Submit Search
Upload
งานวิจัย
•
0 likes
•
101 views
S
ssusere8181b
Follow
งานวิจัยข้อกำหนดการใช้ภาษาไทย
Read less
Read more
Education
Report
Share
Report
Share
1 of 44
Download now
Download to read offline
Recommended
ส่งวิจัยในชั้นเรียน1.59
ส่งวิจัยในชั้นเรียน1.59
Natthapon Inhom
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
jammaree samanchat
ใบงานท 2-8
ใบงานท 2-8
noeiinoii
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
worapong jinwong
ระบบประสาท
ระบบประสาท
ssuser21a057
วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน
smellangel
วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน
Kritsadin Khemtong
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
Teacher Sophonnawit
Recommended
ส่งวิจัยในชั้นเรียน1.59
ส่งวิจัยในชั้นเรียน1.59
Natthapon Inhom
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
jammaree samanchat
ใบงานท 2-8
ใบงานท 2-8
noeiinoii
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษของนักเรียน
worapong jinwong
ระบบประสาท
ระบบประสาท
ssuser21a057
วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน
smellangel
วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน
Kritsadin Khemtong
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
Teacher Sophonnawit
ใบงาน2 8
ใบงาน2 8
บะเบสท์ ปะล้ำปะเหลือ
สื่อการเรียนสอน
สื่อการเรียนสอน
อัญวีณ์ นทีพีรพันธุ์
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
Prakasani Butkhot
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
krupornpana55
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
Kritsadin Khemtong
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
Asmataa
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
Benjarat Meechalat
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
ppisoot07
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
Asmataa
แผน Eng m.3
แผน Eng m.3
Milmilk
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
Boonlert Aroonpiboon
Sirirat 49
Sirirat 49
tanny-khing
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
Chirinee Deeraksa
วิจัยภาษาอังกฤษ
วิจัยภาษาอังกฤษ
Gratae
บทที่ 4 new
บทที่ 4 new
Rathapon Silachan
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
aphithak
คู่มือครูชุดที่ 3
คู่มือครูชุดที่ 3
sripayom
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
นภสร ยั่งยืน
ระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วย
Vachii Ra
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
Kobwit Piriyawat
ระดับครผู้ช่วย
ระดับครผู้ช่วย
tyehh
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Sana T
More Related Content
What's hot
ใบงาน2 8
ใบงาน2 8
บะเบสท์ ปะล้ำปะเหลือ
สื่อการเรียนสอน
สื่อการเรียนสอน
อัญวีณ์ นทีพีรพันธุ์
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
Prakasani Butkhot
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
krupornpana55
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
Kritsadin Khemtong
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
Asmataa
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
Benjarat Meechalat
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
ppisoot07
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
Asmataa
แผน Eng m.3
แผน Eng m.3
Milmilk
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
Boonlert Aroonpiboon
Sirirat 49
Sirirat 49
tanny-khing
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
Chirinee Deeraksa
วิจัยภาษาอังกฤษ
วิจัยภาษาอังกฤษ
Gratae
บทที่ 4 new
บทที่ 4 new
Rathapon Silachan
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
aphithak
คู่มือครูชุดที่ 3
คู่มือครูชุดที่ 3
sripayom
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
นภสร ยั่งยืน
ระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วย
Vachii Ra
What's hot
(19)
ใบงาน2 8
ใบงาน2 8
สื่อการเรียนสอน
สื่อการเรียนสอน
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
การสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบ Mia
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
วิจัยเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษ
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
แผนเป็นวิทยากรวิจัย
G.14 (1.หนังสือ)
G.14 (1.หนังสือ)
แผน Eng m.3
แผน Eng m.3
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
Sirirat 49
Sirirat 49
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
งานนำเสนอ อ อ ญญปารย 333
วิจัยภาษาอังกฤษ
วิจัยภาษาอังกฤษ
บทที่ 4 new
บทที่ 4 new
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
Chapter การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้เ...
คู่มือครูชุดที่ 3
คู่มือครูชุดที่ 3
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วย
ระดับครูผู้ช่วย
Similar to งานวิจัย
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
Kobwit Piriyawat
ระดับครผู้ช่วย
ระดับครผู้ช่วย
tyehh
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Sana T
5บทที่1
5บทที่1
krupornpana55
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Korakob Noi
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Chaya Kunnock
ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่
Beeby Bicky
Socratic method
Socratic method
Adun Sailektim
Socratic method
Socratic method
Adun Sailektim
วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา
suchinmam
เทคนิคการสอน
เทคนิคการสอน
kittitach06709
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา
suchinmam
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
NooCake Prommali
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
jiraporn1
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
NooCake Prommali
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
สุทรรศนีย์ รัตนก้านตง
interactive M 4
interactive M 4
Supaporn Nilayakanon
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
Jutamart Bungthong
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
สุชาติ องค์มิ้น
Similar to งานวิจัย
(20)
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องสถานะของสาร รายการครูมืออาชีพ ตอนครูหัดบิน ครูกอบว...
ระดับครผู้ช่วย
ระดับครผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
5บทที่1
5บทที่1
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
ภารกิจครูมือใหม่
ภารกิจครูมือใหม่
Socratic method
Socratic method
Socratic method
Socratic method
วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา
เทคนิคการสอน
เทคนิคการสอน
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
interactive M 4
interactive M 4
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
งานวิจัย
1.
งานวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะการอานและเขียน สะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่
2/4 นางสาววัสยามน มิ่งระหงษ โรงเรียนเซนตหลุยส ฉะเชิงเทรา ประจําปการศึกษา 2553
2.
2 งานวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะการอานและเขียน สะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่
2/4 นางสาววัสยามน มิ่งระหงษ โรงเรียนเซนตหลุยส ฉะเชิงเทรา ประจําปการศึกษา 2553
3.
3 บทที่ 1 บทนํา ภูมิหลัง ในสภาวะปจจุบันความเจริญกาวหนามาก ประชาชนสามารถติดตอกันไดทั่วโลก
เพราะ ระบบการคมนาคมการสื่อสาร และเทคโนโลยีนานาชนิดเจริญรุดหนาไปไกล ภาษาจึงเปน สิ่งจําเปนในการติดตอสื่อสารเพื่อใหการติดตอสื่อสารประสบความสําเร็จ และปจจุบันภาษาไทยจึง เปนภาษาที่มีความสําคัญมากภาษาหนึ่ง สาระการเรียนรูภาษาไทยโรงเรียนเซนตหลุยสไดจัดการเรียนรูโดยคํานึงถึงพัฒนาการทาง รางกาย และสติปญญา วิธีการเรียนรู ความสนใจ และความสามารถของผูเรียน อยางมีกระบวนการ และวิธีการที่หลากหลาย เนนการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง การเรียนรูดวยตนเอง การ เรียนรูรวมกัน การเรียนรูจากธรรมชาติ การเรียนรูจากการปฏิบัติจริง และการเรียนรูแบบบูรณาการ ซึ่งสอดคลองตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๒๒ ที่กําหนดแนวทางใน การจัดการศึกษาไววา การจัดการศึกษาตองยึดหลักผูเรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรูและ พัฒนาตนเองไดและถือวาผูเรียนสําคัญที่สุด ดังนั้นการเรียนภาษาไทยในปจจุบันจึงเปนแนวการ สอนเพื่อการสื่อสาร จึงตองเนนผูเรียนไดฝกทักษะในการเรียนภาษาทั้ง 4 ดาน คือทักษะการฟง การพูด การอาน และการเขียนไปพรอม ๆ กัน (สันติ แสงสุก. 2535 : 1) ซึ่งทักษะทัง 4 ดานลวนมี ความสําคัญเทา ๆ กัน แตทักษะที่นับวามีปญหามาก คือ ทักษะการเขียนเปนทักษะที่ยากที่สุดใน บรรดาทักษะทั้ง 4 ดาน (สุไร พงษทองเจริญ. 2525 : 122) ซึ่งมีนักเรียนจํานวนไมนอยที่สามารถ ฟงพูดภาษาไทยได แตเขียนไมได อานไมออก โดยเฉพาะทักษะการเขียนสะกดคํา ที่เปน องคประกอบสําคัญตอการวางรากฐานในการเขียนที่สามารถนําไปใชกับทักษะอื่น ๆ ไดดีถาเขียน สะกดคําไดถูกตอง (สมใจ ศรีสินรุงเรือง. 2532 : 2 ) จากการเปดสอนหลักสูตรภาษาไทยในระดับชั้นประถมศึกษาปที่ 2 ที่ผานมา พบวา นักเรียนสามารถเขาใจฟงและพูดภาษาไทยไดบางแตปญหาที่พบคือการเขียนนักเรียนไมสามารถจํา พยัญชนะและสระในบทเรียนได ผูวิจัยจึงสนใจศึกษาวิธีการแกปญหาดังกลาว ดวยวิธีการใช แบบฝกทักษะการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทยกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/4 โรงเรียน เซนตหลุยส ฉะเชิงเทรา เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเปนแนวทางในการจัดการเรียนรูให มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4.
4 จุดมุงหมายในการวิจัย 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปที่2/4
ภาคเรียนที่2 ปการศึกษา2553 2.เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปที่ 2/4 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 25523 ระหวางการสอนกอน – หลัง การใช แบบฝกทักษะการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ความสําคัญของการวิจัย ผลของการศึกษาคนควาครั้งนี้ จะเปนแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยให มีประสิทธิภาพตอไป สมมติฐานการวิจัย 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/4 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2553 มีผลสัมฤทธิ์การอาน และเขียนสะกดคําภาษาไทยสูงขึ้น 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/4 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2553 ที่ไดใชแบบฝกทักษะ การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย มีผลสัมฤทธิ์กอน – หลังตางกัน ขอบเขตของการวิจัย ประชากรและกลุมตัวอยาง ประชากรและกลุมตัวอยางที่ใชในการศึกษาคนควาครั้งนี้ เปนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2 / 4 โรงเรียนเซนตหลุยส ฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2553 จํานวน 38 คนโดยการ เลือกแบบเจาะจง (Purposive ) ระยะเวลาการทดลอง ระยะเวลาที่ใชในการทดลอง การทดลองครั้งนี้ใชเวลาทดลอง เดือนพฤศจิกายน 2553
5.
5 ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรอิสระ ไดแก การใชแบบฝกทักษะการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ตัวแปรตาม
ไดแก ผลสัมฤทธิ์ทางการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่2/4 ภาคเรียนที่2 ปการศึกษา 2553 เนื้อหา การเรียนวิชาภาษาไทย ที่ใชในการทดลองครั้งนี้เปนคําในบทเรียน ซึ่งเปนคํายาก สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่2 จํานวน10 คํา คือ นิยามศัพทเฉพาะ 1. การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย หมายถึง การเขียนที่เรียงลําดับพยัญชนะของคํา ไดถูกตองและมีความหมายตามพจนานุกรม 2. แบบฝกทักษะการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย หมายถึง ชุดการฝกทักษะการอาน และเขียนสะกดคําภาษาไทย ซึ่งเปนเครื่องมือที่ชวยใหเกิดการเรียนรูที่เกิดจากการกระทําจริง เปน ประสบการณตรงที่ผูเรียนมีจุดมุงหมายแนนอนทําใหนักเรียนเห็นคุณคาของสิ่งที่เรียน สามารถ เรียนรูและจดจําสิ่งที่เรียนไดดี และนําไปใชในสถานการณเชนเดียวกันได 3. ผลสัมฤทธิ์การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย หมายถึง ความสามารถของนักเรียนใน การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย กอนและหลังการใชแบบฝก โดยใชแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย 4. นักเรียนหลักสูตรภาษาไทย หมายถึง นักเรียนที่เรียนหลักสูตรภาษาไทยในระดับชั้น ประถมศึกษาปที่2 หอง 4
6.
6 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ ในการวิจัยครั้งนี้ ผูวิจัยไดศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ
และไดนําเสนอตามหัวขอ ตอไปนี้ 1. หลักการ แนวคิดและทฤษฎีการจัดการเรียนรู 2. ทฤษฎีเกี่ยวกับการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย 3. ทฤษฎีเกี่ยวกับแบบฝกทักษะหลักการใชภาษา 4. สาระสําคัญที่เกี่ยวของกับการจัดการเรียนรูตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ 5. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๔๔ กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย 6. งานวิจัยที่เกี่ยวของ 1. แนวคิดและทฤษฎีการจัดการเรียนรู ในการทําการศึกษาคนควาครั้งนี้ ไดนําหลักการเรียนรูของเลวิน (Lewin’s Field Theory) มา เปนแนวทาง ซึ่งทฤษฎีนี้มีหลักการวา “การเรียนรูเกิดจากการเปลี่ยนแปลงความรูความเขาใจเดิม เกิดจากการกระทําซ้ํา ๆ ไดจากการแกปญหา หรือมีการเปลี่ยนการจูงใจ ทําใหเกิดความรูความ เขาใจอยางแจมแจง การนําหลักทฤษฎีการเรียนรูของเลวินไปใชในการเรียนการสอน 1. ครูใชวิธีการกลุมสัมพันธ เพื่อใหนักเรียนมีปฏิสัมพันธกับครู จะไดเกิดการเรียนรูดวย ความเขาใจ 2. ครูจัดใหมีศูนยการเรียนในหองเรียน มุงเนนนักเรียนเปนศูนยกลางเพื่อใหนักเรียนเรียนรู ดวยความเขาใจ 3. ใหนักเรียนตั้งเปาหมายของชีวิต เปาหมายในแตละวิชา และในแตละบทเรียน เพื่อให การเรียนและการดําเนินชีวิตมีเปาหมายที่ชัดเจน 4. ใชวิธีการจูงใจเพื่อกระตุนใหนักเรียนตอบสนองอยางเขมขนตอบทเรียน 5. ฝกใหนักเรียนรูจักแกปญหาในเกมงาย ๆ หรือปญหางาย ๆ และยากขึ้นตามลําดับ
7.
7 การเรียนรูภาษา ประสาท อิศรปรีดา (2523
: 143 – 153) ไดกลาวถึงการเรียนรูภาษาในดานตาง ๆ วา ภาษามีความสําคัญอยางยิ่งตอการเรียนรูและพัฒนาการทางสติปญญาดานความคิดของมนุษย เพราะ ภาษาเปนเครื่องมือที่จะชวยใหเกิดการเรียนรูและเปนเครื่องมือที่จะใชวินิจฉัยคุณภาพทางสติปญญา ทางความคิดของบุคคล และอาจกลาวไดวา การเรียนรูภาษา ก็คือการเรียนรูรหัสหรือสัญลักษณ ซึ่ง รหัสหรือสัญลักษณอาจจะเปนทั้งภาษาดานถอยคํา และการแสดงออกดวย อากัปกิริยาทางรางกาย ตอวัตถุและสิ่งแวดลอม ซึ่งมีความเกี่ยวของกับสิ่งตอไปนี้ 1. ธรรมชาติของการเรียนรูภาษา ตามความคิดของการเย การเรียนรูภาษาก็คลาย ๆ กับการเรียนรูทักษะ กลาวคือ การเรียนรู ภาษาและการเรียนรูทักษะตางก็เปนการเรียนรูที่ประกอบกิจกรรมตอเนื่องตามลําดับ หรือเปนสาย โซ (Chain) ของความสัมพันธระหวางสิ่งเราการตอบสนองตั้งแต 2 คูขึ้นไป แตการเรียนรูทั้งสองก็ ตางกัน ในแงที่การเรียนรูทักษะจะเกี่ยวกับการตอบสนองดานกลไกหรือกลามเนื้อ สวนการเรียนรู ภาษาจะเปนเรื่องของการใชถอยคํา ซึ่งไดแก การออกเสียงเปนพยางค เปนคํา ฯลฯ 2. พัฒนาการทั่วไปของการเรียนรูภาษา ภาษามนุษยเริ่มขึ้นดวยการรองไหเมื่อแรกเกิด กอนที่จะมีความคิดและการสื่อสาร พัฒนาการจะตอเนื่องดวยการทําเสียงในลําคอเหมือนนกกู มีขอสังเกตวา พัฒนาการทางภาษาจะเรื่อ ดวยการเคลื่อนไหวของอินทรียทาทาง และความพยายามที่จะออกเสียงในรุยะแรก ๆ เขาจะออก เสียงเปนพยัญชนะตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว เชน อืมม ออ แลวจึงพัฒนาการไปสูการออกเสียงเปน พยัญชนะผสมกับสระ2 ตัว เชน แบ แว ดู พัฒนาการขั้นตอไป คือ การเขาใจศัพท แตยังไมสามารถสื่อความหมายได ระยะนี้เด็กจะ แสดงทาทางที่เขาใจรําวา น้ํา สุนัข นม หรืออาบน้ํา แตเขายังไมอาจพูดได หลังจากขั้นนี้เด็กก็จะ เรียนรูความหมายของคํา เขาจะสามารถใชคําที่ตองการได เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 5 – 6 ป หลังจากที่เด็กพรอมที่จะอานไมนานนัก โดยจะเริ่มสอน พื้นฐานในการเขียน เพราะเด็กสวนมากสนใจในการเขียนศัพทที่เขาพูดบอย ๆ และสนใจที่จะเรียน การอานชื่อของตน ไมนานนักเด็กก็จะสามารถสะกดคําบางคําได เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 9 – 10 ป เด็กสวนมากก็จะมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะเรียนรูภาษาทั้ง ดานการอาน เขียน ฟงและพูด พอถึงอายุประมาณ 12 – 14 ป ซึ่งเปนระยะที่เด็กเรียนในชั้นสูงขึ้น กวาระดับประถม (Intermediate Grades) เขาก็จะมีพัฒนาการดานภาษาอยางกวางขวางกาวหนา รวดเร็วมาก สามารถจะประยุกตความรูทางภาษาไปใชในการเรียนวิชาอื่น ๆ อีกดวย 3. แนวการสอนเพื่อพัฒนาใหเกิดการเรียนรูภาษา แนวการสอนเพื่อใหเกิดการเรียนรูดานภาษา มีลําดับขั้นที่สําคัญพอจะสรุปไดดังนี้
8.
8 ขั้นที่1 อธิบายใหเด็กทราบวา ทานหวังที่จะใหเขาเรียนอะไรในขั้นนี้
เปนขั้นที่ครู จะตองเตรียมนักเรียนกอนที่จะเริ่มเรียน เพื่อใหเด็กมีความจงใจ ตั้งใจและใหรูเปาหมายถึงทิศทาง ในการเรียน ขั้นที่ 2 การพิจารณาตรวจสอบเนื้อหา เพื่อใหมีความหมายสําหรับผูเรียน การ พิจารณาตรวจสอบเนื้อหา เพื่อใหมีความหมายสําหรับผูเรียนกอนที่จะเริ่มสอนจําเปนมากที่ครู จะตองพิจารณาวาคําที่ใชสอนเด็กตองเต็มไปดวยความหมาย การสอนภาษาแกเด็ก ควรจะเลือกใช คําที่เด็กตองใชบอย ๆ ครูควรตระเตรียมเนื้อหาทั้งภาษาเขียน ภาษาพูดใหเหมาะสมแกระดับ การศึกษาของเด็ก ขั้นที่ 3 การตรวจสอบและประเมินความรูเดิมของผูสอนการตรวจสอบความรูเดิม ของเด็ก และมีคุณคาในการจัดเนื้อหาใหมใหมีความหมายและสัมพันธกับระดับความรูเดิมของเด็ก อีกดวย ขั้นที่ 4 จัดใหมีการฝกหรือปฏิบัติอยางเหมาะสม สิ่งสําคัญของครูที่จะตองทําใน ขั้นนี้ ไดแก 1. การใหโอกาสแกเด็กที่จะตอบสนองในสิ่งที่จําเปน 2. กําหนดเวลาการฝก ซึ่งอาจเปนแบบใหฝกรวดเดียวโดยไมตองพัก (Massed Practice) หรือแบบใหฝกและพักสลับกัน (Distributed Practice) ตามความเหมาะสม 3. ทดสอบหาระดับความกาวหนาของผูเรียน พิจารณาใหฝกซ้ํา ๆ เมื่อ ไดผลไมเปนที่พอใจ ขั้นที่ 5 ใหมีความรูที่จะตอบอยางถูกตอง การที่จะใหเด็กเกิดความรูที่จะ ตอบสนองอยางถูกตองนั้น ครูจะตองพิจารณาใชการบอกแนะ (Prompting) หรือการเสริมแรง (Confirmation หรือ Reinforcement) ขั้นที่ 6 จัดสภาวะที่จะรบกวนหรือการสอดแทรกในขั้นนี้ ตองขจัดอิทธิพลของ องคประกอบที่จะเปนสาเหตุรบกวนหรือสอดแทรก ทําใหเกิดการลืม ขั้นที่7 การใชวิธีการวัดผลที่เหมาะสม การวัดผลที่เหมาะสมนั้นครูจะตองคํานึงถึง จุดมุงหมายที่ตั้งไว การวัดผลที่ดีจะตองสอดคลองกับจุดมุงหมายสภาวะพื้นเพของผูเรียนและ กระบวนการสอน 2.ทฤษฎีเกี่ยวกับการอานและเขียนสะกดคํา การอานและเขียนสะกดคํา มีความจําเปนอยางยิ่งในการเรียนการสอน เพราะเปนทักษะที่ ตองฝกฝนอยางสม่ําเสมอ และมีนักการศึกษาตาง ๆ ไดใหความหมายของการอานและเขียนสะกด คํา ดังนี้
9.
9 กูด (Good. 1945
: 383) ไดใหความหมายของการอานและเขียนสะกดคําไววา การอานและเขียนสะกดคําเปนวิธีการจําตัวอักษรได เกิดจากการใชสื่อหรือออกเสียงตัวอักษรเปน ตัว ๆ ไป หรือเมื่อเขาเปนคํา ๆ หนึ่งที่ทุกคนยอมรับ วอลลินส (Vallins. 1965 : 16) ไดใหความหมายวา การสะกดคําสวนใหญ คือ เรื่องราวเกี่ยวกับตา เวลาอานหนังสือ ผูอานจะเนนกระสวนของคําบนกระดาษ ซึ่งจะแสดงใหเห็น ถึงความหมายของคําโดยไมเกี่ยวของกับเรื่องเสียงเลย กลาวโดยสรุปวา การเขียนสะกดคํา เปนการจําตัวพยัญชนะตามความหมายของรูป คํานั้น ๆ เมื่อออกเสียงเปนคํา ๆ หนึ่ง ที่เขาใจความหมายของคํานั้นรวมกัน 2.1 ความสําคัญของการอานและเขียนสะกดคํา สุนันท จงธนสารสมบัติ (2525 : 4) ไดกลาวถึงความสําคัญของการอานและเขียนสะกดคํา ใหถูกตองหรือการสะกดตัววา การสะกดตัวเปนทักษะที่สําคัญและจําเปนอยางยิ่งตอชีวิตประจําวัน และความเปนอยูของบุคคลในปจจุบัน เพราะการสะกดตัวไดถูกตองจะชวยอานหนังสือออกและ เขียนหนังสือไดถูกตอง ยุพดี พูลเวชประชาสุข(2525 : 5) ไดใหความเห็นสอดคลองกับประเทิน มหาขันธ ไววา การสอนเขียนสะกดคําเปนแนวทางที่จะนําไปสูการเขียนหนังสือไดถูกตอง สิทธิศักดิ์ โหมดหิรัญ (2526 : 9) ไดใหความเห็นวา การเขียนใหถูกตองนั้นเปนสิ่งสําคัญ มาก เพราะนอกจากจะสื่อความหมายแกผูอานไดถูกตองแลวมองผลงานเขียนวามีคุณคา ซึ่งทําให ผูเขียนไดรับความเชื่อถือ และประสบความสําเร็จอีกดวย ลูนเบอร (Luneburg . 1959 : 179) ไดกลาวถึง การเขียนสะกดคําวา มีบทบาทใน ชีวิตประจําวัน การสะกดคําผิดจะลดประสิทธิภาพของการเขียนลง และมีแนวโนมที่จะพิจารณา กําหนดหรือตัดสินระดับคุณภาพของการศึกษาของบุคคลจากอัตราความถูกตองในการสะกดคําของ บุคคลนั้น เลวิส (Lewis . 1963 : 7) ไดกลาวถึงการสะกดคําไววา โอกาสที่จะเขียนหนังสือสะกด คําผิดนั้นมีมาก การเขียนผิดจะทําใหผูอื่นมองความสามารถในการเขียนของผูเขียนลดลง ทั้งยัง กระทบถึงผลประโยชนที่สําคัญ ๆ ของผูเขียนอีกดวย สรุปไดวา การอานและเขียนสะกดคํามีความสัมพันธในการเขียน เพราะเปนพื้นฐาน เบื้องตนที่จะนําไปสูทักษะการฟง การพูด การอาน เพราะถาเราไมสามารถเขียนสะกดคําไดถูกตอง ยอมกอใหเกิดความผิดพลาดในการสื่อความหมาย ถาเขียนสะกดคําผิดความหมายก็แปรเปลี่ยนไป หรืออาจไมมีความหมายเลยก็ได
10.
10 2.2 ความมุงหมายของการอานและเขียนสะกดคํา บุญปก ออนเผา
(2526 : 11 – 21) ไดสรุปจุดมุงหมายในการสอนสะกดคําไวดังนี้ 1. มุงใหเด็กรูจักรูปคําการเขียนสะกดคําที่ดี 2. มีความสามารถที่เขียนคําตาง ๆ ไดถูกตอง เด็กจะตองเรียนรูคํา ฝกออกเสียง เรียนรูความสัมพันธของตัวอักษรกับเสียง สามารถจัดรูปของคํา จําลําดับอักษรได จึงจะสามารถ เขียนสะกดคําไดถูกตอง ฮอรน(Horn. 1954 : 14 – 15) ไดกลาวถึงจุดมุงหมายสะกดคําไวดังนี้ 1. หาทางพัฒนาความสามารถในการอานและเขียนสะกดคําของนักเรียน โดยไม จํากัด เพียงการฝกเฉพาะคําที่นักเรียนรูจักเทานั้น 2. การสะดกคําจัดวาเปนทักษะที่สัมพันธกับภาษาที่จุดมุงหมายที่จะสงเสริมความ ตั้งใจของนักเรียนในการแสดงความรูจัดดวยการเขียน 3. เขียนและฝกการสะกดคํา เพื่อเปนเครื่องมือในการเขียนของนักเรียน 4. การสะกดคํา ตองตั้งจุดมุงหมายเฉพาะในการสอน โดยพิจารณาจากความแตก ตางของนักเรียน พื้นฐานประสบการณของนักเรียนแตละคนความสามารถในการเรียนรูและความ ตองการเปนหลัก พอจะสรุปไดวา ความมุงหมายของการสะกดคํา คือ มุงใหนักเรียนสามารถอานและเขียน สะกดคําไดถูกตองเปนทักษะพื้นฐานเบื้องตนที่จะนําไปสูการนําคําตางๆไปใชไดถูกตองที่จะ ความสัมพันธกับทักษะอื่น ๆ ตอไป 2.3 หลักการสอนการอานและเขียนสะกดคํา สุนทร สุนันทชัย (2511 : 21 – 24) ไดเสนอแนะวิธีสอนสะกดคําไวดังนี้ 1. ใหทองจําโดยออกเสียงสระและพยัญชนะที่ประกอบเปนคําแตละคําหลาย ๆ ครั้งจนจําได เชน ม- อ - ง = มอง , ส –แ –ง = แสง เปนตน 2. ใหเขียนคํานั้น ๆ หลายครั้งจนจําไดคําใดที่เขียนบอย ๆ ครั้งมักจะเขียนไมผิด 3. เขียนคําใหมไวบนกระดานดํา หรือเขียนใสบัตรคําติดไวบนปายหนาชั้นเรียน ใหนักเรียนเห็นบอย ๆ จนชินตา 4. แยกคําออกเปนพยางค เชน รอง ไห เพื่อใหนักเรียนสังเกตสวนตาง ๆ ที่แยก ไวนั้น โดยพินิจพิเคราะหเพื่อเปนอุบายใหจดจําคํานั้นไดงาย 5. สอนหลักการสะกดตัวให ประเทิน มหาขันธ (2519 : 65 – 66) ไดเสนอลําดับขั้นตอนการสอนสะกดคําไว และการ สรางความพรอมในการสะกดคําแกเด็ก ไดดังนี้
11.
11 ขั้นที่ 1 ความหมายของการออกเสียง
ใหนักเรียนเขาใจความหมายของคํา มองดู พรอมกับออกเสียงคํานั้นและสามารถที่จะใชคํานั้นแตละประโยค ขั้นที่ 2 การมองเห็นรูปคํา ใหนักเรียนเห็นรูปคําที่สะกด และออกเสียงคํานั้น ๆ เปนพยางคทีละพยางค และสะกดเปนคําอีกครั้งหนึ่ง ขั้นที่3 การระลึกคําคือ ใหมองดูคําแลวสะกดคํานั้นโดยไมตองดู ขั้นที่4 การเขียนคํานั้นใหถูกตอง ขั้นที่5 การทบทวน ใหนักเรียนเขียนคําโดยไมตองดูแบบ ประเทิน มหาขันธ มีความเห็นเกี่ยวกับความพรอมในการอานและเขียนสะกดคําของเด็กวา เด็กจะพรอมที่จะสะกดคําตอเมื่อเด็กตองการอาน และเขาไดเสนอแนะการสรางความพรอมในการ สะกดคําแกเด็กไวดวย ดังนี้ 1. ใหเด็กสังเกตคําที่ครูหรือนักเรียนเขียนติดไวในหองเรียน 2. ใหเด็กเลนตัวอักษร 3. ใหรูจักสังเกตคําที่เหมือนกัน และแตกตางกัน 4. ใชอุปกรณการสอน เชน แผนปายหมุน บัตรคํา กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ (2524 : 49 – 50) ไดเสนอแนะกระบวนการสอนเขียน สะกดคํา ไวดังนี้ 1.ใหนักเรียนเห็นคํา 2. ใหนักเรียนไดยินการออกเสียงคําที่ชัดเจนถูกตอง 3. ใหนักเรียนฝกออกเสียงคําที่จะเขียนใหชัดเจนถูกตอง 4.ใหนักเรียนรูความหมายและการใชคํานั้น 5. ใหนักเรียนสะกดคํานั้นได 6. ใหนักเรียนเขียนคํา คิง (King. 1965 : 1) ไดกลาวถึงวิธีการฝกความสามารถในการสะกดคําไวดังตอไปนี้ 1. ตรวจ (Examine) ตรวจสอบคําแตละคําอยางระมัดระวัง เชน คําที่มีอุปสรรค ปจจัย และบันทึกไว 2. ออกเสียง (Pronounce) ออกเสียงคําอยางถูกตอง และคําตึงการสะกดคําแตละ พยางค 3. สะกดคํา(Spell) สะกดคํานั้น ๆ ดัง ๆ ปดคําที่สะกดแลวสะกดคําอีกครั้งหนึ่ง 4. เขียน (Write) เขียนคํานั้น ๆ5 – 10 ครั้ง ตรวจดูวาถูกตองหรือไม 5. ใช (Use) ใชคํานั้นมาแตงประโยค 6. ทบทวน(Review) ทบทวนแตละคําในวันตอไป เมื่อมีความสงสัยเกี่ยวกับ
12.
12 การสะกดคําใด ใหคนจากพจนานุกรมแลวดําเนินการตามขบวนการทั้งหกขั้นจะทําใหสะกดคําได ถูกตองและแมนยํา สรุป หลักการสอนการเขียนสะกดคํา
ครูผูสอนควรมีหลักเกณฑในการสอนวามีวิธีการใด ที่จะใหนักเรียนสามารถเขียนสะกดคําไดถูกตอง โดยสัมพันธกับ การฟง การอาน การพูด และการ เขียน เขาใจความหมาย จดจําคําศัพทได ฝกการเขียนคําศัพทจนสามารถเขียนไดถูกตอง และนําไป ประยุกตใชในบทเรียน 3. ทฤษฎีเกี่ยวกับแบบฝก 3.1 ความหมายของชุดการฝกทักษะการสะกดคํา ชุดการฝกในภาษาไทยมีชื่อเรียกกันแตกตางกันออกไป เชน ชุดการฝก แบบฝก แบบฝกทักษะ แบบฝกหัด แบบฝกทักษะ เปนตน ซึ่งมีผูใหความหมายของการฝกไวตาง ๆ กันดังนี้ กูด (Good. 1973: 224) กลาววา ชุดการฝก หมายถึง งานหรือการบานที่ครู มอบหมายใหนักเรียนทําเพื่อทบทวนความรูที่เรียนมาแลว และเปนการฝกทักษะการใชกฎสูตรตาง ๆ ที่เรียนไป วีระ ไทยพานิช (2529 : 11) สรุปไดวา ชุดการฝกเปนเครื่องมือที่ชวยใหเกิดการ เรียนรูที่เกิดจากการกระทําจริง เปนประสบการณตรงที่ผูเรียนมีจุดมุงหมายแนนอนทําใหนักเรียน เห็นคุณคาของสิ่งที่เรียน สามารถเรียนรูและจดจําสิ่งที่เรียนไดดี และนําไปใชในสถานการณ เชนเดียวกันได วาสนา สุพัฒนา (2530 : 11) กลาววา ชุดการฝก หมายถึง งานหรือกิจกรรมที่ครู มอบหมายใหนักเรียนทําเพื่อทบทวนความรูตางๆ ที่ไดเรียนมาแลว ซึ่งจะทําใหผูเรียนเกิดทักษะ และเพิ่มทักษะซึ่งสามารถนําไปใหแกปญหาได อัจฉรา ชีวพันธ และคณะ (2532 : 102) ไดกลาววาชุดการฝก หมายถึง สิ่งที่สราง ขึ้นเพื่อเสริมความเขาใจ และเสริมเพิ่มเติมเนื้อหาบางสวน ที่ชวยใหนักเรียนไดปฏิบัติและนําเอา ความรูไปใชไดอยางแมนยํา ถูกตอง คลองแคลว ประพนธ จายเจริญ (2536 : 8) กลาววาชุดการฝก หมายถึงสิ่งที่ผูสอนมอบหมาย ใหผูเรียนกระทําเพื่อฝกฝนเนื้อหาตาง ๆ ที่ไดเรียนไปแลวใหเกิดความชํานาญและใหผูเรียนสามรถ นําไปใชในชีวิตประจําวันได กติกา สุวรรณสมพงศ (2541 : 40) การจัดประสบการณฝกหัด โดยใชวัสดุ ประกอบการสอน หรือเปนกิจกรรมใหผูเรียนกระทําดวยตนเอง เพื่อฝกฝนเนื้อหาตางๆ ที่ไดเรียน ไปแลวใหเขาใจดีขึ้น และในสถานการณอื่น ๆในชีวิตประจําวัน
13.
13 สุกิจ ศรีพรหม(2541 :
68) ไดใหความหมายไววา ชุดการฝก หมายถึง การนําสื่อ ประสมที่สอดคลองกับ เนื้อหาและจุดประสงคของวิชามาใชในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ ผูเรียนเพื่อใหเกิดการเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพ จากความหมายของชุดการฝกที่กลาวมา พอสรุปไดวา ชุดการฝก หมายถึง งานหรือ กิจกรรมที่ครูผูสอนมอบหมายใหนักเรียนกระทําเพื่อฝกทักษะและทบทวนความรูที่ไดเรียนไปแลว ใหเกิดความชํานาญ สามารถนําความรูไปใชแกปญหาระหวางเรียน และในชีวิตประจําวันได อีกทั้ง ยังเปนเครื่องมือที่ชวยใหนักเรียนประสบผลสําเร็จในการเรียน 3.2 ประโยชนของชุดการฝกทักษะการสะกดคํา ชุดการฝกมีประโยชนตอการเรียนวิชาทักษะมาก ดังที่ เพ็ตตี้(Petty. 1936 : 469 – 472) ได กลาวไวดังนี้ 1. เปนสวนเพิ่มหรือเสริมหนังสือเรียนในการเรียนทักษะ เปนอุปกรณการสอนที่ชวยลด ภาระของครูไดมาก เพราะชุดการฝกเปนสิ่งที่จัดทําขึ้นอยางเปนระบบระเบียบ 2. ชวยเสริมทักษะทางการใชภาษา ชุดการฝกเปนเครื่องมือที่ชวยใหเด็กฝกทักษะการใช ภาษาไดดีขึ้น แตตองอาศัยการสงเสริมและเอาใจใสจากครูผูสอนดวย 3. ชวยในเรื่องความแตกตางระหวางบุคคล เนื่องจากเด็กมีความสามารถแตกตางกัน การ ใหเด็กทําชุดการฝกที่เหมาะสมกับความสามารถ จะชวยใหเด็กประสบความสําเร็จในดานจิตใจ มากขึ้น ชุดการฝกชวยเสริมทักษะใหคงทนโดยกระทํา ดังนี้ 3.1 ฝกทันทีหลังจากเด็กไดเรียนรูเรื่องนั้น 6.1 ฝกซ้ําหลายๆ ครั้ง 6.2 เนนเฉพาะเรื่องที่ตองการฝก 6.3 ชุดการฝกที่ใชเปนเครื่องมือวัดผลการเรียนรูหลังจากบทเรียนในแตละครั้ง 6.4 ชุดการฝกจัดทําขึ้นเปนรูปเลม เด็กสามารถเก็บรักษาไวเพื่อเปนแนวทางและ ทบทวนดวยตนเองตอไป 3.6 การใหเด็กทําชุดการฝกชวยใหครูมองเปนจุดเดน หรือปญหาตางๆ ของเด็กได ชัดเจน ซึ่งจะชวยใหครูดําเนินการแกไขปญหานั้นๆ ไดทันทวงที 3.7 ชุดการฝกที่จัดทําขึ้นนอกเหนือจากที่มีในหนังสือเรียนจะชวยใหเด็กฝกฝนได อยางเต็มที่ 3.8 ชุดการฝกที่จัดพิมพไวเรียบรอย จะชวยใหครูประหยัดทั้งแรงงานและเวลาใน การที่จะตองจัดเตรียมสรางชุดการฝกอยูเสมอ ในดานผูเรียนก็ไมตองเสียเวลาลอกชุดการฝกจาก ตําราเรียน ทําใหมีโอกาสฝกฝนทักษะดานตางๆ ไดมากขึ้น
14.
14 3.9 ชุดการฝกชวยประหยัดคาใชจายเพราะการจัดพิมพขึ้นเปนรูปเลมแนนอนยอม ลงทุนต่ํากวาที่จะพิมพลงกระดาษไขทุกครั้ง และผูเรียนสามมารถบันทึกและมองเปนความกาวหนา ของตนเองไดอยางมีระบบระเบียบ ธนู
แสวงศักดิ์ (2514 : 132) ไดกลาวถึงประโยชนของการฝกไววา การใหชุดการฝกแก นักเรียนนั้นเปนสิ่งหนึ่งที่ชวยใหการเรียนการสอนไดผลดียิ่งขึ้น ในการเรียนการสอนวิชา คณิตศาสตรครูผูสอนใชวิธีสอนโดยการอธิบายตัวอยาง แลวใหนักเรียนทําแบบฝกหัดจากชุดฝก ซึ่ง แสดงใหเปนวาการสอนคณิตศาสตรจะขาดการทําแบบฝกหัดไมไดเลย รัชนี ศรีไพวรรณ (2517 : 189) ไดกลาวถึงประโยชนของชุดการฝกวา 1. ทําใหเด็กเขาใจบทเรียนดีขึ้น เพราะชุดการฝกจะเปนเครื่องมือทบทวนความรูที่เด็กได เรียน และทําใหเกิดความชํานาญ คลองแคลวในเนื้อหาวิชาเหลานั้นยิ่งขึ้น 2. ทําใหครูทราบความเขาใจของนักเรียนที่มีตอมีเรียน ซึ่งจะชวยใหครูสามารถปรับปรุง เนื้อหา วิธีสอน และกิจกรรมในแตละบทเรียน ตลอดจนสามารถชวยเด็กใหเรียนไดดีที่สุดตาม ความสามารถของเขาดวย 3. ฝกใหเด็กมีความเชื่อมั่น และสามารถประเมินผลงานของตนเองได 4. ฝกใหเด็กทํางานตามลําพัง โดยมีความรับผิดชอบในงานที่ไดรับมอบหมายดวงเดือน ออนนวม และคณะ(2536 : 36 ) ไดกลาวถึงประโยชนของชุดการฝกไวดังนี้ 1. ชวยเสริมสรางและเพิ่มพูนความรูความเขาใจ ความจํา แนวทาง และทักษะในการ แกปญหาแกนักเรียน 2. ใชเปนเครื่องมือประเมินการสอนของครู ทําใหทราบขอบกพรองในการสอนแตละเรื่อง แตละตอน และสามารถปรับปรุงแกไขไดตรงจุด 3. ใชเปนเครื่องมือประเมินผลการเรียนของนักเรียน ทําใหครูทราบขแบกพรองจุดออนที่ จะแกไขของนักเรียนแตละคนในแตละเรื่อง แตละตอนและสามารถคิดหาแนวทางชวยเหลือแกไข ไดทันทวงที และชวยใหนักเรียนทราบจุดออนขอบกพรองของตนเอง เพื่อหาทางปรับปรุงแกไข เชนกัน 4.ชวยกระตุนใหนักเรียนอยากทําชุดการฝก 5. ชวยใหนักเรียนไดฝกฝนทักษะไดอยางเต็มที และตรงจุดที่ตองการฝกหัด 6. ชวยใหนักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง คิดอยางมีเหตุผล แสดงความคิดออกมา อยางมีระเบียบชัดเจนและรัดกุม 7. เปนการประหยัดเงินและเวลา
15.
15 3.3 หลักในการฝกทักษะการสะกดคํา ชูชาติ เชิงฉลาด(2521
: 41) ไดกลาวถึงหลักในการฝกทักษะไวดังนี้ 1. การฝกเปนสิ่งที่สําคัญของการเรียน 2. การฝกไมควรใหซ้ําซากจนนาเบื่อ ควรจะฝกใหเกิดทักษะหรือความชํานาญ 3. การที่กระตุนนักเรียนใหฝกดวยแบบเดียวกันตลอดเวลานักเรียนก็จะสนองตอบเปน แบบเดียวกัน 4. การฝกจะใหไดผลดีตองเปนรายบุคคล 5. การที่จะฝกใหทําแบบฝกหัดนั้นควรจะฝกเฉพาะเรื่องและใหจบในเรื่องนั้นๆ กอนจึง จะ ฝกเรื่องตอไป 6. ควรจะใหฝกหลาย ๆ ครั้ง ในแตละทักษะ 7. ควรจะใหคะแนนในการทําแบบฝกหัดแตละครั้ง เพื่อวัดความกาวหนา 8. แบบฝกหัดควรจะมีมาตรฐาน และจัดใหเหมาะสม กระทรวงศึกษาธิการ (2534 : 2-3) ไดกลาวถึงหลักในการฝกทักษะคิดคํานวณมีสิ่งที่ควร คํานึงถึงดังตอไปนี้ 1. การฝกทักษะควรทําหลังจากนักเรียนมีความรูความเขาใจในเรื่องตางๆ แลว 2. การฝกควรฝกในชวงเวลาไมมากนัก แตควรทําบอยๆ 3. ควรใชกิจกรรมฝกหลายๆ แบบ 4. การฝกควรเริ่มจากงายไปยาก 5. การฝกควรใหนาสนใจและทาทายความสามารถ 6. การฝกควรใหเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียนแตละคน ดังนี้นนักเรียนทุกคน ไมจําเปนตองไดรับการฝกแบบเดียวกัน จอหนสัน และไรซิง (พรทิพย พรหมสาขา ณ สกลนคร. 2527: 24-25;อางจาก Johnson and Rising.1969 : 91) ไดกลาววาในการสอนทักษะใหไดผลดีนั้น ครูควรคํานึงถึงวิธีการสอน และไดเสนอหลักเบื้องตันในการฝกทักษะไวัดังนี้ 1. ฝกทักษะตามความตองการของผูเรียน ใหผูเรียนเห็นคุณคาและประโยชนในการฝก 2. ฝกโดยใหติดตามและจัดแบบฝกหัดในการใหคิดมากกวาทําซ้ํา 3. ใหฝกหลังใจมโนมติ ในสิ่งที่เรียนแลว 4. ฝกทําแบบฝกหัดที่มีคําตอบถูกตองและใหคําตอบกับผูเรียนไดตรวจสอบ 5. เนนการฝกเปนรายบุคคล 6. ใชเวลาในการฝกทักษะพอสมควร ไมมากหรือนอยเกินไป ฝกทักษะเฉพระเรื่องที่เปน ประโยชนจริงๆ
16.
16 7. ใหผูเรียนไดรูโครงสรางทั้งหมดของการฝก และเปนทักษะที่สามารถนําไปประยุกตใช ได 8.
ฝกหลักการวิชาการทั่วๆ ไป มากกวาทําวิธีลัด 9. ใหผูเรียนไดรูวิธีการฝก และเรียนรูดวยตนเอง 10. จัดกิจกรรมหลายๆ แบบในหารฝก เชน เกม การแขงขันทําแบบฝกหัด จําเนียร ชวงโชติ และคณะ(2521 : 61) ไดกลาวถึงกฎแหงการฝกของธอรนไดด (Thorndike) ไวดังนี้ 1. การเชื่อมโยงจะกระชับมั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อมีการใชและจะออนลงเมื่อไดไดใช 2. สิ่งใดที่คนทําบอยๆ หรือมีการฝกเสมอๆ คนยอมกระทําสิ่งนั้นไดดี สิ่งใดที่คนไมไดทํา นานๆ คนยอมทําสิ่งนั้นไมไดเหมือนเดิม 3. ยิ่งไดกระทําซ้ําในการกระทําอยางใดอยางหนึ่ง ยิ่งทําใหการกระทํานั้นแนนนอน สมบูรณขึ้นหากวางเวนจากการฝกกระทําบอยๆ การกระทํานั้นๆ จะคอยๆ ลบเลือนไปถากระทํา พฤติกรรมใดๆ ซ้ําๆ อยูเสมอ จะมีผลทําใหพฤติกรรมนั้นถูกตองสมบูรณยิ่งขึ้น 3.4 หลักในการสรางชุดการฝกทักษะการสะกดคํา การสรางชุดการฝกเปนสิ่งจําเปนในการสอนเพราะการฝกฝนบอย ๆ และหลาย ๆ ครั้ง ยอม ทําใหเกิดความชํานาญคลองแคลว มีผูเสนอแนะวิธีการในการสรางชุดฝกไวดังนี้ รัชนี ศรีไพรวรรณ (2517 : 412 – 413) ไดกลาวถึงหลักในการทําชุดการฝกสําหรับ นักเรียนไว ดังนี้ 1. ใหสอดคลองกับหลักจิตวิทยาและพัฒนาการของเด็กและลําดับขั้นการเรียนรูชุดการฝก ตองอาศัยรูปภาพจูงใจนักเรียน และเปนไปตามลําดับความยากงาย เพื่อใหนักเรียนมีกําลังใจทํา 2. มีจุดมุงหมายวา จะฝกหัดในดานได แลวจัดเนื้อหาใหตรงกับความมุงหมายที่วางไว 3. ตองคํานึงถึงความแตกตางของนักเรียน ถาสามารถแบงนักเรียนตามคามสามารถแลว จัดทําชุดการฝก เพื่อสงเสริมนักเรียนแตละกลุมไดก็ยิ่งดี 4. ในชุดการฝกตองมีคําชี้แจงงาย ๆ สั้น ๆ เพื่อใหนักเรียนเขาใจ ถาเด็กยังอานไมไดครูตอง ชี้แจงดวยคําพูดที่ใชภาษางาย ๆ ใหเด็กสามารถทําตามคําสั่งได 5. ชุดการฝกตองมีความถูกตองครูตองพิจารณาดูใหถวนถี่อยาใหมีขอผิดพลาด 6. การใหนักเรียนทําชุดการฝกในแตละครั้ง ตองใหเหมาะสมกับเวลาและความสนใจของ นักเรียน 7. ควรทําชุดการฝกหลาย ๆ แบบ เพื่อใหนักเรียนรูอยางกวางขวาง และสิ่งเสริมใหเกิด ความคิด
17.
17 วรนาถ พวงสุวรรณ (2518
: 34 – 37) ไดสรุปหลักการสรางชุดการฝกไวดังนี้ 1. ตั้งวัตถุประสงค 2. ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหา 3. ขั้นตาง ๆ ในการสรางชุดการฝก - ศึกษาปญหาในการเรียนการสอน - ศึกษาจิตวิทยาวัยรุนและจิตวิทยาการเรียนการสอน - ศึกษาเนื้อหาวิชา - ศึกษาลักษณะของชุดการฝก - วางโครงเรื่องและกําหนดรูปแบบของชุดการฝกใหสัมพันธกับโครงเรื่อง - เลือกเนื้อหาตาง ๆ ที่เหมาะสมมาบรรจุไวในชุดการฝกใหครบตามที่กําหนด ยุพิน พิพิธกุล(2524 : 34 – 35) ไดเสนอเทคนิคในการใหนักเรียนทําชุดการฝกไววา 1. ครูตองแนใจวานักเรียนเขาใจวิธีการที่เขาทําซ้ํา ๆ กัน 2. ครูตองคอยใหคําแนะนําอยางใกลชิด และแกไขขอผิดพลาดเสียกอนที่จะติดเปนนิสัย และทําไปชา ๆ ในระยะเริ่มแรกของการสรางนิสัย 3. ครูตองแนใจวานักเรียนจะไมลืมวิธีการที่ทําเปนครั้งสุดทาย 4. ควรสรางทักษะหนึ่งใหเกงเสียกอนที่จะสรางทักษะอื่น 5. ทําความเขาใจเมื้อหาที่สําคัญเปนประการแรก 6. ครูจะตองติดตามผลการทําชุดการฝกของนักเรียน 7. อยาใหนักเรียนทําชุดการฝกในหัวขอที่ยากและนักเรียนไมทราบวิธี 8. การใหชุดการฝกควรคํานึงถึงความแตกตางระหวางบุคคล 9. การฝกนั้นควรจะฝกหลาย ๆ ดาน การใหชุดการฝกควรจะใหทีละนอยแตบอยครั้ง 10. ชุดการฝกควรลําดับความยากงาย ฉวีวรรณ กีรติกร (2537 : 11 – 12) ไดกลาวถึงหลักในการสรางแบบฝกไวดังนี้ 1. แบบฝกหัดที่สรางขึ้นนั้น สอดคลองกับจิตวิทยาพัฒนาการและลําดับขั้นตอนการเรียนรู ของผูเรียน เด็กที่เริ่มมีประสบการณนอยจะตองสรางแบบฝกหัดที่นาสนใจและจูงใจผูเรียนดวยการ เริ่มจากขอที่งายไปหายาก เพื่อใหผูเรียนมีกําลังใจทําแบบฝกหัด 2. ใหแบบฝกหัดที่ตรงกับจุดประสงคที่ตองการฝก และตองมีเวลาเตรียมการไวลวงหนาอยู เสมอ 3. แบบฝกหัดควรมุงสงเสริมนักเรียนแตละกลุมตามความสามารถที่แตกตางกันของผู เรียน 4. แบบฝกหัดแตละชุดควรมีคําชี้แจงงาย ๆ สั้น ๆ เพื่อใหผูเรียนเขาใจหรือมีตัวอยาง
18.
18 แสดงวิธีทําจะชวยใหเขาใจไดดียิ่งขึ้น 5. แบบฝกหัดจะตองถูกตอง ครูจะตองพิจารณาใหดีอยาใหมีขอผิดพลาดได 6.
แบบฝกหัดควรมีหลาย ๆ แบบ เพื่อใหผูเรียนไดแนวคิดที่กวางไกล วรรณ แกวแพรก (2526 : 81) ไดกลาวถึงหลักในการสรางแบบฝกหัดไววา 1. มีความมุงหมายในการสรางแนนอน 2. สรางจากงายไปหายาก คํานึงถึงความแตกตางระหวางบุคคล 3. ตองจัดทําแบบฝกหัดเสริมทักษะไวลวงหนา โดยทําไวเปนรายเนื้อหาทําเปนบท ๆ ตามบทเรียนพรอมทําเฉลยไวดวย 4. ตองจัดทําหลังจากสอนบทเรียนหรือเนื้อหานั้น ๆ แลว นอกจากนี้ วิชัย เพ็ชรเรื่อง (2531 : 77) ยังไดกลาวถึงหลักในการจัดทําแบบฝกวาควรมี ลักษณะดังนี้ 1. แบบฝกตองมีเอกภาพ และสมบูรณในตัว 2. เกิดจากความตองการของผูเรียนและสังคม 3. ครอบคลุมเนื้อหาหลายวิชา โดยบูรณาการใหเขากับการอาน 4. ใชแนวคิดใหมในการจัดกิจกรรม 5. สนองความสนใจ ใครรู และความสามารถของผูเรียนและสงเสริมใหผูเรียนมีสวนรวม ในการเรียนเต็มที่ 6. คํานึงถึงพัฒนาการและวุฒิภาวะของผูเรียน 7. เนนการแกปญหา 8. ครูและนักเรียนไดมีโอกาสวางแผนรวมมือกัน 9. แบบฝกควรเปนสิ่งที่นาสนใจ มีความแปลกใหมสามารถปรับและรับเขาสูโครงสราง ทางความคิดของเด็กได จากหลักการสรางชุดการฝกที่กลาวมา สรุปไดวา หลักสําคัญในการสรางชุดการฝกคือตอง กําหนดวัตถุประสงคที่จะฝาากใหแนนอนวาจะฝกเรื่องอะไร แลวจัดเนื้อหาใหสอดคลองกับ วัตถุประสงค ทั้งนี้จะตองสรางชุดการฝกใหเหมาะสมกับวัยและระดับความสามารถของผูเรียนและ ชุดการฝกควรมีหลายรูปแบบ พรอมทั้งเปดโอกาสใหเด็กไดแสดงความคิดเห็นไดอยางกวางขวาง 4. สาระสําคัญที่เกี่ยวของกับการจัดการเรียนรูตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ กระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกและการเกิดวิกฤตการณทางการศึกษาไทย กอใหเกิด ความสนใจในการศึกษาที่มีคุณภาพ และกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในประเทศไทย ครั้งสําคัญขึ้นมาโดยใหมีการประกาศใช พระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีผล บังคับใชเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 พระราชบัญญัติดังกลาว ถือวาเปนกฎหมายแมบททาง
19.
19 การศึกษาฉบับแรกของประเทศไทย กอใหเกิดการตื่นตัวในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาขึ้นอยาง กวางขวางทุกระดับ โดยเฉพาะอยางยิ่งกระแสการตื่นตัวของครู
ในการปฏิรูปการเรียนรูใหเปนไป ตามพระราชบัญญัติที่ไดกําหนดไวในมาตราตาง ๆ ซึ่งกําหนดใหการจัดการเรีนการสอนมุงเนนให ผูเรียนดํารงชีวิตอยูในสังคมอยางมีคุณภาพ เนนความรูคูคุณธรรม มุงปลูกฝงจิตสํานึกดานการเมือง สงเสริมประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข รูจักภาคภูมิใจในความเปนไทย และ สงเสริมวัฒนธรรมไทย ตามบทพระราชบัญญัติในหมวด ๔ ซึ่งถือวาเปนหมวดที่สําคัญที่สุดสําหรับ ครูและผูบริหารการศึกษาในโรงเรียน ไดกําหนดการจัดการกระบวนการเรียนรูประกอบดวยมาตรา ตาง ๆ ไดแก มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาตองยึดหลักวาผูเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรูและพัฒนา ตนเองได และถือวาผูเรียนมีความสําคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาตองสงเสริมใหผูเรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย ตองเนนความสําคัญทั้งความรู คุณธรรม กระบวนการเรียนรูและบูรณาการตามความ เหมาะสมของแตละระดับการศึกษาในเรื่องตอไปนี้ (๑) ความรูเรื่องเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธของตนเองกับสังคม ไดแกครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรูเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของสังคมไทยและระบบ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข (๒) ความรูเรื่องทักษะดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี รวมทั้งความรูความเขาใจและ ประสบการณเรื่องการจัดการ กรบํารุงรักษาและการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมอยางสมดุลยั่งยืน (๓) ความรูเกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปญญาไทยและการประยุกตใช ภูมิปญญา (๔) ความรู และทักษะดานคณิตศาสตร และดานภาษา เนนการใชภาษาไทยไดอยางถูกตอง (๕) ความรู และทักษะในการประกอบอาชีพและการดํารงชีวิตอยางมีความสุข มาตราที่ ๒๔ การจัดการกระบวนการเรียนรู ใหสถานศึกษาและหนวยงานที่เกี่ยวของ ดําเนินการตอไปนี้ (๑) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมใหสอดคลองกับความสนใจและความถนัดของผูเรียนโดย คํานึงถึงความแตกตางระหวางบุคคล (๒) ฝกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณและการประยุกตความรูมา ใชเพื่อปองกันและแกไขปญหา
20.
20 (๓) จัดกิจกรรมใหผูเรียนไดเรียนรูจากประสบการณจริง ฝกการปฏิบัติใหทําได
คิดเปน ทํา เปน รักการอานและเกิดการใฝรูอยางตอเนื่อง (๔) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรูดานตาง ๆ อยางไดสัดสวน สมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝงคุณธรรมคานิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงคไวในทุกวิชา (๕) สงเสริมสนับสนุนใหผูสอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดลอม สื่อการเรียนและ อํานวยความสะดวกเพื่อใหผูเรียนเกิดการเรียนรูและมีความรอบรู รวมทั้งสามารถใชการวิจัยเปน สวนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู ทั้งนี้ ผูสอนและผูเรียนอาจเรียนรูไปพรอมกันจากสื่อการเรียนการ สอนและแหลงวิทยาการประเภทตาง ๆ (๖) จัดการเรียนรูใหเกิดขึ้นไดทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความรวมมือกับบิดก มารดา ผูปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝาย เพื่อรวมกันพัฒนาผูเรียนตามศักยภาพ 5. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๔๔ สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต1.1 เขาใจกระบวนการอานและการฟง สามารถตีความเรื่องที่ฟงและอาน จากสื่อประเภทตาง ๆ และนํามาใชอยางมีวิจารณญาณ มาตรฐาน ต1.2 มีทักษะในการสื่อสารทางภาษา แลกเปลี่ยนขอมูล ขาวสารและแสดง ความรูสึกโดยใชเทคโนโลยีและการจัดการที่เหมาะสมเพื่อการเรียนรู ตลอดชีวิต มาตรฐาน ต1.3 เขาใจกระบวนการพูด การเขียน และสื่อสาร ขอมูล ความคิดเห็นและ ความคิดรวบยอดไดอยางสรางสรรค มีประสิทธิภาพ และมีสุนทรียภาพ สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต2.1 เขาใจความสัมพันธระหวางภาษาวัฒนธรรมของเจาของภาษาและ ปฏิบัติตนไดอยางเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต2.2 เขาใจความเหมือนและความแตกตางระหวางภาษา และวัฒนธรรมของ เจาของภาษาที่เรียนกับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนํามาใชไดดวยเจต คติที่ดี 6. งานวิจัยที่เกี่ยวของ แนงนอย เพียรสุขสวัสดิ์ (2525 : 43) ไดเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การสะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่5 ในโรงเรียนวัดบางขุนนนท และโรงเรียนบางเสาธง กรุงเทพมหานคร ระหวางการสอนแบบใชเกมและการสอนแบบธรรมดา กลุมตัวอยางแบงออกเปน
21.
21 กลุมทดลองและกลุมควบคุมกลุมละ 30 คน
ผลการวิจัยปรากฏวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความคงทนในการจําการสะกดคําภาษาไทยของกลุมที่ไดรับการสอนแบบใชเกม และกลุมที่สอน แบบธรรมดาแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยกลุมที่รับการสอนแบบใชเกมมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจําการสะกดคําภาษาไทยสูงกวานักเรียนที่ไดรับการ สอนแบบธรรมดา ____________ . ไดศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธการเขียนสะกดคําที่ไดรับการสอนโดยใช เกมปกติกับเกมคอมพิวเตอร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนคํามวงจรัสวิทย อําเภอคํา มวง จังหวัดกาฬสินธุ โดยกลุมตัวอยางคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนคํามวงจรัสวิทย สังกัดสํานักงานการประถมศึกษาอําเภอคํามวง จังหวัดกาฬสินธุ จํานวน 40 คน โดยการสุมอยาง งาย ผลการวิจัยปรากฏวา 1. นักเรียนที่ไรับการสอนโดยใชเกมปกติกับนักเรียนที่ไดรับการสอนโดยใชเกมคอมพิวเตอร มีคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นหลังการทดลอง และพบวาคาเฉลี่ยของนักเรียนกลุมที่ไดรับการสอนโดยใชเกม ปกติสูงกวานักเรียนกลุมที่ไดรับการสอนโดยใชเกมคอมพิวเตอร 2. นักเรียนที่ไดรับการสอนโดยใชเกมปกติกับนักเรียนที่ไดรับการสอนโดยใชเกมคอมพิวเตอร หลังการทดลอง มีผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคําภาษาไทยไมแตกตางกัน 3.ผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคําภาษาไทยระหวางเพศชายกับเพศหญิงไดรับการสอนโดยเกม ปกติไมแตกตางกัน 4.ผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคําภาษาไทย ระหวางเพศชายและเพศหญิงที่ไดรับการสอนโดยใช เกมคอมพิวเตอรแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
22.
22 บทที่ 3 วิธีดําเนินการวิจัย การศึกษาคนควาครั้งนี้มีวิธีการดําเนินการศึกษาคนควาดังรายละเอียดตามลําดับตอไปนี้ 1. ประชากรและกลุมตัวอยาง 2.
เครื่องมือที่ใชในการวิจัย 3. การสรางเครื่องมือที่ใชในการวิจัย 4. วิธีการดําเนินการวิจัย 5. สถิติที่ใชการวิเคราะหขอมูล ประชากรที่ใชในการวิจัย ประชากรและกลุมตัวอยาง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2 / 4 โรงเรียนเซนตหลุยส ฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2553 จํานวน 38 คน ไดมาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง (Purposive ) เครื่องมือที่ใชในการวิจัย 1. แบบฝกทักษะการเขียนสะกดคําภาษาไทย จํานวน 5 ชุด 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคําภาษาไทยกอนและหลังการ ใชแบบฝก (Pretest - Posttest) วิธีการสรางเครื่องมือที่ใชในการวิจัย 1. ศึกษาหลักสูตรและผลการเรียนรูที่คาดหวังของวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปที่1 2. ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีการสอนภาษาไทย และการสรางแบบฝก 3. จัดทําแบบฝกทักษะการเขียนสะกดคําภาษาไทย และแบบวัดผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกด คําภาษาไทย ใหสอดคลองกับเนื้อหาในบทเรียน ใหผูเชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกตองดานเนื้อหา ของแผนการสอน และแบบวัดผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคําภาษาไทย
23.
23 วิธีการดําเนินการวิจัย 1. ทดสอบกอนเรียน 2. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนดวยการใชแบบฝกทักษะการเขียนสะกดคําภาษาไทย 3.
ทดสอบหลังเรียน สถิติที่ใชในการวิเคราะหขอมูล 1. สถิติพื้นฐาน 1.1 คาเฉลี่ย (X) ใชสูตร (ชูศรี วงศรัตนะ, 2541 : 36) เมื่อ X แทน ตัวกลางเลขคณิตหรือคาเฉลี่ย X แทน ผลรวมทั้งหมดของขอมูล N แทน จํานวนขอมูลทั้งหมด 1.2 คาความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation ) ใชสูตร (ลวน สายยศ และอังคณา สายยศ. 2536 : 64) เมื่อ SD แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ผลรวมของคะแนน X2 แทน ผลรวมของคะแนนแตละตัวยกกําลังสอง n แทน จํานวนกลุมตัวอยาง 1nn XXn SD 22 N X X
24.
24 2. สถิติที่ใชในการทดสอบสมมติฐาน 2.1 เปรียบเทียบความแตกตางกอนและหลังไดรับการสอนโดยใชแบบฝกทักษะการเขียน สะกดคําภาษาไทย
โดยการหาคา t – test Dependent (ชูศรี วงศรัตนะ. 2537 : 201) เมื่อ t แทน คาสถิติที่ใชพิจารณาใน t – distribution n แทน จํานวนคูของขอมูล D แทน ผลตางของคะแนนแตละคู 1-n DDN D t 22
25.
25 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหขอมูล สัญลักษณที่ใชในการ วิเคราะหและแปลผลขอมูล N
แทน จํานวนนักเรียนในกลุมตัวอยาง X แทน คะแนนเฉลี่ย SD แทน สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Max แทน คะแนนสูงสุด Min แทน คะแนนต่ําสุด t แทน คาสถิติที่ใชพิจารณา t- test for Dependent Samples * แทน มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ** แทน มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ตารางที่ 1 คาสถิติพื้นฐานคะแนนผลสัมฤทธิ์การอานและเขียนสะกดคําภาษาไทยโดยใชแบบฝก ทักษะการอานและเขียนสะกดคําภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/4 จํานวน 38 คน ( N=38) แบบทดสอบ การทดสอบ คะแนนเต็ม Min Max X SD แบบทดสอบการอาน และเขียนสะกดคํา ภาษาไทย กอนเรียน 10 1 5 3.00 0.97 หลังเรียน 10 7 10 8.11 0.98 จากตารางที่ 1 เมื่อพิจารณาจากการทดสอบกอนเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/4 พบวาคะแนนเฉลี่ยกอนเรียนมีคาเทากับ 3.00 สวนการทดสอบหลังเรียนพบวามีคะแนนเทากับ 8.11 ซึ่งจะเห็นไดวานักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังการใชแบบฝกทักษะการการอาน และเขียนสะกดคําภาษาไทย สูงกวาคะแนนจากการทดสอบกอนเรียน
Download now