ระบบสื่อสารข้อมูลสําหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- 2. นายวัชรากร เขียวชอุ่ม เลขที่ 4
นายวราวุฒ ขาคม เลขที่ 5
นายธีรพงษ์ นันเขียว เลขที่ 7
นางสาวญาณวีร์ บุญทวีวรพันธ์ เลขที่ 20
นางสาววรนิชชา ห้อยกรุด เลขที่ 22
นางสาวพันธพัฒน์ ไชยวงศ์ เลขที่ 26
นางสาววิไลวรรณ ตรีคงธรรมกุล เลขที่ 31
นางสาวภัทราภรณ์ เกษวิริยะการณ์ เลขที่ 30
ม.5/4
- 3. คำว่ำ กำรสื่อสำร (communications) มีที่มำจำกรำกศัพท์ภำษำลำติน
ว่ำ communis หมำยถึง ควำมเหมือนกันหรือร่วมกัน กำรสื่อสำร
(communication) หมำยถึงกระบวนกำรถ่ำยทอดข่ำวสำร ข้อมูล ควำมรู้
ประสบกำรณ์ ควำมรู้สึก ควำมคิดเห็น ควำมต้องกำรจำกผู้ส่งสำรโดยผ่ำน
สื่อต่ำง ๆ ที่อำจเป็นกำรพูด กำรเขียน สัญลักษณ์อื่นใด กำรแสดงหรือกำรจัด
กิจกรรมต่ำง ๆ ไปยังผู้รับสำร ซึ่งอำจจะใช้กระบวนกำรสื่อสำรที่มีควำม
แตกต่ำงกันไปตำมควำมเหมำะสม หรือควำมจำเป็นของตนเองและคู่
สื่อสำร โดยมีวัตถุประสงค์ให้เกิดกำรรับรู้ร่วมกันและมีปฏิกิริยำตอบสนอง
ต่อกัน บริบททำงกำรสื่อสำรที่เหมำะสมเป็น ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กำร
สื่อสำรสัมฤทธิ์ผล
- 4. หมำย ถึง กระบวนกำรถ่ำยโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่ำงผู้ส่งและ
ผู้รับ โดยผ่ำนช่องทำงสื่อสำร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์
เป็นตัวกลำงในกำรส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดควำมเข้ำใจซึ่งกันและ
กัน
- 6. กำรสื่อสำร (communication) หมำยถึง
กระบวนกำรถ่ำยทอดหรือแลกเปลี่ยน
สำรหรือสื่อระหว่ำงผู้ส่งกับผู้รับ โดย
ส่งผ่ำนช่องทำงนำสำรหรือสื่อ เพื่อให้
เกิดควำมเข้ำใจซึ่งกันและกัน
กำรสื่อสำรข้อมูล
(datacommunication)หมำยถึง
กระบวนกำรหรือวิธีถ่ำยทอดข้อมูล
ระหว่ำงผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มักจะอยู่
ห่ำงไกลกัน และจำเป็นต้องอำศัยระบบ
กำรสื่อสำรโทรคมนำคม
(telecommunication)เป็นสื่อกลำงใน
กำรรับส่งข้อมูล
- 8. ผู้ส่ง (sender) เป็น อุปกรณ์ที่ทำหน้ำที่
ส่งข้อมูลที่อยู่ต้นทำง โดยข้อมูลต้องถูก
จัดเตรียมนำเข้ำสู่อุปกรณ์ส่งข้อมูล เช่น
เครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็ม (modem)
จำนไมโครเวฟ จำนดำวเทียมเป็นต้น
ผู้รับ (receiver) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้ำที่
รับข้อมูลจำกอุปกรณ์ส่งข้อมูล เช่น
เครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์ โมเด็ม จำน
ดำวเทียม เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลไปใช้
ประโยชน์ต่อไป
- 9. สื่อกลำงหรือตัวกลำง (media) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้ำที่นำข่ำวสำร
รูปแบบต่ำงๆจำกผู้ส่งไปยังผู้รับ ได้แก่สำยไฟ ขดลวด สำยเคเบิล สำยไฟเบอร์ออ
ฟติก เป็นต้น สื่อกลำงอำจจะอยู่ในรูปของคลื่นที่ส่งผ่ำนทำงอำกำศ เช่น คลื่น
ไมโครเวฟ คลื่นดำวเทียม คลื่นวิทยุ เป็นต้น
โพรโตคอล (protocol) เป็นตัวกำหนดคุณลักษณะ กฎระเบียบ หรือ
วิธีกำรที่ใช้ในกำรสื่อสำร เพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งเข้ำใจกัน และสำมำรถสื่อสำรกัน
ได้อย่ำงถูกต้อง
ซอฟต์แวร์ (software) เป็นโปรแกรมสำหรับดำเนินกำรและควบคุมกำร
ส่งข้อมูลผ่ำนคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้ข้อมูลตำมที่กำหนดไว้ตัวอย่ำงซอฟต์แวร์
เช่น Microsoft Windows XP/Vista/7, Unix , Internet Explorer , Windows Live
Message เป็นต้น
- 11. ในบรรดำซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (Package)
เป็นซอฟต์แวร์ที่มีควำมนิยมใช้กันสูงมำก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่
บริษัทพัฒนำขึ้น แล้วนำออกมำจำหน่ำย เพื่อให้ผู้ใช้งำนซื้อไปใช้ได้โดยตรง
ไม่ต้องเสียเวลำในกำรพัฒนำซอฟต์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ำยใน
ท้องตลำดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- 12. 1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ เป็น
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับกำร
พิมพ์เอกสำร สำมำรถแก้ไข เพิ่ม
แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสำรได้
อย่ำงดี ปัจจุบันมีกำรเพิ่มขีด
ควำมสำมำรถของซอฟต์แวร์
ประมวลคำอีกมำกมำย
2) ซอฟต์แวร์ตำรำงทำงำน เป็น
ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในกำรคิดคำนวณ
กำรทำงำนของซอฟต์แวร์ตำรำง
ทำงำน ใช้หลักกำรเสมือนมีโต๊ะ
ทำงำนที่มีกระดำษขนำดใหญ่วำงไว้
มีเครื่องมือคล้ำยปำกกำ ยำงลบ และ
เครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บน
กระดำษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อควำม
หรือสูตร สำมำรถสั่งให้คำนวณตำม
สูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด
ซอฟต์แวร์ตำรำงทำงำนที่นิยมใช้
เช่น Excel เป็นต้น
- 13. 3) ซอฟต์แวร์จัดกำรฐำนข้อมูล กำร
ใช้คอมพิวเตอร์อย่ำงหนึ่งคือกำรใช้
เก็บข้อมูล และจัดกำรกับข้อมูลที่
จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้อง
มีซอฟต์แวร์จัดกำรข้อมูล กำร
รวบรวมข้อมูลหลำย ๆ เรื่องที่
เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เรำก็
เรียกว่ำฐำนข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดกำร
ฐำนข้อมูลจึงหมำยถึงซอฟต์แวร์ที่
ช่วยในกำรเก็บ กำรเรียกค้นมำใช้
งำน กำรทำรำยงำน กำรสรุปผลจำก
ข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดกำรฐำนข้อมูลที่
นิยมใช้ เช่น Access, Dbase
4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ เป็น
ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอ
ข้อมูล กำรแสดงผลต้องสำมำรถ
ดึงดูดควำมสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่ำนี้
จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจำกสำมำรถ
แสดงข้อควำมในลักษณะที่จะสื่อ
ควำมหมำยได้ง่ำยแล้วจะต้องสร้ำง
แผนภูมิ กรำฟ และรูปภำพได้
ตัวอย่ำงของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น
เพำเวอร์พอยต์
- 15. กำรประยุกต์ใช้งำนด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จมักจะเน้นกำรใช้งำนทั่วไป แต่อำจจะ
นำมำประยุกต์โดยตรงกับงำนทำงธุรกิจบำงอย่ำงไม่ได้ เช่นในกิจกำรธนำคำร มี
กำรฝำกถอนเงิน งำนทำงด้ำนบัญชี หรือในห้ำงสรรพสินค้ำก็มีงำนกำรขำยสินค้ำ
กำรออกใบเสร็จรับเงิน กำรควบคุมสินค้ำคงคลัง ดังนั้นจึงต้องมีกำรพัฒนำ
ซอฟต์แวร์ใช้งำนเฉพำะสำหรับงำนแต่ละประเภทให้ตรงกับควำมต้องกำรของ
ผู้ใช้แต่ละรำย ซอฟต์แวร์ใช้งำนเฉพำะมักเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนำต้องเข้ำไป
ศึกษำรูปแบบกำรทำงำนหรือควำมต้องกำรของธุรกิจนั้น ๆ แล้วจัดทำขึ้น
โดยทั่วไปจะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีหลำยส่วนรวมกันเพื่อร่วมกันทำงำน ซอฟต์แวร์ใช้
งำนเฉพำะที่ใช้กันในทำงธุรกิจ เช่น ระบบงำนทำงด้ำนบัญชี ระบบงำนจัด
จำหน่ำย ระบบงำนในโรงงำนอุตสำหกรรม บริหำรกำรเงิน และกำรเช่ำซื้อ
- 16. ซอฟต์แวร์มีกำรแพร่หลำยใช้ทั่วไปได้อย่ำงไร โปรแกรมมี
ให้ใช้ในหลำยรูปแบบ ได้แก่ - Package software เป็น ซอฟต์แวร์ชุด
สำเร็จใช้กับงำนทั่วไป - Custom software เป็น ซอฟต์แวร์พัฒนำเพื่อ
งำนเฉพำะด้ำน - Shareware ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์แต่ให้ใช้ฟรีใน
ระยะหนึ่ง - Freeware ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ที่ส่วนบุคคล หรือองค์กร
ผลิต เพื่อให้ใช้ฟรี - Public-domain software เป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่มี
ลิขสิทธิ์ ให้ใช้ฟรี
- 17. กำรสื่อสำร (communication) หมำยถึง
กระบวนกำรถ่ำยทอดหรือแลกเปลี่ยนสำร
หรือสื่อระหว่ำงผู้ส่งกับผู้รับ โดยส่งผ่ำน
ช่องทำงนำสำรหรือสื่อ เพื่อให้เกิดควำม
เข้ำใจซึ่งกันและกัน
กำรสื่อสำรข้อมูล
(datacommunication) หมำยถึง
กระบวนกำรหรือวิธีถ่ำยทอดข้อมูล
ระหว่ำงผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่มักจะอยู่
ห่ำงไกลกัน และจำเป็นต้องอำศัยระบบ
กำรสื่อสำรโทรคมนำคม
(telecommunication) เป็นสื่อกลำงในกำร
รับส่งข้อมูล
เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ (computer
network) หมำยถึง กำรเชื่อมโยง
ระหว่ำงเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2
เครื่องขึ้นไป เพื่อให้สำมำรถสื่อสำร
และแลกเปลี่ยนข้อมูลรวมทั้งสำมำรถ
ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภำยในเครือข่ำย
ร่วมกันได้เช่น ฮำร์ดดิสก์เครื่องพิมพ์
เป็นต้น
- 18. อุปกรณ์ทวนสัญญำณ
(Repeater) อุปกรณ์ทวนสัญญำณ
ทำงำนใน Layer ที่ 1 OSI Model เป็นอุปกรณ์
ที่ทำหน้ำที่รับสัญญำณดิจิตอลเข้ำมำแล้ว
สร้ำงใหม่ (Regenerate) ให้เป็นเหมือน
สัญญำณ (ข้อมูล) เดิมที่ส่งมำจำกต้นทำง
จำกนั้นค่อยส่งต่อออกไปยังอุปกรณ์ตัวอื่น
เหตุที่ต้องใช้Repeater เนื่อง จำกว่ำกำรส่ง
สัญญำณไปในตัวกลำงที่เป็นสำยสัญญำณนั้น
เมื่อระยะทำงมำกขึ้นแรงดันของสัญญำณจะ
ลดลงเรื่อย ๆ จึงไม่สำมำรถส่งสัญญำณใน
ระยะทำงไกล ๆ ได้ดังนั้นกำรใช้Repeater จะ
ทำให้สำมำรถส่งสัญญำณไปได้ไกลขึ้น โดยที่
สัญญำณไม่สูญหำย
- 19. Hub ในกำรเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ำกับ
เครือข่ำย ซึ่งที่ Hub จะมี “พอร์ต (Port)” ใช้
สำหรับเป็นช่องทำงในกำรเชื่อมต่อระหว่ำง
Hub กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์
เครือข่ำยตัวอื่น ๆ จำกรูปนี้ หำกเครื่อง
คอมพิวเตอร์ใน Segment 1 ต้องกำรส่งข้อมูลหำ
กันภำยใน Segment จะต้องส่งผ่ำน
Hub แล้ว Hub จะทวนสัญญำณและส่งต่อข้อมูล
นั้นออกไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่
เชื่อมต่ออยู่กับ Hub ทำให้ข้อมูลนั้นถูกส่งไป
ใน Segment 2 ด้วย แต่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์
ปลำยทำงอยู่ใน Segment 2 นี้อยู่แล้ว จึงเป็นกำร
ทำให้ควำมหนำแน่นของข้อมูลในเครือข่ำยสูง
เกินควำมจำเป็น ซึ่งเป็นข้อเสียของ Hub
- 20. เรำเตอร์ (Router) เรำเตอร์ ทำงำน
ใน Layer ที่ 3 ของ OSI Model เป็นอุปกรณ์
ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ำย 2 เครือข่ำยหรือ
มำกกว่ำเข้ำด้วยกันไม่ว่ำจะเป็นกำร
เชื่อม LAN เข้ำกับLAN เข้ำกับ WAN หรือ
แม้แต่เชื่อมLAN เข้ำกับ WAN ก็ตำม โดยที่
เครือข่ำยนั้นจะต้องใช้Network Protocol ตัว
เดียวกัน แต่ใช้Data Link Protocol ต่ำงกัน
ได้(ต่อEthernetLAN เข้ำกับ Token
LAN ได้) Router สำมำรถกรองข้อมูลได้
เช่นเดียวกับ Bridge แต่มีควำมสำมำรถ
มำกกว่ำตรงที่สำมำรถหำเส้นทำงในกำรส่ง
แพ็คเก็ตข้อมูลไปยังเครื่องปลำยทำงได้สั้น
ที่สุด
- 21. - สวิตซ์ สวิตซ์ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด
คือ Layer-2 Switch และ Layer-3
Switch ดังรำยละเอียดต่อไปนี้Layer-2
Switch หรือ L2 Switch ก็
คือ Bridge แต่เป็น Bridge ที่
มี Interface ในกำรเชื่อมต่อ
กับ Segment มำกขึ้น ทำให้สำมำรถ
แบ่ง
เครือข่ำย LAN ออกเป็น Segment ย่อย
ๆ เพื่อประโยชน์ในกำรบริหำรจัดกำร
เครือข่ำยได้ดียิ่งขึ้น และประสิทธิภำพ
ในกำรทำงำนของ L2 Switch ก็สูง
กว่ำ Bridge ทำให้ในปัจจุบันนิยมใช้
งำน L2 Switch แทน Bridge
Layer-3 Switch หรือ L3 Switch ก็
คือ Router ที่ได้รับกำรปรับปรุงให้มี
ประสิทธิภำพสูงขึ้น แต่มีรำคำถูกลง
โดย L3 Switch นี้จะสำมำรถจัดกำรกับ
เครือข่ำยที่มี Segment มำก ๆ ได้
ดีกว่ำ Router
- 25. เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ใช้สำมำรถใช้โปรแกรม และข้อมูลร่วมกันได้โดย
จัดเก็บโปรแกรมไว้แหล่งเก็บข้อมูล ที่เป็นศูนย์กลำง เช่น ที่ฮำร์ดดิสก์ของเครื่อง
File Server ผู้ใช้สำมำรถใช้โปรแกรมร่วมกัน ได้จำกแหล่งเดียวกัน ไม่ต้องเก็บ
โปรแกรมไว้ในแต่ละเครื่อง ให้ซ้ำซ้อนกัน นอกจำกนั้นยังสำมำรถรวบรวม ข้อมูล
ต่ำง ๆ จัดเก็บเป็นฐำนข้อมูล ผู้ใช้สำมำรถใช้สำรสนเทศ จำกฐำนข้อมูลกลำง ผ่ำน
ระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร ์์ที่ใช้งำนได้อย่ำงสะดวกสบำย โดยไม่ต้องเดินทำง
ไปสำเนำข้อมูลด้วยตนเอง เพรำะใช้กำรเรียกใช้ข้อมูล ผ่ำนระบบเครือข่ำย
คอมพิวเตอร์นั่นเอง เครื่องลูก (Client) สำมำรถเข้ำมำใช้ โปรแกรม ข้อมูล ร่วมกัน
ได้จำกเครื่องแม่ (Server) หรือระหว่ำงเครื่องลูกกับเครื่องลูกก็ได้ เป็นกำร
ประหยัดเนื้อที่ในกำรจัดเก็บโปรแกรม ไม่จำเป็นว่ำทุกเครื่องต้องมีโปรแกรม
เดียวกันนี้ในเครื่องของตนเอง
- 26. กำรเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เป็นเครือข่ำย ทั้งประเภทเครือข่ำย LAN , MAN
และ WAN ทำให้คอมพิวเตอร์ สำมำรถสื่อสำรแลกเปลี่ยนข้อมูล ระยะไกล
ได ์้โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ทำงด้ำนกำรติดต่อสื่อสำร โดยเฉพำะอย่ำง
ยิ่ง ในระบบเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต มีกำรให้บริกำรต่ำง ๆ มำกมำย เช่น กำร
โอนย้ำยไฟล์ข้อมูล กำรใช้จดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) กำร
สืบค้นข้อมูล (Serach Engine) เป็นต้น
- 27. องค์กรธุรกิจ มีกำรเชื่อมโยงเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ เพื่อประโยชน์ทำงธุรกิจ
เช่น เครือข่ำยของธุรกิจธนำคำร ธุรกิจกำรบิน ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจกำร
ท่องเที่ยว ธุรกิจหลักทรัพย์สำมำรถดำเนินธุรกิจ ได้อย่ำงรวดเร็ว ตอบสนอง
ควำมพึงพอใจ ให้แก่ลูกค้ำในปัจจุบัน เริ่มมีกำรใช้ประโยชน์จำกเครือข่ำย
Internet เพื่อทำธุรกิจกันแล้ว เช่นกำรสั่งซื้อสินค้ำ กำรจ่ำยเงินผ่ำนระบบ
ธนำคำร เป็นต้น
- 28. นับเป็นกำรลงทุนที่คุ้มค่ำ อย่ำงเช่นในสำนักงำนหนึ่งมีเครื่องอยู่30 เครื่อง
หรือมำกกว่ำนี้ ถ้ำไม่มีกำรนำระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์มำใช้ จะเห็นว่ำ
ต้องใช้เครื่องพิมพ์อย่ำงน้อย 5 – 10 เครื่อง มำใช้งำน แต่ถ้ำมีระบบเครือข่ำย
คอมพิวเตอร์มำใช้แล้วละก้อ ก็สำมำรถใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องพิมพ์ประมำณ
2-3 เครื่องก็พอต่อกำรใช้งำนแล้ว เพรำะว่ำทุกเครื่องสำมำรถเข้ำใช้
เครื่องพิมพ์เครื่องใดก็ได้ผ่ำนเครื่องอื่น ๆ ที่ในระบบเครือข่ำยเดียวกัน