9789740332763
- 3. 2 3
โดยชอบด้วยกฎหมาย จ�ำเลยไม่มีความผิด
ส่วนข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้
รับอนุญาตนั้น เมื่อปรากฏว่าอาวุธดังกล่าวเป็นของสามีจ�ำเลย ซึ่งได้รับอนุญาต
ให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ จ�ำเลยหยิบอาวุธมาป้องกันตัวโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย จึงไม่ถือว่าจ�ำเลยมีเจตนาครอบครองอาวุธปืนดังกล่าว จ�ำเลย
จึงหามีความผิดฐานนี้ไม่ พิพากษายืน
(ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 182/2532)
ว่าแล้วนายโฉลกก็ด่าต่อไป พร้อมกับขยับไม้ที่อยู่ในมือด้วยท่าทาง
ที่เอาจริงเอาจัง เล่นเอานางจันทราถึงกับตกใจกลัวจนตัวสั่น แต่สั่นสู้นะครับ
ไม่ใช่สั่นถอย ในขณะที่นายโฉลกเดินเข้าหานางจันทรานั้นเอง ท�ำให้
นางจันทราตกใจเกรงว่านายโฉลกเดินเข้าหาท�ำร้ายอย่างแน่นอน จึงวิ่งเข้าไป
หยิบอาวุธปืนสั้นของนายอาทิตย์สามีที่เก็บไว้ที่หัวนอนแล้วยิงไปที่ขานายโฉลก
3 นัด โดยเจตนาท�ำร้ายนายโฉลก เมื่อกระสุนถูกขาแล้ว นางจันทราก็หยุด
ไม่ยิงอีกต่อไป
นางจันทราจึงถูกจับมาฟ้องในข้อหาพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า
นางจันทรามีเจตนาเพียงท�ำร้ายนายโฉลก จึงลงโทษฐานท�ำร้ายร่างกาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จ�ำคุก 1 ปี และลงโทษฐานมีอาวุธ
ปืนโดยไม่รับอนุญาต จ�ำคุก 6 เดือน รวมจ�ำคุก 1 ปี 6 เดือน จ�ำเลยรับสารภาพ
ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษ 1 ใน 3 คงจ�ำคุก 1 ปี
ของกลางริบ พอถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จ�ำเลยยิงนายโฉลกเพียงเพื่อยับยั้งมิให้เขามาท�ำร้าย
จ�ำเลยในบ้านเท่านั้น เพราะนายโฉลกซึ่งอยู่หน้าบ้านสามารถก้าวเข้าไปท�ำร้าย
จ�ำเลยในบ้านได้โดยง่าย จ�ำเลยเป็นหญิง นายโฉลกมีไม้เป็นอาวุธและมากับ
นายสุรชัย การกระท�ำของจ�ำเลยจึงเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่ง
เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
ทั้งเป็นการกระท�ำพอสมควรแก่เหตุการกระท�ำของจ�ำเลย จึงเป็นการป้องกัน
- 4. 4 5
เมียก็มีหัวใจ
สามีประเภทที่ชอบตบตีท�ำร้ายภริยา เห็นภริยาเป็นกระสอบทราย
เคลื่อนที่ ไม่ได้นึกถึงหัวอกของผู้หญิง นึกจะท�ำอะไรก็ท�ำตามใจชอบ ลองฟัง
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจบ้างว่าผู้หญิงเขาก็โกรธเป็นเหมือนกัน เมื่อเขา
ถูกซ้อมจนทนไม่ได้ขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น แน่นอน สามีก็เดดสะมอเร่น่ะซีครับ
จะมีอะไรแล้วแถมยังตายฟรีเสียอีกด้วยก็นับว่าสาสมกับความร้ายกาจของสามี
นายอ�ำนาจเป็นสามีของนางอ�ำนวยแต่เป็นสามีชนิดเลวหนึ่งประเภทหนึ่ง
คือชอบดื่มสุราเป็นอาจิณ ประพฤติตัวเป็นนักเลงเกะกะเกเร ส่วนนางอ�ำนวย
เป็นภริยาชนิดดีหนึ่งประเภทหนึ่ง คือเป็นแม่บ้านแม่เรือนสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้าน นี่แหละที่เขาเรียกว่ากิ่งทองกับใบต�ำแย ไม่น่า
จะมาอยู่เคียงคู่กันได้เลย แต่ก็เป็นไปแล้วซึ่งก็มักมีอยู่เสมอ
ครับนายอ�ำนาจเมื่อเป็นสามีชั้นเลวเสียแล้ว ก็ย่อมประพฤติตนเลว
ทั้งนอกบ้านและในบ้าน กล่าวคือ นอกบ้านก็เที่ยวพาลเกะกะเกเรเขาเรื่อยไป
ส่วนในบ้านก็หาเรื่องทะเลาะกับนางอ�ำนวยอยู่บ่อย ๆ และชอบเตะตีนางอ�ำนวย
เป็นประจ�ำ แล้วแถมไปมีเมียใหม่ให้นางอ�ำนวยช�้ำใจยิ่งขึ้นอีก หนัก ๆ เข้า
ก็อพยพตัวเองไปอยู่กับเมียใหม่เสียเลย
วันเกิดเหตุนายอ�ำนาจเสพสุรามึนเมามาที่บ้านของนางอ�ำนวย เพื่อ
จะเอาลูกไปอยู่กับเมียใหม่ ใครจะยอมได้จริงไหมครับ ดังนั้นจึงเกิดทะเลาะ
กันขึ้น โดยนายอ�ำนาจก็เข้าตบตีนางอ�ำนวยอย่างที่เคยปฏิบัติมาเป็นประจ�ำ
นั่นแหละ แต่คราวนี้นายอ�ำนาจถึงคราวชะตาขาด เพราะนางอ�ำนวยเลือดเดือด
บันดาลโทสะขึ้นมาฉับพลัน กูไม่ยอมมึงแล้วไอ้ชาติชั่ว ว่าแล้วก็คว้ามีดพร้าได้
ฟันศีรษะนายอ�ำนาจในทันที 1 ฉับ ผลก็คือนายอ�ำนาจนอนดิ้นกระแด่ว ๆ
ลาโลกนี้ไปสู่ปรโลกโดยไม่รอช้า
ต�ำรวจจับนางอ�ำนวยมาด�ำเนินคดี และอัยการก็ฟ้องนางอ�ำนวยเป็น
จ�ำเลยในข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นการป้องกันพอสมควร
แก่เหตุ พิพากษายกฟ้อง พอมาถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจ�ำเลย
มีความผิด ให้จ�ำคุกถึง 20 ปี
เรื่องก็ถึงศาลฎีกา ซึ่งวินิจฉัยว่าการที่จ�ำเลยฆ่าผู้ตายเป็นการกระท�ำโดย
บันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ให้จ�ำคุก 2 ปี จ�ำเลย
เป็นหญิง มีบุตรเป็นผู้เยาว์จะต้องอุปการะถึง 2 คน ไม่เคยต้องโทษจ�ำคุก
มาก่อน ส่วนผู้ตายเป็นฝ่ายประพฤติตนไม่ชอบ จึงให้รอการลงโทษจ�ำคุกไว้มี
ก�ำหนด 3 ปี
(ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 138/2532)
- 5. 6 7
ศึกแย่งพระเครื่อง
ศึกแย่งพระเครื่องระหว่างวัดกับชาวบ้านกลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โต
ถึงขนาดสู้กันถึงศาลฎีกา เป็นที่เอิกเกริกเกรียวกราว บรรดาผู้ที่ติดตามข่าว
ต่างก็เสมอนอกเสมอในกันอุตลุด ผลที่สุดใครจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่ ต้อง
ติดตามเรื่องราวกันต่อไปครับ
เรื่องนี้ก็เปิดฉากขึ้นที่วัดสุนทรประดิษฐ์ จังหวัดพิษณุโลก มีพระเครื่อง
ชื่อดังรุ่นเก่าชื่อพระฝักไม้ด�ำและพระฝักไม้ขาว มีข่าวใหญ่ของจังหวัดว่า
กรุพระวัดสุนทรประดิษฐ์แตก พบพระเครื่องชื่อพระฝักไม้ด�ำและพระฝักไม้ขาว
บรรจุอยู่ที่ยอดเจดีย์ข้างพระอุโบสถ
ข่าวได้เข้าไปถึงหูของจ�ำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งทราบมาก่อน
แล้วว่านายเหยี่ยน สามีของจ�ำเลยที่ 2 และเป็นบิดาของจ�ำเลยที่ 1 ที่ 3 และ
ที่ 4 ได้สร้างเจดีย์บรรจุกระดูกของนางจู มารดานายเหยี่ยนเอาไว้ในบริเวณ
พระอุโบสถวัดสุนทรประดิษฐ์ และทราบด้วยว่า นายเหยี่ยนได้น�ำพระเครื่อง
ฝักไม้ด�ำและฝักไม้ขาวที่เช่าบูชามาจากวัดโจทก์ประมาณ 500 องค์ บรรจุ
ไว้ในเจดีย์นั้นด้วย แล้วเหตุไฉนหนอจึงเกิดกรุแตก พระชนิดเดียวกันทะลัก
ออกมาจากเจดีย์ได้ ชักสงสัยตงิด ๆ
เมื่อพากันไปดูอย่างใกล้ชิดก็พบว่า เจดีย์ถูกลักลอบขุดเอาพระเครื่อง
ไปเสียแล้ว จึงพากันยกขบวนไปหาท่านพระครูผู้เป็นเจ้าอาวาส บอกว่า
พระเครื่องเหล่านั้นเป็นของที่คุณพ่อของพวกข้าพเจ้าใส่ไว้ในเจดีย์ เพราะ
ฉะนั้นท่านเอาไปย่อมจะเป็นการไม่ชอบ เอามาให้พวกข้าพเจ้าเสียเถิด
ท่านเจ้าอาวาสก็ยอมคืนพระเครื่องเหล่านั้นให้กับบรรดาทายาทของนายเหยี่ยน
แต่แล้วก็กลับหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะ ! พระเครื่องเมื่ออยู่ในวัดก็ควรจะเป็น
ของวัด เหตุไฉนจึงจะยกให้ทายาทนายเหยี่ยนไปโดยง่ายดายเช่นนั้น นึกได้
ดังนั้นก็ไม่รอช้า จัดแจงให้ทนายความฟ้องร้องจ�ำเลยทั้ง 4 คนในข้อหาละเมิด
เอาพระของวัดไป คือพระฝักไม้ด�ำ จ�ำนวน 210 องค์ และพระฝักไม้ขาว
จ�ำนวน 58 องค์ รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท ท�ำให้วัดไม่อาจน�ำ
พระเครื่องดังกล่าวออกจ�ำหน่ายได้ เป็นเหตุให้ต้องขาดประโยชน์จากเงิน
จ�ำนวนดังกล่าว ขอให้จ�ำเลยทั้งสี่ส่งมอบพระเครื่องดังกล่าวพร้อมค่าเสียหาย
- 6. 8 9
จ�ำเลยทั้งสี่ให้การว่า พระเครื่องเป็นของที่นายเหยี่ยนบรรจุไว้ในเจดีย์
เพื่อบูชาร่วมกับกระดูกนางจู ไม่ได้อุทิศให้แก่วัดโจทก์ นายเหยี่ยนกับจ�ำเลย
ทั้งสี่ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา เจ้าอาวาสกับพวกร่วมกันลักลอบ
เจาะเจดีย์และลักพระเครื่อง จ�ำเลยทราบเรื่องจึงไปขอดู เมื่อเห็นว่าเป็นของ
นายเหยี่ยนจึงน�ำพระเครื่องไปแจ้งความที่สถานีต�ำรวจ และน�ำพระเครื่อง
ไปเก็บไว้ที่ธนาคารด้วยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียก
ค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จ�ำเลยทั้งสี่คืนพระเครื่องให้วัดโจทก์พร้อมกับ
ชดใช้ค่าเสียหาย จ�ำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า
ให้ยกค�ำขอเรื่องค่าเสียหาย โจทก์และจ�ำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า กรณีเช่นนี้พระเครื่องพิพาท
ซึ่งบรรจุไว้ในเจดีย์บรรจุกระดูกของนางจูยังเป็นของจ�ำเลยทั้งสี่อยู่ จ�ำเลย
ทั้งสี่หาได้สละสิทธิครอบครองพระเครื่องพิพาทให้วัดโจทก์ไม่ ดังนั้น จ�ำเลย
ทั้งสี่จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพระเครื่องพิพาทจากโจทก์ที่ไม่มีสิทธิจะยึดถือ
ไว้ได้ การกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ และไม่ท�ำให้โจทก์
เสียหาย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
[ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 1305/2531 (ประชุมใหญ่)]
ก็เป็นอันว่าจ�ำเลยทั้งสี่มีสิทธิในพระเครื่องดีกว่าโจทก์ โจทก์หมดหวัง
ที่จะเอาพระไปจ�ำหน่ายเสียแล้ว เรียกว่าฝันสลายครับ
คนใจบาป
นายจ�ำลองย่องเข้าไปหาพระภิกษุชื่น ซึ่งจ�ำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ โดยมี
นายสนั่นกับนายสนุก เพื่อนคู่หูติดตามไปด้วย แล้วก็เอ่ยปากกับพระภิกษุชื่น
ขอซื้อพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารจากพระภิกษุชื่นซึ่งพ�ำนักอยู่ใน
วิหารนั้น พระภิกษุชื่นก็ตอบโอเคซิกาแรต ทั้ง ๆ ที่พระพุทธรูปนั้นเป็นของวัด
ไม่ใช่ของพระภิกษุชื่น เมื่อจ่ายเงินให้พระภิกษุชื่นไป 1,000 บาทเรียบร้อยแล้ว
ทั้ง 3 คนก็จัดการงัดพระพุทธรูปองค์งามออกจากแท่นที่ประดิษฐานของ
องค์พระพุทธรูป พร้อมกับนึกในใจว่าหวานคอแร้งตูล่ะ จากนั้นก็น�ำพระพุทธรูป
ไปจ�ำหน่ายให้แก่นายสนับเป็นเงิน 6,000 บาท