Chapter4
- 3. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบ
ขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้
ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- ส่วนที่ทำาหน้าที่รับข้อมูลเข้า เรียกว่า หน่วยรับ
ข้อมูล (Input Unit)
- หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing
Unit : CPU)
- หน่วยแสดงผลลัพธ์ เรียกว่า หน่วยแสดงผล
(Output Unit)
- หน่วยความจำา ( Storage หรือ Memory )
หน่วยเก็บข้อมูลสำารอง
3
- 6. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
6
• หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)
ทำาหน้าที่ทำางานตามคำาสั่งในโปรแกรม ประกอบด้วย 2
ส่วนหลัก คือ
• ALU (Arithmetic Logic Unit : ALU) หน่วย
คำานวณ
• CU (Control unit) หน่วยควบคุม ทำาหน้าที่ควบคุม
การทำางานต่างๆ ของหน่วยประมวลผล
- 8. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
8
• หน่วยความจำา (Memory Unit) ทำาหน้าที่เป็นหน่วย
ความจำาของระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้เป็น 2
ประเภท
• หน่วยความจำาหลัก (Main Memory) ทำาหน้าที่จัด
เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมเพื่อเตรียมส่งให้หน่วย
ประมวลผลกลาง ได้แก่
• RAM (Random Access Memory) เก็บข้อมูลแต่ต้อง
มีกระแสไฟเลี้ยง
• ROM (Read Only Memory) เก็บข้อมูลแม้ไม่มีกระแส
ไฟเลี้ยง
RAM ROM : CMOS Bios
- 9. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
9
• หน่วยความจำาสำารอง (Secondary Memory) ทำา
หน้าที่จัดเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมเพื่อให้สามารถนำามา
ใช้ใหม่หลังจากปิดเครื่อง ได้แก่
• จานแม่เหล็ก (Magnetic Disk) เช่น Floppy Disk,
Harddisk, SSD
• จานแสง (Optical Discs) เช่น CD-ROM, DVD-
ROM
• เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)
• หน่วยความจำาแบบแฟลช (Flash Memory)
- 10. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
10
2. ซอฟต์แวร์ (Software) ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้
โดยตรง ชุดคำาสั่งซึ่งทำาหน้าที่ควบคุมสั่งให้ฮาร์ดแวร์ของ
คอมพิวเตอร์ประมวลผลตามคำาสั่งได้อย่างอัตโนมัติ
สามารถแบ่งตามลักษณะการทำางานดังต่อไปนี้
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือ ส่วน
ควบคุมการทำางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ เช่น
ซอฟต์แวร์ของระบบปฏิบัติการ
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เช่น
ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
- 11. องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
11
3. บุคลากร (Peopleware) หมายถึง บุคลากรในงาน
ด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
สามารถใช้งาน สั่งงาน หรือควบคุมระบบคอมพิวเตอร์
สามารถแบ่งได้ 4 ระดับ
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager)
2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analysis)
3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer)
4. ผู้ใช้ (User)
- 13. ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2489 - 2501)
• คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube) เป็น
วงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้า
จำานวนมาก ทำาให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย
- 14. • จอห์น ดับลิว มอชลีย์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์
เอคเกิรต (J. Prespern Eckert) ได้รับทุนอุดหนุนจากกองทัพ
สหรัฐอเมริกา ในการสร้างเครื่องคำานวณ ENIAC ย่อมาจากคำา
”ว่า Electronics Numerical Integrator and Compute” เมื่อปี
1946 นับว่าเป็น "เครื่องคำานวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลก
หรือคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก"
ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2489 - 2501)
(ต่อ)
- 16. ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2502 – 2506)
• คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำา
คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ต้นทุนตำ่ากว่า ใช้กระแส
ไฟฟ้าและมีความแม่นยำามากกว่า
- 17. • [ พ.ศ.2506] ประเทศไทยเริ่มมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นครั้งแรก โดยที่
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในประเทศไทยได้ติดตั้งที่ ภาควิชาสถิติ
คณะพานิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครื่อง
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้คือ IBM 1620 ซึ่งได้รับมอบจากมูลนิธิเอไอดี
และบริษัทไอบีเอ็ม แห่ง ประเทศไทยจำากัด ปัจจุบันหมดอายุการ
ใช้งานไปแล้ว จึงได้มอบให้แก่ศูนย์บริภัณฑ์การศึกษาท้องฟ้า
จำาลองกรุงเทพฯ
• [ พ.ศ.2507] เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองของประเทศไทยติด
ตั้งที่สำานักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนมีนาคม 2507
ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2502 – 2506)
(ต่อ)
- 20. ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2507 –
2512)
• คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้
เพียง 5 ปี เนื่องจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม
(Integrated-Circuit) หรือเรียกกันย่อๆ ว่า "ไอซี" (IC) ซึ่งไอซีนี้
ทำาให้ส่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป
(chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดียว จึงมีการนำาเอาแผ่นชิปมาใช้แทน
ทรานซิสเตอร์ทำาให้ประหยัดเนื้อที่ได้มาก
- 21. ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2513 -
2532)
• เป็นยุคที่นำำสำรกึ่งตัวนำำมำสร้ำงเป็นวงจรรวมควำมจุสูงมำก ซึ่ง
สำมำรถย่อส่วนไอซีธรรมดำหลำยๆ วงจรเข้ำมำในวงจรเดียวกัน
และมีกำรประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น
ทำำให้เครื่องมีขนำดเล็ก รำคำถูกลง และมีควำมสำมำรถในกำร
ทำำงำนสูงและรวดเร็วมำก จึงทำำให้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ถือ
กำำเนิดขึ้นมำในยุคนี้
- 22. ยุคที่ 5 (พ.ศ. 2533 -
ปัจจุบัน)
• ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นกำรพัฒนำ ควำมสำมำรถในกำรทำำงำนของ
ระบบคอมพิวเตอร์ และ ควำมสะดวกสบำยในกำรใช้งำนเครื่อง
คอมพิวเตอร์ อย่ำงชัดเจน มีกำรพัฒนำสร้ำงเครื่องคอมพิวเตอร์
แบบพกพำขนำดเล็กขนำดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งำน
ในยุคนี้
- 23. ควำมหมำยของคอมพิวเตอร์
• คอมพิวเตอร์มำจำกภำษำละตินว่ำ Computare ซึ่งหมำยถึง กำร
นับ หรือ กำรคำำนวณ พจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.
2525 ให้ควำมหมำยของคอมพิวเตอร์ไว้ว่ำ "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
แบบอัตโนมัติ ทำำหน้ำที่เหมือนสมองกล ใช้สำำหรับแก้ปัญหำต่ำงๆ
ที่ง่ำยและซับซ้อนโดยวิธีทำงคณิตศำสตร์"
• สรุปได้ว่ำ คอมพิวเตอร์ หมำยถึง อุปกรณ์ทำงอิเล็กทรอนิกส์ ที่
มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในกำรจัดเก็บข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร
หรือสัญลักษณ์
- 24. เหตุผลที่นำำคอมพิวเตอร์มำใช้
งำน
• 1. สำมำรถบันทึกข้อมูลต่ำงๆ ได้รวดเร็ว เช่น กำรใช้
เครื่องอ่ำนรหัสแท่ง (Bar-code) อ่ำนเวลำเข้ำ-ออก ของ
พนักงำน และคิดรำคำสินค้ำ ในห้ำงสรรพสินค้ำ
• 2. สำมำรถเก็บข้อมูลจำำนวนมำกๆ ไว้ในฐำนข้อมูล
(Database) เพื่อใช้งำนได้ทันที
• 3. สำมำรถนำำข้อมูลที่เก็บไว้มำคำำนวณทำงสถิติ แยก
ประเภท จัดกลุ่ม ทำำรำยงำนลักษณะต่ำงๆ ได้ โดยระบบ
ประมวลผลข้อมูล (Data Processing)
- 25. เหตุผลที่นำำคอมพิวเตอร์มำใช้งำน
• 4. สำมำรถส่งข้อมูลจำกที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่ำง
รวดเร็ว โดยอำศัยเทคโนโลยีสื่อสำรข้อมูล (Data
Communication)
• 5. สำมำรถจัดทำำเอกสำรต่ำงๆ ได้อย่ำงรวดเร็ว ด้วย
ระบบประมวลผลคำำ (Word Processing) ซึ่งเป็นส่วน
หนึ่งของ ระบบสำำนักงำนอัตโนมัติ (Office
Automation)
• 6. กำรนำำมำใช้งำนทั้งด้ำนกำรศึกษำ กำรวิจัย
- 26. เหตุผลที่นำำคอมพิวเตอร์มำใช้งำน
• 7. กำรใช้งำนธุรกิจ งำนกำรเงิน ธนำคำร และงำนของ
ภำครัฐต่ำงๆ เช่น กำรนำำคอมพิวเตอร์มำใช้กับงำนบัญชี
งำนบริหำรสำำนักงำน งำนเอกสำร งำนกำรเงิน กำรจอง
ตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
• 8. กำรควบคุมระบบอัตโนมัติต่ำงๆ เช่น ระบบจรำจร,
ระบบเปิด/ปิดนำ้ำของเขื่อน
• 9. กำรใช้คอมพิวเตอร์นันทนำกำร เช่นกำรเล่นเกม กำร
ดูหนัง ฟังเพ
• 10. กำรใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีลำ้ำสมัยอี่นๆ
เทคโนโลยีสื่อสำรข้อมูล เกิดเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น
- 28. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
• 1. ทันสมัย / ทันเหตุกำรณ์ / ทันข้อมูลข่ำวสำร / ทันโลก
ช่วยให้เรำสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้ทั่วโลก
• 2. ช่วยให้กำรเรียน กำรทำำงำน ทันสมัยและได้รับควำม
สะดวกมำกยิ่งขึ้น
• 3. เป็นแหล่งกำรเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ช่วยในกำรค้นคว้ำ
หำควำมรู้เป็นห้องสมุดขนำดใหญ่
• 4. ช่วยรับ - ส่งข่ำวสำรได้อย่ำงรวดเร็ว
• 5. ช่วยผ่อนคลำยควำมตึงเครียด เช่น เกม ดูภำพยนตร์
ฟังเพลง ร้องเพลง
• 6. ช่วยสร้ำงงำนศิลปะ ออกแบบชิ้นงำนได้อย่ำง
สร้ำงสรรค์ สวยงำม
- 29. 1. ประโยชน์ทำงตรง
• ช่วยให้มนุษย์ทำำงำนได้โดยตรงคือคอมพิวเตอร์
ทำำงำนได้เที่ยงตรง รวดเร็ว ไม่เหน็ดเหนื่อย ช่วย
ผ่อนแรงมนุษย์ ในด้ำนต่ำง ๆ เช่น ด้ำนกำร
คำำนวณ พิมพ์งำน บันทึกข้อมูล ประมวลผล
2. ประโยชน์ทำงอ้อม
• คอมพิวเตอร์ช่วยพัฒนำคุณภำพชีวิต เช่น ช่วย
ในกำรเรียนรู้ให้ควำมบันเทิงควำมรู้ ช่วยงำน
บันเทิงพัฒนำงำนด้ำนต่ำง ๆ เพื่อพัฒนำ
เทคโนโลยีอันส่งผลให้ควำมเป็นอยู่ของมนุษย์ดี
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ มี
2ประเภท
- 37. ผลกระทบทางเทคโนโลยี แบ่งเป็น 2 ด้านคือ
1.ด้านบวก ได้แก่
1. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ 6. ช่วยให้
เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
2. ช่วยทำาให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น 7. ช่วยให้เกิด
ความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
3.ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยสิ่งใหม่ 8.ช่วยส่งเสริม
ประชาธิปไตย
4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
5. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
ผลกระทบของเทคโนโลยี
สารสนเทศ (ต่อ)