More Related Content
Similar to แผนการซอฟแวร์ (20)
แผนการซอฟแวร์
- 1. แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี(คอมพิวเตอร์) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
หน่วยที่ 3 เรื่อง ซอฟแวร์ เวลาเรียน 12 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์โปรแกรม Microsoft Excel เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
สอนวันที่............เดือน.................................................พ.ศ. .................... ภาคเรียนที่.............
____________________________________________________________________________
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ง.3.1 เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้ซอฟแวร์ในการประยุกต์ใช้ในการทางานการเรียนรู้ การ
สื่อสาร การแก้ปัญหา การทางาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีคุณธรรม
สาระสาคัญ
สูตรคานวณ คือ การนาเอาข้อมูลในแผ่นงานหรือค่าคงที่มาคานวณกันแล้ว แสดงผลลัพธ์เป็นค่าต่าง ๆ ได้
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่าคงที่หรือตัวแปรที่นามาใช้ในสูตรนั้น
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
สามารถบอกชนิด กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสูตรคานวณ ปฏิบัติและอธิบายวิธีการป้ อนสูตรคานวณ คัดลอกสูตร
คานวณ พร้อมทั้งใช้การอ้างอิงเซลล์หรือระหว่างเซลล์ในการคานวณ
สาระการเรียนรู้
1. ความหมาย การใช้สูตรคานวณ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสูตรคานวณ
2. ชนิดของสูตรคานวณ และวิธีการป้อนสูตรคานวณ
3. ความผิดพลาดของสูตรคานวณ การแก้ไขสูตรคานวณ
4. การคัดลอกสูตรคานวณ การตั้งชื่อเซลล์ และการอ้างอิงสูตรคานวณในแผ่นงาน และระหว่าง
แผ่นงาน
- 2. กระบวนจัดการเรียนรู้
- จัดเตรียมใบความรู้ที่ 1ตามจานวนผู้เรียน
-จัดเตรียมใบงานที่1 ตามจานวนนักเรียน
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
-ใบความรู้ที่1 การใช้สูตรคานวณในตารางทางาน
การวัดผลและประเมินผล
ตรวจผลงานจากใบงาน
กิจกรรมเสนอแนะ
.............................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
บันทึกข้อเสนอแนะ ของผู้บริหาร
.............................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.........................................ผู้บันทึก
(..................................)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการสถานศึกษา.................
............/............/.............
- 3. บันทึกผลหลังกระบวนการจัดการเรียนรู้
ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน (เก่ง ดี มีสุข)
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.........................................ผู้บันทึก
(..................................)
ตาแหน่ง............................
............/............/.............
- 4. ใบความรู้ที่ 1
การใช้สูตรคานวณในตารางทางาน
สูตรคานวณ (Formula)
สูตรคานวณ คือ การนาเอาข้อมูลในแผ่นงานหรือค่าคงที่มาคานวณกันแล้ว แสดงผลลัพธ์เป็นค่า
ต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่าคงที่หรือตัวแปรที่นามาใช้ในสูตรนั้น ในสูตรที่ใช้คานวณจะมีการอ้างถึงเซลล์
ที่นามาคานวณด้วย ซึ่งสามารถตั้งชื่อให้กับเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ใหม่เพื่อให้เขียนสูตรได้ง่ายขึ้น
การใช้สูตรคานวณ
สูตรคานวณจะหมายถึงข้อมูลที่ประกอบขึ้นด้วยตัวถูกดาเนินการ (Operand) ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลขที่
เป็นค่าคงที่ ชื่อเดิมของเซลล์ ชื่อที่ตั้งให้เซลล์ หรือฟังก์ชันก็ได้และตัวดาเนินการ (Operator) ซึ่งส่วนใหญ่ก็
คือเครื่องหมายคานวณต่าง ๆ โดยตัวถูกดาเนินการและตัวดาเนินการจะเรียงลาดับกันอยู่อย่างเป็นระเบียบมี
กฎเกณฑ์ที่แน่นอน และให้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลใหม่ ตามผลการคานวณนั้น ตัวอย่างแสดงสูตรคานวณบาง
แบบโดยจะแยกให้เห็นตัวถูกดาเนินการและตัวดาเนินการในแต่ละสูตรอย่างชัดเจน
สูตรคานวณ ตัวถูกดาเนินการ ตัวดาเนินการ
=5+2*3.25 ตัวเลข 5 2 และ 3.25 + และ *
=(B4+25)/SUM(D5:F5) ชื่อเซลล์ B4 ตัวเลขคงที่ 25 และฟังก์ชัน
SUM(D5:F5)
+ และ /
=F5*(1-5%) ชื่อเซลล์ F5 ตัวเลข 1 และ 5 * - และ %
=D5& “-” &E5 ชื่อเซลล์ D5 และ E5 ตัวอักษร “-” & และ &
=5 2/3 * 6 1/2 เลขเศษส่วน 5 3
2
และ 6 2
1
*
=ราคาต่อหน่วย * จานวน
สินค้า
ชื่อเซลล์ “ราคาต่อหน่วย” และ “จานวน
สินค้า”
*
= SUM(มกราคม) ฟังก์ชัน SUM ชื่อเซลล์ มกราคม +
- 5. =รายรับมกราคม/31 ชื่อเซลล์รายรับมกราคม และ ตัวเลข 31 /
=สินค้าคงเหลือ-ราคาสินค้า ชื่อเซลล์สินค้าคงเหลือ และชื่อเซลล์ราค่าสินค้า -
กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสูตรคานวณ
1. การพิมพ์สูตรคานวณลงในเซลล์จะต้องขึ้นต้นด้วยการป้ อนสูตรในตารางให้ใส่เครื่องหมาย =
(เท่ากับ) นาหน้าเสมอ เพื่อให้โปรแกรม Microsoft Excel สามารถแยกได้ว่าเป็นสูตรคานวณไม่ใช่ข้อความ
หรือตัวเลขธรรมดา และจะไม่นาไปคานวณให้ เช่น 2*3 โปรแกรม Microsoft Excel จะถือเป็นข้อความ “2*
3” ไม่ใช่สูตรที่นา 2 มาคูณกับ 3
2. ตัวถูกดาเนินการแต่ละตัวมีระดับความสาคัญไม่เท่ากัน หากจะให้คานวณข้อมูลใดก่อนให้ใส่
วงเล็บ () คร่อมไว้ โปรแกรม Microsoft Excel จะคานวณสูตรในวงเล็บก่อนเสมอ และหากใส่วงเล็บหลาย
ชั้นก็จะคานวณจากชั้นในสุดออกมา
3. ระหว่างตัวถูกดาเนินการและตัวดาเนินการจะพิมพ์ติดกันหรือมีช่องว่างคั่นกี่ช่องก็ได้ แต่สูตรที่
ซับซ้อนควรใส่ช่องว่างคั่นเพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น
4. ข้อความที่จะเป็นตัวถูกดาเนินการในสูตรต้องอยู่ในเครื่องหมายคาพูด (“ ” ) เสมอ ไม่เช่นนั้น
โปรแกรม Microsoft Excel จะถือว่าเป็นชื่อเซลล์
5. ตัวถูกดาเนินการที่เป็นตัวเลขให้พิมพ์เข้าไปเหมือนปกติคือไม่ต้องใส่รูปแบบ เช่น 2300 ถูก แต่
2,300 ผิด ส่วนจุดทศนิยมหรือเครื่องหมายลบจะใช้ได้ตามปกติ
6. ชื่อเซลล์ที่จะใช้สูตรจะต้องเป็นชื่อเดิมหรือเป็นชื่อที่ตั้งไว้แล้ว ส่วนชื่อฟังก์ชันนอกจากจะต้อง
ใช้ให้ถูกต้องแล้ว อาร์กิวเมนต์ (ที่อยู่ในวงเล็บท้ายฟังก์ชัน) ก็จะต้องเป็นไปตามรูปแบบของแต่ละฟังก์ชัน
สูตรในโปรแกรม Microsoft Excel
1. สูตรในการคานวณทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Formula) คือ ตัวดาเนินการที่ใช้กับข้อมูล
ประเภทตัวเลขหรือเซลล์ที่เก็บค่าตัวเลขและจะให้ผลลัพธ์เป็นตัวเลขเสมอ
- 6. เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่างสูตรและผลลัพธ์
+ บวก =40+10 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 50
- ลบ =40-10 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 30
* คูณ =40*2 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 80
/ หาร =40/2 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 20
% เปอร์เซ็นต์ =40% จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 0.4
^ ยกกาลัง =40^2 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 1600
2. สูตรในการเปรียบเทียบ (Comparison Formula) คือ เป็นตัวดาเนินการที่ใช้เปรียบเทียบข้อมูล 2
ตัว ว่ามีความเท่าหรือไม่เท่ากันอย่างไร โดยให้ผลลัพธ์เป็นค่าทางตรรกะ (Logical value) ว่า จริง (TRUE)
หรือ เท็จ (FALSE)
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่างสูตรและผลลัพธ์
= เท่ากับ =40=30 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False
> มากกว่า =40>3 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับTrue
< น้อยกว่า =40<30 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False
>= มากกว่าหรือเท่ากับ =40>=30 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ True
<= น้อยกว่าหรือเท่ากับ =40<=30 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False
<> ไม่เท่ากับ 40<>40 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ False
3. เครื่องหมายในการเชื่อมข้อความสองข้อความหรือมากกว่านั้น (Text Formula) ข้อความในที่นี้
อาจจะเป็นตัวอักษรเพียงตัวเดียว ข้อความทั้งประโยค หรือข้อความที่ไม่มีตัวอักษรอะไรเลยก็ได้(Null
string) ซึ่งการเขียนจะใช้เครื่องหมายคาพูดเปิดและปิดติดกันดังนี้
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่างสูตร
&
เชื่อมหรือนาคาสองคามาต่อ
กันให้เกิดค่าข้อความต่อเนื่อง
“STORY”&“BOARD” จะได้ผลลัพธ์
เท่ากับ STORYBOARD หรือ
- 7. ที่เป็นค่าเดียว A1&A2&A3
4. สูตรในการอ้างอิง (Refers Formula) เป็นสูตรคานวณที่สร้างขึ้นโดยใช้ฟังก์ชันร่วมกับการ
อ้างอิงถึงข้อมูลที่อยู่ภายในวงเล็บ ()
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่างสูตร
: (Colon)
เว้นวรรค
(Insection)
, (Comma)
บอกช่วงของข้อมูล
กาหนดพื้นที่ทับกับ
2 ช่วง เอาข้อมูลทั้ง
2 ช่วงมาเชื่อมต่อกัน
=(B1:B5)
=SUM(B1:C1 D1:E5)
=SUM(C1:C5, D7:D8)
ตัวอย่างสูตร = (2*3)^2/4+7 จะมีขั้นตอนการคานวณตามลาดับความสาคัญของตัวดาเนินการดังนี้
ลาดับที่ 1 = 6^2/4+7 ลาดับที่ 2 = 36/4+7 ลาดับที่ 3 = 9+7 และลาดับที่ 4 = 16
กรณีที่เครื่องหมายที่ใช้ในสูตรคานวณมีลาดับความสาคัญเท่ากันโปรแกรม Microsoft Excel จะ
คานวณโดยกระทาจากซ้ายไปทางขวาของสูตร แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนลาดับการคานวณ ให้ใส่วงเล็บครอบ
ส่วนที่ต้องการคานวณก่อน เช่น = 2*3^2/4+7 จะให้ผลต่างกับสูตร = (2*3)^2/4+7
การป้ อนสูตรคานวณด้วยแป้ นิิมิ์
การสร้างสูตรคานวณคือการพิมพ์ทุกอย่างลงไปเองไม่ว่าจะเป็นชื่อเซลล์ ตัวเลข หรือเครื่องหมาย
คานวณต่าง ๆ มีวิธีการสร้างดังนี้
1. เลือกเซลล์ที่ต้องการป้ อนสูตรเพื่อหาผลการคานวณ
2. พิมพ์เครื่องหมาย = ตาแหน่งของเซลล์ที่ต้องการนามาคานวณหาผลรวม =C4+D4+E4
3. กดปุ่ม Enter เมื่อป้อนสูตรเสร็จ โปรแกรม Microsoft Excel จะนาสูตรไปคานวณและแสดงผล
รวมที่ได้
1
2
- 8. หมายเหตุ ถ้าพิมพ์สูตรผิดโปรแกรม Microsoft Excel จะไม่สามารถคานวณได้และจะแสดง ERR! ใน
เซลล์ที่สูตรคานวณนั้นผิด
การป้ อนสูตรคานวณโดยใช้เมาส์ช่วย
1. เลือกเซลล์ที่ต้องการป้ อนสูตรเพื่อหาผลการคานวณ
2. พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ (=)
3. คลิกเมาส์เลือกเซลล์แรกที่จะนามาหาผลรวม
4. พิมพ์เครื่องหมายบวก (+)
5. ทาตามข้อที่ 3 และ 4 เพื่อเลือกเซลล์อื่นๆ อีก
6. หลังจากเลือกเซลล์ครบให้กดปุ่ม Enter โปรแกรม Microsoft Excel จะนาสูตรไปคานวณและ
แสดงผลรวมที่ได้
1
6
3 55
2
4
- 9. ความผิดิลาดของสูตรคานวณ
การใส่สูตรคานวณผิดนั้นถือเป็นเรื่องปกติ และมีได้หลายลักษณะด้วยกัน ลักษณะหนึ่งคือสูตรที่
ผิดหลักภาษาหรือไวยากรณ์ (Syntax error) เช่น ใช้สูตร =E7+/35 โปรแกรม Microsoft Excel จะสามารถ
ตรวจพบและรายงานออกมาทันทีที่กดปุ่ม Enter ในบางกรณีก็จะมีคาแนะนาให้ด้วยว่าสูตรที่ถูกต้องควรเป็น
อย่างไร ดังรูป ซึ่งหากยอมรับสูตรที่โปรแกรม Microsoft Excel แนะนาก็คลิกที่ ใช่ หรือคลิกที่ ไม่ใช่ แล้วไป
แก้ไขสูตรให้ถูกต้อง
อีกลักษณะหนึ่งเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างคานวณทาให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องไม่ได้โปรแกรม
Microsoft Excel จึงแสดงข้อความบอกความผิดพลาด (Error message) ออกมาแทน ซึ่งสาเหตุก็มีได้หลาย
อย่างที่จะแจ้งให้ทราบดังนี้
ความผิดพลาด สาเหตุ วิธีแก้ไข
##### ตัวเลขที่พิมพ์ลงในเซลล์หรือผล
จากสูตรคานวณ ยาวเกินกว่าที่จะ
แสดงในเซลล์ได้
เกิดจากนาวันที่มาลบกันแล้วมี
ค่าติดลบ
ปรับให้คอลัมน์กว้างขึ้น หรือ
เปลี่ยนรูปแบบตัวเลขให้สั้นลง เช่น
ลดจานวนจุดทศนิยม
สลับค่าที่นามาลบกัน เพื่อให้ได้
ค่าที่ไม่ติดลบ
#VALUE! ใช้ operand ผิดประเภท เช่น แก้ไข operand หรืออาร์กิวเมนต์
สูตรที่ โปรแกรม Microsoft Excel แก้ไขให้
- 10. นาข้อความไปคานวณร่วมกับตัวเลข
หรือใช้อาร์กิวเมนต์ผิดประเภท คือ
ฟังก์ชันต้องการ อาร์กิวเมนต์ที่เป็น
ตัวเลขแต่ใส่เป็นข้อความ
ให้ถูกประเภท
#DIV/0! ตัวหารมีค่า 0 เช่น =5/(A1-3)
หาก A1 เป็น 3 สูตรนี้จะผิดพลาด
ส่วนกรณีอื่น คือ ตัวหารเป็นเซลล์ว่าง
ๆ หรืออาร์กิวเมนต์ของบางฟังก์ชันมี
ค่าไม่ถูกต้อง
ตรวจสอบตัวหารทุกตัวในสูตร
คานวณและอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชัน
ต่าง ๆ
#NULL! ใช้การอ้างอิงเซลล์ผิดทาให้
โปรแกรมไม่สามารถกาหนดเซลล์ที่
ต้องการได้
แก้ไขเซลล์การอ้างอิงเซลล์ให้
ถูกต้อง
ความผิดพลาด สาเหตุ วิธีแก้ไข
#NAME? ชื่อเซลล์ที่ใช้ในสูตรสะกดไม่
ถูกต้อง หรือไม่มีชื่อนั้น
ชื่อฟังก์ชันที่ใช้ในสูตรและ
สะกดไม่ถูกต้อง
ใช้ข้อความในสูตรโดยไม่ใส่
เครื่องหมาย “ ” คร่อมข้อความนั้น
ซึ่งโปรแกรม Microsoft Excel เป็นชื่อ
เซลล์
ไม่ใส่เครื่องหมาย : เมื่อมีการ
อ้างถึงเซลล์เป็นช่วง เช่น (A1:A20)
ตรวจสอบชื่อเซลล์ต่าง ๆ ว่าใช้
ถูกต้องหรือชื่อนั้นเคยมีแต่ถูกลบไป
ตรวจชื่อฟังก์ชันที่ใช้ และหาก
ไม่ใส่ฟังก์ชันหลัก คือเป็นส่วนของ
โปรแกรมเสริม (add-in) ก็ต้องเรียก
โปรแกรมนั้นก่อน
ตรวจดูข้อความที่ใช้ในสูตร
คานวณ
ตรวจดูเซลล์ที่มีการอ้างเป็นช่วง
ต้องมีเครื่องหมาย : อยู่ด้วย
#N/A ใส่อาร์กิวเมนต์ให้ฟังก์ชันไม่
ครบ หรือใช้อาร์กิวเมนต์ที่ไม่ถูกกับ
ฟังก์ชัน LOOKUP VLOOKUP
LOOKUP และ MATCH
ตรวจสอบอาร์กิวเมนต์ของ
ฟังก์ชันต่าง ๆ
- 11. เซลล์ใดเซลล์หนึ่งมีค่าเป็น
#N/A
ตรวจสอบค่าของ operand และ
อาร์กิวเมนต์ในสูตร
#REF! เซลล์ใดเซลล์หนึ่งในสูตรถูก
ลบไปหรือถูกข้อมูลจากเซลล์อื่นย้าย
มาทับ
มีการอ้างถึงข้อมูลของ
โปรแกรมอื่นที่ไม่ได้กาลังทางานอยู่
ใช้ปุ่มเลิกทายกเลิกการลบเซลล์
หรือย้ายข้อมูลหรือทาการแก้ไขชื่อ
เซลล์ในสูตรเป็นเซลล์อื่นให้ถูกต้อง
เรียกโปรแกรมนั้นขึ้นมาทางาน
#NUM! ใช้อาร์กิวเมนต์ผิดประเภท คือ
ต้องเป็นข้อมูลตัวเลขแต่กลับไปใช้
ข้อมูลชนิดอื่น
ผลของสูตรคานวณได้ตัวเลขที่มี
ค่ามากหรือน้อยเกินไป
แก้ไขอาร์กิวเมนต์ให้ถูก
ประเภท
แก้ไขสูตร (ตัวเลขต้องมีค่า
ระหว่าง -1*10307 ถึง 1*10307)
การแก้ไขสูตรคานวณ
1. เลือกเซลล์ที่ต้องการแก้ไข
2. กด F2 หรือ ดับเบิ้ลคลิก
3. โปรแกรม Microsoft Excel จะแสดงสูตรแทนผลลัพธ์ให้แก้ไข เสร็จแล้วกด Enter โปรแกรม
Microsoft Excel จะคานวณสูตรนั้นใหม่ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้
1
2
- 12. การคัดลอกสูตร การย้ายหรือคัดลอกสูตรในโปรแกรม Microsoft Excel สามารถทาได้เหมือนกับการ
คัดลอกข้อมูลธรรมดา แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ถูกต้องจะต้องทาความเข้าใจกับการตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ และ
การอ้างอิงชื่อเซลล์แบบสัมพัทธ์ (Relative Reference) และ การอ้างอิงชื่อเซลล์แบบสัมบูรณ์ (Absolute
Reference)
การตั้งชื่อเซลล์
การตั้งชื่อเซลล์เป็นวิธีการที่ใช้ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์วิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถใช้การจัดการกับ
เซลล์ได้ในทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นการลบหรือการเปลี่ยนชื่อหรือจะเป็นการทางานอ้างอิงต่างแผ่นงานก็ได้มี
ขั้นตอนการตั้งชื่อเซลล์ดังนี้
1. คลิกเลือกเมนูแทรกบนแถบเมนูคาสั่งเลื่อนไปชื่อและเลือกกาหนด
2. พิมพ์ชื่อเซลล์ลงในช่องกาหนดชื่อ
3. คลิกปุ่มพับ เพื่อพับไดอะล็อกบอกซ์กาหนดชื่อ (เพื่อความสะดวกให้ในการกลับไปเลือกเซลล์
หรือกลุ่มเซลล์ในแผ่นงาน)
4. เลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ในแผ่นงาน
5. คลิกปุ่มคลี่ เพื่อคลี่ไดอะล็อกบอกซ์กาหนดชื่อ
6. คลิกปุ่มเพิ่ม เพื่อให้โปรแกรมเก็บชื่อเซลล์ที่ตั้งใหม่
- 13. 7. ทาข้อ 2-6 เพื่อตั้งชื่อเซลล์อื่น ๆ อีกจนครบตามต้องการ
8. คลิกปุ่มตกลง
1
3
4
2
5
- 14. การอ้างอิงแบบสัมิัทธ์
สาหรับสูตรที่มีเฉพาะตัวเลข เช่น =12+5*2 จะคัดลอกหรือย้ายสูตรจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์
หนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่ว่าสูตรจะอยู่เซลล์ใด ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเท่ากับ
12+5*2=34 แต่สาหรับสูตรที่ใช้ตาแหน่งอ้างอิงของเซลล์ เช่น =A3*A4 เมื่อมีการคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่น
ผลลัพธ์ที่ได้จากการคานวณจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะโปรแกรม Microsoft Excel จะเปลี่ยนตาแหน่งอ้างอิง
ของเซลล์ในสูตรเป็นสัดส่วนตามระยะทางที่เซลล์ถูกคัดลอกไป แต่ถ้าย้ายสูตรไปวางที่อื่นโดยวิธีการตัดไป
สูตรจะยังอ้างอิงที่เซลล์เดิมอยู่
- 15. ตัวอย่าง เช่น ถ้าเซลล์ F4 =C4+D4+E4 เมื่อคัดลอกเซลล์ F4 ไปวางไว้ที่เซลล์ F5:F10 ที่เซลล์ F5
สูตรจะเปลี่ยนเป็น =C5+D5+E5 และและจะถูกอ้างอิงเปลี่ยนไปในเซลล์ F6:F10
การย้ายสูตรในเซลล์ F4 ไปไว้ที่ F5 สูตรจะยังคงเป็น =C4+D4+E4 อยู่เหมือนเดิม ลักษณะการ
อ้างอิงตาแหน่งของเซลล์ที่ใช้ในสูตรที่เปลี่ยนแปลงได้ดังนี้เรียกว่าการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์
สูตรที่ต้องการคัดลอกของเซลล์F4 =C4+D4+E4
คัดลอกสูตรของเซลล์F4 ไปยัง F5:F10
แสดงผลของเซลล์ F5 ที่ได้จากการคัดลอกสูตรในเซลล์ F4
สูตรเดิมแต่ตาแหน่งอ้างอิงจะเปลี่ยนไป
สูตรที่ต้องการย้ายของเซลล์ F4 =C4+D4+E4
- 16. วิธีคัดลอกสูตรแบบนี้เหมาะสาหรับการคานวณในตารางที่มีรูปแบบที่ซ้า ๆ กัน ทาให้สามารถป้ อนสูตร
คานวณเพียงครั้งเดียว แล้วคัดลอกสูตรนั้นไปใช้กับเซลล์อื่น โดยสูตรจะเปลี่ยนเซลล์ที่อ้างอิงเพื่อให้ได้
ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์
เมื่อคัดลอกสูตรในตารางแล้วพบว่าวิธีการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ไม่สามารถใช้ได้เพราะไม่ต้องการ
ให้ตาแหน่งอ้างอิงของเซลล์เปลี่ยน
ตัวอย่าง เช่น การคิดสัดส่วนร้อยละของแต่ละรายการจากจานวนรวมทั้งหมดจะไม่สามารถคัดลอก
สูตรที่อ้างอิงเซลล์ C7 ได้เพราะตาแหน่ง C7 ที่อ้างอิงในสูตรจะเปลี่ยนไป แก้ไขได้โดยใช้การอ้างอิงแบบ
สัมบูรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยใช้เครื่องหมาย $ นาหน้าชื่อแถวหรือชื่อคอลัมน์ที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยน เช่น
ถ้าต้องการให้สูตรอ้างอิงเซลล์ C7 แต่ไม่ต้องการให้แถวเปลี่ยนไปเมื่อคัดลอกให้ใช้เครื่องหมาย C$7 และใน
กรณีที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยนทั้งแถวและคอลัมน์ให้ใช้ $C$7 เมื่อคัดลอกสูตรก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดย
รูปแบบ C$7 แถวไม่เปลี่ยนเมื่อคัดลอก $C7 คอลัมน์ไม่เปลี่ยนเมื่อคัดลอก $C$7 ทั้งแถวและคอลัมน์ไม่
เปลี่ยนเมื่อคัดลอก
แสดงผลสูตรของเซลล์ F4 ที่ย้ายมา
แสดงสูตรของเซลล์ F3 ที่ย้ายมา
ผลลัพธ์ของสูตรของเซลล์ F3 ที่คัดลอก
- 17. การคัดลอกสูตรอย่างเร็วด้วย Auto Fill
ถ้าต้องการคัดลอกสูตรไปใช้ในเซลล์ที่อยู่ติดต่อกันมีวิธีคัดลอกสูตรที่เร็วกว่าการใช้ "คัดลอก" และ
"วาง" วิธีนี้ใช้ได้กับสูตรทั้งแบบที่ใช้การอ้างอิงแบบสัมพัทธ์และอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ มีวิธีดังนี้
1. คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่มีสูตรที่จะคัดลอกไปใช้กับเซลล์อื่น
2. คลิกเมาส์ที่มุมขวาล่างของเซลล์
3. กดปุ่มซ้ายมือค้างไว้แล้วลากไปยังเซลล์ที่ต้องการ
4. ปล่อยเมาส์ สูตรจะถูกคัดลอกไปยังเซลล์ที่เลือกและแสดงผลลัพธ์ออกมา
การใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน
การป้ อนสูตรวิธีที่ผ่านมาทาได้ยากเพราะต้องจาตาแหน่งเซลล์ในแต่ละแผ่นงานการใช้เมาส์อ้างอิง
เซลล์เมื่อป้ อนสูตรจะสะดวกกว่า
1. คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ต้องการป้อนสูตรและพิมพ์=
2. คลิกแถบชื่อแผ่นงานที่ต้องการอ้างอิงในสูตร
1
2
3
4 ผลลัพธ์จะแสดงหลังกดปุ่ม Enter
- 21. ใบงานที่ 1 การใช้สูตรในการคานวณและการคัดลอกสูตร
การใช้สูตรคานวณในตารางทางาน
1. ให้นักเรียนป้ อนข้อมูลลงในแผ่นงานในโปรแกรม Microsoft Excel ตามแผ่นงานที่กาหนดให้ และปฏิบัติ
ตามคาถามในข้อ 1.1- 1.5 พร้อมกับอภิปรายผลที่ได้จากการปฏิบัติงาน และบันทึกสมุดงานในชื่อ เลขที่_4-
3_formulatest-1 (ตัวอย่างการบันทึกแฟ้มข้อมูลนักเรียนเลขที่ 20 ห้อง 4/3 ได้เป็น 20_4-3_formulatest-1)
1.1 ให้ใช้สูตรคานวณในเซลล์ F4 โดยรวมค่าของคะแนนในเซลล์ C4:E4
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
- 22. 1.2 ให้ใช้สูตรคานวณในเซลล์ I4 โดยรวมค่าของคะแนนในเซลล์ G4:H4
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
1.3 ให้ใช้สูตรคานวณในเซลล์ J4 โดยรวมค่าของคะแนนในเซลล์ F4 และ I4
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
1.4 ให้คัดลอกสูตรคานวณในเซลล์ F4 ไปยังเซลล์ F5:F16
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
1.5 ให้คัดลอกสูตรคานวณในเซลล์ I4 และ J4 ไปยังเซลล์ I5:J16
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
- 23. แบบสังเกตฟฤติกรรมการเรียน
เลขที่ ชื่อ-สกุล คะแนน
ที่ได้
ผ่าน ไม่ผ่าน
เกณฑ์การให้คะแนน ดี ให้ 2 พอใช้ให้ 1 ควรปรับปรุงให้ 0
สังเกตฟฤติกรรม ความสนใจในการปฏิบัต
ความกระตืนรือร้น
ความเสียสละ
ข้อเสนอแนะเิิ่มเติม............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
(ลงชื่อ).......................................................................ผู้ประเมิน (ผู้สอน)
(..........................................................................)
..................../...................../.................