SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
Download to read offline
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
   1. ขนาดครอบครัว
               ข้อ มูล สำมะโนประชำกรและเคหะ ปี พ.ศ. 2553 ณ วันที่ 1 กันยำยน 2553 ประเทศไทย
   มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 20.3 ล้ำนครัวเรือน ขนำดครัวเรือนเฉลี่ย 3.2 คน มีขนำดเล็กลงเมื่อเทียบกับสำมะโน
   ประชำกรและเคหะปี พ.ศ. 2543 ที่มีขนำดครัวเรือนเฉลี่ย 3.8 คน โดยภำคที่มีขนำดครัวเรื อนใหญ่ที่สุด คือ
   ภำคใต้ 3.54 คน รองลงมำคือ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.53 คน ภำคเหนือ 3.1 คน ภำคกลำง 3.0 คน และ
   กรุงเทพมหำนครมีขนำดครัวเรือนเล็กที่สุด 2.9 คน
   2. รูปแบบครอบครัว
                  รูปแบบครอบครัวที่เป็นกระแสหลัก ได้แก่ ครอบครัวเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยสมำชิกครอบครัวสอง
   ช่วงวัย คือ พ่อ แม่ และลูกที่ยังไม่แต่งงำน และครอบครัวขยำย ประกอบด้วยสมำชิกครอบครัวตั้งแต่สำมช่วงวัย
   ขึ้นไป รูปแบบกำรอยู่อำศัยของครอบครัวไทยในปี พ.ศ. 2550 ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว ร้อยละ 53.9
   รองลงมำเป็นครอบครัวขยำย ร้อยละ 34.5 อยู่คนเดียวร้อยละ 11.2 อยู่กับคนที่ไม่ใช่ญำติ ร้อยละ 0.4 จำกกำร
   เปลี่ยนแปลงทำงเศรษฐกิจและสังคมทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้ำงของครอบครัวข้อมูลปี พ.ศ. 2543
   - 2550 พบว่ำ จำนวนครอบครัวเดี่ยวลดลง ในขณะที่ครอบครัวขยำยมีจำนวนเพิ่มขึ้น จำกปี พ.ศ. 2543 มี
   ครอบครัวเดี่ยวร้อยละ 56.1 ครอบครัวขยำยร้อยละ 31.6 เป็นครอบครัวเดี่ยวร้อยละ 53.9 ครอบครัวขยำย
   ร้อยละ 34.5 ในปี พ.ศ. 2550
      3. สถานภาพของครอบครัว
                  ● การแต่งงาน สถำนภำพกำรแต่งงำนของครอบครัว ประชำชนไทยมีกำรแต่งงำนช้ำลงทั้งหญิง

และชำย โดยผู้หญิงมีอำยุเฉลี่ยแรกแต่งงำนที่ 23.5 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 24.0 ปี ในขณะที่ผู้ชำยมีอำยุเฉลี่ยแรก
แต่งงำนที่ 25.8 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 27.1 ปี
                  ● การครองโสด ทั้งผู้หญิงและผู้ชำย โดยเฉพำะผู้หญิงมีแนวโน้มกำรครองโสดสูงขึ้น ผู้หญิงโสดที่

มีอำยุระหว่ำง 50-54 ปีเพิ่มขึ้นจำกร้อยละ 2.0 ในปี พ.ศ. 2503 เป็นร้อยละ 8.0 ในปี พ.ศ. 2553 ทั้งนีเนื่องจำกวิถี
                                                                                                  ้
กำรดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป มีภำวะของกำรแข่งขันกันมำกขึ้น คนรุ่นใหม่ให้ควำมสำคัญ
กับกำรศึกษำในระบบยำวนำนขึ้น ใช้เวลำในกำรทำงำนและหำเงินเลี้ยงครอบครัวมำกขึ้น ทำให้คนไทยชะลอกำร
แต่งงำน เริ่มสร้ำงครอบครัวใหม่ช้ำลง รวมถึงกำรใช้ชีวิตอย่ำงถำวรมำกขึ้น ซึ่งพฤติกำรณ์ดังกล่ำวนี้จะส่งผลกระทบ
ต่อกำรก้ำวสู่กำรเป็นผู้สูงอำยุที่โดดเดี่ยวมำกขึ้น
                  ● การหย่าร้าง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในปี พ.ศ. 2536 มีผู้จดทะเบียนหย่ำ 46,953 คู่ จำกจำนวน

ผู้ที่จดทะเบียนสมรส 484,569 คู่ในปีเดียวกัน แต่หลังจำกปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมำทั้งจำนวนและสัดส่วนของผู้ที่
จดทะเบียนหย่ำเพิ่มสูงขึ้นมำโดยตลอดจนถึง 108,482 คู่ ในปี พ.ศ. 2553
● หัวหน้าครัวเรือน ผู้หญิงเป็นหัวหน้ำครัวเรือนมำกขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภำระควำมรับผิดชอบ
 ที่เพิ่มมำกขึ้น และกำรที่สั งคมให้ กำรยอมรั บบทบำทควำมเป็นผู้ นำของผู้ ห ญิงมำกขึ้น ข้อมูล จำกกำรส ำรวจ
 ภำวกำรณ์ทำงำนของประชำกร สำนักงำนสถิติแห่งชำติ จะเห็นกำรเปลี่ยนแปลงของกำรเป็นหัวหน้ำครัวเรือน ในปี
 พ.ศ. 2547 หญิงเป็นหัวหน้ำครัวเรือนร้อยละ 27.3 และเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2550 เป็นร้อยละ 31.0



      4. แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสถาบันครอบครัว
                    1. ครอบครัวมีขนำดเล็กลงอย่ำงต่อเนื่อง ครอบครัวเดี่ยวมีสมำชิกในครอบครัวมีจำนวนน้อยลง
                    2. กำรเปลี่ยนแปลงรูปแบบครอบครัว พบว่ำ รูปแบบครอบครัวมีควำมหลำกหลำย และซับซ้อน
มำกขึ้ น เป็ น ครอบครั ว ลั กษณะเฉพำะที่ มีรู ปแบบ ลั กษณะเฉพำะตัว มีส ภำพปัญ หำ และควำมต้อ งกำรควำม
ช่วยเหลือแตกต่ำงกัน เช่น ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวที่มีเฉพำะพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตำมลำพัง ครอบครั วข้ำมรุ่นที่มีสมำชิก
เป็นผู้สูงอำยุเลี้ยงดูเด็กตำมล ำพัง ครอบครัวที่มีเฉพำะเด็กอยู่กันตำมลำพัง ครอบครัวผู้สู งอำยุอยู่กันตำมลำพัง
ครอบครัวเพศเดียวกัน ครอบครัวบุตรบุญธรรม ครอบครัวที่มีภำระในกำรดูแลสมำชิกที่เจ็บป่วย พิกำร ต้องขัง และ
ครอบครัวที่มีลักษณะเฉพำะอื่นๆ
                    3. กำรที่ผู้หญิงออกมำทำงำนนอกบ้ำนมำกขึ้น และยังต้องเป็นฝ่ำยที่รับภำระในกำรทำงำนบ้ำน
 เป็นส่วนใหญ่ทำให้เกิดเหน็ดเหนื่อยและเกิดภำวะเครียด นำไปสู่ปัญหำควำมสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในครอบครัว
                    4. กำรแต่งงำนและกำรจดทะเบียน มีแนวโน้มลดลง กำรอยู่กินกันฉันสำมีภรรยำโดยไม่แต่งงำน
เพิ่มขึ้น สะท้อนให้ เห็น ถึงพฤติกรรมควำมเป็นครอบครัว ที่เปลี่ยนแปลงไป หญิงชำยมีกำรอยู่ร่ว มกันโดยไม่จด
ทะเบียนสูงขึ้น สอดคล้องกับงำนวิจัยหลำยเรื่องที่พบว่ำ คู่สมรสอยู่ด้วยกันโดยไม่ จดทะเบียนสมรสมำกขึ้น สำเหตุ
เกิดจำกค่ำนิยม รูปแบบกำรดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ประชำกรมีกำรศึกษำสูงขึ้น และหญิงชำยหลำยคู่ที่ไม่เห็น
ควำมสำคัญของกำรจดทะเบียนสมรส ทำให้กำรจดทะเบียนสมรสน้อยกว่ำจำนวนที่หญิงชำยที่อยู่กินกันฉันสำมี
ภรรยำ
                    5. กำรครองโสดสูงขึ้น ผู้หญิงมีแนวโน้มกำรครองโสดสูงขึ้น โดยเฉพำะกลุ่มหญิงอำยุ 20 - 34 ปี
 จำกร้อยละ 22.0 ในปี พ.ศ. 2513 เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 33 ในปี พ.ศ. 2543 นอกจำกนี้ยังพบว่ำหญิงไทยที่มีอำยุ
 50 ปี ขึ้นไป ยังคงครองโสดเพิ่มขึ้นกว่ำเท่ำตัว จำกร้อยละ 2.2 ในปี พ.ศ. 2513 เป็นร้อยละ 4.6 ในปี พ.ศ. 2543
 (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ , 2553)
                    6. ค่ำนิยมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ค่ำนิยมในครอบครัวที่แต่งงำนกันแต่ไม่ต้องกำรมีบุตร เป็นค่ำนิยม
 ที่เน้นประโยชน์อันสำมีภรรยำจะพึงได้รับจำกกำรไม่มีลูก นั่นคือ ควำมมีอิสระจำกภำระกำรที่ต้องเลี้ยงลูก เพื่อที่ทั้ง
 คู่จะมีเวลำให้แก่กันและกันมำกขึ้น และเพื่อทุ่มเทกำรบรรลุจุดหมำยในชีวิตและกำรงำนส่วนตัวของแต่ละคน
โดยเฉพำะในกลุ่มคนชั้นกลำงและชนชั้นสูงของสังคม ในขณะที่บำงครอบครัวมีควำมพร้อมทุกด้ำน แต่ไม่สำมำรถที่
จะมีบุตรได้
                 7. ควำมสัมพัน ธ์ ภำยในครอบครัว และระหว่ำงเครือญำติลดน้อยลง กำรพึ่งพำช่ว ยเหลือกัน
ระหว่ำงเครือญำติลดน้อยลง ซึ่งแต่เดิมในสังคมไทยเป็นสังคมเครือญำติที่มีกำรให้กำรสนับสนุนช่วยเหลือกันทั้ง
ทำงด้ำนเศรษฐกิจ สังคม แต่แนวโน้มกำรพึ่งพำเหล่ำนี้จะลดลง มีสภำพของกำรต่ำงคนต่ำงอยู่มำกขึ้น
                 8. รูปแบบกำรอบรมเลี้ยงดูสมำชิกในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป กำรทำหน้ำที่ในกำรอบรมเลี้ยงดู
สมำชิกในครอบครัวลดน้อยลง มีสถำบันอื่นเข้ำมำทำหน้ำที่เหล่ำนี้แทน เช่น สถำนรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน เป็นต้น
รวมถึงกำรใช้เทคโนโลยีกำรสื่อสำร เพื่อประโยชน์ในกำรอบรมเลี้ยงดูสมำชิก ในครอบครัว ครอบครัวสมัยใหม่ส่วน
หนึ่งมีค่ำนิ ยมของพ่อแม่ในกำรเลี้ยงลูกให้เป็นเลิศ มักจะมีรูปแบบกำรอบรมเลี้ยงดูที่เข้มงวด และมีโปรแกรม
สำหรับพัฒนำกำรเด็กมำกมำย ซึ่งบำงครั้งขัดกับธรรมชำติของเด็กหรือตำมพัฒนำกำรของวัย ซึ่งอำจทำให้เด็กเกิด
ควำมตึงเครียดได้
    5. ปัญหาครอบครัว
                 หมำยถึงปัญหำที่เกิดขึ้นภำยในครอบครัว ได้แก่ ปัญหำระหว่ำงสำมีภรรยำ ควำมขัดแย้งระหว่ำงพ่อ
กับ แม่ พี่ กับ น้ อ ง พ่อ กั บ ลู ก หรื อ แม่ กั บ ลู ก ปั ญ หำกำรติ ด ต่ อสื่ อ สำรระหว่ ำ งสมำชิ ก ภำยในครอบครั ว ปั ญ หำ
ควำมสัมพันธ์ ควำมไม่เข้ำใจกัน และปัญหำกำรใช้ชีวิตครอบครัวท่ำมกลำงสภำพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง
ปัญหำครอบครัวจึงมีรูปแบบที่แตกต่ำงและหลำกหลำย ขึ้นอยู่กับสภำพของแต่ละครอบครัว เช่น
                      1. ความยากจนและหนี้สิน
                      ผลสำรวจภำวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงำนสถิติแห่งชำติ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2554
สัดส่วนครัวเรือนที่มีหนี้สิน เท่ำกับ ร้อยละ 55.8 ของครัวเรือนทั้งหมด ลดลงจำกร้อยละ 60.9 ในปี พ.ศ. 2552
และจ ำนวนหนี้ สิ น เฉลี่ ย เท่ำ กับ 134,900 บำทต่อครัว เรือน ค่อ นข้ำงทรงตัว เมื่อ เทียบกับ 134,699 บำทต่ อ
ครัวเรือนในปี พ.ศ. 2552 ร้อยละ 87.5 เป็นหนี้ในระบบ ครัวเรือนร้อยละ 6.4 มีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ
และครัวเรือนร้อยละ 6.1 มีหนี้นอกระบบอย่ำงเดียว ภำวะหนี้สินของครัวเรือนสอดคล้องกับผลกำรศึกษำและ
สำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย สมำคมครอบครัวศึกษำแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถำบันแห่งชำติเพื่อ
กำรพัฒนำเด็กและครอบครัว มหำวิทยำลัยมหิดล ศึกษำสถำนกำรณ์สุขภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่อง
ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 - 2554 จำกกลุ่มตัวอย่ำง 4,000 ครอบครัวทั่วทุกภำคของประเทศ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2554
ครอบครัวไทยที่มีเด็กอำยุต่ำกว่ำ 20 ปี และครอบครัวที่มีผู้สูงอำยุมีแนวโน้มที่จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำกร้อยละ 64.8
และ 63.5 ในปี พ.ศ. 2553 เป็นร้อยละ 72.6 และ 77.4 ในปี พ.ศ. 2554 และร้อยละ 8.0 เป็นครอบครัวที่มีหนี้
เสียไม่สำมำรถชดใช้ได้ จำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำวนำไปสู่กำรบังคับให้คนไทยหันมำทำงำนหนัก ส่ งผลให้ครอบครัว
ขำดควำมอบอุ่น เพรำะพ่อแม่ไม่มีเวลำดูแลลูกอย่ำงเพียงพอ ทิ้งภำระกำรดูแลเด็กให้กับผู้อื่นแทน เช่น ผู้สูงอำยุ
โรงเรียน ชุมชน
2. พฤติกรรมนอกใจคู่สมรส
                   กำรศึกษำและสำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย สมำคมครอบครัวศึกษำแห่งประเทศ
ไทย ร่วมกับสถำบันแห่งชำติเพื่อกำรพัฒนำเด็กและครอบครัว มหำวิทยำลัยมหิดล ได้ทำกำรศึกษำสถำนกำรณ์สุข
ภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 - 2554 โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่ำง 4,000 ครอบครัวทั่ว
ทุกภำคของประเทศ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 มีครอบครัวร้อยละ 10.8 ที่ยอมรับว่ำในครอบครัวของตนมีสมำชิกคน
ใดคนหนึ่งไปมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน ปี พ.ศ. 2553 พบว่ำจำนวนร้อยละกำรนอกใจคู่สมรส
เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 12.8 และในปี พ.ศ. 2554 ร้อยละ 12.8 และในปี พ.ศ. 2552 ร้อยละ 11.9 ของ
ครอบครัวไทย ระบุว่ำ สมำชิกในครอบครัวบำงคนมีพฤติกรรมโน้มเอียงไปในทำงที่จะนอกใจคู่สมรส และจำนวนนี้
เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 26.5 ในปี พ.ศ. 2554 สอดคล้องกับผลกำรสำรวจของ “ดูเร็กซ์” ซึ่งสอบถำมผู้หญิงจำนวน
2.9 หมื่นคนจำก 36 ประเทศทั่วโลก ระบุว่ำกลุ่มตัวอย่ำงผู้หญิงไทย ร้อยละ 59.0 พฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง
หรือคนรักสูงเป็นอันดับสองของโลก และมีอัตรำกำรนอกใจสูงที่สุดในเอเชีย ขณะที่ผู้ชำยไทยมีพฤติกรรมนอกใจ
มำกที่สุดในโลก โดยกลุ่มตัวอย่ำงชำยไทยร้อยละ 54.0 ยอมรับว่ำตนเองไม่ซื่อสัตย์กับคู่ครอง
                   3. ความรุนแรงในครอบครัว

                   พฤติกรรมกำรกระทำควำมรุนแรงต่อเด็กและสตรี มีแนวโน้มที่ เพิ่มขึ้น สถิติจำกศูนย์พึ่งได้ใน
โรงพยำบำลสังกัดกระทรวงสำธำรณสุข 750 แห่ง พบว่ำ มีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำยหรือถูกกระทำรุนแรงมำกขึ้น
โดยในปี พ.ศ. 2553 มีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำยเข้ำรักษำพยำบำลรวม 12,554 รำย เฉลี่ยวันละ 34 รำย หรือทุกๆ
1 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำย 1 คน เมื่อจำแนกตำมกลุ่มอำยุ พบกลุ่มอำยุ 25 – 45 ปี มำกที่สุด คิดเป็น
ร้อยละ 46 รองลงมำคือ กลุ่มอำยุ 18 – 25 ปี คิดเป็นร้อยละ 30 สำหรับในปี พ.ศ. 2554 พบว่ำ ผู้หญิงถูกทำร้ำย
ร่ำงกำยเพิ่มเป็น 27,000 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 14,446 คน จำกปี พ.ศ. 2553 หรือทุกๆ 1 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงถูกทำ
ร้ำยร่ำงกำย 3 คน สำหรับผู้กระทำควำมรุนแรง พบว่ำส่วนใหญ่เป็นคู่สมรส รองลงมำคือ คนรัก และสำเหตุอันดับ
1 มำจำกควำมสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น นอกใจ หึงหวง ทะเลำะวิวำท พบร้อยละ 40 รองลงมำคือ ใช้สำรกระตุ้น
เช่น เมำสุรำ เสพยำบ้ำ ร้อยละ 30
                   จำกข้อมูลควำมรุนแรงในครอบครัว ที่รวบรวมไว้ในเว็บไซต์ www.violence.in.th พบว่ำในปี
พ.ศ. 2553 มีเหตุกำรณ์กำรกระทำควำมรุนแรงต่อเด็ก สตรี และควำมรุนแรงในครอบครัวทั่วไป ทั้งที่เป็นคดีและไม่
เป็นคดี จำนวน 916 เหตุกำรณ์ มีจำนวนผู้กระทำควำมรุนแรงเป็นเพศชำย (645 รำย) มำกกว่ำเพศหญิง (86 รำย)
มีจำนวนผู้ถูกกระทำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นเพศหญิง ( 653 รำย) มำกกว่ำเพศชำย ( 77 รำย) ทั้งนี้ กำร
กระทำควำมรุนแรงใน 1 รำย อำจมีกำรกระทำควำมรุนแรงซ้ำมำกกว่ำ 1 ครั้งหรือ 1 เหตุกำรณ์ ประเภทควำม
รุนแรงเป็นควำมรุนแรงทำงร่ำงกำยมำกที่สุด คือร้อยละ 61.3 รองลงมำคือ ควำมรุนแรงทำงจิตใจ คือร้อยละ 27.5
สำเหตุควำมรุนแรง มี 5 ประกำร อันดับแรกได้แก่ กำรเมำสุรำ ยำเสพติด คิดเป็นร้อยละ 36.5 รองลงมำ เป็น
ปัญหำที่เกิดจำกสุขภำพกำยและจิตใจ คิดเป็นร้อยละ 18.5 กำรนอกใจ หึงหวง คิดเป็นร้อยละ 17.9 ควำมเครียด
จำกภำวะเศรษฐกิจ ตกงำน คิดเป็นร้อยละ 9.2 และ สื่อลำมก คิดเป็นร้อยละ 1.7
                  สำเหตุของกำรใช้ควำมรุนแรงดังกล่ำวอำจเป็นรูปธรรมหนึ่งของกำรแสดงออกที่เห็นได้ชัดใน
สังคมไทย ซึ่ง Murray A. Straus (1977) ได้ศึกษำต่ำงวัฒนธรรมเรื่องกำรทะเลำะวิวำทระหว่ำงสำมีภรรยำ พบ
สำเหตุที่เป็นปัจจัยรุนแรงนำไปสู่กำรทะเลำะวิวำทมี 4 ประกำร คือ กำรบ่มเพำะควำมอึดอัดไม่พอใจระหว่ำงสำมี
ภรรยำเป็นเวลำนำน กิจกรรมของครอบครัวและควำมสนใจของสำมีภรรยำที่แตกต่ำงกัน หรือเวลำของสำมีและ
ภรรยำจะไม่ตรงกันในกำรกระทำกิจกรรมของครอบครัว สำมีและภรรยำใช้เวลำกำรทำงำนเฉพำะกิจของตนเอง
ขำดควำมเอำใจใส่ต่อกัน และควำมไม่เสมอภำคระหว่ำงเพศ โดยเฉพำะในสังคมไทยมีกำรสั่งสมแนวคิดเรื่องอำนำจ
และกำรแบ่งช่วงชั้นทำงอำนำจ แสดงให้เห็นถึงกำรใช้อำนำจของผู้ที่มีสถำนภำพที่เหนือกว่ำสำมำรถทำกำรควบคุม
และสร้ำงอิทธิพลภำยใต้ระบบควำมควำมสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ชำยมีอำนำจมำกกว่ำหญิง หรือพ่อแม่มีอำนำจ
มำกกว่ำลูก
                4.     สัมพันธภาพและการสื่อสารในครอบครัว
                    กำรสื่อสำรที่ดีภำยในครอบครัว จะเป็นเครื่องมือสำคัญในกำรเสริมสร้ำงสร้ำงสัมพันธภำพใน
ครอบครัว ที่จะสื่อสำรให้คนในครอบครัวรู้ถึงควำมรักควำมห่วงใยที่มีให้ต่อกัน ทั้งภำษำพูดและภำษำกำย ดังนั้น
กำรสื่อสำรที่ดี ที่เหมำะสม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจ ควำมผูกพันเอื้ออำทรต่อกัน ซึ่งเป็น
วิธีกำรที่ช่วยให้ชีวิตครอบครัวมีควำมสุขกำรสื่อสำรในครอบครัว
                    จำกผลกำรศึกษำและสำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย ตำมแนวทำงครอบครัวอบอุ่น ปี
2554 ที่ส มำคมครอบครั ว ศึกษำแห่ ง ประเทศไทย ร่ว มกับสถำบัน แห่ งชำติเพื่ อกำรพัฒ นำเด็กและครอบครั ว
มหำวิทยำลัยมหิดล ได้ทำกำรศึกษำสถำนกำรณ์สุขภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 -
2554 พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 เรื่องกำรสื่อสำรดีภำยในครอบครัวนั้น มีสมำชิกในครอบครัวมีกำรใช้คำพูดที่ไพเรำะ
ต่อกันเป็นประจำเพียงร้อยละ 46.6 ที่เหลือรำวร้อยละ 53.4 ทำเป็นบำงครั้ง หรือบำงครอบครัว แทบจะไม่ได้ทำ
เลย และกำรสื่อสำรดีนี้ลดจำนวนลงเหลือเพียงร้อยละ 36.6 ของครอบครัวไทยเท่ำนั้น ในปีถัดมำ และประเด็น
สมำชิกในครอบครัวพูดคุยปรึกษำหำรือกันเสมอ ครอบครัวไทยร้อยละ 95.5 เห็นว่ำเป็นจริงในระดับปำนกลำง –
มำกที่สุด ในปี พ.ศ. 2553 และอยู่ในอัตรำใกล้เคียงเดิมคือ ร้อยละ 94.6 ในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งหมำยควำมว่ำ
ครอบครัวไทยยังคงเป็นครอบครัวที่มีกำรสื่อสำรพูดคุยเพื่อกำรตัดสินใจให้กับสมำชิกในครอบครัวอยู่เสมอ และ
ประเด็นเมื่อสมำชิกในครอบครัวมีปัญหำ สมำชิกทุกคนจะช่วยหำทำงแก้ไข ซึ่งคำถำมนี้สะท้อนสัมพันธภำพที่แนบ
แน่นหรือไม่แนบแน่นของสมำชิกในครอบครัวได้เป็นอย่ำงดี ครอบครัวไทยร้อยละ 70.8 แสดงควำมเห็นว่ำเห็นด้วย
– เห็นด้วยอย่ำงยิ่ง ในปี พ.ศ. 2553 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75.1 ในปี พ.ศ. 2554
5.   การอบรมเลี้ยงดูบุตร
                  ครอบครัวมีหน้าที่ในการการอบรมเลี้ยงดูบุตร เป็นสถานที่แห่งแรก (ผกำ สัตยธรรม , 2531)
หรือสังคมแห่งแรกที่เด็กได้รับกำรเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อมภำยในครอบครัว ตั้งแต่ก่อนเกิดมีอิทธิพลต่อกำรดำรงชีวิต
ของเด็กที่จะทำให้เด็กมีสุขภำพดีหรือไม่นั้น เริ่มตั้งแต่ควำมพร้อมพร้อมของพ่อและแม่ว่ำมีควำมเต็มใจต้องกำรมีลูก
หรือไม่ และควำมพร้อมในด้ำนอื่น ๆ ประกอบด้วย ในการที่จะอบรมเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตเป็นพลเมืองดีได้นั้น (วัล
นิภำ ฉลำกบำง , 2535) ย่อมต้องอำศัยกำรอบรมเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมำะสม ซึงผู้ที่มีบทบำทสำคัญในกำรอบรมเลี้ยง
                                                                            ่
ดูเด็ก คือ พ่อแม่ กำรอบรมเลี้ ยงดูเด็กอย่ ำงผิด ๆ จะทำให้ เด็กมีกำรพัฒนำบุคลิกภำพที่ไม่เหมำะสม มีปัญหำ
สุขภำพจิต และนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม
                  รำยงำนกำรวิจัย ภำวะวิกฤติ ในครอบครัวกับกำรอบรมเลี้ยงดู และพัฒนำกำรเด็กปฐมวัยและ
วัยเรียน (สุธรรม นันทมงคลชัย ศิริกุล อิศรำนุรักษ์ ดวงพร แก้วศิริ สำยใจ โพธิศัพท์สุข , 2548) พบว่ำ ภำวะวิกฤติ
ในครอบครัวมีควำมสัมพันธ์กับกำรอบรมเลี้ยงดูและพัฒนำกำรเด็กปฐมวัย โดยเด็กที่อำศัยอยู่ในครอบครัวที่มีภำวะ
วิกฤตในครอบครัว มีสัดส่วนของกำรอบรมเลี้ยงดูที่ไม่ดี และมีพัฒนำกำรที่ล่ำช้ำสูงกว่ำเด็กที่อำศัยอยู่ในครอบครัว
ที่ไม่มีภำวะวิกฤตในครอบครัว
                  6. เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง

                  สถำนกำรณ์ที่เด็กและผู้สูงอำยุถูกทอดทิ้งและปล่อยปละละเลยให้อยู่ตำมลำพัง สะท้อนถึงกำรทำ
บทบำทหน้ ำ ที่ ข องครอบครั ว ในปั จ จุ บั น เห็ น ได้ ชั ด จำกปรำกฏกำรณ์ ผู้ สู ง อำยุ ใ นชนบทโดยเฉพำะในภำค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และภำคเหนือจำนวนมำกถูกทอดทิ้งให้รับภำระเลี้ยงดูหลำน ทำให้ผู้สูงอำยุที่อยู่ในวัยควรจะ
ได้พักผ่อน ต้องรับผิดชอบดูแลเด็กที่ยังช่วยตนเองไม่ได้ ในขณะที่ตัวผู้สูงอำยุเองก็ต้องกำรได้รับกำรดูแลเกื้อหนุน
ซึ่งส่วนใหญ่มีสำเหตุจำกกำรที่พ่อแม่ของเด็ก ไปประกอบอำชีพต่ำงถิ่น และสำเหตุอีกประกำรหนึ่งเกิดจำกกำรที่
ประชำกรวัยแรงงำนเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ (อรทัย อำจอ่ำ , 2553) ครอบครัวลักษณะนี้คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 0.7
ของครัวเรือนทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็ว พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 มีอัตรำกำรเพิ่มขึ้นจำกปี พ.ศ.
2531 ถึง 193% และในจำนวนนี้ 22% เป็นครอบครัวที่มีฐำนะยำกจน
                  ในปี 2553 มีผู้สูงอำยุที่ด้อยโอกำส ยำกจน ขำดผู้ดูแล และขำดที่พึ่งพิง อยู่ในสถำนสงเครำะห์
คนชรำ กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น จำนวน 13 แห่ง รวมจำนวน 1,108 คน ในขณะที่มีเด็กเร่ร่อนจรจัด
จำนวน 30,000 คน เด็กกำพร้ำถูกทอดทิ้ง จำนวน 88,730 คน ซึ่งถูกทอดทิ้งตำมโรงพยำบำล สถำนรั บเลี้ยงเด็ก
และที่สำธำรณะ
6. ผลการสารวจความเข้มแข็งของครอบครัว ตามมาตรฐานครอบครัวเข้มแข็ง
               ส ำนั ก งำนกิ จ กำรสตรี แ ละสถำบันครอบครัว ได้ดำเนินงำนจัด ทำระบบฐำนข้อมู ล มำตรฐำน
ครอบครัวเข้มแข็งโดยสำรวจสถำนกำรณ์ควำมเข้มแข็งของครอบครัวทั่วประเทศ จำนวน 29,550 ครอบครัว ในปี
2554 และ จำนวน 13,362 ครอบครัว ในปี 2555 พบว่ำ
                  มิติ                     ค่ำเกณฑ์   ผลกำรสำรวจ ปี        ผลกำรสำรวจปี 2555
                                           มำตรฐำน          2554                (ร้อยละ)
                                                          (ร้อยละ)
    ภาพรวม                                85.80            81.62*                 82.56*
    1. ด้านสัมพันธภาพ                     93.60            74.78*                 76.70*
    2. ด้ า นการท าบทบาทหน้ า ที่ ข อง    97.10            90.33*                 91.88*
    ครอบครัว
    3. ด้านการพึ่งพาตนเอง                 84.20            77.21*                 77.79*
        ด้ำนเศรษฐกิจ                      97.70            63.30*                 63.95*
        ด้ำนสุขภำพ                        87.30            94.33                  95.43
        ด้ำนข้อมูลข่ำวสำรและกำรเรียนรู้   94.60            74.00*                 74.00*
    4. ด้านทุนทางสังคม                    86.70            90.71                  90.77
    5. ด้านการหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงและ     67.20            75.05                  75.64
    การปรับตัวได้ในภาวะยากลาบาก
                  จำกผลกำรสำรวจพบว่ำ ในปี พ.ศ. 2555 ค่ำควำมเข้มแข็งของครอบครัวเพิ่ มขึ้นจำกปี พ.ศ.
2554 ในทุกมิติแต่ยังต่ำกว่ำค่ำเกณฑ์มำตรฐำนเกือบทุกด้ำน ยกเว้นมิติด้ำนกำรพึ่งพำตนเองด้ำนสุขภำพ มิติด้ำน
ทุนทำงสังคม และมิติด้ำนกำรหลีกเลี่ยงภำวะเสี่ยงและกำรปรับตัวได้ในภำวะยำกลำบำก ที่มีค่ำควำมเข้มแข็งสูง
กว่ำค่ำเกณฑ์มำตรฐำน
                  อย่ ำงไรก็ ตำมในปี พ.ศ. 2555 มีค่ำ ควำมเข้ มแข็งของครอบครัว ในภำพรวม ร้อยละ 82.56
 เพิ่มขึ้นจำกปี 2554 ซึ่งมีค่ำควำมเข้มแข็งของครอบครัว ร้อยละ 81.62 โดยมีแนวโน้มของค่ำควำมเข้มแข็งของ
 ครอบครัวเพิ่มขึ้นทุกมิติ

More Related Content

What's hot

ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยthnaporn999
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทAekapoj Poosathan
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกพัน พัน
 
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญPongpob Srisaman
 
โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)Guntima NaLove
 
สารบัญโครงงานคอม
สารบัญโครงงานคอมสารบัญโครงงานคอม
สารบัญโครงงานคอมkand-2539
 
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องkrupornpana55
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมdnavaroj
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็นTaraya Srivilas
 
หน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานหน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานKanistha Chudchum
 
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้thanapisit marakul na ayudhya
 
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม Terapong Piriyapan
 
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดโครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดพัน พัน
 
แบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการแบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการsomdetpittayakom school
 
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2Taraya Srivilas
 
กาพย์เห่เรือ
กาพย์เห่เรือกาพย์เห่เรือ
กาพย์เห่เรือWarodom Techasrisutee
 

What's hot (20)

ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลยใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
 
คำนำ
คำนำคำนำ
คำนำ
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
 
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)
 
สารบัญโครงงานคอม
สารบัญโครงงานคอมสารบัญโครงงานคอม
สารบัญโครงงานคอม
 
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้องภาคผนวกโครงงานกล้อง
ภาคผนวกโครงงานกล้อง
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
หน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงานหน้าปกโครงงาน
หน้าปกโครงงาน
 
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
 
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม
หน่วยที่ 2 ค่านิยมเรื่องเพศตามวัฒนธรรม
 
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดโครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
 
แบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการแบบประเมินทักษะกระบวนการ
แบบประเมินทักษะกระบวนการ
 
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
เปรียบเทียบสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
 
ระดับภาษา 2
ระดับภาษา 2ระดับภาษา 2
ระดับภาษา 2
 
หน่วย 2
หน่วย 2หน่วย 2
หน่วย 2
 
กาพย์เห่เรือ
กาพย์เห่เรือกาพย์เห่เรือ
กาพย์เห่เรือ
 

Similar to สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง

273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศNan Natni
 
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรSasithon Charoenchai
 
โครงการชิวีตคนไทย Presentation
โครงการชิวีตคนไทย Presentationโครงการชิวีตคนไทย Presentation
โครงการชิวีตคนไทย Presentationแผนงาน นสธ.
 
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์kai2910
 
M3social+science2553
M3social+science2553M3social+science2553
M3social+science2553Nanapawan Jan
 
ข้อสอบ 2553
ข้อสอบ 2553ข้อสอบ 2553
ข้อสอบ 2553KNuengnit Swn
 
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนาการบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนาวัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1Ziro Anu
 
ความรุนแรงในวัยรุ่น
  ความรุนแรงในวัยรุ่น  ความรุนแรงในวัยรุ่น
ความรุนแรงในวัยรุ่นpaileang
 
ความรุนแรงในวัยรุ่น
 ความรุนแรงในวัยรุ่น ความรุนแรงในวัยรุ่น
ความรุนแรงในวัยรุ่นpaileang
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงIFon Lapthavon
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงsukhom
 
สังคม 53
สังคม 53สังคม 53
สังคม 53suparada
 
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษา
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษาข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษา
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษาPerm Ton
 
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be303bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3Noot Ting Tong
 

Similar to สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง (20)

G สังคมไทย social3
G สังคมไทย social3G สังคมไทย social3
G สังคมไทย social3
 
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
273684 ch2 พฤติกรรมทางเพศ
 
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
 
โครงการชิวีตคนไทย Presentation
โครงการชิวีตคนไทย Presentationโครงการชิวีตคนไทย Presentation
โครงการชิวีตคนไทย Presentation
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
เบญจศีล
เบญจศีลเบญจศีล
เบญจศีล
 
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศมาเลเซียบูรณาการผ่านเว็บไซต์
 
Focus 4-55
Focus 4-55Focus 4-55
Focus 4-55
 
M3social+science2553
M3social+science2553M3social+science2553
M3social+science2553
 
ข้อสอบ 2553
ข้อสอบ 2553ข้อสอบ 2553
ข้อสอบ 2553
 
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนาการบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักสังคหวัตถุในพระพุทธศาสนา
 
Soul mate marriage
Soul mate marriageSoul mate marriage
Soul mate marriage
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
ความรุนแรงในวัยรุ่น
  ความรุนแรงในวัยรุ่น  ความรุนแรงในวัยรุ่น
ความรุนแรงในวัยรุ่น
 
ความรุนแรงในวัยรุ่น
 ความรุนแรงในวัยรุ่น ความรุนแรงในวัยรุ่น
ความรุนแรงในวัยรุ่น
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
สังคม 53
สังคม 53สังคม 53
สังคม 53
 
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษา
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษาข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษา
ข้อสอบ O net วิชาสังคมศึกษา
 
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be303bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3
03bb7948b0ecfc6376c61960fe8d8be3
 

More from Be SK

ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ความสัมพันธ์ในครอบครัวความสัมพันธ์ในครอบครัว
ความสัมพันธ์ในครอบครัวBe SK
 
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่า
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่าอัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่า
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่าBe SK
 
อัตราการเพิ่มของประชากร
อัตราการเพิ่มของประชากรอัตราการเพิ่มของประชากร
อัตราการเพิ่มของประชากรBe SK
 
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัว
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัวพจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัว
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัวBe SK
 
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้าง
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้างพจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้าง
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้างBe SK
 
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆ
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆพจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆ
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆBe SK
 
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิต
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิตพจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิต
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิตBe SK
 
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...Be SK
 

More from Be SK (8)

ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ความสัมพันธ์ในครอบครัวความสัมพันธ์ในครอบครัว
ความสัมพันธ์ในครอบครัว
 
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่า
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่าอัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่า
อัตราการจดทะเบียนสมรสและจดทะเบียนหย่า
 
อัตราการเพิ่มของประชากร
อัตราการเพิ่มของประชากรอัตราการเพิ่มของประชากร
อัตราการเพิ่มของประชากร
 
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัว
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัวพจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัว
พจนานุกรมข้อมูล - ความรุนแรงในครอบครัว
 
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้าง
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้างพจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้าง
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัวและการหย่าร้าง
 
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆ
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆพจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆ
พจนานุกรมข้อมูล - ประเด็นอื่นๆ
 
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิต
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิตพจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิต
พจนานุกรมข้อมูล - ครอบครัว ความยากจนและการดำรงชีวิต
 
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...
พจนานุกรมข้อมูล - การป้องกันการตายของมารดา ทารกแรกเกิดและเด็ก และการให้ความช่...
 

สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง

  • 1. สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง 1. ขนาดครอบครัว ข้อ มูล สำมะโนประชำกรและเคหะ ปี พ.ศ. 2553 ณ วันที่ 1 กันยำยน 2553 ประเทศไทย มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 20.3 ล้ำนครัวเรือน ขนำดครัวเรือนเฉลี่ย 3.2 คน มีขนำดเล็กลงเมื่อเทียบกับสำมะโน ประชำกรและเคหะปี พ.ศ. 2543 ที่มีขนำดครัวเรือนเฉลี่ย 3.8 คน โดยภำคที่มีขนำดครัวเรื อนใหญ่ที่สุด คือ ภำคใต้ 3.54 คน รองลงมำคือ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.53 คน ภำคเหนือ 3.1 คน ภำคกลำง 3.0 คน และ กรุงเทพมหำนครมีขนำดครัวเรือนเล็กที่สุด 2.9 คน 2. รูปแบบครอบครัว รูปแบบครอบครัวที่เป็นกระแสหลัก ได้แก่ ครอบครัวเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยสมำชิกครอบครัวสอง ช่วงวัย คือ พ่อ แม่ และลูกที่ยังไม่แต่งงำน และครอบครัวขยำย ประกอบด้วยสมำชิกครอบครัวตั้งแต่สำมช่วงวัย ขึ้นไป รูปแบบกำรอยู่อำศัยของครอบครัวไทยในปี พ.ศ. 2550 ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว ร้อยละ 53.9 รองลงมำเป็นครอบครัวขยำย ร้อยละ 34.5 อยู่คนเดียวร้อยละ 11.2 อยู่กับคนที่ไม่ใช่ญำติ ร้อยละ 0.4 จำกกำร เปลี่ยนแปลงทำงเศรษฐกิจและสังคมทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้ำงของครอบครัวข้อมูลปี พ.ศ. 2543 - 2550 พบว่ำ จำนวนครอบครัวเดี่ยวลดลง ในขณะที่ครอบครัวขยำยมีจำนวนเพิ่มขึ้น จำกปี พ.ศ. 2543 มี ครอบครัวเดี่ยวร้อยละ 56.1 ครอบครัวขยำยร้อยละ 31.6 เป็นครอบครัวเดี่ยวร้อยละ 53.9 ครอบครัวขยำย ร้อยละ 34.5 ในปี พ.ศ. 2550 3. สถานภาพของครอบครัว ● การแต่งงาน สถำนภำพกำรแต่งงำนของครอบครัว ประชำชนไทยมีกำรแต่งงำนช้ำลงทั้งหญิง และชำย โดยผู้หญิงมีอำยุเฉลี่ยแรกแต่งงำนที่ 23.5 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 24.0 ปี ในขณะที่ผู้ชำยมีอำยุเฉลี่ยแรก แต่งงำนที่ 25.8 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 27.1 ปี ● การครองโสด ทั้งผู้หญิงและผู้ชำย โดยเฉพำะผู้หญิงมีแนวโน้มกำรครองโสดสูงขึ้น ผู้หญิงโสดที่ มีอำยุระหว่ำง 50-54 ปีเพิ่มขึ้นจำกร้อยละ 2.0 ในปี พ.ศ. 2503 เป็นร้อยละ 8.0 ในปี พ.ศ. 2553 ทั้งนีเนื่องจำกวิถี ้ กำรดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป มีภำวะของกำรแข่งขันกันมำกขึ้น คนรุ่นใหม่ให้ควำมสำคัญ กับกำรศึกษำในระบบยำวนำนขึ้น ใช้เวลำในกำรทำงำนและหำเงินเลี้ยงครอบครัวมำกขึ้น ทำให้คนไทยชะลอกำร แต่งงำน เริ่มสร้ำงครอบครัวใหม่ช้ำลง รวมถึงกำรใช้ชีวิตอย่ำงถำวรมำกขึ้น ซึ่งพฤติกำรณ์ดังกล่ำวนี้จะส่งผลกระทบ ต่อกำรก้ำวสู่กำรเป็นผู้สูงอำยุที่โดดเดี่ยวมำกขึ้น ● การหย่าร้าง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในปี พ.ศ. 2536 มีผู้จดทะเบียนหย่ำ 46,953 คู่ จำกจำนวน ผู้ที่จดทะเบียนสมรส 484,569 คู่ในปีเดียวกัน แต่หลังจำกปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมำทั้งจำนวนและสัดส่วนของผู้ที่ จดทะเบียนหย่ำเพิ่มสูงขึ้นมำโดยตลอดจนถึง 108,482 คู่ ในปี พ.ศ. 2553
  • 2. ● หัวหน้าครัวเรือน ผู้หญิงเป็นหัวหน้ำครัวเรือนมำกขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภำระควำมรับผิดชอบ ที่เพิ่มมำกขึ้น และกำรที่สั งคมให้ กำรยอมรั บบทบำทควำมเป็นผู้ นำของผู้ ห ญิงมำกขึ้น ข้อมูล จำกกำรส ำรวจ ภำวกำรณ์ทำงำนของประชำกร สำนักงำนสถิติแห่งชำติ จะเห็นกำรเปลี่ยนแปลงของกำรเป็นหัวหน้ำครัวเรือน ในปี พ.ศ. 2547 หญิงเป็นหัวหน้ำครัวเรือนร้อยละ 27.3 และเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2550 เป็นร้อยละ 31.0 4. แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสถาบันครอบครัว 1. ครอบครัวมีขนำดเล็กลงอย่ำงต่อเนื่อง ครอบครัวเดี่ยวมีสมำชิกในครอบครัวมีจำนวนน้อยลง 2. กำรเปลี่ยนแปลงรูปแบบครอบครัว พบว่ำ รูปแบบครอบครัวมีควำมหลำกหลำย และซับซ้อน มำกขึ้ น เป็ น ครอบครั ว ลั กษณะเฉพำะที่ มีรู ปแบบ ลั กษณะเฉพำะตัว มีส ภำพปัญ หำ และควำมต้อ งกำรควำม ช่วยเหลือแตกต่ำงกัน เช่น ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวที่มีเฉพำะพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตำมลำพัง ครอบครั วข้ำมรุ่นที่มีสมำชิก เป็นผู้สูงอำยุเลี้ยงดูเด็กตำมล ำพัง ครอบครัวที่มีเฉพำะเด็กอยู่กันตำมลำพัง ครอบครัวผู้สู งอำยุอยู่กันตำมลำพัง ครอบครัวเพศเดียวกัน ครอบครัวบุตรบุญธรรม ครอบครัวที่มีภำระในกำรดูแลสมำชิกที่เจ็บป่วย พิกำร ต้องขัง และ ครอบครัวที่มีลักษณะเฉพำะอื่นๆ 3. กำรที่ผู้หญิงออกมำทำงำนนอกบ้ำนมำกขึ้น และยังต้องเป็นฝ่ำยที่รับภำระในกำรทำงำนบ้ำน เป็นส่วนใหญ่ทำให้เกิดเหน็ดเหนื่อยและเกิดภำวะเครียด นำไปสู่ปัญหำควำมสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในครอบครัว 4. กำรแต่งงำนและกำรจดทะเบียน มีแนวโน้มลดลง กำรอยู่กินกันฉันสำมีภรรยำโดยไม่แต่งงำน เพิ่มขึ้น สะท้อนให้ เห็น ถึงพฤติกรรมควำมเป็นครอบครัว ที่เปลี่ยนแปลงไป หญิงชำยมีกำรอยู่ร่ว มกันโดยไม่จด ทะเบียนสูงขึ้น สอดคล้องกับงำนวิจัยหลำยเรื่องที่พบว่ำ คู่สมรสอยู่ด้วยกันโดยไม่ จดทะเบียนสมรสมำกขึ้น สำเหตุ เกิดจำกค่ำนิยม รูปแบบกำรดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ประชำกรมีกำรศึกษำสูงขึ้น และหญิงชำยหลำยคู่ที่ไม่เห็น ควำมสำคัญของกำรจดทะเบียนสมรส ทำให้กำรจดทะเบียนสมรสน้อยกว่ำจำนวนที่หญิงชำยที่อยู่กินกันฉันสำมี ภรรยำ 5. กำรครองโสดสูงขึ้น ผู้หญิงมีแนวโน้มกำรครองโสดสูงขึ้น โดยเฉพำะกลุ่มหญิงอำยุ 20 - 34 ปี จำกร้อยละ 22.0 ในปี พ.ศ. 2513 เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 33 ในปี พ.ศ. 2543 นอกจำกนี้ยังพบว่ำหญิงไทยที่มีอำยุ 50 ปี ขึ้นไป ยังคงครองโสดเพิ่มขึ้นกว่ำเท่ำตัว จำกร้อยละ 2.2 ในปี พ.ศ. 2513 เป็นร้อยละ 4.6 ในปี พ.ศ. 2543 (สำนักงำนสถิติแห่งชำติ , 2553) 6. ค่ำนิยมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ค่ำนิยมในครอบครัวที่แต่งงำนกันแต่ไม่ต้องกำรมีบุตร เป็นค่ำนิยม ที่เน้นประโยชน์อันสำมีภรรยำจะพึงได้รับจำกกำรไม่มีลูก นั่นคือ ควำมมีอิสระจำกภำระกำรที่ต้องเลี้ยงลูก เพื่อที่ทั้ง คู่จะมีเวลำให้แก่กันและกันมำกขึ้น และเพื่อทุ่มเทกำรบรรลุจุดหมำยในชีวิตและกำรงำนส่วนตัวของแต่ละคน
  • 3. โดยเฉพำะในกลุ่มคนชั้นกลำงและชนชั้นสูงของสังคม ในขณะที่บำงครอบครัวมีควำมพร้อมทุกด้ำน แต่ไม่สำมำรถที่ จะมีบุตรได้ 7. ควำมสัมพัน ธ์ ภำยในครอบครัว และระหว่ำงเครือญำติลดน้อยลง กำรพึ่งพำช่ว ยเหลือกัน ระหว่ำงเครือญำติลดน้อยลง ซึ่งแต่เดิมในสังคมไทยเป็นสังคมเครือญำติที่มีกำรให้กำรสนับสนุนช่วยเหลือกันทั้ง ทำงด้ำนเศรษฐกิจ สังคม แต่แนวโน้มกำรพึ่งพำเหล่ำนี้จะลดลง มีสภำพของกำรต่ำงคนต่ำงอยู่มำกขึ้น 8. รูปแบบกำรอบรมเลี้ยงดูสมำชิกในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป กำรทำหน้ำที่ในกำรอบรมเลี้ยงดู สมำชิกในครอบครัวลดน้อยลง มีสถำบันอื่นเข้ำมำทำหน้ำที่เหล่ำนี้แทน เช่น สถำนรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน เป็นต้น รวมถึงกำรใช้เทคโนโลยีกำรสื่อสำร เพื่อประโยชน์ในกำรอบรมเลี้ยงดูสมำชิก ในครอบครัว ครอบครัวสมัยใหม่ส่วน หนึ่งมีค่ำนิ ยมของพ่อแม่ในกำรเลี้ยงลูกให้เป็นเลิศ มักจะมีรูปแบบกำรอบรมเลี้ยงดูที่เข้มงวด และมีโปรแกรม สำหรับพัฒนำกำรเด็กมำกมำย ซึ่งบำงครั้งขัดกับธรรมชำติของเด็กหรือตำมพัฒนำกำรของวัย ซึ่งอำจทำให้เด็กเกิด ควำมตึงเครียดได้ 5. ปัญหาครอบครัว หมำยถึงปัญหำที่เกิดขึ้นภำยในครอบครัว ได้แก่ ปัญหำระหว่ำงสำมีภรรยำ ควำมขัดแย้งระหว่ำงพ่อ กับ แม่ พี่ กับ น้ อ ง พ่อ กั บ ลู ก หรื อ แม่ กั บ ลู ก ปั ญ หำกำรติ ด ต่ อสื่ อ สำรระหว่ ำ งสมำชิ ก ภำยในครอบครั ว ปั ญ หำ ควำมสัมพันธ์ ควำมไม่เข้ำใจกัน และปัญหำกำรใช้ชีวิตครอบครัวท่ำมกลำงสภำพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง ปัญหำครอบครัวจึงมีรูปแบบที่แตกต่ำงและหลำกหลำย ขึ้นอยู่กับสภำพของแต่ละครอบครัว เช่น 1. ความยากจนและหนี้สิน ผลสำรวจภำวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงำนสถิติแห่งชำติ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2554 สัดส่วนครัวเรือนที่มีหนี้สิน เท่ำกับ ร้อยละ 55.8 ของครัวเรือนทั้งหมด ลดลงจำกร้อยละ 60.9 ในปี พ.ศ. 2552 และจ ำนวนหนี้ สิ น เฉลี่ ย เท่ำ กับ 134,900 บำทต่อครัว เรือน ค่อ นข้ำงทรงตัว เมื่อ เทียบกับ 134,699 บำทต่ อ ครัวเรือนในปี พ.ศ. 2552 ร้อยละ 87.5 เป็นหนี้ในระบบ ครัวเรือนร้อยละ 6.4 มีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ และครัวเรือนร้อยละ 6.1 มีหนี้นอกระบบอย่ำงเดียว ภำวะหนี้สินของครัวเรือนสอดคล้องกับผลกำรศึกษำและ สำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย สมำคมครอบครัวศึกษำแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถำบันแห่งชำติเพื่อ กำรพัฒนำเด็กและครอบครัว มหำวิทยำลัยมหิดล ศึกษำสถำนกำรณ์สุขภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 - 2554 จำกกลุ่มตัวอย่ำง 4,000 ครอบครัวทั่วทุกภำคของประเทศ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2554 ครอบครัวไทยที่มีเด็กอำยุต่ำกว่ำ 20 ปี และครอบครัวที่มีผู้สูงอำยุมีแนวโน้มที่จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำกร้อยละ 64.8 และ 63.5 ในปี พ.ศ. 2553 เป็นร้อยละ 72.6 และ 77.4 ในปี พ.ศ. 2554 และร้อยละ 8.0 เป็นครอบครัวที่มีหนี้ เสียไม่สำมำรถชดใช้ได้ จำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำวนำไปสู่กำรบังคับให้คนไทยหันมำทำงำนหนัก ส่ งผลให้ครอบครัว ขำดควำมอบอุ่น เพรำะพ่อแม่ไม่มีเวลำดูแลลูกอย่ำงเพียงพอ ทิ้งภำระกำรดูแลเด็กให้กับผู้อื่นแทน เช่น ผู้สูงอำยุ โรงเรียน ชุมชน
  • 4. 2. พฤติกรรมนอกใจคู่สมรส กำรศึกษำและสำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย สมำคมครอบครัวศึกษำแห่งประเทศ ไทย ร่วมกับสถำบันแห่งชำติเพื่อกำรพัฒนำเด็กและครอบครัว มหำวิทยำลัยมหิดล ได้ทำกำรศึกษำสถำนกำรณ์สุข ภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 - 2554 โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่ำง 4,000 ครอบครัวทั่ว ทุกภำคของประเทศ พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 มีครอบครัวร้อยละ 10.8 ที่ยอมรับว่ำในครอบครัวของตนมีสมำชิกคน ใดคนหนึ่งไปมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน ปี พ.ศ. 2553 พบว่ำจำนวนร้อยละกำรนอกใจคู่สมรส เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 12.8 และในปี พ.ศ. 2554 ร้อยละ 12.8 และในปี พ.ศ. 2552 ร้อยละ 11.9 ของ ครอบครัวไทย ระบุว่ำ สมำชิกในครอบครัวบำงคนมีพฤติกรรมโน้มเอียงไปในทำงที่จะนอกใจคู่สมรส และจำนวนนี้ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 26.5 ในปี พ.ศ. 2554 สอดคล้องกับผลกำรสำรวจของ “ดูเร็กซ์” ซึ่งสอบถำมผู้หญิงจำนวน 2.9 หมื่นคนจำก 36 ประเทศทั่วโลก ระบุว่ำกลุ่มตัวอย่ำงผู้หญิงไทย ร้อยละ 59.0 พฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง หรือคนรักสูงเป็นอันดับสองของโลก และมีอัตรำกำรนอกใจสูงที่สุดในเอเชีย ขณะที่ผู้ชำยไทยมีพฤติกรรมนอกใจ มำกที่สุดในโลก โดยกลุ่มตัวอย่ำงชำยไทยร้อยละ 54.0 ยอมรับว่ำตนเองไม่ซื่อสัตย์กับคู่ครอง 3. ความรุนแรงในครอบครัว พฤติกรรมกำรกระทำควำมรุนแรงต่อเด็กและสตรี มีแนวโน้มที่ เพิ่มขึ้น สถิติจำกศูนย์พึ่งได้ใน โรงพยำบำลสังกัดกระทรวงสำธำรณสุข 750 แห่ง พบว่ำ มีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำยหรือถูกกระทำรุนแรงมำกขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2553 มีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำยเข้ำรักษำพยำบำลรวม 12,554 รำย เฉลี่ยวันละ 34 รำย หรือทุกๆ 1 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงถูกทำร้ำยร่ำงกำย 1 คน เมื่อจำแนกตำมกลุ่มอำยุ พบกลุ่มอำยุ 25 – 45 ปี มำกที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 46 รองลงมำคือ กลุ่มอำยุ 18 – 25 ปี คิดเป็นร้อยละ 30 สำหรับในปี พ.ศ. 2554 พบว่ำ ผู้หญิงถูกทำร้ำย ร่ำงกำยเพิ่มเป็น 27,000 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 14,446 คน จำกปี พ.ศ. 2553 หรือทุกๆ 1 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงถูกทำ ร้ำยร่ำงกำย 3 คน สำหรับผู้กระทำควำมรุนแรง พบว่ำส่วนใหญ่เป็นคู่สมรส รองลงมำคือ คนรัก และสำเหตุอันดับ 1 มำจำกควำมสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น นอกใจ หึงหวง ทะเลำะวิวำท พบร้อยละ 40 รองลงมำคือ ใช้สำรกระตุ้น เช่น เมำสุรำ เสพยำบ้ำ ร้อยละ 30 จำกข้อมูลควำมรุนแรงในครอบครัว ที่รวบรวมไว้ในเว็บไซต์ www.violence.in.th พบว่ำในปี พ.ศ. 2553 มีเหตุกำรณ์กำรกระทำควำมรุนแรงต่อเด็ก สตรี และควำมรุนแรงในครอบครัวทั่วไป ทั้งที่เป็นคดีและไม่ เป็นคดี จำนวน 916 เหตุกำรณ์ มีจำนวนผู้กระทำควำมรุนแรงเป็นเพศชำย (645 รำย) มำกกว่ำเพศหญิง (86 รำย) มีจำนวนผู้ถูกกระทำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นเพศหญิง ( 653 รำย) มำกกว่ำเพศชำย ( 77 รำย) ทั้งนี้ กำร กระทำควำมรุนแรงใน 1 รำย อำจมีกำรกระทำควำมรุนแรงซ้ำมำกกว่ำ 1 ครั้งหรือ 1 เหตุกำรณ์ ประเภทควำม รุนแรงเป็นควำมรุนแรงทำงร่ำงกำยมำกที่สุด คือร้อยละ 61.3 รองลงมำคือ ควำมรุนแรงทำงจิตใจ คือร้อยละ 27.5 สำเหตุควำมรุนแรง มี 5 ประกำร อันดับแรกได้แก่ กำรเมำสุรำ ยำเสพติด คิดเป็นร้อยละ 36.5 รองลงมำ เป็น
  • 5. ปัญหำที่เกิดจำกสุขภำพกำยและจิตใจ คิดเป็นร้อยละ 18.5 กำรนอกใจ หึงหวง คิดเป็นร้อยละ 17.9 ควำมเครียด จำกภำวะเศรษฐกิจ ตกงำน คิดเป็นร้อยละ 9.2 และ สื่อลำมก คิดเป็นร้อยละ 1.7 สำเหตุของกำรใช้ควำมรุนแรงดังกล่ำวอำจเป็นรูปธรรมหนึ่งของกำรแสดงออกที่เห็นได้ชัดใน สังคมไทย ซึ่ง Murray A. Straus (1977) ได้ศึกษำต่ำงวัฒนธรรมเรื่องกำรทะเลำะวิวำทระหว่ำงสำมีภรรยำ พบ สำเหตุที่เป็นปัจจัยรุนแรงนำไปสู่กำรทะเลำะวิวำทมี 4 ประกำร คือ กำรบ่มเพำะควำมอึดอัดไม่พอใจระหว่ำงสำมี ภรรยำเป็นเวลำนำน กิจกรรมของครอบครัวและควำมสนใจของสำมีภรรยำที่แตกต่ำงกัน หรือเวลำของสำมีและ ภรรยำจะไม่ตรงกันในกำรกระทำกิจกรรมของครอบครัว สำมีและภรรยำใช้เวลำกำรทำงำนเฉพำะกิจของตนเอง ขำดควำมเอำใจใส่ต่อกัน และควำมไม่เสมอภำคระหว่ำงเพศ โดยเฉพำะในสังคมไทยมีกำรสั่งสมแนวคิดเรื่องอำนำจ และกำรแบ่งช่วงชั้นทำงอำนำจ แสดงให้เห็นถึงกำรใช้อำนำจของผู้ที่มีสถำนภำพที่เหนือกว่ำสำมำรถทำกำรควบคุม และสร้ำงอิทธิพลภำยใต้ระบบควำมควำมสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ชำยมีอำนำจมำกกว่ำหญิง หรือพ่อแม่มีอำนำจ มำกกว่ำลูก 4. สัมพันธภาพและการสื่อสารในครอบครัว กำรสื่อสำรที่ดีภำยในครอบครัว จะเป็นเครื่องมือสำคัญในกำรเสริมสร้ำงสร้ำงสัมพันธภำพใน ครอบครัว ที่จะสื่อสำรให้คนในครอบครัวรู้ถึงควำมรักควำมห่วงใยที่มีให้ต่อกัน ทั้งภำษำพูดและภำษำกำย ดังนั้น กำรสื่อสำรที่ดี ที่เหมำะสม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจ ควำมผูกพันเอื้ออำทรต่อกัน ซึ่งเป็น วิธีกำรที่ช่วยให้ชีวิตครอบครัวมีควำมสุขกำรสื่อสำรในครอบครัว จำกผลกำรศึกษำและสำรวจสถำนกำรณ์สุขภำวะครอบครัวไทย ตำมแนวทำงครอบครัวอบอุ่น ปี 2554 ที่ส มำคมครอบครั ว ศึกษำแห่ ง ประเทศไทย ร่ว มกับสถำบัน แห่ งชำติเพื่ อกำรพัฒ นำเด็กและครอบครั ว มหำวิทยำลัยมหิดล ได้ทำกำรศึกษำสถำนกำรณ์สุขภำวะของครอบครัวไทยมำอย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 - 2554 พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 เรื่องกำรสื่อสำรดีภำยในครอบครัวนั้น มีสมำชิกในครอบครัวมีกำรใช้คำพูดที่ไพเรำะ ต่อกันเป็นประจำเพียงร้อยละ 46.6 ที่เหลือรำวร้อยละ 53.4 ทำเป็นบำงครั้ง หรือบำงครอบครัว แทบจะไม่ได้ทำ เลย และกำรสื่อสำรดีนี้ลดจำนวนลงเหลือเพียงร้อยละ 36.6 ของครอบครัวไทยเท่ำนั้น ในปีถัดมำ และประเด็น สมำชิกในครอบครัวพูดคุยปรึกษำหำรือกันเสมอ ครอบครัวไทยร้อยละ 95.5 เห็นว่ำเป็นจริงในระดับปำนกลำง – มำกที่สุด ในปี พ.ศ. 2553 และอยู่ในอัตรำใกล้เคียงเดิมคือ ร้อยละ 94.6 ในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งหมำยควำมว่ำ ครอบครัวไทยยังคงเป็นครอบครัวที่มีกำรสื่อสำรพูดคุยเพื่อกำรตัดสินใจให้กับสมำชิกในครอบครัวอยู่เสมอ และ ประเด็นเมื่อสมำชิกในครอบครัวมีปัญหำ สมำชิกทุกคนจะช่วยหำทำงแก้ไข ซึ่งคำถำมนี้สะท้อนสัมพันธภำพที่แนบ แน่นหรือไม่แนบแน่นของสมำชิกในครอบครัวได้เป็นอย่ำงดี ครอบครัวไทยร้อยละ 70.8 แสดงควำมเห็นว่ำเห็นด้วย – เห็นด้วยอย่ำงยิ่ง ในปี พ.ศ. 2553 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75.1 ในปี พ.ศ. 2554
  • 6. 5. การอบรมเลี้ยงดูบุตร ครอบครัวมีหน้าที่ในการการอบรมเลี้ยงดูบุตร เป็นสถานที่แห่งแรก (ผกำ สัตยธรรม , 2531) หรือสังคมแห่งแรกที่เด็กได้รับกำรเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อมภำยในครอบครัว ตั้งแต่ก่อนเกิดมีอิทธิพลต่อกำรดำรงชีวิต ของเด็กที่จะทำให้เด็กมีสุขภำพดีหรือไม่นั้น เริ่มตั้งแต่ควำมพร้อมพร้อมของพ่อและแม่ว่ำมีควำมเต็มใจต้องกำรมีลูก หรือไม่ และควำมพร้อมในด้ำนอื่น ๆ ประกอบด้วย ในการที่จะอบรมเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตเป็นพลเมืองดีได้นั้น (วัล นิภำ ฉลำกบำง , 2535) ย่อมต้องอำศัยกำรอบรมเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมำะสม ซึงผู้ที่มีบทบำทสำคัญในกำรอบรมเลี้ยง ่ ดูเด็ก คือ พ่อแม่ กำรอบรมเลี้ ยงดูเด็กอย่ ำงผิด ๆ จะทำให้ เด็กมีกำรพัฒนำบุคลิกภำพที่ไม่เหมำะสม มีปัญหำ สุขภำพจิต และนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม รำยงำนกำรวิจัย ภำวะวิกฤติ ในครอบครัวกับกำรอบรมเลี้ยงดู และพัฒนำกำรเด็กปฐมวัยและ วัยเรียน (สุธรรม นันทมงคลชัย ศิริกุล อิศรำนุรักษ์ ดวงพร แก้วศิริ สำยใจ โพธิศัพท์สุข , 2548) พบว่ำ ภำวะวิกฤติ ในครอบครัวมีควำมสัมพันธ์กับกำรอบรมเลี้ยงดูและพัฒนำกำรเด็กปฐมวัย โดยเด็กที่อำศัยอยู่ในครอบครัวที่มีภำวะ วิกฤตในครอบครัว มีสัดส่วนของกำรอบรมเลี้ยงดูที่ไม่ดี และมีพัฒนำกำรที่ล่ำช้ำสูงกว่ำเด็กที่อำศัยอยู่ในครอบครัว ที่ไม่มีภำวะวิกฤตในครอบครัว 6. เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง สถำนกำรณ์ที่เด็กและผู้สูงอำยุถูกทอดทิ้งและปล่อยปละละเลยให้อยู่ตำมลำพัง สะท้อนถึงกำรทำ บทบำทหน้ ำ ที่ ข องครอบครั ว ในปั จ จุ บั น เห็ น ได้ ชั ด จำกปรำกฏกำรณ์ ผู้ สู ง อำยุ ใ นชนบทโดยเฉพำะในภำค ตะวันออกเฉียงเหนือ และภำคเหนือจำนวนมำกถูกทอดทิ้งให้รับภำระเลี้ยงดูหลำน ทำให้ผู้สูงอำยุที่อยู่ในวัยควรจะ ได้พักผ่อน ต้องรับผิดชอบดูแลเด็กที่ยังช่วยตนเองไม่ได้ ในขณะที่ตัวผู้สูงอำยุเองก็ต้องกำรได้รับกำรดูแลเกื้อหนุน ซึ่งส่วนใหญ่มีสำเหตุจำกกำรที่พ่อแม่ของเด็ก ไปประกอบอำชีพต่ำงถิ่น และสำเหตุอีกประกำรหนึ่งเกิดจำกกำรที่ ประชำกรวัยแรงงำนเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ (อรทัย อำจอ่ำ , 2553) ครอบครัวลักษณะนี้คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 0.7 ของครัวเรือนทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็ว พบว่ำ ในปี พ.ศ. 2552 มีอัตรำกำรเพิ่มขึ้นจำกปี พ.ศ. 2531 ถึง 193% และในจำนวนนี้ 22% เป็นครอบครัวที่มีฐำนะยำกจน ในปี 2553 มีผู้สูงอำยุที่ด้อยโอกำส ยำกจน ขำดผู้ดูแล และขำดที่พึ่งพิง อยู่ในสถำนสงเครำะห์ คนชรำ กรมส่งเสริมกำรปกครองท้องถิ่น จำนวน 13 แห่ง รวมจำนวน 1,108 คน ในขณะที่มีเด็กเร่ร่อนจรจัด จำนวน 30,000 คน เด็กกำพร้ำถูกทอดทิ้ง จำนวน 88,730 คน ซึ่งถูกทอดทิ้งตำมโรงพยำบำล สถำนรั บเลี้ยงเด็ก และที่สำธำรณะ
  • 7. 6. ผลการสารวจความเข้มแข็งของครอบครัว ตามมาตรฐานครอบครัวเข้มแข็ง ส ำนั ก งำนกิ จ กำรสตรี แ ละสถำบันครอบครัว ได้ดำเนินงำนจัด ทำระบบฐำนข้อมู ล มำตรฐำน ครอบครัวเข้มแข็งโดยสำรวจสถำนกำรณ์ควำมเข้มแข็งของครอบครัวทั่วประเทศ จำนวน 29,550 ครอบครัว ในปี 2554 และ จำนวน 13,362 ครอบครัว ในปี 2555 พบว่ำ มิติ ค่ำเกณฑ์ ผลกำรสำรวจ ปี ผลกำรสำรวจปี 2555 มำตรฐำน 2554 (ร้อยละ) (ร้อยละ) ภาพรวม 85.80 81.62* 82.56* 1. ด้านสัมพันธภาพ 93.60 74.78* 76.70* 2. ด้ า นการท าบทบาทหน้ า ที่ ข อง 97.10 90.33* 91.88* ครอบครัว 3. ด้านการพึ่งพาตนเอง 84.20 77.21* 77.79* ด้ำนเศรษฐกิจ 97.70 63.30* 63.95* ด้ำนสุขภำพ 87.30 94.33 95.43 ด้ำนข้อมูลข่ำวสำรและกำรเรียนรู้ 94.60 74.00* 74.00* 4. ด้านทุนทางสังคม 86.70 90.71 90.77 5. ด้านการหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงและ 67.20 75.05 75.64 การปรับตัวได้ในภาวะยากลาบาก จำกผลกำรสำรวจพบว่ำ ในปี พ.ศ. 2555 ค่ำควำมเข้มแข็งของครอบครัวเพิ่ มขึ้นจำกปี พ.ศ. 2554 ในทุกมิติแต่ยังต่ำกว่ำค่ำเกณฑ์มำตรฐำนเกือบทุกด้ำน ยกเว้นมิติด้ำนกำรพึ่งพำตนเองด้ำนสุขภำพ มิติด้ำน ทุนทำงสังคม และมิติด้ำนกำรหลีกเลี่ยงภำวะเสี่ยงและกำรปรับตัวได้ในภำวะยำกลำบำก ที่มีค่ำควำมเข้มแข็งสูง กว่ำค่ำเกณฑ์มำตรฐำน อย่ ำงไรก็ ตำมในปี พ.ศ. 2555 มีค่ำ ควำมเข้ มแข็งของครอบครัว ในภำพรวม ร้อยละ 82.56 เพิ่มขึ้นจำกปี 2554 ซึ่งมีค่ำควำมเข้มแข็งของครอบครัว ร้อยละ 81.62 โดยมีแนวโน้มของค่ำควำมเข้มแข็งของ ครอบครัวเพิ่มขึ้นทุกมิติ