More Related Content
More from Nu Mai Praphatson
More from Nu Mai Praphatson (13)
บทที่ 1
- 3. 2. กำรทำงำนด้วยควำมเร็วสูง (speed) เนื่องจำกกำรทำงำน
ของคอมพิวเตอร์เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นกำรดำเนินงำนต่ำงๆ
จึงสำมำรถกระทำได้อย่ำงรวดเร็ว (มำกกว่ำพันล้ำนคำสั่งในหนึ่ง
วินำที)
3. ควำมถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (accuracy and reliability)
คอมพิวเตอร์จะทำงำนตำมคำสั่งที่มนุษย์เขียนโปรแกรมหรือคำสั่งไว้
ถ้ำผู้ใช้ป้ อนข้อมูลและชุดคำสั่งมีควำมถูกต้องผลลัพธ์ที่ได้จำกกำร
ประมวลผลก็จะมีควำมถูกต้องเชื่อถือได้
- 4. 4. กำรเก็บข้อมูลได้ในปริมำณมำก (storage) คอมพิวเตอร์มี
หน่วยควำมจำที่ทำหน้ำที่เก็บข้อมูลที่บันทึกเข้ำไปควำมสำมำรถใน
กำรจัดเก็บข้อมูลนี้จะขึ้นอยู่กับขนำดของคอมพิวเตอร์ เช่น เครื่อง
ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะมีหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
ที่สำมำรถบันทึกข้อมูลได้มำกกว่ำหนึ่งล้ำนตัวอักษร
- 10. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้มีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง ซึ่งสำมำรถแบ่ง
กำรพัฒนำคอมพิวเตอร์จำกอดีตถึงปัจจุบันได้ 5 ยุค ดังนี้
1) คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Computer ค.ศ. 1951 -1958)
- ลักษณะตัวเครื่อง มีขนำดใหญ่ ใช้ไฟฟ้ ำแรงสูง กำรทำงำนของเครื่องทำให้
เกิดควำมร้อนสูงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องปรับอำกำศตลอดเวลำ
- ใช้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และหลอดสุญญำกำศ
- มีหน่วยควำมเร็วกำรทำงำนเป็น Second
- สื่อข้อมูล ใช้บัตรเจำะรู
- ภำษำคอมพิวเตอร์ ใช้ภำษำเครื่อง (Machine Language) และ
ภำษำแอสเซมบลี (Assembly)
- ตัวอย่ำงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เช่น UNIVAC1
- 12. 2) คอมพิวเตอร์ยุคที 2 (Second Generation Computer
ค.ศ. 1959 -1964)
- ลักษณะตัวเครื่อง มีขนำดเล็กลง กำรทำงำนของเครื่องจึงเกิดควำมร้อน
น้อยลง
- ใช้หลอดทรำนซิสเตอร์แทนหลอดสุญญำกำศ และมีวงแหวนแม่เหล็ก
(Magnetic Core) เป็นหน่วยควำมจำภำยใน
- มีหน่วยควำมเร็วกำรทำงำนเป็น Millisecond
- สื่อข้อมูล ใช้บัตรเจำะรู และเทปแม่เหล็ก
- ภำษำคอมพิวเตอร์ ใช้ภำษำสัญลักษณ์
(Symbolic Language) และภำษำฟอร์แทรน (Fortran)
- ตัวอย่ำงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เช่น
IBM1620 IBM1401 CDC1604 และ NCR315
- 14. 3) คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation
Computer ค.ศ. 1965 - 1971)
- ลักษณะตัวเครื่อง มีขนำดเล็กลง
- ใช้ไอซี (Integrated Circuit)
- มีหน่วยควำมเร็วกำรทำงำนเป็น Microsecond
- สื่อข้อมูล ใช้บัตรเจำะรู เทปแม่เหล็ก
และจำนแม่เหล็ก
- ภำษำคอมพิวเตอร์ ใช้ภำษำโคบอล (Cobol Language)
และภำษำพีแอลวัน (PL/1)
- ตัวอย่ำงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เช่น IBM360 CDC3300
NCR395 และ UNIVAC9400
- 16. 4) คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Forth Generation
Computer ค.ศ. 1972 -1980)
- ลักษณะตัวเครื่อง มีขนำดเล็ก
- มีเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น
- ใช้วงจรรวมขนำดใหญ่ เรียกว่ำ LSI (Large
Scale Integrated)
- มีหน่วยควำมเร็วกำรทำงำนเป็น Nanosecond
- สื่อข้อมูล ใช้เทปแม่เหล็ก จำนแม่เหล็ก
- ภำษำคอมพิวเตอร์ ใช้ภำษำเบสิก ภำษำปำสคำล และภำษำซี
- ตัวอย่ำงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เซ่น IBM370 IBM3033
CDC7600 UNIVAC9700 และ IBM PC
- 18. 5) คอมพิวเตอร์ยุคที 5 (Fifth GenerationComputer ค.ศ. 1981 -
ปัจจุบัน)
- มีกำรใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในกำรจัดกำร และสนับสนุนกำรตัดสินใจ
ของผู้บริหำรมำกขึ้น ทำให้มีระบบงำนใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น
- ระบบสำรสนเทศเพื่อกำรจัดกำร
(Management Information System: MIS)
- ระบบสนับสนุนกำรตัดสินใจ
|(Decision Support System: DSS)
- ระบบสำนักงำนอัตโนมัติ
(Office Automation System: OAS)
- 21. คอมพิวเตอร์มีมำกมำยหลำยประเภทด้วยกัน แต่ละประเภทมีวิธีกำรใช้งำน ระบบ
กำรทำงำน และกำรอำนวยควำมสะดวกต่ำงกัน ซึ่งประเภทของคอมพิวเตอร์
สำมำรถแบ่งได้ตำมหลักกำรแบ่ง ต่ำงๆ ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์แบ่งตำมลักษณะของข้อมูล สำมำรถแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
1) คอมพิวเตอร์แบบอนำล็อก (Analog Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงำนโดยใช้หลักกำรวัดปริมำณของข้อมูล รับข้อมูล
นำเข้ำในลักษณะที่มีค่ำต่อเนื่องและผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในรูปของกำรวัดและ
เปรียบเทียบค่ำต่ำง ๆ ตัวอย่ำงเช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ตรวจวัดคลื่นสมอง
- 22. 3) คอมพิวเตอร์แบบไฮบริด (Hybrid Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคนิคและส่วนประกอบของอนำล็อกและ
ดิจิตอลผสมกัน ดังนั้นในคอมพิวเตอร์ประเภทนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แปลง
สัญญำณอนำล็อกให้เป็นสัญญำณดิจิตอลและอุปกรณ์แปลงสัญญำณ
ดิจิตอลให้เป็นสัญญำณอนำล็อก โดยมีตัวประสำนงำนเรียกว่ำ Hybrid
Interface เป็นตัวควบคุมสัญญำณทั้งสองนี้ตัวอย่ำงเช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้
ควบคุมกำรเดินทำงของยำนอวกำศ
- 23. 2) คอมพิวเตอร์แบบดิจิตอล (Digital Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงำนโดยใช้หลักกำรรับ/ส่งข้อมูลในลักษณะ
ของตัวเลข ผลลัพธ์ที่ได้ มีควำมแม่นยำกว่ำคอมพิวเตอร์แบบอนำล็อก เก็บ
ข้อมูลได้ในปริมำณมำก ๆ และสำมำรถประมวลผล ได้อย่ำงรวดเร็ว
ตัวอย่ำงเช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้งำนตำมองค์กรต่ำง ๆ
- 24. 2.คอมพิวเตอร์แบ่งตำมวัตถุประสงค์กำรใช้งำน สำมำรถแบ่งได้ 2
ประเภท คือ
1) คอมพิวเตอร์แบบทั่วไป (GeneralPurpose Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่สำมำรถใช้ได้กับงำนหลำย ๆ ประเภท และ
หลำยภำษำ เช่น งำนวิจัย งำนบัญชี เป็นต้น
2) คอมพิวเตอร์แบบเฉพำะกิจ (Special Purpose Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ได้กับงำนเฉพำะอย่ำง ประเภทใด
ประเภทหนึ่งเท่ำนั้น เช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในกำรตรวจโรคตำม
โรงพยำบำล
- 25. 3.คอมพิวเตอร์แบ่งตำมขนำดและรำคำของเครื่อง สำมำรถแบ่งได้ 4
ประเภท คือ
1) ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนำดใหญ่ที่สุด สำมำรถทำงำนได้อย่ำง
รวดเร็วและมีประสิทธิภำพสูงนิยม นำมำใช้ในงำนที่มีกำรคำนวณซับซ้อน
ตัวอย่ำงเช่น
-เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในกำรพยำกรณ์อำกำศ
ทั่วโลก
-เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงำนวิจัยทำงด้ำน
อำวุธยุทโธปกรณ์
- 26. 2) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนำดรองลงมำ นิยมนำมำใช้งำนในองค์กร
ธุรกิจ และหน่วยงำนใหญ่ ๆ เพรำะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงำนได้อย่ำงรวดเร็ว
สำมำรถเก็บข้อมูลข่ำวสำรในปริมำณมำกๆได้ และสำมำรถเชื่อมโยงกับ
เทอร์มินัลได้หลำยๆ เครื่อง ตัวอย่ำงเช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้กับงำนธนำคำร
นอกจำกทำกำรประมวลผลข้อมูลในธนำคำรแล้ว ยังสำมำรถควบคุมกำรใช้
เครื่องเอทีเอ็มตำมสถำนที่ต่ำงๆ อีกด้วย
- 27. 3) มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะกำรทำงำนคล้ำยกับ
เครื่องเมนเฟรม แต่มีขนำดเล็กกว่ำควำมเร็วในกำรทำงำนและ
รำคำต่ำกว่ำ นิยมนำมำใช้งำนในองค์กรธุรกิจขนำดกลำง
- 28. 4) ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer)
ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนำดเล็ก บำงคนเห็น
ว่ำเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งำนส่วนบุคคล หรือเรียกว่ำ พีซี (Personal
Computer: PC) สำมำรถใช้เป็นเครื่องต่อเชื่อมในเครือข่ำย หรือใช้เป็นเครื่อง
ปลำยทำง (Terminal) ซึ่งอำจจะทำหน้ำที่เป็นเพียงอุปกรณ์รับและแสดงผล
สำหรับโอนข้อมูลและดูผลลัพธ์โดยดำเนินกำรประมวลผลบนเครื่องอื่นใน
เครือข่ำย
อำจจะกล่ำวได้ว่ำไมโครคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วย
ประมวลผลกลำงเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ ใช้งำนง่ำยทำงำนในลักษณะส่วน
บุคคลได้
- 32. ปำล์มท็อปคอมพิวเตอร์ (Palmtop Computer) เป็น
ไมโครคอมพิวเตอร์สำหรับทำงำนเฉพำะอย่ำง เช่นเป็นพจนำนุกรม เป็นสมุด
จดบันทึกประจำวัน บันทึกกำรนัดหมำยและกำรเก็บข้อมูลเฉพำะบำงอย่ำงที่
สำมำรถพกพำติดตัวไปมำได้สะดวก
รูปแสดงเครื่องปำล์มท็อปคอมพิวเตอร์
- 34. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
1. ฮำร์ดแวร์ (Hardware)
หมำยถึง อุปกรณ์ต่ำงๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มี
ลักษณะเป็นโครงร่ำงสำมำรถมองเห็นด้วยตำและสัมผัสได้ (รูปธรรม)เช่น
จอภำพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมำส์ เป็นต้น ซึ่งสำมำรถแบ่งออกเป็นส่วน
ต่ำงๆ ตำมลักษณะกำรทำงำน ได้ 4 หน่วยคือ
1)หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
2)หน่วยประมวลผลกลำง (Central Processing Unit: CPU)
3)หน่วยแสดงผล (Output Unit)
4)หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage)
โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้ำที่กำรทำงำนแตกต่ำงกัน
- 36. 2. ซอฟต์แวร์ (Software)
หมำยถึง โปรแกรม (Program) หรือชุดคำสั่งที่ควบคุมให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงำนให้ได้ผลลัพธ์ตำมที่ต้องกำร ซึ่ง
คอมพิวเตอร์ฮำร์ดแวร์ที่ประกอบออกมำจำกโรงงำนจะยังไม่
สำมำรถทำงำนได้ในทันที ต้องมีซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นโปรแกรมหรือ
ชุดคำสั่งที่สั่งให้ฮำร์ดแวร์ทำงำนตำมต้องกำรได้ โดยโปรแกรมหรือ
ชุดคำสั่งนั้นจะเขียนจำกภำษำต่ำงๆ ที่มนุษย์สร้ำงขึ้น เรียกว่ำ
ภำษำคอมพิวเตอร์ ภำษำใดภำษำหนึ่ง และมีโปรแกรมเมอร์
(Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภำษำคอมพิวเตอร์
เหล่ำนั้นเขียนซอฟต์แวร์แบบต่ำงๆขึ้นมำ
- 38. 3 บุคลำกร (Peopleware)
คือ เจ้ำหน้ำที่ปฏิบัติงำนต่ำงๆ และผู้ใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ในหน่วยงำนนั้นๆ บุคลำกรด้ำนคอมพิวเตอร์นั้น มี
ควำมสำคัญมำกเพรำะกำรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงำนต่ำงๆ
นั้นจะต้องมีกำรจัดเตรียมเปลี่ยนระบบ จัดเตรียมโปรแกรม
ดำเนินกำรต่ำงๆ หลำยอย่ำง ซึ่งไม่สำมำรถทำด้วยตัวเองได้ ถ้ำ
หำกไม่ใช่ผู้ที่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์มำกนัก เรำจึงถือว่ำบุคลำกร เป็น
ส่วนประกอบที่สำคัญของ ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
- 40. 3.2 นักวิเครำะห์และออกแบบระบบ (Systems
Analyst and Designer: SA) ทำหน้ำที่ศึกษำและรวบรวม
ควำมต้องกำรของผู้ใช้ระบบ และทำหน้ำที่เป็นสื่อกลำง
ระหว่ำงผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรม (Programmer)
หรือปรับปรุงคุณภำพงำนเดิม นักวิเครำะห์ระบบต้องมีควำมรู้
เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พื้นฐำนกำรเขียนโปรแกรม
และควรจะเป็นผู้มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์
มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
- 41. 3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือบุคคลที่ทำหน้ำที่
เขียนซอฟต์แวร์ต่ำงๆ (Software) หรือเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งงำน
ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงำนตำมควำมต้องกำรของผู้ใช้ โดยเขียน
ตำมแผนผังที่นักวิเครำะห์ระบบได้เขียนไว้
- 42. 3.4 ผู้ใช้ (User) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้
ปฏิบัติหรือกำหนดควำมต้องกำรในกำรใช้ระบบคอมพิวเตอร์ว่ำ
ทำงำนอะไรได้บ้ำง ผู้ใช้งำนคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะต้องเรียนรู้
วิธีกำรใช้เครื่อง และวิธีกำรใช้งำนโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่
สำมำรถทำงำนได้ตำมที่ต้องกำร