More Related Content
Similar to อิทธิผลของดวงอาทิตย์ที่มีผลต่อโลก
Similar to อิทธิผลของดวงอาทิตย์ที่มีผลต่อโลก (20)
More from wattumplavittayacom
More from wattumplavittayacom (6)
อิทธิผลของดวงอาทิตย์ที่มีผลต่อโลก
- 1. หน่วยการเรียนรู้ที่๓ ระบบสุริยะ สาระการเรียนรู้ที่ ๓ . ๒ อิทธิพลของดวงอาทิตย์ต่อโลก จัดทำโดย นาย สมชาย แซ่ห้วง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ / ๓ เสนอ อาจารย์ อรอนงค์ เอียดเอก โรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม อ . แม่สาย จ . เชียงราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๓๖ ( เชียงราย - พะเยา )
- 9. พลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์มี 2 ประเภทคือ 1. พลังงานที่มีผลต่อโลกทันทีเป็นพวกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อผ่านบรรยากาศของโลกลงมาจะเกิดผลทันทีประกอบด้วยพลังงาน ความร้อนและแสงสว่างเป็นส่วนใหญ่รวมทั้งคลื่นวิทยุ มีรังสีอัลตราไวโอเลต เพียงเล็กน้อยที่ผ่านบรรยากาศลงมาได้ เพราะส่วนใหญ่จะถูกดูด กลืนโดย โอโซนในบรรยากาศ
- 10. 2. พลังงานที่มีผลต่อโลกภายหลังเป็นพวกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าต่าง ๆ จากดวงอาทิตย์ซึ่งไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึง ผิวโลกได้ ได้แก่ อนุภาครังสีคอสมิคซึ่งเป็นอนุภาคโปรตอนและลมสุริยะซึ่งเป็น อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกที่มีความเร็วต่ำและอิเล็คตรอน อนุภาคเหล่านี้จะเดินทางมาถึงโลกหลังจากเกิด การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์แล้วประมาณ 20-40 ชั่วโมง จะไปรบกวนสนามแม่เหล็กโลกทำให้ เกิดพายุแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อระบบสื่อสารทางวิทยุบนโลกเท่านั้น
- 11. ดวงอาทิตย์ทำให้สภาพภูมิอากาศของโลกแตกต่างกัน เขตต่างๆ ของโลกที่สำคัญๆ คือ เขตร้อน เขตอบอุ่น และเขตหนาว เพราะเขตร้อนได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ที่มีระยะทางสั้นที่สุด จึงทำ ให้ร้อนที่สุด ส่วนเขตอบอุ่น เขตหนาว ระยะของแสงจะยาวขึ้นไปตามลำดับ http://www.wt.ac.th/~somyos/earth402.html
- 12. ดวงอาทิตย์ทำให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสอากาศ ในเวลาเดียวกันแต่ละเขตแต่ละถิ่นจะได้รับแสงอาทิตย์ไม่เท่ากันและระบายความร้อนไม่เท่ากัน เมื่ออากาศ ณ ที่แห่งหนึ่งได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์จะมีคุณสมบัติเบาขยายตัวลอยสูงขึ้น ณ ที่อีกแห่งหนึ่งมวลอากาศเย็น ซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่าเคลื่อนตัวเข้ามาแทนที่ ขณะที่มวลอากาศที่เย็นกว่าเคลื่อนตัวมาแทนที่ เราเรียกว่า “ลม” หรือการหมุนเวียนของกระแสอากาศ และแต่ละแห่งของโลกจะมีอุณหภูมิแตกต่างกันตามเขตร้อน เขตอบอุ่น เขตหนาว จะมีลมประจำปีคือ ลมมรสุม ลมตะวันตก ลมขั้วโลก ตามสถานที่เฉพาะถิ่นจะมีลมบก ลมทะเล ลมว่าว ลมตะเภา เป็นต้น แต่ลมภูเขา ลมบก ลมทะเล เกิดจากการรับความร้อนและการคายความร้อนไม่เท่ากัน คุณสมบัติของน้ำจะรับความร้อนช้าคายความร้อนเร็ว คุณสมบัติของดินจะรับความร้อนเร็วกว่าน้ำคายความร้อนช้ากว่าน้ำคุณสมบัติของหินภูเขา จะรับความร้อนเร็วกว่าดินคายความร้อนเร็วกว่า
- 15. ดวงอาทิตย์ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ำ วัฏจักรของน้ำทำให้เกิดชีวิตเกิดฝน เกิดเมฆหมอก หยาดน้ำค้าง ไอน้ำในบรรยากาศ หรืออาจกล่าวได้ว่า วัฏจักรของน้ำทำให้เกิดชีวิตและสิ่งแวดล้อม วัฏจักรของน้ำเกิดจาก ขณะที่บรรยากาศร้อยขยายตัวลอยขึ้นเบื้องบนพาไอน้ำไปด้วย และในเงื่อนไขของอุณหภูมิที่ต่าง ๆ กัน รวมทั้งสถานการณ์สิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ลมกระแสอากาศ จึงทำให้เกิดเมฆฝน พายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บ http://www.wt.ac.th/~somyos/earth402.html
- 16. พลังงานที่มีผลต่อโลกภายหลังยังทำให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้ซึ่งอาจเห็นเป็นแสงเรืองแวบวาบเป็นม่านย้อยหรือเป็น เส้นสาย หรือคล้ายเปลวไฟ มีสีต่าง ๆ ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า มักเกิดบ่อยครั้งในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง แสงเหนือแสงใต้มีความสัมพันธ์ กับสนามแม่เหล็กของโลก โลกมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่รอบตัว อนุภาคของลมสุริยะจะไม่สามารถเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กเข้ามาตรง ๆ ได้ จึงต้องเคลื่อนที่ไปตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กเข้าสู่บรรยากาศของโลกทางขั้วเหนือและขั้วใต้ของโลก อนุภาคของลมสุริยะจะไปชนกับอะตอม ของก๊าซออกซิเจนและไนโตรเจน ในบรรยากาศในระดับสูงจะทำให้เกิดการรับและคายพลังงานออกมาในรูปแสงสีต่าง ๆ เรียกว่าแสงเหนือ - แสงใต้ แสงเหนือ - แสงใต้ ที่ ปรากฏอยู่ในระดับสูง 900 กิโลเมตรขึ้นไปจะปรากฏเป็นสีน้ำเงินเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเกิดในระยะ 80 - 280 กิโลเมตร จะปรากฏเป็นสีเหลืองผสมระหว่างแสงแดงในระดับสูงกับแสงสีเขียวใบไม้ในระดับต่ำ
- 19. 1 ถ่านหิน 2 พลังงานนิวเคลียร์ 3 พลังงานชีวมวล 4 พลังงานแสงอาทิตย์ 5 พลังงานลม 6 พลังงานความร้อนใต้พิภพ 7 พลังงานน้ำในเขื่อน 8 พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง 9 พลังงานคลื่น