More Related Content
Similar to วัฏจักรน้ำ (20)
วัฏจักรน้ำ
- 2. (Water cycle)
นำำำจัดเป็นทรัพยำกำรที่สำมำรถสร้ำงทดแทนขึำนใหม่ได้ นำำำประมำณ 97 % เป็นนำำำในมหำสมุทร
และอีก 3% เป็นนำำำที่ขัำวโลก แม่นำำลำำธำร นำำำใต้ดิน และอื่น ๆ ในกำรหมุนเวียนของนำำำเริ่มจำก
แสงแดดที่ส่องมำยังโลก โดยใช้พลังงำนจำกแสงแดดนีำจะมีผลต่อกำรละเหย (Evaporation)
และกำรคลำยนำำำของพืช (Transpiration) เมื่อไอนำำำตกกระทบควำมเย็นจะเกิดกรควบแน่น
(Condensation) แล้วตกมำสู่แผ่นดินและมหำสมุทรหมุนเวียนเช่นนีำไปเรื่อยไป
จึงทำำให้เกิดวัฏจักรของนำำำ อยู่ในสภำวะที่สมดุลแต่ในปัจจุบันเสียสมดุลอันเนื่องมำจำก
สำเหตุ 2 ประกำร
1.การตัดไม้ทำาลายป่า
2.การเกิดประกฎการณ์เรือนกระจก (Green House Effect)
วัฏจักรนำำาของนำำำแบ่งได้ 2 แบบ ดังนีำ
1.วัฏจักรสัำน (Short cycle) เป็นวัฏจักรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากพืำนนำำา
และพืำนดินระเหย กลายเป็นไอลอยขึนไปในบรรยากาศแล้วกลั่นตัวกลาย
ำ
ตกลงมาเป็นนำำาฝนหมุนเวียนกลับ สู่พนดินและพืำนนำำาต่อไป
ืำ
2.วัฏจักรยาว(Long cycle) เป็นวัฏจักรที่เกี่ยงข้องกับการดำารงชีวิตของสิ่งมีชีวต ิ
วัฏจักรนีำเริมจากนำำา ซึ่งอยูในบริเวณที่เป็นพืำนดินและพืำนนำำา นำำาที่ได้จากการคายนำำา
่ ่
ของพืชจากการหายใจ จากร่างกายของพืชและสัตว์ เมื่อสิ่งมีชีวตตายลง ในนำำาในร่างกาย
ิ
จะระเหยกลายเป็นไอ ลอยตัวอยู่ในบรรยากาศแล้วกลั่นตัวเป็นหยดนำำาตกลงมาเป็นฝน
หมุนเวียนกลับคืนสู่พนนำำาพืนดิน และสิ่งมีชีวิตอีกด้วย หมุนเวียนเป็นวัฏจักรอย่างนีำเรื่อยไป
ืำ ำ
- 3. วั ฏ จั ก รนำ ำ ำ
กำ ำ เนิ ด ทะเลและมหำสมุ ท ร
โลกของเรำเกิดขึำนพร้อมๆ กับดวงอำทิตย์ และดำวเครำะห์ดวงอื่นๆ ใน
ระบบสุริยะเมื่อประมำณ 4,600 ล้ำนปีมำแล้ว ก๊ำซและฝุ่นรวมตัวก่อกำำเนิดเป็น
ดวงอำทิตย์และดำวเครำะห์ โลกในยุคแรกเป็นของเหลวหนืดร้อน ถูกกระหนำ่ำชน
ด้วยอุกกำบำตขนำดใหญ่ตลอดเวลำ (ภำพที่ 1) องค์ประกอบซึ่งเป็นธำตุหนัก เช่น
โลหะ จมตัวลงสู่แก่นกลำงของโลก องค์ประกอบซึ่งเป็นธำตุเบำ เช่น ซิลิกอน และ
ก๊ำซต่ำงๆ ลอยตัวขึำนสู่พืำนผิว บรรยำกำศส่วนใหญ่เป็นก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์
ทำำให้เกิดภำวะเรือนกระจก โลกจึงมีควำมอบอุ่นแม้วำดวงอำทิตย์จะยังมีขนำดเล็ก
่
ก็ตำม
ภำพที่ 1 โลกในอดีต
ในเวลำต่อมำโลกเริ่มเย็นตัวลง ไอนำำำที่แทรกซึมขึำนมำจำกเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึำน
และเกิดกำรควบแน่นเป็นหยดนำำำ ฝนในยุคแรกๆ ตกลงมำไม่ทันถึงพืำนก็ระเหย
กลับเป็นไอนำำำไปหมด เนื่องจำกพืำนโลกยังมีควำมร้อนสูงมำก จนกระทั่งโลกเย็น
ตัวลงอีกและเกิดฝนจำำนวนมำก นำำำฝนละลำยคำร์บอนไดออกไซด์ลงมำบนพืำนผิว
โลก ทำำให้ปริมำณของก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ลดลง นำำำฝนทีตกลงมำสู่พืำนไหล
่
รวมตัวกันกันในบริเวณที่ตำ่ำ เกิดเป็นแม่นำำลำำคลอง ไหลไปรวมกันในแอ่งที่รำบตำ่ำ
กลำยเป็นทะเลและมหำสมุทร ในช่วงเวลำนัำนเริ่มเกิดวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชีวิต สิ่งมี
ชีวิตในยุคแรกอำศัยอยู่ใต้ท้องมหำสมุทร ดำำรงชีวตด้วยพลังงำนเคมี และควำม
ิ
ร้อนจำกภูเขำไฟใต้ทะเล จนกระทั่ง 2,000 ล้ำนปีต่อมำ สิ่งมีชวิตในมหำสมุทร
ี
วิวัฒนำกำรให้มีกำรสังเครำะห์แสง เช่น แพลงตอน และสำหร่ำย ดึงก๊ำซ
คำร์บอนไดออกไซด์ในอำกำศและนำำำทะเล มำสร้ำงนำำำตำล และให้ผลผลิตเป็นก๊ำซ
ออกซิเจนออกมำ องค์ประกอบของบรรยำกำศโลกจึงเปลี่ยนแปลงไป ก๊ำซ
ออกซิเจนที่ทวีจำำนวนมำกขึำน ลอยตัวสูง แตกตัวและรวมตัวเป็นก๊ำซโอโซน
ปกป้องมิให้รังสีอุลตรำไวโอเล็ตจำกดวงอำทิตย์แผ่ลงมำถึงพืำนโลกได้ สิ่งมีชีวิตที่
เคยอยู่ในมหำสมุทร จึงขยำยพันธุ์อพยพขึำนบนบกได้
ดำวเครำะห์ ส ี น ำ ำ เงิ น
โลกเป็นดำวเครำะห์ดวงเดียวของระบบสุริยะที่มีนำำดำำรงอยู่ครบทัำงสำม
- 4. สถำนะคือ ของแข็ง ของเหลว และก๊ำซ (ภำพที่ 2) โลกอยู่ห่ำงจำกดวงอำทิตย์ 150
ล้ำนกิโลเมตร ด้วยระยะห่ำงขนำดนีำโลกได้รับพลังงำนจำกดวงอำทิตย์เพียง 1,370
กิโลวัตต์/ตำรำงเมตร ซึ่งทำำให้โลกมีอุณหภูมิ –18 ฐ C แต่เนื่องจำกบรรยำกำศของ
โลกมีก๊ำซเรือนกระจก เช่น ก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์และไอนำำำ โลกจึงมีอุณหภูมิ
เฉลี่ย 15 ฐ C ทำำให้นำำสำมำรถดำำรงอยู่ได้ทัำงสำมสถำนะ (รำยละเอียดอยู่ในบทที่
3 พลังงำนจำกดวงอำทิตย์)
ภำพที่ 2 โลก ดำวเครำะห์สีนำำเงิน
พืำนที่ 2 ใน 3 ของโลกปกคลุมด้วยนำำำในมหำสมุทร แม้ว่ำจะมีนำำอยู่อย่ำงมำกมำย
บนโลก แต่นำำจืดซึ่งจำำเป็นต่อกำรดำำรงชีวตของมนุษย์กลับมีน้อยมำก หำกสมมติ
ิ
ว่ำนำำำทัำงหมดบนโลกเท่ำกับ 100 ลิตร จะเป็นนำำำทะเล 97 ลิตร ทีเหลืออีกเกือบ 3
่
ลิตรเป็นนำำำแข็ง มีนำำจืดที่เรำสำมำรถใช้บริโภคอุปโภคได้เพียง 3 มิลลิลตร (ภำพที่
ิ
3)
วัฏจักรของนำำา
- 5. วัฏจักรของนำำา หมายถึง
การหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของนำำาซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึำนเองตามธรรมชาติ
โดยเริ่มต้นจากนำำาในแหล่งนำำาต่าง ๆ เช่น
ทะเล
มหำสมุทร
แม่นำำ
ลำำคลองหนอง
บึง
ทะเลสำบ
จำกกำรคำยนำำำของพืช จำกกำรขับถ่ำยของเสียของสิ่งมีชีวิต และจำกกิจกรรมต่ำง ๆ ที่ใช้ใน
กำรดำำรงชีวิตของมนุษย์ ระเหยขึนไปในบรรยำกำศ กระทบควำมเย็นควบแน่นเป็นละอองนำำำ
ำ
เล็ก ๆ เป็นก้อนเมฆ ตกลงมำเป็นฝนหรือลูกเห็บสู่พืำนดินไหลลงสู่แหล่งนำำำต่ำง ๆ หมุนเวียน
อยู่เช่นนีำเรื่อยไป
ภำพที่ 3 เปรียบเทียบแหล่งนำำำบนโลก
วั ฏ จั ก รนำ ำ ำ
แม้ว่ำจะปริมำณนำำำส่วนใหญ่จะอยู่ในทะเลและมหำสมุทร แต่นำำก็มีอยู่ใน
ทุกหนแห่งของโลก ไม่ว่ำจะเป็นนำำำแม่นำำ นำำำใต้ดิน นำำำในบรรยำกำศ รวมทัำงเมฆ
และหมอก นอกจำกนัำนในร่ำงกำยของเรำยังมีองค์ประกอบเป็นนำำำร้อยละ 65
ร่ำงกำยของสัตว์นำำบำงชนิด เช่น แมงกะพรุน มีองค์ประกอบเป็นนำำำร้อยละ 98 ดัง
นัำนจึงสำมำรถกล่ำวได้วำ นำำำ คือ ปัจจัยที่สำำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต เนื่องด้วยนำำำมี
่
คุณสมบัติทโดดเด่นกว่ำสำรประกอบอื่นๆ และมีปริมำณนำำำอยู่มำก นำำำจึงมีอิทธิพล
ี่
ต่อกำรเปลี่ยนแปลงบนเปลือกโลกเป็นอย่ำงมำก ไม่ว่ำจะต่อหิน ดิน บรรยำกำศ
หรือสิ่งมีชีวต ิ
ตำรำงที ่ 1 แหล่ ง นำ ำ ำ บนโลก
มหำสมุทร 97.2 % ทะเลสำบนำำำเค็ม 0.008 %
ธำรนำำำแข็ง 2.15 % ควำมชืำนของดิน 0.005 %
นำำำใต้ดิน 0.62 % แม่นำำ ลำำธำร 0.00001 %
ทะเลสำบนำำำจืด 0.009 % บรรยำกำศ 0.001 %
แม้ว่ำพืำนผิวโลกส่วนใหญ่จะปกคลุมไปด้วยนำำำ แต่ถ้ำเปรียบเทียบนำำำหนักของนำำำ
กับนำำำหนักของโลกทัำงดวงแล้ว นำำำมีนำำหนักเพียงร้อยละ 0.2 ของนำำำหนักโลก
- 6. อย่ำงไรก็ตำมกำรหมุนเวียนของนำำำเป็นวัฎจักรก็ถือเป็นเรื่องสำำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง
ในกำรศึกษำระบบโลก ดวงอำทิตย์แผ่รังสีทำำให้พืำนผิวโลกได้รับพลังงำน ปริมำณ
พลังงำนแสงอำทิตย์ร้อยละ 22 ทำำให้นำำบนพืำนผิวโลกไม่ว่ำจะในมหำสมุทร ทะเล
แม่นำำ หรือ ห้วย หนอง คลองบึง ระเหยเปลี่ยนสถำนะเป็นก๊ำซคือ ไอนำำำ ลอยขึำนสู่
บรรยำกำศ อุณหภูมที่ลดลงเมื่อลอยตัวสูงขึำน ทำำให้เกิดภำวะควำมชืำนสัมพันธ์
ิ
100% จึงควบแน่นเป็นละอองนำำำเล็กๆ ทีเรำเรียกว่ำ เมฆ หรือ หมอก เมื่อหยดนำำำ
่
เล็กๆ เหล่ำนีรวมตัวกันจนมีขนำดใหญ่และมีนำำหนักพอที่จะชนะแรงต้ำนทำน
ำ
อำกำศ ก็จะตกลงมำกลำยเป็นหิมะหรือนำำำฝน หิมะที่ตกค้ำงอยู่บนยอดเขำพอกพูน
กันเป็นธำรนำำำแข็ง นำำำฝนที่ตกลงถึงพืำนรวมตัวเป็นลำำธำร ห้วย หนอง คลองบึง
หรือไหลบ่ำรวมกันเป็นแม่นำำ ธำรนำำำแข็งที่ละลำยเพิ่มปริมำณนำำำให้แก่แม่นำำ นำำำ
บนพืำนผิวโลกบำงส่วนแทรกซึมตำมรอยแตกของหิน ทำำให้เกิดนำำำใต้ดน และไหลิ
ไปรวมกันในท้องมหำสมุทร เป็นอันครบรอบวัฏจักรตำมภำพที่ 4
ภำพที่ 4 วัฎจักรนำำำ
วัฏจักรนำำำมิว่ำจะเป็นส่วนที่อยู่ในบรรยำกำศ บนพืำนผิว หรือใต้ดน ล้วนเป็นกลไกที่
ิ
สำำคัญของระบบโลก ไอนำำำที่ระเหยออกจำกนำำำในมหำสมุทร ทิำงประจุแร่ธำตุต่ำงๆ
ทำำให้มหำสมุทรมีควำมเค็ม ไอนำำำที่ระเหยขึำนไปนัำนเป็นนำำำจืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อไอนำำำ
ควบแน่นเป็นหยดนำำำและตกลงมำเป็นฝน นำำำฝนละลำยก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์
ในบรรยำกำศ จึงมีสภำพเป็นกรดคำร์บอนิคอ่อนๆ ซึ่งทำำปฏิกิริยำกับหินบำงชนิด
โดยเฉพำะหินปูน ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นแคลเซียมคำร์บอเนต ทำำให้เกิดนำำำกระด้ำง
เนื่องจำกนำำำเปลี่ยนแปลงควำมหนำแน่นไปตำมอุณหภูมิ นำำำจึงทำำให้หินแตกได้ นำำำ
เป็นตัวละลำยที่ดี จึงนำำพำแร่ธำตุสำรอำหำรไปกระจำยตำมส่วนต่ำงๆ ของพืำนผิว
โลก และสะสมตัวในดิน ทำำให้พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งอำหำรของ
สรรพสัตว์ ต้นไม้สังเครำะห์แสงเปลี่ยนคำร์บอนไดออกไซด์เป็นอำหำร และปลด
ปล่อยออกซิเจนสู่บรรยำกำศ พืชคำยนำำำกลับคืนสู่บรรยำกำศ สัตว์ควบคุมปริมำณ
ต้นไม้ และปริมำณออกซิเจนโดยกำรหำยใจคำยก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ออกมำ