติ วฒนธรรม และวถชวตความเปนอยแบบลานนา จะชวยเพมขด
ั ุ ็ ้ ั ั ิีีิ ็ ู่ ้ ่ ่ิ ี
ความสามารถในการแข่งขันของกลุมจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้เป็นอย่างดี ซึงจะสอดคล้องตามแผนปฏิบตการไทยเข้มแข็ง
่ ่ ัิ
2555 ของทางรัฐบาล เพือสร้างฐานรายได้ใหม่ททนสมัยของประเทศจากเศรษฐกิจความคิดสร้างสรรค์ หรือเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
่ ี่ ั
(Creative Economy) ให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศได้ในอนาคต
วัตถุประสงค์ของโครงการ
• เพือศึกษาการพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการของกลุมจังหวัดภาคเหนือตอนบน1 ทีมศกยภาพ และส่งเสริมให้เกิดผูประกอบการ
่ ่ ่ีั ้
และการเพมมลคาผลตภณฑทเ่ี กยวของกบยทธศาสตรเ์ ศรษฐกจสรางสรรคของรฐบาล
่ิ ู ่ ิ ั ์ ่ี ้ ั ุ ิ ้ ์ ั
• เพื่อพัฒนาคุณภาพของบุคลากรในภาคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมกับส่งเสริมวิจัยนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรม
• เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน1 พัฒนาเป็น Creative Regional City
• เพ่ือ ยกระดับ และพัฒ นาขีด ความสามารถในการแข่ง ขัน ทางเศรษฐกิจ โดยใช้ทุน ทางสัง คม และทุน ทางปัญ ญา
เพอสงเสรมการเพมมลคาการคา การลงทนของกลมภาคเหนอตอนบน1 ไดอยางยงยน
่ื ่ ิ ่ิ ู ่ ้ ุ ุ่ ื ้ ่ ่ั ื
บทนำ
- 9. การออกแบบ
ลักษณะการออกแบบและวัสดุเพื่อการออกแบบ
1. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
ส่วนใหญ่นยมทำเป็นตูเ้ ก็บเอกสาร โต๊ะทำงานเก้าอี้ ชันวางของ ฯลฯ หากเป็นตูเ้ ก็บเอกสารและโต๊ะทำงานมัก
ิ ้
เปนเฟอรนเิ จอรทใี่ ชในสำนกงานแตหากเปนเกาอและชนวางของมกเปนเฟอรนเิ จอรทใี่ ชในบานและในหองครวเปนตน
็ ์ ์ ้ ั ่ ็ ้ ้ี ้ั ั ็ ์ ์ ้ ้ ้ ั ็ ้
ความต้องการเฟอร์นิเจอร์เหล็กภายในประเทศมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับผู้บริโภคมีความนิยมเฟอร์นิเจอร์เหล็กลดลงส่งผลให้
มูลค่าตลาดเฟอร์นิเจอร์เหล็กในประเทศลดลงดังจะเห็นได้จากมูลค่านำเข้าเฟอร์นิเจอร์เหล็กของไทยใน
ปี 2541 ที่ลดลงจากปี 2540 ร้อยละ 69.76 คิดเป็นมูลค่า 142 ล้านบาทและมูลค่านำเข้าในช่วงครึ่ง 1
แรกของปี 2542 ที่ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 52.37 คิดเป็นมูลค่า 36 ล้านบาท
ทางด้านการส่งออกเฟอร์นิเจอร์เหล็กของไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงกับประเทศจีนทำให้มูลค่า
การส่งออกของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงโดยในปี 2541 มูลค่าส่งออกเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
ของไทยขยายตัวจากปี 2540 เพียงร้อยละ 1.43 คิดเป็นมูลค่า 1,928 ล้านบาทและในช่วงครึ่งแรกของ
ปี 2542 มูลค่าส่งออกลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.31 คิดเป็นมูลค่า 962 ล้านบาท คาดว่า
ทังปี 2542 มูลค่าส่งออกจะลดลงร้อยละ 1.5 เป็น 1,900 ล้านบาทประเทศทีเ่ ป็นตลาดส่งออกหลักสำหรับ
้
เฟอร์นิเจอร์เหล็กคือญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14รองลงมาคือสหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11
ความต้องการเฟอร์นิเจอร์เหล็กในประเทศปี 2543 ยังมีแนวโน้มที่ชะลอตัวเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังไม่ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดประกอบกับความนิยมเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
ลดน้อยลงทำให้ตลาดเฟอร์นิเจอร์เหล็กยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในขณะที่มูลค่าส่งออกคาดว่าจะอยู่ในระดับ
ทรงตัวเท่ากับปี 2542
อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนมีความสนใจที่จะผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็กควรมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับ
ความนิยมและการใช้งานของผู้บริโภคซึ่งในปัจจุบันนี้เฟอร์นิเจอร์เหล็กประเภทเก้าอี้และชั้นวางของที่ได้รับ
ความนิยมนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์เหล็กที่เน้นการดีไซน์ที่สวยงามและทันสมัยซึ่งปัจจุบันมักจะมีการผสมผสาน
ด้วยไม้ พีวีซี หนัง หรือพลาสติกแต่หากต้องการที่จะผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็กประเภทตู้เก็บเอกสารและโต๊ะ
ทำงานต้องเน้นที่ความแข็งแรง คงทนค่าใช้จ่ายในการผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็กส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบคิด
- 10. เป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดโดยวัตถุดิบหลักได้แก่แป๊บเหล็กและแผ่นเหล็กรองลงมา
ได้แก่ค่าแรง ค่าโสหุ้ยการผลิตและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรตามลำดับส่วนอัตรากำไรเฉลี่ยของเฟอร์นิเจอร์
เหล็กอยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 ของราคาจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์
2. ไม้
คุณสมบัติและประโยชน์ของไม้แต่ละชนิด
ในที่ นี้ จ ะกล่ า วถึ ง คุ ณ สมบั ติ แ ละประโยชน์ ข องไม้ เ นื้ อ แข็ ง ไม้ เ นื้ อ แข็ ง ปานกลาง และไม้ เ นื้ อ อ่ อ น
ที่ควรทราบตามลำดับ ดังนี้
1. ไม้เนื้อแข็ง มีหลายชนิด เช่น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้แดง มีดังต่อไปนี้
1.1 ไม้เต็ง 1.2 ไม้รัง
1.3 ไม้แดง 1.4 ไม้ตะเคียนทอง
1.5 ไม้ตะแบก 1.6 ไม้สัก
1.7 ไม้ชัก 1.8 ไม้เคี่ยม
1.9 ไม้มะค่าแต้ 1.10 ไม้ประดู่
2. ไม้เนื้อแข็งปานกลาง มีหลายชนิดเช่นไม้ยางไม้กระบากหรือไม้กะบากไม้กระท้อน และอื่นๆ
ซึ่งมีดังต่อไปนี้
2.1 ไม้ยาง 2.2 ไม้กระบากหรือไม้กะบาก
2.3 ไม้ชุมแพรก 2.4 ไม้นนทรี
2 2.5 ไม้มะม่วงป่า 2.6 ไม้กระท้อน
2.7 ไม้เบญจพรรณ 2.8 ไม้กระบาก
2.9 ไม้กาเปอร์
3. ไม้เนื้ออ่อน มีหลายชนิดเช่น ไม้สยาขาว ไม้ก้านเหลือง ไม้มะยมป่า ไม้ต้นมะพร้าว ซึ่งมีดังต่อไปนี้
3.1 ไม้สยาขาว 3.2 ไม้ก้านเหลือง
3.3 ไม้มะยมป่า 3.4 ไม้ต้นมะพร้าว
3.5 ไม้สน
เกร็ดงานไม้
1.) น้ำยาเคลือบไม้โพลียูรีเทน ไม่เหมาะกับพื้น ผนังภายนอก เนื่องจากแพ้ UV ใช้แล้วร่อนเป็นแผ่น
2.) ถ้าใช้ไม้ปลูกบ้าน ควรผึ่งแดดล่วงหน้า 6 เดือน เพื่อลดปัญหายืดหด และบดงอ
3.) ขนาดของไม้ปูพื้นระเบียง Outdoor ที่เหมาะสมคือ 1.5 x 4 นิ้ว เพื่อลดการบิดงอ แลเดินแล้วไม่ยวบ
และยังสามารถซ่อนหัวสกรูได้แนบเนียนกว่า
4.) การอดโปวไมดวยดนสอพอง ควรใชผลตภณฑสำเรจรปเนองจากไมหลดรอนงาย ดกวากาวผสมขเ้ี ลอย
ุ ๊ ้้ ิ ้ ิ ั ์ ็ ู ่ื ่ ุ ่ ่ ี ่ ่ื
5.) สีน้ำมันไม่เหมาะกับไม้ ถ้าต้องการให้สีทนทานให้ใช้สีพวก Acrylic พวก Timber Shield ครับ
6.) Wood Stain เหมาะกบงานไม้ แตตองระวงใหเ้ ปนไมประเภทเดยวกน ถาตางชนดอาจจะใหสทไดตางกน
ั ่้ ั ็ ้ ี ั ้ ่ ิ ้ ี ่ี ้ ่ ั
7.) การใช้ไม้ผสมกับงานปูน ต้องระวังเรื่องยางไม้ อาจจะเกิดคราบยางไม้ได้
8.) การทาสตองเนนใหชางทาใหรอบทอนไมทง 6 ดาน โดยเฉพาะจดรอยตอ เพราะเปนจดทผไดงายทสด
ี้ ้ ้่ ้ ่ ้ ้ั ้ ุ ่ ็ ุ ่ี ุ ้ ่ ่ี ุ
- 11. ไมกบเฟอรนเิ จอร์ ไมทนำมาทำเฟอรนเิ จอรมหลายชนด ขนอยกบภมประเทศของดนแดนนนๆ ในอดต ไมสก
้ั ์ ้ ่ี ์ ์ี ิ ้ึ ู่ ั ู ิ ิ ้ั ี ้ั
คอไมชนดหนงทคนไทยนยมนำมาทำเฟอรนเิ จอร์ เพราะมความแขงแรง แมลงหรอตวทำลายไมไมนยมเขามา
ื ้ ิ ่ึ ่ี ิ ์ ี ็ ื ั ้ ่ิ ้
ยงเกยวกบไมสก ไมสกมขนาดใหญพอเหมาะ ไมวาไมขนาดใหญกสามารถทำเปนโครงสรางบาน หรอไมขนาด
ุ่ ่ี ั ้ ั ้ ั ี ่ ่่ ้ ่็ ็ ้ ้ ื ้
เล็กก็นำมาทำเป็นเฟอร์นเิ จอร์ในบ้าน และไม้สกถือเป็นไม้มคณค่าในสังคมไทยจนถึงปัจจุบนตังแต่ประเทศไทย
ั ีุ ั ้
มกฎหมายปดปาหามตดไมสงวน ดงนน ไมยางพาราจงเรมมบทบาทในการทำเฟอรนเิ จอร์ เนองดวย ราคาไม้
ี ิ ่ ้ ั ้ ั ้ั ้ ึ ่ิ ี ์ ่ื ้
พารามีตนทุนน้อยมากในอดีต (หลังจากกรีดน้ำยางหมดแล้วก็เผาเป็นถ่านหรือฟืน) นอกจากนีมคณสมบัตอนๆ
้ ้ีุ ิ ่ื
เช่น มีความแข็งแรง เป็นไม้ลำต้นตรง มีตาไม้ไม่มากเกินไป และมีกำลังการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ซงสภาพภมประเทศและอากาศรอนชนของประเทศไทย มความเหมาะสมในการปลก
่ึ ูิ ้ ้ื ี ู
3. หิน
การเลือกใช้หนในการนำไปตกแต่งภายในบ้านหรือห้องต่างๆ ตามประโยชน์การใช้สอย สำหรับหินทีนยมใช้ประดับตกแต่ง
ิ ่ิ
ไมวาจะเปนพน ผนง เคานเ์ ตอร์ ฯลฯ ขอยกตวอยางหนทนยมใชกนบอย ๆ สก 5 ชนด
่ ่ ็ ้ื ั ั ่ ิ ่ี ิ ้ ั ่ ั ิ
1. หินแกรนิต (Granite) คือ เป็นหินที่เนื้อหินแกร่งทนทานแต่การนำไปใช้ต้องระวังความปลอดภัยโดย
เฉพาะส่วนพื้นห้องน้ำพลาดพลั้งขึ้นมาอาจเสียชีวิตได้ สำหรับข้อดีข้อเสียของหินอ่อนก็คล้ายคลึงกับ
หินแกรนิตเพียงแต่เนื้อหินอ่อนไม่แข็งแกร่งเท่าหินแกรนิตเพราะฉะนั้นการใช้งานจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะการนำไปปูพื้น
2. หินอ่อน (Marble) เป็นหินที่มีเนื้อหินอ่อนสมชื่อ คือสามารถเกิดรอยขูดขีดได้ง่ายกว่าหินแกรนิต
เพราะฉะนั้นการใช้งานจึงต้องรู้ถึงการดูแลรักษาและการป้องกัน
3. หินกาบ (Slate) เป็นหินที่มีลักษณะเป็นแผ่นซ้อนกันเป็นชั้นๆ สีดำเข้มผสมสีน้ำตาลเข้มและอ่อน 3
สลับกันไป หินกาบจะมีลกษณะเป็นรูปทรงอิสระ (Free Form) แต่กสามารถแปรรูปเป็นทรงสีเ่ หลียมได้
ั ็ ่
ปัจจุบันมีการทำเลียนแบบเป็นกระเบื้องหินกาบเนื่องจากหินกาบจริงมักจะมีการหลุดล่อนของชั้นหิน
เวลาใช้งาน เจ้าของบ้านจึงหันไปนิยมใช้กระเบื้องที่ทำเลียนแบบมากกว่า
4. หินทราย (Sandstone) ลักษณะจะเป็นผิวหยาบที่เกิดจากชั้นของหินทราย ปัจจุบันนิยมนำมาตกแต่ง
ผนงโดยเฉพาะหองนำทเ่ี ปนแบบธรรมชาตมการจดสวนอยในหองนำ สำหรบหนทรายกมการทำกระเบอง
ั ้ ้ ็ ิี ั ู่ ้ ้ ั ิ ็ี ้ื
หินทรายออกมาจำหน่ายเช่นกัน การดูแลรักษาหินทรายธรรมชาติน้นจะต้องทาน้ำยาเคลือบผิวหน้า
ั
เอาไว้สำหรับกันคราบสรกปรกและตะไคร่น้ำ
4. พลาสติก
เป็นวัสดุที่ทุกๆคนคุ้นเคย มักพบเห็นโดยทั่วไปในรูปของกล่อง ขวดหรือถุงสำหรับบรรจุขนม เครื่องดื่มหรือ
ของใช้ต่างๆเราจับต้องและใช้พลาสติกอยู่ทุกวัน เคยสังเกตหรือไม่ว่าพลาสติกที่ใช้ทำขวดใส่น้ำอัดลมมี
ลักษณะใสและเหนียวแตกต่างจากขวดแป้งฝุ่น ยาสระผมมักมีสีสันทึบแสงและค่อนข้างนิ่มหรือกล่อง
พลาสติกสำหรับเก็บเทปเพลง คุกกี้หรือของแห้งที่มีสมบัติแข็ง ใสแต่แตกง่ายไม่เหมาะที่จะนำมาบรรจุ
น้ำดื่มหรือยาสระผมเพราะอาจลื่นตกแตกได้
ความจริงแล้วพลาสติกทีเ่ ราใช้กนอยูทกวันนีมมากมายหลายชนิดและมีสมบัตแตกต่างกัน เราลองเก็บรวบรวม
ั ุ่ ้ี ิ
ขวดหรือกล่องพลาสติกที่เราไม่ใช้แล้วมาทดลองแยกชนิดเพื่อเปรียบเทียบสมบัติและการใช้งานให้สังเกต
ที่ก้นของภาชนะพลาสติกส่วนใหญ่ที่เราใช้อยู่เป็นประจำจะเห็นสัญญาลักษณ์ตัวเลข 1-7 ที่อยู่ภายใน
สามเหลี่ยมตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้เราแยกชนิดพลาสติกได้ง่ายขึ้น
- 12. 1. โพลิทิลีนเทเรฟทาเลลิเต (polyethylene terephthalate, PET)
2. โพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (high density polyethylene, HDPE)
3. โพลิไวนิลคลอไรด์ (polyvinylchloride, PVC)
4. โพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDPE)
5. โพลิโพรพิลีน (polypropylene, PP)
6. โพลิสไตรีน (polystyrene, PS)
7. พลาสติกอื่นๆ ที่ไม่ใช้ 6 ชนิดแรก หรือไม่ทราบว่าเป็นพลาสติกชนิดใด
คุณสมบัติของเฟอร์นิเจอร์ พลาสติกชนิดพิเศษ
มีความแข็งแรงทนทานด้วยโครงสร้างที่ออกแบบอย่างละเอียด พิถีพิถันมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแข็งแรง
กว่าไม้เพราะทำจากพลาสติก HDPE ทีมความหนาแน่นสูง และรับน้ำหนักได้มากกว่าทนต่อสภาวะแวดล้อม
่ี
ซึ่งสามารถทนต่ออุณหภูมิตั้งแต่ -40 ถึง +110 Celsius degreeทนความชื้นได้ดีและกันปลวก มด เชื้อรา
ปลอดสนิม แตกลายงา เป็นขุยและเสียนป้องกันรังสี Ultra Violet ด้วยสารUV Guard ทีผสมในเนือวัตถุดบ
้ ่ ้ ิ
ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและไม่ต้องคอยบำรุงรักษาทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเพราะใส่สารกันฝุ่นเกาะ
จับตัวสีสันสดใสและสามารถดัดแปลงประโยชน์ใช้สอยได้ตามที่ต้องการเป็นที่นิยมมานานในตลาด
ต่างประเทศอาทิเช่น ยุโรป และอเมริกา
5. เครื่องหนัง
เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนังมี 2 ประเภท คือ
4 1. เฟอร์นิเจอร์หนังแท้
เฟอร์นเิ จอร์หนังแท้ทดหรูหราเป็นธรรมชาติคงความสง่างามให้กบบ้านเป็นการยกระดับบ้านให้ดมความ
ี่ ู ั ูี
สวยงามเฟอร์นิเจอร์ประเภทหนังจะมีไม่อมฝุ่นเหมือนผ้าแต่ขณะเดียวกันก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่มา
กพอสมควรอาทิเช่น ห้ามใช้สารเคมีชนิดรุนแรงโดยเด็ดขาด สารเคมีดงกล่าวได้แก่ น้ำมันสน น้ำยาขัดเงา
ั
น้ำยาทีเ่ ป็นกรดต่างๆจะต้องเลือกใช้เฉพาะน้ำยาทีออกแบบมาโดยเฉพาะกับเฟอร์นเิ จอร์หนังแท้ทคณใช้
่ ี่ ุ
งานอยู่เพราะว่าหนังแท้เป็นผลิตผลจากธรรมชาติจึงต้องคอยระมัดระวังและป้องกันหนังแท้เป็นผลิตผล
จากธรรมชาติจึงต้องคอยระมัดระวังและป้องกันหนังจากความร้อน ความชื้นแฉะและต้องการบำรุง
ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและรักษาหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตก แห้ง หรือกระด้างส่วนการ
ทำความสะอาดนั้นแสนง่ายด้วยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้หมาดเท่านั้น
2. เฟอร์นิเจอร์หนังเทียม
หนังเทียบเป็นวัสดุททำขึนเพือเลียนแบบหนังแท้โดยวัสดุนนมีหลักอยู่ 2 ประเภทคือ พีย(ู PU) กับพีวซ(ี PVC)
ี่ ้ ่ ั้ ี
ซึ่งปัจจุบันดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วแทบจะเหมือนกับหนังแท้แต่อย่างไรก็ตามหนังเทียมก็ผลิตขึ้น
มาจากพลาสติก ดังนั้นก็ควรหลีกเลียงน้ำยาประเภทสารทำละลายต่างๆอาทิเช่น น้ำมันสน ทินเนอร์
แอลกอฮอล์ ฯลฯเป็นส่วนประกอบ ส่วนการทำความสะอาดก็ง่ายเช่นเดียวกับหนังแท้คือด้วยการใช้ผ้า
ชุบน้ำสะอาดเช็ดเท่านั้นก็พอ โดยปกติแล้วถ้าเฟอร์นิเจอร์หนังอยู่ในห้องปรับอากาศดี ไม่จำเป็นต้อง
เช็ ด บำรุ ง รั ก ษาบ่ อ ยมากนั ก แต่ ถ้ า เฟอร์ นิ เ จอร์ ถู ก แดดและโดนฝุ่ น บ่ อ ย ๆก็ ต้ อ งหมั่ น ดู แ ล
รักษาความสะอาดอยู่เสมอ พื้นที่สำหรับเช็ดถูบ่อย ๆ มักจะอยู่บริเวณส่วนงานใช้ประจำเช่น ที่นั่ง
พนักพิงศีรษะ ท้าวแขนและพนักพิง หลังที่เกิดการหมักหมมของเหงื่อและความสกปรก ไม่จำเป็น
ต้องเช็ดไปถึงด้านหลังโซฟาหรือด้านนอกอื่นๆบ่อยเกินไปแค่ประมาณปีละครั้งก็พอ โดยมีข้อควรระวัง
- 13. คือไม่ตั้งเฟอร์นิเจอร์หนังให้ถูกกับแสงแดดโดยตรงหรือวางใกล้กับความร้อนมากไป อาจทำให้หนังแห้ง
และเกิดรอยแตกได้นอกจากหนังแท้ทั่วไปแล้วยังมีประเภทเฟอร์นิเจอร์หนังกลับ ส่วนนี้จะใช้การดูแล
รักษามากกว่าหนังแท้ที่กล่าวไปเพราะหนังกลับจะเก็บความสกปรกไว้ได้มากที่สุด
วิธีการดูแลเฟอร์นิเจอร์หนัง
1. อยาใชนำยาทำความสะอาดเครองหนงตวทำละลายสารเคมเี ฟอรนเิ จอร์ นำยาเปอนและสารรนแรงอนๆ
่ ้้ ่ื ั ั ์ ้ ้ื ุ ่ื
2. อย่าทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์หนังโดยใช้สารเคมีชนิดผงขัด
3. เอาสงสกปรกจากผวหนงดวยนำและสบธรรมชาตสำลเี ปยกถรอยเปอนในลกษณะเปนวงกลมใหแลวซบ
่ิ ิ ั ้ ้ ู่ ิ ี ู ้ื ั ็ ้ ้ ั
อกทดวยผาแหง
ี ี้ ้ ้
4. หลีกเลี่ยงการถูมากเกินไปและแรงเกินไป
5. วางให้ห่างจากแสงแดดและความร้อนอย่างน้อย 30-40 ซม.
6. เช็ดฝุ่นจากเฟอร์นิเจอร์เครื่องหนังด้วยผ้าหมาดนุ่มเป็นประจำ
7. อย่าใช้ไดร์เป่าผมและเครื่องทำความร้อนเป่าเฟอร์นิเจอร์ให้แห้ง
8. อย่าใช้น้ำหรือตัวทำละลายเช็ดคราบน้ำมัน ควรใช้ผ้าแห้งซับทันทีเพื่อหลีกเลี่ยวคราบฝังแน่น
9. หากทำน้ำหกใส่เฟอร์นิเจอร์ ควรใช้ฟองน้ำหรือผ้าที่ใช่ในน้ำสบู่อุ่นซับเบาๆทันที
เงื่อนไขการจัดเก็บและขนส่งในช่วงฤดูหนาว
1. ควรเก็บเครื่องหนังไว้ในที่อบอุ่น
2. หาผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ระหว่างการขนส่ง
3. หากคุณมีการโหลดไปยังรถทางรถไฟและรถบรรทุกสิงของทีทำจากหนังควรจะอยูชนบนเพือหลีกเลียง
่ ่ ่ ้ั ่ 5
การกดทบั
4. หากเฟอร์นเิ จอร์อยูในระหว่างการขนส่งเป็นเวลาหลายวันทีอณหภูมตำก็จะต้องระมัดระวังอย่างมาก
่ ุ่ ิ่
การถ่ายสินค้าในกรณีที่เป็นของชิ้นใหญ่ ไม่ควรขนย้ายเฟอร์นิเจอร์โดยแบกไว้เหนือศรีษะ
5. หลงจากการถายสนคาเฟอรนเิ จอรจะตองมเี หลออยใู่ นบรรจสภาพในททอนเปนเวลาอยางนอย 24 ชวโมง
ั ่ ิ ้ ์ ์ ้ ื ุ ่ี ่ี ุ่ ็ ่ ้ ่ั
6. กระดาษ
กระดาษทสามารถใชเ้ ปนบรรจภณฑไดมหลายชนด และแตละชนดจะมความเหมาะสมในการใชงานตางกน
่ี ็ ุั ์ ้ี ิ ่ ิ ี ้ ่ ั
1. กระดาษเหนียว (Kraft paper)
คุณสมบัติเด่น: แข็งแรง ทนแรงฉีกขาด ทนแรงดันทะลุและแรงดึง
การใช้งาน: ห่อสินค้าทุกชนิดอาทิถุง กล่อง ซอง
ประเภท: มทงฟอกขาวและไมผานการฟอกขาวคอมสนำตาลคลำเปนกระดาษทใี่ ชมากทสดในดานการบรรจภณฑ์
ี ้ั ่่ ื ีี้ ้ ็ ้ ่ี ุ ้ ุั
2. กระดาษไข (Grease proof paper)
คุณสมบัติเด่น: ต้านทานการซึมผ่านของไขมันและน้ำมัน
การใช้งาน: ห่ออาหารที่มีไขมัน
ประเภท: เป็นกระดาษที่มีความหนาแน่นสูงผิวหน้าเรียบมีความขาวสว่าง ความแข็งแรงต่ำ
3. กระดาษกลาสซิน (Glassin paper)
คุณสมบัติเด่น: ต้านทานการซึมผ่านของอากาศน้ำมันและไขมันได้ดีมาก
การใช้งาน: ใช้กับอาหารที่มีไขมัน
ประเภท: เป็นกระดาษที่มีความหนาแน่นสูงมาก มีความเงาและใสมากผิวหน้าสามารถพิมพ์ลวดลายต่างๆ
ได้ดีมาก
- 14. 4. กระดาษพาสเมนต์ (Parchment paper)
คุณสมบัติเด่น: กันน้ำ กันไขมันและแข็งแรงเมื่อเปียกน้ำ
การใช้งาน: การผลิตปูบรรจุกระป๋อง ห่ออาหารที่มีไขมัน ห่อเนื้อปู
ประเภท: เป็นกระดาษที่celluloseล้วนๆ จึงไม่ค่อยละลายน้ำ
5. กระดาษทิชชู (Tissue paper)
คุณสมบัติเด่น: โปร่งแสง น้ำหนักเบาและนุ่ม
การใช้งาน: ห่อสินค้าที่เกิดริ้วรอยที่ผิวได้ง่ายห่อผลไม้ แผ่นคั่นระหว่างกระจก โลหะและพลาสติก
6. กระดาษเคลือบ (Coated paper)
คุณสมบัติเด่น: กันน้ำ ไขมัน ปิดผนึกความความร้อน
การใช้งาน: ห่อผลิตภัณฑ์อาหาร สบู่ ทำกล่องบรรจุอาหาร
ประเภท: เป็นกระดาษที่อาจจะเคลือบด้วยไขหรือด้วยพลาสติก Polyethylene จึงมีคุณสมบัติกันน้ำได้
7. กระดาษซัลไฟต์ (Sulphite paper)
คุณสมบัติเด่น: คล้ายKraft paperแต่แข็งแรงน้อยกว่า
การใช้งาน: ห่อสินค้าพวกอาหารและสิ่งทอ
7. ผ้า
6 เฟอร์นิเจอร์ผ้า คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากผ้าโดยมากจะประสบปัญหาในด้านการทำความสะอาดเพราะ
ฝุ่นละอองและคราบสกปรกต่างๆ จะติดที่เนื้อผ้าได้ง่าย ดังนั้นการเลือกใช้จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงสถานที่
และความเหมาะสมด้วย โดยมากเฟอร์นิเจอร์หุ้มผ้าจะเป็นโซฟา เก้าอี้และที่นอน ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ผ้า
คือให้ความนุ่มนวลเวลาใช้งานอีกทั้งยังมีลวดลายสวยงามและเลือกได้หลายแบบอีกด้วย
การดูแลรักษา
การที่มีฝุ่นเกาะที่เฟอร์นิเจอร์ผ้าจะทำให้แลดูและเก่าง่าย
วิธีแก้ไข
ต้องหมั่นดูดฝุ่นและปัดฝุ่นเป็นประจำโดยการใช้แปรงกลมเล็กๆที่สามารถปัดถึงในซอกของเฟอร์นิเจอร์ได้
ถ้ามีน้ำหกลงบนเฟอร์นิเจอร์ผ้าให้ซับคราบออกมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นใช้สบู่อ่อนๆค่อยๆทาแล้วใช้
ผ้าซับสบู่ออก ใช้ดรายเป่าผมให้แห้งเพื่อไม่ให้เหลือคราบด่างไว้ การทำความสะอาดผ้าหุ้มเฟอร์นิเจอร์นี้จะ
ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ฉะนั้นควรมีการทำความสะอาดโดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย
ปีละ 1 ครั้งซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะฉีดละอองแชมพูเพื่อย่อยคราบสกปรกต่างๆออกจากผ้าแล้วจึงฉีด
ละอองน้ำแล้วดูดคราบสกปรกออกโดยทันที
8. แก้ว
คุณสมบัติของแก้ว
แก้วเป็นวัสดุภัณฑ์ที่ไม่มีปฏิกิริยากับสิ่งบรรจุโดยเฉพาะอาหารสามารถใช้แก้วมาเป็นภาชนะบรรจุได้ทุกชนิด
ป้องกันการซึมผ่านของก๊าซและไอน้ำได้ดี การป้องกันแสงสามารถทำได้โดยการทำให้แก้วมีสีเช่นสีเขียว
- 15. สีน้ำตาลสามารถทนความร้อนได้สูงมากเช่น แก้ว Pyrex การผลติแก้วให้มีคุณสมบัติต่างๆกันจึงขึ้นอยู่กับ
ส่วนผสมของแร่ธาตุที่ใช้เช่นการเพิ่มความใสและแวววาวโดยการเติมสารตะกั่ว การเพิ่มให้แก้วมีสีต่างๆ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแร่ธาตุที่เป็นส่วนผสมเช่นสีเหลืองมีส่วนผลมของ Cadmium sulfid สีชมพูมีส่วนผสมของ
Magnesium oxide สีเขียวและน้ำตาลมีส่วนผสมของเหล็กเป็นต้น
ประเภทของแก้ว
บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากแก้วมีลักษณะเด่นคือมีความใสสามารถทำให้มองเห็นสินค้าที่บรรจะมีความเป็นกลางรัก
ษาคุณภาพของสินค้าได้นานและมีความแข็งแรงเมื่อเปิดใช้สินค้าแล้วสามารถปิดกลับได้
บรรจุภัณฑ์แก้วแบ่งเป็นชนิดต่างๆ ได้แก่ หลอดแก้ว ขวดแก้วและขวดคาร์บอย(Carboy) ยกตัวอย่างเช่น
หลอดแก้ว: หลอดที่ตรงยาวเป็นทรงกระบอกเช่นหลอดแอมฟลู (Ampoule) สำหรับบรรจุของแห้ง
ของเหลวปริมาณน้อย ขวดแก้วขนาดเล็กแบบไวอัล (Vial) นิยมใช้บรรจุยา
ขวดแก้ว: ได้แก่ ขวดปากแคบ (Bottle) ขวดปากกว้าง (Jar) ขวดแก้วจะมีรูปร่างอย่างไรจะดูได้
จากพืนที่หน้าตัดของตัวขวดเป็นหลัก ขวดแก้วโดยมากจะใช้มากในการบรรจุอาหารสาร
้
เคมี เครื่องสำอางและเครื่องดื่ม
ขวดคาร์บอย: เป็ น ขวดขนาดใหญ่ นิ ย มทำให้ มี สี เ ขี ย วอ่ อ น มี ข นาดบรรจุ 23-45ลิ ต ร
นิยมใช้ในการบรรจุสารเคมี
9. การผลิตเฟอร์นเิ จอร์จากเศษกระดาษพิมพ์สงพิมพ์มคาและขีเ้ ลือย
่ิ ี ่ ่
การผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเศษกระดาษธนบัตรเก่าและขี้เลื่อยโดยมีพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูงเป็นตัว 7
ประสานซึ่งมีคุณสมบัติโดยทั่วไปของพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูงมีความแข็งแรง ทนอุณหภูมิสูงและคงรูป
มีลักษณะผิวแข็งมีค่าไดเร็คทริคซิตี้ (dilectricity) ดีมาก ไม่มีรสและกลิ่น สามารถต้มฆ่าเชื้อได้อีกทั้งยัง
ทนต่อสารเคมีประเภทกรด ด่างและแอลกอฮอล์ได้ดีอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงเหมาะอย่างยิ่ง
ในการใช้เป็นสารยึดติดสำหรับการผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด (particle board) พบว่าอัตราส่วนระหว่าง
พอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง 70 เปอร์เช็นต์ต่อเศษกระดาษธนบัตรเก่า 30 เปอร์เซ็นต์ต่อขี้เลื่อย
0 เปอร์เซ็นต์และเมื่อนำไปทำการทดสอบทางสมบัติเชิงกลผลที่ได้ปรากฏว่าแผ่นชิ้นไม้อัดนี้มีคุณสมบัติที่
แข็งแรงและมีความเหมาะสมสามารถนำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นไม้อัดได้เพราะไม่มีส่วนผสมของขี้เลื่อยที่ทำให้
เกิดความชื้นและดูดซับน้ำได้มากเนื่องจากมีโมเลกุลเล็กที่ทำให้กระจายไม่ทั่วถึงซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยใน
การผลิตแผ่นไม้อัดเทียมจากพอลิเอทิลีนที่ผ่านการใช้งานแล้วผสมกับขี้เลื่อยในอัตราส่วน 70:30 มีแนวโน้ม
ที่จะทำให้แผ่นไม้อัดเทียมมีสมบัติเชิงกลที่สูงที่สุดทั้งในด้านการทนต่อแรงดึงและการต้านทานต่อการโก่งงอ
10. เฟอร์นิเจอร์ทำจากกระดาษรังผึ้ง
เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากกระดาษรังผึ้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับกระดาษรังผึ้งด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์และ
สามารถนำมาใช้งานได้เหมือนกันกันเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้หรือโลหะโดยมีจุดเด่นในเรื่องของต้นทุนที่
ถูกกว่าทำให้มีราคาไม่แพงมากเหมาะกับผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างบ่อย
การนำกระดาษรังผึ้งมาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาได้ไม่นานนัก
ในต่างประเทศ นอกจากจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบามีความคงทนแข็งแรงแล้วยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับ
สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
- 16. โดยผลิตภัณฑ์ดงกล่าวสามารถนำมารีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้จงทำให้ได้รบการตอบรับเป็นอย่างดีและส่งผล
ั ึ ั
ให้นวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์ทำจากกระดาษรังผึ้งมีโอกาสเติบโตได้มาก คุณสมบัติของกระดาษรังผึ้งที่เหมาะ
สำหรับการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์จะต้องมีโครงสร้างกระดาษที่ทำจากกระดาษคราฟท์โดยมีสเปคตั้งแต่
175-390 แกรมและความหนาของแกนรังผึ้งตั้งแต่ 10-90 มม ในปัจจุบันพบว่ามีการนำกระดาษรังผึ้งไปใช้
งานในอุตสาหกรรมหลากหลายรูปแบบแต่ส่วนใหญ่จะพบมากในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และอุตสาหกรรม
ชิ้นส่วนยานยนต์เช่นแกนหลักบานประตู แผงกั้นห้อง ชั้นวางหนังสือ ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือโลงศพด้วย
คุณสมบัติเด่นในเรื่องของความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักเบาทำให้สะดวกในการขนย้ายจึงเป็นวัสดุ
ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์น๊อคดาวน์ ในปัจจุบันพบว่า
มีผู้ประกอบการภายในประเทศเริ่มผลิตกระดาษรังผึ้งออกสู่ท้องตลาดแล้วอย่างไรก็ตามผู้ค้าส่วนใหญ่จะ
การนำเข้ากระดาษรังผึงจากต่างประเทศโดยประเทศจีนเป็นประเทศทีสำคัญทีไทยนำเข้ากระดาษรังผึงโดยมี
้ ่ ่ ้
การนำเข้าทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต กระดาษรังผึ้งและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากกระดาษรังผึ้งอีกด้วย
กลยุทธ์ตลาดที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจที่จะผลิตเฟอร์นิเจอร์จากกระดาษรังผึ้งควรจะดำเนิน
ธุรกิจในลักษณะของการทำเฟอร์นเิ จอร์แบบขายส่งทีมงผลิตเป็นจำนวนมากต่อหนึงผลิตภัณฑ์เพือให้เกิดการ
่ ุ่ ่ ่
ประหยัดจากขนาดของการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
8
- 17. ลักษณะแนวโน้มของตลาด
1. ประเทศอินเดีย
มีการแบ่งประเภทสินค้าอยู่ระหว่างสินค้าที่มีตราสินค้าและสินค้าไม่มีตราสินค้า(unbranded) โดยเฉพาะ
ด้านความต้องการของผ้บริโภคชาวอินเดียท่นิยมใช้การตกแต่งของใช้ในครัวเรือนท่มีคุณภาพดีมีเพ่มข้นอย่าง
ู ี ี ิ ึ
ตอเนองทงในเขตเมองและชนบท เชนความสนใจแบรนดอตาลซงเปนทรจกทวโลกวามคณภาพดอกทงมสไตล์
่ ่ื ้ั ื ่ ์ ิ ี ่ึ ็ ่ี ู้ ั ่ั ่ ี ุ ี ี ้ั ี
และความสงางามกยงสรางความนาสนใจใหกบชาวอนเดยเปนอยางยงนอกจากนนโยบายการคาประเทศแบบเสรี
่ ็ ่ิ ้ ่ ้ ั ิ ี ็ ่ ่ิ ้ี ้
นิยมทีได้สนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศจึงส่งผลทำให้ในการแข่งขันระหว่างบริษทข้ามชาติและตลาดใน
่ ั
ประเทศอินเดียรุนแรงขึนทุกปี
้
นอกจานี้การเปลี่ยนแปลงทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยียังเปิดโลกทัศน์ให้ชาวอินเดียได้เห็นและ
เลียนแบบพฤติกรรมการบริโภคจากประเทศมหาอำนาจสังเกตได้จากรายการโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดมาจาก
ต่างประเทศ หรือจากทางอินเทอร์เน็ต ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ชาวอินเดียโดยเฉพาะชนชั้นวรรณะชั้นสูง
ต้องการที่จะเลียนแบบค่านิยมและอยากจะตกแต่งบ้านของตนให้เหมือนกับประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้คนอินเดียชอบรูปแบบที่มีการผสมผสานระหว่างหลายๆวัฒนธรรมเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกแต่ละคน
ที่มีความทันสมัยและมีความคิดสร้างสรรค์ไม่ซ้ำแบบใคร อีกทั้งงานในรูปแบบนี้ยังสะท้อนว่าชาวอินเดียในปั
จจุบันมีอิสระทางความคิดไม่ถูกกำหนดกรอบดังในอดีตที่ผ่านมา
9
2. ประเทศออสเตรเลีย
ประเทศออสเตรเลียมีนักออกแบบที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย ทั้งด้านการออกแบบกราฟิก เครื่องประดับ
การออกแบบเสื้อผ้า ศิลปะสิ่งทอ หรือแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีแนวทางในการออกแบบ
ที่แปลกใหม่ แหวกแนว และทันสมัย ซึ่งแม้ว่านักออกแบบชาวออสเตรเลียจะมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน
ตามเชือชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่กระนั้นพวกเขาก็สามารถที่จะถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์
้
ออกมาได้อย่างลงตัว อาทิ ผลงานออกแบบของ Johnny Chamaki ทีเ่ ป็นผูออกแบบเก้าอีรปทรงแปลกๆ
้ ู้
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ned Kelly เฟอร์นิเจอร์คลาสสิกอื่นๆ ได้แก่เก้าอี้โค้งมนของ Grant และ
Mary Featherson และที่นั่งเหล็กรูปทรงจิงโจ้ของ Drew Martin เป็นต้น
ในส่วนของความนิยมในเรื่องแฟชั่น หรือสไตล์ของผู้บริโภคในประเทศออสเตรเลียนั้นจะนิยมไปในทาง
แนวผ่อนคลาย ขีเ้ ล่น และสดใสมากกว่าผูบริโภคทางฝังตะวันตก อันเนืองมาจากสภาพภูมอากาศทีอบอุน
้ ่ ่ ิ ่ ่
และผู้คนนิยมทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงอิทธิพลด้านความหลายหลากทางวัฒนธรรม ประเภทของเฟอร์
นิเจอร์ที่ชาวออสเตรเลียนิยม จะเน้นพวกเฟอร์นิเจอร์สนาม และโซฟาหนัง รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่ม
ความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นว่าเป็นภาคธุรกิจที่มีอนาคตสดใส เนื่องจากประชาชากรใน
ออสเตรเลียมีแนวโน้มเป็นผู้สูงอายุมากขึ้น และมีกำลังการซื้อสินค้า เนื่องจากได้รับเงินจากรัฐบาลเพื่อดูแล
ผู้สูงอายุ หากผู้ประกอบการของไทย สามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุได้
ก็จะสามารถขยายตลาดเข้าไปสู่ประเทศออสเตรเลียได้ไม่ยาก
- 18. ** โอเชียเนีย Oceania หมายถึง กลุ่มประเทศและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทวีปออสเตรเลียซึ่ง
เป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุด เนื้อที่ราว 7.7 ล้านตารางกิโลเมตร เล็กกว่าทวีปเอเชียถึง 6 เท่า ประกอบด้วย
ผืนแผ่นดินทีเ่ ป็นทีตงของประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์และหมูเ่ กาะโพลินเี ซีย หมูเ่ กาะไมโครนีเซีย
่ ั้
หมู่เกาะเมลานีเซีย**
3. ประเทศนิวซีแลนด์
ชาวนวซแลนดมวถการใชชวตแบบเรยบงายดวยลกษณะของผคนทใชชวตอยางไมเ่ ครงเครยดทพกอาศยไมจำเปน
ิ ี ์ีิี ้ีิ ี ่ ้ ั ู้ ่ี ้ ี ิ ่ ่ ี ่ี ั ั ่ ็
ต้องมีรั้วสูงๆเพื่อกันขโมย แต่จะเป็นรั้วเตี้ยๆเพื่อกั้นหรือบ่งบอกอาณาเขตพื้นที่เท่านั้นภายในตัวบ้านมี
เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเฉพาะที่จำเป็นจะต้องใช้ ดังนั้นสินค้าที่จะถูกใจชาวกีวีจึงควรจะมีลักษณะโทนสีรูปร่างที่
กลมกลืนไปกับธรรมชาติเรียบง่ายไม่จัดจ้านที่สำคัญคือสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว
มีผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปยังประเทศนิวซีแลนด์เป็นจำนวนมากส่งผลให้ตลาดการค้าเฟอร์นิเจอร์มีการ
แข่งขันกันสูงซึงหากผูผลิตหรือผูประกอบการของไทยต้องการทีจะส่งสินค้าเพือจำหน่ายในประเทศนิวซีแลนด์
่ ้ ้ ่ ่
กควรคำนงถงปจจยสำคญดงตอไปน:้ี
็ ึ ึ ั ั ั ั ่
สินค้าทีไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงมากหรือสินค้าทีตองใช้ทกษะแรงงานทีคอนข้างสูงและนิวซีแลนด์ไม่
่ ่้ ั ่่
สามารถผลิตได้เอง หรือผลิตได้แต่มีต้นทุนสูง/คุณภาพไม่ทัดเทียม(Productivity-based Products)
ประเภทเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้เทคนิคและฝีมือความละเอียดขั้นสูงซึ่งผู้ผลิตไทยมักมีข้อได้เปรียบในเรื่องผลงา
นที่พิถีพิถันอยู่แล้ว
10
สินค้าที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันปานกลางแต่มีจุดเด่นที่รูปแบบสินค้า/การออกแบบ (Creativity-
based Products) สามารถพัฒนาให้เกิดแบรนด์ของตนเองได้ต้องหาจุดเด่นให้แก่สินค้าตัวเองแล้วสร้าง
แบรนด์ให้แก่สินค้าตัวเองให้ได้เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้านั้น และสร้างภาพลักษณ์ “MADE IN THAILAND”
ให้ผู้บริโภคประทับใจ
- 19. รายการนิตยสาร
1. Architectural Record
เนื้ อ หาโดยรวม – กล่ า วเกี่ ย วกั บ การออกแบบอาคารสถานที่ การแนะนำงานสถาปั ต ยกรรม
และนวัตกรรมการออกแบบสมัยใหม่ รวมถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
2. Chicago Home Plus Garden 11
เนื้อหาโดยรวม – กล่าวเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน รวมถึงการจัดตกแต่งสวนภายในบริเวณบ้าน
ด้วยวิธีการที่เรียบง่าย
- 20. 3. Country Homes & Interiors
เนื้อหาโดยรวม – เนื้อหาเน้นเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน โดยใช้วิธีการตกแต่งบ้านให้เหมาะสม
กับชีวิตประจำวัน ของประดับตกแต่งบ้านตามฤดู การตกแต่งสวน เคล็ดลับการใช้สีสัน รวมถึง
การแนะนำเมนูอาหารสำหรับครอบครัว
4. decormag
12 เนือหาโดยรวม – เป็นนิตยสารจากประเทศอิตาลี
้
นำเสนอข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ เฟอนิ เ จอร์ แ ละ
ของตกแต่งบ้าน การแนะนำเกียวกับการรีไซเคิล
่
รวมถึงการออกแบบตกแต่งภายในด้วยสีโทน
ต่ า งๆ การจั ด ห้ อ งทำครั ว รวมถึ ง
การแนะนำเมนูอาหาร
- 21. 5. DIY Home
เนื้อหาโดยรวม – เน้นเกี่ยวกับการออกแบบแต่งบ้านด้วยของ
มื อ สอง การซ่ อ มแซมของเก่ า การรี ไ ซเคิ ล วั ส ดุ เ พื่ อ การ
ประยุกต์เป็นของประดับตกแต่งบ้าน
6. Habitat
เนื้อหาโดยรวม – เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งที่
อยูอาศัยให้เหมาะกับวิถชวตคนเมือง การออกแบบตกแต่งภาย
่ ีีิ
อาทิ การใช้สี และการเลือกเฟอร์นิเจอร์
13
7. dwell
เนื้อหาโดยรวม – เน้นเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งบ้านให้เข้ากับผู้อยู่อาศัย อาทิ การจัดมุมให้แสงสว่างเ
ข้าถึงห้องการตกแต่งบ้านโดยใช้แรงบันดาลใจจากความสวยงามตามธรรมชาติในท้องถิ่นต่างๆ
- 22. 8. eban Interiors
เนื้อหาโดยรวม – กล่าวเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่ง
โครงสร้างภายในตึก การแนะนำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแ
บบอย่างดีจากแบรนด์ต่างๆ รวมถึงให้คำแนะนำในการจัดตก
แตงสวนดวยแสงไฟจากโคมไฟ และอปกรณตกแตงบานนานาชนด
่ ้ ุ ์ ่ ้ ิ
9. ELLE Decor
เนื้อหาโดยรวม – เน้นเกี่ยวกับการจัดบ้านให้เหมาะกับแต่ละฤดูกาล การจัดบ้านให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
การออกแบบตกแต่งภายใน โดยรวบรวมภาพการออกแบบตกแต่งบ้านแบบต่างๆรวมถึงคำแนะนำ
14
10. NewZealand
HOUSE&GARDEN
เนื้อหาโดยรวม – เน้นเกี่ยวกับการให้ข้อแนะนำด้านสี
และเฟอร์นิเจอร์ การจัดบ้านและการตกแต่ง การจัดสวน
และปลกดอกไม้ และการแนะนำเมนอาหารสำหรบงานตางๆ
ู ู ั ่
- 23. 11. New York Spaces
เนื้อหาโดยรวม – โดยส่วนใหญ่จะเป็นคอลัมน์ที่แสดงสินค้าจากนักออกแบบ การออกแบบตกแต่งบ้านใน
รูปแบบต่างๆ การผสมผสานของตกแต่งบ้าน การให้ข้อมูลเรื่องเฟอร์นิเจอร์ การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
ฝนวันหยุด
12. Canada’s Style At Home
เนื้อหาโดยรวม – การออกแบบตกแต่งภายใน อาทิ
วอลเปเปอร์และการจัดโต๊ะสำหรับงานเลี้ยง
15
14. VISI
เนื้อหาโดยรวม – เน้นแสดงสินค้าจากนักออกแบบ คอลัมน์เกี่ยวกับการไปดูสถานที่ต่างๆ การออกแบบ
ตกแต่งภายในและภายนอกเคหะสถาน อาทิ การเลือกใช้สีสันต่างๆ และเฟอร์นิเจอร์
- 24. ช่องทางการจำหน่ายสินค้า
ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)
เป็นแนวคิดที่ช่วยในการทำความเข้าใจถึงบทบาทของแต่ละหน่วยปฏิบัติการว่าจะมีส่วนช่วยเหลือให้ธุรกิจ
ก่อกำเนิดคุณค่าให้แก่ลูกค้าอย่างไร โดยคุณค่าที่ตัวสินค้าสร้างขึ้น สามารถวัดได้โดยการพิจารณาว่า
ผู้บริโภคยินยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้ามากน้อยเพียงใด
ห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ในทัศนะของไมเคิล อีพอร์ตเตอร์ คือ การเชื่อมโยงของกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กร สามารถแบ่งออกได้ 2 กิจกรรมได้แก่
• กิจกรรมพื้นฐาน คือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรงตั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบ ขั้นตอน
การแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป จนการนำเข้าสินค้าสำเร็จส่งถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้าย
16 • กิจกรรมสนับสนุน คือ กิจกรรมทีสนับสนุนกิจกรรมหลัก และกิจกรรมสนับสนุนด้วยกันเอง กล่าวคือ
่
เริ่มต้นตั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบจากฝ่ายผู้จัดหา ป้อนวัตถุดิบหรือปัจจัยการผลิตเข้าสู่กิจกรรมเพื่อ
สรางมลคาเพม ทงกระบวนการการผลตและการตลาด และสนสดทการกระจายสนคาสำเรจรปสผบรโิ ภค
้ ู ่ ่ิ ้ั ิ ้ิ ุ ่ี ิ ้ ็ ู ู่ ู้
การจัดการห่วงโซ่คุณค่า เป็นการจัดการโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ เพื่อสร้าง
ความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า (willing to pay) องค์ประกอบของห่วงโซ่คุณค่า (Value chain)
ณ กรณีนี้ แบ่งออก ดังนี้
• Mil s (ผู้ผลิตวัตถุดิบขั้นต้น)
• Manufactures (โรงงานแปรรูปผู้ผลิต)
• Trade Shipper (ตัวแทนผู้ส่งออก)
• Importer (ตัวแทนนำเข้า)
• Wholesaler (ตัวแทนค้าส่ง)
• Sales Representative (ตัวแทนจัดจำหน่าย)
• Retailers/Chain Store (ร้านค้าปลีก)
• Department Store (ห้างสรรพสินค้า)
โดยกิจกรรมทุกประเภทจะต้องมีส่วนในการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า
- 25. บทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ละส่วนในห่วงโซ่คุณค่าและการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain
Business Activities Review)
บทบาทของผูทเ่ี กียวข้องในห่วงโซ่มลค่า (Value Chain Business Activities) สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ส่วน
้ ่ ู
ไดแก่ สวนของการผลต (Supply Side) ภายในประเทศ และสวนของตลาดตางประเทศ (Market side)
้ ่ ิ ่ ่
ภาคส่วน Supply Side ภายในประเทศ ได้แก่
1. ผู้ผลิตวัตถุดิบขั้นต้น (Mills) คือ โรงงานหรือผู้ผลิตต้นน้ำ เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานผู้ผลิต
สินค้าสำเร็จรูป
2. ผผลต (Manufacturers) คอ โรงงานหรอผผลตทผลตสนคาสำเรจรป เพอการสงออก ซงผประกอบการ
ู้ ิ ื ื ู้ ิ ่ี ิ ิ ้ ็ ู ่ื ่ ่ึ ู้
ของไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในบทบาทของผู้ผลิตนี้
3. ผู้ส่งออก (Trader / Shipper) คือ ผู้ที่ใช้ชื่อของตนดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อการส่งออก
ซึ่งอาจจะเป็นผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง หรือตัวกลาง หรือแม้แต่ตัวแทนของผู้ซื้อก็สามารถเป็นผู้ส่งออกได้
Market side ตลาดต่างประเทศ (ณ ตลาดเป้าหมาย)
4. ผูนำเข้า (Importer) คือ ผูทไปติดต่อโรงงานผูผลิตในประเทศต่างๆ เพือสังสินค้าเข้ามา โดยปกติ
้ ้ ี่ ้ ่ ่
ถ้ า เป็ น สิ น ค้ า ใหม่ ใ นตลาด ที่ ผู้ น ำเข้ า ยั ง ไม่ เ คยนำสิ น ค้ า ดั ง กล่ า วไปเสนอกั บ ลู ก ค้ า
จะใช้วิธีสั่งตัวอย่างเข้ามาก่อน แล้วนำไปเสนอลูกค้า หรือนำไปออกงานแสดงสินค้าในประเทศ
(Local Fair หรือ Domestic Fair) เช่น งาน New York Gifts Show, Atlanta Market, Las
Vegas Market, Macef, Madison Objects หรือ งาน Ambiente Tendence ในส่วนของ
Regional / Domestic หลังจากที่ได้รับความสนใจ หรือคำสั่ง ซื้อจากลูกค้าปลีกรายย่อย
แล้วก็จะรวบรวมคำสังซือดังกล่าว เพือเปิดคำสังซือ (Purchase Order / P.O.) มายังผูผลิตอีกทอดหนึง
่ ้ ่ ่ ้ ้ ่ 17
ซึ่งผู้นำเข้าส่วนใหญ่จะไม่มีช่องทางการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค (End User) ด้วยตนเอง
จะขายผ่านไปยังRetailer’s หรือ Dealers ต่างๆ ในประเทศเป้าหมายนั้นๆ โดยผู้นำเข้าส่วนใหญ่
จำเป็นต้องคาดการณ์และสั่งสินค้าเข้ามาเพื่อเก็บไว้ในคลัง สั่งสต็อกเอาไว้ หลังจากที่ลูกค้าย่อย
สั่งมาต้องสามารถจัดส่งได้ภายใน 2 สัปดาห์โดยเฉลี่ย
5. ผู้ค้าส่ง (Wholesaler) คือ ผู้ที่มีฐานลูกค้าเป็นร้านค้า หรือ ผู้ค้าปลีก ทั้งรายใหญ่และเล็ก
โดยอาจนำเข้าสินค้าเอง หรือ ซื้อผ่านผู้นำเข้า เพื่อนำไปขายส่ง ซึ่งผู้ค้าส่งส่วนใหญ่จะไม่มีช่อง
ทางการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค (End User) ด้วยตนเอง จะขายผ่านไปยัง Retailers หรือ
Dealersต่างๆ โดยปัจจุบันลักษณะของผู้ค้าส่งมักจะมีตลาดครอบคลุมในรูปแบบของค้าส่งระดับ
ภูมิภาค (Regional) ของประเทศนั้นๆ หรือ ถ้าเป็นระดับ National ก็มักจะอยู่ในประเทศที่มี
ขนาดตลาดคอนขางเลก ผคาสงจำเปนทจะตองมสตอกสนคาสงเกบเอาไวบางสวน เพอความรวดเรว
่ ้ ็ ู้ ้ ่ ็ ่ี ้ ี ็ ิ ้ ่ั ็ ้ ่ ่ื ็
ในการจดสงใหกบลกคา
ั ่ ้ั ู ้
6. ตัวแทนขาย (Sales Representatives /Sales Reps) คือ บุคคล หรือกลุ่มบุคคล หรือบริษัท
ที่มีฐานลูกค้า และมีความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ใกล้ชิด แต่ไม่ต้องการที่จะมีสต็อกสินค้าหรือ
รับความเสียงในการซือขายด้วยตนเอง จะใช้วิธตดต่อให้ผซอและผูขายได้มโี อกาสพบกันและเลือก
่ ้ ีิ ู้ ื้ ้
สินค้ากัน โดย อำนวยความสะดวกในการประสานงานเรื่องคำสั่ง ซื้อ (Write order) ให้กับผู้ขาย
โดยจะได้รบค่าตอบแทนเป็นค่า Commission ซึงจะขึนอยูกบความมีชอเสียงของตราสินค้า (Brand)
ั ่ ้ ่ั ื่
ของผู้ขายและรายชื่อ Accounts ลูกค้าที่ Sales Reps รายนั้นมีอยู่ในมือ เพื่อต่อรองค่า