SlideShare a Scribd company logo
1 of 82
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
5 ธันวาคม 2566
Published by: Practical Psychology
on October 10, 2023
In an age where many are on the quest for the meaning of life, the Japanese concept of Ikigai emerges as a beacon.
Rooted in Japanese culture, it presents a framework not just for finding purpose but for cultivating a fulfilling life.
เกริ่นนา
 อิคิไก (Ikigai) เป็นจุดบรรจบของสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่ทาแล้วเกิดรายได้ และสิ่งที่คุณทา
ได้ดี
 เป็นที่ที่ความหลงใหลส่วนตัวและการช่วยเหลือสังคมมาบรรจบกัน ส่งผลให้ชีวิตเต็มไปด้วย
เป้าหมายและความสุข
 Ikigai ได้รับการยกย่องในบทความ หนังสือ และการสัมมนาจานวนนับไม่ถ้วน ซึ่งดูเหมือนจะเข้าถึง
ความปรารถนาของมนุษย์ที่เป็ นสากลเพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้ น
ต้นกาเนิดของอิคิไก
 เมื่อคุณนึกถึงญี่ปุ่ น คุณอาจนึกถึงภาพต่างๆ มากมาย เช่น ความงามอันเงียบสงบของดอกซากุระ
ถนนที่พลุกพล่านของโตเกียว หรือบางทีอาจจะเป็นการอุทิศตนของพ่อครัวซูชิที่กาลังปรุงงานฝีมือ
ของเขาให้สมบูรณ์แบบ
 ในบรรดาภาพทางวัฒนธรรมเหล่านี้ มีปรัชญาที่คนญี่ปุ่ นจานวนมากยึดถือ ปรัชญาที่ช่วยให้พวกเขา
ค้นพบความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิต ปรัชญานั้นคืออิคิไก
 แนวคิดนี้ มีต้นกาเนิดที่โอกินาวา สถานที่ในญี่ปุ่ นที่ขึ้ นชื่อในเรื่องอายุขัยที่ยืนยาวที่สุดในโลก เป็นที่อยู่
อาศัยของประชากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
 ในอดีต คาว่าอิคิไกไม่ได้จากัดอยู่เพียงความหมายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเท่านั้น ในตารา
ภาษาญี่ปุ่ นรุ่นเก่า คาว่า Ikigai มีความหมายว่า "เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่"
 มันไม่ได้ลึกซึ้ งมากนัก คิดว่ามันเหมือนกับความรู้สึกที่คุณได้รับเมื่อคุณมีแผนและรู้สึกตื่นเต้น เมื่อ
เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ มันก็กลายเป็นปรัชญาที่ครอบคลุม จุดประสงค์และเหตุผลในการใช้ชีวิต
 การทาความเข้าใจอิคิไกไม่จาเป็ นต้องเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่ นอย่างลึกซึ้ ง
 ลองนึกถึงอิคิไกว่าคือการมีเข็มทิศที่มีอยู่ในทะเลแห่งชีวิตอันกว้างใหญ่ เข็มทิศไม่ได้บอกคุณว่าสมบัติ
อยู่ที่ไหนเสมอไป แต่เข็มทิศจะนาทางคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะล่องเรือไปในผืนน้าที่โดนใจคุณ
 อิคิไกคือเข็มทิศนั้นเอง เป็ นการผสมผสานระหว่างสิ่งที่คุณหลงใหลอย่างลึกซึ้ ง สิ่งที่คุณเป็นเลิศ สิ่งที่
โลกต้องการ และสิ่งที่สามารถค้าจุนคุณได้ ไม่ว่าจะเป็ นด้านอารมณ์ จิตใจ หรือทางการเงิน
 แม้ว่าแนวคิดนี้ มีรากฐานมาจากประเทศญี่ปุ่ น แต่ความเป็ นสากลก็มีความชัดเจน ทุกคนไม่ว่าจะมี
พื้นฐานมาจากอะไร ต่างก็ได้รับประโยชน์จากการระบุอิคิไกของตนเอง
 Ikigai นาเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางอาชีพ การเติบโตส่วนบุคคล หรือความเข้าใจชีวิตที่ลึกซึ้ ง
ยิ่งขึ้ น
 หนังสือยอดนิยมที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญาคือ อิคิไก: ความลับของญี่ปุ่ น
เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข (Ikigai: The Japanese Secret to a Long and Happy Life) โดย
Héctor García (ที่สองจากขวา) และ Francesc Miralles (ซ้ายสุด)
เข้าใจความหมาย
 คาว่า อิคิ มีความหมายถึง ชีวิตหรือการใช้ชีวิต ส่วน ไก ในบริบทนี้ แสดงถึง คุณค่า
 เมื่อรวมคาว่า "iki" และ "gai" แล้วจะมีคาที่แปลว่า "ชีวิตที่คุ้มค่า" แต่อย่างที่คุณทราบแล้วว่า
ความหมายของอิคิไกมีมากกว่าคาแปลง่ายๆ นี้
 อิคิไกเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสอดคล้องกันของความสนใจ ทักษะ ความต้องการทางสังคม และสิ่งที่
สามารถให้รางวัลแก่คุณได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนาทางชีวิตอย่างมีเป้าหมาย และระบุคุณค่าอันเป็น
เอกลักษณ์ที่คุณนามาสู่โลก
สี่ส่วนของอิคิไก
 การเริ่มต้นการเดินทางเพื่อค้นหา Ikigai ของคุณ ก็เหมือนกับการประกอบภาพปริศนา แต่ละชิ้ นมี
ความสาคัญ และเมื่อนามารวมกันก็ทาให้เกิดภาพที่สมบูรณ์
 ความมหัศจรรย์ของอิคิไกอยู่ที่การร่วมขององค์ประกอบพื้นฐานสี่ประการคือ ความหลงใหล
(Passion) ภารกิจ (Mission) การทางาน (Vocation) และ วิชาชีพ (Profession)
 ภาพส่วนประกอบเหล่านี้ เป็ นวงกลมที่ทับซ้อนกัน เหมือนกับส่วนต่างๆ ใน แผนภาพเวนน์ (Venn
diagram) ที่จุดกลางเชื่อมต่อของวงกลมทั้งสี่ ที่ซึ่งความหลงใหลมาบรรจบกับ ภารกิจ การทางาน
และวิชาชีพ คืออิคิไกของคุณ
ค้นพบอิคิไกส่วนตัวของคุณ
 ในการเริ่มต้น ให้มุ่งเน้นไปที่ ความหลงใหล (Passion) ถามตัวเองว่า
▪ กิจกรรมหรือวิชาใด ที่ทาให้ใจคุณเต้นแรง?
▪ เมื่อใดที่คุณรู้สึกมีชีวิตชีวา หรือมีชีวิตชีวามากที่สุด?
▪ งานใดที่ทาให้คุณใช้เวลา จมลึกจนโลกหายไป?
 ต่อไปเป็น พันธกิจ (Mission) ลองพิจารณาว่า
▪ สาเหตุหรือปัญหาอะไร ดึงความสนใจของคุณ?
▪ คุณรู้สึกว่าโลกต้องการความช่วยเหลือที่ไหน และทักษะหรือความสนใจของคุณรับมือกับมันได้
อย่างไร?
▪ มีช่วงเวลาใดบ้าง ที่คุณรู้สึกอยากมีส่วนร่วมหรือเปลี่ยนแปลงอย่างแรงกล้าหรือไม่?
 เมื่อไตร่ตรอง การทางาน (Vocation) ของคุณ ให้ใคร่ครวญถึง
▪ งานหรือกิจกรรมใด ที่เป็นธรรมชาติสาหรับคุณมากที่สุด?
▪ มีคนอื่นเคยชมเชยคุณ ในเรื่องทักษะหรือความสามารถเฉพาะด้านบ้างไหม?
▪ ความท้าทายหรืองานใดบ้าง ที่คุณจัดการได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คนอื่นอาจต้องดิ้นรน?
 สุดท้ายนี้ สาหรับ อาชีพ (Profession) ให้ตรวจสอบว่า
▪ มีงานหรือบทบาท ที่คนอื่นยินดีจ้างคุณหรือไม่?
▪ คุณสามารถนาเสนอทักษะหรือบริการใด ที่เป็นที่ต้องการได้?
▪ ความหลงใหลของคุณ สอดคล้องกับเส้นทางอาชีพ หรือแหล่งรายได้ที่เป็นไปได้อย่างไร?
 เมื่อคุณตอบคาถามเหล่านี้ จาไว้ว่าไม่ต้องเร่งรีบ การเดินทางเพื่อค้นหาอิคิไกเป็ นเรื่องส่วนตัวและ
อาจต้องใช้เวลา ไม่เป็นไรหากคาตอบไม่ชัดเจนในทันที หรือคาตอบมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่าน
ไป เพราะชีวิตมีความเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยน และคุณก็เช่นกัน
 เมื่อคุณได้ไตร่ตรองแง่มุมเหล่านี้ แล้ว ให้ลองนึกภาพว่ามันรวมกันอย่างไร การสร้างภาพข้อมูลนี้
สามารถเกิดขึ้ นได้โดยใช้ความคิด หรือคุณอาจวาดภาพโดยใช้วงกลมตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ส่วนที่
ทับซ้อนกัน จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ
ตัวอย่างชีวิตจริงของอิคิไก
 บ่อยครั้งที่แนวคิดเชิงนามธรรมเช่น Ikigai กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้เมื่อเราสังเกตมันในทางปฏิบัติ
เมื่อดูตัวอย่างในชีวิตจริง เราจะเห็นว่าปรัชญานี้ เป็ นรูปเป็ นร่าง ในรูปแบบต่างๆ ได้
 ตั้งแต่ศิลปิ นไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ ผู้ใจบุญไปจนถึงผู้ประกอบการ พบว่ามีจุดที่น่าสนใจที่ซึ่งความ
หลงใหล ความสามารถ การมีส่วนสนับสนุนทางสังคม และการแสวงหาความเป็นมืออาชีพมารวมกัน
ทาให้พวกเขามีเหตุผลที่ชัดเจนในการใช้ชีวิต
 เรามาสารวจบุคคลสาคัญสองสามคนและชีวิตของพวกเขาว่า สะท้อนถึงแก่นแท้ของอิคิไกอย่างไร
ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo)
 ศิลปิ นชาวเม็กซิกันผู้โด่งดังรายนี้ ไม่เพียงแต่เป็ นที่รู้จักจากการถ่ายทอดภาพตนเองอันเป็นเอกลักษณ์
ของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็ นที่รู้จักจากความหลงใหลในงานศิลปะอย่างลึกซึ้ งอีกด้วย
 Kahlo ถ่ายทอดความเจ็บปวด ความรัก และความซับซ้อนของชีวิตผ่านผลงานของเธอ
 ศิลปะของเธอ (ความหลงใหล - Passion) กล่าวถึงประเด็นทางสังคมและประสบการณ์ส่วนตัว
(พันธกิจ - Mission) แสดงให้เห็นความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเธอ (การทางาน - Vocation) และใน
ที่สุดก็ทาให้เธอได้รับการยอมรับและรางวัลทางการเงิน (วิชาชีพ - Profession )
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
 ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในด้านเทคโนโลยี จ็อบส์เชื่อมั่นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทั้งใช้
งานได้จริงและสวยงามน่าพึงพอใจ
 ความรักในนวัตกรรม (Passion) ของเขามุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงวิธีที่โลกโต้ตอบกับเทคโนโลยี
(Mission) ความสามารถของเขาในการจินตนาการและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมแสดงให้
เห็นการทางานของเขา (Vocation) และแน่นอนว่าความสาเร็จของ Apple ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึง
ความสาเร็จของเขา (Profession)
มาลาลา ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai)
 เรื่องราวของ Malala ในฐานะผู้สนับสนุนการศึกษาเด็กผู้หญิงทั่วโลกนั้น สร้างแรงบันดาลใจได้อย่าง
ยอดเยี่ยม
 ความหลงใหลในการศึกษา (Passion) ของเธอ ทาให้เธอต้องจัดการกับช่องว่างด้านสิทธิทาง
การศึกษาของเด็กผู้หญิงในบางภูมิภาค (Mission) ความสามารถของเธอในการสร้างแรงบันดาลใจ
และการสนับสนุนแม้ในวัยเด็ก ก็เน้นย้าถึงการทางานของเธอ (Vocation)
 เรื่องราวและการสนับสนุนของเธอ ไม่เพียงแต่ทาให้เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ยังมี
โอกาสมากมายที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายระดับโลก (Profession)
มารี กูรี (Marie Curie)
 นักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกรายนี้ มีความอยากรู้อยากเห็น (Passion) ที่จะเข้าใจความลึกลับของโลก
ธรรมชาติ งานวิจัยของเธอมีนัยสาคัญต่อการแพทย์และวิทยาศาสตร์ (Mission)
 ทักษะที่ไม่มีใครเทียบได้ของเธอในห้องแล็บ และสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์ของเธอถือว่าเป็นการ
ทางานของเธอ (Vocation) และการค้นพบที่ก้าวล้าของเธอ ทาให้เธอได้รับตาแหน่งในประวัติศาสตร์
และนาไปสู่การได้รับรางวัล (Profession)
ตัวอย่างจากชีวิตจริง
 บุคคลเหล่านี้ แต่ละคน แม้จะมีสาขาและภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่ก็พบว่าอิคิไกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 เรื่องราวของพวกเขาเป็นข้อพิสูจน์ถึงความจริงที่ว่า เมื่อคนเราประสานความหลงใหล ภารกิจ การ
ทางาน และอาชีพ ไม่เพียงแต่จะบรรลุความสาเร็จส่วนบุคคลเท่านั้น แต่โลกยังได้รับประโยชน์อีก
มากมายด้วย
 ขอให้รับรู้ว่า Ikigai ไม่ได้จากัดอยู่เพียงอาชีพหรือความหลงใหลใดๆ มันเป็นแนวคิดสากลที่รอการ
ตีความส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปิน นักการศึกษา นักเทคโนโลยี หรือผู้ชื่นชอบธรรมชาติ มี Ikigai
สาหรับคุณที่พร้อมจะถูกค้นพบ
การเปรียบเทียบกับปรัชญาอื่นๆ
 ยูไดโมเนีย (Eudaimonia)
▪ ในโลกตะวันตก ชาวกรีกโบราณได้นาแนวคิดของยูไดโมเนียมาใช้
▪ อริสโตเติลมักพูดถึงคานี้ ซึ่งแปลง่ายๆ ว่า "ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์" หรือ "ความสุข"
▪ โดยแก่นแท้แล้ว ยูไดโมเนียคือการดาเนินชีวิตโดยคุณธรรม และบรรลุศักยภาพของตน
▪ ในขณะที่ Ikigai มุ่งเน้นไปที่จุดบรรจบกันของความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และอาชีพ
eudaimonia เน้นย้าถึงความสอดคล้องของการกระทาของตนกับคุณธรรมทางศีลธรรม และความ
เป็นเลิศส่วนบุคคล
 คาเป เดียม (Carpe Diem)
▪ เป็นคาพังเพยภาษาละตินที่มักแปลว่า "วันนี้ ดีที่สุด"
▪ เป็นปรัชญาตะวันตกอีกประการหนึ่งที่ส่งเสริมให้บุคคลใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก
ช่วงเวลาปัจจุบัน ที่สาคัญคือ ไม่เลื่อนสิ่งต่างๆ ไปสู่อนาคต
▪ ต่างจาก Ikigai ซึ่งเป็นแนวทางสาหรับความพึงพอใจในชีวิตแบบองค์รวม Carpe Diem คือการคว้า
โอกาสที่เกิดขึ้ นทันทีโดยไม่ชักช้า
 ความฝันแบบอเมริกัน (American Dream)
▪ ความฝันแบบอเมริกัน แม้จะมีลักษณะทางวัฒนธรรมมากกว่าปรัชญา แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายคลึง
กับอิคิไก ที่มีรากฐานมาจากอุดมคติแห่งอิสรภาพ
▪ American Dreams เชื่อว่าด้วยการทางานหนัก ความกล้าหาญ และความมุ่งมั่น ทาให้ทุกคนสามารถ
บรรลุความเจริญรุ่งเรืองและความสาเร็จได้ ทั้ง Ikigai และ American Dream เน้นย้าถึงความสาคัญ
ของจุดมุ่งหมายและการแสวงหาความสุข
▪ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ความฝันแบบอเมริกันมักจะเชื่อมโยงความสาเร็จเข้ากับความมั่งคั่งทางวัตถุ
และความคล่องตัวทางสังคมที่สูงขึ้ น Ikigai ให้ความสาคัญกับความพึงพอใจภายในและการค้นหา
ความหมายในชีวิตประจาวันมากกว่า
 ธรรมะ (Dharma)
▪ จากมุมมองของตะวันออก มีธรรมะจากปรัชญาอินเดีย
▪ ธรรมะประกอบด้วยหน้าที่ ความชอบธรรม และศีลธรรม
▪ แม้ว่าทั้งธรรมะและอิกิไกจะมุ่งเน้นไปที่จุดประสงค์ของชีวิต แต่ธรรมะมักมีนัยแฝงทางศาสนา
และเชื่อมโยงกับบทบาทของตนเองในระเบียบสังคมและจักรวาล
สรุป
 ในการเปรียบเทียบเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า การแสวงหาจุดมุ่งหมายและความรู้สึกบรรลุผลนั้นเป็ นสากล
 แต่ละวัฒนธรรมต้องต่อสู้กับคาถามสาคัญในชีวิตด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าอิคิไกจะให้
กรอบการทางานที่ชัดเจน แต่แก่นแท้ของกรอบการทางานก็สะท้อนกับปรัชญาระดับโลกมากมาย
 สิ่งนี้ ทาหน้าที่เป็ นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่มนุษยชาติก็มีความ
ปรารถนาที่จะค้นหาความหมาย วัตถุประสงค์ และความสุขในชีวิตเหมือนกัน
การผสมผสานอิคิไกในชีวิตประจาวัน
 การน้อมรับปรัชญาของ Ikigai ไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน มันเกี่ยวกับการฝังมันไว้
ในพิธีกรรมและกระบวนการคิดประจาวันของคุณ
 การนา Ikigai มาใช้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองและ
นิสัยที่ละเอียดอ่อนมากกว่า ต่อไปนี้ เป็ นวิธีที่นาไปปฏิบัติได้เพื่อบูรณาการแนวคิดที่ยืนยันชีวิตนี้ เข้า
กับกิจวัตรประจาวันของคุณ
1. เป็นภาพสะท้อนยามเช้า (Morning Reflections)
 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการใช้เวลาสักครู่ เพื่อคิดถึงสิ่งที่คุณกาลังมองหา
 สิ่งนี้ ไม่จาเป็ นต้องเป็ นเรื่องใหญ่โต มันอาจจะง่ายแค่อ่านหนังสือ สนทนาอย่างมีความหมาย หรือ
ทางานในโครงการ สิ่งนี้ จะสร้างทัศนคติเชิงบวก และปรับวันของคุณให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
2. กิจกรรมเจริญสติ (Mindful Activities)
 มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบัน นี่อาจเป็นการทาสวน ทาสี ทาอาหาร หรือแม้แต่นั่ง
สมาธิ เมื่อคุณดาดิ่งลงไปในกิจกรรมหนึ่งอย่างเต็มตัว กิจกรรมนั้นจะสอดคล้องกับแง่มุมที่หลงใหล
ของอิคิไก
3. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continuous Learning)
 หล่อเลี้ยงความอยากรู้อยากเห็นของคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็ นการเลือกงานอดิเรกใหม่ๆ การเข้าร่วม
เวิร์คช็อป หรือการอ่านหนังสือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ และช่วยให้คุณ
สอดคล้องกับความสนใจและกระแสเรียกของคุณ
4. การมีส่วนร่วมทางสังคม (Social Engagement)
 ค้นหาหรือสร้างชุมชนของคุณ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม งานอาสาสมัคร หรืองานอดิเรกเป็น
กลุ่ม การเป็ นส่วนหนึ่งของชุมชนไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังเสนอช่องทางในการมีส่วน
ร่วม ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ Ikigai
5. สร้างสมดุลให้กับการแสวงหาความรู้ทางวิชาชีพ (Balance Professional Pursuits)
 ประเมินอาชีพและความผูกพันทางวิชาชีพของคุณอีกครั้ง ว่าสอดคล้องกับทักษะและความสนใจของ
คุณหรือไม่? โปรดจาไว้ว่า Ikigai ไม่ได้เกี่ยวกับการทางานอย่างไม่มีที่สิ้ นสุด แต่เป็นการค้นหา
ความสุข และจุดมุ่งหมายในสิ่งที่คุณทา
6. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness)
 รับประทานอาหารที่สมดุล ฝึกรับประทานอาหารอย่างมีสติ และออกกาลังกายเป็นประจา การมี
ร่างกายที่แข็งแรงเป็นที่พึงพอใจของจิตใจ
7. กาหนดขอบเขตที่ชัดเจน (Set Clear Boundaries)
 แม้ว่าการมีส่วนร่วมและความกระตือรือร้นจะเป็นสิ่งสาคัญ แต่การกาหนดขอบเขตก็มีความสาคัญไม่
แพ้กัน สิ่งนี้ จะทาให้คุณมีเวลาพักผ่อน คิดทบทวนตนเอง และกิจกรรมที่คุณรัก
8. การจดบันทึก (Journaling)
 จัดทาบันทึกประจาวันของอิคิไก เขียนสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่คุณถนัด สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งใดที่สามารถ
ให้ผลตอบแทนทางการเงินหรือทางอารมณ์ได้ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเห็นรูปแบบที่ช่วยให้คุณ
ระบุอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้
9. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง (Embrace Change)
 จาไว้ว่าเมื่อคุณพัฒนา Ikigai ของคุณก็อาจ
พัฒนาขึ้ นเช่นกัน เป็ นเรื่องปกติที่มันจะ
เปลี่ยนแปลงหรือมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณเดิน
ทางผ่านช่วงชีวิตที่แตกต่างกัน
ต่อไปนี้ เป็ นความเข้าใจผิดทั่วไปบางประการ
 1. เน้นในวิชาชีพมากเกินไป แม้ว่าองค์ประกอบเรื่องวิชาชีพจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ikigai แต่สิ่งสาคัญ
คือต้องไม่จัดลาดับความสาคัญมากเกินไป ความมุ่งหมายเพื่อความสาเร็จในอาชีพการทางานหรือ
ผลประโยชน์ทางการเงินเพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็ นการพลาดธรรมชาติแบบองค์รวม จาไว้ว่า มัน
เป็นเรื่องของการบรรจบกันของความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และอาชีพ
 2. ความกดดันเพื่อความสมบูรณ์แบบ การค้นพบอิคิไกไม่ได้หมายความว่าคุณได้พบเส้นทางที่
"สมบูรณ์แบบ" แล้ว ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงและเราก็เช่นกัน อิคิไกของคุณอาจมีการพัฒนาไปตาม
กาลเวลา และนั่นก็ไม่เป็นไร รักษาการเดินทางต่อไปโดยไม่กดดัน
 3. การละเลยบริบททางวัฒนธรรม อิคิไกหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่ น แม้ว่าหลักการของมันจะเป็น
สากล แต่สิ่งสาคัญคือต้องเข้าถึงโดยคานึงถึงต้นกาเนิดด้วย หลีกเลี่ยงการอธิบายที่ทาให้เข้าใจง่าย
เกินไป หรือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจบั่นทอนความหมายอันลึกซึ้ งของเนื้ อหาได้
 4. ความคาดหวังผลลัพธ์ทันที การค้นพบ Ikigai ของคุณไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้ นทันที มันต้องใช้
ความคิดที่ลึกซึ้ ง ความอดทน และบางครั้งก็ถึงขั้นลองผิดลองถูก เป็ นการเดินทางต่อเนื่องมากกว่า
จุดหมายปลายทาง
 5. การตีความที่เข้มงวด แม้ว่าการแสดงแผนภาพเวนน์ของอิคิไกจะได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ใช่วิธี
เดียวที่จะตีความหรือทาความเข้าใจได้ เปิดใจรับการตีความที่หลากหลายและค้นหาสิ่งที่ตรงใจคุณ
 6. ละเลยการดูแลตนเอง ขณะที่การไล่ตามความปรารถนาและภารกิจ การดูแลตัวเองไม่ควรถูกลืม
ความสมดุลเป็ นสิ่งสาคัญ ความเป็ นอยู่ที่ดีของคุณทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็ นสิ่งสาคัญที่สุด
 7. แยกตัวจากชุมชน อิคิไกให้ความสาคัญกับจุดประสงค์ส่วนบุคคลพอๆ กับการมีส่วนร่วมทาง
สังคม นั่นคือการมีส่วนร่วมกับชุมชน การทาความเข้าใจความต้องการของสังคม และการสร้าง
ความสัมพันธ์ จะช่วยส่งเสริมในการเดินทาง
 8. ความกลัวการเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณระบุ Ikigai ได้แล้ว อย่ากลัวที่จะประเมินใหม่และเปลี่ยนแปลง
หากไม่โดนใจ การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงมีความสาคัญต่อชีวิต
คาถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับอิคิไก
 1. อิคิไก หมายความว่าอะไร? Ikigai เป็นคาภาษาญี่ปุ่ นที่รวม "iki" (ชีวิต) และ "gai" (คุณค่าหรือ
มูลค่า) มันแสดงถึงจุดบรรจบของสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่คุณทาได้ดี และสิ่งที่คุณได้รับ
ค่าตอบแทน โดยพื้นฐานแล้ว มันหมายถึงจุดประสงค์ของชีวิตหรือเหตุผลของการเป็ นอยู่
 2. Ikigai เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพหรืองานใช่หรือไม่? ไม่ใช่ แม้ว่าอาชีพจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ikigai
แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น Ikigai รวมถึงความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และ
อาชีพ ทาให้เป็นแนวทางแบบองค์รวมในการค้นหาเป้าหมายและความสมบูรณ์ในด้านต่างๆ ของ
ชีวิต
 3. อิคิไกแตกต่างจากปรัชญาชีวิตอื่นๆ อย่างไร? แม้ว่า Ikigai มีความคล้ายคลึงกับปรัชญาอื่นๆ แต่
จุดมุ่งเน้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ikigai คือการหลอมรวมของความหลงใหล ทักษะ ความต้องการทาง
สังคม และรางวัลจากอาชีพ นี้ เป็ นกรอบการทางานสาหรับความพึงพอใจและวัตถุประสงค์ในชีวิต
แบบองค์รวม
 4. ฉันสามารถมี Ikigai หลายประการได้หรือไม่? ได้อย่างแน่นอน เมื่อชีวิตมีความเคลื่อนไหวและ
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความหลงใหล ภารกิจ รงาน และอาชีพของคุณสามารถพัฒนาได้ ซึ่ง
หมายความว่าคุณอาจค้นพบอิคิไกที่แตกต่างกันในช่วงชีวิตต่างๆ
 5. ฉันจะหาอิคิไกของฉันได้อย่างไร? การค้นหาอิคิไกของคุณเกี่ยวข้องกับการใคร่ครวญ การตระหนัก
รู้ในตนเอง และบางครั้งก็ถึงขั้นลองผิดลองถูก ไตร่ตรองถึงสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่คุณทา
ได้ดี และสิ่งที่สามารถนามาซึ่งรางวัลได้ (ทางอารมณ์ สังคม หรือการเงิน) เมื่อเวลาผ่านไป รูปแบบ
ต่างๆ จะปรากฏขึ้ น เพื่อช่วยให้คุณระบุอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณได้
 6. ทุกคนมีอิคิไกได้หรือไม่ โดยไม่คานึงถึงภูมิหลังทางวัฒนธรรม? ได้แน่นอน แม้ว่าอิคิไกจะมี
รากฐานมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่ น แต่หลักการเกี่ยวกับจุดประสงค์ ความหลงใหล และความพึงพอใจ
ในชีวิตนั้นเป็ นสากล ใครๆ ก็สามารถตีความและนา Ikigai เข้ามาในชีวิตได้
 7. มีช่วงอายุใดโดยเฉพาะที่จะเริ่มสารวจอิคิไกหรือไม่? ไม่ การแสวงหาจุดมุ่งหมายและการบรรลุผล
นั้นอยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยกลางคน หรืออายุมากขึ้ น การสารวจอิคิไกของ
คุณก็ไม่เคยเร็วหรือสายเกินไป
 8. การค้นพบอิคิไกของฉันจะรับประกันความสุขหรือไม่? แม้ว่า Ikigai จะนาคุณไปสู่ชีวิตที่มีความสุข
ที่เต็มไปด้วยจุดมุ่งหมายและความสุขได้ แต่ความสุขนั้นมีหลายแง่มุม อิคิไกสามารถเพิ่มความพึง
พอใจและความหมายในชีวิตได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ประสบการณ์และความท้าทายส่วนบุคคล จะมี
บทบาทต่อความสุขโดยรวมของคนๆ หนึ่งเสมอ
บทสรุป
 แม้ว่ารากฐานของอิคิไกมาจากประเทศญี่ปุ่ น แต่ได้แตกสาขาที่ขยายออกไปทั่วโลก เข้าถึงใครก็ตามที่
กระตือรือร้นที่จะเติมความหลงใหล จุดมุ่งหมาย และความสุขให้กับชีวิตของพวกเขา
 เมื่อคุณได้อ่านประวัติศาสตร์ หลักการ ตัวอย่าง และการประยุกต์อิคิไกในทางปฏิบัติ คุณไม่เพียงแต่
ค้นพบปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็ นแผนงานที่เป็ นไปได้สาหรับชีวิตของคุณอีกด้วย
 แม้ว่าเส้นทางสู่การค้นหาอิคิไกอาจเป็ นเส้นทางส่วนตัวที่ลึกซึ้ งและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่
ผลตอบแทนของการแสวงหาอิคิไกนั้นประเมินค่าไม่ได้ การน้อมรับแนวคิดนี้ ไม่ได้รับประกันว่าชีวิต
จะปราศจากความท้าทาย แต่จะทาให้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข ดาเนินไปอย่างมีความหมาย
ความยืดหยุ่น และเติมเต็ม
To many English language speakers, Ikigai is heard and spoken in three syllables.
However, in actuality, Ikigai has four syllables as shown in the Japanese Hiragana alphabet, and is pronounced (ee-kee-ga-ee).
- Hatwalne
หนังสือเล่มเล็กของอิคิไก: เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและอายุยืนแบบญี่ปุ่ น (The Little Book of
Ikigai: The Secret Japanese Way to Live a Happy and Long Life)
 หนังสือดีๆ อีกเล่มหนึ่งที่ตรงกับแนวคิดในการใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมายและมีความหมาย ซึ่งมีชื่อ
คล้ายกันอย่างแปลกประหลาดคือ The Little Book of Ikigai: The Secret Japanese Way to Live a
Happy and Long Life โดย Ken Mogi นักประสาทวิทยา นักวิจัยอาวุโสที่ Sony Computer Science
Laboratories และศาสตราจารย์เกียรติยศที่ Tokyo Institute of Technology
 ในหนังสือเล่มนี้ โมกิ นาเสนอเสาหลัก 5 ประการ (โดยไม่ต้องเรียงตามลาดับ) ในการค้นหาอิคิไก:
5 เสาหลักของอิคิไก
 1. เริ่มจากเล็กๆ → เน้นรายละเอียด (Starting small → focus on the details)
 2. ปลดปล่อยตัวเอง → ยอมรับในตัวตนของคุณ (Releasing yourself → accept who you are)
 3. ความสามัคคีและความยั่งยืน → พึ่งพาผู้อื่น (Harmony and sustainability → rely on others)
 4. ความสุขในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ → ชื่นชมความสุขทางประสาทสัมผัส (The joy of little things →
appreciate sensory pleasure)
 5. อยู่ที่นี่และตอนนี้ → ค้นหากระแสของคุณ (Being in the here and now → find your flow)
1. เริ่มจากเล็กๆ → เน้นรายละเอียด
 เราสมควรได้รับการสนับสนุน ให้ปรับปรุงพฤติกรรมของเราในรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ
 อาจหมายถึงการตื่นเช้าขึ้ น หรือเปลี่ยนกิจวัตรประจาวันของคุณ เพียงพอที่จะหาเวลาทาสิ่งที่คุณชอบ
ทา นอกจากนี้ ยังอาจเป็ นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่คุณทา เพื่อพัฒนาทักษะหรืออาชีพของ
คุณ ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะกลายเป็นนิสัย และนาไปสู่การสนับสนุนอิคิไกของคุณ
2. ปลดปล่อยตัวเอง → ยอมรับในตัวตนของคุณ
 ในความจาเป็นต่อความสาเร็จในการค้นหา Ikigai ของคุณ คือการเข้าใจว่าคุณเป็นใคร และยืนหยัด
เพื่ออะไร
 ไม่ได้หมายความว่า ความคิดและการกระทาของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในความเป็น
จริงแล้วนั่นคือเป็นสิ่งที่เราคาดหวังได้ เพียงแค่ต้องแน่ใจว่ามีความมั่นใจตัวเอง และอนุญาตให้
ตัวเองเป็ นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้ นก็ตาม
3. ความสามัคคีและความยั่งยืน → พึ่งพาผู้อื่น
 ยิ่งเราแบ่งปันและมีส่วนร่วมมากเท่าไร ชีวิตก็จะยิ่งน่าพึงพอใจสาหรับเราทุกคนมากขึ้ นเท่านั้น
 พยายามพูดคุยกับคนรอบข้าง ไม่ใช่เกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณมี แต่พูดถึงความหลงใหลที่คุณมี สิ่ง
เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ช่วงเวลาที่คุณซาบซึ้ ง ฯลฯ พยายามสร้างความผูกพันร่วมกับผู้คนในชุมชนของ
คุณ ดูดซับพลังงานที่พวกเขามอบให้คุณ และส่งกลับคืนตามความเหมาะสม
4. ความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ → ชื่นชมความสุขทางประสาทสัมผัส
 พยายามชื่นชมสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่เรามักจะมองข้ามไป
 คิดถึงปริมาณทักษะหรือความพยายามที่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่งที่คุณทา ค้นหาสิ่งที่ทาให้คุณรู้สึกดีเมื่อทา
สิ่งนั้น แล้วมุ่งความสนใจไปที่ทามันให้ดีขึ้ น ทาสิ่งนี้ บ่อยๆ มากพอและเป็ นนิสัย คุณจะพบว่าตัวเอง
รู้สึกขอบคุณมากขึ้ น สาหรับความสามารถที่คุณมี ผู้คน และสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ
5. อยู่ที่นี่และตอนนี้ → ค้นหากระแสของคุณ
 คานึงถึงความรู้สึกและสภาพแวดล้อมของคุณ
 ชื่นชมสิ่งที่คุณทาได้ผ่านประสาทสัมผัสของคุณ และการได้ทางานหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับชีวิต
แม้แต่การกระทาง่ายๆ เช่น หายใจลึกๆ กลั้นไว้ แล้วปล่อยช้าๆ ก็สามารถช่วยให้คุณอยู่ในกรอบ
ความคิดที่ถูกต้องได้ คุณจะได้พบว่าสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้ นเมื่อคุณทาตามนี้ และขั้นตอนการกระทา
ต่อไปของคุณจะมีพื้นฐานที่ดีมากขึ้ น
นอกเหนือจากการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากขึ้ นแล้ว การรู้จักอิคิไกของคุณยังช่วยให้คุณ
 1. ออกแบบไลฟ์ สไตล์การทางานในอุดมคติของคุณ (Design your ideal work lifestyle)
 2. สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแกร่งในที่ทางาน (Create strong social connections at work)
 3. สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทางานที่ดี (Create a healthy work-life balance)
 4. ไล่ตามความฝันในอาชีพของคุณ (Pursue your career dreams)
 5. สนุกกับงานของคุณ (Enjoy your work)
Ikigai (จากการค้นเว็บไซต์ไทย)
 Ikigai (อิคิไก) คือ ปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่ น คาว่า อิคิ (Iki) แปลว่า "ชีวิต" และคาว่า ไก
(Kai) แปลว่า "ผลลัพธ์" หรือ "คุณค่า" เมื่อนาทั้ง 2 คามารวมกันจึงมีความหมายว่า "คุณค่าของการ
มีชีวิตอยู่"
 อิคิไกเป็นปรัชญาชีวิตเก่าแก่ของญี่ปุ่ นที่ช่วยให้เราหาคาตอบให้กับตัวเองได้ว่า การตื่นมาในแต่ละวัน
มีความหมายอย่างไร เป้าหมายในชีวิตของเราวันนี้ คืออะไร และเราจะใช้ชีวิตอย่างสมดุลได้ด้วย
วิธีการไหนบ้าง
 เมื่อเราค้นพบเป้าหมายหรือความหมายนั้น เราก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อิ่มเอมใจ มี
ความหมาย และต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้ น
หลักการของ Ikigai
 หลักการค้นหาคาตอบหรือความหมายของชีวิต ไม่ใช่หลักการที่ยุ่งยากและซับซ้อน เป็นหลักการที่
เริ่มจากวงกลมคาถาม 4 วง หากเราพบจุดร่วมของวงกลมแต่ละวง เราก็จะค้นพบได้เองว่า สุดท้าย
ชีวิตเราต้องการอะไร คาตอบที่เราตามหาแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน ซึ่งวงกลมคาถามทั้ง 4 มีดังนี้
 1. สิ่งที่เรารัก หลงใหล หรือชื่นชอบที่จะทา (What you LOVE) อาจเป็นงานอดิเรก การใช้เวลาว่าง
อาหารการกิน งานศิลปะ เสียงดนตรี กลิ่นหอม หรือสิ่งใดก็ตามที่เราทาแล้วรู้สึกสบายใจ และรักที่จะ
ทาสิ่งเหล่านี้
 2. สิ่งที่เราถนัด ทักษะที่เราเชี่ยวชาญ หรือสามารถทาได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ฝืนความรู้สึก (What
you are GOOD AT) สิ่งที่ถนัดไม่จาเป็นต้องจับต้องได้ หรือมุ่งเน้นเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น อาจหมาย
รวมถึง การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เข้ากับคนอื่นง่าย มีความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาได้ดี เป็นต้น
 3. สิ่งต่าง ๆ ที่เราทาแล้วได้ผลตอบแทน (What you can be PAID FOR) ไม่ว่าจะเป็นงานประจา งาน
หลัก งานพิเศษ งานจากความสามารถพิเศษ ลองนั่งพิจารณาดูว่าเท่าที่ผ่านมาเราทาอะไรแล้วได้
ผลตอบแทนบ้าง และงานไหนที่ทาแล้วรู้สึกสบายใจและภูมิใจกับรายได้ที่ได้กลับมา
 4. สิ่งที่เราสามารถทาประโยชน์กับผู้อื่นได้ (What the WORLD NEEDS) เป็นสิ่งดี ๆ ที่เราสามารถส่ง
ต่อหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น อาทิ การทางานจิตอาสา การช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ การช่วยเหลือบุคคลไร้
ญาติขาดมิตร หรือแม้กระทั่งการให้คาปรึกษาผู้ที่มีความทุกข์
The Ikigai Diagram:
 A Philosophical Perspective
(Venn diagram: a Westernized version)
เมื่อวงกลมทั้ง 4 วาดทับตัดกันจะก่อเกิดอีก 4 หลักการขึ้ นมา
 1. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่เราทาได้ดี = ความหลงใหล (Passion)
• คุณชอบเรื่องอาหาร + คุณทาอาหารได้อร่อย = คุณจะรู้สึกสนุก และมีความสุขมากๆ กับการ
ทาอาหาร
• คุณชอบเกม + คุณทาอาหารได้อร่อย = คุณสามารถออกแบบเกมเกี่ยวกับการทาอาหารได้อย่าง
หลงไหล
 2. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่โลกต้องการ = หน้าที่ (Mission)
• คุณชอบเรื่องอาหาร + โลกต้องการพ่อครัว = คุณต้องทาอาหารให้เป็น และอร่อยให้ได้
• คุณชอบเกม + โลกต้องการพ่อครัว = คุณต้องเป็นพ่อครัวที่สามารถสร้างเกมจากการทาอาหาร
ขึ้ นมาให้ได้
 3. สิ่งที่โลกต้องการ + สิ่งที่เราทาแล้วได้รับสิ่งตอบแทน = งาน (Vocation)
• โลกต้องการพ่อครัว + ขายอาหาร = งานของคุณคือการทาอาหาร
• โลกต้องการนางแบบ + ขายอาหาร = งานของคุณคือการทาตัวให้โดดเด่นเพื่อเป็นจุดขายของ
อาหาร
 4. สิ่งที่เราทาได้ดี + สิ่งที่เราทาแล้วได้รับสิ่งตอบแทน = อาชีพ (Profession)
• คุณทาอาหารได้อร่อย + ขายอาหาร = อาชีพของคุณคือ พ่อครัว เชฟ ฯลฯ
• คุณเขียนบทความได้ดี + ขายอาหาร = อาชีพของคุณคือ นักเขียนตาราทาอาหาร นักรีวิว ฯลฯ
อิคิไกส่วนตัว
 ทั้งนี้ การค้นหา Ikigai ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
 ความหมายในชีวิตไม่จาเป็นต้องยิ่งใหญ่ หรือเป็นสิ่งที่ต้องเค้นออกมาจากความรู้สึกนึกคิดเสมอไป
อาจเป็นสิ่งเรียบง่าย หรือสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวัน
 เราสามารถเริ่มจากการลองสังเกตตัวเอง ทบทวนตัวเอง มองสิ่งรอบข้างด้วยใจเปิดกว้าง ไม่ยึดติด
กับแนวคิดใด ๆ ปลดปล่อยตัวเองให้ได้มองมุมใหม่ ๆ ละทิ้งแนวคิดหรืออารมณ์ลบออกไป มีสติอยู่
กับปัจจุบัน ใส่ใจกับสิ่งอยู่ตรงหน้า และตั้งใจทามันให้ดีที่สุด
 เมื่อเราทาได้ เราก็จะมองเห็น Ikigai และความหมายของตัวเองในที่สุด
บัญญัติ 10 ประการของอิคิไก
 1. กระตือรือร้นกับชีวิตแบบไม่มีวันเกษียณ (Stay active; don’t retire)
▪ เรียนรู้และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ต่างๆ ในโลก รักในสิ่งที่ทา ทาในสิ่งที่สาคัญและมีคุณค่าต่อ
ชีวิตตนเอง ทาหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด มีความก้าวหน้าทุกๆ วัน และชื่นชมสิ่งดีๆ รอบตัว
 2. ทาอะไรให้ช้าลง (Take it slow)
▪ อย่าเพิ่งงง ว่าขัดกับข้อแรกหรือไม่ ที่จริงแล้วคือการคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆ ก่อนลงมือทา มี
วิสัยทัศน์และแผนงานที่ดีก่อน ว่าหากทาสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้ นบ้าง ไม่ใช่
กระตือรือร้นจนลนแบบทาอะไรรีบๆ ไม่ได้มองภาพใหญ่ระยะยาว
 3. อย่ากินให้อิ่มเกินไป (Don’t fill your stomach)
▪ หากอยากมีสุขภาพดี อายุยืน ต้องใช้กฎ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เรียกว่า hara hachibu คือให้หยุด
กินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่มแล้ว หรือคิดเป็ นปริมาณ 1,200 – 1,500 แคลเลอรีต่อวันเท่านั้น โดย
เน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็ นกลุ่มผักและผลไม้สดทั่ว ๆ ไป
 4. แวดล้อมด้วยเพื่อนดีๆ (Surrounding yourself with good friends)
▪ เพื่อนคือยาที่ดีที่สุด การได้รับฟัง พูดคุย แบ่งปันทุกข์สุขกันกับเพื่อนๆ ให้คาแนะนากันบ้าง
หัวเราะขาขันกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ทาให้ชีวิตของเรามีชีวาขึ้ นทุกๆ วัน ซึ่งจาก
งานวิจัยหลายที่ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ความสัมพันธ์ที่ดี นาไปสู่สุขภาพจิตที่ดีและทาให้การ
ทางานของระบบต่างๆ ในร่างกายนั้นดีขึ้ นอีกด้วย
 5. ฟิ ตร่างกายให้ดีต้อนรับวันเกิดปี หน้า (Get in shape for your next birthday)
▪ ร่างกายก็ต้องการได้รับการดูแลบารุงรักษา คล้ายเครื่องยนต์ที่หากใช้งานทุกวันก็ต้องเสื่อม
ไปบ้างเป็ นธรรมดา การออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอทาให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังผลิต
ฮอร์โมนเพื่อช่วยทาให้เรามีความสุขอีกด้วย
 6. ยิ้ มเข้าไว้ (Smile)
▪ การยิ้ มทาให้จิตใจผ่อนคลายแล้วยังช่วยทาให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้ นได้ง่ายๆ เพราะกลไกทาง
จิตใจเรามีระบบจดจาความรู้สึกอัตโนมัติ (Facial expression effect) ที่ทาให้เรารับรู้ว่าหาก
เรายิ้ ม อารมณ์เราจะดีขึ้ น
 7. เชื่อมต่อกับธรรมชาติ (Reconnect with nature)
▪ เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น ทะเล ภูเขา น้าตก เพื่อชาร์ต
แบตเตอรี่เพิ่มพลังงานให้ตัวเองอยู่เสมอๆ เพราะเราต่างเชื่อมโยงเป็ นส่วนหนึ่งของ
ธรรมชาติและโลกใบนี้ การได้รับออกซิเจนที่มากพอ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ คือความสุขโดย
ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน
 8. ขอบคุณในสิ่งที่เรามี (Give thanks)
▪ ความรู้สึกขอบคุณและกตัญญูต่อบุคคลและสิ่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษ ธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม อาหาร และสิ่งที่เรามี จะทาให้เรารู้สึกโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่และจะยิ่งเพิ่มพูน
ความสุขให้เราในทุกๆ วัน
 9. อยู่กับปัจจุบันขณะ (Live the moment)
▪ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้ นในอดีตและกลัวหรือกังวลสิ่งที่จะเกิดขึ้ นในอนาคต วันนี้ และ
ขณะนี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็ นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและน่าจดจา
เพราะว่าเวลาเป็ นสิ่งที่ผ่านมาและผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และหาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน
 10. จงออกตามหา Ikigai ของคุณ (Follow your Ikigai)
▪ มนุษย์ทุกคนมีความรักความหลงใหลและพรสวรรค์บางอย่างอยู่ในตัวเรา ที่จะทาให้เราใช้
ชีวิตอย่างมีความหมายในทุกๆ วัน และขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย
ของชีวิต หากคุณยังหา Ikigai ของคุณไม่เจอก็ไม่เป็ นไร ภารกิจของคุณก็คือ ออกตามหามัน
ซะ
 At its heart, Ikigai is more than just the intersection of what
one loves, what the world needs, what one can be paid for,
and what one is good at. In Japanese culture, it is a
comprehensive approach to life, encompassing joy, a sense
of purpose, and a feeling of wellbeing.
อิคิไก เทียบเคียงกับธรรมะของพุทธศาสนา
 จากการค้นคว้าในเรื่องนี้ ในความเห็นส่วนตัวแล้ว
คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับคาสั่งสอนในศาสนาพุทธเรื่อง
สันโดษ
 ในที่นี้ ขอนาธรรมะเรื่องสันโดษ จากวัดญาณเวศกวัน
มาเสนอบางส่วนให้รับทราบดังต่อไปนี้
ความหมายของสันโดษ
 ความสันโดษนี้ ศัพท์บาลีคือ สนฺตุฎฐี แปลได้ดังนี้
 ๑. ความยินดีพร้อม คือความพอใจ
 ๒. ความยินดีในของของตน
 ๓. ความยินดีโดยชอบธรรม
 รวมความหมายในทางธรรมว่า สันโดษ คือความยินดีในของที่ตนมี ซึ่งได้มาโดยชอบธรรม หรือ
ความพอใจ มีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ได้มาเป็นของตน ด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตนเองโดย
ทางชอบธรรม
วัตถุประสงค์ของสันโดษ
 ก. วัตถุประสงค์ทั่วไป
 การประพฤติสันโดษ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องสนับสนุนการดาเนินตามอริยมรรค คือ การศึกษา
ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธศาสนา ที่จะให้บรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุด คือวิมุตติ (ความหลุดพ้น,
ความมีจิตใจเป็นอิสระ) หรือนิพพาน (ความดับกิเลสและทุกข์ได้สิ้นเชิง)
 ข. วัตถุประสงค์เฉพาะ
 เพื่อให้จิตใจปลอดโปร่ง มั่นคง ปราศจากความติดข้องในสิ่งเย้ายวน ปราศจากความครุ่นคิดกังวลใน
การที่จะหาทางบารุงบาเรอปรนเปรอตนเอง จะได้นาเวลาความคิดและแรงงานมาทุ่มเทอุทิศให้แก่
การปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เต็มที่
หลักการของสันโดษ
 มีความเป็นอยู่ทางด้านวัตถุคือปัจจัย ๔ แค่พอดี คือพอสะดวกสบาย พอเกื้ อกูลแก่สุขภาพ แก่การ
ดาเนินชีวิตที่ดีงาม และแก่การปฏิบัติกิจหน้าที่ของตน ไม่ใช่เพื่อ โก้ ฟุ้งเฟ้อ หรูหรา แข่งโอ่อ่ากว่ากัน
 แสวงหาปัจจัย ๔ ด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างจริงจัง โดยทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม ซึ่งเหมาะสมกับ
ภาวะและฐานะของตน ไม่ขัดหรือเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถนึกถึงสิ่งที่ตนได้มานั้น
ด้วยความเอิบอิ่มภูมิใจ พอใจและมีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ตนหามาได้ เป็นผลสาเร็จของตนเอง ทา
จิตใจให้ปลอดโปร่ง ตั้งมั่น สงบ ไม่กระวนกระวาย
 เอาเวลา ความคิด และแรงงานมาอุทิศให้แก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยเต็มที่ พยายามแก้ไข
ปรับปรุง ทางานให้ก้าวหน้า ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้ นไป ไม่พล่าเวลาและความคิดให้เสียไปด้วยความฟุ้งเฟ้อ
ความปรนปรือ และไม่ให้จิตใจถูกรบกวนด้วยสิ่งเหล่านี้
กรณีที่สอนไม่ให้สันโดษ
 พระพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงสอนให้มีความสันโดษในเรื่องทุกอย่าง ในบางกรณีกลับทรงสอนไม่ให้สันโดษ
และความไม่สันโดษนี้ นับว่าเป็ นคุณธรรมสาคัญอย่างหนึ่งด้วย เช่นที่ได้ตรัสไว้ว่า
 ภิกษุทั้งหลาย เราได้รู้ชัดคุณของธรรม ๒ ประการ คือ ความเป็นผู้ไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย
อย่างหนึ่ง และความไม่รู้จักระย่อในการทาความเพียร อย่างหนึ่ง
 พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ก็เพราะอาศัยธรรม ๒ อย่างนี้ เช่น เพราะยังไม่ทรงพอพระทัยในความรู้และคุณ
พิเศษที่ได้ในสานักของอาฬารดาบสและอุททกดาบส จึงทรงแสวงธรรมและบาเพ็ญเพียรต่อมา และ
เพราะไม่ทรงท้อถอย จึงบรรลุโพธิญาณได้
ลักษณะของผู้สันโดษ
 เป็ นผู้แสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพด้วยความเพียรและปัญญาเท่าที่เหมาะสมกับภาวะของตน และเป็น
การชอบธรรม
 ไม่อยากได้ของผู้อื่น หรือของที่ไม่ชอบธรรม ไม่ทาการทุจริตเพราะปากท้อง และผลประโยชน์
ส่วนตัว
 เมื่อหามาได้ และใช้สอยสิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ติด ไม่หมกมุ่นมัวเมา ไม่กลายเป็ นทาสของสิ่งเหล่านั้น
 เมื่อไม่ได้ เมื่อสุดวิสัยแล้วไม่สาเร็จ ก็ไม่เดือดร้อนกระวนกระวาย ไม่ยอมให้ความผิดหวังครอบงา
ยังคงปฏิบัติหน้าที่การงานของตนต่อไปได้ และพยายามทาใจให้ผ่องใสสงบเป็นปกติ
ลักษณะของผู้สันโดษ
 ไม่ถือเอาสิ่งที่ตนหาได้ สมบัติของตน หรือผลสาเร็จของตน มาเป็นเหตุยกตนข่มผู้อื่น
 หาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นของตน หรือเป็นสิทธิของตน สามารถดารงชีวิตที่มีความสุขในฐานะที่ตน
เข้าถึงในขณะนั้นๆ
 มีความภูมิใจในผลสาเร็จที่เกิดจากเรี่ยวแรงกาลังงานของตน มีความอดทน สามารถรอคอย
ผลสาเร็จที่จะพึงเกิดขึ้ นจากการกระทาของตน
 มีความรักและภักดีในหน้าที่การทางานของตน มุ่งหน้าปฏิบัติหน้าที่การทางานให้ก้าวหน้า และ
บรรลุความสาเร็จ
สันโดษเทียมและความหมายที่คลาดเคลื่อน
 การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกับความเป็นไปอย่างอื่นส่วนมาก คือมีความไขว้เขว ความเข้าใจผิด และ
การหลอกลวงได้ สันโดษก็เป็นธรรมข้อหนึ่ง ที่มีสภาพความประพฤติชั่วบางอย่างมาคล้ายคลึงเข้า
โดยอาการภายนอก ความชั่วที่ดูเผินๆ คล้ายสันโดษนี้ คือความเกียจคร้าน เฉื่อยชา ไม่เอาธุระ ความ
เพิกเฉยต่างๆ
 การวินิจฉัยอาการแปลกปลอมหรือลวงนี้ กระทาได้ไม่ยาก ข้อตัดสินที่เด็ดขาด คือพิจารณาว่าผู้นั้นมุ่ง
หน้ากระทาสิ่งที่ดีงาม ปฏิบัติหน้าที่การทางานของตนหรือไม่ ถ้าไม่ ก็พึงวินิจฉัยว่าเป็นความเกียจ
คร้านเฉื่อยชา
 สันโดษนี้ ในสังคมไทยยังเข้าใจผิดมาก สันโดษ คืออะไร? ลองถามหลายท่าน ให้ความหมายไม่ถูก
บางคนบอกว่า คนสันโดษ คือ คนที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร อยากปลีกตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว อันนี้
ไม่ใช่สันโดษ การปลีกตัวอยู่สงบนั้น เรียกว่า วิเวก
 สันโดษไม่ใช่อย่างนั้น “สันโดษ” แปลให้ถูกว่า ความยินดีในของของตน คือมีเท่าไร พอใจเท่านั้น ได้
เท่าไร พอใจเท่านั้น แล้วก็มีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ได้มาเป็ นของตน เท่าที่มีที่ได้อย่างนี้ เรียกว่าสันโดษ
ในความหมายพื้นๆ
 สันโดษทำให้เป็นคนสฎขง่ำยด้วยวัตุถฎน้อย ส่วนคนที่ไม่สันโดษก็คือ คนที่จะสุขต่อเมื่อได้มากที่สุด
 คนที่ไม่สันโดษ ในแง่หนึ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ สิ่งที่เขามีอยู่แล้วเท่าไร ก็ทาให้เขามีความสุขไม่ได้ เขา
มีลักษณะที่ว่า ต้องมีสิ่งเสพมากที่สุด ต้องได้มามากที่สุด ต้องได้อีกๆ จึงจะสุข ฉะนั้น คนพวกนี้ ก็จะ
วุ่นอยู่กับการวิ่งหาความสุข แต่วิ่งตามความสุขไม่ถึงสักที เพราะความสุขอยู่กับสิ่งที่ยังไม่ได้ยังไม่มี
 ขอแทรกหน่อยว่า สันโดษนี้ ไม่ใช่เพื่อความสุข ถ้าสันโดษเพื่อความสุข ก็จะพลาด คนที่สันโดษ จะสุข
ง่ายด้วยวัตถุน้อย เพราะว่าได้เท่าไร ก็พอใจ แล้วก็มีความสุข
 แต่ถ้าเขาพอใจแล้วมีความสุข นึกว่าแค่นั้น แล้วจบ ก็นอนเท่านั้นเอง ได้มาเท่าไร พอใจแค่นั้น ก็
สบายแล้ว มีความสุขได้แล้ว ก็นอนสิ ถ้าอย่างนี้ ก็คือ สันโดษเพื่อควำมสฎข เป็นสันโดษข้เกยจ ผิด
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้เพื่ออย่างนี้
 ความสุขเป็นผลพลอยได้ที่พ่วงมาในตัวมันเองของสันโดษ แต่สันโดษไม่ใช่เพื่อควำมสฎข สันโดษมี
ความมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ก้าวไปในกระบวนการพัฒนาตนของมนุษย์
สรุปเรื่องสันโดษ
 หลักการของสันโดษคือ เพื่อจะออมหรือสงวนเวลา แรงงาน และความคิดไว้ แล้วเอามาใช้ในการ
ทา คือในการสร้างสรรค์ ทาสิ่งที่ดีงาม ทาหน้าที่การทางาน เท่านั้นเอง เป้าหมายอยู่ที่นี่ แต่ผล
พลอยได้คือ พลอยมีความสุขไปด้วย
 สุขจากการทางาน เพราะทางานด้วยความรู้เข้าใจความหมายและความมุ่งหมายของการทางาน บวก
ด้วยสุขจากการเรียนรู้ในการทางาน แถมด้วยสุขจากการที่ได้ฝึกฝนพัฒนาตนเอง ซึ่งทาให้ชีวิตเจริญ
พัฒนาดีขึ้ น มีความรู้ความสามารถมากขึ้ นเป็ นต้น แล้วยังสุขจากปีติความอิ่มใจที่ได้มองเห็นคุณค่า
ประโยชน์ของงานนั้นในการสร้างสรรค์ชีวิตและสังคม
- Michiko Kumano (Japanese psychologist )

More Related Content

What's hot

เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงเทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงBoomCNC
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
บทที่ 12 project auditing
บทที่ 12 project auditingบทที่ 12 project auditing
บทที่ 12 project auditingTeetut Tresirichod
 
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลก
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลกงานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลก
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลกMC Mic
 
โครงสร้างองค์กร เสริมสุข
โครงสร้างองค์กร เสริมสุขโครงสร้างองค์กร เสริมสุข
โครงสร้างองค์กร เสริมสุข0868472700
 
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถามIS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถามPloykarn Lamdual
 
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)Alongkorn WP
 
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2Tanchanok Pps
 
อินทิเกรต
อินทิเกรตอินทิเกรต
อินทิเกรตkrurutsamee
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์Jiraporn
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1Jutarat Bussadee
 
พลศาสตร์ของไหล
พลศาสตร์ของไหลพลศาสตร์ของไหล
พลศาสตร์ของไหลSatit Originator
 
กรด เบส เกลือ
 กรด เบส เกลือ กรด เบส เกลือ
กรด เบส เกลือnn ning
 
คู่มือการใช้เชือก
คู่มือการใช้เชือกคู่มือการใช้เชือก
คู่มือการใช้เชือกNoppadon Khongchana
 

What's hot (20)

โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิดโครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
 
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุงเทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
เทียนหอมสมุนไพรไล่ยุง
 
58210401110 งาน1 ss ครับ
58210401110 งาน1 ss ครับ58210401110 งาน1 ss ครับ
58210401110 งาน1 ss ครับ
 
สุภาษิตกฎหมาย
สุภาษิตกฎหมายสุภาษิตกฎหมาย
สุภาษิตกฎหมาย
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 12 project auditing
บทที่ 12 project auditingบทที่ 12 project auditing
บทที่ 12 project auditing
 
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลก
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลกงานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลก
งานนำเสนอ เรื่องขยะล้นโลก
 
โครงสร้างองค์กร เสริมสุข
โครงสร้างองค์กร เสริมสุขโครงสร้างองค์กร เสริมสุข
โครงสร้างองค์กร เสริมสุข
 
Chapter 4 empathize
Chapter 4 empathizeChapter 4 empathize
Chapter 4 empathize
 
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถามIS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
 
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)
ส่วนที่ 3 โครงการ (ตัวอย่างจากปี 53)
 
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
เอกสารประกอบการเรียน เคมีอินทรีย์ 2
 
อินทิเกรต
อินทิเกรตอินทิเกรต
อินทิเกรต
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1
 
หน่วยที่ 1 ไฟฟ้าฟ้าสถิต
หน่วยที่ 1 ไฟฟ้าฟ้าสถิตหน่วยที่ 1 ไฟฟ้าฟ้าสถิต
หน่วยที่ 1 ไฟฟ้าฟ้าสถิต
 
พลศาสตร์ของไหล
พลศาสตร์ของไหลพลศาสตร์ของไหล
พลศาสตร์ของไหล
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 
กรด เบส เกลือ
 กรด เบส เกลือ กรด เบส เกลือ
กรด เบส เกลือ
 
คู่มือการใช้เชือก
คู่มือการใช้เชือกคู่มือการใช้เชือก
คู่มือการใช้เชือก
 

Similar to IKIGAI อิคิไก - การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของญี่ปุ่น.pdf

ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...Padvee Academy
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfmaruay songtanin
 
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบPatcha Linsay
 

Similar to IKIGAI อิคิไก - การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของญี่ปุ่น.pdf (6)

Appreciative Inquiry Coaching A-Z
Appreciative Inquiry Coaching A-ZAppreciative Inquiry Coaching A-Z
Appreciative Inquiry Coaching A-Z
 
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
ศิลปะการดำเนินชีวิต (Art of living) : การรู้จักตัวเอง ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา (ช่วง...
 
Strengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai versionStrengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai version
 
Shared magazine 3
Shared magazine 3Shared magazine 3
Shared magazine 3
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
 
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ
ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ
 

More from maruay songtanin

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

IKIGAI อิคิไก - การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของญี่ปุ่น.pdf

  • 2. Published by: Practical Psychology on October 10, 2023 In an age where many are on the quest for the meaning of life, the Japanese concept of Ikigai emerges as a beacon. Rooted in Japanese culture, it presents a framework not just for finding purpose but for cultivating a fulfilling life.
  • 3. เกริ่นนา  อิคิไก (Ikigai) เป็นจุดบรรจบของสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่ทาแล้วเกิดรายได้ และสิ่งที่คุณทา ได้ดี  เป็นที่ที่ความหลงใหลส่วนตัวและการช่วยเหลือสังคมมาบรรจบกัน ส่งผลให้ชีวิตเต็มไปด้วย เป้าหมายและความสุข  Ikigai ได้รับการยกย่องในบทความ หนังสือ และการสัมมนาจานวนนับไม่ถ้วน ซึ่งดูเหมือนจะเข้าถึง ความปรารถนาของมนุษย์ที่เป็ นสากลเพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้ น
  • 4. ต้นกาเนิดของอิคิไก  เมื่อคุณนึกถึงญี่ปุ่ น คุณอาจนึกถึงภาพต่างๆ มากมาย เช่น ความงามอันเงียบสงบของดอกซากุระ ถนนที่พลุกพล่านของโตเกียว หรือบางทีอาจจะเป็นการอุทิศตนของพ่อครัวซูชิที่กาลังปรุงงานฝีมือ ของเขาให้สมบูรณ์แบบ  ในบรรดาภาพทางวัฒนธรรมเหล่านี้ มีปรัชญาที่คนญี่ปุ่ นจานวนมากยึดถือ ปรัชญาที่ช่วยให้พวกเขา ค้นพบความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิต ปรัชญานั้นคืออิคิไก  แนวคิดนี้ มีต้นกาเนิดที่โอกินาวา สถานที่ในญี่ปุ่ นที่ขึ้ นชื่อในเรื่องอายุขัยที่ยืนยาวที่สุดในโลก เป็นที่อยู่ อาศัยของประชากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
  • 5.  ในอดีต คาว่าอิคิไกไม่ได้จากัดอยู่เพียงความหมายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเท่านั้น ในตารา ภาษาญี่ปุ่ นรุ่นเก่า คาว่า Ikigai มีความหมายว่า "เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่"  มันไม่ได้ลึกซึ้ งมากนัก คิดว่ามันเหมือนกับความรู้สึกที่คุณได้รับเมื่อคุณมีแผนและรู้สึกตื่นเต้น เมื่อ เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ มันก็กลายเป็นปรัชญาที่ครอบคลุม จุดประสงค์และเหตุผลในการใช้ชีวิต  การทาความเข้าใจอิคิไกไม่จาเป็ นต้องเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่ นอย่างลึกซึ้ ง
  • 6.  ลองนึกถึงอิคิไกว่าคือการมีเข็มทิศที่มีอยู่ในทะเลแห่งชีวิตอันกว้างใหญ่ เข็มทิศไม่ได้บอกคุณว่าสมบัติ อยู่ที่ไหนเสมอไป แต่เข็มทิศจะนาทางคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะล่องเรือไปในผืนน้าที่โดนใจคุณ  อิคิไกคือเข็มทิศนั้นเอง เป็ นการผสมผสานระหว่างสิ่งที่คุณหลงใหลอย่างลึกซึ้ ง สิ่งที่คุณเป็นเลิศ สิ่งที่ โลกต้องการ และสิ่งที่สามารถค้าจุนคุณได้ ไม่ว่าจะเป็ นด้านอารมณ์ จิตใจ หรือทางการเงิน  แม้ว่าแนวคิดนี้ มีรากฐานมาจากประเทศญี่ปุ่ น แต่ความเป็ นสากลก็มีความชัดเจน ทุกคนไม่ว่าจะมี พื้นฐานมาจากอะไร ต่างก็ได้รับประโยชน์จากการระบุอิคิไกของตนเอง  Ikigai นาเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางอาชีพ การเติบโตส่วนบุคคล หรือความเข้าใจชีวิตที่ลึกซึ้ ง ยิ่งขึ้ น
  • 7.  หนังสือยอดนิยมที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญาคือ อิคิไก: ความลับของญี่ปุ่ น เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข (Ikigai: The Japanese Secret to a Long and Happy Life) โดย Héctor García (ที่สองจากขวา) และ Francesc Miralles (ซ้ายสุด)
  • 8. เข้าใจความหมาย  คาว่า อิคิ มีความหมายถึง ชีวิตหรือการใช้ชีวิต ส่วน ไก ในบริบทนี้ แสดงถึง คุณค่า  เมื่อรวมคาว่า "iki" และ "gai" แล้วจะมีคาที่แปลว่า "ชีวิตที่คุ้มค่า" แต่อย่างที่คุณทราบแล้วว่า ความหมายของอิคิไกมีมากกว่าคาแปลง่ายๆ นี้  อิคิไกเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสอดคล้องกันของความสนใจ ทักษะ ความต้องการทางสังคม และสิ่งที่ สามารถให้รางวัลแก่คุณได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนาทางชีวิตอย่างมีเป้าหมาย และระบุคุณค่าอันเป็น เอกลักษณ์ที่คุณนามาสู่โลก
  • 9. สี่ส่วนของอิคิไก  การเริ่มต้นการเดินทางเพื่อค้นหา Ikigai ของคุณ ก็เหมือนกับการประกอบภาพปริศนา แต่ละชิ้ นมี ความสาคัญ และเมื่อนามารวมกันก็ทาให้เกิดภาพที่สมบูรณ์  ความมหัศจรรย์ของอิคิไกอยู่ที่การร่วมขององค์ประกอบพื้นฐานสี่ประการคือ ความหลงใหล (Passion) ภารกิจ (Mission) การทางาน (Vocation) และ วิชาชีพ (Profession)  ภาพส่วนประกอบเหล่านี้ เป็ นวงกลมที่ทับซ้อนกัน เหมือนกับส่วนต่างๆ ใน แผนภาพเวนน์ (Venn diagram) ที่จุดกลางเชื่อมต่อของวงกลมทั้งสี่ ที่ซึ่งความหลงใหลมาบรรจบกับ ภารกิจ การทางาน และวิชาชีพ คืออิคิไกของคุณ
  • 10.
  • 11. ค้นพบอิคิไกส่วนตัวของคุณ  ในการเริ่มต้น ให้มุ่งเน้นไปที่ ความหลงใหล (Passion) ถามตัวเองว่า ▪ กิจกรรมหรือวิชาใด ที่ทาให้ใจคุณเต้นแรง? ▪ เมื่อใดที่คุณรู้สึกมีชีวิตชีวา หรือมีชีวิตชีวามากที่สุด? ▪ งานใดที่ทาให้คุณใช้เวลา จมลึกจนโลกหายไป?
  • 12.  ต่อไปเป็น พันธกิจ (Mission) ลองพิจารณาว่า ▪ สาเหตุหรือปัญหาอะไร ดึงความสนใจของคุณ? ▪ คุณรู้สึกว่าโลกต้องการความช่วยเหลือที่ไหน และทักษะหรือความสนใจของคุณรับมือกับมันได้ อย่างไร? ▪ มีช่วงเวลาใดบ้าง ที่คุณรู้สึกอยากมีส่วนร่วมหรือเปลี่ยนแปลงอย่างแรงกล้าหรือไม่?
  • 13.  เมื่อไตร่ตรอง การทางาน (Vocation) ของคุณ ให้ใคร่ครวญถึง ▪ งานหรือกิจกรรมใด ที่เป็นธรรมชาติสาหรับคุณมากที่สุด? ▪ มีคนอื่นเคยชมเชยคุณ ในเรื่องทักษะหรือความสามารถเฉพาะด้านบ้างไหม? ▪ ความท้าทายหรืองานใดบ้าง ที่คุณจัดการได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คนอื่นอาจต้องดิ้นรน?
  • 14.  สุดท้ายนี้ สาหรับ อาชีพ (Profession) ให้ตรวจสอบว่า ▪ มีงานหรือบทบาท ที่คนอื่นยินดีจ้างคุณหรือไม่? ▪ คุณสามารถนาเสนอทักษะหรือบริการใด ที่เป็นที่ต้องการได้? ▪ ความหลงใหลของคุณ สอดคล้องกับเส้นทางอาชีพ หรือแหล่งรายได้ที่เป็นไปได้อย่างไร?
  • 15.  เมื่อคุณตอบคาถามเหล่านี้ จาไว้ว่าไม่ต้องเร่งรีบ การเดินทางเพื่อค้นหาอิคิไกเป็ นเรื่องส่วนตัวและ อาจต้องใช้เวลา ไม่เป็นไรหากคาตอบไม่ชัดเจนในทันที หรือคาตอบมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่าน ไป เพราะชีวิตมีความเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยน และคุณก็เช่นกัน  เมื่อคุณได้ไตร่ตรองแง่มุมเหล่านี้ แล้ว ให้ลองนึกภาพว่ามันรวมกันอย่างไร การสร้างภาพข้อมูลนี้ สามารถเกิดขึ้ นได้โดยใช้ความคิด หรือคุณอาจวาดภาพโดยใช้วงกลมตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ส่วนที่ ทับซ้อนกัน จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ
  • 16. ตัวอย่างชีวิตจริงของอิคิไก  บ่อยครั้งที่แนวคิดเชิงนามธรรมเช่น Ikigai กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้เมื่อเราสังเกตมันในทางปฏิบัติ เมื่อดูตัวอย่างในชีวิตจริง เราจะเห็นว่าปรัชญานี้ เป็ นรูปเป็ นร่าง ในรูปแบบต่างๆ ได้  ตั้งแต่ศิลปิ นไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ ผู้ใจบุญไปจนถึงผู้ประกอบการ พบว่ามีจุดที่น่าสนใจที่ซึ่งความ หลงใหล ความสามารถ การมีส่วนสนับสนุนทางสังคม และการแสวงหาความเป็นมืออาชีพมารวมกัน ทาให้พวกเขามีเหตุผลที่ชัดเจนในการใช้ชีวิต  เรามาสารวจบุคคลสาคัญสองสามคนและชีวิตของพวกเขาว่า สะท้อนถึงแก่นแท้ของอิคิไกอย่างไร
  • 17. ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo)  ศิลปิ นชาวเม็กซิกันผู้โด่งดังรายนี้ ไม่เพียงแต่เป็ นที่รู้จักจากการถ่ายทอดภาพตนเองอันเป็นเอกลักษณ์ ของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็ นที่รู้จักจากความหลงใหลในงานศิลปะอย่างลึกซึ้ งอีกด้วย  Kahlo ถ่ายทอดความเจ็บปวด ความรัก และความซับซ้อนของชีวิตผ่านผลงานของเธอ  ศิลปะของเธอ (ความหลงใหล - Passion) กล่าวถึงประเด็นทางสังคมและประสบการณ์ส่วนตัว (พันธกิจ - Mission) แสดงให้เห็นความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเธอ (การทางาน - Vocation) และใน ที่สุดก็ทาให้เธอได้รับการยอมรับและรางวัลทางการเงิน (วิชาชีพ - Profession )
  • 18.
  • 19. สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)  ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในด้านเทคโนโลยี จ็อบส์เชื่อมั่นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทั้งใช้ งานได้จริงและสวยงามน่าพึงพอใจ  ความรักในนวัตกรรม (Passion) ของเขามุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงวิธีที่โลกโต้ตอบกับเทคโนโลยี (Mission) ความสามารถของเขาในการจินตนาการและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมแสดงให้ เห็นการทางานของเขา (Vocation) และแน่นอนว่าความสาเร็จของ Apple ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึง ความสาเร็จของเขา (Profession)
  • 20.
  • 21. มาลาลา ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai)  เรื่องราวของ Malala ในฐานะผู้สนับสนุนการศึกษาเด็กผู้หญิงทั่วโลกนั้น สร้างแรงบันดาลใจได้อย่าง ยอดเยี่ยม  ความหลงใหลในการศึกษา (Passion) ของเธอ ทาให้เธอต้องจัดการกับช่องว่างด้านสิทธิทาง การศึกษาของเด็กผู้หญิงในบางภูมิภาค (Mission) ความสามารถของเธอในการสร้างแรงบันดาลใจ และการสนับสนุนแม้ในวัยเด็ก ก็เน้นย้าถึงการทางานของเธอ (Vocation)  เรื่องราวและการสนับสนุนของเธอ ไม่เพียงแต่ทาให้เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ยังมี โอกาสมากมายที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายระดับโลก (Profession)
  • 22.
  • 23. มารี กูรี (Marie Curie)  นักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกรายนี้ มีความอยากรู้อยากเห็น (Passion) ที่จะเข้าใจความลึกลับของโลก ธรรมชาติ งานวิจัยของเธอมีนัยสาคัญต่อการแพทย์และวิทยาศาสตร์ (Mission)  ทักษะที่ไม่มีใครเทียบได้ของเธอในห้องแล็บ และสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์ของเธอถือว่าเป็นการ ทางานของเธอ (Vocation) และการค้นพบที่ก้าวล้าของเธอ ทาให้เธอได้รับตาแหน่งในประวัติศาสตร์ และนาไปสู่การได้รับรางวัล (Profession)
  • 24.
  • 25. ตัวอย่างจากชีวิตจริง  บุคคลเหล่านี้ แต่ละคน แม้จะมีสาขาและภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่ก็พบว่าอิคิไกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เรื่องราวของพวกเขาเป็นข้อพิสูจน์ถึงความจริงที่ว่า เมื่อคนเราประสานความหลงใหล ภารกิจ การ ทางาน และอาชีพ ไม่เพียงแต่จะบรรลุความสาเร็จส่วนบุคคลเท่านั้น แต่โลกยังได้รับประโยชน์อีก มากมายด้วย  ขอให้รับรู้ว่า Ikigai ไม่ได้จากัดอยู่เพียงอาชีพหรือความหลงใหลใดๆ มันเป็นแนวคิดสากลที่รอการ ตีความส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปิน นักการศึกษา นักเทคโนโลยี หรือผู้ชื่นชอบธรรมชาติ มี Ikigai สาหรับคุณที่พร้อมจะถูกค้นพบ
  • 26. การเปรียบเทียบกับปรัชญาอื่นๆ  ยูไดโมเนีย (Eudaimonia) ▪ ในโลกตะวันตก ชาวกรีกโบราณได้นาแนวคิดของยูไดโมเนียมาใช้ ▪ อริสโตเติลมักพูดถึงคานี้ ซึ่งแปลง่ายๆ ว่า "ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์" หรือ "ความสุข" ▪ โดยแก่นแท้แล้ว ยูไดโมเนียคือการดาเนินชีวิตโดยคุณธรรม และบรรลุศักยภาพของตน ▪ ในขณะที่ Ikigai มุ่งเน้นไปที่จุดบรรจบกันของความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และอาชีพ eudaimonia เน้นย้าถึงความสอดคล้องของการกระทาของตนกับคุณธรรมทางศีลธรรม และความ เป็นเลิศส่วนบุคคล
  • 27.  คาเป เดียม (Carpe Diem) ▪ เป็นคาพังเพยภาษาละตินที่มักแปลว่า "วันนี้ ดีที่สุด" ▪ เป็นปรัชญาตะวันตกอีกประการหนึ่งที่ส่งเสริมให้บุคคลใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก ช่วงเวลาปัจจุบัน ที่สาคัญคือ ไม่เลื่อนสิ่งต่างๆ ไปสู่อนาคต ▪ ต่างจาก Ikigai ซึ่งเป็นแนวทางสาหรับความพึงพอใจในชีวิตแบบองค์รวม Carpe Diem คือการคว้า โอกาสที่เกิดขึ้ นทันทีโดยไม่ชักช้า
  • 28.  ความฝันแบบอเมริกัน (American Dream) ▪ ความฝันแบบอเมริกัน แม้จะมีลักษณะทางวัฒนธรรมมากกว่าปรัชญา แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายคลึง กับอิคิไก ที่มีรากฐานมาจากอุดมคติแห่งอิสรภาพ ▪ American Dreams เชื่อว่าด้วยการทางานหนัก ความกล้าหาญ และความมุ่งมั่น ทาให้ทุกคนสามารถ บรรลุความเจริญรุ่งเรืองและความสาเร็จได้ ทั้ง Ikigai และ American Dream เน้นย้าถึงความสาคัญ ของจุดมุ่งหมายและการแสวงหาความสุข ▪ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ความฝันแบบอเมริกันมักจะเชื่อมโยงความสาเร็จเข้ากับความมั่งคั่งทางวัตถุ และความคล่องตัวทางสังคมที่สูงขึ้ น Ikigai ให้ความสาคัญกับความพึงพอใจภายในและการค้นหา ความหมายในชีวิตประจาวันมากกว่า
  • 29.  ธรรมะ (Dharma) ▪ จากมุมมองของตะวันออก มีธรรมะจากปรัชญาอินเดีย ▪ ธรรมะประกอบด้วยหน้าที่ ความชอบธรรม และศีลธรรม ▪ แม้ว่าทั้งธรรมะและอิกิไกจะมุ่งเน้นไปที่จุดประสงค์ของชีวิต แต่ธรรมะมักมีนัยแฝงทางศาสนา และเชื่อมโยงกับบทบาทของตนเองในระเบียบสังคมและจักรวาล
  • 30. สรุป  ในการเปรียบเทียบเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า การแสวงหาจุดมุ่งหมายและความรู้สึกบรรลุผลนั้นเป็ นสากล  แต่ละวัฒนธรรมต้องต่อสู้กับคาถามสาคัญในชีวิตด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าอิคิไกจะให้ กรอบการทางานที่ชัดเจน แต่แก่นแท้ของกรอบการทางานก็สะท้อนกับปรัชญาระดับโลกมากมาย  สิ่งนี้ ทาหน้าที่เป็ นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่มนุษยชาติก็มีความ ปรารถนาที่จะค้นหาความหมาย วัตถุประสงค์ และความสุขในชีวิตเหมือนกัน
  • 31. การผสมผสานอิคิไกในชีวิตประจาวัน  การน้อมรับปรัชญาของ Ikigai ไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน มันเกี่ยวกับการฝังมันไว้ ในพิธีกรรมและกระบวนการคิดประจาวันของคุณ  การนา Ikigai มาใช้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองและ นิสัยที่ละเอียดอ่อนมากกว่า ต่อไปนี้ เป็ นวิธีที่นาไปปฏิบัติได้เพื่อบูรณาการแนวคิดที่ยืนยันชีวิตนี้ เข้า กับกิจวัตรประจาวันของคุณ
  • 32. 1. เป็นภาพสะท้อนยามเช้า (Morning Reflections)  เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการใช้เวลาสักครู่ เพื่อคิดถึงสิ่งที่คุณกาลังมองหา  สิ่งนี้ ไม่จาเป็ นต้องเป็ นเรื่องใหญ่โต มันอาจจะง่ายแค่อ่านหนังสือ สนทนาอย่างมีความหมาย หรือ ทางานในโครงการ สิ่งนี้ จะสร้างทัศนคติเชิงบวก และปรับวันของคุณให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 2. กิจกรรมเจริญสติ (Mindful Activities)  มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบัน นี่อาจเป็นการทาสวน ทาสี ทาอาหาร หรือแม้แต่นั่ง สมาธิ เมื่อคุณดาดิ่งลงไปในกิจกรรมหนึ่งอย่างเต็มตัว กิจกรรมนั้นจะสอดคล้องกับแง่มุมที่หลงใหล ของอิคิไก
  • 33. 3. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continuous Learning)  หล่อเลี้ยงความอยากรู้อยากเห็นของคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็ นการเลือกงานอดิเรกใหม่ๆ การเข้าร่วม เวิร์คช็อป หรือการอ่านหนังสือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ และช่วยให้คุณ สอดคล้องกับความสนใจและกระแสเรียกของคุณ 4. การมีส่วนร่วมทางสังคม (Social Engagement)  ค้นหาหรือสร้างชุมชนของคุณ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม งานอาสาสมัคร หรืองานอดิเรกเป็น กลุ่ม การเป็ นส่วนหนึ่งของชุมชนไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังเสนอช่องทางในการมีส่วน ร่วม ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ Ikigai
  • 34. 5. สร้างสมดุลให้กับการแสวงหาความรู้ทางวิชาชีพ (Balance Professional Pursuits)  ประเมินอาชีพและความผูกพันทางวิชาชีพของคุณอีกครั้ง ว่าสอดคล้องกับทักษะและความสนใจของ คุณหรือไม่? โปรดจาไว้ว่า Ikigai ไม่ได้เกี่ยวกับการทางานอย่างไม่มีที่สิ้ นสุด แต่เป็นการค้นหา ความสุข และจุดมุ่งหมายในสิ่งที่คุณทา 6. สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness)  รับประทานอาหารที่สมดุล ฝึกรับประทานอาหารอย่างมีสติ และออกกาลังกายเป็นประจา การมี ร่างกายที่แข็งแรงเป็นที่พึงพอใจของจิตใจ
  • 35. 7. กาหนดขอบเขตที่ชัดเจน (Set Clear Boundaries)  แม้ว่าการมีส่วนร่วมและความกระตือรือร้นจะเป็นสิ่งสาคัญ แต่การกาหนดขอบเขตก็มีความสาคัญไม่ แพ้กัน สิ่งนี้ จะทาให้คุณมีเวลาพักผ่อน คิดทบทวนตนเอง และกิจกรรมที่คุณรัก 8. การจดบันทึก (Journaling)  จัดทาบันทึกประจาวันของอิคิไก เขียนสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่คุณถนัด สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งใดที่สามารถ ให้ผลตอบแทนทางการเงินหรือทางอารมณ์ได้ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเห็นรูปแบบที่ช่วยให้คุณ ระบุอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้
  • 36. 9. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง (Embrace Change)  จาไว้ว่าเมื่อคุณพัฒนา Ikigai ของคุณก็อาจ พัฒนาขึ้ นเช่นกัน เป็ นเรื่องปกติที่มันจะ เปลี่ยนแปลงหรือมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณเดิน ทางผ่านช่วงชีวิตที่แตกต่างกัน
  • 37. ต่อไปนี้ เป็ นความเข้าใจผิดทั่วไปบางประการ  1. เน้นในวิชาชีพมากเกินไป แม้ว่าองค์ประกอบเรื่องวิชาชีพจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ikigai แต่สิ่งสาคัญ คือต้องไม่จัดลาดับความสาคัญมากเกินไป ความมุ่งหมายเพื่อความสาเร็จในอาชีพการทางานหรือ ผลประโยชน์ทางการเงินเพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็ นการพลาดธรรมชาติแบบองค์รวม จาไว้ว่า มัน เป็นเรื่องของการบรรจบกันของความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และอาชีพ  2. ความกดดันเพื่อความสมบูรณ์แบบ การค้นพบอิคิไกไม่ได้หมายความว่าคุณได้พบเส้นทางที่ "สมบูรณ์แบบ" แล้ว ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงและเราก็เช่นกัน อิคิไกของคุณอาจมีการพัฒนาไปตาม กาลเวลา และนั่นก็ไม่เป็นไร รักษาการเดินทางต่อไปโดยไม่กดดัน
  • 38.  3. การละเลยบริบททางวัฒนธรรม อิคิไกหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่ น แม้ว่าหลักการของมันจะเป็น สากล แต่สิ่งสาคัญคือต้องเข้าถึงโดยคานึงถึงต้นกาเนิดด้วย หลีกเลี่ยงการอธิบายที่ทาให้เข้าใจง่าย เกินไป หรือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจบั่นทอนความหมายอันลึกซึ้ งของเนื้ อหาได้  4. ความคาดหวังผลลัพธ์ทันที การค้นพบ Ikigai ของคุณไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้ นทันที มันต้องใช้ ความคิดที่ลึกซึ้ ง ความอดทน และบางครั้งก็ถึงขั้นลองผิดลองถูก เป็ นการเดินทางต่อเนื่องมากกว่า จุดหมายปลายทาง
  • 39.  5. การตีความที่เข้มงวด แม้ว่าการแสดงแผนภาพเวนน์ของอิคิไกจะได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ใช่วิธี เดียวที่จะตีความหรือทาความเข้าใจได้ เปิดใจรับการตีความที่หลากหลายและค้นหาสิ่งที่ตรงใจคุณ  6. ละเลยการดูแลตนเอง ขณะที่การไล่ตามความปรารถนาและภารกิจ การดูแลตัวเองไม่ควรถูกลืม ความสมดุลเป็ นสิ่งสาคัญ ความเป็ นอยู่ที่ดีของคุณทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็ นสิ่งสาคัญที่สุด
  • 40.  7. แยกตัวจากชุมชน อิคิไกให้ความสาคัญกับจุดประสงค์ส่วนบุคคลพอๆ กับการมีส่วนร่วมทาง สังคม นั่นคือการมีส่วนร่วมกับชุมชน การทาความเข้าใจความต้องการของสังคม และการสร้าง ความสัมพันธ์ จะช่วยส่งเสริมในการเดินทาง  8. ความกลัวการเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณระบุ Ikigai ได้แล้ว อย่ากลัวที่จะประเมินใหม่และเปลี่ยนแปลง หากไม่โดนใจ การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงมีความสาคัญต่อชีวิต
  • 41. คาถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับอิคิไก  1. อิคิไก หมายความว่าอะไร? Ikigai เป็นคาภาษาญี่ปุ่ นที่รวม "iki" (ชีวิต) และ "gai" (คุณค่าหรือ มูลค่า) มันแสดงถึงจุดบรรจบของสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่คุณทาได้ดี และสิ่งที่คุณได้รับ ค่าตอบแทน โดยพื้นฐานแล้ว มันหมายถึงจุดประสงค์ของชีวิตหรือเหตุผลของการเป็ นอยู่  2. Ikigai เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพหรืองานใช่หรือไม่? ไม่ใช่ แม้ว่าอาชีพจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ikigai แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น Ikigai รวมถึงความหลงใหล ภารกิจ การทางาน และ อาชีพ ทาให้เป็นแนวทางแบบองค์รวมในการค้นหาเป้าหมายและความสมบูรณ์ในด้านต่างๆ ของ ชีวิต
  • 42.  3. อิคิไกแตกต่างจากปรัชญาชีวิตอื่นๆ อย่างไร? แม้ว่า Ikigai มีความคล้ายคลึงกับปรัชญาอื่นๆ แต่ จุดมุ่งเน้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ikigai คือการหลอมรวมของความหลงใหล ทักษะ ความต้องการทาง สังคม และรางวัลจากอาชีพ นี้ เป็ นกรอบการทางานสาหรับความพึงพอใจและวัตถุประสงค์ในชีวิต แบบองค์รวม  4. ฉันสามารถมี Ikigai หลายประการได้หรือไม่? ได้อย่างแน่นอน เมื่อชีวิตมีความเคลื่อนไหวและ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความหลงใหล ภารกิจ รงาน และอาชีพของคุณสามารถพัฒนาได้ ซึ่ง หมายความว่าคุณอาจค้นพบอิคิไกที่แตกต่างกันในช่วงชีวิตต่างๆ
  • 43.  5. ฉันจะหาอิคิไกของฉันได้อย่างไร? การค้นหาอิคิไกของคุณเกี่ยวข้องกับการใคร่ครวญ การตระหนัก รู้ในตนเอง และบางครั้งก็ถึงขั้นลองผิดลองถูก ไตร่ตรองถึงสิ่งที่คุณรัก สิ่งที่โลกต้องการ สิ่งที่คุณทา ได้ดี และสิ่งที่สามารถนามาซึ่งรางวัลได้ (ทางอารมณ์ สังคม หรือการเงิน) เมื่อเวลาผ่านไป รูปแบบ ต่างๆ จะปรากฏขึ้ น เพื่อช่วยให้คุณระบุอิคิไกที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณได้  6. ทุกคนมีอิคิไกได้หรือไม่ โดยไม่คานึงถึงภูมิหลังทางวัฒนธรรม? ได้แน่นอน แม้ว่าอิคิไกจะมี รากฐานมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่ น แต่หลักการเกี่ยวกับจุดประสงค์ ความหลงใหล และความพึงพอใจ ในชีวิตนั้นเป็ นสากล ใครๆ ก็สามารถตีความและนา Ikigai เข้ามาในชีวิตได้
  • 44.  7. มีช่วงอายุใดโดยเฉพาะที่จะเริ่มสารวจอิคิไกหรือไม่? ไม่ การแสวงหาจุดมุ่งหมายและการบรรลุผล นั้นอยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยกลางคน หรืออายุมากขึ้ น การสารวจอิคิไกของ คุณก็ไม่เคยเร็วหรือสายเกินไป  8. การค้นพบอิคิไกของฉันจะรับประกันความสุขหรือไม่? แม้ว่า Ikigai จะนาคุณไปสู่ชีวิตที่มีความสุข ที่เต็มไปด้วยจุดมุ่งหมายและความสุขได้ แต่ความสุขนั้นมีหลายแง่มุม อิคิไกสามารถเพิ่มความพึง พอใจและความหมายในชีวิตได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ประสบการณ์และความท้าทายส่วนบุคคล จะมี บทบาทต่อความสุขโดยรวมของคนๆ หนึ่งเสมอ
  • 45. บทสรุป  แม้ว่ารากฐานของอิคิไกมาจากประเทศญี่ปุ่ น แต่ได้แตกสาขาที่ขยายออกไปทั่วโลก เข้าถึงใครก็ตามที่ กระตือรือร้นที่จะเติมความหลงใหล จุดมุ่งหมาย และความสุขให้กับชีวิตของพวกเขา  เมื่อคุณได้อ่านประวัติศาสตร์ หลักการ ตัวอย่าง และการประยุกต์อิคิไกในทางปฏิบัติ คุณไม่เพียงแต่ ค้นพบปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็ นแผนงานที่เป็ นไปได้สาหรับชีวิตของคุณอีกด้วย  แม้ว่าเส้นทางสู่การค้นหาอิคิไกอาจเป็ นเส้นทางส่วนตัวที่ลึกซึ้ งและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่ ผลตอบแทนของการแสวงหาอิคิไกนั้นประเมินค่าไม่ได้ การน้อมรับแนวคิดนี้ ไม่ได้รับประกันว่าชีวิต จะปราศจากความท้าทาย แต่จะทาให้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข ดาเนินไปอย่างมีความหมาย ความยืดหยุ่น และเติมเต็ม
  • 46. To many English language speakers, Ikigai is heard and spoken in three syllables. However, in actuality, Ikigai has four syllables as shown in the Japanese Hiragana alphabet, and is pronounced (ee-kee-ga-ee).
  • 48. หนังสือเล่มเล็กของอิคิไก: เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและอายุยืนแบบญี่ปุ่ น (The Little Book of Ikigai: The Secret Japanese Way to Live a Happy and Long Life)  หนังสือดีๆ อีกเล่มหนึ่งที่ตรงกับแนวคิดในการใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมายและมีความหมาย ซึ่งมีชื่อ คล้ายกันอย่างแปลกประหลาดคือ The Little Book of Ikigai: The Secret Japanese Way to Live a Happy and Long Life โดย Ken Mogi นักประสาทวิทยา นักวิจัยอาวุโสที่ Sony Computer Science Laboratories และศาสตราจารย์เกียรติยศที่ Tokyo Institute of Technology  ในหนังสือเล่มนี้ โมกิ นาเสนอเสาหลัก 5 ประการ (โดยไม่ต้องเรียงตามลาดับ) ในการค้นหาอิคิไก:
  • 49. 5 เสาหลักของอิคิไก  1. เริ่มจากเล็กๆ → เน้นรายละเอียด (Starting small → focus on the details)  2. ปลดปล่อยตัวเอง → ยอมรับในตัวตนของคุณ (Releasing yourself → accept who you are)  3. ความสามัคคีและความยั่งยืน → พึ่งพาผู้อื่น (Harmony and sustainability → rely on others)  4. ความสุขในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ → ชื่นชมความสุขทางประสาทสัมผัส (The joy of little things → appreciate sensory pleasure)  5. อยู่ที่นี่และตอนนี้ → ค้นหากระแสของคุณ (Being in the here and now → find your flow)
  • 50. 1. เริ่มจากเล็กๆ → เน้นรายละเอียด  เราสมควรได้รับการสนับสนุน ให้ปรับปรุงพฤติกรรมของเราในรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ  อาจหมายถึงการตื่นเช้าขึ้ น หรือเปลี่ยนกิจวัตรประจาวันของคุณ เพียงพอที่จะหาเวลาทาสิ่งที่คุณชอบ ทา นอกจากนี้ ยังอาจเป็ นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่คุณทา เพื่อพัฒนาทักษะหรืออาชีพของ คุณ ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะกลายเป็นนิสัย และนาไปสู่การสนับสนุนอิคิไกของคุณ
  • 51. 2. ปลดปล่อยตัวเอง → ยอมรับในตัวตนของคุณ  ในความจาเป็นต่อความสาเร็จในการค้นหา Ikigai ของคุณ คือการเข้าใจว่าคุณเป็นใคร และยืนหยัด เพื่ออะไร  ไม่ได้หมายความว่า ความคิดและการกระทาของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในความเป็น จริงแล้วนั่นคือเป็นสิ่งที่เราคาดหวังได้ เพียงแค่ต้องแน่ใจว่ามีความมั่นใจตัวเอง และอนุญาตให้ ตัวเองเป็ นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้ นก็ตาม
  • 52. 3. ความสามัคคีและความยั่งยืน → พึ่งพาผู้อื่น  ยิ่งเราแบ่งปันและมีส่วนร่วมมากเท่าไร ชีวิตก็จะยิ่งน่าพึงพอใจสาหรับเราทุกคนมากขึ้ นเท่านั้น  พยายามพูดคุยกับคนรอบข้าง ไม่ใช่เกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณมี แต่พูดถึงความหลงใหลที่คุณมี สิ่ง เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ช่วงเวลาที่คุณซาบซึ้ ง ฯลฯ พยายามสร้างความผูกพันร่วมกับผู้คนในชุมชนของ คุณ ดูดซับพลังงานที่พวกเขามอบให้คุณ และส่งกลับคืนตามความเหมาะสม
  • 53. 4. ความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ → ชื่นชมความสุขทางประสาทสัมผัส  พยายามชื่นชมสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่เรามักจะมองข้ามไป  คิดถึงปริมาณทักษะหรือความพยายามที่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่งที่คุณทา ค้นหาสิ่งที่ทาให้คุณรู้สึกดีเมื่อทา สิ่งนั้น แล้วมุ่งความสนใจไปที่ทามันให้ดีขึ้ น ทาสิ่งนี้ บ่อยๆ มากพอและเป็ นนิสัย คุณจะพบว่าตัวเอง รู้สึกขอบคุณมากขึ้ น สาหรับความสามารถที่คุณมี ผู้คน และสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ
  • 54. 5. อยู่ที่นี่และตอนนี้ → ค้นหากระแสของคุณ  คานึงถึงความรู้สึกและสภาพแวดล้อมของคุณ  ชื่นชมสิ่งที่คุณทาได้ผ่านประสาทสัมผัสของคุณ และการได้ทางานหนักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับชีวิต แม้แต่การกระทาง่ายๆ เช่น หายใจลึกๆ กลั้นไว้ แล้วปล่อยช้าๆ ก็สามารถช่วยให้คุณอยู่ในกรอบ ความคิดที่ถูกต้องได้ คุณจะได้พบว่าสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้ นเมื่อคุณทาตามนี้ และขั้นตอนการกระทา ต่อไปของคุณจะมีพื้นฐานที่ดีมากขึ้ น
  • 55. นอกเหนือจากการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขมากขึ้ นแล้ว การรู้จักอิคิไกของคุณยังช่วยให้คุณ  1. ออกแบบไลฟ์ สไตล์การทางานในอุดมคติของคุณ (Design your ideal work lifestyle)  2. สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแกร่งในที่ทางาน (Create strong social connections at work)  3. สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทางานที่ดี (Create a healthy work-life balance)  4. ไล่ตามความฝันในอาชีพของคุณ (Pursue your career dreams)  5. สนุกกับงานของคุณ (Enjoy your work)
  • 56.
  • 57. Ikigai (จากการค้นเว็บไซต์ไทย)  Ikigai (อิคิไก) คือ ปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่ น คาว่า อิคิ (Iki) แปลว่า "ชีวิต" และคาว่า ไก (Kai) แปลว่า "ผลลัพธ์" หรือ "คุณค่า" เมื่อนาทั้ง 2 คามารวมกันจึงมีความหมายว่า "คุณค่าของการ มีชีวิตอยู่"  อิคิไกเป็นปรัชญาชีวิตเก่าแก่ของญี่ปุ่ นที่ช่วยให้เราหาคาตอบให้กับตัวเองได้ว่า การตื่นมาในแต่ละวัน มีความหมายอย่างไร เป้าหมายในชีวิตของเราวันนี้ คืออะไร และเราจะใช้ชีวิตอย่างสมดุลได้ด้วย วิธีการไหนบ้าง  เมื่อเราค้นพบเป้าหมายหรือความหมายนั้น เราก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อิ่มเอมใจ มี ความหมาย และต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้ น
  • 58. หลักการของ Ikigai  หลักการค้นหาคาตอบหรือความหมายของชีวิต ไม่ใช่หลักการที่ยุ่งยากและซับซ้อน เป็นหลักการที่ เริ่มจากวงกลมคาถาม 4 วง หากเราพบจุดร่วมของวงกลมแต่ละวง เราก็จะค้นพบได้เองว่า สุดท้าย ชีวิตเราต้องการอะไร คาตอบที่เราตามหาแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน ซึ่งวงกลมคาถามทั้ง 4 มีดังนี้  1. สิ่งที่เรารัก หลงใหล หรือชื่นชอบที่จะทา (What you LOVE) อาจเป็นงานอดิเรก การใช้เวลาว่าง อาหารการกิน งานศิลปะ เสียงดนตรี กลิ่นหอม หรือสิ่งใดก็ตามที่เราทาแล้วรู้สึกสบายใจ และรักที่จะ ทาสิ่งเหล่านี้
  • 59.  2. สิ่งที่เราถนัด ทักษะที่เราเชี่ยวชาญ หรือสามารถทาได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ฝืนความรู้สึก (What you are GOOD AT) สิ่งที่ถนัดไม่จาเป็นต้องจับต้องได้ หรือมุ่งเน้นเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น อาจหมาย รวมถึง การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เข้ากับคนอื่นง่าย มีความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาได้ดี เป็นต้น  3. สิ่งต่าง ๆ ที่เราทาแล้วได้ผลตอบแทน (What you can be PAID FOR) ไม่ว่าจะเป็นงานประจา งาน หลัก งานพิเศษ งานจากความสามารถพิเศษ ลองนั่งพิจารณาดูว่าเท่าที่ผ่านมาเราทาอะไรแล้วได้ ผลตอบแทนบ้าง และงานไหนที่ทาแล้วรู้สึกสบายใจและภูมิใจกับรายได้ที่ได้กลับมา  4. สิ่งที่เราสามารถทาประโยชน์กับผู้อื่นได้ (What the WORLD NEEDS) เป็นสิ่งดี ๆ ที่เราสามารถส่ง ต่อหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น อาทิ การทางานจิตอาสา การช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ การช่วยเหลือบุคคลไร้ ญาติขาดมิตร หรือแม้กระทั่งการให้คาปรึกษาผู้ที่มีความทุกข์
  • 60. The Ikigai Diagram:  A Philosophical Perspective (Venn diagram: a Westernized version)
  • 61. เมื่อวงกลมทั้ง 4 วาดทับตัดกันจะก่อเกิดอีก 4 หลักการขึ้ นมา  1. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่เราทาได้ดี = ความหลงใหล (Passion) • คุณชอบเรื่องอาหาร + คุณทาอาหารได้อร่อย = คุณจะรู้สึกสนุก และมีความสุขมากๆ กับการ ทาอาหาร • คุณชอบเกม + คุณทาอาหารได้อร่อย = คุณสามารถออกแบบเกมเกี่ยวกับการทาอาหารได้อย่าง หลงไหล  2. สิ่งที่เรารัก + สิ่งที่โลกต้องการ = หน้าที่ (Mission) • คุณชอบเรื่องอาหาร + โลกต้องการพ่อครัว = คุณต้องทาอาหารให้เป็น และอร่อยให้ได้ • คุณชอบเกม + โลกต้องการพ่อครัว = คุณต้องเป็นพ่อครัวที่สามารถสร้างเกมจากการทาอาหาร ขึ้ นมาให้ได้
  • 62.  3. สิ่งที่โลกต้องการ + สิ่งที่เราทาแล้วได้รับสิ่งตอบแทน = งาน (Vocation) • โลกต้องการพ่อครัว + ขายอาหาร = งานของคุณคือการทาอาหาร • โลกต้องการนางแบบ + ขายอาหาร = งานของคุณคือการทาตัวให้โดดเด่นเพื่อเป็นจุดขายของ อาหาร  4. สิ่งที่เราทาได้ดี + สิ่งที่เราทาแล้วได้รับสิ่งตอบแทน = อาชีพ (Profession) • คุณทาอาหารได้อร่อย + ขายอาหาร = อาชีพของคุณคือ พ่อครัว เชฟ ฯลฯ • คุณเขียนบทความได้ดี + ขายอาหาร = อาชีพของคุณคือ นักเขียนตาราทาอาหาร นักรีวิว ฯลฯ
  • 63. อิคิไกส่วนตัว  ทั้งนี้ การค้นหา Ikigai ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน  ความหมายในชีวิตไม่จาเป็นต้องยิ่งใหญ่ หรือเป็นสิ่งที่ต้องเค้นออกมาจากความรู้สึกนึกคิดเสมอไป อาจเป็นสิ่งเรียบง่าย หรือสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวัน  เราสามารถเริ่มจากการลองสังเกตตัวเอง ทบทวนตัวเอง มองสิ่งรอบข้างด้วยใจเปิดกว้าง ไม่ยึดติด กับแนวคิดใด ๆ ปลดปล่อยตัวเองให้ได้มองมุมใหม่ ๆ ละทิ้งแนวคิดหรืออารมณ์ลบออกไป มีสติอยู่ กับปัจจุบัน ใส่ใจกับสิ่งอยู่ตรงหน้า และตั้งใจทามันให้ดีที่สุด  เมื่อเราทาได้ เราก็จะมองเห็น Ikigai และความหมายของตัวเองในที่สุด
  • 64. บัญญัติ 10 ประการของอิคิไก  1. กระตือรือร้นกับชีวิตแบบไม่มีวันเกษียณ (Stay active; don’t retire) ▪ เรียนรู้และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ต่างๆ ในโลก รักในสิ่งที่ทา ทาในสิ่งที่สาคัญและมีคุณค่าต่อ ชีวิตตนเอง ทาหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด มีความก้าวหน้าทุกๆ วัน และชื่นชมสิ่งดีๆ รอบตัว  2. ทาอะไรให้ช้าลง (Take it slow) ▪ อย่าเพิ่งงง ว่าขัดกับข้อแรกหรือไม่ ที่จริงแล้วคือการคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆ ก่อนลงมือทา มี วิสัยทัศน์และแผนงานที่ดีก่อน ว่าหากทาสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้ นบ้าง ไม่ใช่ กระตือรือร้นจนลนแบบทาอะไรรีบๆ ไม่ได้มองภาพใหญ่ระยะยาว
  • 65.  3. อย่ากินให้อิ่มเกินไป (Don’t fill your stomach) ▪ หากอยากมีสุขภาพดี อายุยืน ต้องใช้กฎ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เรียกว่า hara hachibu คือให้หยุด กินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่มแล้ว หรือคิดเป็ นปริมาณ 1,200 – 1,500 แคลเลอรีต่อวันเท่านั้น โดย เน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็ นกลุ่มผักและผลไม้สดทั่ว ๆ ไป  4. แวดล้อมด้วยเพื่อนดีๆ (Surrounding yourself with good friends) ▪ เพื่อนคือยาที่ดีที่สุด การได้รับฟัง พูดคุย แบ่งปันทุกข์สุขกันกับเพื่อนๆ ให้คาแนะนากันบ้าง หัวเราะขาขันกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ทาให้ชีวิตของเรามีชีวาขึ้ นทุกๆ วัน ซึ่งจาก งานวิจัยหลายที่ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ความสัมพันธ์ที่ดี นาไปสู่สุขภาพจิตที่ดีและทาให้การ ทางานของระบบต่างๆ ในร่างกายนั้นดีขึ้ นอีกด้วย
  • 66.  5. ฟิ ตร่างกายให้ดีต้อนรับวันเกิดปี หน้า (Get in shape for your next birthday) ▪ ร่างกายก็ต้องการได้รับการดูแลบารุงรักษา คล้ายเครื่องยนต์ที่หากใช้งานทุกวันก็ต้องเสื่อม ไปบ้างเป็ นธรรมดา การออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอทาให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังผลิต ฮอร์โมนเพื่อช่วยทาให้เรามีความสุขอีกด้วย  6. ยิ้ มเข้าไว้ (Smile) ▪ การยิ้ มทาให้จิตใจผ่อนคลายแล้วยังช่วยทาให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้ นได้ง่ายๆ เพราะกลไกทาง จิตใจเรามีระบบจดจาความรู้สึกอัตโนมัติ (Facial expression effect) ที่ทาให้เรารับรู้ว่าหาก เรายิ้ ม อารมณ์เราจะดีขึ้ น
  • 67.  7. เชื่อมต่อกับธรรมชาติ (Reconnect with nature) ▪ เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น ทะเล ภูเขา น้าตก เพื่อชาร์ต แบตเตอรี่เพิ่มพลังงานให้ตัวเองอยู่เสมอๆ เพราะเราต่างเชื่อมโยงเป็ นส่วนหนึ่งของ ธรรมชาติและโลกใบนี้ การได้รับออกซิเจนที่มากพอ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ คือความสุขโดย ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน  8. ขอบคุณในสิ่งที่เรามี (Give thanks) ▪ ความรู้สึกขอบคุณและกตัญญูต่อบุคคลและสิ่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อาหาร และสิ่งที่เรามี จะทาให้เรารู้สึกโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่และจะยิ่งเพิ่มพูน ความสุขให้เราในทุกๆ วัน
  • 68.  9. อยู่กับปัจจุบันขณะ (Live the moment) ▪ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้ นในอดีตและกลัวหรือกังวลสิ่งที่จะเกิดขึ้ นในอนาคต วันนี้ และ ขณะนี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็ นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและน่าจดจา เพราะว่าเวลาเป็ นสิ่งที่ผ่านมาและผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และหาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน  10. จงออกตามหา Ikigai ของคุณ (Follow your Ikigai) ▪ มนุษย์ทุกคนมีความรักความหลงใหลและพรสวรรค์บางอย่างอยู่ในตัวเรา ที่จะทาให้เราใช้ ชีวิตอย่างมีความหมายในทุกๆ วัน และขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย ของชีวิต หากคุณยังหา Ikigai ของคุณไม่เจอก็ไม่เป็ นไร ภารกิจของคุณก็คือ ออกตามหามัน ซะ
  • 69.  At its heart, Ikigai is more than just the intersection of what one loves, what the world needs, what one can be paid for, and what one is good at. In Japanese culture, it is a comprehensive approach to life, encompassing joy, a sense of purpose, and a feeling of wellbeing.
  • 70.
  • 71. อิคิไก เทียบเคียงกับธรรมะของพุทธศาสนา  จากการค้นคว้าในเรื่องนี้ ในความเห็นส่วนตัวแล้ว คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับคาสั่งสอนในศาสนาพุทธเรื่อง สันโดษ  ในที่นี้ ขอนาธรรมะเรื่องสันโดษ จากวัดญาณเวศกวัน มาเสนอบางส่วนให้รับทราบดังต่อไปนี้
  • 72. ความหมายของสันโดษ  ความสันโดษนี้ ศัพท์บาลีคือ สนฺตุฎฐี แปลได้ดังนี้  ๑. ความยินดีพร้อม คือความพอใจ  ๒. ความยินดีในของของตน  ๓. ความยินดีโดยชอบธรรม  รวมความหมายในทางธรรมว่า สันโดษ คือความยินดีในของที่ตนมี ซึ่งได้มาโดยชอบธรรม หรือ ความพอใจ มีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ได้มาเป็นของตน ด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตนเองโดย ทางชอบธรรม
  • 73. วัตถุประสงค์ของสันโดษ  ก. วัตถุประสงค์ทั่วไป  การประพฤติสันโดษ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องสนับสนุนการดาเนินตามอริยมรรค คือ การศึกษา ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธศาสนา ที่จะให้บรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุด คือวิมุตติ (ความหลุดพ้น, ความมีจิตใจเป็นอิสระ) หรือนิพพาน (ความดับกิเลสและทุกข์ได้สิ้นเชิง)  ข. วัตถุประสงค์เฉพาะ  เพื่อให้จิตใจปลอดโปร่ง มั่นคง ปราศจากความติดข้องในสิ่งเย้ายวน ปราศจากความครุ่นคิดกังวลใน การที่จะหาทางบารุงบาเรอปรนเปรอตนเอง จะได้นาเวลาความคิดและแรงงานมาทุ่มเทอุทิศให้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เต็มที่
  • 74. หลักการของสันโดษ  มีความเป็นอยู่ทางด้านวัตถุคือปัจจัย ๔ แค่พอดี คือพอสะดวกสบาย พอเกื้ อกูลแก่สุขภาพ แก่การ ดาเนินชีวิตที่ดีงาม และแก่การปฏิบัติกิจหน้าที่ของตน ไม่ใช่เพื่อ โก้ ฟุ้งเฟ้อ หรูหรา แข่งโอ่อ่ากว่ากัน  แสวงหาปัจจัย ๔ ด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างจริงจัง โดยทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม ซึ่งเหมาะสมกับ ภาวะและฐานะของตน ไม่ขัดหรือเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถนึกถึงสิ่งที่ตนได้มานั้น ด้วยความเอิบอิ่มภูมิใจ พอใจและมีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ตนหามาได้ เป็นผลสาเร็จของตนเอง ทา จิตใจให้ปลอดโปร่ง ตั้งมั่น สงบ ไม่กระวนกระวาย  เอาเวลา ความคิด และแรงงานมาอุทิศให้แก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยเต็มที่ พยายามแก้ไข ปรับปรุง ทางานให้ก้าวหน้า ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้ นไป ไม่พล่าเวลาและความคิดให้เสียไปด้วยความฟุ้งเฟ้อ ความปรนปรือ และไม่ให้จิตใจถูกรบกวนด้วยสิ่งเหล่านี้
  • 75. กรณีที่สอนไม่ให้สันโดษ  พระพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงสอนให้มีความสันโดษในเรื่องทุกอย่าง ในบางกรณีกลับทรงสอนไม่ให้สันโดษ และความไม่สันโดษนี้ นับว่าเป็ นคุณธรรมสาคัญอย่างหนึ่งด้วย เช่นที่ได้ตรัสไว้ว่า  ภิกษุทั้งหลาย เราได้รู้ชัดคุณของธรรม ๒ ประการ คือ ความเป็นผู้ไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างหนึ่ง และความไม่รู้จักระย่อในการทาความเพียร อย่างหนึ่ง  พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ก็เพราะอาศัยธรรม ๒ อย่างนี้ เช่น เพราะยังไม่ทรงพอพระทัยในความรู้และคุณ พิเศษที่ได้ในสานักของอาฬารดาบสและอุททกดาบส จึงทรงแสวงธรรมและบาเพ็ญเพียรต่อมา และ เพราะไม่ทรงท้อถอย จึงบรรลุโพธิญาณได้
  • 76. ลักษณะของผู้สันโดษ  เป็ นผู้แสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพด้วยความเพียรและปัญญาเท่าที่เหมาะสมกับภาวะของตน และเป็น การชอบธรรม  ไม่อยากได้ของผู้อื่น หรือของที่ไม่ชอบธรรม ไม่ทาการทุจริตเพราะปากท้อง และผลประโยชน์ ส่วนตัว  เมื่อหามาได้ และใช้สอยสิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ติด ไม่หมกมุ่นมัวเมา ไม่กลายเป็ นทาสของสิ่งเหล่านั้น  เมื่อไม่ได้ เมื่อสุดวิสัยแล้วไม่สาเร็จ ก็ไม่เดือดร้อนกระวนกระวาย ไม่ยอมให้ความผิดหวังครอบงา ยังคงปฏิบัติหน้าที่การงานของตนต่อไปได้ และพยายามทาใจให้ผ่องใสสงบเป็นปกติ
  • 77. ลักษณะของผู้สันโดษ  ไม่ถือเอาสิ่งที่ตนหาได้ สมบัติของตน หรือผลสาเร็จของตน มาเป็นเหตุยกตนข่มผู้อื่น  หาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นของตน หรือเป็นสิทธิของตน สามารถดารงชีวิตที่มีความสุขในฐานะที่ตน เข้าถึงในขณะนั้นๆ  มีความภูมิใจในผลสาเร็จที่เกิดจากเรี่ยวแรงกาลังงานของตน มีความอดทน สามารถรอคอย ผลสาเร็จที่จะพึงเกิดขึ้ นจากการกระทาของตน  มีความรักและภักดีในหน้าที่การทางานของตน มุ่งหน้าปฏิบัติหน้าที่การทางานให้ก้าวหน้า และ บรรลุความสาเร็จ
  • 78. สันโดษเทียมและความหมายที่คลาดเคลื่อน  การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกับความเป็นไปอย่างอื่นส่วนมาก คือมีความไขว้เขว ความเข้าใจผิด และ การหลอกลวงได้ สันโดษก็เป็นธรรมข้อหนึ่ง ที่มีสภาพความประพฤติชั่วบางอย่างมาคล้ายคลึงเข้า โดยอาการภายนอก ความชั่วที่ดูเผินๆ คล้ายสันโดษนี้ คือความเกียจคร้าน เฉื่อยชา ไม่เอาธุระ ความ เพิกเฉยต่างๆ  การวินิจฉัยอาการแปลกปลอมหรือลวงนี้ กระทาได้ไม่ยาก ข้อตัดสินที่เด็ดขาด คือพิจารณาว่าผู้นั้นมุ่ง หน้ากระทาสิ่งที่ดีงาม ปฏิบัติหน้าที่การทางานของตนหรือไม่ ถ้าไม่ ก็พึงวินิจฉัยว่าเป็นความเกียจ คร้านเฉื่อยชา
  • 79.  สันโดษนี้ ในสังคมไทยยังเข้าใจผิดมาก สันโดษ คืออะไร? ลองถามหลายท่าน ให้ความหมายไม่ถูก บางคนบอกว่า คนสันโดษ คือ คนที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร อยากปลีกตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว อันนี้ ไม่ใช่สันโดษ การปลีกตัวอยู่สงบนั้น เรียกว่า วิเวก  สันโดษไม่ใช่อย่างนั้น “สันโดษ” แปลให้ถูกว่า ความยินดีในของของตน คือมีเท่าไร พอใจเท่านั้น ได้ เท่าไร พอใจเท่านั้น แล้วก็มีความสุขได้ด้วยสิ่งที่ได้มาเป็ นของตน เท่าที่มีที่ได้อย่างนี้ เรียกว่าสันโดษ ในความหมายพื้นๆ  สันโดษทำให้เป็นคนสฎขง่ำยด้วยวัตุถฎน้อย ส่วนคนที่ไม่สันโดษก็คือ คนที่จะสุขต่อเมื่อได้มากที่สุด
  • 80.  คนที่ไม่สันโดษ ในแง่หนึ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ สิ่งที่เขามีอยู่แล้วเท่าไร ก็ทาให้เขามีความสุขไม่ได้ เขา มีลักษณะที่ว่า ต้องมีสิ่งเสพมากที่สุด ต้องได้มามากที่สุด ต้องได้อีกๆ จึงจะสุข ฉะนั้น คนพวกนี้ ก็จะ วุ่นอยู่กับการวิ่งหาความสุข แต่วิ่งตามความสุขไม่ถึงสักที เพราะความสุขอยู่กับสิ่งที่ยังไม่ได้ยังไม่มี  ขอแทรกหน่อยว่า สันโดษนี้ ไม่ใช่เพื่อความสุข ถ้าสันโดษเพื่อความสุข ก็จะพลาด คนที่สันโดษ จะสุข ง่ายด้วยวัตถุน้อย เพราะว่าได้เท่าไร ก็พอใจ แล้วก็มีความสุข  แต่ถ้าเขาพอใจแล้วมีความสุข นึกว่าแค่นั้น แล้วจบ ก็นอนเท่านั้นเอง ได้มาเท่าไร พอใจแค่นั้น ก็ สบายแล้ว มีความสุขได้แล้ว ก็นอนสิ ถ้าอย่างนี้ ก็คือ สันโดษเพื่อควำมสฎข เป็นสันโดษข้เกยจ ผิด ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้เพื่ออย่างนี้  ความสุขเป็นผลพลอยได้ที่พ่วงมาในตัวมันเองของสันโดษ แต่สันโดษไม่ใช่เพื่อควำมสฎข สันโดษมี ความมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ก้าวไปในกระบวนการพัฒนาตนของมนุษย์
  • 81. สรุปเรื่องสันโดษ  หลักการของสันโดษคือ เพื่อจะออมหรือสงวนเวลา แรงงาน และความคิดไว้ แล้วเอามาใช้ในการ ทา คือในการสร้างสรรค์ ทาสิ่งที่ดีงาม ทาหน้าที่การทางาน เท่านั้นเอง เป้าหมายอยู่ที่นี่ แต่ผล พลอยได้คือ พลอยมีความสุขไปด้วย  สุขจากการทางาน เพราะทางานด้วยความรู้เข้าใจความหมายและความมุ่งหมายของการทางาน บวก ด้วยสุขจากการเรียนรู้ในการทางาน แถมด้วยสุขจากการที่ได้ฝึกฝนพัฒนาตนเอง ซึ่งทาให้ชีวิตเจริญ พัฒนาดีขึ้ น มีความรู้ความสามารถมากขึ้ นเป็ นต้น แล้วยังสุขจากปีติความอิ่มใจที่ได้มองเห็นคุณค่า ประโยชน์ของงานนั้นในการสร้างสรรค์ชีวิตและสังคม
  • 82. - Michiko Kumano (Japanese psychologist )