SlideShare a Scribd company logo
1 of 17
Download to read offline
รายงาน
เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
เสนอ
อาจารย์ จุฑารัตน์ ใจบุญ
จัดทาโดย
นางสาวอาธิญา จินดาวงษ์
ชั้นม.4/3 เลขที่ 25
โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์
อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา คอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จัดทาขึ้นเพื่อศึกษา
ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง การสื่อสารข้อมูล ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่ง
และผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล
เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์
กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อย
หากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทาต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย

จัดทาโดย
นางสาว อาธิญา จินดาวงษ์
สารบัญ
เรื่อง

หน้า

พัฒนาการการสื่อสารข้อมูล

1

องค์ประกอบพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล

3

ชนิดของการสื่อสาร

4

การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์

5

สื่อกลางการสื่อสาร

7

อุปกรณ์สาหรับการสื่อสาร

11

อ้างอิง

13
การสื่อสารข้อมูล
พัฒนาการสื่อสารข้อมูล
ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อดาเนินกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ทาให้มีการ
ติดต่อสื่อสารระหว่างกันทางานสร้างสรรค์สังคมเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการดาเนินชีวิต
ร่วมกันทั้งในด้านครอบครัว ด้านการทางานตลอดจนสังคมและการเมืองทาให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการ
พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้เมื่อมนุษย์มีความจะเป็นที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
จึงมีการพัฒนาการหลายด้านที่ตอบสนองเพื่อให้ใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น

1.การสื่อสารด้วยรหัสจากอดีตกาล การสื่อสารต้องอาศัยคนนาสารมีการถือเอกสารจากบุคคลหนึ่ง
เดินทางส่งต่อให้กับผู้รับปลายทางต่อมามีการสร้างรหัสเฉพาะเพื่อรับรู้กันเฉพาะผู้รับและผู้ส่ง จนเมื่อปีพ.ศ.
2379 แซมมวล มอร์ส ( Samuel Morse) สามารถส่งรหัสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย คลื่นวิทยุ เรียกว่า
รหัส มอร์สซึ่งเป็นรหัสที่ใช้จุดและขีดเป็นสัญลักษณ์ในการส่งวิทยุทาให้เกิดการสื่อสารระยะไกล และใน
เวลาต่อมาสามารถขยายผลไปใช้ในกิจกรรมวิทยุและโทรทัศน์ นอกจากนี้รหัส มอร์ส ยังใช้ในการสื่อสาร
ด้วยโทรเลขเป็นระยะเวลานาน

2.การสื่อสารด้วยสายตัวนาในปี พ.ศ. 2419 อเล็กซานเดอร์ แกรแฮมเบล ( Alexander Graham Bell)
ได้ประดิษฐ์ โทรศัพท์เพื่อการสื่อสารด้วยเสียงผ่ายทางสายตัวนาทองแดง
พัฒนาการเทคโนโลยีนี้ได้
ก้าวหน้าขึ้นเป็นลาดับจากเริ่มต้นใช้การสลับสารด้วยคน ต่อมาใช้ระบบการสลับสายแบบอัตโนมัติได้พัฒนา
และใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางปัจจุบันโครงข่ายตัวนาที่ใช้ในระบบโทรศัพท์เป็นโครงข่ายดิจิทัลจึงทาให้
การส่งข้อมูลสามารถใช้ร่วมกับแบบอื่นร่วมได้
3.การสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์การพัฒนาการทางด้านคอมพิวเตอร์เริ่มจากมีการประมวลผลแบบ
รวมศูนย์ ( centralized processing) เช่น ใช้เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเมนแฟรมเป็นเครื่อง
คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (host) โดยเป็นศูนย์กลางให้ผู้ใช้ใช้งานได้หลายคนพร้อมกันแต่ละคนเปรียบเสมือนเป็น
สถานีปลายทางที่เรียกใช้ทรัพยากรหรือการคานวณจากศูนย์กลางและให้ คอมพิวเตอร์ตอบสนองต่อการ
ทางานนั้น

ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาไมโครคอมพิวเตอร์ที่ทาให้สะดวกต่อการใช้งานส่วนบุคคลจนเรียกเครื่อง
ไมโครคอมพิวเตอร์ว่า พีซี ( Personal Computer : PC) การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์แพร่หลายอย่างรวดเร็ว
เพราะใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมากสามารถจัดหามาใช้ได้ง่ายเมื่อมีการใช้งานกันมากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์
ต่างๆก็ปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบสนองความต้องการที่สามารถทางานร่วมกันเป็น
กลุ่ม เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงเป็นวิธีการหนึ่งและกาลังได้รับความนิยมสูงมากโดยเฉพาะเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตเพราะสามารถตอบสนองได้ตรงตามความต้องการในการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้
สะดวกและมีการประยุกต์ใช้งานได้กว้างขวางเช่น การใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล
การสืบค้นและเรียกดูข่าว ผ่านระบบเว็บ การพูดคุย และส่งข้อความถึงกันเป็นต้น

4.การสื่อสารโดยใช้ดาวเทียมดาวเทียมได้รับการส่งให้โคจรรอบโลกโดยมีเครื่องถ่ายทอดสัญญาณ
ติดไปด้วยการเคลื่อนที่ของ ดาวเทียมที่เคลื่อนไปพร้อมกับการหมุนของโลกทาให้คนบนพื้นโลกเห็น
ดาวเทียมอยู่คงที่การสื่อสารผ่านดาวเทียมทาได้โดยสถานีภาคพื้นดินที่ต้องการสื่อสารจะส่งข้อมูลมาที่
ดาวเทียมและดาวก็จะส่งข้องมูลต่อไปยังสถานีภาคพื้นดินปลายทางแห่งหนึ่งหรือหลายแห่งก็ได้การับ
สัญญาณจะครอบคลุมพื้นที่ที่ดาวเทียมโคจรอยู่ซึ่งจะมีบริเวณกว้างมากทาให้ไม่มีอุปสรรคทางด้าน
ภูมิศาสตร์และเหมาะกับพื้นที่ที่ไม่สามารถติดตั้งสายได้ เช่น แนวเขาบังสัญญาณ หรือเกาะที่อยู่กลางทะเล
เป็นต้น

5.การสื่อสารด้วยระบบไร้สาย การสื่อสารผ่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กาลังได้รับความนิยมเพราะ
โทรศัพท์แบบเคลื่อนที่มีความสะดวก คล่องตัว การสื่อสารแบบนี้ใช้คลื่นสัญญาณวิทยุโดยผู้ใช้จะติดต่อกับ
ศูนย์กลางสถานีรับส่งการสื่อสารวิธีนี้มีการวางเป็นเซลครอบพื้นที่ต่างๆ ไว้จึงเรียกระบบโทรศัพท์ไร้สาย
แบบนี้ว่า เซลลูลาร์โฟน ( cellular phone) พัฒนาการของระบบไร้สายยังได้รับการนามาประยุกต์ใช้ในด้าน
ต่างๆ อีกหลายอย่างเช่น ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า แลนไร้สายและระบบการส่งข้อความ
(paging) เป็นต้น
องค์ประกอบพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล
องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนแสดงดังรูปที่
4.1

รูปที่ 4.1 องค์ประกอบการสื่อสาร

1. ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล ( Sender) เป็นแหล่งต้นทางของการสื่อสารโดยมีหน้าที่ใน
การให้กาเนิดข้อมูล หรือเตรียมข้อมูล เช่น ผู้พูด คอมพิวเตอร์ต้นทาง เป็นต้น
2. ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล ( Receiver) เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร หรือเป็น
อุปกรณ์สาหรับข้อมูลที่จะนาข้อมูลนั้นไปใช้ดาเนินการต่อไป เช่น ผู้รับ คอมพิวเตอร์ปลายทาง เครื่องพิมพ์
3. ข่าวสาร (Massage) เป็นตัวเนื้อหาของข้อมูล ซึ่งมีได้หลายรูปแบบดังนี้ คือ
- ข้อความ (Text) ข้อมูลที่อยู่ในรูปอักขระ หรือเอกสาร เช่น ข้อความในหนังสือ เป็น
ต้น
- เสียง ( Voice) ข้อมูลเสียงที่แหล่งต้นทางสร้างขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเสียงที่มนุษย์หรือ
อุปกรณ์บางอย่างเป็นตัวสร้างก็ได้
- รูปภาพ ( Image) เป็นข้อมูลที่ไม่เหมือนข้อความตัวอักษรที่เรียงติดต่อกัน แต่จะมี
ลักษณะเหมือนรูปภาพ เช่น การสแกนภาพเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลรูปภาพกับข้อมูล
ข้อความ แล้วรูปภาพจะมีขนาดใหญ่กว่า
- สื่อผสม (Multimedia) ข้อมูลที่ผสมลักษณะของทั้งรูปภาพ เสียงและข้อความเข้า
ด้วยกัน โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น การเรียนผ่านระบบ VDO conference เป็นต้น โดยข้อมูลจะมีขนาด
ใหญ่มาก
4. สื่อกลางหรือตัวกลางในการนาส่งข้อมูล ( Medium) เป็นสื่อหรือช่องทางที่ใช้ในการนา
ข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งอาจเป็นตัวกลางที่มีสายสัญญาณ เช่น สายไฟ หรือตัวกลางที่ไม่ใช้
สายสัญญาณ เช่น อากาศ เป็นต้น
5. โปรโตคอล (Protocol) เป็นข้อกาหนดหรือข้อตกลงถึงกฎระเบียบและวิธีการที่ใช้ในการ
สื่อสารเพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับมีความเข้าใจตรงกัน

ชนิดของการสื่อสาร
การสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้รับกับผู้ส่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. การสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว ( Simplex Transmission) เป็นการติดต่อสื่อสารเพียง
ทิศทางเดียว คือผู้ส่งจะส่งข้อมูลเพียงฝั่งเดียวและโดยฝั่งรับไม่มีการตอบกลับ
สถานีวิทยุ การส่ง e-mail เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.2

รูปที่ 4.2 แสดงการสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว

เช่น การกระจายเสียงของ
2. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน ( Half Duplex Transmission) เป็นการสื่อสาร 2
ทิศทางแต่คนละเวลากัน เช่น วิทยุสื่อสาร เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.3

รูปที่ 4.3 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน

3. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน ( Full Duplex Transmission) เป็นการสื่อสาร 2
ทิศทาง โดยสามารถส่งข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ เช่น การคุยโทรศัพท์ เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.4

รูปที่ 4.4 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน

การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง การโอนถ่าย (Transmission) ข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลระหว่างผู้ส่งต้นทางกับผู้รับปลายทาง ทั้งข้อมูลประเภท ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือข้อมูลสื่อผสม
โดยผู้ส่งต้นทางส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่
ในรูปสัญญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากนั้นถึงส่งไปยังอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์ปลายทาง
ประเภทของสัญญาณ
ข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ต้องเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปสัญญาณทาง
ไฟฟ้า ซึ่งสามาถจาแนกสัญญาณได้ 2 ลักษณะ
1. สัญญาณแบบดิจิทัล(Digitals signal)
เป็นสัญญาณที่ถูกแบ่งเป็นช่วงๆ อย่างไม่ต่อเนื่อง ( Discrete) โดยลักษณะของสัญญาณจะ
แบ่งออกเป็นสองระดับเพื่อแทนสถานะสองสถานะ คือ สถานะของบิต 0 และสถานะของบิต 1 โดยแต่ละ
สถานะคือ การให้แรงดันทางไฟฟ้าที่แตกต่างกัน การทางานในคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณดิจิทัล แสดงดังรูปที่
4.5

รูปที่ 4.5 แสดงสัญญาณแบบดิจิทัล
2. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal)
เป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความต่อเนื่องของสัญญาณ โดยไม่เปลี่ยนแปลงแบบ
ทันที่ทันใดเหมือนกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เสียงพูด หรืออุณหภูมิในอากาศเมื่อเทียบกับเวลาที่เปลี่ยนแปลง
อย่างต่อเนื่อง แสดงดังรูปที่ 4.6

รูปที่ 4.6 แสดงสัญญาณแบบอนาลอก
สื่อกลางการสื่อสาร (Transmission media)
การส่งข้อมูลจากผู้ส่งไปยังผู้รับให้ครบถ้วนและถูกต้องจาเป็นต้องอาศัยสื่อกลางในการเชื่อมต่อซึ่ง
สื่อกลาง (Medium) ทาหน้าที่เป็นเส้นทางเดินของข้อมูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูกส่งออกไปจะเกิดการ
สูญเสียความเข้มของสัญญาณระหว่างเส้นทางการสื่อสารทาให้ข้อมูลฝั่งรับเกิดข้อผิดพลาดและเป็นการ
ลดทอนประสิทธิภาพของการสื่อสารลง ซึ่งสื่อที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูล (Transmission medium) จึงส่งผล
ต่อประสิทธิภาพในการส่งด้วย โดยสื่อกลางในการส่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. สื่อกลางแบบมีสาย (Guide media)
เป็นสื่อซึ่งอาศัยวัสดุที่จับต้องได้เป็นตัวส่งผ่านสัญญาณ เช่น สายทองแดง สายคู่ตีเกลียว
(Twisted pair)
1.1 Twisted Pair (สายคู่ตีเกลียว)
สายคูตเี กลียวแบ่งออกเป็นสายคูตเี กลียวไม่หมฉนวนเรียกสั้นๆ
่
่
ุ้

ว่า UTP

(Unshielded Twisted Pair) และสายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair)
- UTP (Unshielded Twisted Pair)
คู่สายในสายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ายสายโทรศัพท์ มีหลายเส้น ซึ่งแต่ละเส้นก็
จะมีสีแตกต่างไปและตลอดทั้งสายนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลาสติก(Plastic Cover) ซึ่งการตีเกลียวลักษณะนี้จะ
ช่วยให้มันมีคุณสมบัติในการป้องกันสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น จากเครื่องถ่ายเอกสารที่อยู่
ใกล้ๆ เป็นต้น ปัจจุบันเป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากราคาถูกและติดตั้งได้ง่าย แสดงดังรูปที่
4.7

รูปที่ 4.7 UTP (Unshielded Twisted Pair)
- STP (Shield Twisted Pair)
เป็นสายคู่ลักษณะคล้ายกันกับสาย UTP แต่มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวน สาย
คู่ตีเกลียวหุ้มฉนวนที่เป็นโลหะถักเป็นร่างแหโลหะหรือฟอยส์ ซึ่งร่างแหนี้จะมีคุณสมบัติเป็นเกราะในการ
ป้องกันสัญญาณรบกวนต่างๆ ภาษาเทคนิคเรียกเกราะนี้ว่า ชิลด์ (Shield) จะใช้ในกรณีที่เชื่อมต่อเป็นระยะ
ทางไกลเกินกว่าระยะทางที่จะใช้สาย UTP แสดงดังรูปที่ 4.8

รูปที่ 4.8 สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair)

1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
ลักษณะแกนกลางของสายโคแอกเชียลเป็นทองแดงแล้วหุ้มด้วยพลาสติกส่วนชันนอก
้
หุ้มด้วยโลหะหรือฟอยล์ที่ถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน สายโคแอกเชียลมี 2 แบบ คือ แบบ
หนา (thick) และแบบบาง (thin) ส่วนใหญ่ใช้กับระบบเครือข่ายแบบ Ethernet แบบเดิม ซึ่งใช้เชื่อมต่อ
ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงไม่ต้องใช้อุปกรณ์รวมสาย (Hub) แต่ในปัจจุบันมีการใช้น้อยลงเนื่องจาก
ถูกแทนที่ด้วยสาย UTP ที่มีราคาถูกกว่าและสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่า แสดงดังรูปที่ 4.9

รูปที่ 4.9 สายโคแอกเชียล
1.3 ใยแก้วนาแสง (Fiber-Optic)
ลักษณะใยแก้วนาแสงจะส่งสัญญาณแสงวิ่งผ่านท่อแก้วหรือท่อพลาสติกเล็กๆซึ่งท่อแก้วนี้
จะถูกหุ้มด้วยเจลหรือพลาสติก

เพื่อป้องกันความเสียหายและการสูญเสียของสัญญาณ มีข้อดีตรงที่ส่ง

สัญญาณได้ระยะทางไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน แสดงดังรูปที่ 4.10

รูปที่ 4.10 ใยแก้วนาแสง

2. สายกลางแบบไร้สาย (Unguided media)
เป็นสื่อกลางประเภทที่ไม่ใช้วัสดุใดๆ ในการนาสัญญาณ ซึ่งจะไม่มีการกาหนดเส้นทางให้
สัญญาณเดินทาง เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
2.1 ระบบคลื่นไมโครเวฟ
ระบบสื่อสารด้วยคลื่นไมโครเวฟ มักใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อ
ด้วยสื่อประเภทอื่นลาบาก เช่น มีแม่น้าขวางกั้นอยู่ หรือการสื่อสารข้ามอาคาร เป็นต้น การส่งสัญญาณข้อมูล
ไปกับคลื่นไมโครเวฟเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลแบบรับช่วงต่อๆ กันจากสถานีรับส่งสัญญาณหนึ่งไปยังอีก
สถานีหนึ่ง โดยสามารถเกิดสัญญาณรบกวน ซึ่งสภาพดินฟ้าอากาศมีผลต่อการส่งคลื่นไมโครเวฟพอสมควร
เช่นถ้าสภาพอากาศมีฝนหรือควันมาก สัญญาณไมโครเวฟจะถูกรบกวนได้ ด้วยเหตุนี้ทาให้เครื่องส่งรับ
ไมโครเวฟส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้ทางานในสภาพอากาศต่างๆ ที่แตกต่างกัน แสดงดังรูปที่ 4.11
รูปที่ 4.11 ระบบคลื่นไมโครเวฟ
2.2 ระบบดาวเทียม
การสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นการสื่อสารที่สถานีรับ

-ส่งที่อยู่บนพื้นดิน ส่งตรงไปยัง

ดาวเทียมแล้วส่งกลับมายังตัวรับปลายทางที่พื้นดินอีกครั้งหนึ่ง ลักษณะการสื่อสารระบบดาวเทียมเหมาะ
สาหรับการติดต่อสื่อสารระยะไกลที่ระบบสื่อสารอื่นๆ เข้าถึงลาบาก เช่น เดินเรืออยู่กลางทะเล แสดงดังรูป
ที่ 4.12

รูปที่ 4.12 ระบบดาวเทียม
สัญญาณรบกวนและสภาพดินฟ้าอากาศก็นับว่ามีผลต่อการส่งข้อมูลจากสถานีพื้นโลกกับ
ดาวเทียมอยู่พอสมควร เพราะว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะรบกวนสัญญาณให้ผิดเพี้ยนไปได้

โดยส่วน

ใหญ่ดาวเทียมจะถูกออกแบบมาให้ชดเชยการรบกวนของสภาพอากาศที่แปรปรวนเหล่านั้นเช่น

ฝน หรือ

หมอก เป็นต้น
อุปกรณ์สาหรับการสื่อสาร
การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ทางอิเล็คโทรนิกค์ช่วยในการส่งข้อมูล
จากผู้ส่งไปยังผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงข้อมูล เช่น ข้อความในกระดาษ รูปภาพ ที่ไม่อยู่ในรูปสัญญาณทาง
ไฟฟ้าให้เปลี่ยนอยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้าหรือสัญญาณดิจิทัล อุปกรณ์ในการสื่อสารยังรวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วย
ในการแก้ปัญหาสัญญาณอ่อนกาลัง ปัญหาสัญญาณรบกวนเมื่อมีการส่งสัญญาณ ดังนั้นระบบการสื่อสาร
ข้อมูลจึงต้องมีอุปกรณ์การสื่อสารมาช่วยในการจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้อย่าง
ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยในหัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่มีการใช้กับมากในระบบการสื่อสาร
ข้อมูล
1. เครื่องเทอร์มินอล (Terminal)
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางหรือปลายทางที่ทาหน้าที่ในการส่งและรับข้อมูล ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วๆไป (Personal Computer)
2. โมเด็ม (Modem)
เมื่อต้องการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ไปยัง
ระบบอินเทอร์เน็ต(Internet) ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเด็ม ซึ่งทาหน้าที่แปลงสัญญาณจากสัญญาณ
ดิจิทัลเป็นสัญญาณอนาล็อกแล้วส่งผ่านไปตามระบบโทรศัพท์
3. เครื่องทวนสัญญาณ (Repeater)
เป็นอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ และป้องกันการขาดหายของสัญญาณ เนื่องจาก การสื่อสาร
ข้อมูลต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าในการรับส่งข้อมูล โดยตามปรกติเมื่อสัญญาณทางไฟฟ้าเดินทางจากจุดๆหนึ่ง
ไปยังปลายทางจะเกิดการสูญเสียแรงดันทางไฟฟ้า และส่งผลให้สัญญาณเกิดออ่อนกาลัง ดังนั้น จึง
จาเป็นต้องมีรีพีตเตอร์มาช่วยในการรับส่งข้อมูล โดยรีพีตเตอร์ทาหน้าที่ทบทวนสัญญาณไฟฟ้าขึ้นใหม่ให้
เหมือนสัญญาณเดิมที่ถูกส่ง
4. เครื่องขยายสัญญาณ (Amplifier)
เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณ โดยมีหน้าที่การทางานเหมือนกับรีพีตเตอร์ แต่จะใช้กับ
สัญญาณอนาล็อก โดยเมื่อสัญญาณอนาล็อกอ่อนกาลังเครื่องขยายสัญญาณจะทาการขยายสัญญาณที่อ่อน
กาลังให้มีค่าเพิ่มขึ้นใกล้เคียงหรือมีค่าเท่ากับสัญญาณเดิม แต่ของเสียของเครื่องขยายสัญญาณคือ มันจะขยาย
สัญญาณรบกวนที่ผสมมากับสัญญาณข้อมูลด้วย
อ้างอิง
สัลยุทธ์ สว่างวรรณ. ระบบสารสนเทสเพื่อการจัดการ. พิมพ์ครั้งที่ 2. สานักพิมพ์เพียร์สัน เอ็ดดูเคชั่นอินโดไชน่า.

2545

สุขุม เฉลยทรัพย์, และคณะ. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต. พิมพ์ครั้งที่ 1 ศูนย์หนังสือสถาบันราชภัฎ
สวนดุสิต. กรกฎาคม

2544.

อนิรุทธิ์ รัชตะวราห์ และวศิน เพิ่มทรัพย์. ผ่า!คอมพิวเตอร์ ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ
โปรวิชั่น. สิงหาคม

2545.

www.chakkham.ac.th/technology/network/datacommu.html‎
www.computer.cmru.ac.th/trid/pto/IT/บทที่%205.doc

More Related Content

What's hot

รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์Rungnapa Tamang
 
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายหน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายnawapornsattasan
 
Data communication and network
Data communication and networkData communication and network
Data communication and networkNidzy Krajangpat
 
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์อยู่ไหน เหงา
 
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์Siratcha Wongkom
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ปิยะดนัย วิเคียน
 
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์Supicha Ploy
 
การสื่อสาร
การสื่อสารการสื่อสาร
การสื่อสารTuaLek Kitkoot
 
Computer_m2_datacommunication
Computer_m2_datacommunicationComputer_m2_datacommunication
Computer_m2_datacommunicationPhuwit Innma
 
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายสื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายNote Narudaj
 
งานนำเสนอบทที่3
งานนำเสนอบทที่3งานนำเสนอบทที่3
งานนำเสนอบทที่3amphaiboon
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลKanokwan Kanjana
 

What's hot (20)

บริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ต
 
รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายหน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
หน่วยที่ 3-การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
 
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
 
Data communication and network
Data communication and networkData communication and network
Data communication and network
 
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.1 การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Network
NetworkNetwork
Network
 
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสาร
การสื่อสารการสื่อสาร
การสื่อสาร
 
การสื่อสาร
การสื่อสารการสื่อสาร
การสื่อสาร
 
Computer_m2_datacommunication
Computer_m2_datacommunicationComputer_m2_datacommunication
Computer_m2_datacommunication
 
รายงาน[1]
รายงาน[1]รายงาน[1]
รายงาน[1]
 
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
รายงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายสื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
สื่อการเรียนการสอน วิชาการสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
 
งานนำเสนอบทที่3
งานนำเสนอบทที่3งานนำเสนอบทที่3
งานนำเสนอบทที่3
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 

Similar to การสื่อสารข้อมูล43

การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์L'Lig Tansuda Yongseng
 
การสื่อสารข้อมู1
การสื่อสารข้อมู1การสื่อสารข้อมู1
การสื่อสารข้อมู1AdisukPuntong8
 
สื่อสารข้อมูล123
สื่อสารข้อมูล123สื่อสารข้อมูล123
สื่อสารข้อมูล123Anupon Jingjit
 
การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1Tharathep Chumchuen
 
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์Mind's Am'i
 
การสื่ออสารข้อมูล
การสื่ออสารข้อมูลการสื่ออสารข้อมูล
การสื่ออสารข้อมูลตอ ต้น
 
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพpeter dontoom
 
Comunication netw01 11
Comunication netw01 11Comunication netw01 11
Comunication netw01 11paween
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลaomaamjeeranan
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลaomaamjeeranan
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลaomaamjeeranan
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลaomaamjeeranan
 
การถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลการถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลpatcha130
 
การถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลการถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลpatcha130
 
เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
เรื่อง การสื่อสารข้อมูลเรื่อง การสื่อสารข้อมูล
เรื่อง การสื่อสารข้อมูลBanjamasJandeng21
 
การสื่อสาร
การสื่อสารการสื่อสาร
การสื่อสารsariya25
 
Communication
CommunicationCommunication
Communicationsariya25
 

Similar to การสื่อสารข้อมูล43 (20)

การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารข้อมู1
การสื่อสารข้อมู1การสื่อสารข้อมู1
การสื่อสารข้อมู1
 
สื่อสารข้อมูล123
สื่อสารข้อมูล123สื่อสารข้อมูล123
สื่อสารข้อมูล123
 
การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1
 
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่ออสารข้อมูล
การสื่ออสารข้อมูลการสื่ออสารข้อมูล
การสื่ออสารข้อมูล
 
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
ใบความรู้การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
 
Comunication netw01 11
Comunication netw01 11Comunication netw01 11
Comunication netw01 11
 
รายงาน การสื่อสารข้อมูล
รายงาน การสื่อสารข้อมูล รายงาน การสื่อสารข้อมูล
รายงาน การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
การถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลการถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูล
 
การถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูลการถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูล
 
เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
เรื่อง การสื่อสารข้อมูลเรื่อง การสื่อสารข้อมูล
เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
 
การสื่อสาร
การสื่อสารการสื่อสาร
การสื่อสาร
 
Communication
CommunicationCommunication
Communication
 
Computer
ComputerComputer
Computer
 

การสื่อสารข้อมูล43

  • 1. รายงาน เรื่อง การสื่อสารข้อมูล เสนอ อาจารย์ จุฑารัตน์ ใจบุญ จัดทาโดย นางสาวอาธิญา จินดาวงษ์ ชั้นม.4/3 เลขที่ 25 โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
  • 2. คานา รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา คอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จัดทาขึ้นเพื่อศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง การสื่อสารข้อมูล ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่ง และผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทาต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย จัดทาโดย นางสาว อาธิญา จินดาวงษ์
  • 4. การสื่อสารข้อมูล พัฒนาการสื่อสารข้อมูล ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อดาเนินกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ทาให้มีการ ติดต่อสื่อสารระหว่างกันทางานสร้างสรรค์สังคมเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการดาเนินชีวิต ร่วมกันทั้งในด้านครอบครัว ด้านการทางานตลอดจนสังคมและการเมืองทาให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการ พบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้เมื่อมนุษย์มีความจะเป็นที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน จึงมีการพัฒนาการหลายด้านที่ตอบสนองเพื่อให้ใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น 1.การสื่อสารด้วยรหัสจากอดีตกาล การสื่อสารต้องอาศัยคนนาสารมีการถือเอกสารจากบุคคลหนึ่ง เดินทางส่งต่อให้กับผู้รับปลายทางต่อมามีการสร้างรหัสเฉพาะเพื่อรับรู้กันเฉพาะผู้รับและผู้ส่ง จนเมื่อปีพ.ศ. 2379 แซมมวล มอร์ส ( Samuel Morse) สามารถส่งรหัสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย คลื่นวิทยุ เรียกว่า รหัส มอร์สซึ่งเป็นรหัสที่ใช้จุดและขีดเป็นสัญลักษณ์ในการส่งวิทยุทาให้เกิดการสื่อสารระยะไกล และใน เวลาต่อมาสามารถขยายผลไปใช้ในกิจกรรมวิทยุและโทรทัศน์ นอกจากนี้รหัส มอร์ส ยังใช้ในการสื่อสาร ด้วยโทรเลขเป็นระยะเวลานาน 2.การสื่อสารด้วยสายตัวนาในปี พ.ศ. 2419 อเล็กซานเดอร์ แกรแฮมเบล ( Alexander Graham Bell) ได้ประดิษฐ์ โทรศัพท์เพื่อการสื่อสารด้วยเสียงผ่ายทางสายตัวนาทองแดง พัฒนาการเทคโนโลยีนี้ได้ ก้าวหน้าขึ้นเป็นลาดับจากเริ่มต้นใช้การสลับสารด้วยคน ต่อมาใช้ระบบการสลับสายแบบอัตโนมัติได้พัฒนา
  • 5. และใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางปัจจุบันโครงข่ายตัวนาที่ใช้ในระบบโทรศัพท์เป็นโครงข่ายดิจิทัลจึงทาให้ การส่งข้อมูลสามารถใช้ร่วมกับแบบอื่นร่วมได้ 3.การสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์การพัฒนาการทางด้านคอมพิวเตอร์เริ่มจากมีการประมวลผลแบบ รวมศูนย์ ( centralized processing) เช่น ใช้เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเมนแฟรมเป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (host) โดยเป็นศูนย์กลางให้ผู้ใช้ใช้งานได้หลายคนพร้อมกันแต่ละคนเปรียบเสมือนเป็น สถานีปลายทางที่เรียกใช้ทรัพยากรหรือการคานวณจากศูนย์กลางและให้ คอมพิวเตอร์ตอบสนองต่อการ ทางานนั้น ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาไมโครคอมพิวเตอร์ที่ทาให้สะดวกต่อการใช้งานส่วนบุคคลจนเรียกเครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์ว่า พีซี ( Personal Computer : PC) การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์แพร่หลายอย่างรวดเร็ว เพราะใช้งานง่าย ราคาไม่สูงมากสามารถจัดหามาใช้ได้ง่ายเมื่อมีการใช้งานกันมากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ต่างๆก็ปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบสนองความต้องการที่สามารถทางานร่วมกันเป็น กลุ่ม เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงเป็นวิธีการหนึ่งและกาลังได้รับความนิยมสูงมากโดยเฉพาะเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเพราะสามารถตอบสนองได้ตรงตามความต้องการในการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้ สะดวกและมีการประยุกต์ใช้งานได้กว้างขวางเช่น การใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล การสืบค้นและเรียกดูข่าว ผ่านระบบเว็บ การพูดคุย และส่งข้อความถึงกันเป็นต้น 4.การสื่อสารโดยใช้ดาวเทียมดาวเทียมได้รับการส่งให้โคจรรอบโลกโดยมีเครื่องถ่ายทอดสัญญาณ ติดไปด้วยการเคลื่อนที่ของ ดาวเทียมที่เคลื่อนไปพร้อมกับการหมุนของโลกทาให้คนบนพื้นโลกเห็น ดาวเทียมอยู่คงที่การสื่อสารผ่านดาวเทียมทาได้โดยสถานีภาคพื้นดินที่ต้องการสื่อสารจะส่งข้อมูลมาที่ ดาวเทียมและดาวก็จะส่งข้องมูลต่อไปยังสถานีภาคพื้นดินปลายทางแห่งหนึ่งหรือหลายแห่งก็ได้การับ สัญญาณจะครอบคลุมพื้นที่ที่ดาวเทียมโคจรอยู่ซึ่งจะมีบริเวณกว้างมากทาให้ไม่มีอุปสรรคทางด้าน
  • 6. ภูมิศาสตร์และเหมาะกับพื้นที่ที่ไม่สามารถติดตั้งสายได้ เช่น แนวเขาบังสัญญาณ หรือเกาะที่อยู่กลางทะเล เป็นต้น 5.การสื่อสารด้วยระบบไร้สาย การสื่อสารผ่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กาลังได้รับความนิยมเพราะ โทรศัพท์แบบเคลื่อนที่มีความสะดวก คล่องตัว การสื่อสารแบบนี้ใช้คลื่นสัญญาณวิทยุโดยผู้ใช้จะติดต่อกับ ศูนย์กลางสถานีรับส่งการสื่อสารวิธีนี้มีการวางเป็นเซลครอบพื้นที่ต่างๆ ไว้จึงเรียกระบบโทรศัพท์ไร้สาย แบบนี้ว่า เซลลูลาร์โฟน ( cellular phone) พัฒนาการของระบบไร้สายยังได้รับการนามาประยุกต์ใช้ในด้าน ต่างๆ อีกหลายอย่างเช่น ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า แลนไร้สายและระบบการส่งข้อความ (paging) เป็นต้น
  • 7. องค์ประกอบพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนแสดงดังรูปที่ 4.1 รูปที่ 4.1 องค์ประกอบการสื่อสาร 1. ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล ( Sender) เป็นแหล่งต้นทางของการสื่อสารโดยมีหน้าที่ใน การให้กาเนิดข้อมูล หรือเตรียมข้อมูล เช่น ผู้พูด คอมพิวเตอร์ต้นทาง เป็นต้น 2. ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล ( Receiver) เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร หรือเป็น อุปกรณ์สาหรับข้อมูลที่จะนาข้อมูลนั้นไปใช้ดาเนินการต่อไป เช่น ผู้รับ คอมพิวเตอร์ปลายทาง เครื่องพิมพ์ 3. ข่าวสาร (Massage) เป็นตัวเนื้อหาของข้อมูล ซึ่งมีได้หลายรูปแบบดังนี้ คือ - ข้อความ (Text) ข้อมูลที่อยู่ในรูปอักขระ หรือเอกสาร เช่น ข้อความในหนังสือ เป็น ต้น - เสียง ( Voice) ข้อมูลเสียงที่แหล่งต้นทางสร้างขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเสียงที่มนุษย์หรือ อุปกรณ์บางอย่างเป็นตัวสร้างก็ได้ - รูปภาพ ( Image) เป็นข้อมูลที่ไม่เหมือนข้อความตัวอักษรที่เรียงติดต่อกัน แต่จะมี ลักษณะเหมือนรูปภาพ เช่น การสแกนภาพเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลรูปภาพกับข้อมูล ข้อความ แล้วรูปภาพจะมีขนาดใหญ่กว่า
  • 8. - สื่อผสม (Multimedia) ข้อมูลที่ผสมลักษณะของทั้งรูปภาพ เสียงและข้อความเข้า ด้วยกัน โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น การเรียนผ่านระบบ VDO conference เป็นต้น โดยข้อมูลจะมีขนาด ใหญ่มาก 4. สื่อกลางหรือตัวกลางในการนาส่งข้อมูล ( Medium) เป็นสื่อหรือช่องทางที่ใช้ในการนา ข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งอาจเป็นตัวกลางที่มีสายสัญญาณ เช่น สายไฟ หรือตัวกลางที่ไม่ใช้ สายสัญญาณ เช่น อากาศ เป็นต้น 5. โปรโตคอล (Protocol) เป็นข้อกาหนดหรือข้อตกลงถึงกฎระเบียบและวิธีการที่ใช้ในการ สื่อสารเพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับมีความเข้าใจตรงกัน ชนิดของการสื่อสาร การสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้รับกับผู้ส่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท 1. การสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว ( Simplex Transmission) เป็นการติดต่อสื่อสารเพียง ทิศทางเดียว คือผู้ส่งจะส่งข้อมูลเพียงฝั่งเดียวและโดยฝั่งรับไม่มีการตอบกลับ สถานีวิทยุ การส่ง e-mail เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.2 รูปที่ 4.2 แสดงการสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว เช่น การกระจายเสียงของ
  • 9. 2. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน ( Half Duplex Transmission) เป็นการสื่อสาร 2 ทิศทางแต่คนละเวลากัน เช่น วิทยุสื่อสาร เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.3 รูปที่ 4.3 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน 3. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน ( Full Duplex Transmission) เป็นการสื่อสาร 2 ทิศทาง โดยสามารถส่งข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ เช่น การคุยโทรศัพท์ เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.4 รูปที่ 4.4 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง การโอนถ่าย (Transmission) ข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างผู้ส่งต้นทางกับผู้รับปลายทาง ทั้งข้อมูลประเภท ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือข้อมูลสื่อผสม โดยผู้ส่งต้นทางส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ ในรูปสัญญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากนั้นถึงส่งไปยังอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์ปลายทาง ประเภทของสัญญาณ ข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ต้องเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปสัญญาณทาง ไฟฟ้า ซึ่งสามาถจาแนกสัญญาณได้ 2 ลักษณะ
  • 10. 1. สัญญาณแบบดิจิทัล(Digitals signal) เป็นสัญญาณที่ถูกแบ่งเป็นช่วงๆ อย่างไม่ต่อเนื่อง ( Discrete) โดยลักษณะของสัญญาณจะ แบ่งออกเป็นสองระดับเพื่อแทนสถานะสองสถานะ คือ สถานะของบิต 0 และสถานะของบิต 1 โดยแต่ละ สถานะคือ การให้แรงดันทางไฟฟ้าที่แตกต่างกัน การทางานในคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณดิจิทัล แสดงดังรูปที่ 4.5 รูปที่ 4.5 แสดงสัญญาณแบบดิจิทัล 2. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal) เป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความต่อเนื่องของสัญญาณ โดยไม่เปลี่ยนแปลงแบบ ทันที่ทันใดเหมือนกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เสียงพูด หรืออุณหภูมิในอากาศเมื่อเทียบกับเวลาที่เปลี่ยนแปลง อย่างต่อเนื่อง แสดงดังรูปที่ 4.6 รูปที่ 4.6 แสดงสัญญาณแบบอนาลอก
  • 11. สื่อกลางการสื่อสาร (Transmission media) การส่งข้อมูลจากผู้ส่งไปยังผู้รับให้ครบถ้วนและถูกต้องจาเป็นต้องอาศัยสื่อกลางในการเชื่อมต่อซึ่ง สื่อกลาง (Medium) ทาหน้าที่เป็นเส้นทางเดินของข้อมูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูกส่งออกไปจะเกิดการ สูญเสียความเข้มของสัญญาณระหว่างเส้นทางการสื่อสารทาให้ข้อมูลฝั่งรับเกิดข้อผิดพลาดและเป็นการ ลดทอนประสิทธิภาพของการสื่อสารลง ซึ่งสื่อที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูล (Transmission medium) จึงส่งผล ต่อประสิทธิภาพในการส่งด้วย โดยสื่อกลางในการส่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. สื่อกลางแบบมีสาย (Guide media) เป็นสื่อซึ่งอาศัยวัสดุที่จับต้องได้เป็นตัวส่งผ่านสัญญาณ เช่น สายทองแดง สายคู่ตีเกลียว (Twisted pair) 1.1 Twisted Pair (สายคู่ตีเกลียว) สายคูตเี กลียวแบ่งออกเป็นสายคูตเี กลียวไม่หมฉนวนเรียกสั้นๆ ่ ่ ุ้ ว่า UTP (Unshielded Twisted Pair) และสายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair) - UTP (Unshielded Twisted Pair) คู่สายในสายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ายสายโทรศัพท์ มีหลายเส้น ซึ่งแต่ละเส้นก็ จะมีสีแตกต่างไปและตลอดทั้งสายนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลาสติก(Plastic Cover) ซึ่งการตีเกลียวลักษณะนี้จะ ช่วยให้มันมีคุณสมบัติในการป้องกันสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น จากเครื่องถ่ายเอกสารที่อยู่ ใกล้ๆ เป็นต้น ปัจจุบันเป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากราคาถูกและติดตั้งได้ง่าย แสดงดังรูปที่ 4.7 รูปที่ 4.7 UTP (Unshielded Twisted Pair)
  • 12. - STP (Shield Twisted Pair) เป็นสายคู่ลักษณะคล้ายกันกับสาย UTP แต่มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวน สาย คู่ตีเกลียวหุ้มฉนวนที่เป็นโลหะถักเป็นร่างแหโลหะหรือฟอยส์ ซึ่งร่างแหนี้จะมีคุณสมบัติเป็นเกราะในการ ป้องกันสัญญาณรบกวนต่างๆ ภาษาเทคนิคเรียกเกราะนี้ว่า ชิลด์ (Shield) จะใช้ในกรณีที่เชื่อมต่อเป็นระยะ ทางไกลเกินกว่าระยะทางที่จะใช้สาย UTP แสดงดังรูปที่ 4.8 รูปที่ 4.8 สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair) 1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) ลักษณะแกนกลางของสายโคแอกเชียลเป็นทองแดงแล้วหุ้มด้วยพลาสติกส่วนชันนอก ้ หุ้มด้วยโลหะหรือฟอยล์ที่ถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน สายโคแอกเชียลมี 2 แบบ คือ แบบ หนา (thick) และแบบบาง (thin) ส่วนใหญ่ใช้กับระบบเครือข่ายแบบ Ethernet แบบเดิม ซึ่งใช้เชื่อมต่อ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงไม่ต้องใช้อุปกรณ์รวมสาย (Hub) แต่ในปัจจุบันมีการใช้น้อยลงเนื่องจาก ถูกแทนที่ด้วยสาย UTP ที่มีราคาถูกกว่าและสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่า แสดงดังรูปที่ 4.9 รูปที่ 4.9 สายโคแอกเชียล
  • 13. 1.3 ใยแก้วนาแสง (Fiber-Optic) ลักษณะใยแก้วนาแสงจะส่งสัญญาณแสงวิ่งผ่านท่อแก้วหรือท่อพลาสติกเล็กๆซึ่งท่อแก้วนี้ จะถูกหุ้มด้วยเจลหรือพลาสติก เพื่อป้องกันความเสียหายและการสูญเสียของสัญญาณ มีข้อดีตรงที่ส่ง สัญญาณได้ระยะทางไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน แสดงดังรูปที่ 4.10 รูปที่ 4.10 ใยแก้วนาแสง 2. สายกลางแบบไร้สาย (Unguided media) เป็นสื่อกลางประเภทที่ไม่ใช้วัสดุใดๆ ในการนาสัญญาณ ซึ่งจะไม่มีการกาหนดเส้นทางให้ สัญญาณเดินทาง เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 2.1 ระบบคลื่นไมโครเวฟ ระบบสื่อสารด้วยคลื่นไมโครเวฟ มักใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อ ด้วยสื่อประเภทอื่นลาบาก เช่น มีแม่น้าขวางกั้นอยู่ หรือการสื่อสารข้ามอาคาร เป็นต้น การส่งสัญญาณข้อมูล ไปกับคลื่นไมโครเวฟเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลแบบรับช่วงต่อๆ กันจากสถานีรับส่งสัญญาณหนึ่งไปยังอีก สถานีหนึ่ง โดยสามารถเกิดสัญญาณรบกวน ซึ่งสภาพดินฟ้าอากาศมีผลต่อการส่งคลื่นไมโครเวฟพอสมควร เช่นถ้าสภาพอากาศมีฝนหรือควันมาก สัญญาณไมโครเวฟจะถูกรบกวนได้ ด้วยเหตุนี้ทาให้เครื่องส่งรับ ไมโครเวฟส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้ทางานในสภาพอากาศต่างๆ ที่แตกต่างกัน แสดงดังรูปที่ 4.11
  • 14. รูปที่ 4.11 ระบบคลื่นไมโครเวฟ 2.2 ระบบดาวเทียม การสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นการสื่อสารที่สถานีรับ -ส่งที่อยู่บนพื้นดิน ส่งตรงไปยัง ดาวเทียมแล้วส่งกลับมายังตัวรับปลายทางที่พื้นดินอีกครั้งหนึ่ง ลักษณะการสื่อสารระบบดาวเทียมเหมาะ สาหรับการติดต่อสื่อสารระยะไกลที่ระบบสื่อสารอื่นๆ เข้าถึงลาบาก เช่น เดินเรืออยู่กลางทะเล แสดงดังรูป ที่ 4.12 รูปที่ 4.12 ระบบดาวเทียม สัญญาณรบกวนและสภาพดินฟ้าอากาศก็นับว่ามีผลต่อการส่งข้อมูลจากสถานีพื้นโลกกับ ดาวเทียมอยู่พอสมควร เพราะว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะรบกวนสัญญาณให้ผิดเพี้ยนไปได้ โดยส่วน ใหญ่ดาวเทียมจะถูกออกแบบมาให้ชดเชยการรบกวนของสภาพอากาศที่แปรปรวนเหล่านั้นเช่น ฝน หรือ หมอก เป็นต้น
  • 15. อุปกรณ์สาหรับการสื่อสาร การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ทางอิเล็คโทรนิกค์ช่วยในการส่งข้อมูล จากผู้ส่งไปยังผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงข้อมูล เช่น ข้อความในกระดาษ รูปภาพ ที่ไม่อยู่ในรูปสัญญาณทาง ไฟฟ้าให้เปลี่ยนอยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้าหรือสัญญาณดิจิทัล อุปกรณ์ในการสื่อสารยังรวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วย ในการแก้ปัญหาสัญญาณอ่อนกาลัง ปัญหาสัญญาณรบกวนเมื่อมีการส่งสัญญาณ ดังนั้นระบบการสื่อสาร ข้อมูลจึงต้องมีอุปกรณ์การสื่อสารมาช่วยในการจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้อย่าง ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยในหัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่มีการใช้กับมากในระบบการสื่อสาร ข้อมูล 1. เครื่องเทอร์มินอล (Terminal) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางหรือปลายทางที่ทาหน้าที่ในการส่งและรับข้อมูล ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วๆไป (Personal Computer) 2. โมเด็ม (Modem) เมื่อต้องการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ไปยัง ระบบอินเทอร์เน็ต(Internet) ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเด็ม ซึ่งทาหน้าที่แปลงสัญญาณจากสัญญาณ ดิจิทัลเป็นสัญญาณอนาล็อกแล้วส่งผ่านไปตามระบบโทรศัพท์ 3. เครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ และป้องกันการขาดหายของสัญญาณ เนื่องจาก การสื่อสาร ข้อมูลต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าในการรับส่งข้อมูล โดยตามปรกติเมื่อสัญญาณทางไฟฟ้าเดินทางจากจุดๆหนึ่ง ไปยังปลายทางจะเกิดการสูญเสียแรงดันทางไฟฟ้า และส่งผลให้สัญญาณเกิดออ่อนกาลัง ดังนั้น จึง จาเป็นต้องมีรีพีตเตอร์มาช่วยในการรับส่งข้อมูล โดยรีพีตเตอร์ทาหน้าที่ทบทวนสัญญาณไฟฟ้าขึ้นใหม่ให้ เหมือนสัญญาณเดิมที่ถูกส่ง 4. เครื่องขยายสัญญาณ (Amplifier) เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณ โดยมีหน้าที่การทางานเหมือนกับรีพีตเตอร์ แต่จะใช้กับ สัญญาณอนาล็อก โดยเมื่อสัญญาณอนาล็อกอ่อนกาลังเครื่องขยายสัญญาณจะทาการขยายสัญญาณที่อ่อน
  • 17. อ้างอิง สัลยุทธ์ สว่างวรรณ. ระบบสารสนเทสเพื่อการจัดการ. พิมพ์ครั้งที่ 2. สานักพิมพ์เพียร์สัน เอ็ดดูเคชั่นอินโดไชน่า. 2545 สุขุม เฉลยทรัพย์, และคณะ. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต. พิมพ์ครั้งที่ 1 ศูนย์หนังสือสถาบันราชภัฎ สวนดุสิต. กรกฎาคม 2544. อนิรุทธิ์ รัชตะวราห์ และวศิน เพิ่มทรัพย์. ผ่า!คอมพิวเตอร์ ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ โปรวิชั่น. สิงหาคม 2545. www.chakkham.ac.th/technology/network/datacommu.html‎ www.computer.cmru.ac.th/trid/pto/IT/บทที่%205.doc