บทที่8
- 2. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้
• การวัดผล (Measurement) คือ กระบวนการหาปริ มาณ หรื อจานวนของสิ่ งของ
ต่าง โดยผลที่เออกมาจะเป็ นตัวเลขหรื อรู ปแบบของสัญลักษณ์ที่สื่อถึงสิ่ งที่เรา
ต้องการ อาทิเช่น อยากรู ้วานายสมศักดิ์ หนักเท่าไหร่ เราก็จาเป็ นจะต้องมีเครื่ องมือ
่
ในการวัดผลคือ เครื่ องวัดส่ วนสูง และนามาวัดเมื่อทราบว่า นายสมศักดิ์ สูง 185
ซึ่ง 185 คือค่าที่ได้จากการวัดผลส่ วนสู งของนายสมศักดิ์
• การทดสอบการศึกษา คือ กระบวนการวัดประเมินผลอย่างหนึ่ง ที่มีการ
กระทาอย่างมีระบบและเข้าไปช่วยกระตุนให้เกิดกระบวนการคิดและได้แสดง
้
พฤติกรรมออกมาอย่างเต็มที่อย่างใดอย่างหนึ่ง
- 3. การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ (ต่ อ)
• การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง เป็ นการตัดสิ นใจอย่างใดอย่าง
หนึ่ง หรื อการวินิจฉัยสิ่ งที่เกิดขึ้นมาหรื อสิ่ งที่ได้รับการวัดผลมาแล้ว อาทิ
เช่น นายสมศักดิ์สูง 185 เซนติเมตร ผลการประเมินถือว่า เป็ นคนที่มี
ส่ วนสูง สูงมาก โดยต้องพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานที่ได้ให้กาหนดไว้
ด้วย
• บลูม (Bloom) และคณะ ได้แบ่งพฤติกรรมที่จะทาการวัดผล ได้ 3
ลักษณะด้วยกัน คือ 1.) วัดพฤติกรรมทางด้านพุทธิพสย ได้แก่ ด้านิ ั
ความคิด ความรู ้ (ด้านสมอง)
2.) วัดพฤติกรรมด้านจิตพิสย ได้แก่ ด้านความรู ้สึกนึกคิด (ด้านจิตใจ)
ั
3.) วัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสย ได้แก่ การใช้กล้ามเนื้อ ประสาทสัมผัส
ั
ส่ วนต่างๆของร่ างกายเรา (ด้านการปฏิบติ) ั
- 5. หลักการวัดผลการศึกษา
•หลักการวัดผลการศึกษานี้ได้ถูกแบ่งออกเป็ น 5 หลักใหญ่ดวยกัน ได้แก่
้
1.) ตองวัดให้ตรงตามจุดมุ่งหมายของการเรี ยนการสอน
2.) เลือกใช้ใช้เครื่ องมือที่ดีและเหมาะสม และต้องมีคุณภาพด้วย
3.) ระวังความคลาดเคลื่อนหรื อความผิดพลาดของการวัด เมื่อใช้กควรที่ ็
่
จะระมัดระวังอยูตลอดเวลา
4.) ประเมินผลการวัดให้ถูกต้อง คะแนนที่ผเู ้ รี ยนได้ตองแปลงให้
้
สมเหตุสมผลกันและถูกต้องตามหลักเกณฑ์การวัดผลประเมินผล
5.) การใช้ผลการวัดให้คุมค่า สิ่ งสาคัญคือ เพือค้นและพัฒนาสมรรถภาพ
้ ่
ของผูเ้ รี ยนเอง ต้องพยายามรู ้จกผูเ้ รี ยนให้มาก ในแต่ละคนๆ ว่า เด่นหรื อ
ั
ด้อย ทางไหนบ้าง และหาแนวทางแก้ไขปั ญหาให้จงได้อยูเ่ สมอ
- 6. เครื่องมือที่ใช้ ในการวัดผล
• การสังเกต (Observation) คือ การพิจารณาปรากฎการณ์ต่างๆ ที่
เกิดขึ้นเพือค้นหาความจริ ง
่
• การสังเกตจะมีรูปแบบการสังเกตเป็ น 2 ลักษณะคือ สังเกตแบบร่ วม
ด้วยกันกิจกรรมนั้นๆที่จดขึ้นมาในห้องเรี ยนหรื อร่ วมกับผูเ้ รี ยนใน
ั
กิจกรรมนั้นๆ อีกแบบก็คือ การสังเกตผลโดยการอยูห่างๆและมอง
่
เป็ นภาพร่ วมๆว่าผูเ้ รี ยนมีขอบกพร่ องที่ไหน โดยสรุ ปเป็ นภาพร่ วม
้
และยังแยกย่อยออกมาเป็ น แบบไม่มีโครงสร้างและแบบมีโครงสร้าง
ด้วย
- 7. การสั มภาษณ์ Interview
• การสัมภาษณ์ คือ การสนทนาพูดคุยกันในเรื่ องนั้นๆ โต้ตอบกันอย่างมี
จุดมุ่งหมายร่ วมกันเพื่อค้นหาความจริ ง ตามวัตถุประสงค์ที่ต้ งไว้ลวงหน้า การ
ั ้
สัมภาษณ์น้ นมีรูปแบบในวิธีน้ ีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบมีโครงสร้างและไม่มี
ั
โครงสร้าง
• แบบสอบถาม (Questionnaire) คือ เครื่ องมือที่ช่วยวัดผลการศึกษาได้อีกแบบ
หนึ่งที่เป็ นลายลักษณ์อกษรและเป็ นที่นิยมกันมาก โดยอย่างยิงการเก็บข้องมูล
ั ่
ทางด้านสังคมศาสตร์ อีกทั้งยังใช้วดได้อย่างกว้างขวาง โดยมีรูปแบบของ
ั
แบบสอบถามมี 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบสอบถามชนิดปรายเปิ ด (Open-ended
Form) แบบที่สองคือแบบสอบถามปรายปิ ด (Closed-ended Form) โดยยัง
แบ่งย่อยออกมาได้อีก 4 แบบสอบถามแบบปรายปิ ดอีกด้วย ได้แก่
- 8. การสั มภาษณ์ Interview(ต่ อ)
• แบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
• มาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale)
• แบบจัดอันดับ (Rank Order)
• แบบเติมคาสั้นๆลงในช่องว่าง (Fill in the blanks)
- 9. การประเมินผลทางการศึกษา
• การประเมินผลทางการศึกษา (Educational Evaluation) หมายถึง
กระบวนการในการตัดสิ นใจลงสรุ ปคุณลักษณะหรื อพฤติกรรมของ
่
ผูเ้ รี ยนว่ามีอยูในระดับใด โดยต้องนามาเปรี ยบเทียบกับเกณฑ์ ซึ่งมี
องค์ประกอบอยู่ 3 องค์ประกอบด้วยกัน ได้แก่
1. ผลการวัด (Measurement)
2. เกณฑ์การพิจารณา (Criteria)
3. การตัดสิ นใจ (Decision)
- 10. ขอบข่ ายของการประเมินผลทางการศึกษา
• มันเป็ นสิ่ งที่มองเห็นเป็ นภาพในทางการศึกษาทั้งหมดเพราะ สิ่ งที่สาคัญของ
มนุษย์เราเป็ นหลักเลยคือ การศึกษา ว่าประกอบด้วยสิ่ งใดบ้าง กล่าวคือ มองภาพ
การศึกษาว่าเป็ นการเรี ยนการสอนเพียงประการเดียว การประเมินการศึกษาจะ
ประเมินในห้องเรี ยนเท่านั้น แต่หากว่ามองให้กว้างกว่าเดิม ภาพที่เห็นนั้นจะมี
องค์ประกอบที่มากขึ้นและจะยิงทาให้การศึกษาไม่มีที่สิ้นสุ ด และเป็ นไปอย่างไม่
่
มีหยุด
• การศึกษาก็จะคลอบคลุมไปถึงองค์ประกอบดังที่จะกล่าวด้วยคือ
1. Input
2. Process
3. Product or Output
- 12. การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์
• เป็ นการวัดผลเพื่อต้องการทราบว่าผูเ้ รี ยนนั้นมีความสามารถถึงเกณฑ์ที่
กาหนดไว้รึเปล่า และผลนั้นต้องนาคะแนนที่ได้ไปกระทาในกระบวนการ
แปลงคะแนนอีกที โดยคะแนนนั้นจะได้มาจากผลงานที่ดาเนินงานหรื อการ
่
เรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยนเอง แต่โดยตั้งให้ผานหรื อเท่ากับเกณฑ์ ถึงจะถือว่าผ่าน และยัง
มีขอควรคานึงถึงการประเมินแบบอิงเกณฑ์น้ ีดวย ได้แก่
้ ้
1. วัตถุประสงค์การสอนต้องชัดเจน
2. ข้อสอบมีความเที่ยงตรงสูงและครอบคลุมวัตถุประสงค์การสอน
3. เกณฑ์ที่วดต้องเด่นชัด มีหลักเกณฑ์ที่อางอย่างมียติธรรม
ั ้ ุ
- 13. การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม
• เป็ นการวัดประเมินผลและเพื่อเปรี ยบเทียบคะแนนของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เพื่อนาไปจาแนกและแยกระดับว่า คะแนนสูงสุ ด - ต่าสุ ด แล้วนามา
เปรี ยบเทียบเพื่อประเมิน เช่นคะแนนการสอบคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาใน
ระดับมหาวิทยาลัย
• ข้อควรคานึงถึง ได้แก่
1. ข้อสอบต้องมีคุณภาพสูง มีความเชื่อถือได้และเที่ยงตรง
2. ข้อสอบที่ใช้จะต้องครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด การประเมินจะต้องมีควา
ยุติธรรม และตามสภาพความเป็ นจริ งที่ได้ของผลการเรี ยนนั้นๆ
- 14. สรุ ปท้ ายบทที่ 8
บทที่ 8 นี้เป็ นเรื่ องเกี่ยวกับการประเมินผล วัดผล ต่างๆทางการศึกษาและยังสามารถ
นาไปใช้ได้อีกด้วยตามสภาพความเป็ นจริ งที่เป็ นอยู่ ซึ่งการประเมินเป็ นสิ่ งที่สาคัญที่สุด
ของการศึกษาเลยในระดับหนึ่ง เพราะการศึกษาหากไม่มีการวัดผลและประเมินผล เราก็
จะไม่สามารถทราบได้เลยว่า การเรี ยนของตนเองมีความกว้าหน้ามากน้อยแค่ไหนและ
ยังสามารถบ่งชี้ถึงความรู ้ความสามารถของแต่ละตัวบุคคลนั้นๆอีกด้วยว่ามีอะไรที่อยูใน ่
ตัวเราบาง โดยต้องจัดเป็ นทั้งสามด้าน ได้แก่
- ด้านพุทธิพิสย ั
- ด้านจิตพิสัย
- ด้านทักษะพิสย ั
• ทั้งสามด้านนี้เป็ นจุดใหญ่ที่การศึกษาจาเป็ นจะต้องทาการประเมินและวัดออกมาเป็ น
ค่าของ “คน”