More Related Content
Similar to Chapter 6 ideate
Similar to Chapter 6 ideate (20)
More from Teetut Tresirichod
More from Teetut Tresirichod (19)
Chapter 6 ideate
- 3. หลังจากที่ได้ตีกรอบปัญหา (Define) ของผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจนแล้ว ขั้นตอน
ต่อไปคือการระดมความคิด (Ideate) เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาของผู้ใช้งาน (User)ใน
ขั้นตอนนี้เป้าหมายคือการค้นหาไอเดียสร้างสรรค์ที่จะ สามารถตอบโจทย์ปัญหาและความ
ต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุด ดังนั้นสิ่งสําคัญคือการส่งเสริมให้สมาชิกในทีมนัก
ออกแบบสามารถใช้พลังแห่งความสร้างสรรค์และจินตนาการได้อย่างเต็มที่ผ่านการระดม
สมองในทีม (Group Brainstorm) และในขั้นตอนนี้สิ่งสําคัญที่สุดคือการระดมความคิด
เพื่อให้ได้ไอเดียที่มีความหลากหลายและมีปริมาณ มากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสใน
การค้นพบไอเดียที่ดีที่สุดที่จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาของผู้ใช้งานได้โดยไอเดีย ที่ดีจะต้อง
สามารถที่จะลดความร้สึกทางด้านลบของผู้ใช้งานู และ/หรือ เพิ่มความรู้สึกทางด้านบวก
ของผู้ใช้งานใน ประสบการณ์นั้น ๆ
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 3
- 4. เป้าหมายของขั้นตอนการระดมความคิด คือการค้นหาไอเดียที่ดีที่มีความสร้างสรรค์มาก
ที่สุดในการตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้งาน โดยไอเดียที่ดีนั้นจะต้องสามารถลด
ความรู้สึกทางด้านลบ และ/หรือ เพิ่ม ความรู้สึกทางด้านบวกของผู้ใช้งานในประสบการณ์นั้น ๆ
สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับขั้นตอนนี้คือการระดมพลังความสร้างสรรค์ของทีมนักออกแบบ
ออกมาให้ได้มากที่สุด ในหนังสือ Complete Design Thinking Guide for Successful
Professionals ของ Daniel Ling ได้กล่าวเอาไว้ ว่า “ในกระบวนการความคิดของนักออกแบบ
เราจะต้องไม่หยุดอยู่แค่หนึ่งไอเดีย เพราะยิ่งเรามีไอเดียมากเท่าไหร่นั่น ก็ย่อมเพิ่มโอกาสในการที่
เราจะค้นพบทางออกที่ดีอย่างน้อยหนึ่งทางออก ที่จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาของเราได้” ดังนั้น
ในขั้นตอนการระดมความคิด (ideate) นี้สิ่งสําคัญที่สุดคือการช่วยกันคิดหาไอเดียที่จะสามารถ
ตอบโจทย์ ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้ให้ได้ปริมาณมากที่สุด โดยจะต้องเป็นการประเมิน
ปัญหาจากหลาย ๆ แง่มุม และนึก ถึงความเป็นไปได้ในทุกๆด้าน เพราะสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือ
คําตอบที่ดีที่สุดสําหรับปัญหาของผู้ใช้งาน
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 4
- 5. 1. ให้สํารวจความเป็นไปได้ที่หลากหลายยิ่งมีความคิดหลากหลายมากเท่าไหร่ก็จะ
ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสใน การค้นพบทางออกที่ดีได้มากเท่านั้น
2. พร้อมที่จะทําการตัดสินใจที่ดีได้มากยิ่งขึ้นหลังจากที่เราได้ทําการสํารวจถึง
ความเป็นไปได้ที่หลากหลาย เราก็จะสามารถทําการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น โดย Daniel Ling
ได้ยกตัวอย่างถึงการเลือกซื้อเสื้อผ้า ว่าหาก เราได้ลองเสื้อผ้าที่หลากหลายจากหลายๆร้าน
เราก็จะสามารถเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ถูกใจได้มากยิ่งขึ้น
3. ต่อยอดความคิดจากประสบการณ์ที่หลากหลายการระดมความคิดที่ดีจะต้อง
เป็นการระดมความคิดจาก ทีมที่มีความหลากหลาย เพราะประสบการณ์ที่แตกต่างกันของ
แต่ละคนจะช่วยสร้างความหลากหลาย ให้กับความคิดที่ระดมออกมาได้มากยิ่งขึ้น และ
แน่นอนว่าหลายหัวช่วยคิดย่อมดีกว่าหัวเดียว
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 5
- 7. Yayici ได้กล่าวเอาไว้ว่า กระบวนการระดมความคิดในทีมที่มีประสิทธิภาพ
จะต้องประกอบไปด้วย 3 ทักษะ หลักดังนี้ (Yayici, 2016):
1. ปฏิภาณในการคิดแบบไม่มีแบบแผน (Improvisation)
ซึ่งทักษะนี้จะช่วยให้ทีมสามารถระดมความคิด ได้หลากหลายและได้ปริมาณมาก
ในเวลาสั้น ๆ การระดมความคดโดยไม่ได้มีการตระเตรียมก่อนคิดิ หรือกลั่น กลองความคิด
มาก่อน จะทําให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้มากมาย และการที่จะพัฒนาให้สมาชิกในทีมมี
ทักษะทางด้านนี้มากขึ้น อาจทําได้จากการทดลองการเล่นละครสด หรือการประพันธ์
เรื่องราว หรือผลงาน ศิลปะแบบสด ๆ เป็นต้น
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 7
- 8. เพราะการคิดนอกกรอบจะสามารถทําให้ทีม นักออกแบบสามารถคิดค้นไอเดีย
ใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น อย่างที่Albert Einstein เคยกล่าว เอาไว้ว่า “เราจะ
แก้ไขปัญหาที่มีอยู่บนโลกใบนี้ด้วยหลักความคิดเดียวกันกับที่เราใช้สร้างปัญหาเหล่านั้น
ขึ้นมาไม่ได้” ดังนั้นในการหาทางออกให้กับปัญหา การคิดนอกกรอบจึงเป็นเรื่องสําคัญ
โดยการคิดนอกกรอบ คือการที่เราสามารถทําการประเมินปัญหาจากหลากหลายมุมมอง
โดยการที่จะส่งเสริมให้สมาชิกในทีมกล้าที่ จะคิดนอกกรอบได้มากขึ้นคือการยึดหลักของ
การที่จะไม่ทําการตัดสินไอเดียของใครและเปิดใจรับฟังทุกๆไอเดีย
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 8
- 9. ความคิดสร้างสรรค์ของทีมนักออกแบบ คือ กุญแจสําคัญในการคิดค้น ไอเดีย
ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของผู้ใช้งานได้อย่างสร้างสรรค์ในหนังสือ Creative
Confidence สองพี่ น้อง Tom Kelly และ David Kelly ผู้ก่อตั้งบริษัท IDEO ได้วิพากย์
ถึงความคิดกระแสหลักที่เชื่อว่าจะมี เฉพาะนักออกแบบและจิตรกรเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ใน
เรื่องของความสร้างสรรค์แต่ทั้งคู่เห็นต่าง โดยพวกเขา เชื่อว่าทุก ๆ คนล้วนมีความคิด
สร้างสรรค์เพียงแต่เราอาจขาดความกล้าหรือความมั่นใจในความสร้างสรรค์ ของตนเอง
(Kelly & Kelly, 2013) Yayici เชื่อว่าความสร้างสรรค์ของเราจะพุ่งทะยานสูงสุดในวัยเด็ก
แต่หากไม่ได้รับการสนับสนุนในวัยเรียน ทักษะความสร้างสรรค์ของเราก็จะเริ่มเสื่อมลง
ดังนั้น การรื้อฟื้นทักษะ ในด้านความสร้างสรรค์ของทีมนักออกแบบ ควรส่งเสริมให้สมาชิก
ในทีมได้ออกไปรับอิทธิพลจากผลงาน ศิลปะแขนงต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปดื่มด่ํา
กับธรรมชาติหรือบรรยากาศผ่อนคลายที่แปลกใหม่
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 9
- 10. 1. เทคนิคการต่อยอดความคิด (Brain writing) โดยในกิจกรรมนี้ทีมนัก
ออกแบบจะทําการคิดไอเดีย เกี่ยวกับการแก้ปัญหามาคนละ 3 ข้อภายในเวลา 2 นาที
จากนั้นจะทําการส่งต่อไอเดียของตนให้กับ เพื่อนในทีมทางด้านซ้าย โดยให้เวลาอีก 3 นาที
ในการเขียนไอเดียตัวเองเพิ่มลงไปในไอเดียของเพื่อน และวนจนครบรอบวง
2. เทคนิคการแบ่งปันความคิด (Sharing Brainstorming) โดยในกิจกรรมนี้
ทุก ๆ คนในทีมจะทําการ คิดไอเดียที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหามาคนละ 5 ไอเดีย จากนั้นจะ
ทําการเลือกไอเดียของตัวเองมา 1 ไอเดีย แล้วเล่าถึงไอเดียของตนเองให้เพื่อนฟัง จากนั้น
คนอื่น ๆ ในทีมจะต้องคิดไอเดียของตัวเองขึ้นมาจากการ ที่ได้ฟังไอเดียของเพื่อน วนจน
ครบรอบวง หรือจนกว่าจะได้ไอเดียมาเป็นจํานวนมากพอ
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 10
- 11. 3. เทคนิคการผลักดันความคิดให้ออกนอกกรอบ (Pushing Boundaries SCAMPER) ใน
กิจกรรมนี้ สมาชิกในทีมจะร่วมกันตอบคําถาม 7 ข้อคือ:
3.1 S- Substitute (การทดแทน) เราจะสามารถใช้เครื่องมือหรือวัสดุใดๆ เพื่อทดแทน
ผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการเดิมที่ผู้ใช้งานใช้อยู่ให้ดีขึ้นได้หรือไม่
3.2 C- Combine (หลอมรวม) เราจะสามารถทําการหลอมรวมผลิตภัณฑ์หรือ
กระบวนการใดๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้หรือไม่?
3.3 A- Adapt (การปรับตัว/ประยุกต์) เราจะสามารถนําองค์ความรู้กระบวนการ หรือ
ผลิตภัณฑ์ใด ๆ เข้ามาปรับใช้ในบริบทของโจทย์ปัญหา เพื่อปรับปรุงให้กระบวนการหรือ
ผลิตภัณฑ์เดิมดีขึ้นได้หรือไม่?
3.4 M- Modify (ปรับแต่ง) เราจะทําการปรับแต่งผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการในส่วนใด
ส่วนหนึ่ง ให้ดีขึ้นได้หรือไม่?
3.5 P- Put to Another Use (นําไปใช้งานในส่วนอื่น) เราจะสามารถนําผลิตภัณฑ์นี้ไป
ใช้งาน ในส่วนอื่น ๆ ได้หรือไม่?
3.6 E- Eliminate (ตัดทิ้ง) เราจะสามารถตัดขั้นตอนหรือกระบวนการใด ๆ ออกเพื่อให้
การใช้ งานของผู้ใช้งานเป็นไปได้ง่ายขึ้นได้หรือไม่?
3.7 R- Reverse (ย้อนกลับ) เราจะสามารถจัดเรียงกระบวนการหรือผลิตภัณฑ์นี้ใหม่ให้
มี ประสิทธิภาพมากขึ้นได้หรือไม่?
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 11
- 12. 4. การผลักดันความคิดนอกกรอบด้วยการคิดต่อ (Pushing Boundaries - What If?)
ในขั้นตอนนี้ทีม นักออกแบบจะร่วมกันคิดถึงความเป็นไปได้ที่นอกเหนือจากการใช้งานเดิม
โดยการตั้งคําถามว่า “ถ้าหาก ว่า...” อาทิเช่น “ถ้าหากว่าทหารจะทําการสู้รบโดยไม่ใช้
อาวุธล่ะ?” แล้วช่วยกันระดมความคิดถึงความ เป็นไปได้นั้น ๆ
และเมื่อทีมนักออกแบบสามารถระดมความคิดในปริมาณมากๆแล้ว ขั้นตอน
ต่อไปคือการคัดเลือกความคิดที่ คาดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสําหรับการตอบโจทย์
ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้งาน โดยในขั้นแรกอาจทําการ จับกลุ่มรูปแบบของไอเดีย
ต่างๆ ที่ได้ระดมกันขึ้นมา แล้วทําการจับกลุ่มหัวข้อของไอเดียที่มีความคล้ายคลึงกันหรือมี
ความสัมพันธ์กันไว้ด้วยกัน
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 12
- 13. ในการคัดเลือกไอเดียที่ดีที่สุด Daniel Ling ได้แนะนํา 3 กระบวนการ ดังนี้(Ling, 2015):
1. การคัดเลือกโดยการเลียงลําดับความสําคัญ (Prioritization) โดยขึ้นตอนนี้
จะเป็นการเรียงลําดับ ความสําคัญของไอเดียแต่ละไอเดียจากการประเมินคุณค่าและ
ประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับ เปรียบเทียบ กับความยากง่ายในการดําเนินการ วิธีการนี้จะ
ทําให้ทีมงานสามารถจัดลําดับความสําคัญของไอเดียแต่ละ ไอเดียได้ว่าไอเดียไหนควรเริ่ม
ดําเนินการก่อนและไอเดียไหนควรเก็บเอาไว้พัฒนาต่อในอนาคต โดยไอเดียที่มีความง่ายใน
การดําเนินการและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้งานจะได้รับการจัดลําดับเป็นอันดับต้นๆ ที่จะ
เริ่มทําและไอเดียที่มีความยากในการดําเนินการแต่ให้ประโยชน์สูงแก่ผู้ใช้จะได้รับการ
จัดลําดับ เป็นไอเดียที่จะต้องพัฒนาต่อในอนาคต เป็นต้น ดังรูปที่ 6-1
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 13
- 15. 2. การคัดเลือกไอเดียที่มีความสัมพันธ์กัน (Affinity) โดยขั้นตอนนี้จะเป็นการ
วิเคราะห์และจัดระเบียบ ไอเดียหรือความคิดที่ได้ระดมขึ้นมาด้วยการค้นหาความสัมพันธ์ระหว่าง
ไอเดียต่างๆ โดยจะทําการจัด กลุ่มไอเดียที่มีความสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกัน และทําการเลือกกลุ่มที่
มีความสัมพันธ์สูงเอาไว้และตัด ไอเดียอื่นๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์กันออก ซึ่งวิธีนี้จะทําให้ทิศทาง
ของการทํางานออกแบบชัดเจนขึ้น
3. การะประเมินไอเดีย (Evaluation) ในขั้นตอนนี้ทีมงานออกแบบจะทําการประเมิน
ไอเดียผ่านเกณฑ์ การประเมินต่าง ๆ ซึ่งเกณฑ์การประเมินนี้อาจเป็นการคิดขึ้นมาร่วมกันระหว่าง
ทีมออกแบบและผู้ใช้งาน จริง โดยจะทําการประเมินความสําคัญ ความสร้างสรรค์และความ
เป็นไปได้ของไอเดียเป็นหลัก จากการ พิจารณารายละเอียดของไอเดียต่างๆ ในแต่ละด้าน
เมื่อทําการคัดเลือกไอเดียที่คาดว่าเป็นไอเดียที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์ปัญหาของผู้ใช้งาน
แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การสร้างต้นแบบ (Prototype) เพื่อทําการทดสอบไอเดียนั้น ๆ
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 15
- 16. การระดมความคิด (Ideate) เป็นการค้นหาไอเดียสร้างสรรค์ที่จะสามารถตอบโจทย์
ปัญหาและความต้องการ ของผู้ใช้งานได้มากที่สุดด้วยการส่งเสริมให้สมาชิกในทีมนักออกแบบ
สามารถใช้พลังแห่งความสร้างสรรค์และ จินตนาการได้อย่างเต็มที่ผ่านการระดมสมองในทีม
(Group Brainstorm) โดยจะเป็นการระดมความคิดเพื่อให้ได้ ปริมาณไอเดียมากที่สุด หลักการ
ของการระดมสมองในทีมมีด้วยกัน โดยจะต้องสํารวจความเป็นไปได้ที่หลากหลาย และพร้อมที่จะ
ทําการตัดสินใจที่ดีได้มากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังจะต้องต่อยอดความคิดจากประสบการณ์ที่
หลากหลาย ทั้งนี้กฎของการระดมสมองในทีมควรยึดตามกฎ 7 ข้อดังนี้ :
1. ในขั้นแรกจะยังไม่มีการตัดสินว่าไอเดียไหนดีหรือไม่ดี
2. ส่งเสริมให้คนในทีมคิดต่าง คิดนอกกรอบ และคิดหลุดโลก
3. เปิดรับฟังทุก ๆ ไอเดียจากทุกคนในทีม
4. ต่อยอดความคิดจากไอเดียของคนอื่นในทีม
5. มีสมาธิกับเรื่องที่กําลังคิดอยู่
6. หากไม่สามารถเขียนอธิบายได้ให้สื่อสารไอเดียออกมาเป็นภาพ
7. มุ่งเน้นให้ได้ปริมาณมากที่สุด มากกว่าคุณภาพของไอเดีย
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 16
- 18. 1. เลือกคําถามในเชิงออกแบบขึ้นมา 1 ข้อ จากนั้นทําการระดมสมองในทีมถึง
วิธีการต่าง ๆ ที่จะสามารถตอบ โจทย์ปัญหานั้นได้ประเมินบรรยากาศของการระดม
ความคิดในทีม และคิดว่ามีส่วนไหนที่จะต้องปรับปรุง เพื่อสร้างบรรยากาศที่จะทําให้
สมาชิกในทีมสามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้มากขึ้น
2. ทําการต่อยอดความคิดผ่านเทคนิคต่าง ๆ ในการระดมความคิด และประเมิน
ประสิทธิภาพของทีมใน กระบวนการต่าง ๆ
3. ทําการจับกลุ่มไอเดียที่ระดมขึ้นมา และทําการสังเคราะห์ผ่านกระบวนการทั้ง
3 กระบวนการเพื่อคัดเลือก ไอเดียที่คาดว่าดีที่สุด
ผศ.ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ 18