พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ

พระยาช้างเผือกประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วารสาร	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

ชมรมครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ISSN 1905-758X
TSMT Journal สนับสนุนโดย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
2

วารสาร สควค.	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

16 ม.ค. 2553 :: ครู สควค.ร่วมงานวันครู ณ หน่วยงานราชการ 5 ก.พ. 2553 :: นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผอ.สสวท. เป็นประธาน
ในสังกัดทั่วประเทศ (น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที) ในพิธีเปิดการประชุมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย กทม.

ครูปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก สควค. รุนที่ 7 และครูไพศาล วงศ์กระโซ่ สควค. รุนที่ 11 ชนะเลิศและรับรางวัล INNOVATIVE TEACHER
่
่
2010 เป็นตัวแทนครูไทยไปเสนองานที่ประเทศสิงคโปร์ สนับสนุนโดย บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำ�กัด

9-11 มี.ค. 2553 :: สุดยอดครูไทย หัวใจไอที (INNOVATIVE TEACHER 2010) จำ�นวน 10 คน ตัวแทนประเทศไทยนำ�เสนอผลงาน
ไอที ที่สิงคโปร์ ครูปรียาภรณ์ เสนอผลงาน “สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย”และครูไพศาล เสนอผลงาน “การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ”

11-13 ม.ค. 2553 :: ครู สควค. นำ�นักเรียนร่วมเข้าค่ายกล้วย...กล้วย 17 ก.ค. 2553 :: ชมรมครู สควค. ร่วมต้อนรับคณะนักศึกษา
มหัศจรรย์พันธุ์ไม้แห่งมนุษยชาติ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
นานาชาติที่ศึกษาที่ ม.ขอนแก่น ณ หมู่บ้านช้าง จังหวัดสุรินทร์
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

วารสาร สควค.

3

สารบัญ
หน้า
4

บทบรรณาธิการ

ครูศักดิ์อนันต์ อนันตสุข
E-mail :: anantasook@gmail.com

	
สวัสดีครับ พีนองเพือนสมาชิกชมรมครู สควค. และ
่ ้ ่
ท่านผู้อ่าน “วารสาร สควค.” ทุกท่าน
	
ขอแสดงความชื่ น ชมยิ น ดี กั บ ครู สุ พ รรณวดี
เพชรเรียง (รุ่น9) ครูปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก (รุ่น 7) และครู
ไพศาล วงศ์กระโซ่ (รุ่น 11) ที่ได้รับรางวัลต่างๆ ซึ่งแสดง
ให้เห็นว่า ครู สควค. ของเรา เป็นครูทมคณภาพ เป็นครูผสร้าง
ี่ ี ุ
ู้
สังคมแห่งการเรียนรูอย่างแท้จริงและได้ท�ให้เราได้เรียนรูวา
้
ำ
้่
ความสำ�เร็จเหล่านั้น เกิดจากความตั้งใจดีและความมุ่งมั่น
ในการพัฒนานักเรียนจนประสบความสำ�เร็จ และความสำ�เร็จ
ของนักเรียนก็จะส่งผลให้ครูได้รับความสำ�เร็จและมีความ
ก้าวหน้าทางวิชาชีพต่อไป
	
ผมมีความมันใจว่า เราสามารถนำ�สิงทีอยูรอบตัวเรา
่
่ ่ ่
ภูมิปัญญาของบรรพชนเรา รวมถึงประเด็นทางวิทยาศาสตร์
ที่ เ กิ ด ขึ้ น จริ ง ในสั ง คม มาใช้ เ ป็ น ประเด็ น หลั ก หรื อ เป็ น
ตัวจุดประกายความสนใจให้เกิดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
คณิ ต ศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ไ ด้ อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ ผล
งานของครู สควค. ในวารสารฉบับนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
ซึ่งผู้สนใจสามารถนำ�ไปเป็นแนวทางปฏิบัติได้จริง
	
ชมรมครู สควค. ขอเป็นกำ�ลังใจให้กับครู สควค.
ทุกคนในการปฏิบัติงาน กองบรรณาธิการ เปิดรับบทความ
จากทุกท่าน หากมีขอเสนอแนะประการใด ทีมงานขอน้อมรับ
้
ด้วยความยินดี

-	 พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือก	
	 ประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
-	 วันสำ�คัญ บันทึกไทย : 13 มีนาคม วันช้างไทย 	 5
-	 การนำ�เทคโนโลยี Web 2.0 ไปประยุกต์ใช้ 	
6
	 กับการเรียนการสอนรูปแบบซิปปา เพื่อพัฒนา
	 ทักษะการคิดสร้างสรรค์
-	 นวัตกรรมการเรียนรู้ : สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย 	8
-	 นวัตกรรมการเรียนรู้ : การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ 	 10
-	 ครู สควค.รักครอบครัว สูตรเติมรัก ทำ�ชีวิตให้มีสุข 	12
-	 เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม 	
14
	 จากแหล่งเรียนรู้วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน
-	 พระบรมราโชวาท / กิจกรรมพัฒนาเครือข่าย	 16
	 และวิชาชีพครู สควค. ระดับ ป.โท ม.ขอนแก่น

วัตถุประสงค์
	
1. 	เพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชมรมครูที่มีความ
สามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
	 2. 	เพื่ อ เป็ น เวที ใ นการแลกเปลี่ ย นความรู้
ทางวิชาการ ประสบการณ์การสอน การวิจัยในชั้นเรียน
ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อพัฒนาการสอนของครูและการเรียนรู้ของผู้เรียน
	
3. 	เพือเผยแพร่ความรูทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
่
้
และเทคโนโลยี ให้กว้างขวางและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

บรรพชนคนสุรินทร์ จับพระยาช้างเผือกถวายพระเจ้าแผ่นดิน

ขอเชิญเที่ยวงานช้างสุรินทร์ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

ราว พ.ศ. 2302 (หรือ 2303 - 2304) พระยาช้างเผือกของพระที่นั่งสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์)
ได้แตกโรงหนีจากกรุงศรีอยุธยามาทางทิศตะวันออกทรงโปรดเกล้าฯ ให้ สองพี่น้อง คุมไพร่พล
30 นายออกติดตามเอาพระยาช้างเผือกคืน จนถึงชาวส่วยแทรกโพนช้างบ้านกุดหวาย ครั้งนั้น
หัวหน้าชาวส่วย (เชียงสี เชียงปุม เชียงฆะ เชียงขัน เชียงสง เชียงไชย) ได้ช่วยกันจับเอาพระยา
ช้างเผือกถวายคืนกรุงศรีอยุธยา และได้รับปูนบำ�เหน็จความดีความชอบเป็นเจ้าเมืองปกครองคน
ในชุมชนของตน (จากหนังสือประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดสุรินทร์)

ขอเชิญครูทุน สควค. ในภูมิภาคต่างๆ ส่งภาพข่าวที่เกี่ยวกับผลงานเด่นของตนเอง รวมถึงงานเขียน บทความเกี่ยวกับ
การพัฒนาการเรียนการสอน ประสบการณ์การวิจย เพือเผยแพร่ ในวารสาร สควค. หรือเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.krusmart.com
ั ่
บทความในวารสาร สควค. เป็นความคิดเห็นและทัศนะของผู้เขียน ชมรมครู สควค. ไม่จำ�เป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป
4

วารสาร สควค.	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

เรื่องจากปก

พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ
พระยาช้างเผือกประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยวิกิพีเดียพจนานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org เรียบเรียงโดย ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข

	
มีความเชื่อแต่โบราณว่า “ช้างเผือก เป็นหนึ่งในแก้ว
เจ็ดประการของกษัตริย์ ที่จะเป็นพระจักรพรรดิ ผู้มีพระราช
อำ�นาจแผ่ไปไพศาล ยิ่งกว่าพระราชาทั้งปวง”
	
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นพระยาช้างเผือก
ประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดช
ิ
เป็นช้างสำ�คัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำ�พวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท
สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดง ได้รับพระราชทานนาม
เต็มว่า
	
“พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนามนาคบารมี
	
	
	

ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกทลาสนวิศุทธวงศ์
สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาต สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์
รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้าฯ”

	
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นช้างพลายเผือกโท
เกิ ด ในป่ า เขตจั ง หวั ด กระบี่ เมื่ อ ประมาณ พ.ศ. 2494
ถูกคล้องได้ที่ บ้านหนองจูด ตำ�บลดินอุดม อำ�เภอลำ�ทับ
จังหวัดกระบี่ เมื่อ พ.ศ. 2499 โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่องและ
นายปลื้มสุทธิเกิด (หมอเฒ่า) เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลง
ช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆ อีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง
พังเพียร พังวิไล และพังน้อย โดยในตอนนันพระเศวตอดุลยเดช
้
พาหนฯ ได้ชื่อว่า “พลายแก้ว” มีความสูง 1.60 เมตร เมื่อ
พระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ) ได้ตรวจสอบคชลักษณ์แล้ว
พบว่าเป็นช้างสำ�คัญ จึงนำ�มาเลียงไว้ทสวนสัตว์ดสต เมือเดือน
้
ี่
ุิ ่
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500
	
พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การ
สวนสั ต ว์ แ ห่ ง ประเทศไทยได้ นำ � ช้ า งพลายแก้ ว ขึ้ น ทู ล เกล้ า
ทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่

10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็น
ช้างต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
่ ั
โปรดกระหม่ อ ม ให้ กำ � หนดพระราชพิ ธี ส มโภชขึ้ น ระวาง
ช้ า งเผื อ กประจำ � รั ช กาล ณ โรงช้ า งต้ น พระราชวั ง ดุ สิ ต
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เป็นปีที่ 13 ในรัชกาล
ปัจจุบน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึนโดยการดูแลของ
ั
้
องค์การสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์ดุสิต และมีอาการดุร้ายมากขึ้น
จนควาญช้างควบคุมไม่ได้ และเป็นที่เกรงกลัวของบุคคล
ทั่วไป จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
มีพระราชเสาวณีย์ โปรดเกล้าฯ ให้น�พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ
ำ
เข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน
เมื่อ พ.ศ. 2519 หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้บันทึกไว้ว่า
	
“ในขณะที่นำ�คุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวน
จิ ต รลดา ซึ่ ง เพี ย งแต่ มี ถ นนคั่ น อยู่ ส ายเดี ย วนั้ น คุ ณ พระ
ก็ อ าละวาดอย่ า งหนั ก ไม่ ย อมออกเดิ น เอางวงยึ ด ต้ น ไม้
จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่...กว่าจะนำ�
คุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกัน
แค่ นั้ น ก็ กิ น เวลาหลายชั่ ว โมง ต้ อ งใช้ ค นเป็ น จำ � นวนมาก
ถือปลายเชือกที่ผูกไว้กับขาคุณพระทั้งสี่ขา คอยลากคอยดึง
และดู เ หมื อ นจะต้ อ งใช้ ร ถแทรกเตอร์ เข้ า ช่ ว ยขนาบข้ า ง
เสี่ยงอันตรายกันมากอยู่ แต่ในที่สุดก็นำ�คุณพระไปยังประตู
พระราชวังได้...พอได้ ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง
คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความ
สงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่
อย่างสงบเรื่อยมา”
	
ปัจจุบัน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง
ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำ�เภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรขนธ์
ีั
โดยเคลื่ อ นย้ า ยคุ ณ พระเศวตอดุ ล ยเดชพาหนฯ เมื่ อ วั น ที่
17-18 มีนาคม พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำ�เนินทรงประกอบพระราชพิธสมโภชโรงช้างต้น
ี
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2547
	
และเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงครองสิรราชสมบัตครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ทรงมีกระแส
ิ
ิ
พระราชดำ�รัสให้จัดสร้าง คชาภรณ์ หรือเครื่องทรงช้างต้น
ชุดใหม่ พระราชทานแก่พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ อีกด้วย
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

วารสาร สควค.

วันสำ�คัญ บันทึกไทย

5

13 มีนาคม วันช้างไทย
ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข สควค.รุ่น 6 ครู คศ.1 ร.ร.นารายณ์คำ�ผงวิทยา จ.สุรินทร์

	
คณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย
ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชน
ทีท�งานเกียวกับการอนุรกษ์ชางไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์
่ ำ
่
ั ้
ของชาติ สำ�นักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม
ซึ่ ง เป็ น วั น ที่ ค ณะกรรมการคั ด เลื อ กสั ต ว์ ป ระจำ � ชาติ มี ม ติ
ให้ช้างเผือกเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความ
เหมาะสมทีจะกำ�หนดให้เป็นวันช้างไทย จึงได้น�เสนอมติเข้าสู่
่
ำ
คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ วันที่
26 พฤษภาคม 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปี
เป็นวันช้างไทย และได้ประกาศสำ�นักนายกรัฐมนตรีลงใน
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 ทั้งนี้
เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำ�คัญ และการดำ�รงอยู่
ของช้างไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ให้ความ
ช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น
	
ผลจากการที่ ป ระเทศไทยมี วั น ช้ า งไทยเกิ ด ขึ้ น
นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำ�คัญอีกครั้ง
นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับ อาทิเช่น
	
- 	เป็นสัตว์คู่บารมีขององค์พระมหากษัตริย์ ช้างเผือก
ได้รับการยกย่องเสมือนเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า
	
- 	สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภาลั ย
รัชกาลที่ 2 สยามประเทศใช้ธงชาติเป็นรูปช้างเผือก
	
- 	สมัยพระนเรศวรมหาราช ทรงชนะการทำ�ยุทธหัตถี
กับพระมหาอุปราชา แห่งหงสาวดี โดยช้างทรงในสมเด็จ
พระนเรศวรนับว่าเป็นช้างไทยที่ได้รับเกียรติอันสูงสุด ได้รับ
พระราชทานยศให้เป็นถึง “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี”
	
- 	ช้างคือพาหนะสำ�คัญที่อัญเชิญพระพุทธมณีรัตน
ปฏิมากร (พระแก้วมรกต) มาสถิตย์ ณ วัดพระศรีรตนศาสดาราม
ั
	
-	 งานพระราชพิ ธี ต่ า งๆ อาทิ พระราชพิ ธี เ ฉลิ ม
พระชนมพรรษา งานพระราชพิ ธี ฉั ต รมงคลหรื อ งาน
พระราชทานงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชอาคันตุกะ
หรื อ ประมุ ข ของต่ า งประเทศที่ พ ระที่ นั่ ง จั ก รี ม หาปราสาท
จะต้องนำ�ช้างเผือกแต่งเครื่องคชาภรณ์ไปยืนที่แท่นเกยช้าง
ด้านตะวันตกของพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ในพระบรมมหาราชวัง
เพื่อประกอบพระเกียรติยศ
	
-	 ใช้ในการคมนาคมและการทำ�อุตสาหกรรมป่าไม้ในอดีต

	
ศู น ย์ ก ารเรี ย นรู้ วิ ท ยาศาสตร์ คณิ ต ศาสตร์ แ ละ
เทคโนโลยี โดยทุนสนับสนุนจากสำ�นักงานเลขาธิการคุรุสภา
ได้กำ�หนดจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ สร้างชุดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ท้องถิ่น เรื่อง สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ เมื่อวันที่ 8
ตุลาคม 2552 และคณะทำ�งานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล ณ ศูนย์
คชศึกษา บ้านตากลางและวัดป่าอาเจียง เมื่อวันที่ 4 มกราคม
2553 และได้ดำ�เนินการจัดทำ�ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ท้องถิ่น เรื่อง “สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่” สำ �หรับการเรียนรู้
ด้วยตนเอง ประกอบด้วย 7 บทเรียน จำ�นวน 32 หน้า ดังนี้
	
- บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับหมู่บ้านช้าง
	
- บทที่ 2 ธรรมชาติและเผ่าพันธุ์ของช้าง
	
- บทที่ 3 อาหาร และยาสมุนไพรของช้าง
	
- บทที่ 4 พิธีกรรมและความเชื่อเกี่ยวกับช้าง
	
- บทที่ 5 ประเพณีและความผูกพันของคนกับช้าง
	
- บทที่ 6 ภูมิปัญญาในการเลี้ยงชาวของชาวกูย
	
- บทที่ 7 การอนุรักษ์ช้างสุรินทร์
	
สุรินทร์มีแหล่งท่องเที่ยวสำ�คัญที่เกี่ยวกับช้าง คือ
หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง บ้านกระโพและบ้านศาลา ตำ�บล
กระโพ อำ�เภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในหมู่บ้านช้างมีชาว
ไทยกูย (กวย) หรือส่วย เลี้ยงช้างเป็นเพื่อน เหมือนญาติ
พี่น้องในครอบครัว ชาวไทยกูยสืบทอดวัฒนธรรมการจับฝึก
และบังคับช้างจากบรรพบุรุษตามตำ�นานคชศาสตร์ท้องถิ่น
ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรียนรู้จากการถ่ายทอด
จดจำ�กันมา การดำ�เนินการครังนี้ จึงนับได้วามีสวนช่วยสืบสาน
้
่ ่
ภูมิปัญญาของบรรพชน คนเลี้ยงช้าง จังหวัดสุรินทร์ ผู้สนใจ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.anantasook.com
6

วารสาร สควค.	

ผลงานวิจัยครู สควค.

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

การนำ�เทคโนโลยี Web 2.0 ไปประยุกต์ใช้
กับการเรียนการสอนรูปแบบซิปปา เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์
เจนจิรา แสนไชย สควค. รุ่น 6 ครู คศ.1 ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 27 จ.หนองคาย

ที่มาและความสำ�คัญ
	
จากการจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นการสอน วิ ช า
คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ ของนักเรียนชั้น ม.5/3 โรงเรียน
ราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย พบว่า นักเรียน
ยังขาดทักษะกระบวนการคิด การคิดอย่างสร้างสรรค์ และขาด
ทักษะกระบวนการกลุ่ม ขาดความกระตือรือร้นในการเรียน
ซึ่งส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตํ่า
	
ผู้วิจัยจึงเห็นว่าจะต้องมีการพัฒนารูปแบบการสอน
ที่เ น้น ผู้ เรี ย นเป็ น สำ � คั ญเพื่อให้นัก เรียนได้สร้างองค์ค วามรู้
ที่คงทนด้วยตนเอง จึงสนใจที่จะพัฒนากิจกรรมการเรียน
การสอน โดยนำ�เทคโนโลยี web 2.0 ไปประยุกต์ใช้กบการเรียน
ั
การสอนรูปแบบซิปปา ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียน
เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย สามารถสร้างและค้นพบความ
รู้ ด้ ว ยตนเอง ส่ ง เสริ ม การมี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ ผู้ อื่ น ได้ พั ฒ นา
ทักษะกระบวนการกลุ่ม มีการจัดทำ�และบันทึกข้อมูลความรู้
ผ่านเว็บไซต์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลที่สนใจร่วมกัน
โดยการสอบถามและเพิ่มเติมความรู้ใหม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 66
ที่ ผู้ เรี ย นมี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ การพั ฒ นาขี ด ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีเพือการศึกษา ในโอกาสแรกทีท�ได้ เพือให้มความรู้
่
่ ำ
่ ี
และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการ
แสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
	
การสอนด้วยรูปแบบซิปปา (CIPPA MODEL) ของ
ทิศนา แขมมณี ที่นำ�มาประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนครั้งนี้ มีขั้นตอนดังนี้
	
1.	 ขั้นทบทวนความรู้เดิม เป็นการดึงความรู้ของ
ผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้
เดิมของตน
	
2. 	ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ เป็นการแสวงหาข้อมูล
ความรู้ใหม่ที่ผู้เรียนยังไม่มีจากแหล่งข้อมูลหรือแหล่งความรู้
ต่ า งๆ ซึ่ ง ครู อ าจเตรี ย มมาให้ ห รื อ ให้ คำ � แนะนำ � เกี่ ย วกั บ
แหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนไปแสวงหาก็ได้

	
3.	 ขั้ น การศึ ก ษาทำ � ความเข้ า ใจความรู้ ใ หม่ และ
เชื่อมโยงกับความรู้เดิม ผู้เรียนต้องสร้างความหมายของข้อมูล
ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยใช้กระบวนการต่างๆ ด้วยตนเอง
เช่น ใช้กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่มในการอภิปราย
และสรุ ป ผลความเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ ข้ อ มู ล นั้ น ซึ่ ง ต้ อ งอาศั ย
การเชื่อมโยงความรู้เดิม มีการตรวจสอบความเข้าใจต่อตนเอง
หรือกลุ่ม โดยครูใช้สื่อและยํ้ามโนมติในการเรียนรู้
	
4. 	ขั้ น การแลกเปลี่ ย นความรู้ ค วามเข้ า ใจกั บ กลุ่ ม
เป็นขั้นที่ผู้เรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือ ในการตรวจสอบ
ความรู้ความเข้าใจของตนเอง ขยายความรู้ความเข้าใจของตน
ให้กว้างขึ้น
	
5. 	ขั้นการสรุปและจัดระเบียบความรู้ จัดสิ่งที่เรียนรู้
ให้เป็นระบบระเบียบ เพื่อช่วยให้จดจำ�สิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย
	
6. 	ขั้ น การแสดงผลงาน เป็ น ขั้ น ที่ ช่ ว ยให้ ผู้ เรี ย น
ได้มีโอกาสได้แสดงผลงานการสร้างความรู้ของตนเองให้ผู้อื่น
รับรู้ ช่วยให้ผู้เรียนตอกยํ้า หรือตรวจสอบ เพื่อช่วยให้จดจำ�
สิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย
	
7. 	ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้ฝึกฝนการนำ�ความรู้ ความเข้าใจของตนเองไปใช้ในสถานการณ์
ต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความชำ�นาญ ความเข้าใจ
วัตถุประสงค์การวิจัย
	
1. 	เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ
ซิปปาที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี web 2.0 ให้มีประสิทธิภาพ
80/80
	
2. 	เพิมค่าเฉลียคะแนนผลสัมฤทธิทางการเรียนให้สง
่
่
์
ู
กว่าร้อยละ 80
	
3. 	เพือเพิมค่าเฉลียคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์
่ ่
่
ให้สูงกว่าระดับดีขึ้นไป
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
	
ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
ราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ในภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2553
	
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ที่เรียน
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำ�นวน 13 คน ซึ่งได้จาก
การสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

วารสาร สควค.

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
	
1.	 รูปแบบการเรียนการสอน เป็นการประยุกต์การสอน
รูปแบบซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษา
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์และสร้างต้นแบบ
รู ป แบบการเรี ย นการสอนและผ่ า นการตรวจสอบจาก
ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน
	
2. 	แผนการจัดการเรียนรูทประยุกต์การสอนรูปแบบ
้ ี่
ซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 เรื่องการใช้งานโปรแกรม
Flash จำ�นวน 12 ชั่วโมง
	
3. 	แบบทดสอบเพื่อใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง การใช้งานโปรแกรม Flash จำ�นวน 40 ข้อ 40 คะแนน
	
4. 	แบบประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์การสร้าง
ชิ้นงาน
	
5. 	แบบสอบถามความพึ ง พอใจของนั ก เรี ย นต่ อ
รูปแบบการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ โดยประยุกต์การสอน
รูปแบบซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0
การดำ�เนินการวิจัย
	
1. 	สอนตามรูปแบบ การประยุกต์การสอนรูปแบบ
ซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 กับนักเรียนชั้น ม. 5/3
ในระหว่างเรียนให้นกเรียนทำ�ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิทางการเรียน
ั
์
และสร้างชิ้นงาน จากนั้นนำ�ชิ้นงานไปนำ�เสนอผ่านเทคโนโลยี
web 2.0 แล้วให้รุ่นน้อง เพื่อนๆ และครู ร่วมกันให้คะแนน
ความคิดสร้างสรรค์ผ่าน web 2.0 นำ�คะแนนที่ได้จากการ
ทดสอบและคะแนนจากการประเมิ น ความคิ ด สร้ า งสรรค์
ของชิ้นงานไปหาค่า E1
	
2. 	นักเรียนทำ�ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
จากนั้นนำ�คะแนนที่ได้จากการทดสอบและคะแนนจากการ
ประเมินความคิดสร้างสรรค์ของชิ้นงานชิ้นสุดท้าย จากการให้
คะแนนของครูและเพื่อนๆ ผ่าน web 2.0 ไปหาค่า E2
	
3. 	น�คะแนนมาวิเคราะห์หาค่า E1/E2 ตรวจสอบว่า
ำ
มีประสิทธิภาพมากกว่า 80/80 หรือไม่
	
4. 	สอบถามความพึงพอใจ
	
5. 	วิเคราะห์หาร้อยละของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ค่าเฉลียคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์ และวิเคราะห์ระดับ
่
ความพึงพอใจด้วยสถิติพรรณนา ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบน
มาตรฐาน

7

ผลการศึกษา
	
ได้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
82.42/82.51, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ
81.25, ค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์ อยู่ใน
ระดับดีขึ้นไป, นักเรียนพึงพอใจต่อรูปแบบในระดับมากที่สุด
(ค่าเฉลี่ย 4.62 ส่วนเบี่ยงเบน 0.28) นอกจากนี้ ยังพบว่า
นักเรียนมีความกระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนมากขึน
้
ข้อเสนอแนะ
	
1. 	ขณะจั ด การเรี ย นรู้ ผู้ ส อนควรเพิ่ ม เติ ม เนื้ อ หา
ในบทเรียนให้มาก เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เพียงพอและจำ�เป็น
สำ�หรับการสืบค้นความรู้เพิ่มเติม
	
2. 	ในการจัดการเรียนรู้ นักเรียนและครูควรมีการ
บันทึกอนุทินทุกครั้ง เพื่อเป็นร่องรอยหลักฐานในการทำ�งาน
และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดการเรียนการสอน

ตัวอย่างผลงานของนักเรียนในบล็อก (เทคโนโลยีเว็บ 2.0)

ตัวอย่างผลงานการใช้ Social Media ในการจัดการเรียนรู้

14 มีนาคม วันคณิตศาสตร์โลก

	
นักคณิตศาสตร์ได้ตกลงกันให้วันที่ 14 เดือน 3 ของทุกปี เป็นวันคณิตศาสตร์โลก (World Math Day) เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่มีการ
ค้นพบค่าของ (Pi) ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจหรือความบังเอิญที่ pi มีค่าเท่ากับ 3.14 (วันที่ 14 เดือน 3) บางครั้งเราเรียกวันนี้ว่า “Pi Day”
และวันนี้ตรงกับวันเกิดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein : ค.ศ. 1879-1955) ด้วย
	
เป็นจำ�นวนอตรรกยะ ที่เขียนเป็นทศนิยมจะเป็นทศนิยมแบบไม่รู้จบที่ไม่ซํ้า แต่กำ�หนดใช้ค่าเท่ากับ 3.14 (หรือ 22/7)
	
pi=3.14159265358979323846264338327950284197169…ผู้สนใจเกี่ยวกับค่า pi คลิกเข้าไปดูที่ www.piday.org เป็นเว็บไซต์
ที่สร้างขึ้นมาเพื่อค่า pi โดยเฉพาะ จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย...น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงเปิดเรียนปกติ เพราะจะได้ถือเป็นโอกาส
ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้สำ�หรับนักเรียนได้ แต่ครูคณิตศาสตร์ก็อาจใช้วันที่ 22 เดือน 7 แทนได้
8

วารสาร สควค.	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

นวัตกรรมการเรียนรู้

สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย
ปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก สควค. รุ่น 7 ครู คศ.1 ร.ร.บ้านสันป่าสัก จ.เชียงใหม่

	
นวัตกรรมการเรียนรู้ของครู สควค. ฉบับนี้ เรามีต้นแบบผลงานด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาของ สควค. 2 คน คือ นางสาว
ปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก และนายไพศาล วงศ์กระโซ่ มานำ�เสนอต่อทุกท่าน ซึงนวัตกรรม 2 รายการ ได้รบรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ
่
ั
จากโครงการ “Thailand Innovative Teachers Leadership Awards 2010” ที่จัดโดยบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)
จำ�กัด ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และเป็น 2 ใน 10 ตัวแทนประเทศไทย เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมและนำ�เสนอผลงาน
เข้าประกวดระดับภูมภาคเอเชีย-แปซิฟก ในงาน “6th Asia Pacific Regional Innovative Education Forum 2010” ณ ประเทศ
ิ
ิ
สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งมีครูในเอเชีย-แปซิฟิกจาก 15 ประเทศได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมงานรวม
จำ�นวนกว่า 200 คน อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังกลาเทศ
บรูไน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไทย กองบรรณาธิการขอร่วมแสดงความชื่นชมยินดีในความสามารถ และขอแบ่งปันประสบการณ์
ของความสำ�เร็จแก่เพื่อนร่วมวิชาชีพทุกคน
	
เมื่อปี พ.ศ. 2549 อำ�เภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็น
สถานที่ในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ
ราชพฤกษ์ 2549 ซึ่งมีการจัดแสดงพันธุ์ไม้นานาชนิด หลังจาก
มหกรรมพืชสวนโลกจัดแสดงประมาณ 1 เดือน สพท. เชียงใหม่
เขต 4 มีแนวคิดที่จะเก็บองค์ความรู้ไว้เพื่อให้เป็นประโยชน์
ในการศึ ก ษาของนั ก เรี ย น จึ ง ได้ ใ ห้ ง บประมาณส่ ว นหนึ่ ง
แก่โรงเรียนนำ�นักเรียนเข้าไปทัศนศึกษา เก็บข้อมูล สร้างองค์
ความรู้ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำ�เสนอองค์ความรู้เหล่านั้น
โดยโรงเรี ย นบ้ า นสั น ป่ า สั ก ได้ รั บ มอบหมายให้ เข้ า ไปเก็ บ
รวบรวมองค์ความรู้ที่สวนสมุนไพร
	
นายพิกด ขัตพนธุ์ ผูอ�นวยการโรงเรียนบ้านสันป่าสัก
ั ิ ั ้ำ
จึ ง ได้ ป ระชุ ม ครู ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยนางวั ล ลภา พรมท้ า ว
ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ และนางสาวปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก
ครูผู้สอนเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ร่วมกันวางแผนในการจัด
แผนการเรียนรู้ วิธีการรวบรวมองค์ความรู้และเทคโนโลยี
สำ�หรับการเผยแพร่องค์ความรู้ โดยครูผู้สอนวิทยาศาสตร์
จะเน้นให้นักเรียนได้รับความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร ส่วนครู
ผู้ส อนเทคโนโลยี จะเน้นให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการ
แก้ปญหาโดยใช้สารสนเทศ (Information problem-solving)
ั
จากนั้นจึงนำ�นักเรียนชั้น ม.1-3 เข้าศึกษาแหล่งเรียนรู้ในงาน
มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549
แล้วนักเรียนจึงใช้กระบวนการเทคโนโลยีสนเทศในการสร้าง
และเผยแพร่องค์ความรู้สมุนไพรไทย และภูมิปัญญาไทยจาก
แหล่งเรียนรู้ จึงทำ�ให้มีเว็บไซต์สวนสมุนไพร (http://www.
sps-school.com/herbal) เกิดขึ้น

	
ปีการศึกษา 2552 ผู้เขียนซึ่งเป็นครูผู้สอนเทคโนโลยี
สารสนเทศ เห็นว่าเว็บไซต์สวนสมุนไพรยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้
ที่ดีสำ�หรับนักเรียน จึงได้จัดแผนการเรียนรู้ให้นักเรียนรุ่น
ปัจจุบัน เรียนรู้การแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศและเพิ่มขีด
ความสามารถของเว็บไซต์ให้นักเรียนสามารถเพิ่มองค์ความรู้
ได้เอง จนเกิดเว็บไซต์องค์ความรู้สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย
ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน โดยมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ดังนี้
	
1) 	ครู นำ � เข้ า สู่ บ ทเรี ย นโดยเล่ า ถึ ง เรื่ อ งภู มิ ปั ญ ญา
ไทย แล้วให้นักเรียนช่วยกันเสนอเรื่องเกี่ยวกับภูมิปัญญาไทย
ในท้องถิ่นของนักเรียน เป็นขั้นตอนในการ Brainstorm
	
2) 	นักเรียนเข้าเว็บไซต์สวนสมุนไพรไทย แล้วเชือมโยง
่
เข้ากับภาระงาน
	
3) 	นั ก เรี ย นทำ � ใบงาน “สื บ เสาะสมุ น ไพรไทย
ภูมิปัญญาไทย” ซึ่งระบุให้นักเรียน ไปถ่ายรูปสมุนไพรที่บ้าน
นักเรียน จากนันใช้การแก้ปญหาโดยใช้สารสนเทศในการสร้าง
้
ั
องค์ความรู้ของนักเรียนเอง
	
4) 	นักเรียนศึกษาวิธีการเผยแพร่องค์ของความรู้ของ
นักเรียนจากเว็บไซต์ http://www.sps-school.com/herbel
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยี Web 2.0 โดยครูคอยชี้แนะและ
ให้คำ�ปรึกษา จากนั้นนักเรียนปฏิบัติการเผยแพร่องค์ความรู้
ของนักเรียนลงในเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งนักเรียนจะเห็นผลงาน
ทั้งของตัวเอง และเพื่อน ทำ�ให้เป็นส่วนกระตุ้นให้นักเรียน
พัฒนาผลงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
	
5) 	นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับขั้นตอนการ
แก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

วารสาร สควค.

9

	
กระบวนการจั ด การเรี ย นรู้ ดั ง กล่ า วทำ � ให้ นั ก เรี ย น
ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยใช้เรื่องรอบตัวมาผสมผสาน
กับการใช้เทคโนโลยี Web 2.0 แล้วใช้กระบวนการแก้ปัญหา
โดยใช้ เ ทคโนโลยี ส ารสนเทศ ซึ่ ง จะเน้ น การใช้ เ ทคโนโลยี
สารสนเทศเป็นเครื่องมือในการค้นหา รวบรวม สังเคราะห์
นำ�เสนอ และประเมินผลสารสนเทศ มาพัฒนาทักษะทางด้าน
คอมพิวเตอร์ ที่จะติดตัวกับนักเรียนตลอดไป
	
การสร้ า งนวั ต กรรมนี้ เกิ ด ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง
นักเรียนและผู้ปกครอง ตลอดจนคนในชุมชน โดยใช้แหล่ง
เรี ย นรู้ ที่ บ้ า นหรื อ ชุ ม ชนของนั ก เรี ย นเป็ น สถานที่ ถ่ า ยรู ป
สมุนไพร เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการสืบเสาะหาความรู้ของ
นั ก เรี ย น เนื่ อ งจากพื ช สมุ น ไพรบางชนิ ด ที่ นั ก เรี ย นไม่ รู้ จั ก
นักเรียนต้องถามจากผู้รู้ อาจจะเป็น พ่อ แม่ หรือ คนเฒ่า
คนแก่ ที่อยู่บริเวณนั้น เป็นการสืบสานผู้ปัญญาไทยจากรุ่น
สู่รุ่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง และคนในชุมชน
เป็นอย่างดี ที่จะให้ความรู้แก่นักเรียน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้น
ให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในความเป็นไทยอีกด้วย

	
สำ�หรับการนำ�เสนอผลงานทีประเทศสิงคโปร์นน คณะ
่
ั้
กรรมการจะตัดสินคัดเลือกผลงานประเทศละ 1 คน เพือเข้าร่วม
่
ประชุม “Worldwide Innovative Teachers Leadership
Forum” ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ในเดือน
ตุลาคม 2553 ซึงผลปรากฏว่า ครูรงกานต์ วังบุญ จากโรงเรียน
่
ุ่
ปรินส์รอแยลล์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ได้รับคัดเลือกให้เป็น
ตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมงานดังกล่าว
	
โครงการ Microsoft Innovative Teachers
Leadership Awards จัดมาแล้ว 6 ปีด้วยกันและเบื้องต้น
จะจัดต่อเนื่องไปอีก 4 ปี จึงขอเชิญชวนครูไทย โดยเฉพาะครู
สควค. ทีมนวัตกรรมการเรียนการสอนทีดๆ ได้น�มาประกวดกัน
่ี
่ี
ำ
ซึ่งจากการเข้าร่วมการประกวดและเข้าร่วมการประชุมระดับ
นานาชาติ นั้ น ข้ า พเจ้ า ได้ รั บ ความรู้ แ ละประสบการณ์ ที่ ดี
มิตรภาพจากเพื่อนครูด้วยกัน เทคนิควิธีการสอนในระดับ
โลก เพราะครูทกคนจะต้องเตรียมรับการปรับเปลียนการเรียน
ุ
่
การสอนให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะได้นำ�ความรู้มาพัฒนา
การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

Microsoft Innovative Teachers
Leadership Awards

	
นายชิณวรณ์ บุญยเกียรติ รมว.ศธ. กล่าวว่า การ
ศึกษาในยุคปัจจุบัน เป็นการศึกษาในโลกยุคโลกาภิวัตน์
ที่ ใช้ เ ทคโนโลยี ส ารสนเทศเป็ น เครื่ อ งมื อ ในการเรี ย น
การสอน และเพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงมี
ความจำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับทุกคน โครงการในวันนี้ทำ�ให้
เห็นว่า ครูและนักเรียนประสบความสำ�เร็จและมีความ
ก้ า วหน้ า ในเรื่ อ งการพั ฒ นาเทคโนโลยี แ ละสารสนเทศ
ตามลำ�ดับ นอกจากนี้ นโยบายของ ศธ. ได้ยกระดับการ
สือสารและการใช้เทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ (National
่
Education Network หรือ Ned Net) ซึ่งจะมีการลงทุน
เป็นจำ�นวนหมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ฮาร์ ด แวร์ ซอฟต์ แวร์ และสร้ า งระบบ Interactive
เพื่อใช้ในการเรียนรู้ระหว่างนักเรียนกับครู สำ�หรับการ
ปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง

คุณสมบัติของครูผู้สมัคร

	
เป็นครู ระดับประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษา
ที่สอนในทุกกลุ่มสาระวิชา เป็นครูหัวใจไอที ที่มีผลงาน
ของตนเอง ในการสร้างสรรค์ และนำ�เทคโนโลยีสารสนเทศ
เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารการศึกษา และหรือการ
สอนทุกสาระการเรียนรู้ มีผลต่อการพัฒนาการศึกษาไทย
ต่อเพื่อนครูและนักเรียน และวงการการศึกษาไทย

	

หลักเกณฑ์ในการตัดสิน 100 คะแนน

	
มีแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงาน ในการบูรณาการ
แผนการสอนร่วมกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือความเป็น
นวัตกรรมใหม่ โดยมีเทคนิคการนำ�เสนอที่ดีและน่าสนใจ
	
ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.pil.in.th
10 วารสาร สควค.	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

นวัตกรรมการเรียนรู้

การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ (Handmade Robots)
ไพศาล วงค์กระโซ่ สควค. รุ่น 11 ครู คศ.1 ร.ร.หนองสูงสามัคคีวิทยา จ.มุกดาหาร

	
นวัตกรรมเรือง การสร้างหุนยนต์ท�มือ (Handmade
่
่
ำ
Robots) ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศจากโครงการ
“Thailand Innovative Teachers Leadership Awards
2010” มีรายละเอียดในแต่ละประเด็น ดังนี้
1. เป็นผลงาน ที่ใช้ในกลุ่มสาระ และช่วงชั้นใด
	
เป็นผลงานในวิชากิจกรรมชุมนุมหุ่นยนต์ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 3 และ 4
2. วัตถุประสงค์หรือผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้
	
เพื่ อ พั ฒ นาทั ก ษะกระบวนการของนั ก เรี ย นที่ มี
ความสนใจ และต้องการที่จะเรียนรู้ในเรื่องหุ่นยนต์ ได้แก่
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กลศาสตร์ การประยุกต์ใช้โปรแกรม
ช่วยในงานออกแบบ การประดิษฐ์ และงานช่าง เป็นต้น
3. จุดเด่นของผลงาน หรือกิจกรรมการเรียนรู้
	
นักเรียนจะได้เรียนรูตามหลักทฤษฏี constructionism
้
คือ นักเรียนเรียนรูจากการทำ�ชินงาน โครงการในสิงทีตนสนใจ
้
้
่ ่
ซึ่งนักเรียนต้องสร้างชิ้นงานของตนเองอย่างน้อย 1 ชิ้นงาน
หรือ 1 กลุ่มต่อชิ้นงาน ถ้าเป็นงานในลักษณะที่ซับซ้อนขึ้นมา
โดยที่นักเรียนคิดเอง สร้างเองด้วยตนเองโดยอิสระ จากการ
เรียนตามกระบวนการเรียนรู้ (learning process) ที่ผู้สอน
สร้างขึ้น โดยการเน้นเอา CAD มาช่วยในการสร้างชิ้นงาน
4. กลวิธีการสอน มีความเป็นนวัตกรรม อย่างไร
	
ในวิชานี้นักเรียนทุกคนต้องมีชิ้นงานส่งครูอย่างน้อย
1 ชิ้นงาน ดังนั้น นักเรียนทุกคนต้องเรียนรู้ตามขั้นตอนคือ
ต้องสืบค้นหาข้อมูล แนวคิดเกี่ยวกับชิ้นงานของตนอย่างเป็น
ระบบ เมื่อได้แนวคิดแล้ว เขาจะนำ�แนวคิดนั้นมาเสนอครูก่อน
ถ้าครูอนุมัติ นักเรียนก็จะร่างแบบหุ่นยนต์ลงในกระดาษ และ
ใช้ซอฟแวร์เพือจำ�ลองการทำ�งานว่าเมือสร้างจริง แบบทีรางไว้
่
่
่่
สามารถทำ � งานได้ จ ริ ง อย่ า งที่ คิ ด ไว้ ห รื อ ไม่ โปรแกรมที่ ใช้
ก็ได้แก่ Linkage mechanism simulator และ crocodile
technology 3d ซึงนักเรียนสามารถศึกษาจากคูมอการใช้งาน
่
่ื
ที่ผู้เขียนได้จัดทำ�ขึ้น เมื่อจำ�ลองการทำ�งานแล้วเขาจะต้อง
ใช้ CAD มาช่วยในการสร้างโมเดลเสมือนจริง โปรแกรมที่ใช้
ได้แก่ Microsoft office 2007 และ CADstd Lite โดยนักเรียน
สามารถศึกษาจากคู่มือการใช้โปรแกรมช่วยในการออกแบบ

ที่ได้จัดทำ�ขึ้น จากนั้นเขาจะลงมือทำ�หุ่นยนต์ตามแบบที่ร่างไว้
โดยต้องใช้ทักษะต่างๆ มากมายในการทำ�ชิ้นงาน เช่น ทักษะ
ทางช่าง การประดิษฐ์ การเลือกวัสดุที่ใช้ รวมถึงงบประมาณ
เมื่อทำ�หุ่นยนต์แล้วนักเรียนต้องทดสอบและปรับปรุงหุ่นยนต์
ให้ดีขึ้นจนกว่าจะพอใจ จากนั้นนักเรียนจะจัดทำ�คู่มือการทำ�
หุ่นยนต์นั้น เพื่อเผยแพร่ต่อผู้ที่สนใจ โดยผู้ที่ไม่เคยทำ�สามารถ
ทำ�ตามคู่มือได้
5. ความเกี่ยวข้องของความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ไอซีที
	
ผูเ้ ขียนได้น�ไอชีทมาใช้ในการทำ�หุนยนต์ของนักเรียน
ำ
ี
่
โดยจะเริ่มตั้งแต่การสืบค้นอย่างเป็นระบบ ออกแบบจาก
ความคิด จำ�ลองการทำ�งานของแบบโดยใช้ซอฟแวร์ ใช้ CAD
มาสร้างโมเดลเสมือนจริง แล้วลงมือทำ�ตามแบบนั้น ซึ่งจะ
มีโอกาสผิดพลาดน้อยลง ที่แตกต่างจากการทำ�แบบลองผิด
ลองถูก ซึ่งต้องเสียทั้งเงินและเวลากว่าจะได้ชิ้นงานที่พอใจ
6. ผู้สอน/ผู้เรียนเป็นผู้นำ�ความเปลี่ยนแปลง อย่างไร
	
ครูจะแสดงบทบาทเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ ส่วนภารกิจ
ในการเรียนรู้ สร้างสรรค์จะต้องเป็นของนักเรียนแต่ละคนเอง
ครูเสนอคำ�ถามทีจะทำ�ให้เกิดความคิดใหม่ๆ ในการสร้างชินงาน
่
้
นักเรียนจะกำ�หนดเป้าหมายที่แน่นอน ลองผิดลองถูกเอง
ในการทำ�หุนยนต์ไปจนกว่าจะพบวิธทถกต้องและดีทสด โดยมี
่
ี ี่ ู
ี่ ุ
การจำ�ลองการทำ�งานของหุ่นยนต์ก่อนลงมือสร้างจริง
7.ประโยชน์ทได้รบในการนำ�ผลงานไปใช้กอนและหลังเรียน
ี่ ั
่
	
7.1 	ก่อนเรียน
		 นักเรียนทีมาเรียนในกิจกรรมชุมนุมหุนยนต์ท�มือ
่
่
ำ
ไม่มีความรู้ แต่มีความสนใจที่ตรงกันคือ อยากเรียนรู้เรื่อง
หุนยนต์ และอยากทีจะสร้างหุนยนต์ จากการสอบถามนักเรียน
่
่
่
ในชุมนุม พบว่า นักเรียนทุกคนไม่เคยได้ทำ�หุ่นยนต์ เคยแต่
เห็นภาพในโทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ นักเรียนไม่มั่นใจว่าตนจะ
สร้างได้หรือเปล่า เพราะคิดว่าคงจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้
งบประมาณสูง ทั้งนี้เพราะฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว
นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนห่างไกลตัวเมือง และขาดโอกาส
อันเนื่องจากฐานะทางครอบครัว ความสนใจและความอยากรู้
อยากปฏิบัติของนักเรียนเอง ที่ทำ�ให้นักเรียนมาสมัครเรียน
ในชุมนุมนี้
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

7.2 	หลังเรียน
	 นักเรียนทุกคนในกิจกรรมชุมนุมหุ่นยนต์ทำ�มือ
จะมีชนงานของตนเองจากการเรียนรูในหลายๆ เดือนทีผานมา
ิ้
้
่่
ได้สร้างองค์ความรู้ที่เกิดจากการสร้างชิ้นงาน ได้จิตนาการ
อย่างสร้างสรรค์ ร่างแบบจากจินตนาการนั้น นำ�ไปสู่การ
ออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีจากภาพร่างเป็นต้นแบบ และสร้าง
หุ่นยนต์จากต้นแบบที่ได้ออกแบบไว้ด้วยตนเอง ได้แก้ปัญหา
จากการสร้างหุ่นยนต์ การประยุกต์ใช้วัสดุที่มีอยู่อย่างจำ�กัด
และใช้วัสดุในท้องถิ่นมาใช้ เกิดความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
จากสีหน้า อากัปกิรยาทีแสดงออกเวลาทำ�ชินงาน การมาทำ�งาน
ิ ่
้
หลังเลิกเรียนเป็นประจำ�
8. ผลของความสำ�เร็จ
	
1.	 อันดับที่ 1 ระดับประเทศ จากการแข่งขันหุนยนต์
่
บังคับมือ ประเภทสำ�รวจดาวนพเคราะห์ ระดับ ม.ปลาย
	

วารสาร สควค. 11

	
2. 	อันดับที่ 3 ระดับประเทศ จากการแข่งขันหุนยนต์
่
บังคับมือ ประเภทสำ�รวจดาวนพเคราะห์ ระดับ ม.ต้นและได้
เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในงาน Inter-city robotics
Olympiad 2009 ที่ เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง ระหว่างวันที่
25-29 ตุลาคม 2552 และได้คว้ารางวัล แชมป์ประเภทหุนยนต์
่
สำ�รวจดาวนพเคราะห์ มาครองเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
รวมถึงการได้รับรางวัลต่างๆ อีกมากมาย
การนำ�เอาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการออกแบบ
จำ�ลองการทำ�งานอย่างเป็นระบบนี้สามารถนำ�ไปใช้กับการ
สร้างชินงานอืนได้อก เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ตางๆ นอกจากนี้
้
่ ี
่
นักเรียนยังได้ถกฝึกให้เรียนอย่างเป็นระบบและมีกระบวนการ
ู
ทำ�งานที่ดี ที่จะกลายเป็นทักษะติดตัวและจำ�เป็นต่อการใช้
ชีวิตประจำ�วันต่อไป และสามารถต่อยอดเป็นความเชี่ยวชาญ
เฉพาะด้านได้ในอนาคต

ครู สควค. ชนะเลิศประกวดสื่อดิจิตอลเพื่อการเรียนรู้ (Digital Learning Contest)
ครั้งที่ 1 ประเภทบุคคล จัดโดยเว็บไซต์ Thaigoodview.com

	
ครูสุพรรณวดี เพชรเรียง สควค. รุ่น 9 โรงเรียนเกาะ
พงันศึกษา (ปัจจุบันสอนที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา 2) รับถ้วย
รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม
บรมราชกุมารี ในการชนะเลิศการประกวดสื่อดิจิตอลเพื่อการ
เรียนรู้ ประเภทบุคคล จัดโดยเว็บไซต์ Thaigoodview.com

ครู สุ พ รรณวดี เล่ า ถึ ง ผลงานที่ ส่ ง เข้ า ประกวดว่ า
เป็นผลงานเกียวกับวิชาเคมี เรือง สารไฮโดรคาร์บอน จัดทำ�ขึน
่
่
้
เพือใช้เป็นข้อมูลประกอบการเรียนการสอน แต่เรืองนีสามารถ
่
่ ้
ใช้ในการเรียนการสอนในช่วงชั้นที่ 4 ได้ด้วย
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช. ศึกษาธิการ ในฐานะประธาน
เล่าถึงงานครั้งนี้ว่า ได้จัดประกวดสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบ
เว็บไซต์ และสื่อสารคดีประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยว
ท้องถิ่นขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการได้เพิ่มเนื้อหาการเรียนรู้ผ่าน
ทางระบบอินเทอร์เน็ต การนำ�เสนอเนื้อหาที่แปลกใหม่เพื่อ
กระตุ้นการเรียนรู้ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ�เพื่อให้มีเนื้อหาความรู้
ที่หลากหลาย และเป็นทางเลือกในการค้นคว้าของเยาวชน
ต่ อ ไป และจั ด ได้ ว่ า เป็ น พื้ น ที่ ใ หม่ ใ นโลกดิ จิ ต อลที่ ส่ ง เสริ ม
การเรียนรู้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์
12 วารสาร สควค.	

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ด้วยครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
ครู สควค. รักครอบครัว :: สูตรเติมรัก ทำ�ชีวิตให้มีสุข
ขอขอบคุณ :: สารสาธารณสุขสุรินทร์ ปีที่ 9 ฉบับที่ 5 และข้อมูลจากสำ�นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

	
ในสังคมที่สับสน วุ่นวาย และซับซ้อน เช่นปัจจุบันนี้
แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน ทำ �งานด้วยกัน
หรืออยูใกล้กน ก็อาจจะเป็นประเภท ใกล้ตว ไกลใจ หรือบางคน
่ ั
ั
ก็ไกลทั้งตัว ไกลทั้งใจ ดังนั้น จึงควรเติมรัก เติมรสชีวิต ด้วย
การสร้างความสัมพันธ์ทดตอกัน กลุมประชาสัมพันธ์ สำ�นักงาน
ี่ ี ่
่
คณะกรรมการวั ฒ นธรรมแห่ ง ชาติ กระทรวงวั ฒ นธรรม
ได้เสนอแนะสิงควรทำ� ( ) และไม่ควรทำ� ( ) จากพยัญชนะ
่
ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก (บางตัว) ซึ่งขอนำ�มาเผยแพร่ต่อ ดังนี้
	
ก 	 ( ) 	ได้แก่ กอด พ่อแม่ ลูก สามี หรือภรรยา
วันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก ความห่วงใย และก่อนนอน
อย่าลืม กราบพระ/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ เพื่อขอบคุณ และ
ขอพรสำ�หรับวันต่อไป
	
ก 	 ( ) 	คือ ก้าวร้าว ไม่ว่ากับใคร เพราะจะทำ�ให้
เป็นคนน่าเบื่อ ไม่น่าอยู่ใกล้ ไม่มีใครอยากให้ไปไหนด้วย
กลัวไปทะเลาะวิวาทกับเขา
	
ข 	 ( ) 	ได้แก่ ขอบคุณ จงกล่าวทุกครั้งที่มีคนทำ�
อะไรให้ ขำ�ขัน คือ ให้เป็นคนมีอารมณ์ดี อารมณ์ขัน
	
ข 	 ( ) 	คือ ขุดคุ้ย เอาเรื่องเก่ามาว่าไม่จบสิ้น หรือ
หาเรื่องมาประจานเขา
	
ค 	 ( ) 	ได้แก่ ครุ่นคิด และ ใคร่ครวญ คือ คิดก่อน
ทำ�อะไรทุกครั้ง เพื่อมิให้ตัวเองและคนอื่นเสียใจภายหลัง
	
ค 	 ( ) 	คื อ คลั่ ง แค้ น อย่ า เป็ น คนโกรธไม่ รู้ ห าย
อาฆาตไม่รู้จบ ทำ�ให้คนอยู่ใกล้ไม่มีความสุข
	
ง 	 ( ) 	ได้แก่ งดงาม ด้วยการทำ�ตัวเราให้งดงาม
ทั้งกาย วาจาและใจ ง้องอน เมื่อเราทำ�ผิด หรือเพื่อทำ�ให้คน
ทีเ่ รารักรูสกดีขน และรูจกเงียบเสียบ้าง เพือให้เกิดความสงบสุข
้ ึ ้ึ
้ั
่
	
ง 	 ( ) 	คือ งก อยากได้เกินควร และไม่รู้จักแบ่งปัน
	
จ 	 ( ) ได้แก่ รู้จัดจดจำ�วันเกิด วันสำ�คัญของคน
ในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก และทำ�อะไรเป็นพิเศษให้บ้าง
ข้อสำ�คัญต้องจริงใจ ไม่เสแสร้งหลอกลวง อันจะทำ�ให้ต้อง
หวาดระแวงกันตลอดเวลา
	
จ	 ( ) 	คือ จู้จี้จุกจิก ใครทำ�อะไรให้ก็ไม่พอใจสักที
และไม่เจ้าชู้ ให้เกิดปัญหาในครอบครัว หรือที่ทำ�งาน	

	
ฉ 	 ( ) 	ได้แก่ ทำ�ตัวให้ฉลาดเฉลียว รู้ว่าอะไรควร
ไม่ควร รู้กาลเทศะ รู้จักพูด รู้จักทำ�สิ่งต่างๆ
	
ฉ 	 ( ) 	คือ เฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับความรู้สึก
ของคนอื่น หรือ ฉุนเฉียวให้คนหวาดผวา
	
ช 	 ( ) 	ได้แก่ ชมเชย ชื่นชม คือ รู้จักกล่าวคำ�ชม
หรือแสดงความชื่นชมในความสำ�เร็จหรือเรื่องดีๆ ของผู้อื่น
	
ช 	 ( ) 	คือ ช่วงชิง คือ อย่าไปแย่งของรัก ของหวง
ของผู้อื่น หรือฉวยประโยชน์มาเป็นของเราโดยไม่ลงทุนลงแรง
	
ซ 	 ( ) 	ได้แก่ ซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
	
ซ 	 ( ) 	คือ ซุบซิบนินทา หาเรื่องผู้อื่น หรือ เซ้าซี้
จนน่ารำ�คาญ และอย่าทำ�ท่า เซ็ง จนคนอื่นไม่สนุกไปด้วย
	
ฒ 	( ) 	ได้แก่ การเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ทรงความรู้ และ
ทำ�ตัวให้น่าเชื่อถือ และคุยกับคนรุ่นใหม่รู้เรื่อง
	
ฒ 	( ) 	คือ อย่าทำ�ตัวเป็นเฒ่าทารก ไม่รู้จักโต เฒ่า
สารพัดพิษ ที่เจ้าเล่ห์ และเฒ่าหัวงูที่เป็นอันตรายแก่เด็กสาว
	
ด 	 ( ) 	ได้แก่ ดี คือ ทำ�ดี ทำ�สิงทีถกต้องและมีเหตุผล
่ ู่
	
ด 	 ( ) 	คอ ดุดา อย่าดุดาหรือใช้อารมณ์จนเกินเหตุผล
ื ่
่
	
ต 	 ( ) 	ได้แก่ ตักเตือน เมื่อเห็นใครทำ�ผิด หรือทำ�
ไม่ถูกต้องด้วยความหวังดี
	
ต	 ( ) 	คอ ตลบตะแลง ใช้เล่หกล หรือโกหกหลอกลวง
ื
์
ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ
	
ถ 	 ( ) 	ได้แก่ ไถ่ถาม ห่วงใยทุกข์สุขของเพื่อนฝูง
คนรู้จัก และคนที่เรารัก
	
ถ 	 ( ) 	คือ ถากถาง อันเป็นการพูดเหน็บ หรือค่อน
ว่าให้คนอื่นเขาเจ็บใจ
	
ท 	 ( ) 	ได้แก่ ทะนุถนอม คือ การดูแลเอาใจใส่
ซึ่งกันและกัน
	
ท 	 ( ) 	คือ ทิฐิมานะ คือ การโอ้อวดถือดี ถือตัว
ไม่ยอมแพ้ จะเอาชนะให้ได้
	
ธ	 ( ) 	ได้แก่ ธรรมะ คือ มีหลักธรรมเป็นเครื่อง
ยึดเหนี่ยว เป็นแนวทางการดำ�เนินชีวิต
	
ธ	 ( ) 	คื อ ธุ ร ะไม่ ใช่ ด้ ว ยการละเลย บอกปั ด
ไม่สนใจจะช่วยเหลือใครทั้งสิ้น
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

	
น	 ( )	ได้ แ ก่ นอบน้ อ ม เคารพคนที่ ค วรเคารพ
มีนํ้าใจให้กับทุกๆ คน ช่วยเท่าที่ช่วยได้
	
น ( )	 คือ นอกลู่นอกทาง หรือ นอกคอก ด้วยการ
ไม่ประพฤติตนตามที่ควรเป็น
	
บ ( )	 ได้แก่ บุญ คือ การประกอบคุณงามความดี
ทุกรูปแบบ
	
บ ( )	 คือ บดสีบัดเถลิง อันจะทำ�ให้ตัวเราและ
ผู้เกี่ยวข้องอับอายขายหน้า เป็นที่รังเกียจ
		
ป ( ) 	 ได้แก่ ปลอบโยน เห็นใครมีทุกข์ ก็ปลอบใจ/
ให้คำ�ปรึกษา และเห็นอกเห็นใจเขา
	
ป ( ) 	 คื อ โป้ ป ดมดเท็ จ เป็ น การกล่ า วโกหก
ครั้งต่อไปพูดอะไรคนเขาก็ไม่เชื่อ
	
ผ ( ) 	 ได้แก่ ผัวเดียวเมียเดียว อันจะช่วยลดปัญหา
ครอบครัว และสังคม ทำ�ให้เด็กๆ อบอุ่น
	
ผ ( ) 	 คือ ผรุสวาท (ผะรุสะวาด) กล่าวคำ�หยาบ
เป็นที่ระคายเคืองหูต่อผู้ที่ได้ยิน
	
ฝ ( ) 	 ได้แก่ ฝึกฝน คือ ทำ�อะไรด้วยความเพียร
พยายามฝึก เช่น ฝึกฝนทำ�อาหารให้คนที่เรารักกิน
	
ฝ ( ) 	 คือ ใฝ่ตํ่า ชอบทำ�อะไรในทางลบ ก่อความ
เสียหายแก่ตัวเองและครอบครัว
	
พ ( ) 	 ได้แก่ พรหมวิหาร 4 คือ มีเมตตา กรุณา
มุทิตา และอุเบกขาต่อคนรอบข้าง
	
พ ( )	 คือ พนัน เพราะจะทำ�ให้เสียเงิน เสียเวลา
และนำ�ไปสู่ความเดือดร้อนเรื่องอื่นๆ
	
ฟ ( )	 ได้แก่ ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อใครง่ายๆ หรือไม่ฟัง
คำ�ยุยง ที่จะทำ�ให้เกิดความแตกแยก
	
ฟ ( )	 คือ ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ เพราะจะทำ�ให้เสีย
ทรัพย์โดยใช่เหตุ และไม่จำ�เป็น
	
ภ ( ) ได้แก่ ภาคภูมิใจ คือ ทำ�ตัวให้สง่า ผึ่งผาย
ไม่ซอมซ่อ ทำ�ให้คนที่รักภูมิใจในตัวเรา
	
ภ ( ) คือ ภาระ กล่าวคือ ทำ�ตัวไม่รู้จักโต ไม่รู้จักคิด
เป็นที่หนักใจแก่คนอื่นตลอดเวลา
	
ม ( )	 ได้แก่ มัธยัสถ์ คือ รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด
และเท่าที่จำ�เป็น ทำ�ให้ไม่เดือดร้อน
	
ม ( )	 คือ โมหะ ทำ�ตัวมืดมน ด้วยความหลงผิด
ต่างๆ
	
ย ( ) 	 ได้แก่ ยกย่อง ให้เกียรติทุกคน ไม่ดูหมิ่น
ดูแคลน ไม่ว่ากับพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง

วารสาร สควค. 13

		
ย ( ) 	 คือ เย้ยหยัน /เยาะเย้ย ทำ�ให้เขาเจ็บใจ เสียใจ
และผูกใจเจ็บ หรือยุยงให้แตกแยก
		
ร ( ) 	 ได้แก่ รักตัวเอง และรักผู้อื่นให้เป็น และมี
ระเบียบในการปฏิบัติตนและการทำ�งาน
		
ร ( ) 	 คือ รังควาน ด้วยการรบกวน ทำ�ให้ผู้อื่น
เดือดร้อน หรือ แรด อันหมายถึง ดัดจริต จนคนเขาระอา
		
ล ( ) 	 ได้แก่ ละมุนละม่อม หรือละมุนละไม คือ
ทำ�อะไรด้วยความอ่อนโยน นิ่มนวลต่อกัน
		
ล ( ) 	 คือ ลวนลาม ล่วงเกิน แทะโลมผู้อื่น ด้วย
วาจาหรือการกระทำ�จนเป็นที่ดูถูก
		
ว ( ) 	 ได้แก่ วันทา คือ การไหว้ และแสดงอาการ
เคารพต่อบุคคล สถานที่ที่ควรเคารพ
		
ว ( ) 	 คือ วู่วาม ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ และทำ�ให้เกิด
เรื่องเกิดราวได้ง่าย
		
ศ ( ) 	 ได้แก่ ศักดิ์ศรี คือ ทำ�ตนให้มีเกียรติ และ
มีศีล ทำ�ให้เราน่าคบ และน่าเคารพนับถือ
		
ศ ( ) 	 คือ ศัตรู อย่าก่อศัตรู หรือเป็นศัตรูกับผู้อื่น
จะทำ�ให้ชีวิตเราไม่สงบสุข และกลุ้มใจ
		
ส ( ) 	 ได้แก่ สติ คือทำ�อะไรให้มีสติอยู่ตลอดเวลา
และเสียสละ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสบ้าง
		
ส ( ) 	 คือ ส่อเสียด และเสแสร้ง เพราะจะทำ�ให้
คนโกรธ และไม่อยากคบ เพราะไม่จริงใจ
		
ห ( ) 	 ได้แก่ หอมแก้มคนทีเ่ รารักบ้างเป็นครังคราว
้
อันจะทำ�ให้ชีวิตรักสุข สดชื่น
		
ห ( ) 	 คือ หงุดหงิด อารมณ์เสียอยู่เสมอ ทำ�ให้คน
อยู่ใกล้หมดความสุข
		
อ ( ) 	 ได้แก่ อโหสิ และให้อภัย แก่คนรอบข้าง
และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
		
อ ( ) 	 คือ เอาใจยากหรือ เอาใจออกห่าง ล้วนทำ�ให้
เกิดปัญหาทั้งสิ้น
		
ฮ ( )	 ได้แก่ แฮปปี้ (Happy) คือ ทำ�ตัวให้สบาย
มีความสุขตลอดเวลา อย่าเป็นคนเจ้าทุกข์
		
ฮ ( ) 	 คือ โฮกฮาก ทำ�เสียงกระแทกเวลาพูด ทำ�ให้
เสียบุคลิกภาพ
	
ทั้งหมดเหล่านี้คือ แนวทางปฏิบัติที่จะช่วยเติมเต็ม
ความรู้สึกที่ดีงามให้แก่กันและกัน ปฏิบัติแล้วจะบังเกิดผลดี
ชีวิตสดชื่นขึ้นและมีความสุขแน่นอน
14 วารสาร สควค.	

ผลงานวิจัยครู สควค.

ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553

เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม
จากแหล่งเรียนรู้วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน
สุภาภรณ์ เสาร์สิงห์  สควค. รุ่น 9 ครู คศ.1 ร.ร.เวียงเจดีย์วิทยา จ.ลำ�พูน

	
การจัดการเรียนรู้รายวิชาคณิตศาสตร์ ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำ�หนด
ไว้ว่า เมื่อผู้เรียนเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นักเรียน
จะต้องมีความรู้ทางด้านเนื้อหาคณิตศาสตร์ พร้อมทั้งมีทักษะ
กระบวนการทางคณิ ต ศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ที่ จำ � เป็ น
เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ใช้ ภ าษาและสั ญ ลั ก ษณ์ ท างคณิ ต ศาสตร์ ใ นการสื่ อ สาร
สื่อความหมาย และสามารถนำ�เสนอได้อย่างถูกต้องชัดเจน
มีความคิดริเริมสร้างสรรค์ เชือมโยงความรูตางๆ ในคณิตศาสตร์
่
่
้่
และนำ�ความรู้ หลักการกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปเชือมโยง
่
กับศาสตร์สาขาอื่นๆ ได้
	
ปัจจุบัน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีได้ส่งเสริมให้มีการใช้ ICT ในการเรียนการสอน
คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา โดยใช้ โปรแกรม The Geometer ’s
Sketchpad (GSP) เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ
เคลื่อนไหว สามารถวิเคราะห์ สร้างข้อสรุป พิสูจน์ข้อสรุป
จากนามธรรมไปสู่รูปธรรมได้ การเรียนรู้และใช้ประโยชน์
จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จะมีส่วนสำ�คัญที่จะช่วยให้นักเรียน
เข้าใจเนื้อหา และเรียนคณิตศาสตร์เป็นไปอย่างสนุกสนาน
มากขึน และหากนักเรียนมีการนำ�ความรูทได้เรียนรูไปบูรณาการ
้
้ ่ี
้
กับแหล่งการเรียนรู้ที่ใกล้ตัวนักเรียน จะทำ�ให้นักเรียนเห็น
คุณค่าของคณิตศาสตร์ที่ได้เรียนรู้ เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมที่
อยูรอบตัวของนักเรียน ทำ�ให้การเรียนรูทได้เป็นความรูทคงทน
่
้ ี่
้ ี่
และเห็นความสำ�คัญต่อการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ได้
	
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนเวียงเจดีย์
วิทยา จึงจัดทำ�โครงการ “เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม :
แหล่งเรียนรู้ วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน” ระหว่าง
เดือนธันวาคม 2552 - กุมภาพันธ์ 2553 สำ�หรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำ�นวน 43 คน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
	
1. 	เพื่ อ ให้ นั กเรียนได้เรียนรู้โปรแกรม GSP และ
สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วยโปรแกรม GSP โดยเชื่อมโยง
กับแหล่งการเรียนรู้ที่สำ�คัญในชุมชน คือ วัดพระบาทห้วยต้ม
	
2. 	เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้
รายวิชาคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น	

	
3. 	เพื่อเพิ่มพูนทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
ในการแก้ปญหา การให้เหตุผล การสือสาร การสือความหมาย
ั
่
่
ทางคณิตศาสตร์ การเชือมโยงคณิตศาสตร์กบศาสตร์อนๆ และ
่
ั
ื่
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
	
4. 	เพื่อให้นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
และตระหนักในคุณค่าของแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ในชุมชน
การดำ�เนินโครงการ ได้แบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้
	
ตอนที่ 1 การอบรมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม
GSP
	
โดยจัดขึ้นทุกๆ คาบที่ 9 ของวันพฤหัสบดี ณ ห้อง
ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งพบว่านักเรียนทุกคนให้ความสนใจ
มีการซักถามวิทยากร เพือแก้ปญหาข้อสงสัยต่างๆ ได้ลงมือทำ�
่
ั
หลังจากการเรียนทฤษฎี บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน
	
ตอนที่ 2 การศึกษาแหล่งการเรียนรู้ วัดพระบาท
ห้วยต้ม
	
นักเรียนแต่ละกลุม ศึกษา แหล่งการเรียนรู้ วัดพระบาท
่
ห้วยต้ม โดยมีมคคุเทศก์นอย คอยให้ความรูเ้ กียวกับประวัตของ
ั
้
่
ิ
พระธาตุศรีเวียงชัย นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน และ
เลือกศึกษา บริเวณแหล่งการเรียนรู้ เพื่อนำ�กลับมาสร้างสรรค์
ผลงานด้วยโปรแกรม GSP
	
ตอนที่ 3 การนำ�เสนอผลงาน
	
หลั ง การศึ ก ษาแหล่ ง เรี ย นรู้ แต่ ล ะกลุ่ ม จะร่ ว มกั น
สร้างสรรค์ผลงาน โดยใช้โปรแกรมGSP จากนั้นจะนำ�เสนอ
ผลงาน ต่อเพื่อนนักเรียน และคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้
	
ผลการดำ�เนินโครงการ
	
1.	 นักเรียนร้อยละ 80 สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วย
โปรแกรม GSP โดยการเชื่อมโยงกับแหล่งการเรียนรู้ในชุมชน
	
2. 	นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
ในการแก้ปญหา การให้เหตุผล การสือสาร การสือความหมาย
ั
่
่
ทางคณิ ต ศาสตร์ ก ารเชื่ อ มโยงคณิ ต ศาสตร์ กั บ ศาสตร์ อื่ น ๆ
และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น
	
3. 	นักเรียนเห็นความสำ �คัญของการใช้เทคโนโลยี
ในการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น
	
4.	 นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์และ
ตระหนักในคุณค่าของแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ในชุมชน
ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553	

วารสาร สควค. 15

ตัวอย่างผลงานนักเรียนที่สร้างสรรค์ ด้วยซอฟแวร์สำ�รวจเชิงคณิตศาสตร์ เราขาคณิตพลวัต (GSP)

ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงบริเวณวัดพระบาทห้วยต้ม

ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงพระธาตุศรีเวียงชัย (เจดีย์ชเวดากอง)

ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงวิหารและเจดีย์ในวัดพระบาทห้วยต้ม

ครูและนักเรียนที่เข้าร่วมศึกษาแหล่งเรียนรู้ ณ วัดพระบาทห้วยต้ม

แนะนำ�ซอฟแวร์สำ�รวจเชิงคณิตศาสตร์ฯ (GSP)
	
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ตระหนักในความสำ�คัญของการใช้เทคโนโลยี ช่วยในการจัดการเรียน
การสอนคณิตศาสตร์ในชั้นเรียน เพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนสูงขึน มีเจตคติทดในการเรียนรู้ เรียนรูอย่างมีความหมาย และเกิด
้
ี่ ี
้
การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงได้พิจารณาโปรแกรม
ต่างๆ และเห็นว่าโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad เป็นระบบ
ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำ�หรับสร้าง สำ�รวจ และวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับ
เนือหาคณิตศาสตร์หลายด้าน เราสามารถใช้เรขาคณิตพลวัตสร้างตัวแบบ
้
เชิงคณิตศาสตร์ ที่มีปฏิสัมพันธ์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การค้นหาในระดับ
พื้นฐานซึ่งเกี่ยวกับรูปร่างและจำ�นวนไปจนถึงวาดภาพขั้นสูงที่มีความ
ซับซ้อนและเคลื่อนไหวได้

	
Sketchpad จะช่ ว ยเสริ มความรู้ ความเข้ า ใจเรขาคณิต
ในชั้นเรียนให้กับนักเรียน และยังช่วยเสริมแนวคิดทางคณิตศาสตร์
เกี่ยวกับพีชคณิต ตรีโกณมิติ แคลคูลัสและเรื่องอื่นๆ นักเรียนสามารถ
สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองตามศักยภาพของตน
	
Sketchpad จะเอื้อให้ครูผู้สอนสามารถอธิบายหลักการ
คณิตศาสตร์ การตอบปัญหาและกระตุ้นให้นักเรียนสร้างข้อคาดการณ์
โดยให้นักเรียนฝึกทำ�เองบนเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสาธิตให้ดูหน้า
ชั้นเรียน และสามารถใช้ Sketchpad ในการทดลองหรือทดสอบดูว่า
“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า...” หรือช่วยในการค้นหาคำ�ตอบใหม่ๆ
	
สสวท. จึ ง ได้ ซื้ อ ลิ ข สิ ท ธิ์ โ ปรแกรม GSP จากบริ ษั ท
Key-Curriculum Press และแปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้ครูสามารถ
นำ�ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ผูสนใจ
้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www3.ipst.ac.th

วารสาร สควค. ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 (มกราคม-มีนาคม 2553) พิมพ์ครั้งแรก พฤศจิกายน 2553 จำ�นวน 500 เล่ม เจ้าของ ชมรมครูที่มีความ
สามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เว็บไซต์ www.krusmart.com ที่ทำ�การ เลขที่ 46 หมู่ที่ 10 ตำ�บลธาตุ อำ�เภอรัตนบุรี
จังหวัดสุรินทร์ 32130 โทรศัพท์ 089-0286327 สนับสนุนการจัดทำ�โดย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่ปรึกษา
อ.พรพรรณ ไวทยางกูร, อ.ดวงสมร คล่องสารา, อ.อรวรรณ อินทวิชญ, อ.ปราณี สร้อยสั้น, อ.พวงเพ็ญ บุญญภัทโร, อ.โสภณ แย้มทองคำ�, อ.มิตรชัย
คำ�งอก, อ.สุประดิษฐ สะอาด, ผอ.ธนชัย สุทธิยานุช บรรณาธิการ ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข ผู้ช่วยบรรณาธิการ รัสนา อนันตสุข กองบรรณาธิการ
ว่องไว ธุอินทร์, ณัฐพล แสงทวี, เจษฎา เนตรสว่างวิชา, วิโรจ หลักมั่น, วิสุทธิ์ คงกัลป์, บุญเลี้ยง จอดนอก, ชำ�นาญ เพริดพราว, วงค์ณภา แก้วไกรษร,
จตุรภัทร ประทุม เครือข่ายวารสารฉบับออนไลน์ www3.ipst.ac.th/dpst และ www.anantasook.com
“...ท่านมีหน้าที่อันสำ�คัญผูกพันอยู่ ที่จะต้องตอบแทนคุณของทุกฝ่ายที่ได้อุปการะ
ช่วยเหลือ การทดแทนคุณนั้น มิใช่สิ่งที่ยากนัก ถ้าท่านประพฤติตนดี มีสัมมาอาชีวะเป็น
หลักฐานเป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูล ก็เป็นการได้ทดแทนคุณบิดามารดา ถ้าท่านหมั่นศึกษา
ค้นคว้าวิชาการให้มีความรู้ ความสามารถเหมาะแก่กาลสมัย ก็เป็นการได้ทดแทนคุณครูบา
อาจารย์ และในประการสุดท้าย ถ้าท่านตั้งใจทำ�งานทุกอย่าง โดยถือประโยชน์ส่วนรวมยิ่ง
กว่าประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ก็เป็นการได้ทดแทนคุณประชาชนคนไทยทุกคน...”
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันที่ 26 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2511

ครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ : กิจกรรมพัฒนาเครือข่ายและวิชาชีพของครู สควค. ระดับ ป.โท ม.ขอนแก่น

28-30 พ.ค. 2553 :: การประชุมสัมมนาการวิจยทางวิทยาศาสตร์ศกษาในระดับนานาชาติ และการนำ�เสนอเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
ั
ึ
11-14 มิ.ย. 2553 :: การอบรมเชิงปฏิบตการการวิจยเชิงคุณภาพในวิทยาศาสตร์ศกษา โดย ASSOCIATE PROFESSOR GREGORY PETER THOMAS
ัิ
ั
ึ

ชมรมครู สควค. จัดทำ�เสื้อยืด “ครู สควค. รักครอบครัว” จำ�หน่าย
เป็นทุนจัดตั้ง “กองทุนครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้”

18-19 มิ.ย.2553 :: การอบรมเชิงปฏิบัติการการวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติ
ของวิทยาศาสตร์ โดย PROFESSOR MAY CHENG MAY HUNG

25 มี.ค.-2 เม.ย. 2553 :: ครู สควค. อบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริม ผศ.ดร.ไพศาล สุวรรณน้อยและอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์ศกษา มข.
ึ
การใช้ SOCIAL MEDIA ในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งจะได้จัดขยายผลต่อไป ประชุมจัดทำ�หลักสูตรร่วมกับ CURTIN UNIVERSITY OF TECHNOLOGY
พิมพ์ที่ :  บริษัท รุ่งธนเกียรติออฟเซ็ท จำ�กัด บริการสมาชิกโดย : ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี (ศวคท.)

TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)

  • 1.
    พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือกประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วารสาร ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 ชมรมครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ISSN 1905-758X TSMT Journal สนับสนุนโดย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
  • 2.
    2 วารสาร สควค. ปีที่ 4ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 16 ม.ค. 2553 :: ครู สควค.ร่วมงานวันครู ณ หน่วยงานราชการ 5 ก.พ. 2553 :: นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผอ.สสวท. เป็นประธาน ในสังกัดทั่วประเทศ (น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที) ในพิธีเปิดการประชุมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย กทม. ครูปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก สควค. รุนที่ 7 และครูไพศาล วงศ์กระโซ่ สควค. รุนที่ 11 ชนะเลิศและรับรางวัล INNOVATIVE TEACHER ่ ่ 2010 เป็นตัวแทนครูไทยไปเสนองานที่ประเทศสิงคโปร์ สนับสนุนโดย บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำ�กัด 9-11 มี.ค. 2553 :: สุดยอดครูไทย หัวใจไอที (INNOVATIVE TEACHER 2010) จำ�นวน 10 คน ตัวแทนประเทศไทยนำ�เสนอผลงาน ไอที ที่สิงคโปร์ ครูปรียาภรณ์ เสนอผลงาน “สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย”และครูไพศาล เสนอผลงาน “การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ” 11-13 ม.ค. 2553 :: ครู สควค. นำ�นักเรียนร่วมเข้าค่ายกล้วย...กล้วย 17 ก.ค. 2553 :: ชมรมครู สควค. ร่วมต้อนรับคณะนักศึกษา มหัศจรรย์พันธุ์ไม้แห่งมนุษยชาติ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร นานาชาติที่ศึกษาที่ ม.ขอนแก่น ณ หมู่บ้านช้าง จังหวัดสุรินทร์
  • 3.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 วารสาร สควค. 3 สารบัญ หน้า 4 บทบรรณาธิการ ครูศักดิ์อนันต์ อนันตสุข E-mail :: anantasook@gmail.com สวัสดีครับ พีนองเพือนสมาชิกชมรมครู สควค. และ ่ ้ ่ ท่านผู้อ่าน “วารสาร สควค.” ทุกท่าน ขอแสดงความชื่ น ชมยิ น ดี กั บ ครู สุ พ รรณวดี เพชรเรียง (รุ่น9) ครูปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก (รุ่น 7) และครู ไพศาล วงศ์กระโซ่ (รุ่น 11) ที่ได้รับรางวัลต่างๆ ซึ่งแสดง ให้เห็นว่า ครู สควค. ของเรา เป็นครูทมคณภาพ เป็นครูผสร้าง ี่ ี ุ ู้ สังคมแห่งการเรียนรูอย่างแท้จริงและได้ท�ให้เราได้เรียนรูวา ้ ำ ้่ ความสำ�เร็จเหล่านั้น เกิดจากความตั้งใจดีและความมุ่งมั่น ในการพัฒนานักเรียนจนประสบความสำ�เร็จ และความสำ�เร็จ ของนักเรียนก็จะส่งผลให้ครูได้รับความสำ�เร็จและมีความ ก้าวหน้าทางวิชาชีพต่อไป ผมมีความมันใจว่า เราสามารถนำ�สิงทีอยูรอบตัวเรา ่ ่ ่ ่ ภูมิปัญญาของบรรพชนเรา รวมถึงประเด็นทางวิทยาศาสตร์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จริ ง ในสั ง คม มาใช้ เ ป็ น ประเด็ น หลั ก หรื อ เป็ น ตัวจุดประกายความสนใจให้เกิดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิ ต ศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ไ ด้ อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ ผล งานของครู สควค. ในวารสารฉบับนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ซึ่งผู้สนใจสามารถนำ�ไปเป็นแนวทางปฏิบัติได้จริง ชมรมครู สควค. ขอเป็นกำ�ลังใจให้กับครู สควค. ทุกคนในการปฏิบัติงาน กองบรรณาธิการ เปิดรับบทความ จากทุกท่าน หากมีขอเสนอแนะประการใด ทีมงานขอน้อมรับ ้ ด้วยความยินดี - พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือก ประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว - วันสำ�คัญ บันทึกไทย : 13 มีนาคม วันช้างไทย 5 - การนำ�เทคโนโลยี Web 2.0 ไปประยุกต์ใช้ 6 กับการเรียนการสอนรูปแบบซิปปา เพื่อพัฒนา ทักษะการคิดสร้างสรรค์ - นวัตกรรมการเรียนรู้ : สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย 8 - นวัตกรรมการเรียนรู้ : การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ 10 - ครู สควค.รักครอบครัว สูตรเติมรัก ทำ�ชีวิตให้มีสุข 12 - เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม 14 จากแหล่งเรียนรู้วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน - พระบรมราโชวาท / กิจกรรมพัฒนาเครือข่าย 16 และวิชาชีพครู สควค. ระดับ ป.โท ม.ขอนแก่น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชมรมครูที่มีความ สามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี 2. เพื่ อ เป็ น เวที ใ นการแลกเปลี่ ย นความรู้ ทางวิชาการ ประสบการณ์การสอน การวิจัยในชั้นเรียน ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการสอนของครูและการเรียนรู้ของผู้เรียน 3. เพือเผยแพร่ความรูทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ่ ้ และเทคโนโลยี ให้กว้างขวางและเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง บรรพชนคนสุรินทร์ จับพระยาช้างเผือกถวายพระเจ้าแผ่นดิน ขอเชิญเที่ยวงานช้างสุรินทร์ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ราว พ.ศ. 2302 (หรือ 2303 - 2304) พระยาช้างเผือกของพระที่นั่งสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) ได้แตกโรงหนีจากกรุงศรีอยุธยามาทางทิศตะวันออกทรงโปรดเกล้าฯ ให้ สองพี่น้อง คุมไพร่พล 30 นายออกติดตามเอาพระยาช้างเผือกคืน จนถึงชาวส่วยแทรกโพนช้างบ้านกุดหวาย ครั้งนั้น หัวหน้าชาวส่วย (เชียงสี เชียงปุม เชียงฆะ เชียงขัน เชียงสง เชียงไชย) ได้ช่วยกันจับเอาพระยา ช้างเผือกถวายคืนกรุงศรีอยุธยา และได้รับปูนบำ�เหน็จความดีความชอบเป็นเจ้าเมืองปกครองคน ในชุมชนของตน (จากหนังสือประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดสุรินทร์) ขอเชิญครูทุน สควค. ในภูมิภาคต่างๆ ส่งภาพข่าวที่เกี่ยวกับผลงานเด่นของตนเอง รวมถึงงานเขียน บทความเกี่ยวกับ การพัฒนาการเรียนการสอน ประสบการณ์การวิจย เพือเผยแพร่ ในวารสาร สควค. หรือเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.krusmart.com ั ่ บทความในวารสาร สควค. เป็นความคิดเห็นและทัศนะของผู้เขียน ชมรมครู สควค. ไม่จำ�เป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป
  • 4.
    4 วารสาร สควค. ปีที่ 4ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 เรื่องจากปก พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือกประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยวิกิพีเดียพจนานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org เรียบเรียงโดย ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข มีความเชื่อแต่โบราณว่า “ช้างเผือก เป็นหนึ่งในแก้ว เจ็ดประการของกษัตริย์ ที่จะเป็นพระจักรพรรดิ ผู้มีพระราช อำ�นาจแผ่ไปไพศาล ยิ่งกว่าพระราชาทั้งปวง” พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นพระยาช้างเผือก ประจำ�รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพลอดุลยเดช ิ เป็นช้างสำ�คัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำ�พวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดง ได้รับพระราชทานนาม เต็มว่า “พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนามนาคบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกทลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาต สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้าฯ” พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นช้างพลายเผือกโท เกิ ด ในป่ า เขตจั ง หวั ด กระบี่ เมื่ อ ประมาณ พ.ศ. 2494 ถูกคล้องได้ที่ บ้านหนองจูด ตำ�บลดินอุดม อำ�เภอลำ�ทับ จังหวัดกระบี่ เมื่อ พ.ศ. 2499 โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่องและ นายปลื้มสุทธิเกิด (หมอเฒ่า) เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลง ช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆ อีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อย โดยในตอนนันพระเศวตอดุลยเดช ้ พาหนฯ ได้ชื่อว่า “พลายแก้ว” มีความสูง 1.60 เมตร เมื่อ พระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ) ได้ตรวจสอบคชลักษณ์แล้ว พบว่าเป็นช้างสำ�คัญ จึงนำ�มาเลียงไว้ทสวนสัตว์ดสต เมือเดือน ้ ี่ ุิ ่ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การ สวนสั ต ว์ แ ห่ ง ประเทศไทยได้ นำ � ช้ า งพลายแก้ ว ขึ้ น ทู ล เกล้ า ทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็น ช้างต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ่ ั โปรดกระหม่ อ ม ให้ กำ � หนดพระราชพิ ธี ส มโภชขึ้ น ระวาง ช้ า งเผื อ กประจำ � รั ช กาล ณ โรงช้ า งต้ น พระราชวั ง ดุ สิ ต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เป็นปีที่ 13 ในรัชกาล ปัจจุบน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึนโดยการดูแลของ ั ้ องค์การสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์ดุสิต และมีอาการดุร้ายมากขึ้น จนควาญช้างควบคุมไม่ได้ และเป็นที่เกรงกลัวของบุคคล ทั่วไป จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวณีย์ โปรดเกล้าฯ ให้น�พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ำ เข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ. 2519 หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้บันทึกไว้ว่า “ในขณะที่นำ�คุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวน จิ ต รลดา ซึ่ ง เพี ย งแต่ มี ถ นนคั่ น อยู่ ส ายเดี ย วนั้ น คุ ณ พระ ก็ อ าละวาดอย่ า งหนั ก ไม่ ย อมออกเดิ น เอางวงยึ ด ต้ น ไม้ จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่...กว่าจะนำ� คุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกัน แค่ นั้ น ก็ กิ น เวลาหลายชั่ ว โมง ต้ อ งใช้ ค นเป็ น จำ � นวนมาก ถือปลายเชือกที่ผูกไว้กับขาคุณพระทั้งสี่ขา คอยลากคอยดึง และดู เ หมื อ นจะต้ อ งใช้ ร ถแทรกเตอร์ เข้ า ช่ ว ยขนาบข้ า ง เสี่ยงอันตรายกันมากอยู่ แต่ในที่สุดก็นำ�คุณพระไปยังประตู พระราชวังได้...พอได้ ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความ สงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่ อย่างสงบเรื่อยมา” ปัจจุบัน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำ�เภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรขนธ์ ีั โดยเคลื่ อ นย้ า ยคุ ณ พระเศวตอดุ ล ยเดชพาหนฯ เมื่ อ วั น ที่ 17-18 มีนาคม พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำ�เนินทรงประกอบพระราชพิธสมโภชโรงช้างต้น ี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2547 และเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิรราชสมบัตครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ทรงมีกระแส ิ ิ พระราชดำ�รัสให้จัดสร้าง คชาภรณ์ หรือเครื่องทรงช้างต้น ชุดใหม่ พระราชทานแก่พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ อีกด้วย
  • 5.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 วารสาร สควค. วันสำ�คัญ บันทึกไทย 5 13 มีนาคม วันช้างไทย ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข สควค.รุ่น 6 ครู คศ.1 ร.ร.นารายณ์คำ�ผงวิทยา จ.สุรินทร์ คณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชน ทีท�งานเกียวกับการอนุรกษ์ชางไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์ ่ ำ ่ ั ้ ของชาติ สำ�นักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่ ง เป็ น วั น ที่ ค ณะกรรมการคั ด เลื อ กสั ต ว์ ป ระจำ � ชาติ มี ม ติ ให้ช้างเผือกเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความ เหมาะสมทีจะกำ�หนดให้เป็นวันช้างไทย จึงได้น�เสนอมติเข้าสู่ ่ ำ คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตร และสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปี เป็นวันช้างไทย และได้ประกาศสำ�นักนายกรัฐมนตรีลงใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำ�คัญ และการดำ�รงอยู่ ของช้างไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ให้ความ ช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น ผลจากการที่ ป ระเทศไทยมี วั น ช้ า งไทยเกิ ด ขึ้ น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำ�คัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับ อาทิเช่น - เป็นสัตว์คู่บารมีขององค์พระมหากษัตริย์ ช้างเผือก ได้รับการยกย่องเสมือนเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า - สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภาลั ย รัชกาลที่ 2 สยามประเทศใช้ธงชาติเป็นรูปช้างเผือก - สมัยพระนเรศวรมหาราช ทรงชนะการทำ�ยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา แห่งหงสาวดี โดยช้างทรงในสมเด็จ พระนเรศวรนับว่าเป็นช้างไทยที่ได้รับเกียรติอันสูงสุด ได้รับ พระราชทานยศให้เป็นถึง “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” - ช้างคือพาหนะสำ�คัญที่อัญเชิญพระพุทธมณีรัตน ปฏิมากร (พระแก้วมรกต) มาสถิตย์ ณ วัดพระศรีรตนศาสดาราม ั - งานพระราชพิ ธี ต่ า งๆ อาทิ พระราชพิ ธี เ ฉลิ ม พระชนมพรรษา งานพระราชพิ ธี ฉั ต รมงคลหรื อ งาน พระราชทานงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชอาคันตุกะ หรื อ ประมุ ข ของต่ า งประเทศที่ พ ระที่ นั่ ง จั ก รี ม หาปราสาท จะต้องนำ�ช้างเผือกแต่งเครื่องคชาภรณ์ไปยืนที่แท่นเกยช้าง ด้านตะวันตกของพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพระเกียรติยศ - ใช้ในการคมนาคมและการทำ�อุตสาหกรรมป่าไม้ในอดีต ศู น ย์ ก ารเรี ย นรู้ วิ ท ยาศาสตร์ คณิ ต ศาสตร์ แ ละ เทคโนโลยี โดยทุนสนับสนุนจากสำ�นักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้กำ�หนดจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ สร้างชุดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ท้องถิ่น เรื่อง สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 และคณะทำ�งานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล ณ ศูนย์ คชศึกษา บ้านตากลางและวัดป่าอาเจียง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2553 และได้ดำ�เนินการจัดทำ�ชุดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท้องถิ่น เรื่อง “สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่” สำ �หรับการเรียนรู้ ด้วยตนเอง ประกอบด้วย 7 บทเรียน จำ�นวน 32 หน้า ดังนี้ - บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับหมู่บ้านช้าง - บทที่ 2 ธรรมชาติและเผ่าพันธุ์ของช้าง - บทที่ 3 อาหาร และยาสมุนไพรของช้าง - บทที่ 4 พิธีกรรมและความเชื่อเกี่ยวกับช้าง - บทที่ 5 ประเพณีและความผูกพันของคนกับช้าง - บทที่ 6 ภูมิปัญญาในการเลี้ยงชาวของชาวกูย - บทที่ 7 การอนุรักษ์ช้างสุรินทร์ สุรินทร์มีแหล่งท่องเที่ยวสำ�คัญที่เกี่ยวกับช้าง คือ หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง บ้านกระโพและบ้านศาลา ตำ�บล กระโพ อำ�เภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในหมู่บ้านช้างมีชาว ไทยกูย (กวย) หรือส่วย เลี้ยงช้างเป็นเพื่อน เหมือนญาติ พี่น้องในครอบครัว ชาวไทยกูยสืบทอดวัฒนธรรมการจับฝึก และบังคับช้างจากบรรพบุรุษตามตำ�นานคชศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรียนรู้จากการถ่ายทอด จดจำ�กันมา การดำ�เนินการครังนี้ จึงนับได้วามีสวนช่วยสืบสาน ้ ่ ่ ภูมิปัญญาของบรรพชน คนเลี้ยงช้าง จังหวัดสุรินทร์ ผู้สนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.anantasook.com
  • 6.
    6 วารสาร สควค. ผลงานวิจัยครู สควค. ปีที่4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 การนำ�เทคโนโลยี Web 2.0 ไปประยุกต์ใช้ กับการเรียนการสอนรูปแบบซิปปา เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ เจนจิรา แสนไชย สควค. รุ่น 6 ครู คศ.1 ร.ร.ราชประชานุเคราะห์ 27 จ.หนองคาย ที่มาและความสำ�คัญ จากการจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นการสอน วิ ช า คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ ของนักเรียนชั้น ม.5/3 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย พบว่า นักเรียน ยังขาดทักษะกระบวนการคิด การคิดอย่างสร้างสรรค์ และขาด ทักษะกระบวนการกลุ่ม ขาดความกระตือรือร้นในการเรียน ซึ่งส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตํ่า ผู้วิจัยจึงเห็นว่าจะต้องมีการพัฒนารูปแบบการสอน ที่เ น้น ผู้ เรี ย นเป็ น สำ � คั ญเพื่อให้นัก เรียนได้สร้างองค์ค วามรู้ ที่คงทนด้วยตนเอง จึงสนใจที่จะพัฒนากิจกรรมการเรียน การสอน โดยนำ�เทคโนโลยี web 2.0 ไปประยุกต์ใช้กบการเรียน ั การสอนรูปแบบซิปปา ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย สามารถสร้างและค้นพบความ รู้ ด้ ว ยตนเอง ส่ ง เสริ ม การมี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ ผู้ อื่ น ได้ พั ฒ นา ทักษะกระบวนการกลุ่ม มีการจัดทำ�และบันทึกข้อมูลความรู้ ผ่านเว็บไซต์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลที่สนใจร่วมกัน โดยการสอบถามและเพิ่มเติมความรู้ใหม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 66 ที่ ผู้ เรี ย นมี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ การพั ฒ นาขี ด ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยีเพือการศึกษา ในโอกาสแรกทีท�ได้ เพือให้มความรู้ ่ ่ ำ ่ ี และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการ แสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การสอนด้วยรูปแบบซิปปา (CIPPA MODEL) ของ ทิศนา แขมมณี ที่นำ�มาประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรียนการ สอนครั้งนี้ มีขั้นตอนดังนี้ 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม เป็นการดึงความรู้ของ ผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้ เดิมของตน 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ เป็นการแสวงหาข้อมูล ความรู้ใหม่ที่ผู้เรียนยังไม่มีจากแหล่งข้อมูลหรือแหล่งความรู้ ต่ า งๆ ซึ่ ง ครู อ าจเตรี ย มมาให้ ห รื อ ให้ คำ � แนะนำ � เกี่ ย วกั บ แหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนไปแสวงหาก็ได้ 3. ขั้ น การศึ ก ษาทำ � ความเข้ า ใจความรู้ ใ หม่ และ เชื่อมโยงกับความรู้เดิม ผู้เรียนต้องสร้างความหมายของข้อมูล ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยใช้กระบวนการต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น ใช้กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่มในการอภิปราย และสรุ ป ผลความเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ ข้ อ มู ล นั้ น ซึ่ ง ต้ อ งอาศั ย การเชื่อมโยงความรู้เดิม มีการตรวจสอบความเข้าใจต่อตนเอง หรือกลุ่ม โดยครูใช้สื่อและยํ้ามโนมติในการเรียนรู้ 4. ขั้ น การแลกเปลี่ ย นความรู้ ค วามเข้ า ใจกั บ กลุ่ ม เป็นขั้นที่ผู้เรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือ ในการตรวจสอบ ความรู้ความเข้าใจของตนเอง ขยายความรู้ความเข้าใจของตน ให้กว้างขึ้น 5. ขั้นการสรุปและจัดระเบียบความรู้ จัดสิ่งที่เรียนรู้ ให้เป็นระบบระเบียบ เพื่อช่วยให้จดจำ�สิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย 6. ขั้ น การแสดงผลงาน เป็ น ขั้ น ที่ ช่ ว ยให้ ผู้ เรี ย น ได้มีโอกาสได้แสดงผลงานการสร้างความรู้ของตนเองให้ผู้อื่น รับรู้ ช่วยให้ผู้เรียนตอกยํ้า หรือตรวจสอบ เพื่อช่วยให้จดจำ� สิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้ฝึกฝนการนำ�ความรู้ ความเข้าใจของตนเองไปใช้ในสถานการณ์ ต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความชำ�นาญ ความเข้าใจ วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ ซิปปาที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี web 2.0 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 2. เพิมค่าเฉลียคะแนนผลสัมฤทธิทางการเรียนให้สง ่ ่ ์ ู กว่าร้อยละ 80 3. เพือเพิมค่าเฉลียคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์ ่ ่ ่ ให้สูงกว่าระดับดีขึ้นไป ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ที่เรียน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำ�นวน 13 คน ซึ่งได้จาก การสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
  • 7.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 วารสาร สควค. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. รูปแบบการเรียนการสอน เป็นการประยุกต์การสอน รูปแบบซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์และสร้างต้นแบบ รู ป แบบการเรี ย นการสอนและผ่ า นการตรวจสอบจาก ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน 2. แผนการจัดการเรียนรูทประยุกต์การสอนรูปแบบ ้ ี่ ซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 เรื่องการใช้งานโปรแกรม Flash จำ�นวน 12 ชั่วโมง 3. แบบทดสอบเพื่อใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การใช้งานโปรแกรม Flash จำ�นวน 40 ข้อ 40 คะแนน 4. แบบประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์การสร้าง ชิ้นงาน 5. แบบสอบถามความพึ ง พอใจของนั ก เรี ย นต่ อ รูปแบบการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ โดยประยุกต์การสอน รูปแบบซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 การดำ�เนินการวิจัย 1. สอนตามรูปแบบ การประยุกต์การสอนรูปแบบ ซิปปาร่วมกับเทคโนโลยี web 2.0 กับนักเรียนชั้น ม. 5/3 ในระหว่างเรียนให้นกเรียนทำ�ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิทางการเรียน ั ์ และสร้างชิ้นงาน จากนั้นนำ�ชิ้นงานไปนำ�เสนอผ่านเทคโนโลยี web 2.0 แล้วให้รุ่นน้อง เพื่อนๆ และครู ร่วมกันให้คะแนน ความคิดสร้างสรรค์ผ่าน web 2.0 นำ�คะแนนที่ได้จากการ ทดสอบและคะแนนจากการประเมิ น ความคิ ด สร้ า งสรรค์ ของชิ้นงานไปหาค่า E1 2. นักเรียนทำ�ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากนั้นนำ�คะแนนที่ได้จากการทดสอบและคะแนนจากการ ประเมินความคิดสร้างสรรค์ของชิ้นงานชิ้นสุดท้าย จากการให้ คะแนนของครูและเพื่อนๆ ผ่าน web 2.0 ไปหาค่า E2 3. น�คะแนนมาวิเคราะห์หาค่า E1/E2 ตรวจสอบว่า ำ มีประสิทธิภาพมากกว่า 80/80 หรือไม่ 4. สอบถามความพึงพอใจ 5. วิเคราะห์หาร้อยละของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ค่าเฉลียคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์ และวิเคราะห์ระดับ ่ ความพึงพอใจด้วยสถิติพรรณนา ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน 7 ผลการศึกษา ได้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ 82.42/82.51, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 81.25, ค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะความคิดสร้างสรรค์ อยู่ใน ระดับดีขึ้นไป, นักเรียนพึงพอใจต่อรูปแบบในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.62 ส่วนเบี่ยงเบน 0.28) นอกจากนี้ ยังพบว่า นักเรียนมีความกระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนมากขึน ้ ข้อเสนอแนะ 1. ขณะจั ด การเรี ย นรู้ ผู้ ส อนควรเพิ่ ม เติ ม เนื้ อ หา ในบทเรียนให้มาก เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เพียงพอและจำ�เป็น สำ�หรับการสืบค้นความรู้เพิ่มเติม 2. ในการจัดการเรียนรู้ นักเรียนและครูควรมีการ บันทึกอนุทินทุกครั้ง เพื่อเป็นร่องรอยหลักฐานในการทำ�งาน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดการเรียนการสอน ตัวอย่างผลงานของนักเรียนในบล็อก (เทคโนโลยีเว็บ 2.0) ตัวอย่างผลงานการใช้ Social Media ในการจัดการเรียนรู้ 14 มีนาคม วันคณิตศาสตร์โลก นักคณิตศาสตร์ได้ตกลงกันให้วันที่ 14 เดือน 3 ของทุกปี เป็นวันคณิตศาสตร์โลก (World Math Day) เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่มีการ ค้นพบค่าของ (Pi) ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจหรือความบังเอิญที่ pi มีค่าเท่ากับ 3.14 (วันที่ 14 เดือน 3) บางครั้งเราเรียกวันนี้ว่า “Pi Day” และวันนี้ตรงกับวันเกิดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein : ค.ศ. 1879-1955) ด้วย เป็นจำ�นวนอตรรกยะ ที่เขียนเป็นทศนิยมจะเป็นทศนิยมแบบไม่รู้จบที่ไม่ซํ้า แต่กำ�หนดใช้ค่าเท่ากับ 3.14 (หรือ 22/7) pi=3.14159265358979323846264338327950284197169…ผู้สนใจเกี่ยวกับค่า pi คลิกเข้าไปดูที่ www.piday.org เป็นเว็บไซต์ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อค่า pi โดยเฉพาะ จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย...น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงเปิดเรียนปกติ เพราะจะได้ถือเป็นโอกาส ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้สำ�หรับนักเรียนได้ แต่ครูคณิตศาสตร์ก็อาจใช้วันที่ 22 เดือน 7 แทนได้
  • 8.
    8 วารสาร สควค. ปีที่ 4ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 นวัตกรรมการเรียนรู้ สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย ปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก สควค. รุ่น 7 ครู คศ.1 ร.ร.บ้านสันป่าสัก จ.เชียงใหม่ นวัตกรรมการเรียนรู้ของครู สควค. ฉบับนี้ เรามีต้นแบบผลงานด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาของ สควค. 2 คน คือ นางสาว ปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก และนายไพศาล วงศ์กระโซ่ มานำ�เสนอต่อทุกท่าน ซึงนวัตกรรม 2 รายการ ได้รบรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ่ ั จากโครงการ “Thailand Innovative Teachers Leadership Awards 2010” ที่จัดโดยบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำ�กัด ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และเป็น 2 ใน 10 ตัวแทนประเทศไทย เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมและนำ�เสนอผลงาน เข้าประกวดระดับภูมภาคเอเชีย-แปซิฟก ในงาน “6th Asia Pacific Regional Innovative Education Forum 2010” ณ ประเทศ ิ ิ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งมีครูในเอเชีย-แปซิฟิกจาก 15 ประเทศได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมงานรวม จำ�นวนกว่า 200 คน อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังกลาเทศ บรูไน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไทย กองบรรณาธิการขอร่วมแสดงความชื่นชมยินดีในความสามารถ และขอแบ่งปันประสบการณ์ ของความสำ�เร็จแก่เพื่อนร่วมวิชาชีพทุกคน เมื่อปี พ.ศ. 2549 อำ�เภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็น สถานที่ในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ซึ่งมีการจัดแสดงพันธุ์ไม้นานาชนิด หลังจาก มหกรรมพืชสวนโลกจัดแสดงประมาณ 1 เดือน สพท. เชียงใหม่ เขต 4 มีแนวคิดที่จะเก็บองค์ความรู้ไว้เพื่อให้เป็นประโยชน์ ในการศึ ก ษาของนั ก เรี ย น จึ ง ได้ ใ ห้ ง บประมาณส่ ว นหนึ่ ง แก่โรงเรียนนำ�นักเรียนเข้าไปทัศนศึกษา เก็บข้อมูล สร้างองค์ ความรู้ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำ�เสนอองค์ความรู้เหล่านั้น โดยโรงเรี ย นบ้ า นสั น ป่ า สั ก ได้ รั บ มอบหมายให้ เข้ า ไปเก็ บ รวบรวมองค์ความรู้ที่สวนสมุนไพร นายพิกด ขัตพนธุ์ ผูอ�นวยการโรงเรียนบ้านสันป่าสัก ั ิ ั ้ำ จึ ง ได้ ป ระชุ ม ครู ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยนางวั ล ลภา พรมท้ า ว ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ และนางสาวปรียาภรณ์ ทะพิงค์แก ครูผู้สอนเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ร่วมกันวางแผนในการจัด แผนการเรียนรู้ วิธีการรวบรวมองค์ความรู้และเทคโนโลยี สำ�หรับการเผยแพร่องค์ความรู้ โดยครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ จะเน้นให้นักเรียนได้รับความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร ส่วนครู ผู้ส อนเทคโนโลยี จะเน้นให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการ แก้ปญหาโดยใช้สารสนเทศ (Information problem-solving) ั จากนั้นจึงนำ�นักเรียนชั้น ม.1-3 เข้าศึกษาแหล่งเรียนรู้ในงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 แล้วนักเรียนจึงใช้กระบวนการเทคโนโลยีสนเทศในการสร้าง และเผยแพร่องค์ความรู้สมุนไพรไทย และภูมิปัญญาไทยจาก แหล่งเรียนรู้ จึงทำ�ให้มีเว็บไซต์สวนสมุนไพร (http://www. sps-school.com/herbal) เกิดขึ้น ปีการศึกษา 2552 ผู้เขียนซึ่งเป็นครูผู้สอนเทคโนโลยี สารสนเทศ เห็นว่าเว็บไซต์สวนสมุนไพรยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้ ที่ดีสำ�หรับนักเรียน จึงได้จัดแผนการเรียนรู้ให้นักเรียนรุ่น ปัจจุบัน เรียนรู้การแก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศและเพิ่มขีด ความสามารถของเว็บไซต์ให้นักเรียนสามารถเพิ่มองค์ความรู้ ได้เอง จนเกิดเว็บไซต์องค์ความรู้สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน โดยมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ดังนี้ 1) ครู นำ � เข้ า สู่ บ ทเรี ย นโดยเล่ า ถึ ง เรื่ อ งภู มิ ปั ญ ญา ไทย แล้วให้นักเรียนช่วยกันเสนอเรื่องเกี่ยวกับภูมิปัญญาไทย ในท้องถิ่นของนักเรียน เป็นขั้นตอนในการ Brainstorm 2) นักเรียนเข้าเว็บไซต์สวนสมุนไพรไทย แล้วเชือมโยง ่ เข้ากับภาระงาน 3) นั ก เรี ย นทำ � ใบงาน “สื บ เสาะสมุ น ไพรไทย ภูมิปัญญาไทย” ซึ่งระบุให้นักเรียน ไปถ่ายรูปสมุนไพรที่บ้าน นักเรียน จากนันใช้การแก้ปญหาโดยใช้สารสนเทศในการสร้าง ้ ั องค์ความรู้ของนักเรียนเอง 4) นักเรียนศึกษาวิธีการเผยแพร่องค์ของความรู้ของ นักเรียนจากเว็บไซต์ http://www.sps-school.com/herbel ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยี Web 2.0 โดยครูคอยชี้แนะและ ให้คำ�ปรึกษา จากนั้นนักเรียนปฏิบัติการเผยแพร่องค์ความรู้ ของนักเรียนลงในเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งนักเรียนจะเห็นผลงาน ทั้งของตัวเอง และเพื่อน ทำ�ให้เป็นส่วนกระตุ้นให้นักเรียน พัฒนาผลงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น 5) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับขั้นตอนการ แก้ปัญหาโดยใช้สารสนเทศ
  • 9.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 วารสาร สควค. 9 กระบวนการจั ด การเรี ย นรู้ ดั ง กล่ า วทำ � ให้ นั ก เรี ย น ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยใช้เรื่องรอบตัวมาผสมผสาน กับการใช้เทคโนโลยี Web 2.0 แล้วใช้กระบวนการแก้ปัญหา โดยใช้ เ ทคโนโลยี ส ารสนเทศ ซึ่ ง จะเน้ น การใช้ เ ทคโนโลยี สารสนเทศเป็นเครื่องมือในการค้นหา รวบรวม สังเคราะห์ นำ�เสนอ และประเมินผลสารสนเทศ มาพัฒนาทักษะทางด้าน คอมพิวเตอร์ ที่จะติดตัวกับนักเรียนตลอดไป การสร้ า งนวั ต กรรมนี้ เกิ ด ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง นักเรียนและผู้ปกครอง ตลอดจนคนในชุมชน โดยใช้แหล่ง เรี ย นรู้ ที่ บ้ า นหรื อ ชุ ม ชนของนั ก เรี ย นเป็ น สถานที่ ถ่ า ยรู ป สมุนไพร เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการสืบเสาะหาความรู้ของ นั ก เรี ย น เนื่ อ งจากพื ช สมุ น ไพรบางชนิ ด ที่ นั ก เรี ย นไม่ รู้ จั ก นักเรียนต้องถามจากผู้รู้ อาจจะเป็น พ่อ แม่ หรือ คนเฒ่า คนแก่ ที่อยู่บริเวณนั้น เป็นการสืบสานผู้ปัญญาไทยจากรุ่น สู่รุ่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง และคนในชุมชน เป็นอย่างดี ที่จะให้ความรู้แก่นักเรียน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้น ให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในความเป็นไทยอีกด้วย สำ�หรับการนำ�เสนอผลงานทีประเทศสิงคโปร์นน คณะ ่ ั้ กรรมการจะตัดสินคัดเลือกผลงานประเทศละ 1 คน เพือเข้าร่วม ่ ประชุม “Worldwide Innovative Teachers Leadership Forum” ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ในเดือน ตุลาคม 2553 ซึงผลปรากฏว่า ครูรงกานต์ วังบุญ จากโรงเรียน ่ ุ่ ปรินส์รอแยลล์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ได้รับคัดเลือกให้เป็น ตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมงานดังกล่าว โครงการ Microsoft Innovative Teachers Leadership Awards จัดมาแล้ว 6 ปีด้วยกันและเบื้องต้น จะจัดต่อเนื่องไปอีก 4 ปี จึงขอเชิญชวนครูไทย โดยเฉพาะครู สควค. ทีมนวัตกรรมการเรียนการสอนทีดๆ ได้น�มาประกวดกัน ่ี ่ี ำ ซึ่งจากการเข้าร่วมการประกวดและเข้าร่วมการประชุมระดับ นานาชาติ นั้ น ข้ า พเจ้ า ได้ รั บ ความรู้ แ ละประสบการณ์ ที่ ดี มิตรภาพจากเพื่อนครูด้วยกัน เทคนิควิธีการสอนในระดับ โลก เพราะครูทกคนจะต้องเตรียมรับการปรับเปลียนการเรียน ุ ่ การสอนให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะได้นำ�ความรู้มาพัฒนา การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป Microsoft Innovative Teachers Leadership Awards นายชิณวรณ์ บุญยเกียรติ รมว.ศธ. กล่าวว่า การ ศึกษาในยุคปัจจุบัน เป็นการศึกษาในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่ ใช้ เ ทคโนโลยี ส ารสนเทศเป็ น เครื่ อ งมื อ ในการเรี ย น การสอน และเพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงมี ความจำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับทุกคน โครงการในวันนี้ทำ�ให้ เห็นว่า ครูและนักเรียนประสบความสำ�เร็จและมีความ ก้ า วหน้ า ในเรื่ อ งการพั ฒ นาเทคโนโลยี แ ละสารสนเทศ ตามลำ�ดับ นอกจากนี้ นโยบายของ ศธ. ได้ยกระดับการ สือสารและการใช้เทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ (National ่ Education Network หรือ Ned Net) ซึ่งจะมีการลงทุน เป็นจำ�นวนหมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ฮาร์ ด แวร์ ซอฟต์ แวร์ และสร้ า งระบบ Interactive เพื่อใช้ในการเรียนรู้ระหว่างนักเรียนกับครู สำ�หรับการ ปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง คุณสมบัติของครูผู้สมัคร เป็นครู ระดับประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษา ที่สอนในทุกกลุ่มสาระวิชา เป็นครูหัวใจไอที ที่มีผลงาน ของตนเอง ในการสร้างสรรค์ และนำ�เทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารการศึกษา และหรือการ สอนทุกสาระการเรียนรู้ มีผลต่อการพัฒนาการศึกษาไทย ต่อเพื่อนครูและนักเรียน และวงการการศึกษาไทย หลักเกณฑ์ในการตัดสิน 100 คะแนน มีแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงาน ในการบูรณาการ แผนการสอนร่วมกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือความเป็น นวัตกรรมใหม่ โดยมีเทคนิคการนำ�เสนอที่ดีและน่าสนใจ ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.pil.in.th
  • 10.
    10 วารสาร สควค. ปีที่4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 นวัตกรรมการเรียนรู้ การสร้างหุ่นยนต์ทำ�มือ (Handmade Robots) ไพศาล วงค์กระโซ่ สควค. รุ่น 11 ครู คศ.1 ร.ร.หนองสูงสามัคคีวิทยา จ.มุกดาหาร นวัตกรรมเรือง การสร้างหุนยนต์ท�มือ (Handmade ่ ่ ำ Robots) ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศจากโครงการ “Thailand Innovative Teachers Leadership Awards 2010” มีรายละเอียดในแต่ละประเด็น ดังนี้ 1. เป็นผลงาน ที่ใช้ในกลุ่มสาระ และช่วงชั้นใด เป็นผลงานในวิชากิจกรรมชุมนุมหุ่นยนต์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 3 และ 4 2. วัตถุประสงค์หรือผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้ เพื่ อ พั ฒ นาทั ก ษะกระบวนการของนั ก เรี ย นที่ มี ความสนใจ และต้องการที่จะเรียนรู้ในเรื่องหุ่นยนต์ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กลศาสตร์ การประยุกต์ใช้โปรแกรม ช่วยในงานออกแบบ การประดิษฐ์ และงานช่าง เป็นต้น 3. จุดเด่นของผลงาน หรือกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนจะได้เรียนรูตามหลักทฤษฏี constructionism ้ คือ นักเรียนเรียนรูจากการทำ�ชินงาน โครงการในสิงทีตนสนใจ ้ ้ ่ ่ ซึ่งนักเรียนต้องสร้างชิ้นงานของตนเองอย่างน้อย 1 ชิ้นงาน หรือ 1 กลุ่มต่อชิ้นงาน ถ้าเป็นงานในลักษณะที่ซับซ้อนขึ้นมา โดยที่นักเรียนคิดเอง สร้างเองด้วยตนเองโดยอิสระ จากการ เรียนตามกระบวนการเรียนรู้ (learning process) ที่ผู้สอน สร้างขึ้น โดยการเน้นเอา CAD มาช่วยในการสร้างชิ้นงาน 4. กลวิธีการสอน มีความเป็นนวัตกรรม อย่างไร ในวิชานี้นักเรียนทุกคนต้องมีชิ้นงานส่งครูอย่างน้อย 1 ชิ้นงาน ดังนั้น นักเรียนทุกคนต้องเรียนรู้ตามขั้นตอนคือ ต้องสืบค้นหาข้อมูล แนวคิดเกี่ยวกับชิ้นงานของตนอย่างเป็น ระบบ เมื่อได้แนวคิดแล้ว เขาจะนำ�แนวคิดนั้นมาเสนอครูก่อน ถ้าครูอนุมัติ นักเรียนก็จะร่างแบบหุ่นยนต์ลงในกระดาษ และ ใช้ซอฟแวร์เพือจำ�ลองการทำ�งานว่าเมือสร้างจริง แบบทีรางไว้ ่ ่ ่่ สามารถทำ � งานได้ จ ริ ง อย่ า งที่ คิ ด ไว้ ห รื อ ไม่ โปรแกรมที่ ใช้ ก็ได้แก่ Linkage mechanism simulator และ crocodile technology 3d ซึงนักเรียนสามารถศึกษาจากคูมอการใช้งาน ่ ่ื ที่ผู้เขียนได้จัดทำ�ขึ้น เมื่อจำ�ลองการทำ�งานแล้วเขาจะต้อง ใช้ CAD มาช่วยในการสร้างโมเดลเสมือนจริง โปรแกรมที่ใช้ ได้แก่ Microsoft office 2007 และ CADstd Lite โดยนักเรียน สามารถศึกษาจากคู่มือการใช้โปรแกรมช่วยในการออกแบบ ที่ได้จัดทำ�ขึ้น จากนั้นเขาจะลงมือทำ�หุ่นยนต์ตามแบบที่ร่างไว้ โดยต้องใช้ทักษะต่างๆ มากมายในการทำ�ชิ้นงาน เช่น ทักษะ ทางช่าง การประดิษฐ์ การเลือกวัสดุที่ใช้ รวมถึงงบประมาณ เมื่อทำ�หุ่นยนต์แล้วนักเรียนต้องทดสอบและปรับปรุงหุ่นยนต์ ให้ดีขึ้นจนกว่าจะพอใจ จากนั้นนักเรียนจะจัดทำ�คู่มือการทำ� หุ่นยนต์นั้น เพื่อเผยแพร่ต่อผู้ที่สนใจ โดยผู้ที่ไม่เคยทำ�สามารถ ทำ�ตามคู่มือได้ 5. ความเกี่ยวข้องของความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ไอซีที ผูเ้ ขียนได้น�ไอชีทมาใช้ในการทำ�หุนยนต์ของนักเรียน ำ ี ่ โดยจะเริ่มตั้งแต่การสืบค้นอย่างเป็นระบบ ออกแบบจาก ความคิด จำ�ลองการทำ�งานของแบบโดยใช้ซอฟแวร์ ใช้ CAD มาสร้างโมเดลเสมือนจริง แล้วลงมือทำ�ตามแบบนั้น ซึ่งจะ มีโอกาสผิดพลาดน้อยลง ที่แตกต่างจากการทำ�แบบลองผิด ลองถูก ซึ่งต้องเสียทั้งเงินและเวลากว่าจะได้ชิ้นงานที่พอใจ 6. ผู้สอน/ผู้เรียนเป็นผู้นำ�ความเปลี่ยนแปลง อย่างไร ครูจะแสดงบทบาทเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ ส่วนภารกิจ ในการเรียนรู้ สร้างสรรค์จะต้องเป็นของนักเรียนแต่ละคนเอง ครูเสนอคำ�ถามทีจะทำ�ให้เกิดความคิดใหม่ๆ ในการสร้างชินงาน ่ ้ นักเรียนจะกำ�หนดเป้าหมายที่แน่นอน ลองผิดลองถูกเอง ในการทำ�หุนยนต์ไปจนกว่าจะพบวิธทถกต้องและดีทสด โดยมี ่ ี ี่ ู ี่ ุ การจำ�ลองการทำ�งานของหุ่นยนต์ก่อนลงมือสร้างจริง 7.ประโยชน์ทได้รบในการนำ�ผลงานไปใช้กอนและหลังเรียน ี่ ั ่ 7.1 ก่อนเรียน นักเรียนทีมาเรียนในกิจกรรมชุมนุมหุนยนต์ท�มือ ่ ่ ำ ไม่มีความรู้ แต่มีความสนใจที่ตรงกันคือ อยากเรียนรู้เรื่อง หุนยนต์ และอยากทีจะสร้างหุนยนต์ จากการสอบถามนักเรียน ่ ่ ่ ในชุมนุม พบว่า นักเรียนทุกคนไม่เคยได้ทำ�หุ่นยนต์ เคยแต่ เห็นภาพในโทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ นักเรียนไม่มั่นใจว่าตนจะ สร้างได้หรือเปล่า เพราะคิดว่าคงจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้ งบประมาณสูง ทั้งนี้เพราะฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนห่างไกลตัวเมือง และขาดโอกาส อันเนื่องจากฐานะทางครอบครัว ความสนใจและความอยากรู้ อยากปฏิบัติของนักเรียนเอง ที่ทำ�ให้นักเรียนมาสมัครเรียน ในชุมนุมนี้
  • 11.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 7.2 หลังเรียน นักเรียนทุกคนในกิจกรรมชุมนุมหุ่นยนต์ทำ�มือ จะมีชนงานของตนเองจากการเรียนรูในหลายๆ เดือนทีผานมา ิ้ ้ ่่ ได้สร้างองค์ความรู้ที่เกิดจากการสร้างชิ้นงาน ได้จิตนาการ อย่างสร้างสรรค์ ร่างแบบจากจินตนาการนั้น นำ�ไปสู่การ ออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีจากภาพร่างเป็นต้นแบบ และสร้าง หุ่นยนต์จากต้นแบบที่ได้ออกแบบไว้ด้วยตนเอง ได้แก้ปัญหา จากการสร้างหุ่นยนต์ การประยุกต์ใช้วัสดุที่มีอยู่อย่างจำ�กัด และใช้วัสดุในท้องถิ่นมาใช้ เกิดความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด จากสีหน้า อากัปกิรยาทีแสดงออกเวลาทำ�ชินงาน การมาทำ�งาน ิ ่ ้ หลังเลิกเรียนเป็นประจำ� 8. ผลของความสำ�เร็จ 1. อันดับที่ 1 ระดับประเทศ จากการแข่งขันหุนยนต์ ่ บังคับมือ ประเภทสำ�รวจดาวนพเคราะห์ ระดับ ม.ปลาย วารสาร สควค. 11 2. อันดับที่ 3 ระดับประเทศ จากการแข่งขันหุนยนต์ ่ บังคับมือ ประเภทสำ�รวจดาวนพเคราะห์ ระดับ ม.ต้นและได้ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในงาน Inter-city robotics Olympiad 2009 ที่ เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2552 และได้คว้ารางวัล แชมป์ประเภทหุนยนต์ ่ สำ�รวจดาวนพเคราะห์ มาครองเป็นครั้งแรกของประเทศไทย รวมถึงการได้รับรางวัลต่างๆ อีกมากมาย การนำ�เอาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการออกแบบ จำ�ลองการทำ�งานอย่างเป็นระบบนี้สามารถนำ�ไปใช้กับการ สร้างชินงานอืนได้อก เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ตางๆ นอกจากนี้ ้ ่ ี ่ นักเรียนยังได้ถกฝึกให้เรียนอย่างเป็นระบบและมีกระบวนการ ู ทำ�งานที่ดี ที่จะกลายเป็นทักษะติดตัวและจำ�เป็นต่อการใช้ ชีวิตประจำ�วันต่อไป และสามารถต่อยอดเป็นความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้านได้ในอนาคต ครู สควค. ชนะเลิศประกวดสื่อดิจิตอลเพื่อการเรียนรู้ (Digital Learning Contest) ครั้งที่ 1 ประเภทบุคคล จัดโดยเว็บไซต์ Thaigoodview.com ครูสุพรรณวดี เพชรเรียง สควค. รุ่น 9 โรงเรียนเกาะ พงันศึกษา (ปัจจุบันสอนที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา 2) รับถ้วย รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ในการชนะเลิศการประกวดสื่อดิจิตอลเพื่อการ เรียนรู้ ประเภทบุคคล จัดโดยเว็บไซต์ Thaigoodview.com ครู สุ พ รรณวดี เล่ า ถึ ง ผลงานที่ ส่ ง เข้ า ประกวดว่ า เป็นผลงานเกียวกับวิชาเคมี เรือง สารไฮโดรคาร์บอน จัดทำ�ขึน ่ ่ ้ เพือใช้เป็นข้อมูลประกอบการเรียนการสอน แต่เรืองนีสามารถ ่ ่ ้ ใช้ในการเรียนการสอนในช่วงชั้นที่ 4 ได้ด้วย นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช. ศึกษาธิการ ในฐานะประธาน เล่าถึงงานครั้งนี้ว่า ได้จัดประกวดสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบ เว็บไซต์ และสื่อสารคดีประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยว ท้องถิ่นขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการได้เพิ่มเนื้อหาการเรียนรู้ผ่าน ทางระบบอินเทอร์เน็ต การนำ�เสนอเนื้อหาที่แปลกใหม่เพื่อ กระตุ้นการเรียนรู้ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ�เพื่อให้มีเนื้อหาความรู้ ที่หลากหลาย และเป็นทางเลือกในการค้นคว้าของเยาวชน ต่ อ ไป และจั ด ได้ ว่ า เป็ น พื้ น ที่ ใ หม่ ใ นโลกดิ จิ ต อลที่ ส่ ง เสริ ม การเรียนรู้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์
  • 12.
    12 วารสาร สควค. ปีที่4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ด้วยครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครู สควค. รักครอบครัว :: สูตรเติมรัก ทำ�ชีวิตให้มีสุข ขอขอบคุณ :: สารสาธารณสุขสุรินทร์ ปีที่ 9 ฉบับที่ 5 และข้อมูลจากสำ�นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ในสังคมที่สับสน วุ่นวาย และซับซ้อน เช่นปัจจุบันนี้ แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน ทำ �งานด้วยกัน หรืออยูใกล้กน ก็อาจจะเป็นประเภท ใกล้ตว ไกลใจ หรือบางคน ่ ั ั ก็ไกลทั้งตัว ไกลทั้งใจ ดังนั้น จึงควรเติมรัก เติมรสชีวิต ด้วย การสร้างความสัมพันธ์ทดตอกัน กลุมประชาสัมพันธ์ สำ�นักงาน ี่ ี ่ ่ คณะกรรมการวั ฒ นธรรมแห่ ง ชาติ กระทรวงวั ฒ นธรรม ได้เสนอแนะสิงควรทำ� ( ) และไม่ควรทำ� ( ) จากพยัญชนะ ่ ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก (บางตัว) ซึ่งขอนำ�มาเผยแพร่ต่อ ดังนี้ ก ( ) ได้แก่ กอด พ่อแม่ ลูก สามี หรือภรรยา วันละครั้ง เพื่อแสดงความรัก ความห่วงใย และก่อนนอน อย่าลืม กราบพระ/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ เพื่อขอบคุณ และ ขอพรสำ�หรับวันต่อไป ก ( ) คือ ก้าวร้าว ไม่ว่ากับใคร เพราะจะทำ�ให้ เป็นคนน่าเบื่อ ไม่น่าอยู่ใกล้ ไม่มีใครอยากให้ไปไหนด้วย กลัวไปทะเลาะวิวาทกับเขา ข ( ) ได้แก่ ขอบคุณ จงกล่าวทุกครั้งที่มีคนทำ� อะไรให้ ขำ�ขัน คือ ให้เป็นคนมีอารมณ์ดี อารมณ์ขัน ข ( ) คือ ขุดคุ้ย เอาเรื่องเก่ามาว่าไม่จบสิ้น หรือ หาเรื่องมาประจานเขา ค ( ) ได้แก่ ครุ่นคิด และ ใคร่ครวญ คือ คิดก่อน ทำ�อะไรทุกครั้ง เพื่อมิให้ตัวเองและคนอื่นเสียใจภายหลัง ค ( ) คื อ คลั่ ง แค้ น อย่ า เป็ น คนโกรธไม่ รู้ ห าย อาฆาตไม่รู้จบ ทำ�ให้คนอยู่ใกล้ไม่มีความสุข ง ( ) ได้แก่ งดงาม ด้วยการทำ�ตัวเราให้งดงาม ทั้งกาย วาจาและใจ ง้องอน เมื่อเราทำ�ผิด หรือเพื่อทำ�ให้คน ทีเ่ รารักรูสกดีขน และรูจกเงียบเสียบ้าง เพือให้เกิดความสงบสุข ้ ึ ้ึ ้ั ่ ง ( ) คือ งก อยากได้เกินควร และไม่รู้จักแบ่งปัน จ ( ) ได้แก่ รู้จัดจดจำ�วันเกิด วันสำ�คัญของคน ในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก และทำ�อะไรเป็นพิเศษให้บ้าง ข้อสำ�คัญต้องจริงใจ ไม่เสแสร้งหลอกลวง อันจะทำ�ให้ต้อง หวาดระแวงกันตลอดเวลา จ ( ) คือ จู้จี้จุกจิก ใครทำ�อะไรให้ก็ไม่พอใจสักที และไม่เจ้าชู้ ให้เกิดปัญหาในครอบครัว หรือที่ทำ�งาน ฉ ( ) ได้แก่ ทำ�ตัวให้ฉลาดเฉลียว รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร รู้กาลเทศะ รู้จักพูด รู้จักทำ�สิ่งต่างๆ ฉ ( ) คือ เฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับความรู้สึก ของคนอื่น หรือ ฉุนเฉียวให้คนหวาดผวา ช ( ) ได้แก่ ชมเชย ชื่นชม คือ รู้จักกล่าวคำ�ชม หรือแสดงความชื่นชมในความสำ�เร็จหรือเรื่องดีๆ ของผู้อื่น ช ( ) คือ ช่วงชิง คือ อย่าไปแย่งของรัก ของหวง ของผู้อื่น หรือฉวยประโยชน์มาเป็นของเราโดยไม่ลงทุนลงแรง ซ ( ) ได้แก่ ซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซ ( ) คือ ซุบซิบนินทา หาเรื่องผู้อื่น หรือ เซ้าซี้ จนน่ารำ�คาญ และอย่าทำ�ท่า เซ็ง จนคนอื่นไม่สนุกไปด้วย ฒ ( ) ได้แก่ การเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ทรงความรู้ และ ทำ�ตัวให้น่าเชื่อถือ และคุยกับคนรุ่นใหม่รู้เรื่อง ฒ ( ) คือ อย่าทำ�ตัวเป็นเฒ่าทารก ไม่รู้จักโต เฒ่า สารพัดพิษ ที่เจ้าเล่ห์ และเฒ่าหัวงูที่เป็นอันตรายแก่เด็กสาว ด ( ) ได้แก่ ดี คือ ทำ�ดี ทำ�สิงทีถกต้องและมีเหตุผล ่ ู่ ด ( ) คอ ดุดา อย่าดุดาหรือใช้อารมณ์จนเกินเหตุผล ื ่ ่ ต ( ) ได้แก่ ตักเตือน เมื่อเห็นใครทำ�ผิด หรือทำ� ไม่ถูกต้องด้วยความหวังดี ต ( ) คอ ตลบตะแลง ใช้เล่หกล หรือโกหกหลอกลวง ื ์ ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ถ ( ) ได้แก่ ไถ่ถาม ห่วงใยทุกข์สุขของเพื่อนฝูง คนรู้จัก และคนที่เรารัก ถ ( ) คือ ถากถาง อันเป็นการพูดเหน็บ หรือค่อน ว่าให้คนอื่นเขาเจ็บใจ ท ( ) ได้แก่ ทะนุถนอม คือ การดูแลเอาใจใส่ ซึ่งกันและกัน ท ( ) คือ ทิฐิมานะ คือ การโอ้อวดถือดี ถือตัว ไม่ยอมแพ้ จะเอาชนะให้ได้ ธ ( ) ได้แก่ ธรรมะ คือ มีหลักธรรมเป็นเครื่อง ยึดเหนี่ยว เป็นแนวทางการดำ�เนินชีวิต ธ ( ) คื อ ธุ ร ะไม่ ใช่ ด้ ว ยการละเลย บอกปั ด ไม่สนใจจะช่วยเหลือใครทั้งสิ้น
  • 13.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 น ( ) ได้ แ ก่ นอบน้ อ ม เคารพคนที่ ค วรเคารพ มีนํ้าใจให้กับทุกๆ คน ช่วยเท่าที่ช่วยได้ น ( ) คือ นอกลู่นอกทาง หรือ นอกคอก ด้วยการ ไม่ประพฤติตนตามที่ควรเป็น บ ( ) ได้แก่ บุญ คือ การประกอบคุณงามความดี ทุกรูปแบบ บ ( ) คือ บดสีบัดเถลิง อันจะทำ�ให้ตัวเราและ ผู้เกี่ยวข้องอับอายขายหน้า เป็นที่รังเกียจ ป ( ) ได้แก่ ปลอบโยน เห็นใครมีทุกข์ ก็ปลอบใจ/ ให้คำ�ปรึกษา และเห็นอกเห็นใจเขา ป ( ) คื อ โป้ ป ดมดเท็ จ เป็ น การกล่ า วโกหก ครั้งต่อไปพูดอะไรคนเขาก็ไม่เชื่อ ผ ( ) ได้แก่ ผัวเดียวเมียเดียว อันจะช่วยลดปัญหา ครอบครัว และสังคม ทำ�ให้เด็กๆ อบอุ่น ผ ( ) คือ ผรุสวาท (ผะรุสะวาด) กล่าวคำ�หยาบ เป็นที่ระคายเคืองหูต่อผู้ที่ได้ยิน ฝ ( ) ได้แก่ ฝึกฝน คือ ทำ�อะไรด้วยความเพียร พยายามฝึก เช่น ฝึกฝนทำ�อาหารให้คนที่เรารักกิน ฝ ( ) คือ ใฝ่ตํ่า ชอบทำ�อะไรในทางลบ ก่อความ เสียหายแก่ตัวเองและครอบครัว พ ( ) ได้แก่ พรหมวิหาร 4 คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาต่อคนรอบข้าง พ ( ) คือ พนัน เพราะจะทำ�ให้เสียเงิน เสียเวลา และนำ�ไปสู่ความเดือดร้อนเรื่องอื่นๆ ฟ ( ) ได้แก่ ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อใครง่ายๆ หรือไม่ฟัง คำ�ยุยง ที่จะทำ�ให้เกิดความแตกแยก ฟ ( ) คือ ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ เพราะจะทำ�ให้เสีย ทรัพย์โดยใช่เหตุ และไม่จำ�เป็น ภ ( ) ได้แก่ ภาคภูมิใจ คือ ทำ�ตัวให้สง่า ผึ่งผาย ไม่ซอมซ่อ ทำ�ให้คนที่รักภูมิใจในตัวเรา ภ ( ) คือ ภาระ กล่าวคือ ทำ�ตัวไม่รู้จักโต ไม่รู้จักคิด เป็นที่หนักใจแก่คนอื่นตลอดเวลา ม ( ) ได้แก่ มัธยัสถ์ คือ รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด และเท่าที่จำ�เป็น ทำ�ให้ไม่เดือดร้อน ม ( ) คือ โมหะ ทำ�ตัวมืดมน ด้วยความหลงผิด ต่างๆ ย ( ) ได้แก่ ยกย่อง ให้เกียรติทุกคน ไม่ดูหมิ่น ดูแคลน ไม่ว่ากับพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง วารสาร สควค. 13 ย ( ) คือ เย้ยหยัน /เยาะเย้ย ทำ�ให้เขาเจ็บใจ เสียใจ และผูกใจเจ็บ หรือยุยงให้แตกแยก ร ( ) ได้แก่ รักตัวเอง และรักผู้อื่นให้เป็น และมี ระเบียบในการปฏิบัติตนและการทำ�งาน ร ( ) คือ รังควาน ด้วยการรบกวน ทำ�ให้ผู้อื่น เดือดร้อน หรือ แรด อันหมายถึง ดัดจริต จนคนเขาระอา ล ( ) ได้แก่ ละมุนละม่อม หรือละมุนละไม คือ ทำ�อะไรด้วยความอ่อนโยน นิ่มนวลต่อกัน ล ( ) คือ ลวนลาม ล่วงเกิน แทะโลมผู้อื่น ด้วย วาจาหรือการกระทำ�จนเป็นที่ดูถูก ว ( ) ได้แก่ วันทา คือ การไหว้ และแสดงอาการ เคารพต่อบุคคล สถานที่ที่ควรเคารพ ว ( ) คือ วู่วาม ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ และทำ�ให้เกิด เรื่องเกิดราวได้ง่าย ศ ( ) ได้แก่ ศักดิ์ศรี คือ ทำ�ตนให้มีเกียรติ และ มีศีล ทำ�ให้เราน่าคบ และน่าเคารพนับถือ ศ ( ) คือ ศัตรู อย่าก่อศัตรู หรือเป็นศัตรูกับผู้อื่น จะทำ�ให้ชีวิตเราไม่สงบสุข และกลุ้มใจ ส ( ) ได้แก่ สติ คือทำ�อะไรให้มีสติอยู่ตลอดเวลา และเสียสละ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสบ้าง ส ( ) คือ ส่อเสียด และเสแสร้ง เพราะจะทำ�ให้ คนโกรธ และไม่อยากคบ เพราะไม่จริงใจ ห ( ) ได้แก่ หอมแก้มคนทีเ่ รารักบ้างเป็นครังคราว ้ อันจะทำ�ให้ชีวิตรักสุข สดชื่น ห ( ) คือ หงุดหงิด อารมณ์เสียอยู่เสมอ ทำ�ให้คน อยู่ใกล้หมดความสุข อ ( ) ได้แก่ อโหสิ และให้อภัย แก่คนรอบข้าง และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา อ ( ) คือ เอาใจยากหรือ เอาใจออกห่าง ล้วนทำ�ให้ เกิดปัญหาทั้งสิ้น ฮ ( ) ได้แก่ แฮปปี้ (Happy) คือ ทำ�ตัวให้สบาย มีความสุขตลอดเวลา อย่าเป็นคนเจ้าทุกข์ ฮ ( ) คือ โฮกฮาก ทำ�เสียงกระแทกเวลาพูด ทำ�ให้ เสียบุคลิกภาพ ทั้งหมดเหล่านี้คือ แนวทางปฏิบัติที่จะช่วยเติมเต็ม ความรู้สึกที่ดีงามให้แก่กันและกัน ปฏิบัติแล้วจะบังเกิดผลดี ชีวิตสดชื่นขึ้นและมีความสุขแน่นอน
  • 14.
    14 วารสาร สควค. ผลงานวิจัยครูสควค. ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม จากแหล่งเรียนรู้วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน สุภาภรณ์ เสาร์สิงห์ สควค. รุ่น 9 ครู คศ.1 ร.ร.เวียงเจดีย์วิทยา จ.ลำ�พูน การจัดการเรียนรู้รายวิชาคณิตศาสตร์ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำ�หนด ไว้ว่า เมื่อผู้เรียนเรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นักเรียน จะต้องมีความรู้ทางด้านเนื้อหาคณิตศาสตร์ พร้อมทั้งมีทักษะ กระบวนการทางคณิ ต ศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ที่ จำ � เป็ น เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ใช้ ภ าษาและสั ญ ลั ก ษณ์ ท างคณิ ต ศาสตร์ ใ นการสื่ อ สาร สื่อความหมาย และสามารถนำ�เสนอได้อย่างถูกต้องชัดเจน มีความคิดริเริมสร้างสรรค์ เชือมโยงความรูตางๆ ในคณิตศาสตร์ ่ ่ ้่ และนำ�ความรู้ หลักการกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปเชือมโยง ่ กับศาสตร์สาขาอื่นๆ ได้ ปัจจุบัน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีได้ส่งเสริมให้มีการใช้ ICT ในการเรียนการสอน คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา โดยใช้ โปรแกรม The Geometer ’s Sketchpad (GSP) เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์แบบ เคลื่อนไหว สามารถวิเคราะห์ สร้างข้อสรุป พิสูจน์ข้อสรุป จากนามธรรมไปสู่รูปธรรมได้ การเรียนรู้และใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จะมีส่วนสำ�คัญที่จะช่วยให้นักเรียน เข้าใจเนื้อหา และเรียนคณิตศาสตร์เป็นไปอย่างสนุกสนาน มากขึน และหากนักเรียนมีการนำ�ความรูทได้เรียนรูไปบูรณาการ ้ ้ ่ี ้ กับแหล่งการเรียนรู้ที่ใกล้ตัวนักเรียน จะทำ�ให้นักเรียนเห็น คุณค่าของคณิตศาสตร์ที่ได้เรียนรู้ เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมที่ อยูรอบตัวของนักเรียน ทำ�ให้การเรียนรูทได้เป็นความรูทคงทน ่ ้ ี่ ้ ี่ และเห็นความสำ�คัญต่อการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนเวียงเจดีย์ วิทยา จึงจัดทำ�โครงการ “เรียนรู้ GSP ด้วยวิถีวัฒนธรรม : แหล่งเรียนรู้ วัดพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำ�พูน” ระหว่าง เดือนธันวาคม 2552 - กุมภาพันธ์ 2553 สำ�หรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำ�นวน 43 คน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่ อ ให้ นั กเรียนได้เรียนรู้โปรแกรม GSP และ สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วยโปรแกรม GSP โดยเชื่อมโยง กับแหล่งการเรียนรู้ที่สำ�คัญในชุมชน คือ วัดพระบาทห้วยต้ม 2. เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น 3. เพื่อเพิ่มพูนทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ในการแก้ปญหา การให้เหตุผล การสือสาร การสือความหมาย ั ่ ่ ทางคณิตศาสตร์ การเชือมโยงคณิตศาสตร์กบศาสตร์อนๆ และ ่ ั ื่ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 4. เพื่อให้นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ และตระหนักในคุณค่าของแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ในชุมชน การดำ�เนินโครงการ ได้แบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 การอบรมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม GSP โดยจัดขึ้นทุกๆ คาบที่ 9 ของวันพฤหัสบดี ณ ห้อง ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งพบว่านักเรียนทุกคนให้ความสนใจ มีการซักถามวิทยากร เพือแก้ปญหาข้อสงสัยต่างๆ ได้ลงมือทำ� ่ ั หลังจากการเรียนทฤษฎี บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ตอนที่ 2 การศึกษาแหล่งการเรียนรู้ วัดพระบาท ห้วยต้ม นักเรียนแต่ละกลุม ศึกษา แหล่งการเรียนรู้ วัดพระบาท ่ ห้วยต้ม โดยมีมคคุเทศก์นอย คอยให้ความรูเ้ กียวกับประวัตของ ั ้ ่ ิ พระธาตุศรีเวียงชัย นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน และ เลือกศึกษา บริเวณแหล่งการเรียนรู้ เพื่อนำ�กลับมาสร้างสรรค์ ผลงานด้วยโปรแกรม GSP ตอนที่ 3 การนำ�เสนอผลงาน หลั ง การศึ ก ษาแหล่ ง เรี ย นรู้ แต่ ล ะกลุ่ ม จะร่ ว มกั น สร้างสรรค์ผลงาน โดยใช้โปรแกรมGSP จากนั้นจะนำ�เสนอ ผลงาน ต่อเพื่อนนักเรียน และคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ ผลการดำ�เนินโครงการ 1. นักเรียนร้อยละ 80 สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วย โปรแกรม GSP โดยการเชื่อมโยงกับแหล่งการเรียนรู้ในชุมชน 2. นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ในการแก้ปญหา การให้เหตุผล การสือสาร การสือความหมาย ั ่ ่ ทางคณิ ต ศาสตร์ ก ารเชื่ อ มโยงคณิ ต ศาสตร์ กั บ ศาสตร์ อื่ น ๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น 3. นักเรียนเห็นความสำ �คัญของการใช้เทคโนโลยี ในการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น 4. นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์และ ตระหนักในคุณค่าของแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ในชุมชน
  • 15.
    ปีที่ 4 ฉบับที่14 เดือนมกราคม-มีนาคม 2553 วารสาร สควค. 15 ตัวอย่างผลงานนักเรียนที่สร้างสรรค์ ด้วยซอฟแวร์สำ�รวจเชิงคณิตศาสตร์ เราขาคณิตพลวัต (GSP) ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงบริเวณวัดพระบาทห้วยต้ม ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงพระธาตุศรีเวียงชัย (เจดีย์ชเวดากอง) ภาพจำ�ลองด้วย GSP แสดงวิหารและเจดีย์ในวัดพระบาทห้วยต้ม ครูและนักเรียนที่เข้าร่วมศึกษาแหล่งเรียนรู้ ณ วัดพระบาทห้วยต้ม แนะนำ�ซอฟแวร์สำ�รวจเชิงคณิตศาสตร์ฯ (GSP) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนักในความสำ�คัญของการใช้เทคโนโลยี ช่วยในการจัดการเรียน การสอนคณิตศาสตร์ในชั้นเรียน เพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสูงขึน มีเจตคติทดในการเรียนรู้ เรียนรูอย่างมีความหมาย และเกิด ้ ี่ ี ้ การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงได้พิจารณาโปรแกรม ต่างๆ และเห็นว่าโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad เป็นระบบ ซอฟต์แวร์ที่ใช้สำ�หรับสร้าง สำ�รวจ และวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับ เนือหาคณิตศาสตร์หลายด้าน เราสามารถใช้เรขาคณิตพลวัตสร้างตัวแบบ ้ เชิงคณิตศาสตร์ ที่มีปฏิสัมพันธ์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การค้นหาในระดับ พื้นฐานซึ่งเกี่ยวกับรูปร่างและจำ�นวนไปจนถึงวาดภาพขั้นสูงที่มีความ ซับซ้อนและเคลื่อนไหวได้ Sketchpad จะช่ ว ยเสริ มความรู้ ความเข้ า ใจเรขาคณิต ในชั้นเรียนให้กับนักเรียน และยังช่วยเสริมแนวคิดทางคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับพีชคณิต ตรีโกณมิติ แคลคูลัสและเรื่องอื่นๆ นักเรียนสามารถ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองตามศักยภาพของตน Sketchpad จะเอื้อให้ครูผู้สอนสามารถอธิบายหลักการ คณิตศาสตร์ การตอบปัญหาและกระตุ้นให้นักเรียนสร้างข้อคาดการณ์ โดยให้นักเรียนฝึกทำ�เองบนเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสาธิตให้ดูหน้า ชั้นเรียน และสามารถใช้ Sketchpad ในการทดลองหรือทดสอบดูว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า...” หรือช่วยในการค้นหาคำ�ตอบใหม่ๆ สสวท. จึ ง ได้ ซื้ อ ลิ ข สิ ท ธิ์ โ ปรแกรม GSP จากบริ ษั ท Key-Curriculum Press และแปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้ครูสามารถ นำ�ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ผูสนใจ ้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www3.ipst.ac.th วารสาร สควค. ปีที่ 4 ฉบับที่ 14 (มกราคม-มีนาคม 2553) พิมพ์ครั้งแรก พฤศจิกายน 2553 จำ�นวน 500 เล่ม เจ้าของ ชมรมครูที่มีความ สามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เว็บไซต์ www.krusmart.com ที่ทำ�การ เลขที่ 46 หมู่ที่ 10 ตำ�บลธาตุ อำ�เภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ 32130 โทรศัพท์ 089-0286327 สนับสนุนการจัดทำ�โดย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่ปรึกษา อ.พรพรรณ ไวทยางกูร, อ.ดวงสมร คล่องสารา, อ.อรวรรณ อินทวิชญ, อ.ปราณี สร้อยสั้น, อ.พวงเพ็ญ บุญญภัทโร, อ.โสภณ แย้มทองคำ�, อ.มิตรชัย คำ�งอก, อ.สุประดิษฐ สะอาด, ผอ.ธนชัย สุทธิยานุช บรรณาธิการ ศักดิ์อนันต์ อนันตสุข ผู้ช่วยบรรณาธิการ รัสนา อนันตสุข กองบรรณาธิการ ว่องไว ธุอินทร์, ณัฐพล แสงทวี, เจษฎา เนตรสว่างวิชา, วิโรจ หลักมั่น, วิสุทธิ์ คงกัลป์, บุญเลี้ยง จอดนอก, ชำ�นาญ เพริดพราว, วงค์ณภา แก้วไกรษร, จตุรภัทร ประทุม เครือข่ายวารสารฉบับออนไลน์ www3.ipst.ac.th/dpst และ www.anantasook.com
  • 16.
    “...ท่านมีหน้าที่อันสำ�คัญผูกพันอยู่ ที่จะต้องตอบแทนคุณของทุกฝ่ายที่ได้อุปการะ ช่วยเหลือ การทดแทนคุณนั้นมิใช่สิ่งที่ยากนัก ถ้าท่านประพฤติตนดี มีสัมมาอาชีวะเป็น หลักฐานเป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูล ก็เป็นการได้ทดแทนคุณบิดามารดา ถ้าท่านหมั่นศึกษา ค้นคว้าวิชาการให้มีความรู้ ความสามารถเหมาะแก่กาลสมัย ก็เป็นการได้ทดแทนคุณครูบา อาจารย์ และในประการสุดท้าย ถ้าท่านตั้งใจทำ�งานทุกอย่าง โดยถือประโยชน์ส่วนรวมยิ่ง กว่าประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ก็เป็นการได้ทดแทนคุณประชาชนคนไทยทุกคน...” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันที่ 26 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2511 ครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ : กิจกรรมพัฒนาเครือข่ายและวิชาชีพของครู สควค. ระดับ ป.โท ม.ขอนแก่น 28-30 พ.ค. 2553 :: การประชุมสัมมนาการวิจยทางวิทยาศาสตร์ศกษาในระดับนานาชาติ และการนำ�เสนอเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ั ึ 11-14 มิ.ย. 2553 :: การอบรมเชิงปฏิบตการการวิจยเชิงคุณภาพในวิทยาศาสตร์ศกษา โดย ASSOCIATE PROFESSOR GREGORY PETER THOMAS ัิ ั ึ ชมรมครู สควค. จัดทำ�เสื้อยืด “ครู สควค. รักครอบครัว” จำ�หน่าย เป็นทุนจัดตั้ง “กองทุนครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้” 18-19 มิ.ย.2553 :: การอบรมเชิงปฏิบัติการการวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติ ของวิทยาศาสตร์ โดย PROFESSOR MAY CHENG MAY HUNG 25 มี.ค.-2 เม.ย. 2553 :: ครู สควค. อบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริม ผศ.ดร.ไพศาล สุวรรณน้อยและอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์ศกษา มข. ึ การใช้ SOCIAL MEDIA ในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งจะได้จัดขยายผลต่อไป ประชุมจัดทำ�หลักสูตรร่วมกับ CURTIN UNIVERSITY OF TECHNOLOGY พิมพ์ที่ : บริษัท รุ่งธนเกียรติออฟเซ็ท จำ�กัด บริการสมาชิกโดย : ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี (ศวคท.)