SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
Download to read offline
เทคโนโลยีสารสนเทศ
บทที่1
ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีคุณสมบัติที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งพอจะแบ่งออกได้ดังนี้
1. การเป็นอัตโนมัติ(self acting) คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยอุปกณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดเก็บหรือแปลงข้อมูลให้
อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้ าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
ที่ช้า2.ความเร็ว(speed) คอมพิวเตอร์จะประมวลผลงานด้วยความเร็วสูง ต่างจากการประมวลผลงานในอดีตที่อาศัย
แรงงานของซึ่งให้ผลลัพธ์กว่ามากช่วยให้ผู้บริหารนาเอาไปใช้ในการตัดสินใจหรือดาเนินงานได้อย่างรวดเร็ว
3ความถูกต้อง แม่นยา(accuracy คอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยาและมีความผิดพลาดน้อยที่สุดการใช้
แรงงานคนเพื่อประมวลผลเป็นเวลานาน อาจเกิดการผิดพลาดได้ เนื่องมาจากความอ่อนล้า เช่น ลงรายการผิด หรือบันทึก
ข้อมูลผิดประเภทตรงกันข้ามกับคอมพิวเตอร์ที่สมารถทางานได้อย่างต่อเนื่องและซ้าๆแบบเดิมได้อย่างดี
4. ความน่าเชื่อถือ(reliability) ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือและสามารถนาไปใช้
ประโยชน์อื่นๆต่อไปได้โดยเฉพาะในปัจจุบันมีฮาร์ดแวร์ที่ผลิตขึ้นด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่
5. การจัดเก็บข้อมูล(storge capability) คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบทั้งข้อมูลที่เป็น
ข้อความธรรมดาหลายๆล้านตัวอักษร เพลง ภาพถ่าย วิดีโอหรือไฟล์ข้อมูลใหญ่จานวนมาก
6. ทางานซ้าๆได้(repeatability) คอมพิวเตอร์สามารถทางานซ้าๆกันได้หลายรอบ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจาก
การทางานของแรงงานคน นอกจากนั้นยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วยข้อมูลที่ประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือ
ซับซ้อนเพียงใดก็ตาม
7. การติดต่อสื่อสาร(communication) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้น แต่
เดิมอาจเป็นแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไปมากเราสามารถเชื่อต่อคอมพิวเตอร์
หลายๆเครื่องเข้าหากันเป็นเครือข่ายได้
วิวัฒนาการก่อนจะมาเป็นคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดาบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์มีความพยายามที่จะคิดค้น
เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อนามาช่วยในการนับและคานวณ เริ่มตั้งแต่การใช้นิ้วมือเพื่อช่วยในการนับตัวเลขหนึ่งถึงสิบ
แต่เมื่อค่าตัวเลขมีเพิ่มมากขึ้นก็ทาให้อย่างจากัด มนุษย์จึงพยายามหาสิ่งใกล้ตัวมาช่วยนับเพิ่ม เช่น ก้อนกรวด หิน หรือ
แท่งไม้ จากนั้นจึงได้พัฒนาและคิดค้นวิธีที่จะทาให้การนับต่างๆนี้ง่ายขึ้นกว่าเดิมกลายเป็นกลไกที่ใช้คานวณ จน
วิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจสรุปเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 4 ยุคด้วยกันคือ
1. ยุคก่อนเครื่องกล (premechanical)
2. ยุคเครื่องจักรกล (mechanical)
3. ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์(electronic)
4.ยุคเครื่องอิเล็กทรอนิกส์(electronic)
เครื่องกลยุคก่อน
เมื่อวิวัฒนาการทางสังคมของมนุษย์มีความเจริญมากขึ้นการใช้นิ้วมือหรือก้อนหินมาช่วยนับนั้นมีข้อกากัดอยู่เช่นกัน
เนื่องจากไม่สามารถนับหรือคานวณหาค่าตัวเลขที่มากๆได้ มนุษย์ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือช่วยนับที่ดีกว่าเดิมโดยการ
สร้างระบบตัวเลขขึ้นมาซึ่งจะยกตัวอย่างเครื่องมือในยุคนี้ได้แก่ แผ่นหินอ่อนซาลามิส ลูกคิด แท่งคานวณของเนเปียร์ เป็น
ต้น
ยุคเครื่องจักรกล
เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ดีขึ้น จึงก่อให้เกิดแนวคิดการสร้างเครื่องจักร กลโดยอาศัย
การทางานของฟันเฟืองเข้าเข้ามาช่วยอานวยความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคานวณที่ยุ่งยากและซับซ้อน
มากๆ ซึ่งขอยกตัวอย่างเครื่องที่อยู่ในยุคสมัยเครื่องจักรกลได้ดังนี้นาฬิกาคานวณ เครื่องคานวณของปาสคาล เครื่อง
คานวณของไลบ์นิช เครื่องทอผ้าของแจคการ์ดเครื่องมือของ
ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์
ในยุคนี้ตัวเครื่องจะใช้เครื่องจักรกลปนกับระบบกระแสไฟฟ้ าในการทางาน มีการประมวณผลโดยอาศัยวงจรที่
ประกอบด้วยหลอดสูญญากาศแต่ก้อทาให้เปลืองต้นทุนในการบารุงรักษามากพอสมควร คอมพิวเตอร์ในยุคนี้แรกๆได้มี
การนาเอาไปใช้ในการทางานของภาครัฐและรวมถึงภารกิจทางด้านการทหารนอกจากนั้นก็จะอยู่ในแวดวงของการศึกษา
ในระดับสูง ตัวอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีดังนี้
เครื่อง Tabulating Machine -
-เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry-Computer)
-เครื่อง Colossus
ยุคคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้มีการประดิษฐ์ให้สามารถคานวณและหาผลลัพธ์ต่างๆได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีการนาเอาไปใช้
ของเครื่องประโยชน์อย่างมากมายทั้งในแวดวงการทหารและการศึกษาระดับสูงทั่วไป จากนั้นจึงได้พัฒนาเข้าสู่การใช้งาน
ในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่
-เครื่อง ENIAC
-เครื่อง EDSAC
-เครื่อง EDVAC
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ (Transistor)
ยุคนี้อยู่ระหว่าง พ.ศ. 2502 - 2506 เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (transistor) เป็นองค์ประกอบหลักของ
วงจรไฟฟ้ าแทนหลอดสุญญกาศโดยผู้ที่คิดค้นทรานซิสเตอร์คือนักวิทยาศาสตร์สามคนของห้องปฏิบัติการเบลล์ (Bell
Laboratories) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แก่ บาร์ดีน (J.Bardeen) แบรทเทน(H.W.Brattain)และชอคเลย์(W.Shockley)การใช้
ทรานซิสเตอร์ในการผลิตคอมพิวเตอร์แทนหลอดสุญญกาศทาให้ตัวคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากโดย
ทรานซิสเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกมีขนาด1ใน100ของหลอดสูญญากาศเท่านั้นนอกจากขนาดเล็กแล้วยังมีคุณสมบัติที่
ดีอีกหลายประการคือไม่เปลืองกระแสไฟฟ้ าไม่ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องเมื่อแรกเปิดเครื่องทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์มี
ประสิทธิภาพและความเร็วเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถบวกจานวน จานวนได้ในเวลาประมาณหนึ่งในล้านวินาที
(microsecond) โดยที่ทรานซิสเตอร์เป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญยิ่ง จึงทาให้
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสามคนได้รับรางวัลโนเบล
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวม (IC)
เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมาได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่การผลิตเครื่องโดยใช้
ทรานซิสเตอร์แยกเป็นตัวๆทาให้ต้นทุนการผลิตสูงมากขึ้น โดยตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงหรือที่นิยมเรียกว่า มินิคอมพิวเตอร์
(minicomputer)
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (LSI และ VLSI)
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ ( LSI และLVSI) ในยุคนี้คือปลายศตวรรษ1970มีการนาไมโครโปรเซสเซอร์
(microprocessor)ซึ่งเป็นวงจรรวมขนาดใหญ่ที่ผลิตโดยอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า LSI (Large Scale Integrated) และVLSI (Very
Large Scale Integrated)เข้ามาแทนแผงวงจรรวมหรือICแบบเดิมเนื่องจากสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากกว่าโดยบรรจุ
วงจรทรานซิสเตอร์นับหมื่นแสนหรือล้านตัวลงในชิ้นสารซิลิกอน(silicon)เล็กๆไมโครโปรเซสเซอร์นี้คิดค้นขึ้นโดยบริษัทอิน
เทล(Intel)ซึ่งยังเป็นผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ชั้นนาในปัจจุบันและทาให้เกิดการผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสาหรับการใช้
งานทั่วไปที่เรียกว่า“ไมโครคอมพิวเตอร์(microcomputer)”ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย (Network)
การใช้งานไมโรคอมพิวเตอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย มีการออกแบบและ
พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กลงพร้อมๆกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่มุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย
มากยิ่งขึ้นบริษัทหรือองศ์กรธุรกิจได้นาเอาไมรโครคอมพิวเตอร์หลายๆตัวมาเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในบริเวณ
ใกล้หรือในในสานักงานเดียวกัน เรียกว่า เครือข่ายเฉพาะที่ หรือ LAN (Locai network)
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
เมื่อเรานึกถึงคอมพิวเตอร์มักถึงเครื่องพีซี (PC : Perscnal computer) กันเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่เดิมเครื่องพีซี
อาจมุ่งเน้นให้ใช้เฉพาะส่วนบุคคลและนิยมใช้อยู่ในบ้านหรือที่พักอาศัยเพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันเนื่องด้วยการขยายตัวของ
เครือข่ายดังที่กล่าวไว้แล้ว เราจึงสามารถนาเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อผู้ที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้ามาใช้หรือ
แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเราได้โดยง่าย เช่น ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์จึงไม่ได้ใช้งานแบบส่วนบุคคลอีก
ต่อไปและนับวันก็ได้ความนิยมแพร่หลายมากยิ่งขึ้นห้างร้านหรือบริษัทเองก็มีการเอามาใช้เพื่ออานวยความสะดวกในการ
ทางานอย่างมากมาย เช่น ควบคุมและตรวจสอบสินค้าคงคลัง
ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบงานมทางานแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจาวันของเราแล้วอย่างไม่ต้อง
สังเกตได้จากศัพท์ที่ไม่มีคานาหน้าโดยใช้อักษรย่อ E (electronic) มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น E-Banking E-service E-
Learning สิ่งต่างๆเหล่านี้ย่อมอธิบายได้ว่า คอมพิวเตอร์มีบทบาทและความสาคัญเพียงไรกับชีวิตประจาวันของเรา
คอมพิวเตอร์กับการใช้งานภาครัฐ
ตัวอย่างที่เห็นได้จัดเจนมาที่สุด คือการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปประยุกต์ใช้กับงานทะเบียนราษฎร์ของ
ภาครัฐบาล เช่น แจ้งเกิด ตาย ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอื่นๆหรือทาบัตรประชาชนอเนกประสงค์หรือสมาร์ท
การ์ดเป็นอีกตัวย่างหนึ่งของการริเริ่มโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-government ตั้งแต่ปี พ.ศ 2544 โดยนาเอา
คอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้ปรับปรุงและปฎิรูประบบราชกาลไทยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม
คอมพิวเตอร์กับการใช้งานทางด้านธุรกิจทั่วไป
ธุรกิจในปัจจุบันหลายๆแห่งมักจะมีการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเพื่อประโยชน์ในแง่ของการประมวลผลที่
รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผู้รับบริการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยประสิทธิภาพในการทางานด้วยมือ
แบบเดิมๆ เช่น การนาเอาระบบโปรแกรมบัญชีสาเร็จรูปมาใช้ในงานด้านบัญชีเพื่อทารายการซื้อ ขายสินค้า การเช็คยอด
คงเหลือของสินค้า รวมถึงการตรวจสอบรายการลงบัญชี หรือแม้กระทั่งการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการในสานักงานทั่วไป
เช่น งานเรียบเรียงเอกสาร งานประมวล (Word processing) งานนาเสนอ (prerentation)
คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านการศึกษา
ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอบรมได้เน้นความสาคัญกับการนาคอมพิวเตอร์มาช่วย
ในด้านการสอน หรือที่เรียกกันว่า E-Education เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่อยู่
ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเข้าเรียนสามารถศึกษา ผู้เรียนสามารถทาความเข้าใจกับบทเรียนและสามารถโต้ตอบการ
เรียนการสอนได้ได้ตนเอง
คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์
มีการนาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานทางด้านการแพทย์และสารณสุขอย่างแพร่หลาย เครื่องมือและอุปกรณ์สมัยใหม่
ถูกนาเข้ามาทางานร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคและตรวจสอบอาการของคนไข้ได้เป็นอย่างดี เข่น เครื่องตัว
วัดคลื่นสมอง เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่สร้างภาพสามมิติของอวัยวะภายใน ซึ่งช่วยทาให้การรักษาของแพทย์เป็นไปได้
ง่ายและแม่นยามากยิ่งขึ้น
สาหรับวิทยาศาสตร์อื่นๆ ได้มีการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้มีความแม่นยาและ
ถูกต้องน่าเชื่อถือ ช่วยในเรื่องของการทดสอบและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คานวณและจาลองแบบเพื่อสร้างผลงานทาง
วิทยาศาสตร์ใหม่ๆหลายๆด้าน ทั้งฟิสิกส์ นิวเคลียร์ เคมี ชีววิทยาโมเลกุลการจาลองกลไกการทางานของระดับโมเลกุลของ
ยาใหม่ๆ โลหะวิทยาและวัสดุศาสตร์ การสารวจและขุดเจาะทรัพยากรธรณี รวมถึงการสารวจอวกาศขององศ์การนาซ่า
เป็นต้น
ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มีลักษณะ ขนาด และราคาที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานที่ใช้ หากงานประมวลผลนั้นไม่ได้ซับซ้อน
หรือยุ่งยากมากนัก อีกงานใช้งานอยู่ในวงแคบเช่น ที่บ้านหรือสานักงานขนาดเล็ก คุณอาจหาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ราคา
แพงมากหนักมาใช้งาน แต่บางหน่วยงาน เช่น องศ์กรขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้การประมวลผลซับซ้อนมาก และการใช้งานกระ
จางอยู่ในวงกว้าง คือมีสาขาหรือสานักงานขนาดใหญ่กระจางอย่างทั่วไป
จาแนกตามลักษณะการใช้งาน
คอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามกลุ่มการใช้งานนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. แบบใช้งานทั่วไป
เป็นคอมพิวเตอร์ที่เราพบเห็นได้ในการทางานทั่วไป เช่น ตามบ้านหรือสานักงาน อาคาร ห้างร้าน บริษัททั่วไป ซึ่ง
เป็นการใช้การโดยเอนกประสงค์ ผู้ใช้งานสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับงานค่อยข้างหลากหลาย เช่น งานด้านสานักงาน
การลงรายการบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ พิมพ์รายงาน ฟังเพลง หรือ ดูหนังแบบส่วนตัวคอมพิวเตอร์กลุ่มนี้เป็นที่นิยมใช้กัน
อย่างแพร่หลาย มักมีราคาถูกซื้อได้ทั่วไป
2. แบบใช้งานเฉพาะ
เป็นคอมพิวเตอร์กลุ่มที่ใช้งานแบบเฉพาะอย่างหรือเป็นกรณีไป ไม่สามารถนาไปใช้กับงานอย่างอื่นได้ ความยึด
หยุ่นในการใช้งานจึงมีน้อยกว่าแบบใช้งานทั่วไป โดยมากนักเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ทางานทางด้าน
อุตสาหกรรมหรือโรงงานเป็นหลัก เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติในโรงงาน เครื่องจักรกลอัตโนมัติ หุ่นยนต์ขนถ่ายสินค้า
เครื่องตรวจวัดสภาพอากาศ มักมีราคาแพงและใช้งานเฉพาะบริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
จาแนกตามขนาดและความสามารถ
เป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงที่สุด บางครั้งก็เรียกว่า เครื่องคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงซึ่งส่วนใหญ่
นาไปใช้กับการทางานเฉพาะทางที่ต้องการความเร็วในการประมวลผลอย่างมาก
ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ Cray เป็นต้น
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องมือที่มีสมรรถนะการทางานสูงเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้เน้นความเร็วในการคานวณเป็นหลักอย่างซูเปอร์
คอมพิวเตอร์ เครื่องเมนเฟรมส่วนใหญ่ผลิตมาจากบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนาเช่นไอบีเอ็ม บริษัทสาขาและเกี่ยวข้องกับการ
ประมวลผลข้อมูลในปริมาณมาก เช่น ธนาคารหรือธุรกิจสายการบิน เป็นต้น
3. มินิคอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะรองลงมาจากเครื่องเมนเฟรม ส่วนใหญ่นาไปใช้กับบริษัทหรือหน่วยงานขนาด
กลางสาหรับให้บริการแก่เครื่องลูกข่าย เพื่อให้บริการเครื่องมือต่างๆ เช่น ให้บริการแฟ้ มข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม
มินิคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจาแนกได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะมีตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่มีความเทียบเท่าเครื่องพีซี
4. ไมโครคอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องมือคอมพิวเตอร์ที่มีนิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อมาใช้ได้ทั่วไป มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปัจจุบันได้รับการพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้นมากมักพบเห็นในสานักงานหรือบ้านที่พัก
อาศัยทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจรวมถึงคอมพิวเตอร์ประเภทเคลื่อนย้ายสะดวก เช่น โน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค เดสก์
โน๊ต และแท็บเล็ตพีซีด้วย
5. คอมพิวเตอร์มือถือ
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทอื่นๆอีกทั้งสามารถพกพาไปยังที่ต่างๆได้ง่ายกว่า
ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจนาไปใช้กับการจัดการข้อมูลประจาวัน การสร้างปฏิทินนัดหมาย การดูหนัง
ฟังเพลงรวมถึงการรับอีเมล์ บางรุ่นสามารถเทียบเคียงได้กับไมโครคอมพิวเตอร์ทีเดียว คอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ที่รู้จักและ
เป็นที่นิยมกันอย่างดี เช่น พีดีเอ ซึ่งปัจจุบันมีหลายมาตรฐาน และใช้ร่วมกันไม่ได้ เช่น Pocket PC ของไมโครซอฟท์
iphone ของบริษัท Apple และยังมีมาตรฐานอื่นๆอีกหลายแบบ
คอมพิวเตอร์ยุคใหม่
ปัจจุบันปริมาณผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆและคอมพิวเตอร์ถูกนามาใช้กับงานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่
ปัจจุบันได้พัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างทั่วถึง การออกแบบตัวเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆก็ได้มีการปรับปรุง
ขนาดให้เล็กลงและมีรูปลักษณ์ภายนอกสามารถเป็นเครื่องประดับหรือเฟอร์นิเจอร์ของห้องทางานได้อีกด้วย รูปลักษณ์
ของไมโครคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปรวมถึงคอมพิวเตอร์มือถือที่เราอาจพบเห็นหรือหามาใช้งานได้พอจะจาแนกออกเป็นหลาย
กลุ่มดังนี้
1.เดสก์ท็อป(Desktop) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดตั้งโต๊ะที่ใช้ตามสานักงานหรือตามบ้านทั่วไป
2. โน๊ตบุ๊ค(Notebook) เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็กทีได้รับความนิยมมาก กินไฟน้อย และราคาไม่แพง
3. เดสก์โน๊ต(Desknote) ไม่มีแบตเตอรี่ที่คอยจ่ายไฟให้จึงต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลาราคาถูกกว่าโน๊ตบุ๊ค
4.แท็บเล็ตพีซี(Tablet PC) ผู้ใช้สามารถป้ อนข้อมูลเข้าไปได้โดยการเขียนบนจอภาพ
5. สมาร์ทโฟน(Smart Phome) มีความสามารถอื่นๆเข้าไปอีกมากมาย เช่น กล้องถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง
คอมพิวเตอร์ในอนาคต
แนวโน้มของการสร้างคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานไม่ได้หยุดอยู่เพียงการผลิตให้มีขนาดที่เล็กลง มีราคาถูก และเน้น
รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น หากแต่ยังต้องพยายามคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก
ยิ่งขึ้น ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างปัญหาเทียมเลียนแบบการคิดหรือสมองของมนุษย์ ซึ่งในหลายๆด้านก็มีการประยุกต์
เอาคอมพิวเตอร์เข้าไปใช้เพื่อคิดและตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น
ระบบผู้เชี่ยวชาญ(expert system) เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่นาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามา
ประยุกต์ใช้งาน เพื่อเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆที่จาเป็นต้องใช้สาหรับงานใดงานหนึ่งให้อยู่ตลอดไปในหน่วยงานโดยไม่
ขึ้นกับบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ วินิจฉัยหรือตัดสินใจต่างๆได้อย่างแม่นยา
ปัญหาและข้อจากัดของการใช้งานคอมพิวเตอร์
การนาเอาคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้ในงานต่างๆนั้น จะเห็นได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยให้การ
ทางานเร็วและสะดวกขึ้น คอมพิวเตอร์เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาสาหรับแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆตามที่
มนุษย์สอนหรือกาหนดไว้เท่านั้น
ระบบคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะมีความสามารถในเรื่องของการคิดและตัดสินใจได้แทนมนุษย์ แต่ก็เป็นแค่บางเรื่อง
หรือบางกรณีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช้ทั้งหมดทีเดียว การประมวลผลบางอย่างของคอมพิวเตอร์อาจไม่ฉลาดเท่ากับการคิดและ
ตัดสินใจของมนุษย์ได้เลย เพราะคอมพิวเตอร์จะทางานตามที่ได้รับคาสั่งหรือตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้น
ปัญหาของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่พบมากที่สุดก้อคือ ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานจึงจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวให้ทันสมัย
ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง เช่น ใช้พิมพ์ข้อความหรือรายงานเอกสารธรรมดา ในยุคนั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดี
สร้างไวรัสเข้ามาก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ให้ความสามารถในการทางานของมันด้อยลงไปได้
ปัญหาที่พบเห็นบ่อยอีกข้อหนึ่งในปัจจุบันคือ ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมักจะเกิดจากคนที่มีความรู้
และความชานาญทางคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ แต่กลับนาเอาความรู้นั้นไปใช้ในทางที่ผิดและสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น
อย่างมาก เช่น การขโมยข้อมูลที่มีความสาคัญโดยใช้วิธีการที่แบบยลและนาเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว

More Related Content

What's hot

เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศArm'Physics Sonsern-Srichai
 
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์Wanphen Wirojcharoenwong
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ThanThai Sangwong
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์Orapan Chamnan
 
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศhs8zlb
 
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารsupatra2011
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์Arrat Krupeach
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์konkamon
 
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศบทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศwilaiporntoey
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นfernnoon
 
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้นสื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้นNoppakhun Suebloei
 
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์Nattapon
 

What's hot (20)

Computerbasic
ComputerbasicComputerbasic
Computerbasic
 
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์ ม.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ม.1
 
Basic1
Basic1Basic1
Basic1
 
Lesson2
Lesson2Lesson2
Lesson2
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์
 
Work3 48
Work3 48Work3 48
Work3 48
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
 
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
 
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
 
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศบทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
บทที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
 
computer
computercomputer
computer
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้นสื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
สื่อการสอน คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 2 ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
 

Viewers also liked

ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษาข้อสอบ O net 52 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษาFernimagine
 
เฉลย Onet 51 สุขศึกษา
เฉลย Onet 51 สุขศึกษาเฉลย Onet 51 สุขศึกษา
เฉลย Onet 51 สุขศึกษาFernimagine
 
Onet m6 housework_53
Onet m6 housework_53Onet m6 housework_53
Onet m6 housework_53Fernimagine
 
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6Fernimagine
 
Key onet m6_housework_53
Key onet m6_housework_53Key onet m6_housework_53
Key onet m6_housework_53Fernimagine
 
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาเฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาFernimagine
 
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษาข้อสอบ O net 51 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษาFernimagine
 

Viewers also liked (7)

ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษาข้อสอบ O net 52 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 52 สุขศึกษา
 
เฉลย Onet 51 สุขศึกษา
เฉลย Onet 51 สุขศึกษาเฉลย Onet 51 สุขศึกษา
เฉลย Onet 51 สุขศึกษา
 
Onet m6 housework_53
Onet m6 housework_53Onet m6 housework_53
Onet m6 housework_53
 
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
 
Key onet m6_housework_53
Key onet m6_housework_53Key onet m6_housework_53
Key onet m6_housework_53
 
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาเฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
 
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษาข้อสอบ O net 51 สุขศึกษา
ข้อสอบ O net 51 สุขศึกษา
 

Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ-word3-46

ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8Korakot Kaevwichian
 
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8Korakot Kaevwichian
 
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8Korakot Kaevwichian
 
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์Angkan Mahawan
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นะนาท นะคะ
 
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีtee0533
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาJenchoke Tachagomain
 
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์Nattapon
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์Da Arsisa
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นNOiy Ka
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นNOiy Ka
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์okbeer
 

Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ-word3-46 (20)

ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
 
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
 
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
ใบงานที่ 3 น.ส.กรกช แก้ววิเชียร ม.4.5 เลขที่ 8
 
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 7 เรื่อง คอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
 
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษาคอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
คอมพิวเตอร์สำหรับบัณฑิตศึกษา
 
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ที่ 1 ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์
 
Chapter1
Chapter1Chapter1
Chapter1
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้นคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์
 
ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์
 
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
 
computer
computercomputer
computer
 
Week01
Week01Week01
Week01
 
Week01
Week01Week01
Week01
 
Week01
Week01Week01
Week01
 

เทคโนโลยีสารสนเทศ-word3-46

  • 1. เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่1 ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีคุณสมบัติที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งพอจะแบ่งออกได้ดังนี้ 1. การเป็นอัตโนมัติ(self acting) คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยอุปกณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดเก็บหรือแปลงข้อมูลให้ อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้ าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ ที่ช้า2.ความเร็ว(speed) คอมพิวเตอร์จะประมวลผลงานด้วยความเร็วสูง ต่างจากการประมวลผลงานในอดีตที่อาศัย แรงงานของซึ่งให้ผลลัพธ์กว่ามากช่วยให้ผู้บริหารนาเอาไปใช้ในการตัดสินใจหรือดาเนินงานได้อย่างรวดเร็ว 3ความถูกต้อง แม่นยา(accuracy คอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยาและมีความผิดพลาดน้อยที่สุดการใช้ แรงงานคนเพื่อประมวลผลเป็นเวลานาน อาจเกิดการผิดพลาดได้ เนื่องมาจากความอ่อนล้า เช่น ลงรายการผิด หรือบันทึก ข้อมูลผิดประเภทตรงกันข้ามกับคอมพิวเตอร์ที่สมารถทางานได้อย่างต่อเนื่องและซ้าๆแบบเดิมได้อย่างดี 4. ความน่าเชื่อถือ(reliability) ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือและสามารถนาไปใช้ ประโยชน์อื่นๆต่อไปได้โดยเฉพาะในปัจจุบันมีฮาร์ดแวร์ที่ผลิตขึ้นด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ 5. การจัดเก็บข้อมูล(storge capability) คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบทั้งข้อมูลที่เป็น ข้อความธรรมดาหลายๆล้านตัวอักษร เพลง ภาพถ่าย วิดีโอหรือไฟล์ข้อมูลใหญ่จานวนมาก 6. ทางานซ้าๆได้(repeatability) คอมพิวเตอร์สามารถทางานซ้าๆกันได้หลายรอบ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจาก การทางานของแรงงานคน นอกจากนั้นยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วยข้อมูลที่ประมวลผลแม้จะยุ่งยากหรือ ซับซ้อนเพียงใดก็ตาม 7. การติดต่อสื่อสาร(communication) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้น แต่ เดิมอาจเป็นแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไปมากเราสามารถเชื่อต่อคอมพิวเตอร์ หลายๆเครื่องเข้าหากันเป็นเครือข่ายได้ วิวัฒนาการก่อนจะมาเป็นคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดาบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์มีความพยายามที่จะคิดค้น เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อนามาช่วยในการนับและคานวณ เริ่มตั้งแต่การใช้นิ้วมือเพื่อช่วยในการนับตัวเลขหนึ่งถึงสิบ แต่เมื่อค่าตัวเลขมีเพิ่มมากขึ้นก็ทาให้อย่างจากัด มนุษย์จึงพยายามหาสิ่งใกล้ตัวมาช่วยนับเพิ่ม เช่น ก้อนกรวด หิน หรือ
  • 2. แท่งไม้ จากนั้นจึงได้พัฒนาและคิดค้นวิธีที่จะทาให้การนับต่างๆนี้ง่ายขึ้นกว่าเดิมกลายเป็นกลไกที่ใช้คานวณ จน วิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจสรุปเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 4 ยุคด้วยกันคือ 1. ยุคก่อนเครื่องกล (premechanical) 2. ยุคเครื่องจักรกล (mechanical) 3. ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์(electronic) 4.ยุคเครื่องอิเล็กทรอนิกส์(electronic) เครื่องกลยุคก่อน เมื่อวิวัฒนาการทางสังคมของมนุษย์มีความเจริญมากขึ้นการใช้นิ้วมือหรือก้อนหินมาช่วยนับนั้นมีข้อกากัดอยู่เช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถนับหรือคานวณหาค่าตัวเลขที่มากๆได้ มนุษย์ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือช่วยนับที่ดีกว่าเดิมโดยการ สร้างระบบตัวเลขขึ้นมาซึ่งจะยกตัวอย่างเครื่องมือในยุคนี้ได้แก่ แผ่นหินอ่อนซาลามิส ลูกคิด แท่งคานวณของเนเปียร์ เป็น ต้น ยุคเครื่องจักรกล เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ดีขึ้น จึงก่อให้เกิดแนวคิดการสร้างเครื่องจักร กลโดยอาศัย การทางานของฟันเฟืองเข้าเข้ามาช่วยอานวยความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคานวณที่ยุ่งยากและซับซ้อน มากๆ ซึ่งขอยกตัวอย่างเครื่องที่อยู่ในยุคสมัยเครื่องจักรกลได้ดังนี้นาฬิกาคานวณ เครื่องคานวณของปาสคาล เครื่อง คานวณของไลบ์นิช เครื่องทอผ้าของแจคการ์ดเครื่องมือของ ยุคเครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในยุคนี้ตัวเครื่องจะใช้เครื่องจักรกลปนกับระบบกระแสไฟฟ้ าในการทางาน มีการประมวณผลโดยอาศัยวงจรที่ ประกอบด้วยหลอดสูญญากาศแต่ก้อทาให้เปลืองต้นทุนในการบารุงรักษามากพอสมควร คอมพิวเตอร์ในยุคนี้แรกๆได้มี การนาเอาไปใช้ในการทางานของภาครัฐและรวมถึงภารกิจทางด้านการทหารนอกจากนั้นก็จะอยู่ในแวดวงของการศึกษา ในระดับสูง ตัวอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีดังนี้ เครื่อง Tabulating Machine - -เครื่อง ABC (Atanasoff-Berry-Computer) -เครื่อง Colossus ยุคคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้มีการประดิษฐ์ให้สามารถคานวณและหาผลลัพธ์ต่างๆได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีการนาเอาไปใช้ ของเครื่องประโยชน์อย่างมากมายทั้งในแวดวงการทหารและการศึกษาระดับสูงทั่วไป จากนั้นจึงได้พัฒนาเข้าสู่การใช้งาน ในเชิงพาณิชย์ ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่
  • 3. -เครื่อง ENIAC -เครื่อง EDSAC -เครื่อง EDVAC เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ (Transistor) ยุคนี้อยู่ระหว่าง พ.ศ. 2502 - 2506 เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (transistor) เป็นองค์ประกอบหลักของ วงจรไฟฟ้ าแทนหลอดสุญญกาศโดยผู้ที่คิดค้นทรานซิสเตอร์คือนักวิทยาศาสตร์สามคนของห้องปฏิบัติการเบลล์ (Bell Laboratories) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แก่ บาร์ดีน (J.Bardeen) แบรทเทน(H.W.Brattain)และชอคเลย์(W.Shockley)การใช้ ทรานซิสเตอร์ในการผลิตคอมพิวเตอร์แทนหลอดสุญญกาศทาให้ตัวคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากโดย ทรานซิสเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกมีขนาด1ใน100ของหลอดสูญญากาศเท่านั้นนอกจากขนาดเล็กแล้วยังมีคุณสมบัติที่ ดีอีกหลายประการคือไม่เปลืองกระแสไฟฟ้ าไม่ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องเมื่อแรกเปิดเครื่องทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์มี ประสิทธิภาพและความเร็วเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถบวกจานวน จานวนได้ในเวลาประมาณหนึ่งในล้านวินาที (microsecond) โดยที่ทรานซิสเตอร์เป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่สาคัญยิ่ง จึงทาให้ นักวิทยาศาสตร์ทั้งสามคนได้รับรางวัลโนเบล เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวม (IC) เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคต่อมาได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่การผลิตเครื่องโดยใช้ ทรานซิสเตอร์แยกเป็นตัวๆทาให้ต้นทุนการผลิตสูงมากขึ้น โดยตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงหรือที่นิยมเรียกว่า มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer) เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ (LSI และ VLSI) เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแผงวงจรรวมขนาดใหญ่ ( LSI และLVSI) ในยุคนี้คือปลายศตวรรษ1970มีการนาไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)ซึ่งเป็นวงจรรวมขนาดใหญ่ที่ผลิตโดยอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า LSI (Large Scale Integrated) และVLSI (Very Large Scale Integrated)เข้ามาแทนแผงวงจรรวมหรือICแบบเดิมเนื่องจากสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากกว่าโดยบรรจุ วงจรทรานซิสเตอร์นับหมื่นแสนหรือล้านตัวลงในชิ้นสารซิลิกอน(silicon)เล็กๆไมโครโปรเซสเซอร์นี้คิดค้นขึ้นโดยบริษัทอิน เทล(Intel)ซึ่งยังเป็นผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ชั้นนาในปัจจุบันและทาให้เกิดการผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสาหรับการใช้ งานทั่วไปที่เรียกว่า“ไมโครคอมพิวเตอร์(microcomputer)”ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย (Network)
  • 4. การใช้งานไมโรคอมพิวเตอร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย มีการออกแบบและ พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กลงพร้อมๆกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่มุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย มากยิ่งขึ้นบริษัทหรือองศ์กรธุรกิจได้นาเอาไมรโครคอมพิวเตอร์หลายๆตัวมาเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในบริเวณ ใกล้หรือในในสานักงานเดียวกัน เรียกว่า เครือข่ายเฉพาะที่ หรือ LAN (Locai network) ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ เมื่อเรานึกถึงคอมพิวเตอร์มักถึงเครื่องพีซี (PC : Perscnal computer) กันเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่เดิมเครื่องพีซี อาจมุ่งเน้นให้ใช้เฉพาะส่วนบุคคลและนิยมใช้อยู่ในบ้านหรือที่พักอาศัยเพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันเนื่องด้วยการขยายตัวของ เครือข่ายดังที่กล่าวไว้แล้ว เราจึงสามารถนาเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อผู้ที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้ามาใช้หรือ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเราได้โดยง่าย เช่น ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์จึงไม่ได้ใช้งานแบบส่วนบุคคลอีก ต่อไปและนับวันก็ได้ความนิยมแพร่หลายมากยิ่งขึ้นห้างร้านหรือบริษัทเองก็มีการเอามาใช้เพื่ออานวยความสะดวกในการ ทางานอย่างมากมาย เช่น ควบคุมและตรวจสอบสินค้าคงคลัง ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบงานมทางานแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจาวันของเราแล้วอย่างไม่ต้อง สังเกตได้จากศัพท์ที่ไม่มีคานาหน้าโดยใช้อักษรย่อ E (electronic) มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น E-Banking E-service E- Learning สิ่งต่างๆเหล่านี้ย่อมอธิบายได้ว่า คอมพิวเตอร์มีบทบาทและความสาคัญเพียงไรกับชีวิตประจาวันของเรา คอมพิวเตอร์กับการใช้งานภาครัฐ ตัวอย่างที่เห็นได้จัดเจนมาที่สุด คือการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปประยุกต์ใช้กับงานทะเบียนราษฎร์ของ ภาครัฐบาล เช่น แจ้งเกิด ตาย ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอื่นๆหรือทาบัตรประชาชนอเนกประสงค์หรือสมาร์ท การ์ดเป็นอีกตัวย่างหนึ่งของการริเริ่มโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-government ตั้งแต่ปี พ.ศ 2544 โดยนาเอา คอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้ปรับปรุงและปฎิรูประบบราชกาลไทยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม คอมพิวเตอร์กับการใช้งานทางด้านธุรกิจทั่วไป ธุรกิจในปัจจุบันหลายๆแห่งมักจะมีการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเพื่อประโยชน์ในแง่ของการประมวลผลที่ รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผู้รับบริการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยประสิทธิภาพในการทางานด้วยมือ แบบเดิมๆ เช่น การนาเอาระบบโปรแกรมบัญชีสาเร็จรูปมาใช้ในงานด้านบัญชีเพื่อทารายการซื้อ ขายสินค้า การเช็คยอด คงเหลือของสินค้า รวมถึงการตรวจสอบรายการลงบัญชี หรือแม้กระทั่งการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการในสานักงานทั่วไป เช่น งานเรียบเรียงเอกสาร งานประมวล (Word processing) งานนาเสนอ (prerentation) คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านการศึกษา ปัจจุบันสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอบรมได้เน้นความสาคัญกับการนาคอมพิวเตอร์มาช่วย ในด้านการสอน หรือที่เรียกกันว่า E-Education เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่อยู่ ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเข้าเรียนสามารถศึกษา ผู้เรียนสามารถทาความเข้าใจกับบทเรียนและสามารถโต้ตอบการ
  • 5. เรียนการสอนได้ได้ตนเอง คอมพิวเตอร์กับงานทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ มีการนาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานทางด้านการแพทย์และสารณสุขอย่างแพร่หลาย เครื่องมือและอุปกรณ์สมัยใหม่ ถูกนาเข้ามาทางานร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคและตรวจสอบอาการของคนไข้ได้เป็นอย่างดี เข่น เครื่องตัว วัดคลื่นสมอง เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่สร้างภาพสามมิติของอวัยวะภายใน ซึ่งช่วยทาให้การรักษาของแพทย์เป็นไปได้ ง่ายและแม่นยามากยิ่งขึ้น สาหรับวิทยาศาสตร์อื่นๆ ได้มีการนาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้มีความแม่นยาและ ถูกต้องน่าเชื่อถือ ช่วยในเรื่องของการทดสอบและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คานวณและจาลองแบบเพื่อสร้างผลงานทาง วิทยาศาสตร์ใหม่ๆหลายๆด้าน ทั้งฟิสิกส์ นิวเคลียร์ เคมี ชีววิทยาโมเลกุลการจาลองกลไกการทางานของระดับโมเลกุลของ ยาใหม่ๆ โลหะวิทยาและวัสดุศาสตร์ การสารวจและขุดเจาะทรัพยากรธรณี รวมถึงการสารวจอวกาศขององศ์การนาซ่า เป็นต้น ประเภทของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์มีลักษณะ ขนาด และราคาที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานที่ใช้ หากงานประมวลผลนั้นไม่ได้ซับซ้อน หรือยุ่งยากมากนัก อีกงานใช้งานอยู่ในวงแคบเช่น ที่บ้านหรือสานักงานขนาดเล็ก คุณอาจหาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ราคา แพงมากหนักมาใช้งาน แต่บางหน่วยงาน เช่น องศ์กรขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้การประมวลผลซับซ้อนมาก และการใช้งานกระ จางอยู่ในวงกว้าง คือมีสาขาหรือสานักงานขนาดใหญ่กระจางอย่างทั่วไป จาแนกตามลักษณะการใช้งาน คอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามกลุ่มการใช้งานนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1. แบบใช้งานทั่วไป เป็นคอมพิวเตอร์ที่เราพบเห็นได้ในการทางานทั่วไป เช่น ตามบ้านหรือสานักงาน อาคาร ห้างร้าน บริษัททั่วไป ซึ่ง เป็นการใช้การโดยเอนกประสงค์ ผู้ใช้งานสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับงานค่อยข้างหลากหลาย เช่น งานด้านสานักงาน การลงรายการบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ พิมพ์รายงาน ฟังเพลง หรือ ดูหนังแบบส่วนตัวคอมพิวเตอร์กลุ่มนี้เป็นที่นิยมใช้กัน อย่างแพร่หลาย มักมีราคาถูกซื้อได้ทั่วไป 2. แบบใช้งานเฉพาะ เป็นคอมพิวเตอร์กลุ่มที่ใช้งานแบบเฉพาะอย่างหรือเป็นกรณีไป ไม่สามารถนาไปใช้กับงานอย่างอื่นได้ ความยึด หยุ่นในการใช้งานจึงมีน้อยกว่าแบบใช้งานทั่วไป โดยมากนักเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ทางานทางด้าน อุตสาหกรรมหรือโรงงานเป็นหลัก เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติในโรงงาน เครื่องจักรกลอัตโนมัติ หุ่นยนต์ขนถ่ายสินค้า เครื่องตรวจวัดสภาพอากาศ มักมีราคาแพงและใช้งานเฉพาะบริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จาแนกตามขนาดและความสามารถ เป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ
  • 6. 1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงที่สุด บางครั้งก็เรียกว่า เครื่องคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงซึ่งส่วนใหญ่ นาไปใช้กับการทางานเฉพาะทางที่ต้องการความเร็วในการประมวลผลอย่างมาก ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ Cray เป็นต้น 2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่มีสมรรถนะการทางานสูงเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้เน้นความเร็วในการคานวณเป็นหลักอย่างซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเมนเฟรมส่วนใหญ่ผลิตมาจากบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนาเช่นไอบีเอ็ม บริษัทสาขาและเกี่ยวข้องกับการ ประมวลผลข้อมูลในปริมาณมาก เช่น ธนาคารหรือธุรกิจสายการบิน เป็นต้น 3. มินิคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะรองลงมาจากเครื่องเมนเฟรม ส่วนใหญ่นาไปใช้กับบริษัทหรือหน่วยงานขนาด กลางสาหรับให้บริการแก่เครื่องลูกข่าย เพื่อให้บริการเครื่องมือต่างๆ เช่น ให้บริการแฟ้ มข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มินิคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจาแนกได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะมีตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่มีความเทียบเท่าเครื่องพีซี 4. ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือคอมพิวเตอร์ที่มีนิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อมาใช้ได้ทั่วไป มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปัจจุบันได้รับการพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้นมากมักพบเห็นในสานักงานหรือบ้านที่พัก อาศัยทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจรวมถึงคอมพิวเตอร์ประเภทเคลื่อนย้ายสะดวก เช่น โน๊ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค เดสก์ โน๊ต และแท็บเล็ตพีซีด้วย 5. คอมพิวเตอร์มือถือ เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทอื่นๆอีกทั้งสามารถพกพาไปยังที่ต่างๆได้ง่ายกว่า ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้อาจนาไปใช้กับการจัดการข้อมูลประจาวัน การสร้างปฏิทินนัดหมาย การดูหนัง ฟังเพลงรวมถึงการรับอีเมล์ บางรุ่นสามารถเทียบเคียงได้กับไมโครคอมพิวเตอร์ทีเดียว คอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ที่รู้จักและ เป็นที่นิยมกันอย่างดี เช่น พีดีเอ ซึ่งปัจจุบันมีหลายมาตรฐาน และใช้ร่วมกันไม่ได้ เช่น Pocket PC ของไมโครซอฟท์ iphone ของบริษัท Apple และยังมีมาตรฐานอื่นๆอีกหลายแบบ คอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ปัจจุบันปริมาณผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆและคอมพิวเตอร์ถูกนามาใช้กับงานที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ ปัจจุบันได้พัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างทั่วถึง การออกแบบตัวเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆก็ได้มีการปรับปรุง ขนาดให้เล็กลงและมีรูปลักษณ์ภายนอกสามารถเป็นเครื่องประดับหรือเฟอร์นิเจอร์ของห้องทางานได้อีกด้วย รูปลักษณ์ ของไมโครคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปรวมถึงคอมพิวเตอร์มือถือที่เราอาจพบเห็นหรือหามาใช้งานได้พอจะจาแนกออกเป็นหลาย กลุ่มดังนี้ 1.เดสก์ท็อป(Desktop) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดตั้งโต๊ะที่ใช้ตามสานักงานหรือตามบ้านทั่วไป
  • 7. 2. โน๊ตบุ๊ค(Notebook) เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็กทีได้รับความนิยมมาก กินไฟน้อย และราคาไม่แพง 3. เดสก์โน๊ต(Desknote) ไม่มีแบตเตอรี่ที่คอยจ่ายไฟให้จึงต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลาราคาถูกกว่าโน๊ตบุ๊ค 4.แท็บเล็ตพีซี(Tablet PC) ผู้ใช้สามารถป้ อนข้อมูลเข้าไปได้โดยการเขียนบนจอภาพ 5. สมาร์ทโฟน(Smart Phome) มีความสามารถอื่นๆเข้าไปอีกมากมาย เช่น กล้องถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง คอมพิวเตอร์ในอนาคต แนวโน้มของการสร้างคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานไม่ได้หยุดอยู่เพียงการผลิตให้มีขนาดที่เล็กลง มีราคาถูก และเน้น รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น หากแต่ยังต้องพยายามคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ยิ่งขึ้น ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างปัญหาเทียมเลียนแบบการคิดหรือสมองของมนุษย์ ซึ่งในหลายๆด้านก็มีการประยุกต์ เอาคอมพิวเตอร์เข้าไปใช้เพื่อคิดและตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ(expert system) เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่นาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามา ประยุกต์ใช้งาน เพื่อเก็บรวบรวมความรู้ต่างๆที่จาเป็นต้องใช้สาหรับงานใดงานหนึ่งให้อยู่ตลอดไปในหน่วยงานโดยไม่ ขึ้นกับบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ วินิจฉัยหรือตัดสินใจต่างๆได้อย่างแม่นยา ปัญหาและข้อจากัดของการใช้งานคอมพิวเตอร์ การนาเอาคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้ในงานต่างๆนั้น จะเห็นได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยให้การ ทางานเร็วและสะดวกขึ้น คอมพิวเตอร์เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาสาหรับแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆตามที่ มนุษย์สอนหรือกาหนดไว้เท่านั้น ระบบคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะมีความสามารถในเรื่องของการคิดและตัดสินใจได้แทนมนุษย์ แต่ก็เป็นแค่บางเรื่อง หรือบางกรณีเท่านั้น ซึ่งไม่ใช้ทั้งหมดทีเดียว การประมวลผลบางอย่างของคอมพิวเตอร์อาจไม่ฉลาดเท่ากับการคิดและ ตัดสินใจของมนุษย์ได้เลย เพราะคอมพิวเตอร์จะทางานตามที่ได้รับคาสั่งหรือตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้น ปัญหาของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่พบมากที่สุดก้อคือ ความรู้ไม่ทันเทคโนโลยี ที่มีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานจึงจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามข่าวสารและปรับตัวให้ทันสมัย ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง เช่น ใช้พิมพ์ข้อความหรือรายงานเอกสารธรรมดา ในยุคนั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดี สร้างไวรัสเข้ามาก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ให้ความสามารถในการทางานของมันด้อยลงไปได้ ปัญหาที่พบเห็นบ่อยอีกข้อหนึ่งในปัจจุบันคือ ปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมักจะเกิดจากคนที่มีความรู้ และความชานาญทางคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ แต่กลับนาเอาความรู้นั้นไปใช้ในทางที่ผิดและสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น อย่างมาก เช่น การขโมยข้อมูลที่มีความสาคัญโดยใช้วิธีการที่แบบยลและนาเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว