SlideShare a Scribd company logo
1 of 36
Download to read offline
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 45 ข้อ (ข้อ 1-45)
ข้อละ 1 คะแนน รวม 45 คะแนน
ตัวชี้วัด ระบุหรือยกตัวอย่ำง และเปรียบเทียบจำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบ ศูนย์เศษส่วนและ
ทศนิยม (ค 1.1 ม.1/1)
1. ข้อใดเปรียบเทียบเศษส่วนไม่ถูกต้อง
1 >
2 >
3 – < –
4 2 < 2
ตัวชี้วัด เข้ำใจเกี่ยวกับเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม และเขียนแสดงจำนวนให้อยู่ใน
รูปสัญกรณ์วิทยำศำสตร์ (scientific notation) (ค 1.1 ม.1/2)
2. กำหนดให้ A = 5,000,000
B = 0.0000025
C = –250,000,000
ค่ำของ คือข้อใด
1 –2 107
2 –4 1014
3 2107
4 41014
ตัวชี้วัด เขียนเศษส่วนในรูปทศนิยมและเขียนทศนิยมซ้ำในรูปเศษส่วน (ค 1.1 ม.2/1)
3. เขียน 0.374 ให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้ตรงกับข้อใด
1
2
3
4
ชุดที่ 2
2
3
2
5
3
4
8
10
11
5
3
8
2
5
7
9
..
371
900
371
990
374
990
374
900
C
AB
2
ตัวชี้วัด จำแนกจำนวนจริงที่กำหนดให้ และยกตัวอย่ำงจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ (ค 1.1 ม.2/2)
4. จำนวนในข้อใดแตกต่ำงจำกพวก
1 0.010010001...
2 0.25
3
4 25
ตัวชี้วัด อธิบำยและระบุรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนจริง (ค 1.1 ม.2/3)
5. –8 เป็นรำกที่สำมของจำนวนใด
1 –64
2 –128
3 –256
4 –512
ตัวชี้วัด บวก ลบ คูณ หำรจำนวนเต็ม และนำไปใช้แก้ปัญหำ ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ
อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำร และบอกควำมสัมพันธ์ของกำรบวกกับ
กำรลบ กำรคูณกับกำรหำรของจำนวนเต็ม (ค 1.2 ม.1/1)
6. ประโยคใดเมื่อแทนค่ำของ x แล้วทำให้ประโยคนั้นเป็นจริง
1 2x + 2 > 5 , x = 1
2 < 4 , x = 3
3 x – 2 > –4 , x = –2
4 4 – 3x < 2 , x = 2
ตัวชี้วัด อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรยกกำลังของจำนวนเต็ม เศษส่วน และทศนิยม (ค 1.2 ม.1/3)
7. ข้อใดถูกต้อง
1 (–a2
b)2
= a4
b3
2 (2a3
b2
)2
= 2a5
b4
3 (–3a2
b2
)2
= 3a4
b4
4 (2a3
b)2
= 4a6
b2
3x
2
.
1
2
ตัวชี้วัด หำรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนเต็มโดยกำรแยกตัวประกอบและนำไปใช้
ในกำรแก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 1.2 ม.2/1)
8. ถ้ำ n3
= 1,728 แล้ว n มีค่ำเท่ำกับข้อใด
1 2 3
2 3 2
3 4 3
4 5 2
ตัวชี้วัด อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรหำรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนเต็ม เศษส่วน และทศนิยม
บอกควำมสัมพันธ์ของกำรยกกำลังกับกำรหำรำกของจำนวนจริง (ค 1.2 ม.2/2)
9. 2   มีค่ำเท่ำกับข้อใด
1 1
2 2
3 5
4 8
ตัวชี้วัด ใช้กำรประมำณค่ำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม รวมถึงใช้ในกำรพิจำรณำควำม
สมเหตุสมผลของคำตอบที่ได้จำกกำรคำนวณ (ค 1.3 ม.1/1)
10.ข้อใดไม่เป็นค่ำประมำณของ 2.3547
1 2.3
2 2.35
3 2.4
4 2.355
ตัวชี้วัด หำค่ำประมำณของรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนจริง และนำไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ
พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 1.3 ม.2/1)
11.( 81 – 40 ) + 50 มีค่ำประมำณตรงกับข้อใด
เมื่อกำหนดให้ 2  1.414, 3  1.732, 2  1.260, 3  1.442 และ 5  1.710
1 1.146
2 7.430
3 7.976
4 8.846
0.25
0.64
1.44
2.25
3 3
3 3
3
ตัวชี้วัด นำควำมรู้และสมบัติเกี่ยวกับจำนวนเต็มไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (ค 1.4 ม.1/1)
12.กระดำษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปหนึ่งมีควำมกว้ำง 50 เซนติเมตร มีควำมยำว 65 เซนติเมตร ต้องกำรตัด
กระดำษแผ่นนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้มีขนำดใหญ่ที่สุดและไม่ให้เหลือเศษ จะสำมำรถตัดกระดำษได้
ทั้งหมดกี่รูป
1 130 รูป
2 500 รูป
3 650 รูป
4 845 รูป
ตัวชี้วัด บอกควำมเกี่ยวข้องของจำนวนจริง จำนวนตรรกยะ และจำนวนอตรรกยะ (ค 1.4 ม.2/1)
13.ข้อใดเป็นควำมสัมพันธ์ของจำนวนจริง
1 กำลังสองของจำนวนอตรรกยะทุกจำนวนเป็นจำนวนตรรกยะ
2 จำนวนจริงประกอบด้วยจำนวนตรรกยะเท่ำนั้น
3 ผลบวกของจำนวนอตรรกยะกับจำนวนตรรกยะเป็นจำนวนอตรรกยะ
4 จำนวนอตรรกยะมีค่ำเป็นบวกเสมอ
ตัวชี้วัด ใช้กำรคำดคะเนเกี่ยวกับกำรวัดในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.2/3)
14.ข้อใดคำดคะเนพื้นที่ของรูปที่กำหนดให้ได้ถูกต้อง
1 30 ตำรำงหน่วย
2 34 ตำรำงหน่วย
3 36 ตำรำงหน่วย
4 38 ตำรำงหน่วย
ตัวชี้วัด หำพื้นที่ผิวของปริซึมและทรงกระบอก (ค 2.1 ม.3/1)
15.พื้นที่ผิวของทรงกระบอกตันเท่ำกับ 40 ตำรำงเซนติเมตร มีรัศมียำว 2 เซนติเมตร ทรงกระบอกนี้
มีควำมสูงกี่เซนติเมตร
1 2 เซนติเมตร
2 4 เซนติเมตร
3 6 เซนติเมตร
4 8 เซนติเมตร
ตัวชี้วัด หำปริมำตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม (ค 2.1 ม.3/2)
16. จำกรูป กำหนดให้ทรงกระบอกนี้มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 12 เซนติเมตร
จงหำปริมำตรของกรวยที่มีควำมสูงเอียง 10 เซนติเมตร บรรจุอยู่ใน
ทรงกระบอกรูปนี้
1 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร
2 120 ลูกบำศก์เซนติเมตร
3 384 ลูกบำศก์เซนติเมตร
4 480 ลูกบำศก์เซนติเมตร
ตัวชี้วัด เปรียบเทียบหน่วยควำมจุ หรือหน่วยปริมำตรในระบบเดียวกันหรือต่ำงระบบ และเลือกใช้
หน่วยกำรวัดได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.3/3)
17.ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำแปลงหนึ่ง เมื่อวัดควำมยำวในแผนที่ได้ควำมยำวด้ำนกว้ำงยำวน้อยกว่ำด้ำนยำว
3 เซนติเมตร โดยควำมยำวรอบรูปวัดได้26 เซนติเมตร ที่ดินแปลงนี้มีพื้นที่กี่ตำรำงวำ
(มำตรำส่วน 1 เซนติเมตร : 10 วำ)
1 2,600 ตำรำงวำ
2 4,000 ตำรำงวำ
3 6,000 ตำรำงวำ
4 7,800 ตำรำงวำ
ตัวชี้วัด ใช้กำรคำดคะเนเกี่ยวกับกำรวัดในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.3/4)
18.ประวิทย์ต้องกำรทำสีถังเก็บน้ำทรงกระบอก ยกเว้นส่วนของฐำนไว้โดยถังเก็บน้ำนี้มีควำมสูง 4 เมตร
และมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 2 เมตร สี 1 ลิตร ทำได้4 ตำรำงเมตร เขำต้องใช้สีอย่ำงน้อยประมำณกี่ลิตร
(กำหนด   3.14)
1 7 ลิตร
2 8 ลิตร
3 14 ลิตร
4 19 ลิตร
ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมยำวและพื้นที่แก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 2.2 ม.2/1)
19.ลุงอำนวยมีที่ดิน 4,400 ตำรำงเมตร ขำยที่ดินแปลงนี้ในรำคำไร่ละ 120,000 บำท ลุงอำนวยขำยที่ดิน
เป็นเงินกี่บำท
1 275,000 บำท
2 300,000 บำท
3 330,000 บำท
4 528,000 บำท
ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และปริมำตรในกำรแก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 2.2 ม.3/1)
20.ตู้ปลำตู้หนึ่งมีควำมกว้ำง 30 เซนติเมตร ยำว 60 เซนติเมตร และสูง 50 เซนติเมตร เดิมมีน้ำอยู่ในตู้
45,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร ถ้ำเติมน้ำลงไป 18,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร ระดับน้ำจะอยู่ต่ำกว่ำขอบ
ด้ำนบนของตู้ปลำเท่ำใด
1 5 เซนติเมตร
2 15 เซนติเมตร
3 25 เซนติเมตร
4 35 เซนติเมตร
ตัวชี้วัด สร้ำงรูปเรขำคณิตสองมิติโดยใช้กำรสร้ำงพื้นฐำนทำงเรขำคณิต และบอกขั้นตอนกำรสร้ำง
โดยไม่เน้นกำรพิสูจน์ (ค 3.1 ม.1/2)
21.ข้อใดแสดงกำรสร้ำงมุมที่มีขนำด 135๐
โดยใช้วงเวียนและเส้นตรงได้ถูกวิธี
1 2
3 4
ตัวชี้วัด อธิบำยลักษณะของรูปเรขำคณิตสำมมิติจำกภำพที่กำหนดให้ (ค 3.1 ม.1/4)
22.ข้อใดแสดงรูปเรขำคณิตสำมมิติที่เกิดจำกรูปเรขำคณิตสองมิติที่นำมำซ้อนทับกันไม่ถูกต้อง
1 2
3 4
ตัวชี้วัด ระบุภำพสองมิติที่ได้จำกกำรมองด้ำนหน้ำ (front view) ด้ำนข้ำง (side view) หรือ ด้ำนบน
(top view) ของรูปเรขำคณิตสำมมิติที่กำหนดให้ (ค 3.1 ม.1/5)
23.ข้อใดเป็นภำพที่ได้จำกกำรมองด้ำนต่ำง ๆ ของรูปเรขำคณิตสำมมิติที่กำหนดให้
1 2
3 4
ตัวชี้วัด วำดหรือประดิษฐ์รูปเรขำคณิตสำมมิติที่ประกอบขึ้นจำกลูกบำศก์ เมื่อกำหนดภำพสองมิติ
ที่ได้จำกกำรมองด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำง และด้ำนบนให้ (ค 3.1 ม.1/6)
24.
จำกรูป เป็นกำรมองด้ำนบน ด้ำนหน้ำ และด้ำนข้ำงซีกขวำของรูปเรขำคณิตสำมมิติในข้อใด
1 2
3 4
ด้ำนบน ด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำงซีกขวำ
ตัวชี้วัด อธิบำยลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และทรงกลม (ค 3.1 ม.3/1)
25.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
1 ถ้ำตัดพีระมิดในแนวขนำนกับฐำน ยอดพีระมิดที่ถูกตัดออกจะมีฐำนเป็นรูปที่คล้ำยกับฐำนเดิม
2 สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะยำวเท่ำกัน
3 ผิวข้ำงของพีระมิดเป็นรูปสำมเหลี่ยมเสมอ
4 สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัส เท่ำกับผลรวมของกำลังสองของควำมยำวด้ำนฐำนกับ
กำลังสองของสูงตรง
ตัวชี้วัด ใช้สมบัติเกี่ยวกับควำมเท่ำกันทุกประกำรของรูปสำมเหลี่ยมและสมบัติของเส้นขนำนในกำร
ให้เหตุผลและแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.2/1)
26. จำกรูป กำหนดให้ △ABC △DEC, ACB = 120๐
และ CAB = 25๐
จงหำขนำดของมุม m
1 25 องศำ 2 30 องศำ
3 35 องศำ 4 40 องศำ
ตัวชี้วัด เข้ำใจเกี่ยวกับกำรแปลงทำงเรขำคณิตในเรื่อง กำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน และกำรหมุน
และนำไปใช้ (ค 3.2 ม.2/3)
27.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรแปลงทำงเรขำคณิต
1 ถ้ำพิกัดของจุดบนรูปต้นแบบ คือ (2, –5) เมื่อสะท้อนข้ำมแกน X จะได้พิกัดของภำพที่เกิดจำกกำร
สะท้อน คือ (–2, 5)
2 กำรขึ้นลงของลิฟต์เป็นกำรแปลงทำงเรขำคณิตแบบกำรเลื่อนขนำน
3 กำรแปลงทำงเรขำคณิตแบบกำรหมุนจะต้องกำหนดพิกัดของจุดบนรูปต้นแบบ จุดหมุน และ
ขนำดของกำรหมุน
4 กำรสะท้อนสองครั้งผ่ำนเส้นสองเส้นที่ตัดกันจะเกิดกำรเลื่อนขนำน


ตัวชี้วัด บอกภำพที่เกิดขึ้นจำกกำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน และกำรหมุนรูปต้นแบบ
และอธิบำยวิธีกำรที่จะได้ภำพที่ปรำกฏเมื่อกำหนดรูปต้นแบบและภำพนั้นให้ (ค 3.2 ม.2/4)
28.
จำกรูป ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
1 △ABC เกิดจำกกำรเลื่อนขนำน △ABC
2 △ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △A B C ตำมแนวแกน Y
3 △A B C เกิดจำกกำรหมุน △ABC ทวนเข็มนำฬิกำเป็นมุม 270 องศำ
4 △ABC เกิดจำกกำรหมุน △A B C ทวนเข็มนำฬิกำเป็นมุม 180 องศำ
ตัวชี้วัด ใช้สมบัติของรูปสำมเหลี่ยมคล้ำยในกำรให้เหตุผลและกำรแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.3/1)
29.อำนนท์สูง 1.8 เมตร เขำใช้ด้ำนของรูปสำมเหลี่ยมดังรูปมองเห็นจุดยอดของตึกที่สูงกว่ำอำนนท์ 30 เมตร
อำนนท์ยืนห่ำงจำกตึกนี้กี่เมตร
1 30 เมตร
2 32 เมตร
3 45 เมตร
4 48 เมตร
ตัวชี้วัด วิเครำะห์และอธิบำยควำมสัมพันธ์ของแบบรูปที่กำหนดให้ (ค 4.1 ม.1/1)
30.จำนวนในลำดับที่ 10 ของแบบรูปที่กำหนดให้ต่อไปนี้คือจำนวนใด
8, 5, 2, –1, ...
1 –19
2 –22
3 –25
4 –28
  
  
 

ตัวชี้วัด แก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่ำงง่ำย พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม
สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.1/3)
31.รูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปหนึ่งมีด้ำนยำวมำกกว่ำด้ำนกว้ำง 2 เซนติเมตร ถ้ำวัดควำมยำวรอบรูปได้
24 เซนติเมตร จงหำควำมยำวของด้ำนกว้ำงของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปนี้
1 5 เซนติเมตร
2 7 เซนติเมตร
3 9 เซนติเมตร
4 11 เซนติเมตร
ตัวชี้วัด เขียนกรำฟบนระนำบในระบบพิกัดฉำกแสดงควำมเกี่ยวข้องของปริมำณสองชุดที่กำหนดให้ (ค 4.2 ม.1/4)
32.ข้อใดเป็นกรำฟแสดงคำตอบของสมกำร x = y + 1 เมื่อ x แทนจำนวนใด ๆ
1 2
3 4
ตัวชี้วัด อ่ำนและแปลควำมหมำยของกรำฟบนระนำบในระบบพิกัดฉำกที่กำหนดให้ (ค 4.2 ม.1/5)
33. จำกกรำฟกำรเคลื่อนที่ของจรวด ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
1 จรวดขึ้นไปได้สูงสุดที่ควำมสูง 600 เมตร
2 เมื่อเวลำผ่ำนไป 5 วินำที จรวดจะเริ่มตกลงสู่พื้นดิน
3 จรวดลอยอยู่บนอำกำศใช้เวลำ 5 วินำที
4 จรวดอยู่ที่ควำมสูง 400 เมตร เมื่อเวลำผ่ำนไป 2 วินำที
และ 8 วินำที
ตัวชี้วัด หำพิกัดของจุด และอธิบำยลักษณะของรูปเรขำคณิตที่เกิดขึ้นจำกกำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน
และกำรหมุนบนระนำบในระบบพิกัดฉำก (ค 4.2 ม.2/2)
34.
กำหนดให้ △ABC มีพิกัดดังรูป ซึ่งเกิดจำกกำรสะท้อน △ABC ตำมแนวแกน X = –1
จงหำพิกัดของ △ABC
1 △ABC มีพิกัด (5, 1), (2, 1) และ (2, 4) ตำมลำดับ
2 △ABC มีพิกัด (3, 1), (0, 1) และ (0, 4) ตำมลำดับ
3 △ABC มีพิกัด (2, 1), (5, 2) และ (5, 4) ตำมลำดับ
4 △ABC มีพิกัด (0, 1), (3, 2) และ (3, 4) ตำมลำดับ
ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับอสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวในกำรแก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม
สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.3/1)
35.รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำมีควำมยำวด้ำนแต่ละด้ำนเป็นจำนวนเต็มบวก โดยด้ำนยำวยำวกว่ำสำมเท่ำของด้ำนกว้ำง
อยู่ 5 เซนติเมตร ถ้ำควำมยำวรอบรูปมำกกว่ำ 44 เซนติเมตร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปนี้มีพื้นที่อย่ำงน้อยเท่ำใด
1 68 ตำรำงเซนติเมตร
2 75 ตำรำงเซนติเมตร
3 100 ตำรำงเซนติเมตร
4 125 ตำรำงเซนติเมตร
ตัวชี้วัด เขียนกรำฟของสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปร (ค 4.2 ม.3/3)
36.กรำฟของสมกำรในข้อใดต่อไปนี้ทำมุมป้ ำนกับแกน X เมื่อวัดมุมทวนเข็มนำฬิกำ
1 1 – y = 2x
2 3x = y – 1
3 x = 2y + 1
4 –y = 3 – x
ตัวชี้วัด อ่ำนและแปลควำมหมำย กรำฟของระบบสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปร และกรำฟอื่น ๆ (ค 4.2 ม.3/4)
37.
จำกกรำฟ ระบบสมกำรในข้อใดไม่มีคำตอบ
1 y = –3x – 2 และ y = –x – 2
2 y = x – 2 และ y = –3x – 2
3 y = –x + 2 และ y = –x – 2
4 y = x + 2 และ y = –x + 2
ตัวชี้วัด อ่ำนและนำเสนอข้อมูลโดยใช้แผนภูมิรูปวงกลม (ค 5.1 ม.2/1)
38.แผนภูมิรูปวงกลมแสดงรายได้ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยเฉลี่ยต่อวัน จาแนกตามแผนกต่าง ๆ
จำกแผนภูมิข้ำงต้น ถ้ำห้ำงสรรพสินค้ำแห่งนี้มีรำยได้โดยเฉลี่ยวันละ 160,500 บำท รำยได้จำกแผนก
เสื้อผ้ำและแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำรวมกันน้อยกว่ำรำยได้จำกแผนกซูเปอร์มำร์เกตเป็นจำนวนเงินเท่ำใด
1 22,470 บำท
2 29,211 บำท
52.2%
20%
14%
7.4%
6.4%
แผนกซูเปอร์มำร์เกต
แผนกเครื่องสำอำง
แผนกเครื่องเขียน
แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำ
แผนกเสื้อผ้ำ
3 32,100 บำท
4 83,781 บำท
ตัวชี้วัด กำหนดประเด็น และเขียนข้อคำถำมเกี่ยวกับปัญหำหรือสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ รวมทั้งกำหนดวิธี
กำรศึกษำและกำรเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมำะสม (ค 5.1 ม.3/1)
39.ข้อใดเป็นข้อมูลเชิงปริมำณ
1 ยี่ห้อเครื่องดื่ม
2 ประเภทของหนังสือ
3 ผลคะแนนกำรสอบของนักเรียน
4 สีของเสื้อที่นักเรียนชอบใส่ในช่วงวันหยุด
ตัวชี้วัด หำค่ำเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐำน และฐำนนิยมของข้อมูลที่ไม่ได้แจกแจงควำมถี่ และเลือกใช้ได้
อย่ำงเหมำะสม (ค 5.1 ม.3/2)
40.จำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์ของพนักงำนแต่ละคนมีหน่วยเป็นบำท มีดังนี้
1,400, 950, 840, 1,200, 550 และ 1,000
ถ้ำพนักงำนคนที่มีเงินจำนวน 550 บำท นับขำดไป 1,000 บำท มัธยฐำนของจำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์
ของพนักงำนคือข้อใด
1 975 บำท
2 1,000 บำท
3 1,100 บำท
4 1,550 บำท
ตัวชี้วัด นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เหมำะสม (ค 5.1 ม.3/3)
41.ข้อมูลเงินเดือนของฝ่ำยกำรตลำดมีหน่วยเป็นบำท มีดังนี้
9,000, 10,000, 12,000, 120,000, 11,000, 18,000 และ 22,000
ควรนำเสนอข้อมูลในข้อใดจึงจะเหมำะสมมำกที่สุด
1 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต
2 มัธยฐำน
3 ฐำนนิยม
4 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตและฐำนนิยม
ตัวชี้วัด อ่ำน แปลควำมหมำย และวิเครำะห์ข้อมูลที่ได้จำกกำรนำเสนอ (ค 5.1 ม.3/4)
42.ควำมสูงของนักเรียนห้องหนึ่งมีดังนี้
ความสูง
(เซนติเมตร)
จานวนนักเรียน
(คน)
151 8
152 6
153 4
154 2
155 4
จำกข้อมูลที่กำหนดให้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตเท่ำกับ 153 เซนติเมตร
2 มัธยฐำนเท่ำกับ 153 เซนติเมตร
3 ฐำนนิยมเท่ำกับ 152 เซนติเมตร และ 155 เซนติเมตร
4 ฐำนนิยมเท่ำกับ 151 เซนติเมตร และมัธยฐำนเท่ำกับ 152 เซนติเมตร
ตัวชี้วัด อธิบำยได้ว่ำเหตุกำรณ์ที่กำหนดให้เหตุกำรณ์ใดจะมีโอกำสเกิดขึ้นได้มำกกว่ำกัน (ค 5.2 ม.1/1)
43.ในกล่องมีปำกกำสีต่ำง ๆ 4 สี จำนวน 40 ด้ำม โดยมีปำกกำสีแดง 15 ด้ำม มีปำกกำสีเขียว 10 ด้ำม
มีปำกกำสีน้ำเงินน้อยกว่ำปำกกำสีเขียว 5 ด้ำม ที่เหลือเป็นปำกกำสีม่วง โอกำสที่จะหยิบได้ปำกกำสีใด
มีน้อยที่สุด
1 ปำกกำสีแดง
2 ปำกกำสีน้ำเงิน
3 ปำกกำสีเขียว
4 ปำกกำสีม่วง
ตัวชี้วัด อธิบำยได้ว่ำเหตุกำรณ์ที่กำหนดให้เหตุกำรณ์ใดเกิดขึ้นแน่นอน เหตุกำรณ์ใดไม่เกิดขึ้นแน่นอน
และเหตุกำรณ์ใดมีโอกำสเกิดขึ้นได้มำกกว่ำกัน (ค 5.2 ม.2/1)
44.ในกำรออกรำงวัลเลขท้ำย 2 ตัว ของสลำกกินแบ่งรัฐบำล จำนวนเหตุกำรณ์ในข้อใดมีโอกำสเกิดขึ้นได้
น้อยที่สุด
1 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยและหลักสิบเป็นจำนวนเดียวกัน
2 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยเป็นจำนวนเฉพำะ
3 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยหำร 4 ลงตัว
4 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8
ตัวชี้วัด หำควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์จำกกำรทดลองสุ่มที่ผลแต่ละตัวมีโอกำสเกิดขึ้นเท่ำ ๆ กัน
และใช้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมน่ำจะเป็นในกำรคำดกำรณ์ได้อย่ำงสมเหตุสมผล (ค 5.2 ม.3/1)
ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับสถิติและควำมน่ำจะเป็นประกอบกำรตัดสินใจในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 5.3 ม.3/1)
45.มีลูกปิงปองสีเขียว สีเหลือง และสีแดง อยู่ในกล่องอย่ำงละหนึ่งลูก ถ้ำสุ่มหยิบลูกปิงปองขึ้นมำ 2 ลูก
โดยหยิบทีละลูกแล้วใส่กลับคืนลงในกล่องก่อนที่จะหยิบลูกต่อไป ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์
ในข้อใดมีโอกำสเกิดขึ้นมำกที่สุด
1 หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง
2 หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน
3 หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง
4 หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน
ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลข จำนวน 7 ข้อ (ข้อ 46-52) ข้อละ 5 คะแนน รวม 35 คะแนน
ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับอัตรำส่วน สัดส่วน และร้อยละในกำรแก้โจทย์ปัญหำ (ค 1.1 ม.2/4)
46.อัตรำส่วนของคะแนนสอบของสุพจน์กับวำยุเท่ำกับ 3 : 5 ถ้ำคะแนนสอบของวำยุมำกกว่ำสุพจน์
46 คะแนน แสดงว่ำสุพจน์สอบได้กี่คะแนน
ตัวชี้วัด บวก ลบ คูณ หำรเศษส่วนและทศนิยม และนำไปใช้แก้ปัญหำ ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผล
ของคำตอบ อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำร และบอกควำมสัมพันธ์ของ
กำรบวกกับกำรลบ กำรคูณกับกำรหำรของเศษส่วนและทศนิยม (ค 1.2 ม.1/2)
47.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำห้องหนึ่งมีจำนวน 40 คน เป็นนักเรียนชำย ของนักเรียนทั้งห้อง นอกนั้นเป็น
นักเรียนหญิง วันนี้มีนักเรียนชำยลำป่วย ของจำนวนนักเรียนชำย และนักเรียนหญิงลำป่วย ของ
จำนวนนักเรียนหญิง วันนี้มีนักเรียนมำเรียนทั้งหมดกี่คน
ตัวชี้วัด คูณและหำรเลขยกกำลังที่มีฐำนเดียวกัน และเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม (ค 1.2 ม.1/4)
48. = 1 จงหำค่ำของ x
ตัวชี้วัด ใช้ทฤษฎีบทพีทำโกรัสและบทกลับในกำรให้เหตุผลและแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.2/2)
49. จำกรูป กำหนดให้ BAC = ADC = 90๐
จงหำพื้นที่ของ △ABC
ตัวชี้วัด แก้สมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่ำงง่ำย (ค 4.2 ม.1/1)
50.จงหำคำตอบของสมกำร = 7
ตัวชี้วัด แก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียว พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผล
ของคำตอบ (ค 4.2 ม.2/1)
1252x
25–2x
54
3x + 5
5
 
3
5
1
4
1
8
51.บัตรสำหรับผู้เข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งหนึ่งคิดรำคำเข้ำชมสำหรับผู้ใหญ่คนละ 180 บำท เด็กคนละ
60 บำท ถ้ำวันนี้มีเด็กมำเข้ำชมจำนวน 250 คน และขำยบัตรได้เงินทั้งหมด 45,600 บำท แสดงว่ำวันนี้มี
ผู้ใหญ่มำเข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เป็นจำนวนกี่คน
ตัวชี้วัด แก้ระบบสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปรและนำไปใช้แก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม
สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.3/5)
52.อนันต์กับอันดำมีเงินรวมกัน 2,500 บำท ถ้ำอันดำได้รับเงินเพิ่มอีก 300 บำท จึงจะมีเงินเป็นสำมเท่ำของ
อนันต์ อนันต์มีเงินน้อยกว่ำอันดำเท่ำใด
วิธีการตอบ
 ให้ใช้ปำกกำหรือดินสอเขียนตัวเลขที่เป็นคำตอบลงในช่องว่ำง ให้ตรงกับหลักเลข ให้ครบทั้งสี่หลัก
 ระบำยตัวเลขในวงกลมให้ครบทุกหลัก เช่น คำตอบ คือ 250 ต้องระบำย 0250
46 47 48
49 50 51 52
ชุดที่ 2
เฉลยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ส่วนที่ 1
1. เฉลย ข้อ 2
แนวคิด ใช้วิธีกำรคูณไขว้
จะได้ 3 10 = 30 และ 4 8 = 32
แต่ 30 < 32
ดังนั้น <
2. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด A = 5,000,000 = 5 106
B = 0.0000025 = 2.5  10–6
C = –250,000,000 = –2.5  108
แทนค่ำ =
=  (108–6+6
)
= –  108 2
= (–0.2  108
)2
= (–0.2)2
108 2
= 0.04 1016
= 4 10–2
1016
= 410–2+16
= 41014
3
4
8
10
3
4
8
10
C
AB
–2.5 108
5 106
 2.5 10–6
–2.5
5  2.5
1
5

2
2
3. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ให้ N = 0.374
จะได้ N = 0.3747474…
10  1 ; 10N = 3.747474…
100  2 ; 1,000N = 374.747474…
3 – 2 ; 990N = 371
N =
ดังนั้น 0.374 =
หรือ ใช้ข้อสังเกต
ตัวเศษ หำได้จำก ผลต่ำงของจำนวนที่อยู่หลังจุดทศนิยม (374) ลบด้วยจำนวนที่ไม่ซ้ำ (3)
ตัวส่วน ประกอบด้วย 9 และ 0
จำนวนของ 9 หำได้จำก จำนวนของเลขโดดที่ซ้ำ (2 ตัว)
จำนวนของ 0 หำได้จำก จำนวนของเลขโดดที่ไม่ซ้ำ (1 ตัว)
จะได้ 0.374 = =
4. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด 0.010010001... เป็นทศนิยมไม่รู้จบ ไม่สำมำรถเขียนให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้
ดังนั้น 0.010010001... เป็นจำนวนอตรรกยะ
0.25 ทศนิยมซ้ำสำมำรถเขียนให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้คือ =
ดังนั้น 0.25 เป็นจำนวนตรรกยะ
เศษส่วนเป็นจำนวนตรรกยะ
25 = 5, –5 จำนวนเต็มเป็นจำนวนตรรกยะ
นั่นคือ 0.010010001... แตกต่ำงจำกพวก
5. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด (–8)  (–8)  (–8) = – (8 8  8) = –512
6. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด แทนค่ำ x = 2 ในประโยค 4 – 3x < 2
จะได้ 4 – 3(2) < 2
4 – 6 < 2
–2 < 2 เป็นจริง
1
2
3
371
990
371
990
374 – 3
990
371
990
1
2
25 – 2
90
23
90
..
..
..
.
.
ดังนั้น 4 – 3x < 2 เป็นจริง เมื่อ x = 2
7. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด (2a3
b)2
= 22
 (a3
)2
 b2
= 4 a3 2
 b2
= 4a6
b2
ใช้สูตร (ab)n
= an
bn
(am
)n
= am n
8. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด หำค่ำ n ; n3
= 1,728
n = 1,728
= 2 22 2  2 2 3 3  3
= 23
23
 33
= 2 2  3
= 12
หำค่ำ n ; 12 = 2  2  3
= 22
 3
= 2 3
ดังนั้น n = 2 3
9. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด 2   = 2  
= 2  
= 2  
= 
=
= 1

(0.5)  (0.5)
(0.8)  (0.8)
(0.5)2
(0.8)2
(1.2)2
(1.5)2
0.5
0.8
1.2
1.5
1
0.8
1.2
1.5
1.2
1.2
0.25
0.64
1.44
2.25
(1.2)  (1.2)
(1.5)  (1.5)
3
3

10.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด ประมำณเป็นทศนิยม 1 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 2
จะได้ 2.3 5 47 ปัดขึ้น  2.4
ประมำณเป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 3
จะได้ 2.35 4 7 ตัดทิ้ง  2.35
ประมำณเป็นทศนิยม 3 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 4
จะได้ 2.354 7 ปัดขึ้น  2.355
11.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ( 81 – 40 ) + 50 = ( 3  3  3  3 – 2  2 2  5 ) + 2  5  5
= ( 3  3 – 2  5 ) + 2  5
= (3 3 – 2 5 ) + 5 2
 {(31.442) – (2 1.710)} + (5 1.414)
 (4.326 – 3.420) + 7.070
 0.906 + 7.070
 7.976
12.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด หำ ห.ร.ม. ของ 50 และ 65 ได้ดังนี้
5 50 65
10 13
จะได้ ห.ร.ม. ของ 50 และ 65 คือ 5
นั่นคือ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้จะยำวด้ำนละ 5 เซนติเมตร
แบ่งด้ำนกว้ำงได้ = 10 ส่วนเท่ำ ๆ กัน
แบ่งด้ำนยำวได้ = 13 ส่วนเท่ำ ๆ กัน
50
5
65
5
3 3 3
3 3 3 3 2
3 3
3
ดังนั้น จะสำมำรถตัดกระดำษได้ทั้งหมด 10 13 = 130 รูป
13.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ข้อ 1 ผิด เพรำะ กำลังสองของจำนวนอตรรกยะบำงจำนวนเป็นจำนวนอตรรกยะ เช่น 2
ข้อ 2 ผิด เพรำะ จำนวนจริงประกอบด้วยจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ
ข้อ 3 ถูก เพรำะ ผลบวกจะเป็นจำนวนอตรรกยะ เช่น  + 2
ข้อ 4 ผิด เพรำะ จำนวนตรรกยะมีค่ำที่เป็นลบด้วย เช่น – 2 , –0.010010001...
14.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด ในกรณีที่รูปที่ต้องกำรไม่สำมำรถนับพื้นที่ได้สำมำรถหำพื้นที่โดยประมำณได้ดังนี้
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่อยู่ภำยใน 23 ตำรำงหน่วย
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีส่วนหนึ่งของรูปที่ต้องกำรอยู่ 22 ตำรำงหน่วย
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดที่รูปที่ต้องกำรครอบคลุมอยู่
23 + 22 = 45 ตำรำงหน่วย
ดังนั้น รูปนี้มีพื้นที่ประมำณ = = 34 ตำรำงหน่วย
15.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด พื้นที่ผิวของทรงกระบอก = พื้นที่หน้ำตัดทั้งสอง + พื้นที่ผิวข้ำง
= 2r2
+ 2rh
เนื่องจำก พื้นที่ผิวของทรงกระบอกตันนี้เท่ำกับ 40 ตำรำงเซนติเมตร
จะได้ 40 = 2(22
) + 2(2)h
40 = 16+ 4h
4h = 40 – 16
4h = 24
h =
23 + 45
2
68
2
24
4
h = 8 เซนติเมตร
16.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด กรวยนี้มีรัศมีเท่ำกับ = 6 เซนติเมตร
หำควำมสูงของกรวยนี้จำกทฤษฎีบทพีทำโกรัส
จะได้ ควำมสูง2
= สูงเอียง2
– รัศมี2
ควำมสูง2
= 102
– 62
= 100 – 36
= 64
ควำมสูง = 8 เซนติเมตร
เนื่องจำก ปริมำตรของกรวย = r2
h
จะได้ = (62
)(8)
= 
= 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร
ดังนั้น กรวยนี้มีปริมำตร 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร
17.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด กำหนดให้ด้ำนกว้ำงในแผนที่ยำว x เซนติเมตร
ด้ำนยำวในแผนที่ยำว x + 3 เซนติเมตร
ควำมยำวรอบรูปวัดได้ 26 เซนติเมตร
เนื่องจำก ควำมยำวรอบรูป = 2(ควำมกว้ำง + ควำมยำว)
จะได้ 26 = 2{x + (x + 3)}
26 = 2(2x + 3)
2x + 3 = 13
2x = 10
x = 5 เซนติเมตร
เนื่องจำก มำตรำส่วน 1 เซนติเมตร : 10 วำ
จะได้ ด้ำนกว้ำง = 5 10 = 50 วำ
ด้ำนยำว = (5 + 3) 10 = 80 วำ
เนื่องจำก พื้นของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = ควำมกว้ำง  ควำมยำว
= 50  80
= 4,000 ตำรำงวำ
ดังนั้น ที่ดินแปลงนี้มีพื้นที่ 4,000 ตำรำงวำ
1
3
1
3
288
3
12
2
18.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด รัศมีของถังเก็บน้ำเท่ำกับ = 1 เมตร
พื้นที่ที่ต้องทำสี = r2
+ 2rh
 (3.14 12
) + (2  3.14  1  4)
 3.14 + 25.12
 28.26 ตำรำงเซนติเมตร
เนื่องจำก พื้นที่ 4 ตำรำงเมตร ใช้สี 1 ลิตร
ดังนั้น พื้นที่ 28.26 ตำรำงเมตร ใช้สีประมำณ
28.26  4 = 7.065 ลิตร
นั่นคือ เขำต้องใช้สีอย่ำงน้อยประมำณ 8 ลิตร
19.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด เนื่องจำก พื้นที่ 1,600 ตำรำงเมตร เท่ำกับ 1ไร่
พื้นที่ 4,400 ตำรำงเมตร เท่ำกับ 4,400 1,600 = 2.75 ไร่
ขำยที่ดินแปลงนี้ในรำคำไร่ละ 120,000 บำท
จะได้ 2.75 120,000 = 330,000 บำท
20.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด ปริมำตรของน้ำทั้งหมดในตู้ปลำ = 45,000 + 18,000
= 63,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร
เนื่องจำก ปริมำตรของน้ำในตู้ปลำ = ควำมกว้ำง  ควำมยำว  ควำมสูง
จะได้ 63,000 = 30  60 ควำมสูง
ควำมสูง =
= 35 เซนติเมตร
ดังนั้น ระดับน้ำจะอยู่สูงจำกขอบด้ำนล่ำงของตู้ปลำ 35 เซนติเมตร
นั่นคือ ระดับน้ำจะอยู่ต่ำกว่ำขอบด้ำนบนของตู้ปลำ
50 – 35 = 15 เซนติเมตร
21.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด ขั้นตอนกำรสร้ำงมุมที่มีขนำด 135๐
มีดังนี้
1. สร้ำงมุม 180๐
2. แบ่งครึ่งมุม 180๐
โดยใช้วงเวียน จะได้มุม 90๐
2
2
63,000
30  60
3. แบ่งครึ่งมุม 90๐
โดยใช้วงเวียน จะได้มุม 45๐
4. จะได้มุม 90๐
+ 45๐
= 135๐
ตำมต้องกำร
22.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด เมื่อนำรูปสำมเหลี่ยมมำซ้อนกันจะได้ปริซึมฐำนสำมเหลี่ยม ดังรูป
เมื่อพิจำรณำรูปเรขำคณิตสองมิติจะมองเห็นแต่ควำมกว้ำงและควำมยำว
แต่รูปเรขำคณิตสำมมิติจะเห็นควำมสูง หรือควำมลึก หรือควำมหนำด้วย
23.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด ภำพที่ได้จำกกำรมองด้ำนต่ำง ๆ ของรูปเรขำคณิตสำมมิติ เป็นดังนี้
ด้ำนบน ด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำงซีกขวำ
24.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด
1
2
3
4
ดังนั้น รูปในข้อ 2 เป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติที่ได้จำกกำรมองทั้งสำมด้ำน
ตำมที่โจทย์กำหนด
มุมมอง
รูป
ด้านข้างซีกขวา
  
 





 
ด้านหน้า
ด้านบน
 

25.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัส = + สูงตรง2
26.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด เนื่องจำก ABC + ACB + CAB = 180๐
จะได้ ABC + 120๐
+ 25๐
= 180๐
ABC = 180๐
– 145๐
ABC = 35๐
เนื่องจำก △ABC  △DEC
จะได้ ABC = DEC (มุมที่สมนัยกันของรูปสำมเหลี่ยมสองรูป
ที่เท่ำกันทุกประกำรย่อมมีขนำดเท่ำกัน)
ดังนั้น DEC = 35๐
นั่นคือ m = 35๐
27.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด กำรแปลงทำงเรขำคณิตที่สะท้อนสองครั้งผ่ำนเส้นสองเส้นที่ตัดกันจะเกิดกำรหมุน
28.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด △ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △ABC ตำมแนวแกน X
△ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △A B C ตำมแนวแกน Y
29.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด เนื่องจำก △ABC ~ △ADE
จะได้ = =
เนื่องจำก BC = 1 เมตร, DE = 30 เมตร และ
AC = 1.5 เมตร
จะได้ =
แทนค่ำ =
AE = 30  1.5
AE = 45 เมตร
ดังนั้น อำนนท์ยืนห่ำงจำกตึกนี้ 45 เมตร
ควำมยำวด้ำนฐำน
2
2
  



 


AB
AD
BC
DE
AC
AE
BC
DE
AC
AE
1
30
1.5
AE
30.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด พิจำรณำผลต่ำงระหว่ำงลำดับที่อยู่ติดกัน
8 – 5 = 3, 5 – 2 = 3, 2 – (–1) = 3
นั่นคือ ลำดับดังกล่ำวจะนับลดลงทีละ 3
ดังนั้น ลำดับที่ 5 คือ –1 – 3 = –4
ลำดับที่ 6 คือ –4 – 3 = –7
ลำดับที่ 7 คือ –7 – 3 = –10
ลำดับที่ 8 คือ –10 – 3 = –13
ลำดับที่ 9 คือ –13 – 3 = –16
ลำดับที่ 10 คือ –16 – 3 = –19
31.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด สมมุติให้ด้ำนกว้ำงยำว x เซนติเมตร
ด้ำนยำวยำว x + 2 เซนติเมตร
ถ้ำวัดควำมยำวรอบรูปได้ 24 เซนติเมตร
ควำมยำวรอบรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำก = 2(ด้ำนกว้ำง + ด้ำนยำว)
จะได้สมกำร 2{x + (x + 2)} = 24
2(2x + 2) = 24
4x + 4 = 24
นำ 4 มำลบทั้งสองข้ำงของสมกำร
จะได้ 4x + 4 – 4 = 24 – 4
4x = 20
นำ 4 มำหำรทั้งสองข้ำงของสมกำร
จะได้ =
x = 5
ตรวจสอบ แทน x ด้วย 5 ในสมกำร 2{x + (x + 2)} = 24
จะได้ 2{5 + (5 + 2)} = 24
2(5 + 7) = 24
2  12 = 24
24 = 24
ดังนั้น ควำมยำวของด้ำนกว้ำงของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปนี้เท่ำกับ 5 เซนติเมตร
4x
4
20
4
32.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด
x … –1 0 1 2 3 …
y … –2 1 0 1 2 …
เรำสำมำรถหำค่ำ y ได้เสมอ เมื่อ x เป็นจำนวนใด ๆ
โดยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงค่ำ x และ y จะเป็นกรำฟลักษณะที่ต่อเนื่องกัน
เป็นเส้นตรง ดังข้อ 4
33.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด เวลำที่จรวดลอยอยู่บนอำกำศต้องนับรวมเวลำที่จรวดทำควำมสูงขึ้นไปจนสูงสุด และ
เวลำที่จรวดตกลงสู่พื้นดิน
ดังนั้น จรวดลอยอยู่บนอำกำศใช้เวลำ 5 + 5 = 10 วินำที
34.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด △ABC เป็นรูปต้นแบบของ △ABC โดยกำรสะท้อน
ตำมแนวแกน X = –1 ซึ่งมีพิกัดของจุด A, B และ C เป็น
(3, 1), (0, 1) และ (0, 4) ตำมลำดับ
35.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ให้ควำมยำวของด้ำนกว้ำงเป็น x เซนติเมตร
ควำมยำวของด้ำนยำวเป็น 3x + 5 เซนติเมตร
ควำมยำวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = 2(ด้ำนกว้ำง + ด้ำนยำว)
จะได้ 2{x + (3x + 5)} > 44
4x + 5 > 22
4x > 17
x >
x > 4
เนื่องจำก โจทย์กำหนดให้ควำมยำวด้ำนแต่ละด้ำนเป็นจำนวนเต็มบวก
จะได้ ควำมยำวของด้ำนกว้ำงอย่ำงน้อย 5 เซนติเมตร
ควำมยำวของด้ำนยำวอย่ำงน้อย 3(5) + 5 = 20 เซนติเมตร
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = ด้ำนกว้ำง  ด้ำนยำว
จะได้ 520 = 100 ตำรำงเซนติเมตร
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปนี้มีพื้นที่อย่ำงน้อย 100 ตำรำงเซนติเมตร
17
4
1
4
36.เฉลย ข้อ 1
แนวคิด 1 – y = 2x
–y = 2x – 1
y = –2x + 1
เขียนกรำฟของสมกำร 1 – y = 2x ได้ดังนี้
ดังนั้น กรำฟของสมกำร 1 – y = 2x ทำมุมป้ ำนกับแกน X เมื่อวัดมุมทวนเข็มนำฬิกำ
37.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด  ถ้ำกรำฟของระบบสมกำรมีลักษณะที่ขนำนกัน
แสดงว่ำ ระบบสมกำรนั้นไม่มีคำตอบ
 ถ้ำกรำฟของระบบสมกำรมีลักษณะตัดกันที่จุดจุดหนึ่ง
แสดงว่ำ จุดนั้นจะเป็นคำตอบของระบบสมกำร
เนื่องจำก ลักษณะของสมกำร y = –x + 2 และ y = –x – 2 ขนำนกัน
ดังนั้น ระบบสมกำร y = –x + 2 และ y = –x – 2 จึงไม่มีคำตอบ
38.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด
แผนก เปอร์เซ็นต์ รายได้ (บาท)
ซูเปอร์มำร์เกต
เสื้อผ้ำ
เครื่องใช้ไฟฟ้ำ
52.2
20
14
 160,500 = 83,781
 160,500 = 32,100
 160,500 = 22,470
รำยได้จำกแผนกเสื้อผ้ำและแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำรวมกันน้อยกว่ำรำยได้จำกซูเปอร์มำร์เกต
เป็นจำนวนเงิน 83,781 – (32,100 + 22,470) = 83,781 – 54,570
x –1 0 1
y 3 1 –1
52.2
100
20
100
14
100
= 29,211 บำท
หรือ  160,500 =  160,500 = 29,211 บำท
39.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ข้อมูลเชิงปริมำณ (quantitative data) เป็นข้อมูลที่ใช้แทนขนำดหรือปริมำณ ซึ่งวัดออกมำ
เป็นค่ำตัวเลขที่สำมำรถนำมำใช้เปรียบเทียบขนำดได้โดยตรง เช่น จำนวนนักเรียนใน
ระดับชั้นต่ำง ๆ ของโรงเรียน จำนวนนักเรียนโดยเฉลี่ยต่อหนึ่งห้องเรียน
40.เฉลย ข้อ 3
แนวคิด เนื่องจำกพนักงำนคนที่มีจำนวนเงิน 550 บำท นับขำดไป 1,000 บำท
ดังนั้น พนักงำนคนนี้มีเงินเท่ำกับ 550 + 1,000 = 1,550 บำท
เรียงลำดับจำนวนเงินจำกน้อยไปมำก จะได้
840 950 1,000 1,200 1,400 1,550
ดังนั้น มัธยฐำนของจำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์ของพนักงำน
= = 1,100 บำท
41.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด มัธยฐำนเป็นกำรนำเสนอข้อมูลที่มีควำมแตกต่ำงกันมำก ซึ่งเป็นตัวแทนที่เหมำะสมกว่ำ
กำรนำเสนอข้อมูลด้วยค่ำเฉลี่ยเลขคณิต
42.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด
ความสูง
(เซนติเมตร)
จานวนนักเรียน
(คน)
ผลคูณของความสูง
กับจานวนนักเรียน
ความถี่สะสม
151 8 151  8 = 1,208 8
152 6 152  6 = 912 14
153 4 153  4 = 612 18
154 3 154  3 = 462 21
155 4 155  4 = 620 25
รวม 25 3,814 -
1) ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตเท่ำกับ = 152.56 เซนติเมตร
2) มัธยฐำนของควำมสูงของนักเรียน คือ นักเรียนที่อยู่ตำแหน่งที่
= 12.5 เซนติเมตร ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ระหว่ำงตำแหน่งที่ 12 และ 13
นั่นคือ มัธยฐำนเท่ำกับ = 152 เซนติเมตร
18.2
100
52.2 – (20 + 14)
100
3,814
25
25
2
152 + 152
2
1,000 + 1,200
2
3) ฐำนนิยม คือ ข้อมูลที่มีควำมถี่สูงที่สุด
ดังนั้น ฐำนนิยมเท่ำกับ 151 เซนติเมตร
43.เฉลย ข้อ 2
แนวคิด มีปำกกำสีแดง 15 ด้ำม
มีปำกกำสีเขียว 10 ด้ำม
มีปำกกำสีน้ำเงิน 10 – 5 = 5 ด้ำม
มีปำกกำสีม่วง 40 – (15 + 10 + 5) = 10 ด้ำม
เนื่องจำก ปำกกำสีน้ำเงินมีจำนวนน้อยที่สุด คือ 5 ด้ำม
ดังนั้น โอกำสที่จะหยิบได้ปำกกำสีน้ำเงินจึงมีน้อยที่สุด
44.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด 1. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยและหลักสิบเป็นจำนวนเดียวกัน คือ
00, 11, 22, 33, 44, 55, 66, 77, 88 และ 99
นั่นคือ มี 10 เหตุกำรณ์
2. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยเป็นจำนวนเฉพำะ คือ 02, 03, 05, 07, 12, 13, 15, 17, 22, 23,
25, 27, 32, 33, 35, 37, 42, 43, 45, 47, 52, 53, 55, 57, 62, 63, 65, 67, 72, 73, 75, 77,
82, 83, 85, 87, 92, 93, 95 และ 97
นั่นคือ มี 40 เหตุกำรณ์
3. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยหำร 4 ลงตัว คือ 04, 08, 14, 18, 24, 28, 34, 38, 44, 48, 54, 58,
64, 68, 74, 78, 84, 88, 94 และ 98
นั่นคือ มี 20 เหตุกำรณ์
4. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8 คือ 08, 19, 80 และ 91
นั่นคือ มี 4 เหตุกำรณ์
ดังนั้น เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8 เป็นเหตุกำรณ์ที่มีโอกำสเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด
45.เฉลย ข้อ 4
แนวคิด ให้ ข แทน ลูกปิงปองสีเขียว ล แทน ลูกปิงปองสีเหลือง และ ด แทน ลูกปิงปองสีแดง
ดังนั้น จำนวนเหตุกำรณ์ที่สุ่มหยิบลูกปิงปอง 2 ลูก ตำมเงื่อนไขดังกล่ำว คือ 9
ข ล
ข ขข ขล ขด
ล ลข ลล ลด
ด ดข ดล ดด
ครั้งที่ 2
ครั้งที่ 1
ด
1) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง คือ ขล, ลข, ลล, ลด และ ดล
นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง เท่ำกับ
2) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน คือ ขข, ลล และ ดด
นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน เท่ำกับ
3) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง คือ ดด
นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง เท่ำกับ
4) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน คือ ขล, ขด, ลข, ลด, ดข และ ดล
นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน เท่ำกับ
ดังนั้น ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกันจะมีโอกำสเกิดขึ้นมำกที่สุด
ส่วนที่ 2
46.แนวคิด ให้สุพจน์สอบได้ x คะแนน
ดังนั้น วำยุสอบได้ x + 46 คะแนน
เขียนเป็นสัดส่วนได้ดังนี้
=
จะได้ 3(x + 46) = 5x
3x + 138 = 5x
5x – 3x = 138
2x = 138
x =
x = 69
ดังนั้น สุพจน์สอบได้69 คะแนน
47.แนวคิด มีนักเรียนชำย ของนักเรียนทั้งห้อง
จะได้  40 = 24 คน
มีนักเรียนหญิง 40 – 24 = 16 คน
มีนักเรียนชำยลำป่วย ของจำนวนนักเรียนชำย
จะได้  24 = 6 คน
มีนักเรียนหญิงลำป่วย ของจำนวนนักเรียนหญิง
จะได้  16 = 2 คน
ดังนั้น วันนี้มีนักเรียนมำเรียนทั้งหมด 40 – 6 – 2 = 32 คน
คะแนนสอบของสุพจน์
คะแนนสอบของวำยุ
3
5
x
x + 46
138
2
3
5
3
5
1
4
1
4
1
8
1
8
5
9
3
9
1
9
6
9
48.แนวคิด = 1
= 1
56x
 5–4x
 5–4
= 50
(เนื่องจำก 50
= 1)
6x – 4x – 4 = 0
2x – 4 = 0
2x = 4
x =
x = 2
49.แนวคิด จำกทฤษฎีบทพีทำโกรัสจะได้
BC2
= AC2
+ AB2
(x + 1)2
= (x – 1)2
+ 62
x2
+ 2x + 1 = x2
– 2x + 1 + 36
4x = 36
x = 9
ดังนั้น AC = 9 – 1 = 8 หน่วย
จำก พื้นที่ของ △ABC =  ฐำนสูง
=  AB AC
=  6 8
= 24 ตำรำงหน่วย
ดังนั้น พื้นที่ของ △ABC เท่ำกับ 24 ตำรำงหน่วย
50.แนวคิด แสดงกำรแก้สมกำร = 7 ดังนี้
นำ 5 มำคูณทั้งสองข้ำงของสมกำร
จะได้  5 = 7 5
3x + 5 = 35
นำ 5 มำลบทั้งสองข้ำงของสมกำร
จะได้ 3x + 5 – 5 = 35 – 5
3x = 30
นำ 3 มำหำรทั้งสองข้ำงของสมกำร
จะได้ =
x = 10
1252x
 25–2x
54
(53
)2x
(52
)–2x
54
4
2
1
2
1
2
1
2
3x + 5
5
3x + 5
5
3x
3
30
3
ตรวจสอบ แทน x ด้วย 10 ในสมกำร = 7
จะได้ = 7
= 7
= 7
7 = 7
ดังนั้น 10 เป็นคำตอบของสมกำร = 7
51.แนวคิด
+ = 45,600
จะได้ (180 x) + (60  250) = 45,600
180x + 15,000 = 45,600
180x = 45,600 – 15,000
180x = 30,600
x =
x = 170
ดังนั้น แสดงว่ำวันนี้มีผู้ใหญ่มำเข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เป็นจำนวน 170 คน
52.แนวคิด ให้อนันต์มีเงิน x บำท
อันดำมีเงิน y บำท
อนันต์กับอันดำมีเงินรวมกัน 2,500 บำท
เขียนเป็นสมกำรได้ x + y = 2,500
ถ้ำอันดำได้รับเงินเพิ่มอีก 300 บำท จึงจะมีเงินเป็นสำมเท่ำของอนันต์
เขียนเป็นสมกำรได้ y + 300 = 3x
จำก 2 จะได้ y = 3x – 300
แทนค่ำของ y = 3x – 300 ใน 1
จะได้ x + (3x – 300) = 2,500
4x = 2,800
x = 700
แทนค่ำของ x = 700 ใน 1
จะได้ 700 + y = 2,500
y = 1,800
3x + 5
5
(310) + 5
5
30 + 5
5
35
5
3x + 5
5
บัตรผู้ใหญ่
180
บัตรเด็ก
60
x 250
30,600
180
1
2
ดังนั้น อนันต์มีเงินน้อยกว่ำอันดำ 1,800 – 700 = 1,100 บำท

More Related Content

What's hot

หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1
หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1
หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1guychaipk
 
อสมการ ม3
อสมการ ม3 อสมการ ม3
อสมการ ม3 Prang Donal
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วนInmylove Nupad
 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม Somporn Amornwech
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมPinutchaya Nakchumroon
 
O net ลำดับเลขคณิต
O net ลำดับเลขคณิตO net ลำดับเลขคณิต
O net ลำดับเลขคณิตToongneung SP
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ Itt Bandhudhara
 
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)Heritagecivil Kasetsart
 
แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2
 แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2 แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2
แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2fal-war
 
พื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตรพื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตรRitthinarongron School
 
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละนายเค ครูกาย
 
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบสมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบพัน พัน
 
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากวรรณิภา ไกรสุข
 
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551Utai Sukviwatsirikul
 
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออน
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออนมวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออน
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออนพัน พัน
 
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยาkrurutsamee
 

What's hot (20)

หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1
หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1
หน่วยที่ 3 เลขยกกำลัง ม.1
 
อสมการ ม3
อสมการ ม3 อสมการ ม3
อสมการ ม3
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม 
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม 
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 
O net ลำดับเลขคณิต
O net ลำดับเลขคณิตO net ลำดับเลขคณิต
O net ลำดับเลขคณิต
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)
อารยธรรมยุคกลาง ยุคใหม่(อัพเดท2557)
 
แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2
 แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2 แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2
แบบทดสอบวิทย์ ม.1ตอนที่2
 
59 ลำดับและอนุกรม ตอนที่1_ลำดับ
59 ลำดับและอนุกรม ตอนที่1_ลำดับ59 ลำดับและอนุกรม ตอนที่1_ลำดับ
59 ลำดับและอนุกรม ตอนที่1_ลำดับ
 
พื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตรพื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตร
 
ค่ามาตรฐาน
ค่ามาตรฐานค่ามาตรฐาน
ค่ามาตรฐาน
 
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์อัตราส่วนและร้อยละ
 
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบสมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
 
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
 
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Practice: EBP) 2551
 
trigo1.pdf
trigo1.pdftrigo1.pdf
trigo1.pdf
 
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออน
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออนมวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออน
มวลอะตอม มวลโมเลกุล มวลไอออน
 
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
3. กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา
 

Viewers also liked

ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒Manas Panjai
 
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์Manas Panjai
 
Social Network ตอนที่ 5
Social Network ตอนที่ 5Social Network ตอนที่ 5
Social Network ตอนที่ 5Thanawat Boontan
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒Manas Panjai
 
ระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศManas Panjai
 
ตารางซ่อมเสริม 5
ตารางซ่อมเสริม 5ตารางซ่อมเสริม 5
ตารางซ่อมเสริม 5lim way
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3Thanawat Boontan
 
M3social+science2553
M3social+science2553M3social+science2553
M3social+science2553Nanapawan Jan
 
ภาษาไทย ม.3
ภาษาไทย ม.3ภาษาไทย ม.3
ภาษาไทย ม.3Nanapawan Jan
 

Viewers also liked (20)

ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๒
 
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Pre o-net sci3
Pre o-net sci3Pre o-net sci3
Pre o-net sci3
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
เฉลย O net ละอียดตามสาระ
เฉลย O net ละอียดตามสาระเฉลย O net ละอียดตามสาระ
เฉลย O net ละอียดตามสาระ
 
Social Network ตอนที่ 5
Social Network ตอนที่ 5Social Network ตอนที่ 5
Social Network ตอนที่ 5
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
 
1
11
1
 
ระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
 
Test53
Test53Test53
Test53
 
ตารางซ่อมเสริม 5
ตารางซ่อมเสริม 5ตารางซ่อมเสริม 5
ตารางซ่อมเสริม 5
 
แผนภาพต้นไม้14
แผนภาพต้นไม้14แผนภาพต้นไม้14
แผนภาพต้นไม้14
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net 58 ม.3
ข้อสอบ O net 58 ม.3ข้อสอบ O net 58 ม.3
ข้อสอบ O net 58 ม.3
 
คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55
คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55
คะแนน O net ม.3 รวมทุกวิชาปี 55
 
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3
ข้อสอบการงานอาชีพและเทคโนโลยี O-net ม.3
 
M3social+science2553
M3social+science2553M3social+science2553
M3social+science2553
 
เฉลย O net ละอียดตามสาระปี53-55
เฉลย O net ละอียดตามสาระปี53-55เฉลย O net ละอียดตามสาระปี53-55
เฉลย O net ละอียดตามสาระปี53-55
 
วิทยาศาสตร์ ม.3
วิทยาศาสตร์ ม.3วิทยาศาสตร์ ม.3
วิทยาศาสตร์ ม.3
 
ภาษาไทย ม.3
ภาษาไทย ม.3ภาษาไทย ม.3
ภาษาไทย ม.3
 

Similar to ข้อสอบ O net คณิต ม.3 ชุด 2

G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgnge
G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgngeG tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgnge
G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgngeThanakrit Muangjun
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ParattakornDokrueankham
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1JunyapornTakumnoi
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1cookie47
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6
ข้อสอบ O net คณิต ม.6ข้อสอบ O net คณิต ม.6
ข้อสอบ O net คณิต ม.6noonatzu
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1Manas Panjai
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด1
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด1เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด1
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด1jutarattubtim
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1Tangkwa Dong
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2Manas Panjai
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2jutarattubtim
 
คณิตศาสตร์ 1 ค 31101
คณิตศาสตร์ 1  ค 31101คณิตศาสตร์ 1  ค 31101
คณิตศาสตร์ 1 ค 31101kroojaja
 

Similar to ข้อสอบ O net คณิต ม.3 ชุด 2 (20)

G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgnge
G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgngeG tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgnge
G tp9q xhf7cauijj9bav6k9frkamazm3eqwgtwnpk81sxnf4pfubgdnuqndgcgnge
 
ข้อสอบ O-net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O-net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O-net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O-net คณิต ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6
ข้อสอบ O net คณิต ม.6ข้อสอบ O net คณิต ม.6
ข้อสอบ O net คณิต ม.6
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 1
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด1
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด1เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด1
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด1
 
คณิต
คณิตคณิต
คณิต
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 1
 
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1
ข้อสอบ O-net-คณิต-ป.3-ชุด-1
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
 
Pat15510
Pat15510Pat15510
Pat15510
 
Pat15704
Pat15704Pat15704
Pat15704
 
Pat1
Pat1Pat1
Pat1
 
Pat15704
Pat15704Pat15704
Pat15704
 
Pat15603
Pat15603Pat15603
Pat15603
 
Pat157
Pat157Pat157
Pat157
 
คณิตศาสตร์ 1 ค 31101
คณิตศาสตร์ 1  ค 31101คณิตศาสตร์ 1  ค 31101
คณิตศาสตร์ 1 ค 31101
 

More from Manas Panjai

หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1Manas Panjai
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2Manas Panjai
 

More from Manas Panjai (20)

หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๖ ชุด ๑
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๑
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๒
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ม.3 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net ภาษาต่างประเทศ ป.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net คณิต ป.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ป.3 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.6 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 2
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net การงานฯ ม.3 ชุด 1
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.6 ชุด 2
 

ข้อสอบ O net คณิต ม.3 ชุด 2

  • 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 45 ข้อ (ข้อ 1-45) ข้อละ 1 คะแนน รวม 45 คะแนน ตัวชี้วัด ระบุหรือยกตัวอย่ำง และเปรียบเทียบจำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบ ศูนย์เศษส่วนและ ทศนิยม (ค 1.1 ม.1/1) 1. ข้อใดเปรียบเทียบเศษส่วนไม่ถูกต้อง 1 > 2 > 3 – < – 4 2 < 2 ตัวชี้วัด เข้ำใจเกี่ยวกับเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม และเขียนแสดงจำนวนให้อยู่ใน รูปสัญกรณ์วิทยำศำสตร์ (scientific notation) (ค 1.1 ม.1/2) 2. กำหนดให้ A = 5,000,000 B = 0.0000025 C = –250,000,000 ค่ำของ คือข้อใด 1 –2 107 2 –4 1014 3 2107 4 41014 ตัวชี้วัด เขียนเศษส่วนในรูปทศนิยมและเขียนทศนิยมซ้ำในรูปเศษส่วน (ค 1.1 ม.2/1) 3. เขียน 0.374 ให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้ตรงกับข้อใด 1 2 3 4 ชุดที่ 2 2 3 2 5 3 4 8 10 11 5 3 8 2 5 7 9 .. 371 900 371 990 374 990 374 900 C AB 2
  • 2. ตัวชี้วัด จำแนกจำนวนจริงที่กำหนดให้ และยกตัวอย่ำงจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ (ค 1.1 ม.2/2) 4. จำนวนในข้อใดแตกต่ำงจำกพวก 1 0.010010001... 2 0.25 3 4 25 ตัวชี้วัด อธิบำยและระบุรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนจริง (ค 1.1 ม.2/3) 5. –8 เป็นรำกที่สำมของจำนวนใด 1 –64 2 –128 3 –256 4 –512 ตัวชี้วัด บวก ลบ คูณ หำรจำนวนเต็ม และนำไปใช้แก้ปัญหำ ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำร และบอกควำมสัมพันธ์ของกำรบวกกับ กำรลบ กำรคูณกับกำรหำรของจำนวนเต็ม (ค 1.2 ม.1/1) 6. ประโยคใดเมื่อแทนค่ำของ x แล้วทำให้ประโยคนั้นเป็นจริง 1 2x + 2 > 5 , x = 1 2 < 4 , x = 3 3 x – 2 > –4 , x = –2 4 4 – 3x < 2 , x = 2 ตัวชี้วัด อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรยกกำลังของจำนวนเต็ม เศษส่วน และทศนิยม (ค 1.2 ม.1/3) 7. ข้อใดถูกต้อง 1 (–a2 b)2 = a4 b3 2 (2a3 b2 )2 = 2a5 b4 3 (–3a2 b2 )2 = 3a4 b4 4 (2a3 b)2 = 4a6 b2 3x 2 . 1 2
  • 3. ตัวชี้วัด หำรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนเต็มโดยกำรแยกตัวประกอบและนำไปใช้ ในกำรแก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 1.2 ม.2/1) 8. ถ้ำ n3 = 1,728 แล้ว n มีค่ำเท่ำกับข้อใด 1 2 3 2 3 2 3 4 3 4 5 2 ตัวชี้วัด อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรหำรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนเต็ม เศษส่วน และทศนิยม บอกควำมสัมพันธ์ของกำรยกกำลังกับกำรหำรำกของจำนวนจริง (ค 1.2 ม.2/2) 9. 2   มีค่ำเท่ำกับข้อใด 1 1 2 2 3 5 4 8 ตัวชี้วัด ใช้กำรประมำณค่ำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม รวมถึงใช้ในกำรพิจำรณำควำม สมเหตุสมผลของคำตอบที่ได้จำกกำรคำนวณ (ค 1.3 ม.1/1) 10.ข้อใดไม่เป็นค่ำประมำณของ 2.3547 1 2.3 2 2.35 3 2.4 4 2.355 ตัวชี้วัด หำค่ำประมำณของรำกที่สองและรำกที่สำมของจำนวนจริง และนำไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 1.3 ม.2/1) 11.( 81 – 40 ) + 50 มีค่ำประมำณตรงกับข้อใด เมื่อกำหนดให้ 2  1.414, 3  1.732, 2  1.260, 3  1.442 และ 5  1.710 1 1.146 2 7.430 3 7.976 4 8.846 0.25 0.64 1.44 2.25 3 3 3 3 3
  • 4. ตัวชี้วัด นำควำมรู้และสมบัติเกี่ยวกับจำนวนเต็มไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (ค 1.4 ม.1/1) 12.กระดำษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปหนึ่งมีควำมกว้ำง 50 เซนติเมตร มีควำมยำว 65 เซนติเมตร ต้องกำรตัด กระดำษแผ่นนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้มีขนำดใหญ่ที่สุดและไม่ให้เหลือเศษ จะสำมำรถตัดกระดำษได้ ทั้งหมดกี่รูป 1 130 รูป 2 500 รูป 3 650 รูป 4 845 รูป ตัวชี้วัด บอกควำมเกี่ยวข้องของจำนวนจริง จำนวนตรรกยะ และจำนวนอตรรกยะ (ค 1.4 ม.2/1) 13.ข้อใดเป็นควำมสัมพันธ์ของจำนวนจริง 1 กำลังสองของจำนวนอตรรกยะทุกจำนวนเป็นจำนวนตรรกยะ 2 จำนวนจริงประกอบด้วยจำนวนตรรกยะเท่ำนั้น 3 ผลบวกของจำนวนอตรรกยะกับจำนวนตรรกยะเป็นจำนวนอตรรกยะ 4 จำนวนอตรรกยะมีค่ำเป็นบวกเสมอ ตัวชี้วัด ใช้กำรคำดคะเนเกี่ยวกับกำรวัดในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.2/3) 14.ข้อใดคำดคะเนพื้นที่ของรูปที่กำหนดให้ได้ถูกต้อง 1 30 ตำรำงหน่วย 2 34 ตำรำงหน่วย 3 36 ตำรำงหน่วย 4 38 ตำรำงหน่วย
  • 5. ตัวชี้วัด หำพื้นที่ผิวของปริซึมและทรงกระบอก (ค 2.1 ม.3/1) 15.พื้นที่ผิวของทรงกระบอกตันเท่ำกับ 40 ตำรำงเซนติเมตร มีรัศมียำว 2 เซนติเมตร ทรงกระบอกนี้ มีควำมสูงกี่เซนติเมตร 1 2 เซนติเมตร 2 4 เซนติเมตร 3 6 เซนติเมตร 4 8 เซนติเมตร ตัวชี้วัด หำปริมำตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม (ค 2.1 ม.3/2) 16. จำกรูป กำหนดให้ทรงกระบอกนี้มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 12 เซนติเมตร จงหำปริมำตรของกรวยที่มีควำมสูงเอียง 10 เซนติเมตร บรรจุอยู่ใน ทรงกระบอกรูปนี้ 1 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร 2 120 ลูกบำศก์เซนติเมตร 3 384 ลูกบำศก์เซนติเมตร 4 480 ลูกบำศก์เซนติเมตร ตัวชี้วัด เปรียบเทียบหน่วยควำมจุ หรือหน่วยปริมำตรในระบบเดียวกันหรือต่ำงระบบ และเลือกใช้ หน่วยกำรวัดได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.3/3) 17.ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำแปลงหนึ่ง เมื่อวัดควำมยำวในแผนที่ได้ควำมยำวด้ำนกว้ำงยำวน้อยกว่ำด้ำนยำว 3 เซนติเมตร โดยควำมยำวรอบรูปวัดได้26 เซนติเมตร ที่ดินแปลงนี้มีพื้นที่กี่ตำรำงวำ (มำตรำส่วน 1 เซนติเมตร : 10 วำ) 1 2,600 ตำรำงวำ 2 4,000 ตำรำงวำ 3 6,000 ตำรำงวำ 4 7,800 ตำรำงวำ
  • 6. ตัวชี้วัด ใช้กำรคำดคะเนเกี่ยวกับกำรวัดในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อย่ำงเหมำะสม (ค 2.1 ม.3/4) 18.ประวิทย์ต้องกำรทำสีถังเก็บน้ำทรงกระบอก ยกเว้นส่วนของฐำนไว้โดยถังเก็บน้ำนี้มีควำมสูง 4 เมตร และมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 2 เมตร สี 1 ลิตร ทำได้4 ตำรำงเมตร เขำต้องใช้สีอย่ำงน้อยประมำณกี่ลิตร (กำหนด   3.14) 1 7 ลิตร 2 8 ลิตร 3 14 ลิตร 4 19 ลิตร ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมยำวและพื้นที่แก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 2.2 ม.2/1) 19.ลุงอำนวยมีที่ดิน 4,400 ตำรำงเมตร ขำยที่ดินแปลงนี้ในรำคำไร่ละ 120,000 บำท ลุงอำนวยขำยที่ดิน เป็นเงินกี่บำท 1 275,000 บำท 2 300,000 บำท 3 330,000 บำท 4 528,000 บำท ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และปริมำตรในกำรแก้ปัญหำในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 2.2 ม.3/1) 20.ตู้ปลำตู้หนึ่งมีควำมกว้ำง 30 เซนติเมตร ยำว 60 เซนติเมตร และสูง 50 เซนติเมตร เดิมมีน้ำอยู่ในตู้ 45,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร ถ้ำเติมน้ำลงไป 18,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร ระดับน้ำจะอยู่ต่ำกว่ำขอบ ด้ำนบนของตู้ปลำเท่ำใด 1 5 เซนติเมตร 2 15 เซนติเมตร 3 25 เซนติเมตร 4 35 เซนติเมตร
  • 7. ตัวชี้วัด สร้ำงรูปเรขำคณิตสองมิติโดยใช้กำรสร้ำงพื้นฐำนทำงเรขำคณิต และบอกขั้นตอนกำรสร้ำง โดยไม่เน้นกำรพิสูจน์ (ค 3.1 ม.1/2) 21.ข้อใดแสดงกำรสร้ำงมุมที่มีขนำด 135๐ โดยใช้วงเวียนและเส้นตรงได้ถูกวิธี 1 2 3 4 ตัวชี้วัด อธิบำยลักษณะของรูปเรขำคณิตสำมมิติจำกภำพที่กำหนดให้ (ค 3.1 ม.1/4) 22.ข้อใดแสดงรูปเรขำคณิตสำมมิติที่เกิดจำกรูปเรขำคณิตสองมิติที่นำมำซ้อนทับกันไม่ถูกต้อง 1 2 3 4
  • 8. ตัวชี้วัด ระบุภำพสองมิติที่ได้จำกกำรมองด้ำนหน้ำ (front view) ด้ำนข้ำง (side view) หรือ ด้ำนบน (top view) ของรูปเรขำคณิตสำมมิติที่กำหนดให้ (ค 3.1 ม.1/5) 23.ข้อใดเป็นภำพที่ได้จำกกำรมองด้ำนต่ำง ๆ ของรูปเรขำคณิตสำมมิติที่กำหนดให้ 1 2 3 4 ตัวชี้วัด วำดหรือประดิษฐ์รูปเรขำคณิตสำมมิติที่ประกอบขึ้นจำกลูกบำศก์ เมื่อกำหนดภำพสองมิติ ที่ได้จำกกำรมองด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำง และด้ำนบนให้ (ค 3.1 ม.1/6) 24. จำกรูป เป็นกำรมองด้ำนบน ด้ำนหน้ำ และด้ำนข้ำงซีกขวำของรูปเรขำคณิตสำมมิติในข้อใด 1 2 3 4 ด้ำนบน ด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำงซีกขวำ
  • 9. ตัวชี้วัด อธิบำยลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และทรงกลม (ค 3.1 ม.3/1) 25.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง 1 ถ้ำตัดพีระมิดในแนวขนำนกับฐำน ยอดพีระมิดที่ถูกตัดออกจะมีฐำนเป็นรูปที่คล้ำยกับฐำนเดิม 2 สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะยำวเท่ำกัน 3 ผิวข้ำงของพีระมิดเป็นรูปสำมเหลี่ยมเสมอ 4 สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัส เท่ำกับผลรวมของกำลังสองของควำมยำวด้ำนฐำนกับ กำลังสองของสูงตรง ตัวชี้วัด ใช้สมบัติเกี่ยวกับควำมเท่ำกันทุกประกำรของรูปสำมเหลี่ยมและสมบัติของเส้นขนำนในกำร ให้เหตุผลและแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.2/1) 26. จำกรูป กำหนดให้ △ABC △DEC, ACB = 120๐ และ CAB = 25๐ จงหำขนำดของมุม m 1 25 องศำ 2 30 องศำ 3 35 องศำ 4 40 องศำ ตัวชี้วัด เข้ำใจเกี่ยวกับกำรแปลงทำงเรขำคณิตในเรื่อง กำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน และกำรหมุน และนำไปใช้ (ค 3.2 ม.2/3) 27.ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรแปลงทำงเรขำคณิต 1 ถ้ำพิกัดของจุดบนรูปต้นแบบ คือ (2, –5) เมื่อสะท้อนข้ำมแกน X จะได้พิกัดของภำพที่เกิดจำกกำร สะท้อน คือ (–2, 5) 2 กำรขึ้นลงของลิฟต์เป็นกำรแปลงทำงเรขำคณิตแบบกำรเลื่อนขนำน 3 กำรแปลงทำงเรขำคณิตแบบกำรหมุนจะต้องกำหนดพิกัดของจุดบนรูปต้นแบบ จุดหมุน และ ขนำดของกำรหมุน 4 กำรสะท้อนสองครั้งผ่ำนเส้นสองเส้นที่ตัดกันจะเกิดกำรเลื่อนขนำน  
  • 10. ตัวชี้วัด บอกภำพที่เกิดขึ้นจำกกำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน และกำรหมุนรูปต้นแบบ และอธิบำยวิธีกำรที่จะได้ภำพที่ปรำกฏเมื่อกำหนดรูปต้นแบบและภำพนั้นให้ (ค 3.2 ม.2/4) 28. จำกรูป ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง 1 △ABC เกิดจำกกำรเลื่อนขนำน △ABC 2 △ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △A B C ตำมแนวแกน Y 3 △A B C เกิดจำกกำรหมุน △ABC ทวนเข็มนำฬิกำเป็นมุม 270 องศำ 4 △ABC เกิดจำกกำรหมุน △A B C ทวนเข็มนำฬิกำเป็นมุม 180 องศำ ตัวชี้วัด ใช้สมบัติของรูปสำมเหลี่ยมคล้ำยในกำรให้เหตุผลและกำรแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.3/1) 29.อำนนท์สูง 1.8 เมตร เขำใช้ด้ำนของรูปสำมเหลี่ยมดังรูปมองเห็นจุดยอดของตึกที่สูงกว่ำอำนนท์ 30 เมตร อำนนท์ยืนห่ำงจำกตึกนี้กี่เมตร 1 30 เมตร 2 32 เมตร 3 45 เมตร 4 48 เมตร ตัวชี้วัด วิเครำะห์และอธิบำยควำมสัมพันธ์ของแบบรูปที่กำหนดให้ (ค 4.1 ม.1/1) 30.จำนวนในลำดับที่ 10 ของแบบรูปที่กำหนดให้ต่อไปนี้คือจำนวนใด 8, 5, 2, –1, ... 1 –19 2 –22 3 –25 4 –28         
  • 11. ตัวชี้วัด แก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่ำงง่ำย พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.1/3) 31.รูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปหนึ่งมีด้ำนยำวมำกกว่ำด้ำนกว้ำง 2 เซนติเมตร ถ้ำวัดควำมยำวรอบรูปได้ 24 เซนติเมตร จงหำควำมยำวของด้ำนกว้ำงของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปนี้ 1 5 เซนติเมตร 2 7 เซนติเมตร 3 9 เซนติเมตร 4 11 เซนติเมตร ตัวชี้วัด เขียนกรำฟบนระนำบในระบบพิกัดฉำกแสดงควำมเกี่ยวข้องของปริมำณสองชุดที่กำหนดให้ (ค 4.2 ม.1/4) 32.ข้อใดเป็นกรำฟแสดงคำตอบของสมกำร x = y + 1 เมื่อ x แทนจำนวนใด ๆ 1 2 3 4 ตัวชี้วัด อ่ำนและแปลควำมหมำยของกรำฟบนระนำบในระบบพิกัดฉำกที่กำหนดให้ (ค 4.2 ม.1/5) 33. จำกกรำฟกำรเคลื่อนที่ของจรวด ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง 1 จรวดขึ้นไปได้สูงสุดที่ควำมสูง 600 เมตร 2 เมื่อเวลำผ่ำนไป 5 วินำที จรวดจะเริ่มตกลงสู่พื้นดิน 3 จรวดลอยอยู่บนอำกำศใช้เวลำ 5 วินำที 4 จรวดอยู่ที่ควำมสูง 400 เมตร เมื่อเวลำผ่ำนไป 2 วินำที และ 8 วินำที
  • 12. ตัวชี้วัด หำพิกัดของจุด และอธิบำยลักษณะของรูปเรขำคณิตที่เกิดขึ้นจำกกำรเลื่อนขนำน กำรสะท้อน และกำรหมุนบนระนำบในระบบพิกัดฉำก (ค 4.2 ม.2/2) 34. กำหนดให้ △ABC มีพิกัดดังรูป ซึ่งเกิดจำกกำรสะท้อน △ABC ตำมแนวแกน X = –1 จงหำพิกัดของ △ABC 1 △ABC มีพิกัด (5, 1), (2, 1) และ (2, 4) ตำมลำดับ 2 △ABC มีพิกัด (3, 1), (0, 1) และ (0, 4) ตำมลำดับ 3 △ABC มีพิกัด (2, 1), (5, 2) และ (5, 4) ตำมลำดับ 4 △ABC มีพิกัด (0, 1), (3, 2) และ (3, 4) ตำมลำดับ ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับอสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวในกำรแก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.3/1) 35.รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำมีควำมยำวด้ำนแต่ละด้ำนเป็นจำนวนเต็มบวก โดยด้ำนยำวยำวกว่ำสำมเท่ำของด้ำนกว้ำง อยู่ 5 เซนติเมตร ถ้ำควำมยำวรอบรูปมำกกว่ำ 44 เซนติเมตร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปนี้มีพื้นที่อย่ำงน้อยเท่ำใด 1 68 ตำรำงเซนติเมตร 2 75 ตำรำงเซนติเมตร 3 100 ตำรำงเซนติเมตร 4 125 ตำรำงเซนติเมตร ตัวชี้วัด เขียนกรำฟของสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปร (ค 4.2 ม.3/3) 36.กรำฟของสมกำรในข้อใดต่อไปนี้ทำมุมป้ ำนกับแกน X เมื่อวัดมุมทวนเข็มนำฬิกำ 1 1 – y = 2x 2 3x = y – 1 3 x = 2y + 1 4 –y = 3 – x
  • 13. ตัวชี้วัด อ่ำนและแปลควำมหมำย กรำฟของระบบสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปร และกรำฟอื่น ๆ (ค 4.2 ม.3/4) 37. จำกกรำฟ ระบบสมกำรในข้อใดไม่มีคำตอบ 1 y = –3x – 2 และ y = –x – 2 2 y = x – 2 และ y = –3x – 2 3 y = –x + 2 และ y = –x – 2 4 y = x + 2 และ y = –x + 2 ตัวชี้วัด อ่ำนและนำเสนอข้อมูลโดยใช้แผนภูมิรูปวงกลม (ค 5.1 ม.2/1) 38.แผนภูมิรูปวงกลมแสดงรายได้ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยเฉลี่ยต่อวัน จาแนกตามแผนกต่าง ๆ จำกแผนภูมิข้ำงต้น ถ้ำห้ำงสรรพสินค้ำแห่งนี้มีรำยได้โดยเฉลี่ยวันละ 160,500 บำท รำยได้จำกแผนก เสื้อผ้ำและแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำรวมกันน้อยกว่ำรำยได้จำกแผนกซูเปอร์มำร์เกตเป็นจำนวนเงินเท่ำใด 1 22,470 บำท 2 29,211 บำท 52.2% 20% 14% 7.4% 6.4% แผนกซูเปอร์มำร์เกต แผนกเครื่องสำอำง แผนกเครื่องเขียน แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำ แผนกเสื้อผ้ำ
  • 14. 3 32,100 บำท 4 83,781 บำท ตัวชี้วัด กำหนดประเด็น และเขียนข้อคำถำมเกี่ยวกับปัญหำหรือสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ รวมทั้งกำหนดวิธี กำรศึกษำและกำรเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมำะสม (ค 5.1 ม.3/1) 39.ข้อใดเป็นข้อมูลเชิงปริมำณ 1 ยี่ห้อเครื่องดื่ม 2 ประเภทของหนังสือ 3 ผลคะแนนกำรสอบของนักเรียน 4 สีของเสื้อที่นักเรียนชอบใส่ในช่วงวันหยุด ตัวชี้วัด หำค่ำเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐำน และฐำนนิยมของข้อมูลที่ไม่ได้แจกแจงควำมถี่ และเลือกใช้ได้ อย่ำงเหมำะสม (ค 5.1 ม.3/2) 40.จำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์ของพนักงำนแต่ละคนมีหน่วยเป็นบำท มีดังนี้ 1,400, 950, 840, 1,200, 550 และ 1,000 ถ้ำพนักงำนคนที่มีเงินจำนวน 550 บำท นับขำดไป 1,000 บำท มัธยฐำนของจำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์ ของพนักงำนคือข้อใด 1 975 บำท 2 1,000 บำท 3 1,100 บำท 4 1,550 บำท ตัวชี้วัด นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เหมำะสม (ค 5.1 ม.3/3) 41.ข้อมูลเงินเดือนของฝ่ำยกำรตลำดมีหน่วยเป็นบำท มีดังนี้ 9,000, 10,000, 12,000, 120,000, 11,000, 18,000 และ 22,000 ควรนำเสนอข้อมูลในข้อใดจึงจะเหมำะสมมำกที่สุด 1 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต 2 มัธยฐำน 3 ฐำนนิยม 4 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตและฐำนนิยม
  • 15. ตัวชี้วัด อ่ำน แปลควำมหมำย และวิเครำะห์ข้อมูลที่ได้จำกกำรนำเสนอ (ค 5.1 ม.3/4) 42.ควำมสูงของนักเรียนห้องหนึ่งมีดังนี้ ความสูง (เซนติเมตร) จานวนนักเรียน (คน) 151 8 152 6 153 4 154 2 155 4 จำกข้อมูลที่กำหนดให้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง 1 ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตเท่ำกับ 153 เซนติเมตร 2 มัธยฐำนเท่ำกับ 153 เซนติเมตร 3 ฐำนนิยมเท่ำกับ 152 เซนติเมตร และ 155 เซนติเมตร 4 ฐำนนิยมเท่ำกับ 151 เซนติเมตร และมัธยฐำนเท่ำกับ 152 เซนติเมตร ตัวชี้วัด อธิบำยได้ว่ำเหตุกำรณ์ที่กำหนดให้เหตุกำรณ์ใดจะมีโอกำสเกิดขึ้นได้มำกกว่ำกัน (ค 5.2 ม.1/1) 43.ในกล่องมีปำกกำสีต่ำง ๆ 4 สี จำนวน 40 ด้ำม โดยมีปำกกำสีแดง 15 ด้ำม มีปำกกำสีเขียว 10 ด้ำม มีปำกกำสีน้ำเงินน้อยกว่ำปำกกำสีเขียว 5 ด้ำม ที่เหลือเป็นปำกกำสีม่วง โอกำสที่จะหยิบได้ปำกกำสีใด มีน้อยที่สุด 1 ปำกกำสีแดง 2 ปำกกำสีน้ำเงิน 3 ปำกกำสีเขียว 4 ปำกกำสีม่วง
  • 16. ตัวชี้วัด อธิบำยได้ว่ำเหตุกำรณ์ที่กำหนดให้เหตุกำรณ์ใดเกิดขึ้นแน่นอน เหตุกำรณ์ใดไม่เกิดขึ้นแน่นอน และเหตุกำรณ์ใดมีโอกำสเกิดขึ้นได้มำกกว่ำกัน (ค 5.2 ม.2/1) 44.ในกำรออกรำงวัลเลขท้ำย 2 ตัว ของสลำกกินแบ่งรัฐบำล จำนวนเหตุกำรณ์ในข้อใดมีโอกำสเกิดขึ้นได้ น้อยที่สุด 1 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยและหลักสิบเป็นจำนวนเดียวกัน 2 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยเป็นจำนวนเฉพำะ 3 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยหำร 4 ลงตัว 4 เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8 ตัวชี้วัด หำควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์จำกกำรทดลองสุ่มที่ผลแต่ละตัวมีโอกำสเกิดขึ้นเท่ำ ๆ กัน และใช้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมน่ำจะเป็นในกำรคำดกำรณ์ได้อย่ำงสมเหตุสมผล (ค 5.2 ม.3/1) ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับสถิติและควำมน่ำจะเป็นประกอบกำรตัดสินใจในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ (ค 5.3 ม.3/1) 45.มีลูกปิงปองสีเขียว สีเหลือง และสีแดง อยู่ในกล่องอย่ำงละหนึ่งลูก ถ้ำสุ่มหยิบลูกปิงปองขึ้นมำ 2 ลูก โดยหยิบทีละลูกแล้วใส่กลับคืนลงในกล่องก่อนที่จะหยิบลูกต่อไป ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ ในข้อใดมีโอกำสเกิดขึ้นมำกที่สุด 1 หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง 2 หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน 3 หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง 4 หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน
  • 17. ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลข จำนวน 7 ข้อ (ข้อ 46-52) ข้อละ 5 คะแนน รวม 35 คะแนน ตัวชี้วัด ใช้ควำมรู้เกี่ยวกับอัตรำส่วน สัดส่วน และร้อยละในกำรแก้โจทย์ปัญหำ (ค 1.1 ม.2/4) 46.อัตรำส่วนของคะแนนสอบของสุพจน์กับวำยุเท่ำกับ 3 : 5 ถ้ำคะแนนสอบของวำยุมำกกว่ำสุพจน์ 46 คะแนน แสดงว่ำสุพจน์สอบได้กี่คะแนน ตัวชี้วัด บวก ลบ คูณ หำรเศษส่วนและทศนิยม และนำไปใช้แก้ปัญหำ ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผล ของคำตอบ อธิบำยผลที่เกิดขึ้นจำกกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำร และบอกควำมสัมพันธ์ของ กำรบวกกับกำรลบ กำรคูณกับกำรหำรของเศษส่วนและทศนิยม (ค 1.2 ม.1/2) 47.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำห้องหนึ่งมีจำนวน 40 คน เป็นนักเรียนชำย ของนักเรียนทั้งห้อง นอกนั้นเป็น นักเรียนหญิง วันนี้มีนักเรียนชำยลำป่วย ของจำนวนนักเรียนชำย และนักเรียนหญิงลำป่วย ของ จำนวนนักเรียนหญิง วันนี้มีนักเรียนมำเรียนทั้งหมดกี่คน ตัวชี้วัด คูณและหำรเลขยกกำลังที่มีฐำนเดียวกัน และเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม (ค 1.2 ม.1/4) 48. = 1 จงหำค่ำของ x ตัวชี้วัด ใช้ทฤษฎีบทพีทำโกรัสและบทกลับในกำรให้เหตุผลและแก้ปัญหำ (ค 3.2 ม.2/2) 49. จำกรูป กำหนดให้ BAC = ADC = 90๐ จงหำพื้นที่ของ △ABC ตัวชี้วัด แก้สมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่ำงง่ำย (ค 4.2 ม.1/1) 50.จงหำคำตอบของสมกำร = 7 ตัวชี้วัด แก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับสมกำรเชิงเส้นตัวแปรเดียว พร้อมทั้งตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผล ของคำตอบ (ค 4.2 ม.2/1) 1252x 25–2x 54 3x + 5 5   3 5 1 4 1 8
  • 18. 51.บัตรสำหรับผู้เข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งหนึ่งคิดรำคำเข้ำชมสำหรับผู้ใหญ่คนละ 180 บำท เด็กคนละ 60 บำท ถ้ำวันนี้มีเด็กมำเข้ำชมจำนวน 250 คน และขำยบัตรได้เงินทั้งหมด 45,600 บำท แสดงว่ำวันนี้มี ผู้ใหญ่มำเข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เป็นจำนวนกี่คน ตัวชี้วัด แก้ระบบสมกำรเชิงเส้นสองตัวแปรและนำไปใช้แก้ปัญหำ พร้อมทั้งตระหนักถึงควำม สมเหตุสมผลของคำตอบ (ค 4.2 ม.3/5) 52.อนันต์กับอันดำมีเงินรวมกัน 2,500 บำท ถ้ำอันดำได้รับเงินเพิ่มอีก 300 บำท จึงจะมีเงินเป็นสำมเท่ำของ อนันต์ อนันต์มีเงินน้อยกว่ำอันดำเท่ำใด วิธีการตอบ  ให้ใช้ปำกกำหรือดินสอเขียนตัวเลขที่เป็นคำตอบลงในช่องว่ำง ให้ตรงกับหลักเลข ให้ครบทั้งสี่หลัก  ระบำยตัวเลขในวงกลมให้ครบทุกหลัก เช่น คำตอบ คือ 250 ต้องระบำย 0250 46 47 48 49 50 51 52
  • 19. ชุดที่ 2 เฉลยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนที่ 1 1. เฉลย ข้อ 2 แนวคิด ใช้วิธีกำรคูณไขว้ จะได้ 3 10 = 30 และ 4 8 = 32 แต่ 30 < 32 ดังนั้น < 2. เฉลย ข้อ 4 แนวคิด A = 5,000,000 = 5 106 B = 0.0000025 = 2.5  10–6 C = –250,000,000 = –2.5  108 แทนค่ำ = =  (108–6+6 ) = –  108 2 = (–0.2  108 )2 = (–0.2)2 108 2 = 0.04 1016 = 4 10–2 1016 = 410–2+16 = 41014 3 4 8 10 3 4 8 10 C AB –2.5 108 5 106  2.5 10–6 –2.5 5  2.5 1 5  2 2
  • 20. 3. เฉลย ข้อ 3 แนวคิด ให้ N = 0.374 จะได้ N = 0.3747474… 10  1 ; 10N = 3.747474… 100  2 ; 1,000N = 374.747474… 3 – 2 ; 990N = 371 N = ดังนั้น 0.374 = หรือ ใช้ข้อสังเกต ตัวเศษ หำได้จำก ผลต่ำงของจำนวนที่อยู่หลังจุดทศนิยม (374) ลบด้วยจำนวนที่ไม่ซ้ำ (3) ตัวส่วน ประกอบด้วย 9 และ 0 จำนวนของ 9 หำได้จำก จำนวนของเลขโดดที่ซ้ำ (2 ตัว) จำนวนของ 0 หำได้จำก จำนวนของเลขโดดที่ไม่ซ้ำ (1 ตัว) จะได้ 0.374 = = 4. เฉลย ข้อ 1 แนวคิด 0.010010001... เป็นทศนิยมไม่รู้จบ ไม่สำมำรถเขียนให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้ ดังนั้น 0.010010001... เป็นจำนวนอตรรกยะ 0.25 ทศนิยมซ้ำสำมำรถเขียนให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้คือ = ดังนั้น 0.25 เป็นจำนวนตรรกยะ เศษส่วนเป็นจำนวนตรรกยะ 25 = 5, –5 จำนวนเต็มเป็นจำนวนตรรกยะ นั่นคือ 0.010010001... แตกต่ำงจำกพวก 5. เฉลย ข้อ 4 แนวคิด (–8)  (–8)  (–8) = – (8 8  8) = –512 6. เฉลย ข้อ 4 แนวคิด แทนค่ำ x = 2 ในประโยค 4 – 3x < 2 จะได้ 4 – 3(2) < 2 4 – 6 < 2 –2 < 2 เป็นจริง 1 2 3 371 990 371 990 374 – 3 990 371 990 1 2 25 – 2 90 23 90 .. .. .. . .
  • 21. ดังนั้น 4 – 3x < 2 เป็นจริง เมื่อ x = 2 7. เฉลย ข้อ 4 แนวคิด (2a3 b)2 = 22  (a3 )2  b2 = 4 a3 2  b2 = 4a6 b2 ใช้สูตร (ab)n = an bn (am )n = am n 8. เฉลย ข้อ 1 แนวคิด หำค่ำ n ; n3 = 1,728 n = 1,728 = 2 22 2  2 2 3 3  3 = 23 23  33 = 2 2  3 = 12 หำค่ำ n ; 12 = 2  2  3 = 22  3 = 2 3 ดังนั้น n = 2 3 9. เฉลย ข้อ 1 แนวคิด 2   = 2   = 2   = 2   =  = = 1  (0.5)  (0.5) (0.8)  (0.8) (0.5)2 (0.8)2 (1.2)2 (1.5)2 0.5 0.8 1.2 1.5 1 0.8 1.2 1.5 1.2 1.2 0.25 0.64 1.44 2.25 (1.2)  (1.2) (1.5)  (1.5) 3 3 
  • 22. 10.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด ประมำณเป็นทศนิยม 1 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 2 จะได้ 2.3 5 47 ปัดขึ้น  2.4 ประมำณเป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 3 จะได้ 2.35 4 7 ตัดทิ้ง  2.35 ประมำณเป็นทศนิยม 3 ตำแหน่ง พิจำรณำทศนิยมตำแหน่งที่ 4 จะได้ 2.354 7 ปัดขึ้น  2.355 11.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด ( 81 – 40 ) + 50 = ( 3  3  3  3 – 2  2 2  5 ) + 2  5  5 = ( 3  3 – 2  5 ) + 2  5 = (3 3 – 2 5 ) + 5 2  {(31.442) – (2 1.710)} + (5 1.414)  (4.326 – 3.420) + 7.070  0.906 + 7.070  7.976 12.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด หำ ห.ร.ม. ของ 50 และ 65 ได้ดังนี้ 5 50 65 10 13 จะได้ ห.ร.ม. ของ 50 และ 65 คือ 5 นั่นคือ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้จะยำวด้ำนละ 5 เซนติเมตร แบ่งด้ำนกว้ำงได้ = 10 ส่วนเท่ำ ๆ กัน แบ่งด้ำนยำวได้ = 13 ส่วนเท่ำ ๆ กัน 50 5 65 5 3 3 3 3 3 3 3 2 3 3 3
  • 23. ดังนั้น จะสำมำรถตัดกระดำษได้ทั้งหมด 10 13 = 130 รูป 13.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด ข้อ 1 ผิด เพรำะ กำลังสองของจำนวนอตรรกยะบำงจำนวนเป็นจำนวนอตรรกยะ เช่น 2 ข้อ 2 ผิด เพรำะ จำนวนจริงประกอบด้วยจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ ข้อ 3 ถูก เพรำะ ผลบวกจะเป็นจำนวนอตรรกยะ เช่น  + 2 ข้อ 4 ผิด เพรำะ จำนวนตรรกยะมีค่ำที่เป็นลบด้วย เช่น – 2 , –0.010010001... 14.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด ในกรณีที่รูปที่ต้องกำรไม่สำมำรถนับพื้นที่ได้สำมำรถหำพื้นที่โดยประมำณได้ดังนี้ พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่อยู่ภำยใน 23 ตำรำงหน่วย พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีส่วนหนึ่งของรูปที่ต้องกำรอยู่ 22 ตำรำงหน่วย พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดที่รูปที่ต้องกำรครอบคลุมอยู่ 23 + 22 = 45 ตำรำงหน่วย ดังนั้น รูปนี้มีพื้นที่ประมำณ = = 34 ตำรำงหน่วย 15.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด พื้นที่ผิวของทรงกระบอก = พื้นที่หน้ำตัดทั้งสอง + พื้นที่ผิวข้ำง = 2r2 + 2rh เนื่องจำก พื้นที่ผิวของทรงกระบอกตันนี้เท่ำกับ 40 ตำรำงเซนติเมตร จะได้ 40 = 2(22 ) + 2(2)h 40 = 16+ 4h 4h = 40 – 16 4h = 24 h = 23 + 45 2 68 2 24 4
  • 24. h = 8 เซนติเมตร 16.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด กรวยนี้มีรัศมีเท่ำกับ = 6 เซนติเมตร หำควำมสูงของกรวยนี้จำกทฤษฎีบทพีทำโกรัส จะได้ ควำมสูง2 = สูงเอียง2 – รัศมี2 ควำมสูง2 = 102 – 62 = 100 – 36 = 64 ควำมสูง = 8 เซนติเมตร เนื่องจำก ปริมำตรของกรวย = r2 h จะได้ = (62 )(8) =  = 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร ดังนั้น กรวยนี้มีปริมำตร 96 ลูกบำศก์เซนติเมตร 17.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด กำหนดให้ด้ำนกว้ำงในแผนที่ยำว x เซนติเมตร ด้ำนยำวในแผนที่ยำว x + 3 เซนติเมตร ควำมยำวรอบรูปวัดได้ 26 เซนติเมตร เนื่องจำก ควำมยำวรอบรูป = 2(ควำมกว้ำง + ควำมยำว) จะได้ 26 = 2{x + (x + 3)} 26 = 2(2x + 3) 2x + 3 = 13 2x = 10 x = 5 เซนติเมตร เนื่องจำก มำตรำส่วน 1 เซนติเมตร : 10 วำ จะได้ ด้ำนกว้ำง = 5 10 = 50 วำ ด้ำนยำว = (5 + 3) 10 = 80 วำ เนื่องจำก พื้นของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = ควำมกว้ำง  ควำมยำว = 50  80 = 4,000 ตำรำงวำ ดังนั้น ที่ดินแปลงนี้มีพื้นที่ 4,000 ตำรำงวำ 1 3 1 3 288 3 12 2
  • 25. 18.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด รัศมีของถังเก็บน้ำเท่ำกับ = 1 เมตร พื้นที่ที่ต้องทำสี = r2 + 2rh  (3.14 12 ) + (2  3.14  1  4)  3.14 + 25.12  28.26 ตำรำงเซนติเมตร เนื่องจำก พื้นที่ 4 ตำรำงเมตร ใช้สี 1 ลิตร ดังนั้น พื้นที่ 28.26 ตำรำงเมตร ใช้สีประมำณ 28.26  4 = 7.065 ลิตร นั่นคือ เขำต้องใช้สีอย่ำงน้อยประมำณ 8 ลิตร 19.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด เนื่องจำก พื้นที่ 1,600 ตำรำงเมตร เท่ำกับ 1ไร่ พื้นที่ 4,400 ตำรำงเมตร เท่ำกับ 4,400 1,600 = 2.75 ไร่ ขำยที่ดินแปลงนี้ในรำคำไร่ละ 120,000 บำท จะได้ 2.75 120,000 = 330,000 บำท 20.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด ปริมำตรของน้ำทั้งหมดในตู้ปลำ = 45,000 + 18,000 = 63,000 ลูกบำศก์เซนติเมตร เนื่องจำก ปริมำตรของน้ำในตู้ปลำ = ควำมกว้ำง  ควำมยำว  ควำมสูง จะได้ 63,000 = 30  60 ควำมสูง ควำมสูง = = 35 เซนติเมตร ดังนั้น ระดับน้ำจะอยู่สูงจำกขอบด้ำนล่ำงของตู้ปลำ 35 เซนติเมตร นั่นคือ ระดับน้ำจะอยู่ต่ำกว่ำขอบด้ำนบนของตู้ปลำ 50 – 35 = 15 เซนติเมตร 21.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด ขั้นตอนกำรสร้ำงมุมที่มีขนำด 135๐ มีดังนี้ 1. สร้ำงมุม 180๐ 2. แบ่งครึ่งมุม 180๐ โดยใช้วงเวียน จะได้มุม 90๐ 2 2 63,000 30  60
  • 26. 3. แบ่งครึ่งมุม 90๐ โดยใช้วงเวียน จะได้มุม 45๐ 4. จะได้มุม 90๐ + 45๐ = 135๐ ตำมต้องกำร 22.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด เมื่อนำรูปสำมเหลี่ยมมำซ้อนกันจะได้ปริซึมฐำนสำมเหลี่ยม ดังรูป เมื่อพิจำรณำรูปเรขำคณิตสองมิติจะมองเห็นแต่ควำมกว้ำงและควำมยำว แต่รูปเรขำคณิตสำมมิติจะเห็นควำมสูง หรือควำมลึก หรือควำมหนำด้วย 23.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด ภำพที่ได้จำกกำรมองด้ำนต่ำง ๆ ของรูปเรขำคณิตสำมมิติ เป็นดังนี้ ด้ำนบน ด้ำนหน้ำ ด้ำนข้ำงซีกขวำ 24.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด 1 2 3 4 ดังนั้น รูปในข้อ 2 เป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติที่ได้จำกกำรมองทั้งสำมด้ำน ตำมที่โจทย์กำหนด มุมมอง รูป ด้านข้างซีกขวา             ด้านหน้า ด้านบน
  • 27.    25.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด สูงเอียงของพีระมิดฐำนสี่เหลี่ยมจัตุรัส = + สูงตรง2 26.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด เนื่องจำก ABC + ACB + CAB = 180๐ จะได้ ABC + 120๐ + 25๐ = 180๐ ABC = 180๐ – 145๐ ABC = 35๐ เนื่องจำก △ABC  △DEC จะได้ ABC = DEC (มุมที่สมนัยกันของรูปสำมเหลี่ยมสองรูป ที่เท่ำกันทุกประกำรย่อมมีขนำดเท่ำกัน) ดังนั้น DEC = 35๐ นั่นคือ m = 35๐ 27.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด กำรแปลงทำงเรขำคณิตที่สะท้อนสองครั้งผ่ำนเส้นสองเส้นที่ตัดกันจะเกิดกำรหมุน 28.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด △ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △ABC ตำมแนวแกน X △ABC เกิดจำกกำรสะท้อน △A B C ตำมแนวแกน Y 29.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด เนื่องจำก △ABC ~ △ADE จะได้ = = เนื่องจำก BC = 1 เมตร, DE = 30 เมตร และ AC = 1.5 เมตร จะได้ = แทนค่ำ = AE = 30  1.5 AE = 45 เมตร ดังนั้น อำนนท์ยืนห่ำงจำกตึกนี้ 45 เมตร ควำมยำวด้ำนฐำน 2 2           AB AD BC DE AC AE BC DE AC AE 1 30 1.5 AE
  • 28. 30.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด พิจำรณำผลต่ำงระหว่ำงลำดับที่อยู่ติดกัน 8 – 5 = 3, 5 – 2 = 3, 2 – (–1) = 3 นั่นคือ ลำดับดังกล่ำวจะนับลดลงทีละ 3 ดังนั้น ลำดับที่ 5 คือ –1 – 3 = –4 ลำดับที่ 6 คือ –4 – 3 = –7 ลำดับที่ 7 คือ –7 – 3 = –10 ลำดับที่ 8 คือ –10 – 3 = –13 ลำดับที่ 9 คือ –13 – 3 = –16 ลำดับที่ 10 คือ –16 – 3 = –19 31.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด สมมุติให้ด้ำนกว้ำงยำว x เซนติเมตร ด้ำนยำวยำว x + 2 เซนติเมตร ถ้ำวัดควำมยำวรอบรูปได้ 24 เซนติเมตร ควำมยำวรอบรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำก = 2(ด้ำนกว้ำง + ด้ำนยำว) จะได้สมกำร 2{x + (x + 2)} = 24 2(2x + 2) = 24 4x + 4 = 24 นำ 4 มำลบทั้งสองข้ำงของสมกำร จะได้ 4x + 4 – 4 = 24 – 4 4x = 20 นำ 4 มำหำรทั้งสองข้ำงของสมกำร จะได้ = x = 5 ตรวจสอบ แทน x ด้วย 5 ในสมกำร 2{x + (x + 2)} = 24 จะได้ 2{5 + (5 + 2)} = 24 2(5 + 7) = 24 2  12 = 24 24 = 24 ดังนั้น ควำมยำวของด้ำนกว้ำงของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉำกรูปนี้เท่ำกับ 5 เซนติเมตร 4x 4 20 4
  • 29. 32.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด x … –1 0 1 2 3 … y … –2 1 0 1 2 … เรำสำมำรถหำค่ำ y ได้เสมอ เมื่อ x เป็นจำนวนใด ๆ โดยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงค่ำ x และ y จะเป็นกรำฟลักษณะที่ต่อเนื่องกัน เป็นเส้นตรง ดังข้อ 4 33.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด เวลำที่จรวดลอยอยู่บนอำกำศต้องนับรวมเวลำที่จรวดทำควำมสูงขึ้นไปจนสูงสุด และ เวลำที่จรวดตกลงสู่พื้นดิน ดังนั้น จรวดลอยอยู่บนอำกำศใช้เวลำ 5 + 5 = 10 วินำที 34.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด △ABC เป็นรูปต้นแบบของ △ABC โดยกำรสะท้อน ตำมแนวแกน X = –1 ซึ่งมีพิกัดของจุด A, B และ C เป็น (3, 1), (0, 1) และ (0, 4) ตำมลำดับ 35.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด ให้ควำมยำวของด้ำนกว้ำงเป็น x เซนติเมตร ควำมยำวของด้ำนยำวเป็น 3x + 5 เซนติเมตร ควำมยำวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = 2(ด้ำนกว้ำง + ด้ำนยำว) จะได้ 2{x + (3x + 5)} > 44 4x + 5 > 22 4x > 17 x > x > 4 เนื่องจำก โจทย์กำหนดให้ควำมยำวด้ำนแต่ละด้ำนเป็นจำนวนเต็มบวก จะได้ ควำมยำวของด้ำนกว้ำงอย่ำงน้อย 5 เซนติเมตร ควำมยำวของด้ำนยำวอย่ำงน้อย 3(5) + 5 = 20 เซนติเมตร พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ = ด้ำนกว้ำง  ด้ำนยำว จะได้ 520 = 100 ตำรำงเซนติเมตร ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำรูปนี้มีพื้นที่อย่ำงน้อย 100 ตำรำงเซนติเมตร 17 4 1 4
  • 30. 36.เฉลย ข้อ 1 แนวคิด 1 – y = 2x –y = 2x – 1 y = –2x + 1 เขียนกรำฟของสมกำร 1 – y = 2x ได้ดังนี้ ดังนั้น กรำฟของสมกำร 1 – y = 2x ทำมุมป้ ำนกับแกน X เมื่อวัดมุมทวนเข็มนำฬิกำ 37.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด  ถ้ำกรำฟของระบบสมกำรมีลักษณะที่ขนำนกัน แสดงว่ำ ระบบสมกำรนั้นไม่มีคำตอบ  ถ้ำกรำฟของระบบสมกำรมีลักษณะตัดกันที่จุดจุดหนึ่ง แสดงว่ำ จุดนั้นจะเป็นคำตอบของระบบสมกำร เนื่องจำก ลักษณะของสมกำร y = –x + 2 และ y = –x – 2 ขนำนกัน ดังนั้น ระบบสมกำร y = –x + 2 และ y = –x – 2 จึงไม่มีคำตอบ 38.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด แผนก เปอร์เซ็นต์ รายได้ (บาท) ซูเปอร์มำร์เกต เสื้อผ้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้ำ 52.2 20 14  160,500 = 83,781  160,500 = 32,100  160,500 = 22,470 รำยได้จำกแผนกเสื้อผ้ำและแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ำรวมกันน้อยกว่ำรำยได้จำกซูเปอร์มำร์เกต เป็นจำนวนเงิน 83,781 – (32,100 + 22,470) = 83,781 – 54,570 x –1 0 1 y 3 1 –1 52.2 100 20 100 14 100
  • 31. = 29,211 บำท หรือ  160,500 =  160,500 = 29,211 บำท 39.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด ข้อมูลเชิงปริมำณ (quantitative data) เป็นข้อมูลที่ใช้แทนขนำดหรือปริมำณ ซึ่งวัดออกมำ เป็นค่ำตัวเลขที่สำมำรถนำมำใช้เปรียบเทียบขนำดได้โดยตรง เช่น จำนวนนักเรียนใน ระดับชั้นต่ำง ๆ ของโรงเรียน จำนวนนักเรียนโดยเฉลี่ยต่อหนึ่งห้องเรียน 40.เฉลย ข้อ 3 แนวคิด เนื่องจำกพนักงำนคนที่มีจำนวนเงิน 550 บำท นับขำดไป 1,000 บำท ดังนั้น พนักงำนคนนี้มีเงินเท่ำกับ 550 + 1,000 = 1,550 บำท เรียงลำดับจำนวนเงินจำกน้อยไปมำก จะได้ 840 950 1,000 1,200 1,400 1,550 ดังนั้น มัธยฐำนของจำนวนเงินในกระเป๋ ำสตำงค์ของพนักงำน = = 1,100 บำท 41.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด มัธยฐำนเป็นกำรนำเสนอข้อมูลที่มีควำมแตกต่ำงกันมำก ซึ่งเป็นตัวแทนที่เหมำะสมกว่ำ กำรนำเสนอข้อมูลด้วยค่ำเฉลี่ยเลขคณิต 42.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด ความสูง (เซนติเมตร) จานวนนักเรียน (คน) ผลคูณของความสูง กับจานวนนักเรียน ความถี่สะสม 151 8 151  8 = 1,208 8 152 6 152  6 = 912 14 153 4 153  4 = 612 18 154 3 154  3 = 462 21 155 4 155  4 = 620 25 รวม 25 3,814 - 1) ค่ำเฉลี่ยเลขคณิตเท่ำกับ = 152.56 เซนติเมตร 2) มัธยฐำนของควำมสูงของนักเรียน คือ นักเรียนที่อยู่ตำแหน่งที่ = 12.5 เซนติเมตร ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ระหว่ำงตำแหน่งที่ 12 และ 13 นั่นคือ มัธยฐำนเท่ำกับ = 152 เซนติเมตร 18.2 100 52.2 – (20 + 14) 100 3,814 25 25 2 152 + 152 2 1,000 + 1,200 2
  • 32. 3) ฐำนนิยม คือ ข้อมูลที่มีควำมถี่สูงที่สุด ดังนั้น ฐำนนิยมเท่ำกับ 151 เซนติเมตร 43.เฉลย ข้อ 2 แนวคิด มีปำกกำสีแดง 15 ด้ำม มีปำกกำสีเขียว 10 ด้ำม มีปำกกำสีน้ำเงิน 10 – 5 = 5 ด้ำม มีปำกกำสีม่วง 40 – (15 + 10 + 5) = 10 ด้ำม เนื่องจำก ปำกกำสีน้ำเงินมีจำนวนน้อยที่สุด คือ 5 ด้ำม ดังนั้น โอกำสที่จะหยิบได้ปำกกำสีน้ำเงินจึงมีน้อยที่สุด 44.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด 1. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยและหลักสิบเป็นจำนวนเดียวกัน คือ 00, 11, 22, 33, 44, 55, 66, 77, 88 และ 99 นั่นคือ มี 10 เหตุกำรณ์ 2. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยเป็นจำนวนเฉพำะ คือ 02, 03, 05, 07, 12, 13, 15, 17, 22, 23, 25, 27, 32, 33, 35, 37, 42, 43, 45, 47, 52, 53, 55, 57, 62, 63, 65, 67, 72, 73, 75, 77, 82, 83, 85, 87, 92, 93, 95 และ 97 นั่นคือ มี 40 เหตุกำรณ์ 3. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยหำร 4 ลงตัว คือ 04, 08, 14, 18, 24, 28, 34, 38, 44, 48, 54, 58, 64, 68, 74, 78, 84, 88, 94 และ 98 นั่นคือ มี 20 เหตุกำรณ์ 4. เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8 คือ 08, 19, 80 และ 91 นั่นคือ มี 4 เหตุกำรณ์ ดังนั้น เหตุกำรณ์ที่หลักหน่วยต่ำงกับหลักสิบอยู่ 8 เป็นเหตุกำรณ์ที่มีโอกำสเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด 45.เฉลย ข้อ 4 แนวคิด ให้ ข แทน ลูกปิงปองสีเขียว ล แทน ลูกปิงปองสีเหลือง และ ด แทน ลูกปิงปองสีแดง ดังนั้น จำนวนเหตุกำรณ์ที่สุ่มหยิบลูกปิงปอง 2 ลูก ตำมเงื่อนไขดังกล่ำว คือ 9 ข ล ข ขข ขล ขด ล ลข ลล ลด ด ดข ดล ดด ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 1 ด
  • 33. 1) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง คือ ขล, ลข, ลล, ลด และ ดล นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเหลือง เท่ำกับ 2) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน คือ ขข, ลล และ ดด นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีเดียวกัน เท่ำกับ 3) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง คือ ดด นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีแดงทั้งสองครั้ง เท่ำกับ 4) เหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน คือ ขล, ขด, ลข, ลด, ดข และ ดล นั่นคือ ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกัน เท่ำกับ ดังนั้น ควำมน่ำจะเป็นของเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิงปองสีต่ำงกันจะมีโอกำสเกิดขึ้นมำกที่สุด ส่วนที่ 2 46.แนวคิด ให้สุพจน์สอบได้ x คะแนน ดังนั้น วำยุสอบได้ x + 46 คะแนน เขียนเป็นสัดส่วนได้ดังนี้ = จะได้ 3(x + 46) = 5x 3x + 138 = 5x 5x – 3x = 138 2x = 138 x = x = 69 ดังนั้น สุพจน์สอบได้69 คะแนน 47.แนวคิด มีนักเรียนชำย ของนักเรียนทั้งห้อง จะได้  40 = 24 คน มีนักเรียนหญิง 40 – 24 = 16 คน มีนักเรียนชำยลำป่วย ของจำนวนนักเรียนชำย จะได้  24 = 6 คน มีนักเรียนหญิงลำป่วย ของจำนวนนักเรียนหญิง จะได้  16 = 2 คน ดังนั้น วันนี้มีนักเรียนมำเรียนทั้งหมด 40 – 6 – 2 = 32 คน คะแนนสอบของสุพจน์ คะแนนสอบของวำยุ 3 5 x x + 46 138 2 3 5 3 5 1 4 1 4 1 8 1 8 5 9 3 9 1 9 6 9
  • 34. 48.แนวคิด = 1 = 1 56x  5–4x  5–4 = 50 (เนื่องจำก 50 = 1) 6x – 4x – 4 = 0 2x – 4 = 0 2x = 4 x = x = 2 49.แนวคิด จำกทฤษฎีบทพีทำโกรัสจะได้ BC2 = AC2 + AB2 (x + 1)2 = (x – 1)2 + 62 x2 + 2x + 1 = x2 – 2x + 1 + 36 4x = 36 x = 9 ดังนั้น AC = 9 – 1 = 8 หน่วย จำก พื้นที่ของ △ABC =  ฐำนสูง =  AB AC =  6 8 = 24 ตำรำงหน่วย ดังนั้น พื้นที่ของ △ABC เท่ำกับ 24 ตำรำงหน่วย 50.แนวคิด แสดงกำรแก้สมกำร = 7 ดังนี้ นำ 5 มำคูณทั้งสองข้ำงของสมกำร จะได้  5 = 7 5 3x + 5 = 35 นำ 5 มำลบทั้งสองข้ำงของสมกำร จะได้ 3x + 5 – 5 = 35 – 5 3x = 30 นำ 3 มำหำรทั้งสองข้ำงของสมกำร จะได้ = x = 10 1252x  25–2x 54 (53 )2x (52 )–2x 54 4 2 1 2 1 2 1 2 3x + 5 5 3x + 5 5 3x 3 30 3
  • 35. ตรวจสอบ แทน x ด้วย 10 ในสมกำร = 7 จะได้ = 7 = 7 = 7 7 = 7 ดังนั้น 10 เป็นคำตอบของสมกำร = 7 51.แนวคิด + = 45,600 จะได้ (180 x) + (60  250) = 45,600 180x + 15,000 = 45,600 180x = 45,600 – 15,000 180x = 30,600 x = x = 170 ดังนั้น แสดงว่ำวันนี้มีผู้ใหญ่มำเข้ำชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เป็นจำนวน 170 คน 52.แนวคิด ให้อนันต์มีเงิน x บำท อันดำมีเงิน y บำท อนันต์กับอันดำมีเงินรวมกัน 2,500 บำท เขียนเป็นสมกำรได้ x + y = 2,500 ถ้ำอันดำได้รับเงินเพิ่มอีก 300 บำท จึงจะมีเงินเป็นสำมเท่ำของอนันต์ เขียนเป็นสมกำรได้ y + 300 = 3x จำก 2 จะได้ y = 3x – 300 แทนค่ำของ y = 3x – 300 ใน 1 จะได้ x + (3x – 300) = 2,500 4x = 2,800 x = 700 แทนค่ำของ x = 700 ใน 1 จะได้ 700 + y = 2,500 y = 1,800 3x + 5 5 (310) + 5 5 30 + 5 5 35 5 3x + 5 5 บัตรผู้ใหญ่ 180 บัตรเด็ก 60 x 250 30,600 180 1 2