More Related Content Similar to อาเซียน Asean ที่มาแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน aec (9) More from Yaowaluk Chaobanpho (18) อาเซียน Asean ที่มาแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน aec1. 1
1
อาเซียน ASEAN ที่มาแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC
ปี 2510
ปี 2510
ปี 2510
ปี 2510
ปี 2510
ปี 2527
อาเซียน 6
ปี 2540
ปี 2542
ปี 2540
ปี 2538
สมาชิกใหม่ CLMV
• ก่อตั้งเมื่อปี 2510 ครบรอบ 40 ปีเมื่อปี 2550
• จุดประสงค์เริ่มแรก – สร้างความมั่นคง เพื่อต้านภัยคุกคามคอมมิวนิสต์
สมาชิก และปีที่เข้าเป็นสมาชิก
3. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC
3
AEC
Blueprint
การเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิต
ร่วม
- เคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การ
ลงทุน แรงงานมีฝีมือ และการ
เคลื่อนย้ายเงินทุนเสรีมากขึ้น
การสร้างขีดความสามารถทางการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน
- ส่งเสริมความสามารถในด้าน
ต่างๆ เช่น นโยบายการ
แข่งขัน สิทธิในทรัพย์สินทาง
ปัญญา นโยบายภาษี และการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค
- ส่งเสริมการรวมกลุ่มทาง
เศรษฐกิจของสมาชิก ลด
ช่องว่างระดับการพัฒนา และ
สนับสนุนการพัฒนาSMEs
การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก
- ปรับประสานนโยบายเศรษฐ
กิจของอาเซียนกับประเทศ
ภายนอกภูมิภาค เช่น FTA สร้าง
เครือข่ายการผลิต/จาหน่าย
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
4. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Community: AEC) (3)
เป้ าหมาย
•อาเซียนจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจภายในปี 2558 (2015)
•ตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน (single market and production base)
•การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานฝีมือเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมาก
ขึ้น (free flows of goods, services,investment, and skilled labors, and free flow of capital)
5. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Community: AEC)
แนวทางดาเนินงานเพื่อนาไปสู่การเป็น AEC
• การเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนระหว่างกันตามกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ที่มี
อยู่เดิม เช่น การเร่งลดภาษีสินค้าระหว่างกันให้เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2553 สาหรับสมาชิกเดิม
และปี 2558 สาหรับสมาชิกใหม่ภายใต้กรอบ AFTA
• การยกเลิกข้อจากัดการประกอบการด้านการค้าบริการในอาเซียน ภายในปี 2563 ภายใต้กรอบ
ความตกลงด้านการค้าบริการ
• อาเซียน (AFAS) การเปิดให้มีการลงทุนเสรีในอาเซียนและการให้การปฎิบัติเยี่ยงคนชาติต่อนัก
ลงทุนอาเซียนภายในปี 2553 ภายใต้เขตการลงทุนเสรีอาเซียน (AIA) เป็นต้น
7. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Community)
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และทิศทางของอาเซียน
FTA
Custom Union
Common Market
Economic Union
Political Union
อาเซียนดาเนินการเปิดเสรีระหว่างกันมาตั้งแต่ปี 2535
และมีการดาเนินการมาถึงระดับหนึ่งแล ้ว
อาเซียนยังไม่มีการทา Common External Tariff ร่วมกัน
อาเซียนมีการขจัดอุปสรรคทางการค ้าที่ไม่ใช่ภาษีบ ้างแล ้ว
แต่ปัจจัยการผลิตยังไม่เคลื่อนย ้ายเสรี
(การเคลื่อนย ้ายแรงงานเสรีเฉพาะแรงงานมีฝีมือ)
ยังไม่มีนโยบายการค ้าร่วมกัน
ยังมีการพิจารณาไปถึงขึ้นใช ้เงินสกุลร่วม
การโครงสร ้างภาษีและรัฐธรรมนูฐการเมืองร่วมกัน
8. ความตกลงว่าด้วยบริการอาเซียนเริ่มปี 2538
เร่งรัดการเปิ ดตลาดใน 5 สาขา และเปิ ดเสรีบริการทุกสาขาภายในปี 2558
เขตการลงทุนอาเซียนเริ่มปี 2541 เปิ ดเสรีในปี 2558
ข้อตกลง FTA เริ่มตั้งแต่ปี 2535 เปิดเสรีทั้งสิ้นภายในปี 2558
ปัจจุบันไทยเหลือสินค้าอ่อนไหว 4 ชนิดสินค้า 13 ประเภทย่อย ได้แก่ กาแฟ มันฝรั่ง
มะพร้าวแห้ง และไม้ตัดดอก
สินค้า
บริการ
ลงทุน
ด้านเกษตร ป่าไม้ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน e-ASEAN ฯลฯ
ความ
ร่วมมือ
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ความตกลงที่สาคัญในการเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วม
5
9. 0
2,000
4,000
6,000
8,000
10,000
12,000
14,000
0% SL (0-5%) HSL GE
Thailand2015 8287 13
Brunei2015 8207 16 77
Cambodia2015 10536 55 98
Indonesia2015 8625 16 96
LaoPDR2015 10566 26 98
Malaysia2015 12136 83 12 96
Myanmar2015 8240 11 49
Philippines2015 8854 80 19 27
Vietnam2015 10465 58 166
Numbersoftarifflines
ASEAN'stariffin 2015
9
1. การเป็นตลาดเดียวกันและฐานการผลิตร่วม: การลดภาษีระหว่างกัน
สินค้าส่วนใหญ่
ไม่มีภาษีระหว่าง
อาเซียนด้วยกัน
ในปี 2015
เงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์
1.ต้องเป็นสินค้าอยู่ในบัญชีลดภาษี (Inclusion List: IL)
2.เป็นสินค้าที่มีการผลิตในอาเซียนรวมกันคิดเป็นมูลค่า
อย่างน้อยร้อยละ 40
3.สินค้ามีการแปลงสภาพอย่างเพียงพอ หรือ ได้ถิ่น
กาเนิดเฉพาะสินค้า
ที่มา: บริษัท ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จากัด รวบรวมจากกระทรวงพาณิชย์
10. 10
รายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูง
ประเทศ สินค้าอ่อนไหว (อัตราภาษีร้อยละ 0-5) สินค้าอ่อนไหวสูง
บรูไน กาแฟ ชา ไม่มี
กัมพูชา สัตว์ปีกมีชีวิต เนื้อสัตว์ปีก เนื้อปลา กล้วยไม้ และไม้ตัดดอกบางชนิด
พืชผัก (หัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ กระเทียม ผักบร็อกโคลี ผักกาด แค
รอท แตงกวา ถั่ว) ผลไม้ (สับปะรด ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ส้ม แตงโม
ลาไย ผลไม้อื่นๆ)
ไม่มี
อินโดนีเซีย ไม่มี ข้าว (ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสีแล้ว ปลายข้าว)
กาหนดลดภาษีเป็นร้อยละ 25 ในปี 2015
สินค้าน้าตาลจะลดภาษีจากร้อยละ 30-40
เหลือร้อยละ 5-10 ในปี 2015
ลาว สัตว์มีชีวิต (โค กระบือ สุกร) และสัตว์เลี้ยงสาหรับใช้งานและทาพันธุ์
สัตว์ปีกเลี้ยงมีชีวิต เนื้อ/ส่วนอื่นที่บริโภคได้ของโคกระบือ สุกร (สด
แช่แข็ง แช่เกลือ รมควัน) เนื้อ/ส่วนอื่นที่บริโภคได้ของสัตว์ปีก ปลามี
ชีวิต ไข่สัตว์ปีกทั้งเปลือก (สด ทาให้สุก ทาไว้ไม่ให้เสีย) เครื่องในสัตว์
(ไส้ ถุงกระเพาะ)พืชผักสด พืชผักแช่เย็น แช่แข็ง ทาไว้ไม่ให้เสีย
ชั่วคราว มันสาปะหลัง มันเทศ ลูกนัต สับปะรด ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ส้ม
แมนดาริน มะนาว เมลอน มะละกอ ผลไม้อื่น ข้าว (ข้าวเปลือก ข้าว
กล้อง ข้าวสีแล้ว ปลายข้าว) อ้อย เมล็ดพืช บุหรี่
ไม่มี
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
11. 11
รายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูง
ประเทศ สินค้าอ่อนไหว (อัตราภาษีร้อยละ 0-5) สินค้าอ่อนไหวสูง
มาเลเซีย สุกรมีชีวิต สัตว์ปีกมีชีวิต เนื้อสุกร เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ไม่ได้ตัดเป็น
ชิ้น นมและครีมมีไขมันเกินร้อยละ 6 ไข่ไก่ ไข่เป็ด ต้นยางติดตา
กะหล่า กล้วย สับปะรด ฝรั่ง มะม่วง มังคุด แตงโม มะละกอ ผลไม้
เมืองร้อน (เงาะ ทุเรียน ลางสาด ขนุน ผลไม้อื่นๆ) กาแฟไม่ได้คั่ว
ไม่ได้สกัดกาเฟอีนออก เมล็ดยาง ไผ่ หวาย พืชใช้ถักสานอื่นๆ ยาสูบ
ซิการ์ บุหรี่
ข้าว (ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสีแล้ว ปลายข้าว)
พม่า ถั่วลันเตา ถั่วบีน กาแฟยังไม่ได้คั่ว ชาเขียว ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าว
สีแล้ว ปลายข้าว น้าตาลดิบ รังไหม ไหมดิบ เศษไหม ฝ้ าย เศษฝ้ าย
ไม่มี
ฟิลิปปินส์ สุกรมีชีวิต สัตว์ปีกเลี้ยงมีชีวิต เนื้อสุกร เนื้อสัตว์ปีกและเครื่องใน มัน
สาปะหลัง มันเทศ ข้าวโพด ข้าวซอร์กัม ส่วนสินค้าน้าตาลขอชะลอ
การลดภาษีออกไปถึงปี 2015
ข้าว (ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสีแล้ว ปลายข้าว)
ฟิลิปปินส์จะลดภาษีจากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 35 ในปี
2015 นอกจากนี้ ไทยได้ทาความตกลง MOU กับ
ฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์จะต้องนาเข้าข้าวทั่วไปจากไทย
ปริมาณขั้นต่า 367,000 ตันต่อปี
สิงคโปร์ ไม่มี ไม่มี
ไทย ไม้ตัดดอก มันฝรั่ง กาแฟ เนื้อมะพร้าว ไม่มี
เวียดนาม สัตว์ปีกเลี้ยงมีชีวิต เนื้อและเครื่องในไก่ ไก่งวง เป็ด เนื้อและส่วนอื่นๆ
ที่บริโภคได้ของกบ กระต่าย ไข่ พืชมีชีวิตต่างๆ สัม มะนาว เกรปฟรุต
ข้าวเปลือกและข้าวกล้อง ไส้กรอก น้าตาลจากอ้อยหรือหัวบีท
ไม่มี
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
12. 12
NTBs ชุดที่ 1
1 ม.ค. 2551 (2008)
NTBs ชุดที่ 2
ยกเลิกภายใน
1 ม.ค. 2552 (2009)
NTBs ชุดที่ 3
อาเซียน5 ภายใน
1 ม.ค. 2553 (2010)
NTBs : Non-Tariff Barriers
ฟิลิปปินส์ ภายใน
1 ม.ค. 2555 (2012)
CLMV ภายใน
1 ม.ค. 2558 (2015)
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
15. ASEAN Rule of Origin
การกาหนดกฎว่าด้วยถิ่นกาเนิดสินค้า
• มีจุดมุ่งหมายที่จะปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกาเนิดสินค้าให้มีความโปร่งใส มีมาตรฐานที่เป็นสากล
และอานวยความสะดวกให้แก่เอกชนมากขึ้น อาทิ การจัดทากฎการได้แหล่งกาเนิดสินค้าโดย
วิธีการแปรสภาพอย่างเพียงพอ (Substantial Transformation) และกฎการได้แหล่งกาเนิดสินค้า
ของอาเซียนแบบสะสมบางส่วน (Partial Accumulation Rule of Origin) มาใช้เป็นทางเลือก
สาหรับการคานวณแหล่งกาเนิดสินค้า
• ปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกาเนิดสินค้าของอาเซียน
- พิจารณาจัดทากฎการได้แหล่งกาเนิดสินค้าแบบเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rule:
PSR) ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือจากกฎ Regional Value Content (RVC) 40%
โดยมีแนวทางหลักๆ ดังนี้
3.1) สินค้าที่ยังไม่เคยมี PSR ทั้งในกรอบ ASEAN FTA และกรอบ AFTA ให้ใช้ “กฎ RVC
40 หรือ CTH”
3.2) สินค้าที่มี PSR แล้วทั้งในกรอบ ASEAN FTA และกรอบ AFTA ให้ใช้ “กฎ PSR ที่ยืดหยุ่น
มากกว่า”
3.3) สินค้าที่มี PSR ในกรอบ ASEAN FTA แต่ยังไม่มีใน AFTA ให้ “คณะทางาน ROO เป็นผู้
พิจารณาจัดทากฎที่เหมาะสมขึ้น”
15
16. การส่งออกและนาเข้าสิ่งทอไทย
• คาดการณ์ว่าในปี 2554 แนวโน้มในการขยายตัวต่อการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย ยัง
น่าจะขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่มากเท่าเมื่อเทียบกับปี 2553 คาดการณ์ว่ามูลค่า
การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยในปี 2554 จะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 8,500 ล้าน
เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 และคาดการณ์ว่าตลาดอาเซียนจะเป็นตลาดคู่ค้า
อันดับแรกของไทย แทนที่สหรัฐอเมริกา
• ปัจจุบันสินค้าสิ่งทอมีสัดส่วนของมูลค่าการส่งออกสูงกว่าเครื่องนุ่งห่มมาตั้งแต่ปี 2550 อันเกิด
จากสาเหตุ 2 ประการใหญ่ๆ ด้วยกัน กล่าวคือ
ประการแรก เกิดจากการรวมกลุ่มภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนและการรวมกลุ่มการค้า
อื่นๆ ที่มีความต้องการนาเข้าเส้นใย เส้นด้าย และผ้าผืน อันเป็นวัตถุดิบสาคัญในการผลิต
เครื่องนุ่งห่มในกลุ่มอาเซียนคือ เวียดนาม ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ ทาให้การส่งออก
ของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้น
ประการที่สอง ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ได้มีการย้ายฐานการผลิตไป
อยู่ในประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า อาทิเช่น ลาว ฯลฯ เพื่อลดต้นทุนในการผลิต
18. C
เปิดเสรีการลงทุน
• ไม่เลือกปฏิบัติ (คนชาติ = นักลงทุนอาเซียน)
• ให้การปฏิบัติกับนักลงทุนอาเซียนดีกว่าต่างชาติ
• ลด/เลิกข้อจากัดต่างๆหรือเงื่อนไขในการลงทุน
คุ้มครองการลงทุน
• นักลงทุนฟ้ องรัฐได้ หากได้รับความเสียหายจากการผิดพันธกรณีของรัฐ
• การโอนเงินโดยเสรี
• รัฐต้องชดเชยการเวนคืน หรือ จากเหตุการณ์ไม่สงบ
• ปกป้ องคุ้มครองความปลอดภัย
ส่งเสริมการลงทุน
• โดยเฉพาะระหว่างอาเซียนด้วยกันเอง
• สนับสนุน SMEs
• สร้าง regional clusters เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์
• ขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมในภูมิภาค
อานวยความสะดวก
การลงทุน
• Harmonize นโยบายการลงทุนของประเทศสมาชิก
• ปรับปรุงขั้นตอน/กระบวนการในการลงทุน
• สร้างความโปร่งใสให้กับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่มการประสานงานในระดับรัฐมนตรี
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
3. การเปิดเสรีการลงทุน
18
19. ผลกระทบและการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทย (1)
ข้อสังเกตุ
• ASEAN ไม่ได้เป็น Custom Union ก่อนที่จะเป็น (ASEAN ECONOMIC
COMMUNITY:AEC)
• เนื่องจากอัตราอากรนาเข้าของประเทศสมาชิกไม่เท่ากัน ซึ่งอาจมีช่องทางให้ประเทศผู้ผลิต
สินค้าที่อยู่นอกกลุ่มอาศัยช่องทางจากประเทศที่มีภาษีนาเข้าต่ากว่าเข้ามาใน ASEAN ได้ หาก
กฎถิ่นกาเนิดสินค้า (Rules of Origin) ไม่เหมาะสม
20. ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (+)
ผลกระทบเชิงบวก
1. ตลาดที่มีขนาดใหญ่เพิ่มโอกาสในการส่งออก
2. ต้นทุนในการผลิตของไทยต่าลง สามารถนาเข้าสินค้าและบริการได้ในราคาถูกลง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ใช้ในการผลิต จะทาให้มีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการ
ผลิตที่มากขึ้น
3. นักลงทุนไทยสามารถไปลงทุนยังประเทศอาเซียนได้ง่ายขึ้น สามารถแสวงหาแหล่งลงทุนที
เหมาะสม ทั้งในด้านวัตถุดิบ แรงงาน
4. โอกาสของไทยในการส่งออกแรงงานคุณภาพ และเป็นการแสวงหาแรงงานคุณภาพในสาขาที่
ขาดแคลนมาใช้
21. ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-)
ผลกระทบเชิงลบ
1. สินค้าของประเทศอาเซียนอื่นเข้าสู่ตลาดไทยได้โดยง่าย ทาให้การแข่งขันสูงขึ้น
1. ในด้านการลงทุน หากประเทศไทยไม่มีการพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน (Infrastructure) ประสิทธิภาพ
การผลิตของแรงงาน (Laborproductivity) และไม่มีการปรับปรุงกฎระเบียบกฎหมายให้มี
ความทันสมัยไม่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน อาจทาให้มีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไป
ยังประเทศอื่นๆ ใน ASEAN
22. ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-)
การเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี ทาให้เกิดการเคลื่อนย้ายของแรงงานมีฝีมือของไทยไป
ประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน และต้องจ้างแรงงานต่าง
ด้าวจากประเทศที่ค่าแรงถูกกว่าเข้ามา อาจก่อปัญหาด้านสังคม และเนื่องจากทิศทางนโยบาย
ของไทยคือ การเป็น “รัฐสวัสดิการ” ทาให้งบประมาณของรัฐส่วนหนึ่งจะไปเป็นสวัสดิการ
ของแรงงานต่างด้าว
23. ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-)
ตลาดสินค้าในประเทศ (Domestic Market)
– แต่ตลาดภายในยังไม่มีกลไกในการป้ องกันไม่ให้สินค้าคุณภาพต่ากว่าที่ผลิตได้ในประเทศ
เข้ามาขายในประเทศมากขึ้น
– ผู้บริโภคใช้สินค้าที่นาเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพและราคาต่ากว่า
– ดังนั้นจึงควรมีมาตรการที่จะเพิ่มความต้องการใช้สินค้าในประเทศด้วย
25. A Framework for Global Network Design Decisions Making
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์กลยุทธ์ Supply Chain
1. กลยุทธ์การแข่งขัน
Competitive Strategy
(Advantage)
2. การแข่งขันบนเวทีโลก
Global Competition
3. ข้อจากัดภายใน
Internal Constraints:
Capital, growth strategy,
existing network
4. การบริหารจัดการ
โซ่ห่วงอุปทาน
Supply Chain Management
ขั้นตอนที่ 1
วิเคราะห์กลยุทธ์ด้าน Supply
Chain
26
26. A Framework for Global Network Design Decisions Making
ขั้นตอนที่ 2: พิจารณารูปลักษณ์การลงทุนและสิ่งอานวยความสะดวก
1. กฎระเบียบด้านภาษีและ
Tax Incentive
2. ความต้องการของผู้บริโภคทั้ง
ในอาเซียนและนอกอาเซียน
Regional demand, Size, Growth,
Homogeneity, and
loc Local specifications
3. เทคโนโลยีการผลิตและ
รูปแบบสินค้า
PRODUCTION TECHNOLOGIES
Cost, Scale/Scope impact, support
required, flexibility Production
2.
2. สถานการณ์การเมือง
การเงินและการคลัง แล
ความเสี่ยงของตลาด
POLITICAL, EXCHANGE
RATE AND DEMAND RISK
ขั้นตอนที่ 2
รูปลักษณ์การลงทุนและ
สิ่งอานวยความสะดวก
27
27. A Framework for Global Network Design Decisions Making
ขั้นตอนที่ 3: ความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง
1. การศึกษาและวิเคราะห์วิธีการ
ผลิต
Production Methods: Skill
needs, Response time
2. การศึกษาความ
เหมาะสมของการ
บริการโครงสร้างพื้นฐาน Available
Infrastructure
ขั้นตอนที่ 3
ความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง
Desirable Size
28
28. A Framework for Global Network Design Decisions Making
ขั้นตอนที่ 4: การเลือกสถานที่คั้ง
1. วิเคราะห์ต้นทุนโรงงาน
FACTOR COSTS:
- Labor
- Materials
- Site Specific
2. วิเคราะห์ถึงต้นทุนโลจืสติกส์
Logistics Cost:
- Transport
- Inventory
- Logistics Infrastructure
ขั้นตอนที่ 4
Location Choices
29
29. 30
ที่มา: Doing Business 2011, World Bank
รายละเอียดความยากง่ายในการดาเนินธุรกิจของอาเซียน
Topic Brunei Cambodia Indonesia LaoPDR Malaysia Philippines Singapore Thailand Vietnam
Incomecategory High Low Lowermiddle Low Uppermiddle Lowermiddle High Lowermiddle Lowermiddle
GNIpercapita(US$) 26,325 650 2,230 880 7,230 1,790 37,220 3,760 1,010
Population(m) 0.4 14.8 230.0 6.3 27.5 92.0 5.0 67.8 87.3
Easeofdoingbusiness(rank) 112 147 121 171 21 148 1 19 78
Startingabusiness 133* 170 155* 93 113* 156* 4 95 100*
Dealingwithconstructionpermits 74 146 60 115 108 156** 2 12 62*
Registeringproperty 183 117 98 163 60* 102 15 19** 43
Gettingcredit 116 89 116 152 1 128 6 72 15*
Protectinginvestors 120 74 44 182 4 132 2 12 173
Payingtaxes 22* 57 130* 116* 23 124 4 91* 124
Tradingacrossborders 52 118 47* 170 37 61* 1 12 63
Enforcingcontracts 159 142 154 110 59 118 13 25 31
Closingabusiness 42 183 142 183 55 153 2 46 124
Note:
*reformsmakingiteasiertodobusiness
**reformsmakingitmoredifficulttodobusiness
31. อินโดนีเซียมีการนาเข้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากตลาดโลก
32
ปี 2552 อินโดนีเซียมีการนาเข้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากตลาดโลกที่สาคัญ 5 ประเภท แรกได้แก่
1. เส้นด้ายฝ้ าย (Cotton Yarn) มีมูลค่าการนาเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ หรื
ลดลงร้อยละ 25.05 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนาเข้าจาก จีน สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ออสเตรเลีย
และอินเดีย เป็นต้น
2. ผ้าถัก (Knit Fabric) มีมูลค่าการนาเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 628.49 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง
ร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนาเข้าจาก เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และไทย เป็นต้น
3. ผ้าใยสังเคราะห์ (Manmade Filament Fabric) มีมูลค่าการนาเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 572.12
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 20.64 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนาเข้าจาก จีน เกาหลีใต้
ไต้หวัน ญี่ปุ่ น และ ฮ่องกง เป็นต้น
4. เส้นใยประดิษฐ์ (Manmade Staple Fibers) มีมูลค่าการนาเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 561.73 ล้าน
เหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 8.24 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยนาเข้าจากจีน ญี่ปุ่ น ไทย ไต้หวัน
และ เกาหลีใต้ เป็นต้น
5. ผ้าผืน (Impregnated Text Fabric) มีมูลค่าการนาเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 248.21 ล้านเหรียญ
สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 11.69 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนาเข้าจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน เยอรมนี
และ ญี่ปุ่ น เป็นต้น
32. การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
33
จุดแข็ง (Strength)
1. อุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยมีการผลิตครบวงจร ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้า กลางน้า และปลายน้า
2. มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคม เพื่อพัฒนา ให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมสิ่ง
ทอของไทย อาทิเช่น การตั้งสมาคมอุตสาหกรรมเส้นใยสังเคราะห์ สมาคมอุตสาหกรรมทอ
ผ้าไทย สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย สมาคมอุตสาหกรรมฟอกย้อม พิมพ์ และตกแต่งสาเร็จ
สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมไหมไทย
3. ผู้ซื้อเชื่อมั่นในผู้ประกอบการไทย เพราะมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอยาวนานกว่า 30
ปี
4. รัฐบาลมีเสถียรภาพ ทาให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนร่วมกับ ผู้ประกอบการ
ไทย ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ
5. มีความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทาให้
การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
6. ประเทศไทยมีที่ตั้งเหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค
33. การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
จุดอ่อน (Weakness)
1. ประสิทธิภาพการผลิตต่า เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตมีอายุการใช้งานนานกว่า
10 ปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเส้นใย ปั่นด้าย และฟอกย้อม ทาให้สินค้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ยัง
ไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของผู้ซื้อ
2. ต้นทุนการผลิตสูง เนื่องมาจากโครงสร้างภาษีที่ไม่เหมาะสม กล่าวคือ มีอัตราภาษีนาเข้าวัตถุดิบ
ในอัตราสูง โดยเฉพาะอัตราภาษีนาเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเส้นใยสังเคราะห์ สารเคมี และ
วัตถุดิบในการย้อมสี แม้ว่าจะได้ทาการปรับลดอัตราภาษีลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าประเทศไทย
มีอัตราที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทาให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้
3. ขาดการทาตลาดเชิงรุก ส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคาสั่งซื้อของลูกค้า และไม่มี แบรนด์เนมเป็น
ของตนเอง ตลอดจนขาดการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
4. ขาดแคลนบุคลากรด้านสิ่งทอ เนื่องจากมีบุคลากรที่จบการศึกษาทางด้านนี้จานวนน้อย โดย
จานวนผู้จบการศึกษาสาขาสิ่งทอจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในแต่ละปี มีจานวนไม่ถึง 700 คน
หรือน้อยกว่าร้อยละ 1 ของจานวนแรงงานที่มีในอุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องสร้าง
แรงจูงใจ เพื่อให้มีผู้เข้าศึกษาด้านสิ่งทอเพิ่มมากขึ้น ดังแสดงในตารางที่ 9-1 34
34. การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
โอกาส (Opportunities)
1. ค่าจ้างแรงงานยังไม่สูงจนเกินไปนัก เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น ประเทศจีน
2. สามารถแข่งขันในด้านการส่งออกเครื่องนุ่งห่มกับประเทศคู่แข่ง เช่น ประเทศจีน มาเลเซีย และ
อินโดนีเซียได้ โดยเฉพาะสินค้าที่มีลักษณะเป็นแฟชั่น มีความแตกต่างหลากหลาย
3. ประเทศคู่แข่งที่สาคัญของไทย อย่างเช่น ประเทศอินโดนีเซียก็ประสบกับปัญหาการเมือง
ภายในประเทศ??? ซึ่งแตกต่างกับไทยที่มีเสถียรภาพทางการเมือง ทาให้นโยบายต่างๆ มีความ
ต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อการสนับสนุนโครงการและมาตรการต่างๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์
4. เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการผลิต ทาให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งทอ
และเครื่องนุ่งห่มได้ เช่น การสร้างสรรค์เส้นใยชนิดใหม่ และพัฒนาเทคนิคการฟอกย้อม
5. ตลาดชายแดนเพื่อนบ้าน เป็นตลาดที่สาคัญของไทย ดังจะเห็นได้จากมูลค่าทางการค้าที่เพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่อง
6. การที่ประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนของไทยส่วนใหญ่ เป็นประเทศที่มีรายได้น้อย อีกทั้ง
ระดับพื้นฐานทางเทคโนโลยีสิ่งทอต่า และอัตราค่าจ้างแรงงานถูกกว่าไทยมาก เช่น ประเทศลาว
พม่า และกัมพูชา จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะขยายฐานการผลิตไปลงทุนในประเทศเพื่อน
บ้านดังกล่าว เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต
35
35. การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
ภัยคุกคาม (Threat)
1. การจากัดปริมาณโควตาส่งออกในกลุ่มประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าสิ่งทอ ทาให้ ไม่สามารถ
เพิ่มการส่งออกได้
2. ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข/กฎระเบียบสากล เช่น มาตรฐานการผลิต (ISO 9000) มาตรฐาน
สิ่งแวดล้อม (ISO 14000) และมาตรฐานการจ้างงาน (SA 8000) เป็นต้น
3. ขาดข้อมูลเชิงลึก ข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และขาดการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เช่น
ข้อมูลด้านการผลิต การนาเข้าและส่งออกของประเทศคู่แข่ง เป็นต้น
36
36. การสนับสนุนเงินทุนประกอบการจากรัฐ
ในปี 2552 รัฐบาลอินโดนีเชียจึงมีนโยบายสนับสนุนการผลิตสินค้าสิ่งทอ
1. รัฐบาลอินโดนีเซียให้ส่วนลดร้อยละ 11.0 ของราคาเครื่องจักรใหม่ ด้วยงบประมาณ 175 พันล้าน
รูปี หรือ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นสาหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสาเร็จรูป 52.5 พันล้านรูปี
ปั่นด้ายทอผ้า 35 พันล้านรูปี สิ่งทออื่นๆ 87.5 พันล้านรูปี
2. รัฐบาลให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่าสาหรับการซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือใหม่ โดยจะให้เงินกู้ในจานวน
ไม่น้อยกว่า 100 ล้านรูปี แต่สูงสุดไม่เกิน 5 พันล้านรูปี (หรือร้อยละ 75 ของเครื่องจักรใหม่) ทั้งนี้
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวจะต่ากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไปของธนาคารพาณิชย์ประมาณร้อย
ละ 4-5 ต่อปี
37
37. ข้อแตกต่างของการรวมกลุ่มAEC และ EU
38
ปัจจัย สหภาพยุโรป อาเซียน
ด้านโครงสร้างขององค์กร
เป็นองค์กรที่มีรูปแบบที่เรียกว่า Community
Method
เป็นองค์กรที่มีรูปแบบที่เรียกว่า
Intergovernmental Method
มีการจัดระบบการทางานและมีการกาหนด
อานาจและหน้าที่ขององค์กรที่ชัดเจน
ยังไม่มีการกาหนดหน้าที่ทางกฎหมายระหว่าง
ประเทศที่ชัดเจน มีเพียงวิสัยทัศน์หรือ
ข้อตกลงทางการเมือง
ระบบกฎหมาย
มีระบบกฎหมายและมาตรการต่างๆ ของตน
โดยเฉพาะ จะไม่อยู่ภายใต้ระบบกฎหมาย
ระหว่างประเทศทั่วๆ ไป
ใช้ระบบกฎหมายระหว่างประเทศอยู่ ซึ่งไม่มี
สภาพบังคับที่ชัดเจน
การออกนโยบายเพื่อรองรับการ
รวมเศรษฐกิจ
มีการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือแก่ประเทศ
สมาชิกเพื่อลดความเหลื่อมล้าของประเทศ
สมาชิก
ไม่ได้มีกองทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้าทาง
เศรษฐกิจเป็นของตนเอง พึ่งพิงสถาบันการเงิน
ระหว่างประเทศ เช่น Asian Development
Bank (ADB)
นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและ
สกุลเงิน
มี European Monetary Union เพื่อทาหน้าที่
กาหนดเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สามารถใช้สกุล
เงินเดียวกันได้
มีแนวคิดที่จะให้เอเชียใช้เงินสกุลเดียวกันที่
เรียกว่า Asian Currency Unit (ACU) แต่ยังอยู่
ในขั้นการศึกษา
การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อ
ประชาคม
สหภาพยุโรปได้มีการเปิ ดโอกาสให้ประชาชนมี
ส่วนร่วมในประชาคม เช่น การเลือกตั้งสมาชิก
ของ European Parliament
อาเซียนไม่เคยมีการให้สิทธิแก่ประชาชนใน
อาเซียนโดยตรง
ที่มา: บริษัทไบรอัน เคฟ(ประเทศไทย) จากัด