SlideShare a Scribd company logo
1
ห้องสมุดหนังสือเก่า

พล * นิกร * กิมหงวน ตอน ไกรทอง สองเกลอ
๒๗/๐๓/๒๕๕๔ ๑๙:๕๑:๔๘ น.

สี่สหายนอนพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบคนละตัว ภายใต้ร่มเงาของต้นจามจุรี
ใหญ่หลังบ้าน “พัชราภรณ์” ขณะที่แดดอ่อนจางแสงแล้ว แต่ความร้อน
อบอ้าวทำาให้ พล นิกร กิมหงวน และ ดร. ดิเรกบ่นพึมพำาไปตาม ๆ กัน โดย
เฉพาะเสี่ยหงวนของเราสวมเสื้อกล้ามเห็นขนจั๊กกระแร้พะเยิบพะยาบ และ
นุ่งผ้าขาวม้าลายตาหมากรุกแดงขาว เพียงผืนเดียวเท่านั้น กางเกงในก็ไม่
ได้นุ่ง

เก้าอี้ผ้าใบทั้งสี่ตัวหันที่วางเข้าหากันมีโต๊ะหินเตี้ย ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง
บนโต๊ะมีวิสกี้ติดก้นขวดเล็กน้อยเพียงขวดเดียว แล้วก็มีกับแกล้มเพียง
มะม่วงดิบหันเป็นชิ้นบาง ๆ จิมเกลือเท่านั้น มีถ้วยแก้ววางอยู่ ๔ ใบ ส่วน
            ่                    ้
ขวดโซดาวางอยู่บนพื้นสนามหญ้า

อาเสี่ยแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า แลเห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาทางทิศตะวันตก ก็
กล่าวถามนายแพทย์หนุ่มเบา ๆ

“แกคิดว่าคืนนี้ฝนจะตกไหมหมอ”

ดร. ดิเรกยักไหล่แล้วแบมือทั้งสองข้าง

“ไอไม่ใช่นักอุตุนิยมวิทยา ไอเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นหมอ ไม่มีความรู้
เรื่องดินฟ้าอากาศ”

กิมหงวนทำาปากขมุบขมิบด่า ดร. ดิเรกอยู่ในใจ เขายกแก้วนำ้าสีเหลืองที่
เหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อยขึ้นดื่ม รวดเดียวหมดแก้ว แล้วก็ถอนหายใจเฮือก
ใหญ่

“ตั้งแต่มีการใช้ระเบิดปรมาณู แบะทดลองกัน บ่อย ๆ รู้สึกว่าดินฟ้าอากาศ
ของโลกเรามันแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปหมด ฝนฟ้าตกต้องไม่ตรงตาม
ฤดูกาล นี่ก็เข้ามาปลายเดือนมิถุนายนแล้ว ฝนเพิ่งตกไม่กี่ครั้ง ถ้าตกก็
ตกหนัก อากาศร้อนก็เปลี่ยนเป็นเย็นจัด ผู้คนป่วยไข้ไม่สบายไปตามกัน”

พลเห็นพ้องด้วย

“นันน่ะซี
   ่       คุณพ่อป่วยเป็นนิวมอเนียเพราะถูกฝนวันเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้
ดิเรกก็เห็นจะต้องเสียเวลารักษาตัวอีกหลายวัน”

นายแพทย์หนุ่มยิ้มแก้มแทบแตก

“นิวมอเนียเป็นเรื่องเล็ก หนองมันอยู่ในปอดเรา ฉีดยาเข้าไปทำาลายเชื้อ
หนองเสียปอดก็เป็นปกติ” พูดจบเขาก็หันมาทางนิกร ซึ่งกำาลังตั้งอกตั้งใจ
2
กินมะม่วงดิบจิ้มเกลือ และกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อย “เฮ้ย…คุยเสียบ้างซี
โว้ยอ้ายกร มะม่วงเปรี้ยวจะตายโหงกินเข้าไปได้”

นิกรทำาปากซี๊ดซ๊าด

“ดีวะ  ใกล้จะมีประจำาเดือนยังงี้ของเปรี้ยว ๆ กันชอบนัก ซี๊ด…เปรี้ยวถึงใจ
ดีเหลือเกิน”

กิมหงวนและเห็นสาวใช้เก่าแก่ หรือสาวแก่วัย ๔๐ ปี ซึ่งเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง
ของคุณหญิงวาด ถือถาดเงินใบใหญ่ใส่จานอาหารเดินตรงเข้ามา และมีเจ้า
แห้วถือถาดใส่วิสกี้โซดาตามมาด้วย เขาก็แปลกใจอย่างยิ่ง

“เฮ้ย… ยายม่อมยกกับแกล้มมาให้เราบานตะเกียงเลยโว้ย ใครใจดีจัดมา
ให้เราหว่า”

ทั้งสี่คนต่างมองดูเจ้าแห้วเป็นตาเดียว ละม่อมกับเจ้าแห้ว เดินตรงเข้ามาหา
คณะพรรคสี่สหาย เจ้าแห้วกล่าวขึ้นดัง ๆ ว่า

“รับประทานลาภปากแล้วละครับวันนี้ ตราขาวตั้งสองขวด”

ละม่อมกับเจ้าแห้ว ต่างช่วยกันหยิบของในถาดวางลงบนโต๊ะหิน นิกรแล
เห็นอาหารในจานก็ลืมตาโพลง เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เขาร้องขึ้น
ด้วยเสียงอันดัง

“โอ้โฮ คงมีใครถูกล๊อตเตอรี่แน่เชียวโว้ย
                                    หมูหัน ไก่ย่าง อุ๊ยตาย… หมี่
กรอบด้วย ทอดมันกุ้ง แล้วก็นกกระจาบทอด แกเลี้ยงพวกเราหรือวะอ้าย
แห้ว”

เจ้าแห้วหัวเราะ

“รับประทานเอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้าง รับประทานเห็นจะไม่ไหว”

ละม่อมยิ้มให้สี่สหายแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม

“คุณหญิงท่านเลี้ยงค่ะ ท่านใช้ให้ม่อมเอารถไปซื้อเหล้าและกับมาค่ะ”

“คุณอาหญิงเลี้ยงพวกเรา เนื่องในงานอะไร”

“ยังไงก็ไม่ทราบ อ้า… ท่านกับเจ้าคุณทั้งสอง ลงมาจากตึกแล้ว เรียนถาม
ท่านดูซีคะ” พูดจบละม่อมก็ลุกขึ้นเดินก้มตัวผ่านสี่สหายกลับไปทางโรง
ครัว ส่วนเจ้าแห้วนั่งพับเพียบบนพื้นสนามหญ้า ช่วยเปิดวิสกี้และโซดาให้
เจ้านายของเขา

นิกรยกแขนซ้ายของเขาขึ้นกัดเต็มแรง แล้วสะดุ้งเล็กน้อย
3
“อือ … นี่กันไม่ได้ฝันไปหรอกหรือวะ ไม่น่าเชื่อเลยโว้ยคุณอาหญิงซื้อ
อาหารชั้นหนึ่งมาเลี้ยงพวกเรา เพียงแต่ตราขาวสองขวดนี่ก็หลายร้อยแล้ว
หรือวันนี้ท่านทำาพิธีปล่อยผี”

ดร. ดิเรกกำาลังยกซ่อมจะจิ้มไก่ย่าง ได้ยนนิกรพูดเช่นนี้ก็สะดุ้งสุดตัว มองดู
                                       ิ
หน้าเพื่อเกลอของเขาอย่างเคือง ๆ แล้ววางซ่อมลงบนโต๊ะ

“แกพูดยังงี้ใครจะยัดเข้าไปลง กันไม่ใช่ผีนี่หว่า”
๒๗/๐๓/๒๕๕๔ ๑๙:๕๑:๑๑ น.เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง คุณหญิง
วาดเดินนำาหน้าพาเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตรงเข้ามาหยุด
ยืนข้าง ๆ สี่สหาย พล นิกร กิมหงวน และดิเรก ต่างลุกขึ้นยืนแสดง
คารวะท่านผู้ใหญ่ คุณหญิงวาดร้องตะโกนเรียกคนทำาสวนกับคนใช้คน
หนึ่งซึ่งนังพักผ่อนอยู่ข้างตึก ให้นำาเก้าอี้เหล็กมาให้ท่าน สามตัว แล้วท่าน
           ่
ก็กล่าวกับสี่สหายอย่างยิ้มแย้ม

“นังเถอะ
   ่      แล้วก็กินกันตามสบาย วันนี้อาเลี้ยงเต็มที่ ยายอิ่มกำาลังทำา
กับแกล้มอีกสองสามอย่าง ประเดี๋ยวม่อมมันคงยกมาอีก อ้ายแห้วเอ็งคอย
ดูด้วยนะ โซดาและเหล้าในตู้เย็นยังมี”

นิกรมองดูคุณหญิงวาดด้วยความตื่นเต้น ประหลาดใจเหลือที่จะกล่าว

“สงสัยเสียแล้วละครับคุณอา”

“สงสัยตะหวักตะบวยอะไรอีกล่ะ”

“แฮ่ะ แฮ่ะ   กับข้าวเหล่านี้ไม่ได้ใส่สลอดแแน่นะครับ”

คุณหญิงวาดเงื้อมือขวาขึ้นตบนิกรดังผัวะ

“ฉันไม่บ้ายังงันหรอก”
               ้         ท่านพูดเสียงหัวเราะ “แก่จนหัวหงอกยังจะเล่น
เป็นเด็กอีกหรือ”

เสี่ยหงวนพูดเสริมขึ้น

“คุณอาบอกพวกเราให้ชื่นใจหน่อยเถอะครับ คุณอาเลี้ยงพวกผมเนื่องใน
งานอะไร”

เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ตอบแทนศรีภรรยาของท่าน

“อาจะบอกให้ คุณหญิงเขาเลี้ยงพวกแกก็เพราะ เขาดีใจที่อาหายป่วยจาก
ปอดบวมในคราวนี้ แล้วก็เลี้ยงเพื่อต้องการให้พวกแกทั้งสี่คน ทำาธุระอะไร
ให้เขาสักอย่างหนึ่งในวันพรุ่งนี้”

ดร. ดิเรกยิ้มแป้น
4
“ออไร๋ ออไร๋” พูดพลางยิ้มให้คุณหญิงวาด “คุณอาจะใช้ให้พวกเราทำา
อะไร บอกมาเถอะครับ สำาหรับผมถึงจะเหนื่อยยากลำาบากอย่างไร ก็ยินดี
รับใช้สนองพระเดชพระคุณ คุณอาเสมอ”

คนสวนกับคนใช้รนหนุ่มซึ่งเป็นชาวอีสานแบกเก้าอี้วิ่งเหยาะ ๆ ตรงเข้ามา
                 ุ่
คนสวนแบกคนเดียวสองตัว ต่างวางเก้าอี้เหล็กลงข้าง ๆ คณะพรรคสี่สหาย
แล้วกลับไป ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามท่านทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้เหล็ก สี่สหายก็นั่ง
ลงบนเก้าอี้ผ้าใบตามเดิม

พลผสมวิสกี้บาง ๆ ให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หนึ่งแก้ว เขาไม่ให้เจ้าคุณประสิทธิ์
ฯ ดื่มเหล้าก็เพราะท่านอยู่ในระหว่างพักฟื้น นิกรตะลุมบอนหมูหันของโปรด
ของเขาทันที คุณหญิงวาดถึงกับจุ๊ปากและยกมือขวาตบศีรษะนายจอม
ทะเล้นหลานชายของท่าน

“เฮ้ย ๆ ๆ นึกถึงคนอื่นเขาบ้างโว้ย กินเหล้าเสียบ้างซี”

นิกรเงยหน้าขึ้นมองดูคุณหญิงวาดแล้วยิ้มแห้ง ๆ

“เหล้าผมไม่ชอบครับ ผมชอบกับ”

เจ้าคุณประสิทธิ์หัวเราะหึ ๆ

“ตรงกันข้ามกับเจ้าหงวน ขอให้มีเหล้าเถอะกับไม่สำาคัญ ร้อน ๆ อย่างนี้
พวกแกกินเหล้าไม่เมาหรืออย่างไร”

เสี่ยหงวนยิ้มให้ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์

“เมาซีครับ เหล้าไม่ใช่นำ้าประปานี่ครับ แต่พวกผมถึงเมาก็เมาอย่างน่ารัก”
แล้วอาเสี่ยก็หยิบซ่อมจิ้มทอดมันกุ้งส่งให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ “แกล้มเสีย
หน่อยซีครับคุณอา”

ท่านเจ้าคุณโบกมือ

“ไม่ต้อง   อาดื่มนิดหน่อยเท่านั้น”

นิกรอ้าปากงับทอดมัน ที่ซ่อมจากมือกิมหงวนแล้วกลืนเอื๊อก ดิเรกหัวเราะ
ชอบอกชอบใจ ยมมือชีหน้านายจอมทะเล้น แล้วพูดพลางหัวเราะพลาง
                     ้

“ยูกินทอดมันแบบนี้เหมือนหมาว่ะ   กันเคยเห็นอ้ายดิ๊กมันกิน” นาย
แพทย์หนุ่มหมายถึง เจ้าแอลเซเชียลของเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ “มันงับแล้ว
กลืนเข้าไปในท้องโดยไม่ต้องเคี้ยวเหมือนแกไม่มีผิด”

ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามหัวเราะลั่น นิกรทำาหน้าครึ่งยิ้มครึ่งแหย เจ้าแห้วนั่ง
หัวเราะงอไปงอมาอยู่ข้างหลังนิกร คุณหญิงวาดมองดูลูกหลานของท่าน
อย่างชื่นชม สักครู่หนึ่งท่านก็กล่าวกับสี่สหายว่า
5
“พรุ่งนีวันอาทิตย์ อาจะวานพวกแกทั้งสี่คนไปแปดริ้ว”
        ้

พล นิกร กิมหงวน และ ดร. ดิเรกต่างพากันมองดูคุณหญิงวาดเป็นตาเดียว
เมื่อนิกรสบตากับคุณหญิงเขาก็กล่าวขึ้นว่า

“ไปทำาไมครับ”

“ก็ไปทำาธุระให้อาน่ะซี”

นิกรยิ้มแป้น

“ได้ครับ ขากลับผมจะได้แวะซื้อลูกหยี ข้าวเกรียบกุ้ง และเม็ด
มะม่วงหิมพานต์มาฝากประไพบ้าง”

คุณหญิงวาดกลืนนำ้าลายเอื๊อก

“แปดริ้วน่ะมันอยู่ที่ไหน”

“ก็สงขลายังไงล่ะครับ”

คุณหญิงวาดยกมือขวาตบอกแล้วปลงอนิจัง

“อ้ายเวรเอ้ยแปดริ้วตะหวักตะบวยอะไรกันวะผ่าไปอยู่สงขลา ไปกัน
คนละคุ้งคนละแคว”

นิกรหน้าตื่นหันมาถามพล

“ที่ไหนหว่า”

“ฉะเชิงเทราโว้ย”

“ปู้โธ่… ฉะเชิงเทราก็ฉะเชิงเทราทำาไมคุณอาบอกว่าแปดริ้วล่ะ ฉะเชิงเทรา
ไปมาตั้งร้อยหนแล้วกันรู้จักดี แต่แปดริ้วไม่รู้จัก”

พลว่า “ฉะเชิงเทรานั่นแหละเขาเรียกว่าแปดริ้ว มันมีสองชื่อ” แล้วเขาก็
หันมาทางคุณหญิงวาด “คุณแม่จะใช้ให้พวกเราไปทำาธุระอะไรให้คุณแม่ที่
นั่นครับ”

คุณหญิงวาดยิ้มให้ลูกชายของท่าน

“ไปแก้บนให้แม่    เมื่อคุณพ่อเจ้าล้มเจ็บคราวนี้ แม่ตกใจและเป็นห่วงท่าน
มาก แม่ได้จุดธูปเทียนบนหลวงพ่อโสธรที่แปดริ้วไว้ บนทองปิดท่านพัน
แผ่น ผ้าแพรห่มท่านหนึ่งผืน เงินทำาบุญวัดอีกพันบาท แล้วก็ละครรำา
บรรดาศักดิ์อีกวงหนึ่ง แม่บนไว้ว่าถ้าคุณพ่อของเจ้าหายป่วยแม่จะให้เจ้าสี่
คนไปแก้บนตามที่แม่บนไว้ และจะให้เจ้าทั้งสี่คนรำาละครถวายท่านชุดหนึ่ง
ซึ่งใช้เวลารำาประมาณ ๑๐ นาที”
6
สี่สหายสะดุ้งเฮือกพร้อม ๆ กัน

“เฮ้”   ดร. ดิเรกร้องลั่น “ทำาไมคุณอาบนหลวงพ่อท่านแหวกแนวอย่างนี้ล่ะ
ครับ”

“อ้าว ก็เพราะอาต้องการให้คุณอาผู้ชายของแกหายป่วยน่ะซี การบนถ้าจะ
ให้ขลังก็ต้องบนให้ลูกหลานไปรำาละครถวายท่าน”

พลหัวเราะก๊าก

“แย่ละครับคุณแม่ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่วัดโสธรมีคนไปไหว้
หลวงพ่อกันตลอดวัน ถ้าเขาเห็นพวกผมสี่คนรำาเฉิบ ๆ อยู่หน้าโบสถ์ เขาจะ
คิดว่าอย่างไร”

เสี่ยหงวนพูดเสริมขึ้น

“เขาจะคิดว่าอย่างไร……. เขาก็ต้องคิดว่าเราสี่คนหนีมาจากโรงพยาบาล
สมเด็จเจ้าพระยา”

สองเจ้าคุณหัวเราะลั่น คุณหญิงวาดพยายามกลั้นหัวเราไว้

“เถอะน่า ใครเขาจะหาว่าพวกแกบ้าหรือเมาก็ช่างเขาปะไร         คนที่นนไม่มี
                                                                 ั่
ใครเขารู้จักแกหรอก ไปถึงก็ลงจากรถข้าง ๆ โบสถ์ แล้วรำาละครถวายหลวง
พ่อ เสร็จแล้วก็เข้าไปในโบสถ์เอาเงินไปทำาบุญถวายวัดพันบาท เอาผ้า
แพรไปห่มหลวงพ่อ แล้วแกสี่คนก็แบ่งทองกันช่วยปิดทองหลวงพ่อให้ครบ
พันแผ่น อาจะจัดดอกไม้ธูปเทียนและของที่จะนำาไปถวายไว้ให้พร้อม นีก็     ่
ให้แม่นันไปซื้อแพรห่มองค์หลวงพ่อและทองคำาสำาหรับปิดท่านแล้ว พวก
แกสี่คนต้องทำางานที่อามอบหมายนี้ให้ พรุ่งนี้เช้ากินข้าวกินปลาแล้วก็พา
กันไป ต้องรีบแก้บนท่านเสีย เมื่อคืนอาฝันว่าช่างไล่ เขาว่าบนไว้ไม่ได้
แก้มักจะฝันเห็นช้าง”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดเสริมขึ้น

“อาจะไปกับพวกแกด้วย นานแล้วไม่ได้ไปไหว้หลวงพ่อ”

สี่สหายมองดูหน้ากัน แล้วทำาหน้าผะอืดผะอมไปตามกัน พลกล่าวกับคุณ
หญิงวาดด้วยเสียงหัวเราะ

“เรื่องละครที่จะแก้บนหลวงพ่อ ไปจ้างเขารำาถวายไม่ได้หรือครับที่วัดโส
ธรพวกละครชาตรีเขาแต่ตัวไว้พร้อม จ้างเขาสัก ๑๐ บาทเขาก็รำาถวายท่าน
เอง”

“ไม่ได้ ๆ ๆ”  คุณหญิงวาดพูดหน้าตาขึงขัง แม่ไม่ได้บนถวายละครพวกนั้น
แม่บนว่าถ้าคุณพ่อแกหายป่วย แม่จะให้แกสี่คนไปรำาถวายท่าน”

ดร. ดิเรกทำาคอย่น
7

“แย่ละครับคุณอา     ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนายแพทย์ชั้น
เยี่ยมมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในวงสังคมใครก็ยกย่องให้เกียรติผม ถ้าผม
ไปรำาเฉิบ ๆ หน้าโบสถ์หลวงพ่อ บังเอิญมีใครรู้จักแลเห็นผมเข้าผมจะทำา
อย่างไร”

คุณหญิงวาดชักฉิว

 “แกอย่าคิดมากไปหน่อยเลยวะ     คนที่แปดริ้วไม่มีใครเขารู้จักพวกแก
หรอก แล้วก็รำาในราว ๑๐ นาทีเท่านั้น จ้างพวกพิณพาทย์ที่นั่นให้เขา
บรรเลง การแต่งตัวก็ธรรมดา ไม่ต้องแต่งเครื่องอย่างละครชาตรี ชวยอา
สักครั้งไม่ได้หรือ”

ถูกพ้อเช่นนี้นายแพทย์หนุ่มก็ยิ้มแป้น

“ออไร๋ ออไร๋ ตกลงครับ เมื่อถึงคราวจำาเป็นคนเราก็หน้าด้านได้เหมือน
กัน” แล้วเขาก็หันมาพยักหน้ากับนายจอมทะเล้น “หรือไงอ้ายกร”

นิกรอมยิ้ม

“สำาหรับกันไม่มีปัญหาอะไร และไม่รู้สึกยากลำาบากอะไรในการที่กันจะรำา
ถวายหลวงพ่อ อาศัยกันหน้าด้านจนเคยชินเสียแล้ว”

เสี่ยหงวนหัวเราะชอบใจ

“เอาโว้ย สนุกดีเหมือนกัน” พูดจบเขาก็มองดูหน้าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ “คุณ
อาต้องรำาด้วยนะครับ”

ท่านเจ้าคุณสะดุ้งเฮือก

“ข้าไม่เกี่ยว”
             ท่านพูดยิ้ม ๆ “คุณหญิงท่านไม่ได้บนหลวงพ่อให้อารำาด้วย
นี่หว่า คนแก่พุงพลุ้ยอย่างข้า ถึงรำาหลวงพ่อท่านก็ไม่อยากดู”

เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง เป็นอันว่าสี่สหายตกลงรับจะไปแก้บนให้
คุณหญิงวาดตามความประสงค์ เมื่อพลรับปากกับท่านเป็นมั่นเหมาะคุณ
หญิงวาดก็ดีใจและโล่งใจ

“แม่เลี้ยงพวกแก ก็เท่ากับเลี้ยงล่วงหน้า ก่อนที่จะไปทำาธุระให้แม่ บอก
ก่อนนะเหลวไม่ได้ เอาเถอะแม่จะให้เงินไปเที่ยวกันสองพัน กลับจาก
แปดริ้วจะเลยไปบางแสนหรือแวะเที่ยวบางปูกันก็ตามใจ”

“ครับ ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางโมงเช้า”       แล้วพลก็หันมา
ทางเจ้าแห้ว “แกต้องไปด้วยอ้ายแห้ว ฉันจะให้แกขับรถ ประเดี๋ยวไปเตรี
ยมคาดิลแล็คไว้ ตรวจนำ้ามันเครื่องนำ้ามันเบรคนำ้ากลั่นให้เรียบร้อย หรือจะ
เอาไปให้อู่เขาอัดฉีดล้างเสียก่อนก็ดีเหมือนกัน”
8
“รับประทานไม่ต้องหรอกครับ เพิ่งอัดฉีดเมื่อวันอังคารนี่เอง   กลับมาค่อย
รับประทานอัดฉีดดีกว่าครับ”

“เออ   ตามใจแก แต่ถ้ารถเสียตามทางจะถูกเตะ”

คุณหญิงวาดชวนเจ้าคุณทั้งสองกลับขึ้นไปบนตึก ปล่อยให้สี่สหาย
สนุกสนานกัน ดื่มเหล้าและสนทนากัน นิกรยังติดใจในเรื่องแปดริ้ว เขา
ยืนยันว่าแปดริ้วเป็นตำาบลเล็ก ๆ อยู่ในอำาเภอสะเดาจังหวัดสงขลา

ตอนสายวันรุ่งขึ้น

คาดิลแล็คเก๋งคันงามของอาเสี่ยกิมหงวน ได้พาคณะพรรคสี่สหายกับเจ้า
คุณปัจจนึก ฯ มาถึงฉะเชิงเทราในเวลาประมาณ ๙.๓๐ น. ขณะที่รถผ่าน
หลังสถานีฉะเชิงเทรา นิกรได้ชะโงกหน้าไปข้างหน้ารถ แล้วกล่าวกับเจ้า
แห้วว่า

“เฮ้ย - แวะกินอะไรกันที่ร้านหลังสถานีก่อนเถอะวะ”

“ไม่ต้องแวะ”     พลดุเจ้าแห้ว “ก่อนจะออกจากบ้านก็กินไข่ดาวหมูแฮม
กาแฟกันมาแล้ว มาถึงคลองด่านก็กินอีก แกจะกินไปถึงไหนวะอ้ายกร
ประเดี๋ยวก็ถึงวัดแล้ว”

นิกรหันมาค้อนปะหลับปะเหลือก ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล้วยหอมออก
มาผลหนึ่ง ปอกเปลือกออกยกขึ้นใส่ปากเคี้ยวกร้วม ๆ แปดริ้วหรือ
ฉะเชิงเทราไม่มีอะไรใหม่ หรือแปลกตาสำาหรับสี่สหายของเราเลย เพราะ
เคยมาเที่ยวกันบ่อย ๆ นันเอง ความเปลี่ยนแปลงของฉะเชิงเทราที่มีหน้ามี
                           ่
ตา ก็เห็นจะเป็นสะพานข้ามแม่นำ้าที่ท่าข้าม นอกนั้นฉะเชิงเทราก็ยังมี
สภาพเหมือนแต่ก่อน อากาศร้อนอบอ้าวแดดยิบ ๆ แทบจะมองเห็นเป็นตัว
แต่คาดิลแล็คเก๋งมีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำาความเย็นอันทันสมัย สี่
สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วจึงนั่งอยู่ในรถอย่างสุขสบาย กระจก
ที่หมุนขึนทั้งสี่ด้านก็เป็นกระจกสีฟ้าอ่อนเย็นตา ราคาของรถคันนี้คนจน
         ้
หาเงินตั้งแต่เกิดจนตายสะสมไว้โดยไม่ใช้แม้แต่สตางต์เดียวก็ยังซื้อไม่ได้

เลยสถานีไปเพียงครู่เดียวก็ถึงทางแยกไปวัดโสธร ซึ่งเป็นทางลัดไม่ต้อง
อ้อมเข้าไปในตัวจังหวัด เจ้าแห้วบังคับรถเลี้ยวขวามือผ่านทุ่งนาตรงไป
ตามถนนฝุ่นสีแดง พอใกล้จะถึงวัด ดร. ดิเรกก็เริ่มกลุ้มใจมีท่าทางกระสับ
กระส่าย เขายกมือขวาวางบนบ่าพลและทอดสายตามองดูโบสถ์วัดโสธร
เบื้องหน้าของเขา

“พลโว้ย   รายการรำาถวายหลวงพ่อเราตัดออกได้ไหม บอกหลวงพ่อท่าน
ว่าเราอายผู้คนเขาเราขอจ้างละครชาตรีอาชีพที่หน้าโบสถ์ให้เขารำาแทน”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ซึ่งนั่งคู่อยู่กับเจ้าแห้วหันมามองดูเขยใหญ่ของท่าน แล้ว
กล่าวขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า
9
“ไม่ได้นะดิเรก คุณหญิงสั่งกำาชับพ่อให้ควบคุมพวกแกรำาถวายหลวงพ่อ
อย่าขัดศรัทธาคุณหญิงท่านเลยวะ ตามปรกติพวกแกก็ไม่ใช่คนหน้าบาง
อะไรนัก”

ดร. ดิเรกถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ว้า - ฝรั่งขายหน้าเขาแย่ คุณพ่อดูซีครับ ทั้งรถประจำาทางและรถสามล้อ
วิ่งตามกันไปเป็นแถวราวกับว่าที่วัดกำาลังมีงานปิดทองไหว้หลวงพ่อ”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะหึ ๆ

“นันนะซีพ่อกำาลังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ตามธรรมดาถึงแม้จะเป็นวัน
   ่
อาทิตย์ ก็ไม่มีคนมามนัสการหลวงพ่อมากมายเช่นนี้ หรือทางวัดจะจัดงาน
อะไรเป็นพิเศษกระมัง”

พลหน้าเสีย หันมามองดู ดร. ดิเรกแล้วยิ้มแห้ง ๆ

“แต่คุณแม่ก็ให้รางวัลพวกเราถึงสองพันบาท ยอมอายเถอะวะหมอ รำากัน
ส่งเดชเพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น”

นายแพทย์หนุ่มทำาหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

“คนเขาจะหาว่าพวกเราไม่สบายน่ะซี”

พลฝืนหัวเราะ

“ช่างมันเถอะวะ ถ้าเราไม่ยอมรำาคุณอาก็คงไปฟ้องคุณแม่ และเรื่องมันต้อง
ถึงบ้านแตกสาแหรกขาด แกรู้นิสัยคุณแม่ดีแล้ว”

เสี่ยหงวนล้วงกระเป๋ากางเกงสีเทาของเขา หยิบขวดวิสกี้ขนาดเล็กออกมา
ชูอวด ดร. ดิเรก แล้วกล่าวว่า

“ดื่มอ้ายนี่เสียคนละนิด แล้วเราก็จะหน้าด้านเอง”

นายแพทย์หนุ่มลืมตาโพลง

“ออไร๋   ออไร๋”

อาเสี่ยเปิดจุกตราขาวออก แล้วยกขึ้นดื่มอั้ก ๆ ส่งขวดให้พล ต่อจากนั้นสี่
สหายก็แบ่งกันดื่มวิสกี้เพียว ๆ จนหมดขวด คือดื่มวนเวียนไปมา นิกรล้วง
กระเป๋ากางเกงหยิบห่อกุ้งแห้งออกมาแบ่งกับเพื่อน ๆ เขาบอกว่าเขารู้ว่า
อย่างไนเสีย เสี่ยหงวนก็ต้องมีเหล้าซุกซ่อนมา เขาจึงแอบขโมยกุ้งที่โรง
ครัวที่บ้านห่อมาด้วย สำาหรับเป็นแกล้มกินกับเหล้า

พอคาดิลแล็คเก๋งเข้าเขตวัดโสธร วิสกี้ก็หมดขวด สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก
ฯ และเจ้าแห้วแปลกใจอย่างยิ่งเมื่อแลเห็นผู้คนในวัดมากมายนับพัน ชาว
10
พื้นเมืองเหล่านี้ส่วนมากไปยืนออกันอยู่ริมแม่นำ้า รถโดยสาร รถประจำาทาง
รถสามล้อ สองล้อจอดอยู่เรียงรายเต็มวัด แต่ในโบสถ์และบริเวณหน้า
โบสถ์ไม่ใคร่มีคนเท่าใดนัก ผู้คนหลั่งไหลไปชุมนุมกันริมแม่นำ้าคล้ายกับ จะ
ดูการแข่งขันเรือ หรืองานทางนำ้าอะไรสักอย่างหนึ่ง

เจ้าแห้วนำาคาดิลแล็คเก๋งไปจอดทางด้านซ้ายของโบสถ์หลวงพ่อ คือด้าน
ขวามือเมื่อเข้าไป แต่เกือบจะหาที่จอดไม่ได้ ทุกคนพากันลงมาจากรถ
อำานาจแอลกอฮอล์ทำาให้ ดร. ดิเรกคึกคักเข้มแข็งผิดปรกติ เขาเอื้อมมือ
ตบหลังพล แล้วถามว่า

“รำาหรือยังล่ะ   กันอยากรำาเต็มทนแล้ว”

พลมองดูนายแพทย์หนุ่มอย่างขบขัน ใบหน้าของดิเรกแดงกลำ่า

“อดใจสักประเดี๋ยวหมอ ได้รำาแน่ เข้าไปไหว้หลวงพ่อก่อน เราต้องเอา
เงินพันบาทไปทำาบุญถวายวัด เอาผ้าไปห่มหลวงพ่อ เอาดอกไม้ธูปเทียน
ไปถวายท่าน แล้วก็ช่วยกันปิดทองให้หมดพันแผ่น

ดร. ดิเรกขมวดคิ้วย่น

“รำาเสียก่อนไม่ดีเรอะ”

“ประเดี๋ยวโว้ย” พลตวาดแว๊ด “ทีแรกก็บ่นว่าขายหน้าเขา พอยัดเหล้า
เข้าไปหน่อยเกิดหน้าด้านขึ้นมาแล้ว”

อาเสี่ยพูดเสริมขึ้น

“เหล้ามันมีประโยชน์อย่างนี้แหละเพื่อน เหล้าสามารถทำาให้คนหน้าบาง
กลายเป็นคนหน้าหนา ทำาให้คนที่พูดน้อยกลายเป็นคนพูดมากอย่างนำ้า
ไหลไฟดับ คนที่สงบเสงี่ยมไม่สู้ใคร กินเหล้าเข้าไปกลายเป็นนักบู๊ กลาย
เป็นขุนขวาน ขุนมีด หรือขุนไม้ตีพริกแล้วแต่จะคว้าอะไรได้เป็นอาวุธ”

 เจ้าแห้วก้มตังเข้าไปในรถ ยกถาดไม้ใบหนึ่งออกมา ในถาดมีดอกไม้ธูป
เทียนจัดไว้เป็นชุด ๆ มีทองคำาเปลวหนึ่งมัดผูกด้ายเส้นเล็ก ๆ มีผ้าแพรสี
เหลืองพับไว้เรียบร้อยหนึ่งผืน และมีซองสีขาวหนึงซองในซองบรรจุเงินพัน
                                               ่
บาท ซึ่งคุณหญิงวาดจัดมาให้เรียบร้อย

หญิงชราอายุในวัย ๗๐ ปีคนหนึงเดินเข้ามาหยุดยืน
                            ่
ข้าง ๆ คณะพรรคสี่สหายในท่าทางพินอบพิเทาเกรงกลัวในบุญวาสนา พอ
สบตากับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ หญิงชราก็กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านจะกรุณาซื้อทองบ้างไหมเจ้าคะ”
เจ้าคุณยิ้มให้
11
“เสียใจเหลือเกินพี่สาว เราเตรียมทองของเรามาจากกรุงเทพ ฯ เสียแล้ว
อ้า - ที่ริมแม่นำ้าเขามีงานอะไรกันจ๊ะ ผู้คนถึงได้เบียดเสียดเยียดยัดกันอย่าง
นั้น”

หญิงชราเจ้าของร้านขายทองและดอกไม้ธูปเทียน มองไปทางฝั่งแม่นำ้าทาง
ซ้ายมือแล้วเรียนให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ทราบ

“ไม่ได้มีงานอะไรหรอกเจ้าค่ะ     เขาคอยดูตะเข้กันเจ้าค่ะ”

“ตะเข้” เสี่ยหงวนอุทานขึ้นดัง ๆ “มีตะเข้มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่หน้าวัดนี่หรือ
ครับคุณป้า”

“เจ้าค่ะ ผู้คนหลั่งไหลกันมาทั่วแปดริ้วหลายวันแล้วเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าจนคำ่า
รถยนต์รถสามล้อรำ่ารวยไปตามกัน แต่ทองและดอกไม้ธูปเทียนขายไม่ใคร่
ได้ คนส่วนมากมาดูตะเข้มากกว่ามาไหว้หลวงพ่อ”

เสียงแจ๋ว ๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนเรียกหญิงชราผู้นั้น

“ยาย ยายจ๋ามีคนมาซื้อทองที่ร้าน”

หญิงชราสิ้นสุดความสนใจ กับคณะพรรคสี่สหายทันที รีบกลับไปยังร้าน
ของแกซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับประตูวัด เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวกับสี่สหาย

“เข้าไปในโบสถ์เถอะโว้ย”

นิกรว่า “ไปดูตะเข้เสียก่อนไม่ดีหรือครับ”

“ปู้โธ่”  ท่าเจ้าคุณเอ็ดตะโร “แกไม่เคยเห็นตะเข้หรือวะ ที่สระวัดสามปลื้ม
ก็มี ที่เขาดินก็มีไม่เห็นจะแปลกอะไร ตะเข้มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิด
หนึ่ง ไป ๆ ๆ เข้าไปในโบสถ์ อยากดูประเดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยไปดู”

ครั้นแล้วท่านเจ้าคุณก็เดินนำาหน้าพาสี่สหายกับเจ้าแห้วตรงมาทางประตู
หน้าโบสถ์ ผู้หญิงในวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหยุดยืนขวางหน้า แล้ว
กล่าวถามทันที

“หาละครไหมคะ”

นิกรยิ้มให้ตั้วโผละครแก้สินบน

“ไม่ต้องหรอก พวกฉันจะรำาถวายหลวงพ่อเอง”

แม่คนนันทำาหน้าตื่น ๆ แต่เข้าใจว่านิกรพูดเล่นมากกว่า คณะพรรคสี่สหาย
        ้
พากันเข้าไปในโบสถ์หลวงพ่อ ทุกคนต่างรู้สึกร่มเย็นอย่างประหลาด กลิ่น
ดอกไม้ กลิ่นธูปและควันเทียนหอมตระหลบอบอวล พุทธบริษัททั้งหญิง
ชายในวัยต่าง ๆ ไม่ตำ่ากว่า ๕๐ คนกำาลังนมัสการหลวงพ่อ ด้วยจิตใจ
เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา บ้างก็กำาลังปิดทอง บ้างก็เขย่าติ้วเสี่ยง
12
เซียมซีหรือขอเลขท้ายประจำางวด บางคนก็ยืนอยู่ที่โต๊ะรับเงินบริจาค ซึ่ง
มีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้รับเงินบำารุงวัด องค์หลวงพ่อโสธรแลตระหง่านเหลือง
อร่าม ด้วยทองคำาทั้งองค์จริงและองค์จำาลองซึ่งประดิษฐานอยู่ข้างหลัง

สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วต่างถอดรองเท้าไว้ที่ประตูโบสถ์
แล้วพากันเดินเข้ามา พลหยิบซองบรรจุเงินพันบาทออกมาจากถาดที่เจ้า
แห้วถืออยู่ เขาเดินไปที่โต๊ะรับเงินบริจาคบำารุงวัด มอบเงินให้พระภิกษุ
สงฆ์ ในนามของคุณหญิงวาด ประสิทธินิติศาสตร์ เป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท
                                       ์
ทางวัดได้ออกใบเสร็จแสดงรายนามและจำานวนเงินผู้บริจาคเป็นหลักฐาน
นอก จากนี้ ยังแจกของชำารวยอีกหลายอย่าง หลวงพ่อจำาลองขนาดเล็ก
ลงยาสีสวยงามหลายองค์ พระภิกษุผู้รับเงินบริจาคตื่นเต้นสนใจมาก ที่พล
บริจาค เงินในนามคุณแม่ของเขาถึงพันบาท เพราะนาน ๆ ถึงจะมีผู้บริจาค
เงินจำานวนพันเช่นนี้

พลเดินเข้าไปหาพรรคพวกของเขา ซึ่งนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นกลาง
โบสถ์ ต่างคนต่างจุดธูปเทียนนมัสการหลวงพ่อ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ
อธิษฐานนานกว่าเพื่อน กราบไหว้วิงวอนพระขอให้ท่านเกิดชาติหน้ามีผม
เต็มศีรษะเหมือนกับคนทั้งหลาย และให้มงมีศรีสุขเงินทองไหลมาเทมา
                                    ั่
เหมือนชาตินี้

แล้วทุกคนก็นำาดอกไม้ธูปเทียนไปปักไว้ยังที่ที่ทางวัดจัดไว้ไห้ ส่วนดอกไม้
คงกองไว้พะเนินเทินทึก ต่อจากนั้น เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็ชวยสี่สหายกับเจ้า
แห้วลุกขึ้นเดินไปที่องค์พระประธาน คือหลวงพ่อโสธรซึ่งนั่งขัดสมาธิสง่า
งามอยู่กลางโบสถ์ พลกับนิกรต่างปีนป่ายขึ้นไปบนฐานองค์พระ ช่วยกันห่ม
ผ้าแพรสีเหลืองให้หลวงพ่อ จนสำาเร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงมา ต่างคนต่าง
ช่วยกันปิดทอง ใช้เวลาปิดอยู่นานกว่าจะหมดพันแผ่น

อีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนก้มลงกราบหลวงพ่อ แสดงความสักการะเคารพอย่างสูง
แล้วลุกขึ้นเดินมาทางโต๊ะรับเงินบริจาค เสี่ยหงวนกล่าวกับเพื่อน ๆของเขา
ว่า

“เรามาถึงหลวงพ่อแล้ว ควรจะถือโอกาสทำาบุญบำารุงวัด พุทธศาสนาจะ
ยั่งยืนอยู่ได้ก็ด้วยพุทธบริษัททั้งหลายช่วยกันบำารุง”

นิกรยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ

“สาธุ – ศาสนาย่อมคำ้าจุนโลก วันนี้จิตใจกันผ่องแผ้วแจ่มใสมาก ขอ
ทำาบุญสัก ๕ บาทเถอะวะ”

ทุกคนต่างมองดูนายจอมทะเล้นเป็นตาเดียว

“ห้าบาท” เสี่ยหงวนตะโกนลั่นโบสถ์จนกระทั่งใครต่อใครหันมาดูเขา       “
นายนิกร นักธุรกิจผู้มั่งคั่งมีเงินในธนาคารหลายล้าน ทำาบุญเพียง ๕
บาท…….”
13
นิกรอมยิ้ม

“พูดยังไม่ทนจบเสือกขัดคอเสียแล้ว
           ั                        ๕ บาทน่ะใส่ตู้สำาหรับซื้อนำ้ามันเติม
ตะเกียงให้หลวงพ่อ ส่วนที่กันจะบำารุงวัดน่ะพันบาท”

อาเสี่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหัวเราะ

“นึกว่าบำารุงวัด ๕ บาทก็เลิกคบกันได้”  แล้วเขาก็กล่าวกับคณะพรรคของ
เขา “บริจาคเงินบำารุงวัดคนละพันบาทเท่า ๆ กันโว้ย”
เจ้าแห้วพูดเสริมขึ้นด้วยเสียงละห้อยน่าสงสาร

“รับประทานกรุณาตัดผมออกเสียคนนะครับ รับประทานเงินเดือน ๓๐๐
เท่านั้น ถ้าผมบำารุงวัดพันบาทก็เห็นจะศรัทธาแก่กล้าเกินไป แทนที่จะได้
บุญกลับเป็นบาป”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะหึ ๆ

“สำาหรับแกแล้วแต่แก”

พระภิกษุผู้รับเงินบำารุงวัด มองดุคณะพรรคสี่สหายด้วยความตื่นเต้น พล
นิกร กิมหงวน ดร. ดิเรก และเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างล้วงกระเป๋าหยิบเงินออก
มาให้พระภิกษุองค์นั้นคนละพันบาท เจ้าแห้วร้อยบาท หลวงพี่รีบเขียนใบ
เสร็จรับเงินให้ทันที เขียนรายชื่อและจำานวนเงินลงไปในใบรับเงินด้วย

ในราว ๑๐ นาทีสี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วก็ได้รับใบเสร็จรับ
เงินโดยเรียบร้อย พระภิกษุเจ้าหน้าที่รับเงิน กล่าวกับคณะพรรคสี่สหาย
อย่างยิ้มแย้ม

“ขอเชิญเลือกของชำาร่วยบนโต๊ะนี้เอาไปเถิดคุณ จะหยิบไปคนละกี่ชนก็ได้
                                                            ิ้
มีด้ายผูกข้อมือ เหรียญและเข็มหลวงพ่อ อาตมาภาพคิดว่าถ้าบรรดา
เศรษฐีพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า
เหมือนพวกคุณเช่นนี้แล้ว ศาสนาของเราก็คงจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้อีกมาก”

สี่สหายยิ้มแป้นไปตามกัน ต่างเลือกเหรียญหลวงพ่อไว้เป็นที่ระลึกเพียง
คนละองค์เท่านั้น ต่อจากนั้นก็พากันออกไปจากโบสถ์ บรรดาพุทธบริษัท
ทั้งหลายต่างพากันมองดูเศรษฐีชาวบางกอกอย่างชื่นชม

เจ้าทิดร่างใหญ่พันธ์ลูกทุ่งคนหนึ่งกล่าวขึ้นดัง ๆ

“โอ้โฮ รวยฉิบหายเลยฮิ พกใบละแบ๊งค์สีแดงแจ๋กันคนละปึกสองปึก
เหมือนกับพิมพ์ได้เอง ชาติก่อนเข่าทำาบุญไว้อย่างไรหนอ อย่างกูยังงี้ร้อย
วันพันปีถึงจะเจอใบแดง ๆ สักใบ”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พาสี่สหายกับเจ้าแห้วออกมานอกโบสถ์ ทุกคนก้มลงสวม
รองเท้าเรียบร้อย แล้วก็เริ่มต้นแจกเงินขอทาน คนละบาทสองบาทตาม
14
อัธยาศัย อาเสี่ยไม่มีธนบัตรใบละบาทจึงแจกขอทานคนละ ๑๐ บาทที่มีอยู่
ไม่กี่ใบก็หมด

ชายชราคนหนึ่งชูกาละมังใบเล็ก ๆ ยื่นเข้ามาที่ขากิมหงวน

“เจ้าประคู้น ทำาทานคนแก่คนเฒ่าเถอะคะร๊าบ”

เสี่ยหงวนยิ้มเล็กน้อย

“เสียใจเหลือเกินลุง เงินย่อยหมดแล้วมีแต่ใบละร้อย”

“ไม่เป็นไรครับผมมีทอน”      ขอทานชายชราพูดหน้าตาย

เสี่ยหงวนพยักหน้าล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทหนึ่งฉบับออก
มา ส่งให้ชายชราแล้วกล่าวว่า

“เอ้า – ฉันให้ลุง ๑๐ บาท”

ชายชราล้วงกระเป๋า เสื้อเชิ้ทหยิบธนบัตรราคาต่าง ๆ ออกมาปึกหนึ่ง นับส่ง
ให้กิมหงวนรวม ๙๐ บาท

“นีครับ ขอให้ท่านเป็นเจ้าคนนายคนเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีเงินทองไหลมา
   ่
เทมา อายุมั่นขวัญยืน ความเจ็บอย่ารู้ได้ความไข้อย่ารู้มี นึกเงินได้เงินนึก
ทองได้ทอง มีสมรรถภาพเข้มเแข็งมีเมียเด็ก ๆ ได้จนกระทั่งท่านอายุได้
ร้อยปีนะคร๊าบ”

เสี่ยหงวนกลืนนำ้าลายเอื้อก แล้วเขาก็แจกเงินขอทานต่อไปจนเงินหมดมือ
คณะพรรคสี่สหายลงมาจากโบสถ์ ก็ตรงไปที่ศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่งทางด้าน
ซ้ายของโบสถ์ ที่นั่นเป็นที่สำาหรับพวกพิณพาทย์ ของคณะละครชาตรีซึ่งมี
อยู่เพียงสามสี่คน ส่วนตัวละครผัดหน้าขาวว่อก บางคนก็ผัดเสียจนเขียว
แต่งเครื่องละครชาตรีไว้พร้อม นั่งอยู่ในศาลานั้น เมื่อเจ้าคุณปัจจนึก ฯ พา
สี่สหายกับเจ้าแห้วมาหยุดยืนที่ศาลา นางละครคนหนึ่งก็รีบลุกขึ้นและกล่าว
ถามทันที

“ท่านต้องการหาละครรำาถวายหลวงพ่อหรือคะ ต้องไปติดต่อในโบสถ์ก่อน
ค่ะ”

นิกรโบกมือ

“เปล่า ๆ น้องสาว เราต้องการจ้างพิณพาทย์บรรเลงสัก ๑๐ นาทีเท่านั้น
เราสี่คนจะรำาถวายหลวงพ่อเอง จะคิดค่าป่วยการเท่าไร”

นางละครทำาหน้าตืนไปตามกัน
                ่

“ท่านจะรำาเองหรือคะ ตายแล้ว รำาเป็นหรือคะ”
15
“ปู้โธ่”
       เสี่ยหงวนร้องเอ็ดตะโร “จะยากอะไรเล่ารำาส่งเดช เพียงแต่ให้
หลวงพ่อท่านเห็นเท่านั้น ท่าอีแร้งกระพือปีก ท่าควักกะปิ หรือท่ารำา
ส่งเดชได้ทั้งนั้น”

นางละครหันไปปรึกษากับคนตีระนาดเอก สักครู่ก็เปลี่ยนสายตามาที่สี่
สหาย

“คิด ๑๐ บาทเท่านั้นแหละค่ะ”

นิกรล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ทหยิบเงินออกมา ๑๐ บาทส่งให้นางละครชาวพื้น
เมือง ซึ่งมีท่าทางบอกว่าเป็นหัวหน้าละครชาตรีวงนี้

“น้องสาวบอกให้เขาเริ่มบรรเลงได้แล้ว ขอให้ทำาเพลงช้า ๆ หน่อย      เอา
พญาเดินหรือกราวนอกก็ได้”

ครั้นแล้ว สี่สหายก็ยืนเข้าแถวเรียงเดี่ยวเว้นระยะ ห่างกันประมาณหนึ่งศอก
แอลกอฮอล์ยังไม่หมดฤทธิ์ทุกคนจึงสนุกสนานหัวเราะคิกคักไปตามกัน
พิณพาทย์เริ่มบรรเลงกราวนอกทันที พล, นิกร, กิมหงวน และ ดร. ดิเรก
ยกมือรำาป้อ ท่าทางกระโดกกระเดก เว้นแต่นิกรคนเดียวที่เข้าทีกว่าเพื่อน
ใครต่อใครต่างวิ่งเข้ามาดูละครรำาบรรดาศักดิ์ในระยะใกล้ชิด แล้ววิพากย์
วิจารณ์กันเสียงแซ่ดไปหมด พวกละครแก้บนต่างนั่งหัวเราะงอไปงอมาไป
ตามกัน พวกพิณพาทย์บรรเลงพลางหัวเราะพลาง ดร. ดิเรกรำาแย่กว่า
เพื่อน รำาไปรำามามักจะเพี้ยนเป็นลีลาศหรือรำาวง

ชายชราชาวพื้นเมืองคนหนึ่ง ยกมือป้องหน้าผากมองดูสี่สหายของเราอย่าง
เศร้าใจ แล้วกล่าวกับพรรคพวกของแกซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ

“อนิจจังทุกขังเอ๊ย นีแหละนะเขาว่าคนเรามักหนีกรรมไปไม่พ้น แต่งเนื้อ
                     ่
แต่งตัวก็ทันสมัย หน้าตาก็ล้วนแต่เป็นผู้ดีไม่น่าจะเสียจริตเลย หมูนี้
                                                                ่
อากาศมันก็ร้อนเสียจริง ๆ แต่บ้ารำาละครอย่างนี้เห็นจะไม่เป็นภัยแก่ใคร
หรอก”

สาวลูกทุ่งคนหนึ่งร้องตะโกนเรียกพรรคพวกของหล่อนด้วยเสียงอันดัง

“เฮ้ย - อีเมี้ยน …..อีขำาโว้ย   มาดูคนบ้ารำาละครโว้ย”

สี่สหายต่างยิ้มเหยเกไปตามกัน ผู้ที่อยู่ในโบสถ์ต่างพากันวิ่งออกมานอก
โบสถ์ และโจษจันกันอย่างตระหนกตกใจว่าเขาได้ยินเสียงหลวงพ่อหัวเราะ
แม้กระทั่งพระภิกษุและทายกหลายคน ก็โกยอ้าวออกมาจากโบสถ์ด้วย
ความกลัวในอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ หลายต่อหลายคนต่างได้ยิน
หลวงพ่อหัวเราะเสียงกังวานลั่นโบสถ์

พอครบ ๑๐ นาทีเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็เดินหัวเราะเข้ามาหาสี่สหาย

“พอโว้ย ๑๐ นาทีแล้ว”
16
การรำาละครถวายหลวงพ่อสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ อาเสี่ยมองดูประชาชนที่
ห้อมล้อมเขากับเพื่อน ๆ อย่างเดือดดาล

“อย่าเข้าใจผิดพรรคพวก พวกเราไม่ได้บ้าหรอก บนหลวงพ่อไว้ว่าจะรำา
ละครถวายท่าน ก็ต้องมาแก้บน แล้วกัน เห็นคนดี ๆ เป็นบ้าไปเสียแล้ว
ไหมล่ะ”

ผู้ที่ยืนห้อมล้อมคณะพรรคสี่สหายเกือบร้อยคนต่างพูดกันพึมพำา บางคนก็
เชื่อว่าสี่สหายรำาแก้บนหลวงพ่อ แต่ส่วนมากเข้าใจว่าสี่สหายของเราไม่
สบาย เนื่องจากความร้อนอบอ้าวของอากาศ อย่างไรก็ตามเมื่อคณะพรรค
สี่สหายไม่ได้แสดงกิริยาท่าทางที่ผิดปรกติอีก ผู้ที่รุมล้อมอยู่ก็ค่อย ๆ แยก
กันไป ดร. ดิเรกถอนหายใจโล่งอก

“สิ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที” นายแพทย์หนุ่มพูดเสียงหนัก ๆ     “ตั้งแต่เกิดมา
จากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยหน้าด้านเหมือนวันนี้เลย”

พลอดหัวเราะไม่ได้

“แต่ว่าศรัทธาอันแก่กล้าของเรานี่เอง หลวงพ่อท่านคงจะดลบรรดาลให้
พวกเราได้ประสบโชคดีแน่นอน”

ทันใดนั้นเองที่ริมฝั่งแม่นำ้าบางปะกงหน้าวัดโสธร มีเสียงโห่ร้องเสียงกู่
ตะโกน และเสียงเอะอะเฮฮาดังลั่นไปหมด ประชาชนที่ยืนดูอยู่ริมเขื่อน
ต่างเบียดเสียดเยียดยัดกัน พวกร้านขายทองร้านขายอาหารต่างทิ้งร้านพา
กันวิ่งไปที่แม่นำ้า มองดูสับสนอลหม่าน

“ตะเข้ขึ้นแล้วโว้ย ตะเข้ขึ้นแล้วโว้ย”

นิกรสนใจในเรื่องจระเข้มาก เขากล่าวกับเพื่อนเกลอของเขาทันที

“ไปดูตะเข้หน่อยเถอะวะพวกเรา ตัวมันคงใหญ่มากผู้คนถึงแตกตื่นหลั่ง
ไหลกันมาดูราวกับมีงานวัด”

พลว่า “ไปเที่ยวบางแสนกันดีกว่า ไปกินข้าวกลางวันที่เมืองชล ตะเข้นะ
                                                                ่
อยากดูไปดูที่เขาดินเมื่อไรก็ได้”

นายจอมทะเล้นยิ้มให้พล

“น่า  ไปดูหน่อยเถอะวะ นอกจากจะได้ดูตะเข้แล้วยังได้ดูสาว ๆ ชาว
แปดริ้วอีก ดูซีวะ นุ่งแสดห่มเขียว นุงแดงห่มเหลืองมองดูลานตาไปหมด
                                    ่
แต่ละคนแข็งแรงกว่าสาว ๆ ชาวกรุงเทพ ฯ ทำางานอยู่กลางทุ่งทั้งวันยัง
ไหว เนื้อตัวแข็งเป๊กไปหมดทุกส่วน หน้าแข้งยังกะแบ็คฟุตบอลรับรองว่า
อย่างเราแม่เตะเบาะ ๆ คอขาดเลย”
17
ครั้นแล้วสี่สหายกับเจ้าแห้วและเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็พากันเดินผ่านหน้าโบสถ์
ตรงไปยังเขื่อนริมแม่นำ้า ประชาชนหลายร้อยคนส่งเสียงเอะอะเฮฮาตลอด
เวลา ต่างชี้มือร้องบอกกันเสียงลั่นไปหมด

คณะพรรคสี่สหายเบียดเสียดเข้ามายืนริมเขื่อนปะปนกับพวกชาวพื้นเมือง
ทุกคนแลเห็นจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งลอยกระเพื่อมอยู่ในแม่นำ้า ห่างจากเขื่อน
ราว ๒๐ เมตร มันเป็นจระเข้ที่ใหญ่โตอย่างไม่น่าจะเป็นได้ ส่วนใหญ่ของ
ลำาตัวมันเกือบหนึ่งเมตร และยาวประมาณจากปลายจมูกจดปลายหางใน
ราว ๖ เมตร สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วต่างตกตะลึงพรึง
เพริดไปตามกัน

“มายก็อด”   ดร. ดิเรกคราง “นีมันชาละวันนี่หว่า ตะเข้ธรรมดาตัวมันยาว
                             ่
อย่างมากก็ในราว ๓ เมตรเท่านั้น”

“ไอ๊ย่า”   อาเสี่ยคราง “ตะเข้ทะเลหลุดเข้ามากระมังโว้ย”

ชายชราคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยหงวนกล่าวกับอาเสี่ยทันที

“ไม่ใช่ตะเข้ทะเลหรอกครับคุณ มันเป็นตะเข้นำ้าจืดครับ แต่มันจะมาจาก
ไหนไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่ามันมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ตั้งแต่ขึ้น ๑๐ คำ่า ห้าหก
วันมาแล้วครับ เอาคนไปกินเสียเกือบ ๒๐ คน”

“ฮ้า”   อาเสี่ยร้องลั่น “กินคนตั้งเกือบ ๒๐ คนเชียวรึลุง”

“ครับ   ที่ท่าเรือเมล์ผู้หญิงลงไปอาบนำ้าถูกมันคาบเอาไปกินเป็นรายแรกใน
ตอนเช้า พอตกสายปีนขึ้นไปบนเรือปลาพวกบางปะกง คาบเอาเจ้าของเรือ
ไปกิน มิหนำาซำ้ายังล่มเรือเสียอีก ตอนกลางคืนขึ้นมาอาละวาดบนบกตอน
ดึก คาบเอาแขกยามเฝ้าตึกแถวหน้าโรงหนังเอาไป ตำารวจกองตรวจสาม
คนแลเห็นเข้าไล่ยิงมันครับ แต่มันกระโจนหนีลงนำ้าไปได้ วันต่อมาล่มเรือ
ยายแก่ข้างสะพานข้ามแม่นำ้า แล้วคาบยากแก่ไปกิน ตอนเย็นขึ้นไปบนฝั่ง
ตรงข้าม ผู้คนวิ่งหนีอลหม่าน ผู้หญิงคนหนึงวิ่งหนีขนไปซ่อนบนขื่อ แต่มัน
                                            ่      ึ้
ก็ยังสามารถคาบเอามากินได้ หลังจากนั้นก็เที่ยวกินใครต่อใครอีก คุณดูซี
ครับเรือแจวและเรือพายในแม่นำ้าไม่มีเลยแม้แต่ลำาเดียว มีแต่เรือยนต์และ
เรือไฟเท่านั้น ชาวบ้านสองฝั่งแม่นำ้าต่างเกรงกลัวมันจนไม่เป็นอันทำามา
หากิน”

สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วนิ่งฟังชายชราอธิบายเรื่องอภินิหา
ริย์ของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ด้วยความตื่นเต้นสนใจ ขณะนี้จระเข้ยักษ์ว่ายรี่เข้ามา
หาเขื่อนริมนำ้า แล้วดำาหายลงไป สักครู่ก็แลเห็นส่วนหางของมันโผล่ขึ้นมา
ฟาดนำ้าโผงผาง คนดูแตกฮือถอยหลังออกมาให้ห่างเขื่อน เด็กเล็ก ๆ
ร้องไห้กันกระจองอแง นักดูจระเข้ทั้งสนุกทั้งกลัวภัย

พลกล่าวถามชายชราผู้รู้เรื่องจระเข้ยักษ์ตัวนี้ดี

“ทางฝ่ายบ้านเมืองเขาไม่คิดปราบมันหรือลุง”
18

“อ๋อ คิดซีครับ ตำารวจลงเรือยนต์ไล่ยิงมันตั้งหลายครั้งแต่ปืนยิงมันไม่เข้า
พอถูกยิงมันก็จมนำ้าหายไปพักหนึง โผล่ขึ้นมาทีไรก็ต้องคาบเอาคนไปกิน
                               ่
ยิ่งกินคนเข้าไปแรงปีศาจมันก็มากขึ้น เขาโจษกันว่าตะเข้ตัวนี้เป็นตะเข้
อลัชชี แบบตะเข้เถรกวาดในเรื่องขุนช้างขุนแผนแหละครับ”

“มันเป็นยังไงลุง”   นิกรถามอย่างสนใจ

ชายชราสั่นศีรษะ

“อย่าให้ผมเล่าเลยครับ มันจะเป็นการโกหกไป คนอื่นเขาเล่าให้ผมฟังอีกที
เขาอาจจะโกหกผมก็ได้.

นิกรหัวเราะ

“เล่าเถอะลุง พวกเราอยากรู้ อย่างนี้ก็เอาไปแต่งเป็นเรื่องการ์ตูนพิมพ์ขาย
หลอกเอาสตางค์เด็ก ๆ ได้ เรื่องมันตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ฉันสนใจเรื่องนี้มาก”

ชายชรามองลงไปในแม่นำ้า จระเข้ยักษ์หรือชาละวันว่ายไปกลางแม่นำ้า แล้ว
เลี้ยวเป็นวงกว้างกลับมา บางทีก็นอนหงายว่ายตีกระเชียงเห็นท้องขาว
บางขณะมันก็อ้าปากกว้างร้องคำารามลั่นแม่นำ้า วิธว่ายนำ้าของมันส่วนมาก
                                               ี
ว่ายแบบฟรีสไตล์

“คนเขามาจากกบินทร์เขาเล่าว่าตะเข้ตัวนี้แต่เดิมเป็นพระภิกษุองค์หนึ่งครับ
จำาพรรษาอยู่ที่วัดเล็ก ๆ ริมแม่นำ้า ตั้งตัวเป็นอาจารย์อยู่ยงคงกระพัน มีลูก
ศิษย์ลูกหามาก เจ้าอาวาสได้ตักเตือนให้เลิกกระทำาตัวเช่นนั้นเพราะทาง
พุทธศาสนา ของเราไม่ต้องการอวดอ้างปาฏิหาริย์ อาจารย์องค์นั้นแทนที่
จะเชื่อฟังกลับดื้อดึงถือดี แปลงตัวเป็นเสือโคร่งบ้าง เป็นตะเข้บ้าง แล้ว
ประพฤติผิดธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ฉันโจ๊กในเวลาวิกาลบ้าง เชือดไก่วัด
ต้มข่ากินบ้าง ในที่สุดถึงกับเป็นปราชุดกับสีกาคนหนึ่งครับ”

อาเสี่ยทำาคอย่น

“ปาราชุดหรือปราชิกกันแน่ลุง”

ชายชรานิ่งนึก

“แฮ่ะ  แฮ่ะ ปราชิกครับ ผมพูดผิดไป เจ้าอาวาสจับได้ท่านก็จับสึก
อาจารย์องค์นั้นอับอายขายหน้าเขา ก็แปลงตัวเป็นตะเข้ขนาดใหญ่กระโดด
ลงนำ้าหายสาบสูญไปหลายเดือน ในที่สุดก็มาโผล่ที่แปดริ้วนี่แหละครับ
ผมเชื่อว่าตะเข้ตัวนี้ต้องเป็นตะเข้คนแน่ ๆ คือคนแปลงเป็นตะเข้ด้วยเวท
มนต์คาถา คิดดูซิครับ ผู้กองตำารวจแกเอาปืนกลยิงไปถูกตั้งหลายนัด ยัง
ไม่ตาย ผู้หมวดคนหนึ่งก็ยืนยันว่าแกยิงถูกมันจัง ๆ หลายนัด ขณะที่เอาเรือ
ยนต์ลำาใหญ่ไล่กวดมันกลางแม่นำ้า”

เจ้าคุณปัจจนึก ฯ สนใจในเรื่องจระเข้ยักษ์ตัวนี้มาก
19

“แล้วทางบ้านเมืองจะทำาอย่างไรต่อไป ปล่อยไว้อย่างนี้มันก็คงจะคาบคน
ไปกินอีกหลายคน เรือแพก็ไม่กล้าเดินทำาให้การคมนาคมทางนำ้าที่อาศัย
เรือแจวเรือพายขลุกขลักมาก”

“อ๋อ    ทางบ้านเมืองเขาเล่นงานมันแน่เชียวครับ โน่นครับ เห็นโรงเล็ก ๆ
ริมนำ้าที่หลังคาคาดผ้าแดงนั่นไหมล่ะครับ”

ท่านเจ้าคุณพยักหน้า

“เห็นแล้ว”

“นันแหละครับ หมอตะเข้กำาลังทำาพิธีอยู่ในนั้น หมอตะเข้ชาวแปดริ้วคนนี้
   ่
เคยปราบตะเข้มามากต่อมากแล้ว นายอำาเภอกับผู้ว่าการได้เชิญหมอคนนี้
มาปราบมันครับ แกชื่อนายคร้ามมีอายุราว ๖๐ ปีเห็นจะได้”

นิกรพูดโพล่งขึ้นทันที

“๖๐ ปี พอลงไปในนำ้าอ้ายเข้ก็คาบเอาไปกินสบายเลย”

“อ้าว อย่าเพิ่งคิดยังงั้นซีครับคุณ หมอคร้ามจะปราบตะเข้ตัวนี้ด้วยอาคม
ครับ ไม่ได้ใช้กำาลังกายปราบมัน เขาพูดกันว่า ๕ โมงเช้าหมอคร้ามจะลง
แพเล็กออกไปกลางนำ้า และใช้ฉมวกแทงตะเข้ยักษ์ เหล็กที่ทำาฉมวกเป็น
เหล็กนำ้าพี้ครับ ถูกเข้าตรงไหนอ้ายกุมภีร์มันก็หมดแรง แล้วหมอคร้ามก็จะ
กระโจนจากแพลงไปในนำ้า ขึ้นขีหลังมันเอาเชือกมัดปากมัน เอามีดหมอจี้
                                ่
ขาพับมัน บังคับให้มนว่ายเข้ามาหาฝั่ง หมอคร้ามแกประกาศว่าแกจะจับ
                      ั
เป็นอ้ายตะเข้ตัวนี้ครับ”

ดร. ดิเรกจุ๊ย์ปากลั่น

“เรื่องนี้ตื่นเต้นมากโว้ย งดไปบางแสนได้พวกเรา เราจะต้องดูความ
สามารถของหมอตะเข้คนนี้ ดูซิว่าเขาจะจับตะเข้ตัวนี้ได้ไหม”

พลยกมือขวากอดเอวนายแพทย์หนุ่ม

“โชคดีจริงโว้ยหมอ ที่เรามาแปดริ้วพอดีกับที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น กัน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายคร้ามแกจะจับตะเข้ได้”

ชายชรามองดูพล แล้วกล่าวว่า

“ถ้าเขาไม่มีความสามารถเขาจะกล้าลงไปเล่นกับความตายหรือครับคุณ
ขณะนี้ก็ไม่ใช่อาคมของหมอคร้ามหรอกหรือครับ ตะเข้ตัวนี้ไปไหนไม่ได้
ต้องว่ายวนเวียนอยู่ที่หน้าวัด ถึงดำานำ้าก็ต้องรีบโผล่ขึ้นมา ตามธรรมดา
ผู้คนโห่ร้องเกรียวกราวอย่างนี้ มันก็คงดำานำ้าหนีไปไหน ๆ แล้ว”

คราวนี้สี่สหายเห็นจริง เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวว่า
20

“ความเก่งกล้าสามารถของหมดตะเข้ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลมีมานานแล้ว
คนดีมีวิชาเขามีมีดหมอเล่มเดียว ก็กระโดดนำ้าลงไปจับตะเข้ได้”

นิกรว่า “อย่างผมต่อให้ถือง้าวผมก็ไม่สู้มัน ไม่ไหวละครับ สู้กันบนบกยัง
มีทางบ้าง”

พลกล่าวกับคณะพรรคของเขาด้วยความตื่นเต้นสนใจ

“ไปดูทางโรงพิธีเถอะวะพวกเรา อยากเห็นหน้าหมอคร้ามและอยากเห็น
พิธี”

ทุกคนเห็นพ้องด้วย เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินนำาหน้าพาสี่สหายกับเจ้าแห้ว
ผ่านคนดูไปทางโรงพิธนั้น เสี่ยหงวนกล่าวกับเจ้าแห้วว่า
                    ี

“ไปใส่กุญแจประตูรถเสียก่อน มีบหรี่อยู่สองกระป๋อง แล้วก็วิทยุประจำารถ
                              ุ
หลายเงินโว้ย ทำาเผลอเรอตะเข้มันจะขึ้นมาคาบเอาไปกิน”

เจ้าแห้วหัวเราะลั่น

“รับประทานผมใส่กุญแจเรียบร้อยแล้วครับ”

“เออ - รอบคอบดีมาก”

ที่โรงพิธีประชาชนเบียดเสียดเยียดยัดกัน นิกรแกล้งร้องขึ้นดัง ๆ

“หลีก ๆ หลีกทางให้ท่านหน่อย”

ชาวพื้นเมืองเข้าใจว่าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ กับสี่สหายเป็นข้าราชการคนสำาคัญ
ในเมืองนี้ ก็หลีกทางให้โดยดี คณะพรรคสี่สหายจึงเดินเข้ามาหยุดยืนใน
โรงพิธีนน ทุกคนแลเห็นกระทาชายผู้สูงอายุ รูปร่างผอมกระหร่องคนหนึ่ง
         ั้
กำาลังขัดสมาธิหลับตาประนมมือ ชายผู้นี้คือ นายคร้ามหรือหมอคร้ามชาว
บ้านใหม่ ซึ่งเป็นหมอจระเข้ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว เบื้องหน้าของ
นายคร้ามมีโต๊ะตั้งเครื่องบูชา หัวหมูบายศรีพานดอกไม้ธูปเทียน ด้ายสาย
สิญจ์เส้นเล็ก ๆ วนรอบโรงพิธีขนาดเล็ก

กิมหงวนอยากดูการจับจระเข้ก็วางท่าทางเป็นคนใหญ่คนโต กล่าวถามหมอ
จระเข้ทันที

“ว่าไงนายคร้าม ลงมือได้หรือยัง ๕ โมงเช้าแล้ว”

หมอจระเข้ลืมตาขึ้น แล้วยิ้มให้เสี่ยหงวน

“เสร็จแล้วครับท่าน    พอท่านเรียกผมก็ร่ายคาถาจบพอดี” พูดจบเขาก็ลุก
ขึ้นยืน
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ

More Related Content

What's hot

อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกอิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกtommy
 
ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1krutew Sudarat
 
ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4krutew Sudarat
 
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจสมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจtommy
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยtommy
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้องPanda Jing
 
Go 38
Go 38Go 38
Go 38tommy
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิงtommy
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นPanda Jing
 
แหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาแหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาTongsamut vorasan
 
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)Panda Jing
 
นิราศจันทร์ ระยอง ชล
นิราศจันทร์ ระยอง ชลนิราศจันทร์ ระยอง ชล
นิราศจันทร์ ระยอง ชล
Manit Wongmool
 
แหล่กลับชาติ
แหล่กลับชาติแหล่กลับชาติ
แหล่กลับชาติTongsamut vorasan
 
แข่งเรือ
แข่งเรือแข่งเรือ
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1Panda Jing
 
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทราพิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
Librru Phrisit
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2krutew Sudarat
 

What's hot (17)

อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกอิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
 
ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1
 
ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4
 
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจสมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชย
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้อง
 
Go 38
Go 38Go 38
Go 38
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิง
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
 
แหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาแหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดา
 
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
 
นิราศจันทร์ ระยอง ชล
นิราศจันทร์ ระยอง ชลนิราศจันทร์ ระยอง ชล
นิราศจันทร์ ระยอง ชล
 
แหล่กลับชาติ
แหล่กลับชาติแหล่กลับชาติ
แหล่กลับชาติ
 
แข่งเรือ
แข่งเรือแข่งเรือ
แข่งเรือ
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
 
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทราพิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
พิธีเลี้ยงผีของจังหวัดฉะเชิงเทรา
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2
 

Similar to ไกรทองสองเกลอ

ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยAchara Sritavarit
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Phasuk Teerachat
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบtommy
 
คงกระพัน
คงกระพันคงกระพัน
คงกระพันtommy
 
โต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณรโต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณร
niralai
 
ฮารีรายอ
ฮารีรายอฮารีรายอ
ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔
Tact Sparrow
 
เย้ยพระยม
เย้ยพระยมเย้ยพระยม
เย้ยพระยมtommy
 

Similar to ไกรทองสองเกลอ (8)

ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
 
คงกระพัน
คงกระพันคงกระพัน
คงกระพัน
 
โต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณรโต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณร
 
ฮารีรายอ
ฮารีรายอฮารีรายอ
ฮารีรายอ
 
ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔
 
เย้ยพระยม
เย้ยพระยมเย้ยพระยม
เย้ยพระยม
 

More from tommy

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมtommy
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-tommy
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
tommy
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑tommy
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์tommy
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทย
tommy
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิtommy
 
Rongse
RongseRongse
Rongsetommy
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์tommy
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกtommy
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยtommy
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีtommy
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีtommy
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบtommy
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาtommy
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
tommy
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผี
tommy
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
tommy
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลtommy
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
tommy
 

More from tommy (20)

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทย
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิ
 
Rongse
RongseRongse
Rongse
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผี
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
 

ไกรทองสองเกลอ

  • 1. 1 ห้องสมุดหนังสือเก่า พล * นิกร * กิมหงวน ตอน ไกรทอง สองเกลอ ๒๗/๐๓/๒๕๕๔ ๑๙:๕๑:๔๘ น. สี่สหายนอนพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบคนละตัว ภายใต้ร่มเงาของต้นจามจุรี ใหญ่หลังบ้าน “พัชราภรณ์” ขณะที่แดดอ่อนจางแสงแล้ว แต่ความร้อน อบอ้าวทำาให้ พล นิกร กิมหงวน และ ดร. ดิเรกบ่นพึมพำาไปตาม ๆ กัน โดย เฉพาะเสี่ยหงวนของเราสวมเสื้อกล้ามเห็นขนจั๊กกระแร้พะเยิบพะยาบ และ นุ่งผ้าขาวม้าลายตาหมากรุกแดงขาว เพียงผืนเดียวเท่านั้น กางเกงในก็ไม่ ได้นุ่ง เก้าอี้ผ้าใบทั้งสี่ตัวหันที่วางเข้าหากันมีโต๊ะหินเตี้ย ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะมีวิสกี้ติดก้นขวดเล็กน้อยเพียงขวดเดียว แล้วก็มีกับแกล้มเพียง มะม่วงดิบหันเป็นชิ้นบาง ๆ จิมเกลือเท่านั้น มีถ้วยแก้ววางอยู่ ๔ ใบ ส่วน ่ ้ ขวดโซดาวางอยู่บนพื้นสนามหญ้า อาเสี่ยแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า แลเห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาทางทิศตะวันตก ก็ กล่าวถามนายแพทย์หนุ่มเบา ๆ “แกคิดว่าคืนนี้ฝนจะตกไหมหมอ” ดร. ดิเรกยักไหล่แล้วแบมือทั้งสองข้าง “ไอไม่ใช่นักอุตุนิยมวิทยา ไอเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นหมอ ไม่มีความรู้ เรื่องดินฟ้าอากาศ” กิมหงวนทำาปากขมุบขมิบด่า ดร. ดิเรกอยู่ในใจ เขายกแก้วนำ้าสีเหลืองที่ เหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อยขึ้นดื่ม รวดเดียวหมดแก้ว แล้วก็ถอนหายใจเฮือก ใหญ่ “ตั้งแต่มีการใช้ระเบิดปรมาณู แบะทดลองกัน บ่อย ๆ รู้สึกว่าดินฟ้าอากาศ ของโลกเรามันแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปหมด ฝนฟ้าตกต้องไม่ตรงตาม ฤดูกาล นี่ก็เข้ามาปลายเดือนมิถุนายนแล้ว ฝนเพิ่งตกไม่กี่ครั้ง ถ้าตกก็ ตกหนัก อากาศร้อนก็เปลี่ยนเป็นเย็นจัด ผู้คนป่วยไข้ไม่สบายไปตามกัน” พลเห็นพ้องด้วย “นันน่ะซี ่ คุณพ่อป่วยเป็นนิวมอเนียเพราะถูกฝนวันเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้ ดิเรกก็เห็นจะต้องเสียเวลารักษาตัวอีกหลายวัน” นายแพทย์หนุ่มยิ้มแก้มแทบแตก “นิวมอเนียเป็นเรื่องเล็ก หนองมันอยู่ในปอดเรา ฉีดยาเข้าไปทำาลายเชื้อ หนองเสียปอดก็เป็นปกติ” พูดจบเขาก็หันมาทางนิกร ซึ่งกำาลังตั้งอกตั้งใจ
  • 2. 2 กินมะม่วงดิบจิ้มเกลือ และกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อย “เฮ้ย…คุยเสียบ้างซี โว้ยอ้ายกร มะม่วงเปรี้ยวจะตายโหงกินเข้าไปได้” นิกรทำาปากซี๊ดซ๊าด “ดีวะ ใกล้จะมีประจำาเดือนยังงี้ของเปรี้ยว ๆ กันชอบนัก ซี๊ด…เปรี้ยวถึงใจ ดีเหลือเกิน” กิมหงวนและเห็นสาวใช้เก่าแก่ หรือสาวแก่วัย ๔๐ ปี ซึ่งเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง ของคุณหญิงวาด ถือถาดเงินใบใหญ่ใส่จานอาหารเดินตรงเข้ามา และมีเจ้า แห้วถือถาดใส่วิสกี้โซดาตามมาด้วย เขาก็แปลกใจอย่างยิ่ง “เฮ้ย… ยายม่อมยกกับแกล้มมาให้เราบานตะเกียงเลยโว้ย ใครใจดีจัดมา ให้เราหว่า” ทั้งสี่คนต่างมองดูเจ้าแห้วเป็นตาเดียว ละม่อมกับเจ้าแห้ว เดินตรงเข้ามาหา คณะพรรคสี่สหาย เจ้าแห้วกล่าวขึ้นดัง ๆ ว่า “รับประทานลาภปากแล้วละครับวันนี้ ตราขาวตั้งสองขวด” ละม่อมกับเจ้าแห้ว ต่างช่วยกันหยิบของในถาดวางลงบนโต๊ะหิน นิกรแล เห็นอาหารในจานก็ลืมตาโพลง เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เขาร้องขึ้น ด้วยเสียงอันดัง “โอ้โฮ คงมีใครถูกล๊อตเตอรี่แน่เชียวโว้ย หมูหัน ไก่ย่าง อุ๊ยตาย… หมี่ กรอบด้วย ทอดมันกุ้ง แล้วก็นกกระจาบทอด แกเลี้ยงพวกเราหรือวะอ้าย แห้ว” เจ้าแห้วหัวเราะ “รับประทานเอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้าง รับประทานเห็นจะไม่ไหว” ละม่อมยิ้มให้สี่สหายแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม “คุณหญิงท่านเลี้ยงค่ะ ท่านใช้ให้ม่อมเอารถไปซื้อเหล้าและกับมาค่ะ” “คุณอาหญิงเลี้ยงพวกเรา เนื่องในงานอะไร” “ยังไงก็ไม่ทราบ อ้า… ท่านกับเจ้าคุณทั้งสอง ลงมาจากตึกแล้ว เรียนถาม ท่านดูซีคะ” พูดจบละม่อมก็ลุกขึ้นเดินก้มตัวผ่านสี่สหายกลับไปทางโรง ครัว ส่วนเจ้าแห้วนั่งพับเพียบบนพื้นสนามหญ้า ช่วยเปิดวิสกี้และโซดาให้ เจ้านายของเขา นิกรยกแขนซ้ายของเขาขึ้นกัดเต็มแรง แล้วสะดุ้งเล็กน้อย
  • 3. 3 “อือ … นี่กันไม่ได้ฝันไปหรอกหรือวะ ไม่น่าเชื่อเลยโว้ยคุณอาหญิงซื้อ อาหารชั้นหนึ่งมาเลี้ยงพวกเรา เพียงแต่ตราขาวสองขวดนี่ก็หลายร้อยแล้ว หรือวันนี้ท่านทำาพิธีปล่อยผี” ดร. ดิเรกกำาลังยกซ่อมจะจิ้มไก่ย่าง ได้ยนนิกรพูดเช่นนี้ก็สะดุ้งสุดตัว มองดู ิ หน้าเพื่อเกลอของเขาอย่างเคือง ๆ แล้ววางซ่อมลงบนโต๊ะ “แกพูดยังงี้ใครจะยัดเข้าไปลง กันไม่ใช่ผีนี่หว่า” ๒๗/๐๓/๒๕๕๔ ๑๙:๕๑:๑๑ น.เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง คุณหญิง วาดเดินนำาหน้าพาเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตรงเข้ามาหยุด ยืนข้าง ๆ สี่สหาย พล นิกร กิมหงวน และดิเรก ต่างลุกขึ้นยืนแสดง คารวะท่านผู้ใหญ่ คุณหญิงวาดร้องตะโกนเรียกคนทำาสวนกับคนใช้คน หนึ่งซึ่งนังพักผ่อนอยู่ข้างตึก ให้นำาเก้าอี้เหล็กมาให้ท่าน สามตัว แล้วท่าน ่ ก็กล่าวกับสี่สหายอย่างยิ้มแย้ม “นังเถอะ ่ แล้วก็กินกันตามสบาย วันนี้อาเลี้ยงเต็มที่ ยายอิ่มกำาลังทำา กับแกล้มอีกสองสามอย่าง ประเดี๋ยวม่อมมันคงยกมาอีก อ้ายแห้วเอ็งคอย ดูด้วยนะ โซดาและเหล้าในตู้เย็นยังมี” นิกรมองดูคุณหญิงวาดด้วยความตื่นเต้น ประหลาดใจเหลือที่จะกล่าว “สงสัยเสียแล้วละครับคุณอา” “สงสัยตะหวักตะบวยอะไรอีกล่ะ” “แฮ่ะ แฮ่ะ กับข้าวเหล่านี้ไม่ได้ใส่สลอดแแน่นะครับ” คุณหญิงวาดเงื้อมือขวาขึ้นตบนิกรดังผัวะ “ฉันไม่บ้ายังงันหรอก” ้ ท่านพูดเสียงหัวเราะ “แก่จนหัวหงอกยังจะเล่น เป็นเด็กอีกหรือ” เสี่ยหงวนพูดเสริมขึ้น “คุณอาบอกพวกเราให้ชื่นใจหน่อยเถอะครับ คุณอาเลี้ยงพวกผมเนื่องใน งานอะไร” เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ตอบแทนศรีภรรยาของท่าน “อาจะบอกให้ คุณหญิงเขาเลี้ยงพวกแกก็เพราะ เขาดีใจที่อาหายป่วยจาก ปอดบวมในคราวนี้ แล้วก็เลี้ยงเพื่อต้องการให้พวกแกทั้งสี่คน ทำาธุระอะไร ให้เขาสักอย่างหนึ่งในวันพรุ่งนี้” ดร. ดิเรกยิ้มแป้น
  • 4. 4 “ออไร๋ ออไร๋” พูดพลางยิ้มให้คุณหญิงวาด “คุณอาจะใช้ให้พวกเราทำา อะไร บอกมาเถอะครับ สำาหรับผมถึงจะเหนื่อยยากลำาบากอย่างไร ก็ยินดี รับใช้สนองพระเดชพระคุณ คุณอาเสมอ” คนสวนกับคนใช้รนหนุ่มซึ่งเป็นชาวอีสานแบกเก้าอี้วิ่งเหยาะ ๆ ตรงเข้ามา ุ่ คนสวนแบกคนเดียวสองตัว ต่างวางเก้าอี้เหล็กลงข้าง ๆ คณะพรรคสี่สหาย แล้วกลับไป ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามท่านทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้เหล็ก สี่สหายก็นั่ง ลงบนเก้าอี้ผ้าใบตามเดิม พลผสมวิสกี้บาง ๆ ให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หนึ่งแก้ว เขาไม่ให้เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ดื่มเหล้าก็เพราะท่านอยู่ในระหว่างพักฟื้น นิกรตะลุมบอนหมูหันของโปรด ของเขาทันที คุณหญิงวาดถึงกับจุ๊ปากและยกมือขวาตบศีรษะนายจอม ทะเล้นหลานชายของท่าน “เฮ้ย ๆ ๆ นึกถึงคนอื่นเขาบ้างโว้ย กินเหล้าเสียบ้างซี” นิกรเงยหน้าขึ้นมองดูคุณหญิงวาดแล้วยิ้มแห้ง ๆ “เหล้าผมไม่ชอบครับ ผมชอบกับ” เจ้าคุณประสิทธิ์หัวเราะหึ ๆ “ตรงกันข้ามกับเจ้าหงวน ขอให้มีเหล้าเถอะกับไม่สำาคัญ ร้อน ๆ อย่างนี้ พวกแกกินเหล้าไม่เมาหรืออย่างไร” เสี่ยหงวนยิ้มให้ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์ “เมาซีครับ เหล้าไม่ใช่นำ้าประปานี่ครับ แต่พวกผมถึงเมาก็เมาอย่างน่ารัก” แล้วอาเสี่ยก็หยิบซ่อมจิ้มทอดมันกุ้งส่งให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ “แกล้มเสีย หน่อยซีครับคุณอา” ท่านเจ้าคุณโบกมือ “ไม่ต้อง อาดื่มนิดหน่อยเท่านั้น” นิกรอ้าปากงับทอดมัน ที่ซ่อมจากมือกิมหงวนแล้วกลืนเอื๊อก ดิเรกหัวเราะ ชอบอกชอบใจ ยมมือชีหน้านายจอมทะเล้น แล้วพูดพลางหัวเราะพลาง ้ “ยูกินทอดมันแบบนี้เหมือนหมาว่ะ กันเคยเห็นอ้ายดิ๊กมันกิน” นาย แพทย์หนุ่มหมายถึง เจ้าแอลเซเชียลของเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ “มันงับแล้ว กลืนเข้าไปในท้องโดยไม่ต้องเคี้ยวเหมือนแกไม่มีผิด” ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามหัวเราะลั่น นิกรทำาหน้าครึ่งยิ้มครึ่งแหย เจ้าแห้วนั่ง หัวเราะงอไปงอมาอยู่ข้างหลังนิกร คุณหญิงวาดมองดูลูกหลานของท่าน อย่างชื่นชม สักครู่หนึ่งท่านก็กล่าวกับสี่สหายว่า
  • 5. 5 “พรุ่งนีวันอาทิตย์ อาจะวานพวกแกทั้งสี่คนไปแปดริ้ว” ้ พล นิกร กิมหงวน และ ดร. ดิเรกต่างพากันมองดูคุณหญิงวาดเป็นตาเดียว เมื่อนิกรสบตากับคุณหญิงเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ไปทำาไมครับ” “ก็ไปทำาธุระให้อาน่ะซี” นิกรยิ้มแป้น “ได้ครับ ขากลับผมจะได้แวะซื้อลูกหยี ข้าวเกรียบกุ้ง และเม็ด มะม่วงหิมพานต์มาฝากประไพบ้าง” คุณหญิงวาดกลืนนำ้าลายเอื๊อก “แปดริ้วน่ะมันอยู่ที่ไหน” “ก็สงขลายังไงล่ะครับ” คุณหญิงวาดยกมือขวาตบอกแล้วปลงอนิจัง “อ้ายเวรเอ้ยแปดริ้วตะหวักตะบวยอะไรกันวะผ่าไปอยู่สงขลา ไปกัน คนละคุ้งคนละแคว” นิกรหน้าตื่นหันมาถามพล “ที่ไหนหว่า” “ฉะเชิงเทราโว้ย” “ปู้โธ่… ฉะเชิงเทราก็ฉะเชิงเทราทำาไมคุณอาบอกว่าแปดริ้วล่ะ ฉะเชิงเทรา ไปมาตั้งร้อยหนแล้วกันรู้จักดี แต่แปดริ้วไม่รู้จัก” พลว่า “ฉะเชิงเทรานั่นแหละเขาเรียกว่าแปดริ้ว มันมีสองชื่อ” แล้วเขาก็ หันมาทางคุณหญิงวาด “คุณแม่จะใช้ให้พวกเราไปทำาธุระอะไรให้คุณแม่ที่ นั่นครับ” คุณหญิงวาดยิ้มให้ลูกชายของท่าน “ไปแก้บนให้แม่ เมื่อคุณพ่อเจ้าล้มเจ็บคราวนี้ แม่ตกใจและเป็นห่วงท่าน มาก แม่ได้จุดธูปเทียนบนหลวงพ่อโสธรที่แปดริ้วไว้ บนทองปิดท่านพัน แผ่น ผ้าแพรห่มท่านหนึ่งผืน เงินทำาบุญวัดอีกพันบาท แล้วก็ละครรำา บรรดาศักดิ์อีกวงหนึ่ง แม่บนไว้ว่าถ้าคุณพ่อของเจ้าหายป่วยแม่จะให้เจ้าสี่ คนไปแก้บนตามที่แม่บนไว้ และจะให้เจ้าทั้งสี่คนรำาละครถวายท่านชุดหนึ่ง ซึ่งใช้เวลารำาประมาณ ๑๐ นาที”
  • 6. 6 สี่สหายสะดุ้งเฮือกพร้อม ๆ กัน “เฮ้” ดร. ดิเรกร้องลั่น “ทำาไมคุณอาบนหลวงพ่อท่านแหวกแนวอย่างนี้ล่ะ ครับ” “อ้าว ก็เพราะอาต้องการให้คุณอาผู้ชายของแกหายป่วยน่ะซี การบนถ้าจะ ให้ขลังก็ต้องบนให้ลูกหลานไปรำาละครถวายท่าน” พลหัวเราะก๊าก “แย่ละครับคุณแม่ แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่วัดโสธรมีคนไปไหว้ หลวงพ่อกันตลอดวัน ถ้าเขาเห็นพวกผมสี่คนรำาเฉิบ ๆ อยู่หน้าโบสถ์ เขาจะ คิดว่าอย่างไร” เสี่ยหงวนพูดเสริมขึ้น “เขาจะคิดว่าอย่างไร……. เขาก็ต้องคิดว่าเราสี่คนหนีมาจากโรงพยาบาล สมเด็จเจ้าพระยา” สองเจ้าคุณหัวเราะลั่น คุณหญิงวาดพยายามกลั้นหัวเราไว้ “เถอะน่า ใครเขาจะหาว่าพวกแกบ้าหรือเมาก็ช่างเขาปะไร คนที่นนไม่มี ั่ ใครเขารู้จักแกหรอก ไปถึงก็ลงจากรถข้าง ๆ โบสถ์ แล้วรำาละครถวายหลวง พ่อ เสร็จแล้วก็เข้าไปในโบสถ์เอาเงินไปทำาบุญถวายวัดพันบาท เอาผ้า แพรไปห่มหลวงพ่อ แล้วแกสี่คนก็แบ่งทองกันช่วยปิดทองหลวงพ่อให้ครบ พันแผ่น อาจะจัดดอกไม้ธูปเทียนและของที่จะนำาไปถวายไว้ให้พร้อม นีก็ ่ ให้แม่นันไปซื้อแพรห่มองค์หลวงพ่อและทองคำาสำาหรับปิดท่านแล้ว พวก แกสี่คนต้องทำางานที่อามอบหมายนี้ให้ พรุ่งนี้เช้ากินข้าวกินปลาแล้วก็พา กันไป ต้องรีบแก้บนท่านเสีย เมื่อคืนอาฝันว่าช่างไล่ เขาว่าบนไว้ไม่ได้ แก้มักจะฝันเห็นช้าง” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดเสริมขึ้น “อาจะไปกับพวกแกด้วย นานแล้วไม่ได้ไปไหว้หลวงพ่อ” สี่สหายมองดูหน้ากัน แล้วทำาหน้าผะอืดผะอมไปตามกัน พลกล่าวกับคุณ หญิงวาดด้วยเสียงหัวเราะ “เรื่องละครที่จะแก้บนหลวงพ่อ ไปจ้างเขารำาถวายไม่ได้หรือครับที่วัดโส ธรพวกละครชาตรีเขาแต่ตัวไว้พร้อม จ้างเขาสัก ๑๐ บาทเขาก็รำาถวายท่าน เอง” “ไม่ได้ ๆ ๆ” คุณหญิงวาดพูดหน้าตาขึงขัง แม่ไม่ได้บนถวายละครพวกนั้น แม่บนว่าถ้าคุณพ่อแกหายป่วย แม่จะให้แกสี่คนไปรำาถวายท่าน” ดร. ดิเรกทำาคอย่น
  • 7. 7 “แย่ละครับคุณอา ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนายแพทย์ชั้น เยี่ยมมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในวงสังคมใครก็ยกย่องให้เกียรติผม ถ้าผม ไปรำาเฉิบ ๆ หน้าโบสถ์หลวงพ่อ บังเอิญมีใครรู้จักแลเห็นผมเข้าผมจะทำา อย่างไร” คุณหญิงวาดชักฉิว “แกอย่าคิดมากไปหน่อยเลยวะ คนที่แปดริ้วไม่มีใครเขารู้จักพวกแก หรอก แล้วก็รำาในราว ๑๐ นาทีเท่านั้น จ้างพวกพิณพาทย์ที่นั่นให้เขา บรรเลง การแต่งตัวก็ธรรมดา ไม่ต้องแต่งเครื่องอย่างละครชาตรี ชวยอา สักครั้งไม่ได้หรือ” ถูกพ้อเช่นนี้นายแพทย์หนุ่มก็ยิ้มแป้น “ออไร๋ ออไร๋ ตกลงครับ เมื่อถึงคราวจำาเป็นคนเราก็หน้าด้านได้เหมือน กัน” แล้วเขาก็หันมาพยักหน้ากับนายจอมทะเล้น “หรือไงอ้ายกร” นิกรอมยิ้ม “สำาหรับกันไม่มีปัญหาอะไร และไม่รู้สึกยากลำาบากอะไรในการที่กันจะรำา ถวายหลวงพ่อ อาศัยกันหน้าด้านจนเคยชินเสียแล้ว” เสี่ยหงวนหัวเราะชอบใจ “เอาโว้ย สนุกดีเหมือนกัน” พูดจบเขาก็มองดูหน้าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ “คุณ อาต้องรำาด้วยนะครับ” ท่านเจ้าคุณสะดุ้งเฮือก “ข้าไม่เกี่ยว” ท่านพูดยิ้ม ๆ “คุณหญิงท่านไม่ได้บนหลวงพ่อให้อารำาด้วย นี่หว่า คนแก่พุงพลุ้ยอย่างข้า ถึงรำาหลวงพ่อท่านก็ไม่อยากดู” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง เป็นอันว่าสี่สหายตกลงรับจะไปแก้บนให้ คุณหญิงวาดตามความประสงค์ เมื่อพลรับปากกับท่านเป็นมั่นเหมาะคุณ หญิงวาดก็ดีใจและโล่งใจ “แม่เลี้ยงพวกแก ก็เท่ากับเลี้ยงล่วงหน้า ก่อนที่จะไปทำาธุระให้แม่ บอก ก่อนนะเหลวไม่ได้ เอาเถอะแม่จะให้เงินไปเที่ยวกันสองพัน กลับจาก แปดริ้วจะเลยไปบางแสนหรือแวะเที่ยวบางปูกันก็ตามใจ” “ครับ ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางโมงเช้า” แล้วพลก็หันมา ทางเจ้าแห้ว “แกต้องไปด้วยอ้ายแห้ว ฉันจะให้แกขับรถ ประเดี๋ยวไปเตรี ยมคาดิลแล็คไว้ ตรวจนำ้ามันเครื่องนำ้ามันเบรคนำ้ากลั่นให้เรียบร้อย หรือจะ เอาไปให้อู่เขาอัดฉีดล้างเสียก่อนก็ดีเหมือนกัน”
  • 8. 8 “รับประทานไม่ต้องหรอกครับ เพิ่งอัดฉีดเมื่อวันอังคารนี่เอง กลับมาค่อย รับประทานอัดฉีดดีกว่าครับ” “เออ ตามใจแก แต่ถ้ารถเสียตามทางจะถูกเตะ” คุณหญิงวาดชวนเจ้าคุณทั้งสองกลับขึ้นไปบนตึก ปล่อยให้สี่สหาย สนุกสนานกัน ดื่มเหล้าและสนทนากัน นิกรยังติดใจในเรื่องแปดริ้ว เขา ยืนยันว่าแปดริ้วเป็นตำาบลเล็ก ๆ อยู่ในอำาเภอสะเดาจังหวัดสงขลา ตอนสายวันรุ่งขึ้น คาดิลแล็คเก๋งคันงามของอาเสี่ยกิมหงวน ได้พาคณะพรรคสี่สหายกับเจ้า คุณปัจจนึก ฯ มาถึงฉะเชิงเทราในเวลาประมาณ ๙.๓๐ น. ขณะที่รถผ่าน หลังสถานีฉะเชิงเทรา นิกรได้ชะโงกหน้าไปข้างหน้ารถ แล้วกล่าวกับเจ้า แห้วว่า “เฮ้ย - แวะกินอะไรกันที่ร้านหลังสถานีก่อนเถอะวะ” “ไม่ต้องแวะ” พลดุเจ้าแห้ว “ก่อนจะออกจากบ้านก็กินไข่ดาวหมูแฮม กาแฟกันมาแล้ว มาถึงคลองด่านก็กินอีก แกจะกินไปถึงไหนวะอ้ายกร ประเดี๋ยวก็ถึงวัดแล้ว” นิกรหันมาค้อนปะหลับปะเหลือก ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล้วยหอมออก มาผลหนึ่ง ปอกเปลือกออกยกขึ้นใส่ปากเคี้ยวกร้วม ๆ แปดริ้วหรือ ฉะเชิงเทราไม่มีอะไรใหม่ หรือแปลกตาสำาหรับสี่สหายของเราเลย เพราะ เคยมาเที่ยวกันบ่อย ๆ นันเอง ความเปลี่ยนแปลงของฉะเชิงเทราที่มีหน้ามี ่ ตา ก็เห็นจะเป็นสะพานข้ามแม่นำ้าที่ท่าข้าม นอกนั้นฉะเชิงเทราก็ยังมี สภาพเหมือนแต่ก่อน อากาศร้อนอบอ้าวแดดยิบ ๆ แทบจะมองเห็นเป็นตัว แต่คาดิลแล็คเก๋งมีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำาความเย็นอันทันสมัย สี่ สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วจึงนั่งอยู่ในรถอย่างสุขสบาย กระจก ที่หมุนขึนทั้งสี่ด้านก็เป็นกระจกสีฟ้าอ่อนเย็นตา ราคาของรถคันนี้คนจน ้ หาเงินตั้งแต่เกิดจนตายสะสมไว้โดยไม่ใช้แม้แต่สตางต์เดียวก็ยังซื้อไม่ได้ เลยสถานีไปเพียงครู่เดียวก็ถึงทางแยกไปวัดโสธร ซึ่งเป็นทางลัดไม่ต้อง อ้อมเข้าไปในตัวจังหวัด เจ้าแห้วบังคับรถเลี้ยวขวามือผ่านทุ่งนาตรงไป ตามถนนฝุ่นสีแดง พอใกล้จะถึงวัด ดร. ดิเรกก็เริ่มกลุ้มใจมีท่าทางกระสับ กระส่าย เขายกมือขวาวางบนบ่าพลและทอดสายตามองดูโบสถ์วัดโสธร เบื้องหน้าของเขา “พลโว้ย รายการรำาถวายหลวงพ่อเราตัดออกได้ไหม บอกหลวงพ่อท่าน ว่าเราอายผู้คนเขาเราขอจ้างละครชาตรีอาชีพที่หน้าโบสถ์ให้เขารำาแทน” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ซึ่งนั่งคู่อยู่กับเจ้าแห้วหันมามองดูเขยใหญ่ของท่าน แล้ว กล่าวขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า
  • 9. 9 “ไม่ได้นะดิเรก คุณหญิงสั่งกำาชับพ่อให้ควบคุมพวกแกรำาถวายหลวงพ่อ อย่าขัดศรัทธาคุณหญิงท่านเลยวะ ตามปรกติพวกแกก็ไม่ใช่คนหน้าบาง อะไรนัก” ดร. ดิเรกถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว้า - ฝรั่งขายหน้าเขาแย่ คุณพ่อดูซีครับ ทั้งรถประจำาทางและรถสามล้อ วิ่งตามกันไปเป็นแถวราวกับว่าที่วัดกำาลังมีงานปิดทองไหว้หลวงพ่อ” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะหึ ๆ “นันนะซีพ่อกำาลังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ตามธรรมดาถึงแม้จะเป็นวัน ่ อาทิตย์ ก็ไม่มีคนมามนัสการหลวงพ่อมากมายเช่นนี้ หรือทางวัดจะจัดงาน อะไรเป็นพิเศษกระมัง” พลหน้าเสีย หันมามองดู ดร. ดิเรกแล้วยิ้มแห้ง ๆ “แต่คุณแม่ก็ให้รางวัลพวกเราถึงสองพันบาท ยอมอายเถอะวะหมอ รำากัน ส่งเดชเพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น” นายแพทย์หนุ่มทำาหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ “คนเขาจะหาว่าพวกเราไม่สบายน่ะซี” พลฝืนหัวเราะ “ช่างมันเถอะวะ ถ้าเราไม่ยอมรำาคุณอาก็คงไปฟ้องคุณแม่ และเรื่องมันต้อง ถึงบ้านแตกสาแหรกขาด แกรู้นิสัยคุณแม่ดีแล้ว” เสี่ยหงวนล้วงกระเป๋ากางเกงสีเทาของเขา หยิบขวดวิสกี้ขนาดเล็กออกมา ชูอวด ดร. ดิเรก แล้วกล่าวว่า “ดื่มอ้ายนี่เสียคนละนิด แล้วเราก็จะหน้าด้านเอง” นายแพทย์หนุ่มลืมตาโพลง “ออไร๋ ออไร๋” อาเสี่ยเปิดจุกตราขาวออก แล้วยกขึ้นดื่มอั้ก ๆ ส่งขวดให้พล ต่อจากนั้นสี่ สหายก็แบ่งกันดื่มวิสกี้เพียว ๆ จนหมดขวด คือดื่มวนเวียนไปมา นิกรล้วง กระเป๋ากางเกงหยิบห่อกุ้งแห้งออกมาแบ่งกับเพื่อน ๆ เขาบอกว่าเขารู้ว่า อย่างไนเสีย เสี่ยหงวนก็ต้องมีเหล้าซุกซ่อนมา เขาจึงแอบขโมยกุ้งที่โรง ครัวที่บ้านห่อมาด้วย สำาหรับเป็นแกล้มกินกับเหล้า พอคาดิลแล็คเก๋งเข้าเขตวัดโสธร วิสกี้ก็หมดขวด สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วแปลกใจอย่างยิ่งเมื่อแลเห็นผู้คนในวัดมากมายนับพัน ชาว
  • 10. 10 พื้นเมืองเหล่านี้ส่วนมากไปยืนออกันอยู่ริมแม่นำ้า รถโดยสาร รถประจำาทาง รถสามล้อ สองล้อจอดอยู่เรียงรายเต็มวัด แต่ในโบสถ์และบริเวณหน้า โบสถ์ไม่ใคร่มีคนเท่าใดนัก ผู้คนหลั่งไหลไปชุมนุมกันริมแม่นำ้าคล้ายกับ จะ ดูการแข่งขันเรือ หรืองานทางนำ้าอะไรสักอย่างหนึ่ง เจ้าแห้วนำาคาดิลแล็คเก๋งไปจอดทางด้านซ้ายของโบสถ์หลวงพ่อ คือด้าน ขวามือเมื่อเข้าไป แต่เกือบจะหาที่จอดไม่ได้ ทุกคนพากันลงมาจากรถ อำานาจแอลกอฮอล์ทำาให้ ดร. ดิเรกคึกคักเข้มแข็งผิดปรกติ เขาเอื้อมมือ ตบหลังพล แล้วถามว่า “รำาหรือยังล่ะ กันอยากรำาเต็มทนแล้ว” พลมองดูนายแพทย์หนุ่มอย่างขบขัน ใบหน้าของดิเรกแดงกลำ่า “อดใจสักประเดี๋ยวหมอ ได้รำาแน่ เข้าไปไหว้หลวงพ่อก่อน เราต้องเอา เงินพันบาทไปทำาบุญถวายวัด เอาผ้าไปห่มหลวงพ่อ เอาดอกไม้ธูปเทียน ไปถวายท่าน แล้วก็ช่วยกันปิดทองให้หมดพันแผ่น ดร. ดิเรกขมวดคิ้วย่น “รำาเสียก่อนไม่ดีเรอะ” “ประเดี๋ยวโว้ย” พลตวาดแว๊ด “ทีแรกก็บ่นว่าขายหน้าเขา พอยัดเหล้า เข้าไปหน่อยเกิดหน้าด้านขึ้นมาแล้ว” อาเสี่ยพูดเสริมขึ้น “เหล้ามันมีประโยชน์อย่างนี้แหละเพื่อน เหล้าสามารถทำาให้คนหน้าบาง กลายเป็นคนหน้าหนา ทำาให้คนที่พูดน้อยกลายเป็นคนพูดมากอย่างนำ้า ไหลไฟดับ คนที่สงบเสงี่ยมไม่สู้ใคร กินเหล้าเข้าไปกลายเป็นนักบู๊ กลาย เป็นขุนขวาน ขุนมีด หรือขุนไม้ตีพริกแล้วแต่จะคว้าอะไรได้เป็นอาวุธ” เจ้าแห้วก้มตังเข้าไปในรถ ยกถาดไม้ใบหนึ่งออกมา ในถาดมีดอกไม้ธูป เทียนจัดไว้เป็นชุด ๆ มีทองคำาเปลวหนึ่งมัดผูกด้ายเส้นเล็ก ๆ มีผ้าแพรสี เหลืองพับไว้เรียบร้อยหนึ่งผืน และมีซองสีขาวหนึงซองในซองบรรจุเงินพัน ่ บาท ซึ่งคุณหญิงวาดจัดมาให้เรียบร้อย หญิงชราอายุในวัย ๗๐ ปีคนหนึงเดินเข้ามาหยุดยืน ่ ข้าง ๆ คณะพรรคสี่สหายในท่าทางพินอบพิเทาเกรงกลัวในบุญวาสนา พอ สบตากับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ หญิงชราก็กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านจะกรุณาซื้อทองบ้างไหมเจ้าคะ” เจ้าคุณยิ้มให้
  • 11. 11 “เสียใจเหลือเกินพี่สาว เราเตรียมทองของเรามาจากกรุงเทพ ฯ เสียแล้ว อ้า - ที่ริมแม่นำ้าเขามีงานอะไรกันจ๊ะ ผู้คนถึงได้เบียดเสียดเยียดยัดกันอย่าง นั้น” หญิงชราเจ้าของร้านขายทองและดอกไม้ธูปเทียน มองไปทางฝั่งแม่นำ้าทาง ซ้ายมือแล้วเรียนให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ทราบ “ไม่ได้มีงานอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขาคอยดูตะเข้กันเจ้าค่ะ” “ตะเข้” เสี่ยหงวนอุทานขึ้นดัง ๆ “มีตะเข้มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่หน้าวัดนี่หรือ ครับคุณป้า” “เจ้าค่ะ ผู้คนหลั่งไหลกันมาทั่วแปดริ้วหลายวันแล้วเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าจนคำ่า รถยนต์รถสามล้อรำ่ารวยไปตามกัน แต่ทองและดอกไม้ธูปเทียนขายไม่ใคร่ ได้ คนส่วนมากมาดูตะเข้มากกว่ามาไหว้หลวงพ่อ” เสียงแจ๋ว ๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนเรียกหญิงชราผู้นั้น “ยาย ยายจ๋ามีคนมาซื้อทองที่ร้าน” หญิงชราสิ้นสุดความสนใจ กับคณะพรรคสี่สหายทันที รีบกลับไปยังร้าน ของแกซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับประตูวัด เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวกับสี่สหาย “เข้าไปในโบสถ์เถอะโว้ย” นิกรว่า “ไปดูตะเข้เสียก่อนไม่ดีหรือครับ” “ปู้โธ่” ท่าเจ้าคุณเอ็ดตะโร “แกไม่เคยเห็นตะเข้หรือวะ ที่สระวัดสามปลื้ม ก็มี ที่เขาดินก็มีไม่เห็นจะแปลกอะไร ตะเข้มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิด หนึ่ง ไป ๆ ๆ เข้าไปในโบสถ์ อยากดูประเดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยไปดู” ครั้นแล้วท่านเจ้าคุณก็เดินนำาหน้าพาสี่สหายกับเจ้าแห้วตรงมาทางประตู หน้าโบสถ์ ผู้หญิงในวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหยุดยืนขวางหน้า แล้ว กล่าวถามทันที “หาละครไหมคะ” นิกรยิ้มให้ตั้วโผละครแก้สินบน “ไม่ต้องหรอก พวกฉันจะรำาถวายหลวงพ่อเอง” แม่คนนันทำาหน้าตื่น ๆ แต่เข้าใจว่านิกรพูดเล่นมากกว่า คณะพรรคสี่สหาย ้ พากันเข้าไปในโบสถ์หลวงพ่อ ทุกคนต่างรู้สึกร่มเย็นอย่างประหลาด กลิ่น ดอกไม้ กลิ่นธูปและควันเทียนหอมตระหลบอบอวล พุทธบริษัททั้งหญิง ชายในวัยต่าง ๆ ไม่ตำ่ากว่า ๕๐ คนกำาลังนมัสการหลวงพ่อ ด้วยจิตใจ เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา บ้างก็กำาลังปิดทอง บ้างก็เขย่าติ้วเสี่ยง
  • 12. 12 เซียมซีหรือขอเลขท้ายประจำางวด บางคนก็ยืนอยู่ที่โต๊ะรับเงินบริจาค ซึ่ง มีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้รับเงินบำารุงวัด องค์หลวงพ่อโสธรแลตระหง่านเหลือง อร่าม ด้วยทองคำาทั้งองค์จริงและองค์จำาลองซึ่งประดิษฐานอยู่ข้างหลัง สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วต่างถอดรองเท้าไว้ที่ประตูโบสถ์ แล้วพากันเดินเข้ามา พลหยิบซองบรรจุเงินพันบาทออกมาจากถาดที่เจ้า แห้วถืออยู่ เขาเดินไปที่โต๊ะรับเงินบริจาคบำารุงวัด มอบเงินให้พระภิกษุ สงฆ์ ในนามของคุณหญิงวาด ประสิทธินิติศาสตร์ เป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท ์ ทางวัดได้ออกใบเสร็จแสดงรายนามและจำานวนเงินผู้บริจาคเป็นหลักฐาน นอก จากนี้ ยังแจกของชำารวยอีกหลายอย่าง หลวงพ่อจำาลองขนาดเล็ก ลงยาสีสวยงามหลายองค์ พระภิกษุผู้รับเงินบริจาคตื่นเต้นสนใจมาก ที่พล บริจาค เงินในนามคุณแม่ของเขาถึงพันบาท เพราะนาน ๆ ถึงจะมีผู้บริจาค เงินจำานวนพันเช่นนี้ พลเดินเข้าไปหาพรรคพวกของเขา ซึ่งนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นกลาง โบสถ์ ต่างคนต่างจุดธูปเทียนนมัสการหลวงพ่อ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ อธิษฐานนานกว่าเพื่อน กราบไหว้วิงวอนพระขอให้ท่านเกิดชาติหน้ามีผม เต็มศีรษะเหมือนกับคนทั้งหลาย และให้มงมีศรีสุขเงินทองไหลมาเทมา ั่ เหมือนชาตินี้ แล้วทุกคนก็นำาดอกไม้ธูปเทียนไปปักไว้ยังที่ที่ทางวัดจัดไว้ไห้ ส่วนดอกไม้ คงกองไว้พะเนินเทินทึก ต่อจากนั้น เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็ชวยสี่สหายกับเจ้า แห้วลุกขึ้นเดินไปที่องค์พระประธาน คือหลวงพ่อโสธรซึ่งนั่งขัดสมาธิสง่า งามอยู่กลางโบสถ์ พลกับนิกรต่างปีนป่ายขึ้นไปบนฐานองค์พระ ช่วยกันห่ม ผ้าแพรสีเหลืองให้หลวงพ่อ จนสำาเร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงมา ต่างคนต่าง ช่วยกันปิดทอง ใช้เวลาปิดอยู่นานกว่าจะหมดพันแผ่น อีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนก้มลงกราบหลวงพ่อ แสดงความสักการะเคารพอย่างสูง แล้วลุกขึ้นเดินมาทางโต๊ะรับเงินบริจาค เสี่ยหงวนกล่าวกับเพื่อน ๆของเขา ว่า “เรามาถึงหลวงพ่อแล้ว ควรจะถือโอกาสทำาบุญบำารุงวัด พุทธศาสนาจะ ยั่งยืนอยู่ได้ก็ด้วยพุทธบริษัททั้งหลายช่วยกันบำารุง” นิกรยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ “สาธุ – ศาสนาย่อมคำ้าจุนโลก วันนี้จิตใจกันผ่องแผ้วแจ่มใสมาก ขอ ทำาบุญสัก ๕ บาทเถอะวะ” ทุกคนต่างมองดูนายจอมทะเล้นเป็นตาเดียว “ห้าบาท” เสี่ยหงวนตะโกนลั่นโบสถ์จนกระทั่งใครต่อใครหันมาดูเขา “ นายนิกร นักธุรกิจผู้มั่งคั่งมีเงินในธนาคารหลายล้าน ทำาบุญเพียง ๕ บาท…….”
  • 13. 13 นิกรอมยิ้ม “พูดยังไม่ทนจบเสือกขัดคอเสียแล้ว ั ๕ บาทน่ะใส่ตู้สำาหรับซื้อนำ้ามันเติม ตะเกียงให้หลวงพ่อ ส่วนที่กันจะบำารุงวัดน่ะพันบาท” อาเสี่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหัวเราะ “นึกว่าบำารุงวัด ๕ บาทก็เลิกคบกันได้” แล้วเขาก็กล่าวกับคณะพรรคของ เขา “บริจาคเงินบำารุงวัดคนละพันบาทเท่า ๆ กันโว้ย” เจ้าแห้วพูดเสริมขึ้นด้วยเสียงละห้อยน่าสงสาร “รับประทานกรุณาตัดผมออกเสียคนนะครับ รับประทานเงินเดือน ๓๐๐ เท่านั้น ถ้าผมบำารุงวัดพันบาทก็เห็นจะศรัทธาแก่กล้าเกินไป แทนที่จะได้ บุญกลับเป็นบาป” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะหึ ๆ “สำาหรับแกแล้วแต่แก” พระภิกษุผู้รับเงินบำารุงวัด มองดุคณะพรรคสี่สหายด้วยความตื่นเต้น พล นิกร กิมหงวน ดร. ดิเรก และเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างล้วงกระเป๋าหยิบเงินออก มาให้พระภิกษุองค์นั้นคนละพันบาท เจ้าแห้วร้อยบาท หลวงพี่รีบเขียนใบ เสร็จรับเงินให้ทันที เขียนรายชื่อและจำานวนเงินลงไปในใบรับเงินด้วย ในราว ๑๐ นาทีสี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วก็ได้รับใบเสร็จรับ เงินโดยเรียบร้อย พระภิกษุเจ้าหน้าที่รับเงิน กล่าวกับคณะพรรคสี่สหาย อย่างยิ้มแย้ม “ขอเชิญเลือกของชำาร่วยบนโต๊ะนี้เอาไปเถิดคุณ จะหยิบไปคนละกี่ชนก็ได้ ิ้ มีด้ายผูกข้อมือ เหรียญและเข็มหลวงพ่อ อาตมาภาพคิดว่าถ้าบรรดา เศรษฐีพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า เหมือนพวกคุณเช่นนี้แล้ว ศาสนาของเราก็คงจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้อีกมาก” สี่สหายยิ้มแป้นไปตามกัน ต่างเลือกเหรียญหลวงพ่อไว้เป็นที่ระลึกเพียง คนละองค์เท่านั้น ต่อจากนั้นก็พากันออกไปจากโบสถ์ บรรดาพุทธบริษัท ทั้งหลายต่างพากันมองดูเศรษฐีชาวบางกอกอย่างชื่นชม เจ้าทิดร่างใหญ่พันธ์ลูกทุ่งคนหนึ่งกล่าวขึ้นดัง ๆ “โอ้โฮ รวยฉิบหายเลยฮิ พกใบละแบ๊งค์สีแดงแจ๋กันคนละปึกสองปึก เหมือนกับพิมพ์ได้เอง ชาติก่อนเข่าทำาบุญไว้อย่างไรหนอ อย่างกูยังงี้ร้อย วันพันปีถึงจะเจอใบแดง ๆ สักใบ” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พาสี่สหายกับเจ้าแห้วออกมานอกโบสถ์ ทุกคนก้มลงสวม รองเท้าเรียบร้อย แล้วก็เริ่มต้นแจกเงินขอทาน คนละบาทสองบาทตาม
  • 14. 14 อัธยาศัย อาเสี่ยไม่มีธนบัตรใบละบาทจึงแจกขอทานคนละ ๑๐ บาทที่มีอยู่ ไม่กี่ใบก็หมด ชายชราคนหนึ่งชูกาละมังใบเล็ก ๆ ยื่นเข้ามาที่ขากิมหงวน “เจ้าประคู้น ทำาทานคนแก่คนเฒ่าเถอะคะร๊าบ” เสี่ยหงวนยิ้มเล็กน้อย “เสียใจเหลือเกินลุง เงินย่อยหมดแล้วมีแต่ใบละร้อย” “ไม่เป็นไรครับผมมีทอน” ขอทานชายชราพูดหน้าตาย เสี่ยหงวนพยักหน้าล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทหนึ่งฉบับออก มา ส่งให้ชายชราแล้วกล่าวว่า “เอ้า – ฉันให้ลุง ๑๐ บาท” ชายชราล้วงกระเป๋า เสื้อเชิ้ทหยิบธนบัตรราคาต่าง ๆ ออกมาปึกหนึ่ง นับส่ง ให้กิมหงวนรวม ๙๐ บาท “นีครับ ขอให้ท่านเป็นเจ้าคนนายคนเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีเงินทองไหลมา ่ เทมา อายุมั่นขวัญยืน ความเจ็บอย่ารู้ได้ความไข้อย่ารู้มี นึกเงินได้เงินนึก ทองได้ทอง มีสมรรถภาพเข้มเแข็งมีเมียเด็ก ๆ ได้จนกระทั่งท่านอายุได้ ร้อยปีนะคร๊าบ” เสี่ยหงวนกลืนนำ้าลายเอื้อก แล้วเขาก็แจกเงินขอทานต่อไปจนเงินหมดมือ คณะพรรคสี่สหายลงมาจากโบสถ์ ก็ตรงไปที่ศาลาเล็ก ๆ หลังหนึ่งทางด้าน ซ้ายของโบสถ์ ที่นั่นเป็นที่สำาหรับพวกพิณพาทย์ ของคณะละครชาตรีซึ่งมี อยู่เพียงสามสี่คน ส่วนตัวละครผัดหน้าขาวว่อก บางคนก็ผัดเสียจนเขียว แต่งเครื่องละครชาตรีไว้พร้อม นั่งอยู่ในศาลานั้น เมื่อเจ้าคุณปัจจนึก ฯ พา สี่สหายกับเจ้าแห้วมาหยุดยืนที่ศาลา นางละครคนหนึ่งก็รีบลุกขึ้นและกล่าว ถามทันที “ท่านต้องการหาละครรำาถวายหลวงพ่อหรือคะ ต้องไปติดต่อในโบสถ์ก่อน ค่ะ” นิกรโบกมือ “เปล่า ๆ น้องสาว เราต้องการจ้างพิณพาทย์บรรเลงสัก ๑๐ นาทีเท่านั้น เราสี่คนจะรำาถวายหลวงพ่อเอง จะคิดค่าป่วยการเท่าไร” นางละครทำาหน้าตืนไปตามกัน ่ “ท่านจะรำาเองหรือคะ ตายแล้ว รำาเป็นหรือคะ”
  • 15. 15 “ปู้โธ่” เสี่ยหงวนร้องเอ็ดตะโร “จะยากอะไรเล่ารำาส่งเดช เพียงแต่ให้ หลวงพ่อท่านเห็นเท่านั้น ท่าอีแร้งกระพือปีก ท่าควักกะปิ หรือท่ารำา ส่งเดชได้ทั้งนั้น” นางละครหันไปปรึกษากับคนตีระนาดเอก สักครู่ก็เปลี่ยนสายตามาที่สี่ สหาย “คิด ๑๐ บาทเท่านั้นแหละค่ะ” นิกรล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ทหยิบเงินออกมา ๑๐ บาทส่งให้นางละครชาวพื้น เมือง ซึ่งมีท่าทางบอกว่าเป็นหัวหน้าละครชาตรีวงนี้ “น้องสาวบอกให้เขาเริ่มบรรเลงได้แล้ว ขอให้ทำาเพลงช้า ๆ หน่อย เอา พญาเดินหรือกราวนอกก็ได้” ครั้นแล้ว สี่สหายก็ยืนเข้าแถวเรียงเดี่ยวเว้นระยะ ห่างกันประมาณหนึ่งศอก แอลกอฮอล์ยังไม่หมดฤทธิ์ทุกคนจึงสนุกสนานหัวเราะคิกคักไปตามกัน พิณพาทย์เริ่มบรรเลงกราวนอกทันที พล, นิกร, กิมหงวน และ ดร. ดิเรก ยกมือรำาป้อ ท่าทางกระโดกกระเดก เว้นแต่นิกรคนเดียวที่เข้าทีกว่าเพื่อน ใครต่อใครต่างวิ่งเข้ามาดูละครรำาบรรดาศักดิ์ในระยะใกล้ชิด แล้ววิพากย์ วิจารณ์กันเสียงแซ่ดไปหมด พวกละครแก้บนต่างนั่งหัวเราะงอไปงอมาไป ตามกัน พวกพิณพาทย์บรรเลงพลางหัวเราะพลาง ดร. ดิเรกรำาแย่กว่า เพื่อน รำาไปรำามามักจะเพี้ยนเป็นลีลาศหรือรำาวง ชายชราชาวพื้นเมืองคนหนึ่ง ยกมือป้องหน้าผากมองดูสี่สหายของเราอย่าง เศร้าใจ แล้วกล่าวกับพรรคพวกของแกซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ “อนิจจังทุกขังเอ๊ย นีแหละนะเขาว่าคนเรามักหนีกรรมไปไม่พ้น แต่งเนื้อ ่ แต่งตัวก็ทันสมัย หน้าตาก็ล้วนแต่เป็นผู้ดีไม่น่าจะเสียจริตเลย หมูนี้ ่ อากาศมันก็ร้อนเสียจริง ๆ แต่บ้ารำาละครอย่างนี้เห็นจะไม่เป็นภัยแก่ใคร หรอก” สาวลูกทุ่งคนหนึ่งร้องตะโกนเรียกพรรคพวกของหล่อนด้วยเสียงอันดัง “เฮ้ย - อีเมี้ยน …..อีขำาโว้ย มาดูคนบ้ารำาละครโว้ย” สี่สหายต่างยิ้มเหยเกไปตามกัน ผู้ที่อยู่ในโบสถ์ต่างพากันวิ่งออกมานอก โบสถ์ และโจษจันกันอย่างตระหนกตกใจว่าเขาได้ยินเสียงหลวงพ่อหัวเราะ แม้กระทั่งพระภิกษุและทายกหลายคน ก็โกยอ้าวออกมาจากโบสถ์ด้วย ความกลัวในอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ หลายต่อหลายคนต่างได้ยิน หลวงพ่อหัวเราะเสียงกังวานลั่นโบสถ์ พอครบ ๑๐ นาทีเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็เดินหัวเราะเข้ามาหาสี่สหาย “พอโว้ย ๑๐ นาทีแล้ว”
  • 16. 16 การรำาละครถวายหลวงพ่อสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ อาเสี่ยมองดูประชาชนที่ ห้อมล้อมเขากับเพื่อน ๆ อย่างเดือดดาล “อย่าเข้าใจผิดพรรคพวก พวกเราไม่ได้บ้าหรอก บนหลวงพ่อไว้ว่าจะรำา ละครถวายท่าน ก็ต้องมาแก้บน แล้วกัน เห็นคนดี ๆ เป็นบ้าไปเสียแล้ว ไหมล่ะ” ผู้ที่ยืนห้อมล้อมคณะพรรคสี่สหายเกือบร้อยคนต่างพูดกันพึมพำา บางคนก็ เชื่อว่าสี่สหายรำาแก้บนหลวงพ่อ แต่ส่วนมากเข้าใจว่าสี่สหายของเราไม่ สบาย เนื่องจากความร้อนอบอ้าวของอากาศ อย่างไรก็ตามเมื่อคณะพรรค สี่สหายไม่ได้แสดงกิริยาท่าทางที่ผิดปรกติอีก ผู้ที่รุมล้อมอยู่ก็ค่อย ๆ แยก กันไป ดร. ดิเรกถอนหายใจโล่งอก “สิ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที” นายแพทย์หนุ่มพูดเสียงหนัก ๆ “ตั้งแต่เกิดมา จากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยหน้าด้านเหมือนวันนี้เลย” พลอดหัวเราะไม่ได้ “แต่ว่าศรัทธาอันแก่กล้าของเรานี่เอง หลวงพ่อท่านคงจะดลบรรดาลให้ พวกเราได้ประสบโชคดีแน่นอน” ทันใดนั้นเองที่ริมฝั่งแม่นำ้าบางปะกงหน้าวัดโสธร มีเสียงโห่ร้องเสียงกู่ ตะโกน และเสียงเอะอะเฮฮาดังลั่นไปหมด ประชาชนที่ยืนดูอยู่ริมเขื่อน ต่างเบียดเสียดเยียดยัดกัน พวกร้านขายทองร้านขายอาหารต่างทิ้งร้านพา กันวิ่งไปที่แม่นำ้า มองดูสับสนอลหม่าน “ตะเข้ขึ้นแล้วโว้ย ตะเข้ขึ้นแล้วโว้ย” นิกรสนใจในเรื่องจระเข้มาก เขากล่าวกับเพื่อนเกลอของเขาทันที “ไปดูตะเข้หน่อยเถอะวะพวกเรา ตัวมันคงใหญ่มากผู้คนถึงแตกตื่นหลั่ง ไหลกันมาดูราวกับมีงานวัด” พลว่า “ไปเที่ยวบางแสนกันดีกว่า ไปกินข้าวกลางวันที่เมืองชล ตะเข้นะ ่ อยากดูไปดูที่เขาดินเมื่อไรก็ได้” นายจอมทะเล้นยิ้มให้พล “น่า ไปดูหน่อยเถอะวะ นอกจากจะได้ดูตะเข้แล้วยังได้ดูสาว ๆ ชาว แปดริ้วอีก ดูซีวะ นุ่งแสดห่มเขียว นุงแดงห่มเหลืองมองดูลานตาไปหมด ่ แต่ละคนแข็งแรงกว่าสาว ๆ ชาวกรุงเทพ ฯ ทำางานอยู่กลางทุ่งทั้งวันยัง ไหว เนื้อตัวแข็งเป๊กไปหมดทุกส่วน หน้าแข้งยังกะแบ็คฟุตบอลรับรองว่า อย่างเราแม่เตะเบาะ ๆ คอขาดเลย”
  • 17. 17 ครั้นแล้วสี่สหายกับเจ้าแห้วและเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็พากันเดินผ่านหน้าโบสถ์ ตรงไปยังเขื่อนริมแม่นำ้า ประชาชนหลายร้อยคนส่งเสียงเอะอะเฮฮาตลอด เวลา ต่างชี้มือร้องบอกกันเสียงลั่นไปหมด คณะพรรคสี่สหายเบียดเสียดเข้ามายืนริมเขื่อนปะปนกับพวกชาวพื้นเมือง ทุกคนแลเห็นจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งลอยกระเพื่อมอยู่ในแม่นำ้า ห่างจากเขื่อน ราว ๒๐ เมตร มันเป็นจระเข้ที่ใหญ่โตอย่างไม่น่าจะเป็นได้ ส่วนใหญ่ของ ลำาตัวมันเกือบหนึ่งเมตร และยาวประมาณจากปลายจมูกจดปลายหางใน ราว ๖ เมตร สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วต่างตกตะลึงพรึง เพริดไปตามกัน “มายก็อด” ดร. ดิเรกคราง “นีมันชาละวันนี่หว่า ตะเข้ธรรมดาตัวมันยาว ่ อย่างมากก็ในราว ๓ เมตรเท่านั้น” “ไอ๊ย่า” อาเสี่ยคราง “ตะเข้ทะเลหลุดเข้ามากระมังโว้ย” ชายชราคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยหงวนกล่าวกับอาเสี่ยทันที “ไม่ใช่ตะเข้ทะเลหรอกครับคุณ มันเป็นตะเข้นำ้าจืดครับ แต่มันจะมาจาก ไหนไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่ามันมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ตั้งแต่ขึ้น ๑๐ คำ่า ห้าหก วันมาแล้วครับ เอาคนไปกินเสียเกือบ ๒๐ คน” “ฮ้า” อาเสี่ยร้องลั่น “กินคนตั้งเกือบ ๒๐ คนเชียวรึลุง” “ครับ ที่ท่าเรือเมล์ผู้หญิงลงไปอาบนำ้าถูกมันคาบเอาไปกินเป็นรายแรกใน ตอนเช้า พอตกสายปีนขึ้นไปบนเรือปลาพวกบางปะกง คาบเอาเจ้าของเรือ ไปกิน มิหนำาซำ้ายังล่มเรือเสียอีก ตอนกลางคืนขึ้นมาอาละวาดบนบกตอน ดึก คาบเอาแขกยามเฝ้าตึกแถวหน้าโรงหนังเอาไป ตำารวจกองตรวจสาม คนแลเห็นเข้าไล่ยิงมันครับ แต่มันกระโจนหนีลงนำ้าไปได้ วันต่อมาล่มเรือ ยายแก่ข้างสะพานข้ามแม่นำ้า แล้วคาบยากแก่ไปกิน ตอนเย็นขึ้นไปบนฝั่ง ตรงข้าม ผู้คนวิ่งหนีอลหม่าน ผู้หญิงคนหนึงวิ่งหนีขนไปซ่อนบนขื่อ แต่มัน ่ ึ้ ก็ยังสามารถคาบเอามากินได้ หลังจากนั้นก็เที่ยวกินใครต่อใครอีก คุณดูซี ครับเรือแจวและเรือพายในแม่นำ้าไม่มีเลยแม้แต่ลำาเดียว มีแต่เรือยนต์และ เรือไฟเท่านั้น ชาวบ้านสองฝั่งแม่นำ้าต่างเกรงกลัวมันจนไม่เป็นอันทำามา หากิน” สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ และเจ้าแห้วนิ่งฟังชายชราอธิบายเรื่องอภินิหา ริย์ของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ด้วยความตื่นเต้นสนใจ ขณะนี้จระเข้ยักษ์ว่ายรี่เข้ามา หาเขื่อนริมนำ้า แล้วดำาหายลงไป สักครู่ก็แลเห็นส่วนหางของมันโผล่ขึ้นมา ฟาดนำ้าโผงผาง คนดูแตกฮือถอยหลังออกมาให้ห่างเขื่อน เด็กเล็ก ๆ ร้องไห้กันกระจองอแง นักดูจระเข้ทั้งสนุกทั้งกลัวภัย พลกล่าวถามชายชราผู้รู้เรื่องจระเข้ยักษ์ตัวนี้ดี “ทางฝ่ายบ้านเมืองเขาไม่คิดปราบมันหรือลุง”
  • 18. 18 “อ๋อ คิดซีครับ ตำารวจลงเรือยนต์ไล่ยิงมันตั้งหลายครั้งแต่ปืนยิงมันไม่เข้า พอถูกยิงมันก็จมนำ้าหายไปพักหนึง โผล่ขึ้นมาทีไรก็ต้องคาบเอาคนไปกิน ่ ยิ่งกินคนเข้าไปแรงปีศาจมันก็มากขึ้น เขาโจษกันว่าตะเข้ตัวนี้เป็นตะเข้ อลัชชี แบบตะเข้เถรกวาดในเรื่องขุนช้างขุนแผนแหละครับ” “มันเป็นยังไงลุง” นิกรถามอย่างสนใจ ชายชราสั่นศีรษะ “อย่าให้ผมเล่าเลยครับ มันจะเป็นการโกหกไป คนอื่นเขาเล่าให้ผมฟังอีกที เขาอาจจะโกหกผมก็ได้. นิกรหัวเราะ “เล่าเถอะลุง พวกเราอยากรู้ อย่างนี้ก็เอาไปแต่งเป็นเรื่องการ์ตูนพิมพ์ขาย หลอกเอาสตางค์เด็ก ๆ ได้ เรื่องมันตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ฉันสนใจเรื่องนี้มาก” ชายชรามองลงไปในแม่นำ้า จระเข้ยักษ์หรือชาละวันว่ายไปกลางแม่นำ้า แล้ว เลี้ยวเป็นวงกว้างกลับมา บางทีก็นอนหงายว่ายตีกระเชียงเห็นท้องขาว บางขณะมันก็อ้าปากกว้างร้องคำารามลั่นแม่นำ้า วิธว่ายนำ้าของมันส่วนมาก ี ว่ายแบบฟรีสไตล์ “คนเขามาจากกบินทร์เขาเล่าว่าตะเข้ตัวนี้แต่เดิมเป็นพระภิกษุองค์หนึ่งครับ จำาพรรษาอยู่ที่วัดเล็ก ๆ ริมแม่นำ้า ตั้งตัวเป็นอาจารย์อยู่ยงคงกระพัน มีลูก ศิษย์ลูกหามาก เจ้าอาวาสได้ตักเตือนให้เลิกกระทำาตัวเช่นนั้นเพราะทาง พุทธศาสนา ของเราไม่ต้องการอวดอ้างปาฏิหาริย์ อาจารย์องค์นั้นแทนที่ จะเชื่อฟังกลับดื้อดึงถือดี แปลงตัวเป็นเสือโคร่งบ้าง เป็นตะเข้บ้าง แล้ว ประพฤติผิดธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ฉันโจ๊กในเวลาวิกาลบ้าง เชือดไก่วัด ต้มข่ากินบ้าง ในที่สุดถึงกับเป็นปราชุดกับสีกาคนหนึ่งครับ” อาเสี่ยทำาคอย่น “ปาราชุดหรือปราชิกกันแน่ลุง” ชายชรานิ่งนึก “แฮ่ะ แฮ่ะ ปราชิกครับ ผมพูดผิดไป เจ้าอาวาสจับได้ท่านก็จับสึก อาจารย์องค์นั้นอับอายขายหน้าเขา ก็แปลงตัวเป็นตะเข้ขนาดใหญ่กระโดด ลงนำ้าหายสาบสูญไปหลายเดือน ในที่สุดก็มาโผล่ที่แปดริ้วนี่แหละครับ ผมเชื่อว่าตะเข้ตัวนี้ต้องเป็นตะเข้คนแน่ ๆ คือคนแปลงเป็นตะเข้ด้วยเวท มนต์คาถา คิดดูซิครับ ผู้กองตำารวจแกเอาปืนกลยิงไปถูกตั้งหลายนัด ยัง ไม่ตาย ผู้หมวดคนหนึ่งก็ยืนยันว่าแกยิงถูกมันจัง ๆ หลายนัด ขณะที่เอาเรือ ยนต์ลำาใหญ่ไล่กวดมันกลางแม่นำ้า” เจ้าคุณปัจจนึก ฯ สนใจในเรื่องจระเข้ยักษ์ตัวนี้มาก
  • 19. 19 “แล้วทางบ้านเมืองจะทำาอย่างไรต่อไป ปล่อยไว้อย่างนี้มันก็คงจะคาบคน ไปกินอีกหลายคน เรือแพก็ไม่กล้าเดินทำาให้การคมนาคมทางนำ้าที่อาศัย เรือแจวเรือพายขลุกขลักมาก” “อ๋อ ทางบ้านเมืองเขาเล่นงานมันแน่เชียวครับ โน่นครับ เห็นโรงเล็ก ๆ ริมนำ้าที่หลังคาคาดผ้าแดงนั่นไหมล่ะครับ” ท่านเจ้าคุณพยักหน้า “เห็นแล้ว” “นันแหละครับ หมอตะเข้กำาลังทำาพิธีอยู่ในนั้น หมอตะเข้ชาวแปดริ้วคนนี้ ่ เคยปราบตะเข้มามากต่อมากแล้ว นายอำาเภอกับผู้ว่าการได้เชิญหมอคนนี้ มาปราบมันครับ แกชื่อนายคร้ามมีอายุราว ๖๐ ปีเห็นจะได้” นิกรพูดโพล่งขึ้นทันที “๖๐ ปี พอลงไปในนำ้าอ้ายเข้ก็คาบเอาไปกินสบายเลย” “อ้าว อย่าเพิ่งคิดยังงั้นซีครับคุณ หมอคร้ามจะปราบตะเข้ตัวนี้ด้วยอาคม ครับ ไม่ได้ใช้กำาลังกายปราบมัน เขาพูดกันว่า ๕ โมงเช้าหมอคร้ามจะลง แพเล็กออกไปกลางนำ้า และใช้ฉมวกแทงตะเข้ยักษ์ เหล็กที่ทำาฉมวกเป็น เหล็กนำ้าพี้ครับ ถูกเข้าตรงไหนอ้ายกุมภีร์มันก็หมดแรง แล้วหมอคร้ามก็จะ กระโจนจากแพลงไปในนำ้า ขึ้นขีหลังมันเอาเชือกมัดปากมัน เอามีดหมอจี้ ่ ขาพับมัน บังคับให้มนว่ายเข้ามาหาฝั่ง หมอคร้ามแกประกาศว่าแกจะจับ ั เป็นอ้ายตะเข้ตัวนี้ครับ” ดร. ดิเรกจุ๊ย์ปากลั่น “เรื่องนี้ตื่นเต้นมากโว้ย งดไปบางแสนได้พวกเรา เราจะต้องดูความ สามารถของหมอตะเข้คนนี้ ดูซิว่าเขาจะจับตะเข้ตัวนี้ได้ไหม” พลยกมือขวากอดเอวนายแพทย์หนุ่ม “โชคดีจริงโว้ยหมอ ที่เรามาแปดริ้วพอดีกับที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น กัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายคร้ามแกจะจับตะเข้ได้” ชายชรามองดูพล แล้วกล่าวว่า “ถ้าเขาไม่มีความสามารถเขาจะกล้าลงไปเล่นกับความตายหรือครับคุณ ขณะนี้ก็ไม่ใช่อาคมของหมอคร้ามหรอกหรือครับ ตะเข้ตัวนี้ไปไหนไม่ได้ ต้องว่ายวนเวียนอยู่ที่หน้าวัด ถึงดำานำ้าก็ต้องรีบโผล่ขึ้นมา ตามธรรมดา ผู้คนโห่ร้องเกรียวกราวอย่างนี้ มันก็คงดำานำ้าหนีไปไหน ๆ แล้ว” คราวนี้สี่สหายเห็นจริง เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวว่า
  • 20. 20 “ความเก่งกล้าสามารถของหมดตะเข้ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลมีมานานแล้ว คนดีมีวิชาเขามีมีดหมอเล่มเดียว ก็กระโดดนำ้าลงไปจับตะเข้ได้” นิกรว่า “อย่างผมต่อให้ถือง้าวผมก็ไม่สู้มัน ไม่ไหวละครับ สู้กันบนบกยัง มีทางบ้าง” พลกล่าวกับคณะพรรคของเขาด้วยความตื่นเต้นสนใจ “ไปดูทางโรงพิธีเถอะวะพวกเรา อยากเห็นหน้าหมอคร้ามและอยากเห็น พิธี” ทุกคนเห็นพ้องด้วย เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินนำาหน้าพาสี่สหายกับเจ้าแห้ว ผ่านคนดูไปทางโรงพิธนั้น เสี่ยหงวนกล่าวกับเจ้าแห้วว่า ี “ไปใส่กุญแจประตูรถเสียก่อน มีบหรี่อยู่สองกระป๋อง แล้วก็วิทยุประจำารถ ุ หลายเงินโว้ย ทำาเผลอเรอตะเข้มันจะขึ้นมาคาบเอาไปกิน” เจ้าแห้วหัวเราะลั่น “รับประทานผมใส่กุญแจเรียบร้อยแล้วครับ” “เออ - รอบคอบดีมาก” ที่โรงพิธีประชาชนเบียดเสียดเยียดยัดกัน นิกรแกล้งร้องขึ้นดัง ๆ “หลีก ๆ หลีกทางให้ท่านหน่อย” ชาวพื้นเมืองเข้าใจว่าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ กับสี่สหายเป็นข้าราชการคนสำาคัญ ในเมืองนี้ ก็หลีกทางให้โดยดี คณะพรรคสี่สหายจึงเดินเข้ามาหยุดยืนใน โรงพิธีนน ทุกคนแลเห็นกระทาชายผู้สูงอายุ รูปร่างผอมกระหร่องคนหนึ่ง ั้ กำาลังขัดสมาธิหลับตาประนมมือ ชายผู้นี้คือ นายคร้ามหรือหมอคร้ามชาว บ้านใหม่ ซึ่งเป็นหมอจระเข้ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว เบื้องหน้าของ นายคร้ามมีโต๊ะตั้งเครื่องบูชา หัวหมูบายศรีพานดอกไม้ธูปเทียน ด้ายสาย สิญจ์เส้นเล็ก ๆ วนรอบโรงพิธีขนาดเล็ก กิมหงวนอยากดูการจับจระเข้ก็วางท่าทางเป็นคนใหญ่คนโต กล่าวถามหมอ จระเข้ทันที “ว่าไงนายคร้าม ลงมือได้หรือยัง ๕ โมงเช้าแล้ว” หมอจระเข้ลืมตาขึ้น แล้วยิ้มให้เสี่ยหงวน “เสร็จแล้วครับท่าน พอท่านเรียกผมก็ร่ายคาถาจบพอดี” พูดจบเขาก็ลุก ขึ้นยืน