More Related Content
Similar to 2561 project (20)
2561 project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นาย ธนวัฒน์ ฝั้นคามา เลขที่ 36 ชั้น ม.6 ห้อง 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1………………………………….. เลขที่……… 2…………………………………เลขที่ ……….
3………………………………….. เลขที่………
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคหลงตัวเอง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Narcissistic Personality Disorder
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ธนวัฒน์ ฝั้นคามา
ชื่อที่ปรึกษา
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันนี้เราต้องเคยเจอคนหลงตัวเองมาไม่มากก็น้อย เช่น หลงคิดว่าตัวเองสวย ดูดีแบบที่ใครก็สู้ไม่ได้ คิดว่า
เป็นคนเก่งระดับเทพที่ใครจะเทียบชั้นก็ยาก หรือในโลกโซเซียลกับคนที่อัพรูปตัวเองบ่อย ๆ นี่ก็เข้าข่ายหลงตัวเองไม่
น้อย ทว่าหากจะพูดถึงโรคหลงตัวเอง ยังมีข้อสังเกตถึงพฤติกรรมผู้ป่วยโรคหลงตัวเองอีกหลายอย่าง ซึ่งเราสามารถ
ตรวจอาการตัวเองไปพร้อม ๆ กับทาความรู้จักโรคนี้ และเข้าใจถึงสาเหตุของอาการได้มากขึ้น ผู้จัดทาจึงจัดทา
โครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มีอาการที่เข้าข่ายโรคนี้ ได้ศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลงตัวเอง
2. เพื่อให้เรียนรู้เกี่ยวกับอาการและสาเหตุของโรคนี้
3. เพื่อให้เรียนรู้วิธีป้องกันตนเองจากโรคนี้
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1. วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
2. รูปแบบการนาเสนอ
3. ระยะเวลาตลอดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) คือ โรคบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหนึ่ง โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมี
ลักษณะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ต้องการการยกยอชื่นชม และขาดความเห็นใจผู้อื่น มักหมกมุ่นอยู่กับการโอ้อวด
ตัวตนของตัวเอง เช่น ความสาเร็จ รูปร่างหน้าตา หรือฐานะทางการเงิน เชื่อว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าผู้อื่น รวมทั้งมักคบ
ค้าสมาคมกับบุคคลที่เห็นว่ามีความพิเศษหรือสาคัญมาก การกระทาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและเคารพนับถือ
ตัวเองให้มากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้มีความนับถือตัวเองต่า ไม่สามารถทนการวิพากษ์วิจารณ์ได้ และมักอับอายหรือ
รู้สึกอ้างว้างเมื่อถูกปฏิเสธหรือได้รับการวิจารณ์ข้อเสียของตัวเอง
อาการของโรคหลงตัวเอง
ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคหลงตัวเองจะปรากฏสัญญาณหรือพฤติกรรมของโรค 5 ลักษณะ หรือมากกว่านั้น
ดังนี้
1. มักยึดตัวเองเป็นสาคัญมากเกินไป เช่น หวังว่าผู้อื่นจะเห็นว่าตัวเองพิเศษหรือเหนือกว่าในด้านต่าง ๆ
2. มักหมกมุ่นกับการคิดถึงความสาเร็จ อานาจ ความร่ารวย ความงาม หรือความรักในอุดมคติของตัวเอง
3. เชื่อว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ และบุคคลที่มีความพิเศษหรือสถานะทางสังคมที่สูงเทียบเท่ากันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
ตน
4. ต้องการความสนใจ การยอมรับ และความชื่นชมจากผู้อื่น
5. คิดว่าสมควรได้รับอภิสิทธิ์ต่าง ๆ อย่างไม่มีเหตุผล
6. แสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น เพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
7. ขาดความเห็นใจและนึกถึงผู้อื่น
8. มักริษยาผู้อื่น หรือเชื่อว่าคนรอบข้างอิจฉาตนเอง
9. มีความคิดหรือพฤติกรรมที่เย่อหยิ่ง จองหอง
สาเหตุของโรคหลงตัวเอง
โรคหลงตัวเองยังไม่ปรากฏสาเหตุอย่างชัดเจน โดยสาเหตุที่ทาให้เกิดโรคนี้ค่อนข้างซับซ้อนเช่นเดียวกับปัญหา
สุขภาพจิตอื่น ๆ โรคหลงตัวเองอาจมีปัจจัยทางพันธุกรรม สภาพแวดล้อม และการเลี้ยงดู ซึ่งนาไปสู่ภาวะดังกล่าวเป็น
สาคัญ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกตามใจมากเกินไปหรือละเลยการเอาใจใส่ลูก อาจทาให้เด็กเกิดความคิดและพฤติกรรมที่นาไปสู่
โรคหลงตัวเองได้ รวมทั้งอาจเกิดความผิดปกติของสมองที่เกี่ยวเนื่องกับความคิดและพฤติกรรมดังกล่าว โรคหลง
ตัวเองนับเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่แล้ว เด็กเล็กและวัยรุ่นอาจแสดงพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ
โรคนี้ แต่ไม่ได้พัฒนากลายเป็นโรคหลงตัวเองเสมอไป เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงออกตามวัย ทั้งนี้
ผู้ชายมักป่วยเป็นโรคหลงตัวเองมากกว่าผู้หญิง และจะเริ่มเป็นเมื่อเข้าช่วงวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ตอนต้น
- 4. 4
การรักษาโรคหลงตัวเอง
ผู้ป่วยโรคหลงตัวเองจะได้รับการรักษาด้วยวิธีจิตบาบัด ซึ่งเป็นการรักษาระยะยาวและทาโดยนักบาบัดที่เชี่ยวชาญ
เกี่ยวกับความผิดปกติของบุคลิกภาพโดยตรง ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจได้รับยาที่สั่งจ่ายจากแพทย์ควบคู่กับการทาจิตบาบัด ซึ่ง
มีรายละเอียด ดังนี้
1. จิตบาบัด วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสร้างสัมพันธ์อันดีกับผู้คนรอบข้าง เข้าใจสาเหตุที่ทาให้เกิดความคิดและ
พฤติกรรมของโรคหลงตัวเอง เช่น สาเหตุที่ทาให้อยากแข่งขัน ไม่เชื่อใจผู้อื่น หรือดูถูกผู้อื่น การทาจิตบาบัด
ต้องใช้เวลาหลายปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของคนเป็นเรื่องที่ทาได้ยาก ผู้ป่วยที่เข้ารับการ
บาบัดจะได้รับประโยชน์จากการรักษา
2. ยอมรับและรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างตามความเป็นจริง รวมทั้งเรียนรู้การทางานร่วมกับผู้อื่น
3. ยอมรับความสามารถและศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง ส่งผลให้สามารถรับคาวิจารณ์ผู้อื่นหรือเมื่อต้อง
ประสบความล้มเหลวได้
4. ทาให้เข้าใจและสามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้น
5. เข้าใจและสามารถยอมรับเรื่องราวที่ส่งผลต่อความนับถือและความเชื่อมั่นตัวเอง
6. สามารถบอกได้ว่าต้องการบรรลุเป้าหมายที่ไม่สามารถเป็นไปได้ รวมทั้งยอมรับศักยภาพตัวเองที่สามารถ
บรรลุเป้าหมายได้ตามจริง
การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ ผู้ป่วยโรคหลงตัวเองที่มีอาการรุนแรง โดยเกิดอาการหรือพฤติกรรมอื่นที่
นอกเหนือไปจากอาการป่วยโรคหลงตัวเอง จาเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
เช่น มีอารมณ์เกรี้ยวกราด ทาร้ายตัวเอง หลงผิดไปจากความเป็นจริง ซึมเศร้า หรือวิตกกังวลเพื่อรับการรักษาอย่าง
เหมาะสม
การป้องกันโรคหลงตัวเอง
วิธีป้องกันโรคหลงตัวเองยังไม่ปรากฏแน่ชัด เนื่องจากไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคนี้ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม
ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีบุคคลรอบข้างป่วยเป็นโรคหลงตัวเองสามารถบาบัดให้หายได้ โดยพาผู้ป่วยไปพบแพทย์และรับการ
บาบัดในกรณีที่ผู้ป่วยอายุยังน้อย ส่วนพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่ดูแลผู้ป่วยควรเข้ารับการบาบัดเพื่อเรียนรู้วิธีสื่อสารและ
รับมือกับอารมณ์ของผู้ป่วย รวมทั้งรับคาปรึกษาจากนักบาบัดเพิ่มเติมในกรณีที่จาเป็น
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคหลงตัวเองที่คิดว่าไม่จาเป็นต้องเข้ารับการรักษา อาจลองเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมที่มีต่อ
การรักษา โดยปฏิบัติ ดังนี้
1. เปิดใจและมุ่งมั่นไปที่รางวัลอันเป็นเป้าหมายของการรักษา
2. ควรเข้ารับการบาบัดตามกาหนดและรับประทานยาตามแพทย์สั่งจ่ายอย่างเคร่งครัด
3. หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคหลงตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใจอาการ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีรักษาโรคดังกล่าวมากขึ้น
4. ควรเข้ารับการรักษาปัญหาสุขภาพจิตและพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพซึ่งเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น การใช้สาร
เสพติด โรคซึมเศร้า อาการวิตกกังวล และความเครียด เนื่องจากอาจนาไปสู่สภาวะอารมณ์และสุขภาพที่ไม่ดี
ได้
5. พยายามผ่อนคลายเพื่อรับมือกับความเครียด เช่น นั่งสมาธิ หรือเล่นโยคะ เป็นต้น
6. ควรตั้งเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังเข้ารับการรักษา เนื่องจากช่วงพักฟื้นต้องใช้
เวลานานจนกว่าจะหายเป็นปกติ การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงกระตุ้น เพื่อตั้งใจทาตามเป้าหมาย
ดังกล่าว
- 5. 5
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3. จัดทาโครงร่างงาน
4. ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5. ปรับปรุงทดสอบ
6. การทาเอกสารรายงาน
7. ประเมินผลงาน
8. นาเสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์ มือถือ
งบประมาณ
ไม่มี
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน