More Related Content
More from Akarawat Thanachitnawarat
More from Akarawat Thanachitnawarat (8)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค อ.นราธิป
- 1. SOLVER INSTITUTE © 2008
www.solverenterprise.com
njamras@hotmail.com
การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
- 2. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
“คู่มือการวิเคราะหุ้นทางเทคนิค ฉบับเพื่อประชาชนนี้
ขออุทิศผลบุญนี้ให้แก่บิดามารดาของข้าพเจ้า
ที่ได้เสียสละทั้งกาลังเงิน, กาลังกาย, เวลาและความรัก
และการสนับสนุนข้าพเจ้าตลอดมา”
อ. นราธิป จารัส
- 3. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
ตัวชี้วัดทางเทคนิค
Technical Indicators
มีตัวชี้วัดทางเทคนิคมากมายที่มีอยู่ในโปรแกรมแสดงชาร์ตนี้ ที่มากกว่านั้นก็คือคุณยังคงสามารถที่จะทาการ
ออกแบบตัวชี้วัดต่างๆของคุณเองด้วย User Indicator Editor นี้
ในการที่จะใช้งานตัวIndicator ใดๆนั้นก็ให้คลิกปุ่มf(x) บน Chart toolbar หรือเลือกที่ Setup Indicators จากเมนู
ที่ได้ทาการคลิกขวาจากชาร์ตนั้นๆ
ในเมนู Chart Indicators นั้นคุณสามารถที่จะเลือกตัวชี้วัดต่างๆได้จากบ็อกซ์All Indicators และทาการเพื่มมันไป
ที่บ็อกซ์ Active Indicators โดยใช้ปุ่ม > ซึ่ง Active Indicators นั้นก็จะปรากฏออกมาในชาร์ตของคุณ โดยส่วนทางด้านขวา
ของเมนูจะยอมให้คุณทาการปรับค่าตัวชี้วัดอย่างเฉพาะได้
- 4. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
ตัวชี้วัดต่างๆที่สามารถใช้ได้ดังต่อไปนี้:
Accelerator/Decelerator
Average Directional Movement
Alligator
Average True Range
Awesome Oscillator
Bollinger Bands
Commodity Channel Index
DeMaker
Envelopes
Fractals
Gator
Linear Regression
Moving Average Convergence/Divergence
Momentum
Moving Average
Parabolic SAR
Relative Strength Index
Standard Deviation
Stochastic
Williams’ Percent Range
- 5. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Accelerator Decelerator
(ตัวเร่ง ตัวผ่อน)
Accelerator/Decelerator (AC) นั้นเป็น Oscillator ที่ใช้ในการวัดการกระตุ้น (Activation) หรือการไม่กระตุ้น
(Deactivation) ของแรงขับเคลื่อนของตลาด มันจะเปลี่ยนแปลงทิศทางของมันก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงใดๆในทิศทางของ
ราคาที่เกิดขึ้นนั้น โดย Oscillator นี้จะเหมือนกับ Awesome Oscillator แต่จะไม่เหมือนกับ AO ที่ว่าการตัดผ่านเส้นศูนย์นั้น
ไม่ใช้สัญญาณซื้อ/ขายแต่อย่างใด
Accelerator/Decelerator ส่วนใหญ่นั้นถูกใช้ในการทานายการเปลี่ยนแปลงของแรงขับเคลื่อนของตลาดนั้นๆ เมื่อ
AC ไปที่เส้นศูนย์ (Zero line) มันหมายความที่ว่า แรงขับเคลื่อนนั้นอยู่ที่สมดุลด้านความเร่ง เมื่อ AC นั้นตัดผ่านเส้นศูนย์
และขั้นไปด้านบนหรือลงด้านล่างก็จะมีเพียงสิ่งเดียวที่ควรจะทาการติดตามก็คือการเปลี่ยนแปลงสีของแท่งเหล่านั้น
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อชาร์ตนั้นเคลื่อนที่ไปเหนือเส้นศูนย์และมีแท่งสีเขียวสองแท่งแสดงว่ามันเป็นสัญญาณซื้อ
2. เมื่อชาร์ตนั้นเคลื่อนที่ไปใต้เส้นศูนย์และมีแท่งสีแดงสองแท่งแสดงว่ามันเป็นสัญญาณขาย
- 6. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Average Directional Movement
(ค่าเฉลี่ยทิศทางเคลื่อนที่)
Average Directional Movement (ADX) เป็นตัวชี้วัดที่ถูกใช้ในการหาค่าความเข้มแข็งของเทรนในปัจจุบัน ซึ่ง
ตัวชี้วัดนี้ได้มาจากความแตกต่างของสอง Direction Momentum Indicators (DI) ซึ่งความแตกต่างระหว่าง ADX และ DI
โดยที่อย่างหลังนั้นจะถูกใช้ในการตามทิศทางของเทรนนั้นๆ ในขณะที่ ADX จะทาการวัดค่าความเข้มแข็งของเทรนนั้นๆ
ADX นั้นหลักๆแล้วจะถูกใช้ในการหาเทรนของตลาดต่างๆและมันจะถูกวัดในเสกลจาก 0 ถึง 100 เมื่อตัวชี้วัดนั้นอยู่
ใต้ 20 มันหมายความที่ว่าแนวโน้มนั้นมีความอ่อนแอและเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนทิศทาง เมื่อมันขึ้นไปเหนือกว่า 40 เทรน
นั้นก็จะสามารถถือได้ว่าเป็นแนวโน้มที่มีความเข้มแข็งอย่างหนึ่งด้วยความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่ง
ADX บ่อยครั้งจะถูกใช้ร่วมกับ DI ในการทาการตัดสินใจในการซื้อขายต่างๆ
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อ +DI (น้าเงิน) อยู่เหนือ -DI (แดง) นั่นเป็นสัญญาณซื้อ
2. เมื่อ +DI (น้าเงิน) อยู่ใต้ -DI (แดง) นั่นเป็นสัญญาณขาย
หมายเหตุ: ADX จะทาการวัดความเข้มแข็งของเทรนนั้นๆแต่ไม่ใช่ทาการวัดทิศทางของมัน ให้รอจนกระทั่งDI ตัดผ่านซึ่ง
กันและกันก่อนหน้าที่จะทาการตัดสินใจซื้อขายใดๆ
- 7. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Alligator
(จระเข้)
Alligator เป็นตัวชี้วัดที่ประกอบไปด้วยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) สามค่าด้วยตัวเลขที่แตกต่างกัน
ออกไปในบาร์ต่างๆสาหรับ Smoothed MA โดยที่เส้นสีน้าเงิน (ฟันจระเข้ – Alligator jaw) ซึ่งเป็นเส้น Balance Line
สาหรับกรอบเวลาที่ถูกใช้ในการสร้างชาร์ตนั้นๆ (13 bar smoothed average offset by 8 bar)
เส้นดุล (Balance Line) สาหรับกรอบเวลาที่จะถูกใช้ในการสร้างชาร์ตนั้นๆ (13 barj smoothed average offset
by 8 bars) โดยที่เส้นสีแดงก็จะเป็น (ฟันจระเข้ – Alligator teeth) ซึ่งก็จะยังคงเป็นเส้นดุล Balance Line แต่อยู่ระดับที่ต่า
กว่าเส้นสีน้าเงิน (8 bar smoothed average offset by 5 bars) โดยที่เส้นสีเขียว (ปากจระเข้ – Alligator lips) มันก็ยังคง
เป็นเส้นดุล Balance Line โดยอยู่ในระดับที่ต่ากว่าเส้นสีแดง (5 bar smoothed average offset by 3 bars)
Alligator นั้นส่วนมากจะถูกใช้ในการหาแนวโน้มในปัจจุบัน/แนวโน้มที่หายไปและทิศทางของมัน มันยังคงสามารถ
ที่จะถูกใช้ด้วยกันกับ Eliot waves ได้อีกด้วย ถ้าราคานั้นอยู่นอกปากจระเข้ คลื่นกระตุ้นนั้นก็จะถูกสร้างขึ้นมา ถ้ามันอยู่ด้าน
ในปากจระเข้ เส้นที่ถูกต้องก็จะถูกสร้างขึ้นมา
วิธีการใช้งาน:
เมื่อเส้นสีน้าเงิน, แดง, และเขียวนั้นได้ตัดผ่านกันไปแล้วหรือใกล้ที่จะตัดกัน ซึ่งมันมีตลาดที่ราบเรียบ (Flat Market)
ซึ่งจระเข้นั้นกาลังนอน
1. ยิ่งช่วงนี้ยาวมากยิ่งขึ้น ยิ่งทาให้ตลาดเคลื่อนที่ตามหลังจากนั้น
เมื่อสามเส้นทั้งหมดนั้นไม่ตัดผ่านกันหรือไม่ใกล้ที่จะตัดกันและราคานั้นอยู่เหนือปากจระเข้ซึ่งมันเป็น
2. เทรนขึ้น (Uptrend) ในตลาดนั้นๆซึ่งในจุดนี้จระเข้จะตื่นและทาการล่า
เมื่อเส้นสามเส้นนั้นไม่ตัดผ่านกันหรือไม่ไกล้ที่จะตัดผ่านกันและราคานั้นอยู่ใต้ปากจระเข้มันคือ
3. เทรนลง (Downtrend) ในตลาดนั้นๆซึ่งในช่วงนี้จระเข้ก็ยังคงตื่นและทาการล่าอยู่
เมื่อเส้นต่างๆนั้นตัดผ่านหรือใกล้ที่จะตัดผ่านกันมันหมายความว่าตลาดนั้นก็จะราบเรียบอีกครั้งซึ่งในช่วง
นี้จระเข้อิ่มแล้ว
4. และมันเป็นเวลาในการที่จะจัดการกาผลกาไรนั้น
- 9. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Average True Range
(ค่าเฉลี่ยระยะจริง)
Average True Range (ATR) เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดความผันผวนของตลาดนั้นๆ โดยทั่วไปมันจะเป็นค่าเฉลี่ย
เคลื่อนที่ 14 วันของระยะจริง (14-day Moving Average of the True Range) โดยที่ระยะจริง (True Range – TR) จะอยู่
ในรอบของมันที่ได้กาหนดเอาไว้เป็นความแตกต่างที่มากที่สุดของราคาสูงสุดของวันนี้และราคาต่าสุดของวันนี้ ราคาสูงสุด
ของวันนี้และราคาปิดเมื่อวานและราคาต่าสุดของวันนี้และราคาปิดเมื่อวาน ซึ่งค่าTR ที่มากก็จะทาให้ความผันผวนของ
สินค้าตัวนั้นมีความผันผวนมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนค่าTR ที่น้อยค่าความผันผวนก็จะน้อยตาม
วิธีการใช้งาน:
1. ค่าของตัวชี้วัดนี้โดยทั่วไปจะสูงเมื่อราคานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างทันทีทันใด
2. ถ้าค่าของตัวชี้วัดนั้นไม่สูงราคานั้นก็จะยังคงเสถียรอยู่
3. ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงขึ้น/ลงที่มีนัยสาคัญ ค่าของตัวชี้วัดนี้โดยทั่วไปมักจะต่า/สูง
หมายเหตุ: เมื่อค่า ATR แสดงถึงความผันผวนในระดับที่แท้จริง(Absolute level) โดยเมื่อราคาสินค้าที่ต่าจะมีระดับATR
ที่ต่ากว่าราคาสินค้าทีสูง
- 10. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Awesome Oscillator
(ตัวแกว่งที่เยี่ยมยอด)
Awesome Oscillator (AO) นั้นเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่ายในช่วง 34 (34-period simple Moving Average)
นั้นได้ทาการพล็อตผ่านไปยังจุดกลางของบาร์ (H+L)/2 ซึ่งมันถูกลบออกไปจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 ช่วง (5-period simple
Moving Average) ซึ่งได้ทาการสร้างขึ้นมาผ่านจุดกึ่งกลางของบาร์ (H+L)/2 ซึ่ง AO นั้นได้แสดงสถานะของแรงขับเคลื่อน
ของตลาดในปัจจุบัน
Awesome Oscillator นั้นโดยหลักแล้วจะถูกใช้เมื่อเทรนนั้นไม่สามารถที่จะตามไปได้อย่างชัดเจน ซึ่ง AO นั้นจะมี
สามสัญญาณหลัก : Saucer (Reversed Saucer), การตัดผ่านเส้นศูนย์และมีสองแท่ง ซึ่ง Saucer นั้นเป็นชาร์ตที่จะ
ประกอบไปด้วยสาม Candlesticks ซึ่งเป็นที่เป็นแท่งที่สอง (สีแดง) ที่ต่ากว่าแท่งแรกและแท่งที่สาม (สีเขียว) ที่จะสูงกว่า
อย่างที่สอง ซึ่งจะตัดผ่านเส้นศูนย์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อชาร์ตนั้นได้ผ่านมาจากค่าที่เป็นลบไปยังค่าที่เป็นบวกและในทางกลับกันที่
สองแท่งนั้นเป็นชาร์ตที่จะมีจุดสูงสุดที่จะตามมาด้วยจากจุดสูงสุดอื่นๆที่สูงกว่า/ต่ากว่าอย่างแรก ซึ่งจุดสูงสุดทั้งคู่นั้นควรที่
จะอยู่เหนือหรือใต้เส้นศูนย์
วิธีการใช้งาน:
เมื่อสัญญาณ Saucer นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาเหนือเส้นศูนย์หรือเมื่อตัดผ่านของเส้นศูนย์นั้นจากด้วนลบไปยัง
1. ด้านบวกหรือเมื่อสองแท่งที่ได้สร้างขึ้นต่ากว่าเส้นศูนย์ ซึ่งมันเป็นสัญญาณซื้อ
เมื่อสัญญาณ Saucer นั้นได้ถูกสร้างต่ากว่าเส้นศูนย์หรือเมื่อตัดผ่านของเส้นศูนย์จากด้านบวกไปยัง
2. ด้านลบหรือเมื่อสองแท่งได้ถูกสร้างขึ้นมาเหนือเส้นศูนย์ มันก็เป็นสัญญาณขาย
- 11. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Bollinger Bands
(แถบโบลิงเจอร์)
Bollinger Bands (BB) นั้นเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการเปรียบเทียบความผันผวน(Volatility) และระดับราคาสัมพันธ์
(Relative Price Levels) เหนือช่วงของเวลาหนึ่งๆ ซึ่งBollinger Bands นั้นจะทาการปรับเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขของตลาด
ตามที่ตลาดนั้นกลายมาเป็นตลาดที่มีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งแถวนั้นก็จะกว้างขึ้นตาม ซึ่งแถบนี้จะแคบลงเมื่อตลาดนั้นมี
ความผันผวนน้อย
การใช้ Bollinger Bands นั้นเป็นพื้นฐานมาจากความเป็นจริงที่ว่าราคานั้นโดยทั่วไปจะยังคงอยู่ภายในขอบเขต
บนสุดและล่างสุด ซึ่ง BB โดยหลักแล้วจะถูกใช้ในการตัดสินใจถ้าค่าในปัจจุบันของฟิลด์ข้อมูลนั้นอยู่อย่างปรกติหรือโดด
ออกไปในทิศทางอื่นๆ โดย BB นั้นยังคงที่จะสามารถถูกใช้สาหรับการระบุเมื่อแนวโน้มนั้นมีการกลับทิศทางซึ่งก็ควรที่จะ
คาดเอาไว้ โดยความกว้างของตัวแปร BB นั้นจะเป็นสาเหตุมาจากความผันผวนของราคานั่นเอง
วิธีการใช้งาน:
1. การเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใดของราคานั้นจะเกิดขึ้นหลังจากแถบที่แคบ
2. ถ้าราคานั้นตัดผ่านขอบเขตไป มันเป็นสัญญาณที่ว่าเทรนในปัจจุบันนั้นจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. การเคลื่อนที่ของราคาที่ได้เกิดขึ้นที่ขอบเขตด้านหนึ่งจะมีแนวโน้มที่จะวิ่งไปยังทางขอบเขตอีกด้านหนึ่ง
- 12. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Commodity Channel Index
(ดัชนี)
Commodity Channel Index (CCI) นั้นเป็นออสซิเลเตอร์ที่ให้การบ่งชี้ของตลาดที่เป็นทั้งที่มีการซื้อมากเกินไป
(Overbought Markets) และตลาดที่มีแรงขายมากเกินไป(Oversold Markets) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถือได้ว่าจะเกิดOversold
เมื่อ CCI นั้นไปต่ากว่า -100 และจะเกิด Overbought เมื่อมันเกิน +100 ซึ่ง CCI นั้นจะทาการวัดความสัมพันธ์ระหว่าง
ราคาสินทรัพย์ (Asset’s Price), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนทื่ (Moving Average) และส่วนเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย(Deviations from
the average)
ซึ่ง CCI ส่วนมากนั้นจะถูกใช้ในการหาแนวโน้ม(Cyclical trends) ของ Commodity, Equity และ Currency
Markets ซึ่งมันจะเป็นการกาหนดศักยภาพของค่าสูงสุด(Potential Peaks) และกุบเขาแห่งราคาสินทรัพย์ (Asset’s Price)
และแสดงให้เห็ฯถึงการเปลี่ยแปลงโดยประมาณในทิศทางของการเคลื่อนที่ของราคาสินทรัพย์นั้นๆ
วิธีการใช้งาน:
การเลื่อนที่ของ CCI: เมื่อ CCI เคลื่อนที่กลับหนือ -100 มันสามารถที่จะถือได้ว่าเป็นสัญญาณในการซื้อ(signal to
buy) เมื่อ CCI เคลื่อนที่กลับ
1. ต่ากว่า +100 มันสามารถที่จะถือได้ว่าเป็นสัญญาณขาย(Signal to sell)
ซึ่ง Divergence (เมื่อ Indicator นั้นมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ตรงข้ามของราคานั้นๆ):
Positive Divergence จะต่ากว่า -100 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งของสัญญาณที่เป็นฐานในการ
เคลื่อนที่กลับมาเหนือ -100 Negative Divergence จะเหนือ +100 ซึ่งอาจะเป็น
2. การเพิ่มความแข็งแกร่งของสัญญาณที่มีฐานในการเคลื่อนที่กลับมาต่าก่า +100
ซึ่ง Indicator ต่างๆ: ก็จะล่วงหน้าเหนือ -100 และเส้นแนวโน้มก็จะแหวกออกมาแสดงให้เห็นที่ว่าสินค้านั้นๆเกิดการ
ขายมากเกินไป (Oversold) และเป็นแนวโน้มที่สามารถที่จะถือได้ว่าเป็นตลาดกระทิง(Bullish) โดยที่การลดลงต่า
กว่า +100 และเส้นแนวโน้มที่แหวกไปก็จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงที่ว่าหุ้นนั้นเกิดการซื้อที่มากเกินไปOverbought)
และเป็นแนวโน้มที่สามารถ
3. ที่สามารถถือได้ว่าเป็นตลาดหมี (Bearish)
- 14. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
DeMarker
(ดีมาร์คเกอร์)
DeMarker (Demarker, De Marker, DeM) นั้นเป็น Indicator ที่ใช้ในการบ่งชี้การอ่านแรงของราคา(Price
exhaustion) ก็เหมือนกับค่าต่าสุดและค่าสูงสุดของศักยภาพทางด้านราคา(Potential Price) ซึ่งจะผันผวนระหว่าง 0 และ 1
และทาการเปรียบเทียบกับราคาที่ผ่านมาส่วนมากกับช่วงของราคาที่ผ่านมาเพื่อที่จะทาการวัดความต้องการที่มีอยู่ของ
สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying asset)
ซึ่ง DeMarket นั้นถูกใช้ในการระบุระดับความเสี่ยงก่อนที่จะทาการเปิดตาแหน่ง ในกรณีส่วนมากเมื่อราคา
สินทรัพย์นั้นไปเหนือที่ 0.6 ระดับความผันผวน(Volatility) และระดับความเสียง (Risk) นั้นจะต่ากว่า ในขณะที่ทาการอ่าน
ได้ต่ากว่า 0.4 ที่สามารถถือได้ว่าเป็นสัญญาณในการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยง ที่มากกว่านั้นก็คือในการใช้ตัวชี้วัดไปเหนือช่วง
ระยะเวลานานๆอย่าง (อาทิตย์, เดือน) ที่จะให้เป็นโอกาสในการที่จะติดตามพฤติกรรมชองตลาดในระยะยาวได้
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อค่าตัวชี้วัดนั้นหล่นไปต่ากว่า 0.3คาดไว้ว่าจะเกิด Bullish Price Reversal
2. เมื่อค่าตัวชี้วัดนั้นขึ้นไปสูงกว่า 0.7 คาดไว้ว่าจะเกิด Bearish Price Reversal
- 15. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Envelopes
(เอนเวโลพ)
Envelopes (Moving Average Envelope, Trading Bands นั้นเป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ประกอบไปด้วยค่าเฉลี่ย
เคลื่อนที่สองตัว: ตัวหนึ่งเคลื่อนที่ด้านบน และอีกตัวหนึ่งเคลื่อนที่ด้านล่าง ซึ่งตัวชี้วัดนี้จะเป็นการกาหนดขอบเขตด้านบน
และด้านล่างของระยะราคา ซึ่งมีความผันผวนสูงกว่า (Higher Volatility) ที่ควรจะนาไปยังเปอร์เซ็นต์การเบี่ยงเบนที่สูงกว่า
(Higher Deviation Percentage)
สิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักไว้ในใจก็คือที่ว่าเมื่อมีเพียงข้อมูลที่ผ่านมานั้นถูกใช้สาหรับการคานวณตัวชี้วัด ซึ่งมันก็ยังคง
เป็นเพียงเล็กน้อยเบื้องหนังราคาที่แท้จริง ที่เป็นผลลัพธ์ ซึ่งมันไม่ใช้การทานายการเปลี่ยนเปลงใดๆในแนวโน้มนั้นๆ แต่มัน
เป็นเพียงการระบุมันออกมาเท่านั้น
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อตัวชี้วัดนั้นไปถึงจุดต่าทีสุดของมันและหันกลับไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามมันสามารถที่จะถือให้เป็นสัญญาณซื้อ
2. เมื่อตัวชี้วัดนั้นไปถึงจุดสูงที่สุดของมันและหันกลับไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามมันสามารถที่จะถือได้ว่าเป็นสัญญาณ
ขาย
- 16. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Fractals
(แฟรกตัล)
Fractals นั้นเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการตรวจหาขอบเขตสูง (Higher Limits) และขอบเขตล่าง (Lower Limits) ของ
แนวโน้มในปัจจุบันและสามารถที่จะทาการทานายความเป็นไปได้ของการกลับทิศ (Reversal) ของแนวโน้ม (Trend) ซึ่ง
ตัวชี้วัดนี้เป็นอนุกรมของอย่างน้อยห้าบาร์ที่สาเร็จด้วยจุดสูงสุดที่สูงที่สุดในด้านตรงกลางและสองด้านสูงที่ต่ากว่าท้างสอง
ด้าน โดยที่อนุกรมตรงข้ามนั้นอย่างน้อยมีห้าบาร์ที่สาเร็จกับที่ต่าที่สุดในด้านที่อยู่ตรงกลางและสองด้านต่าที่สูงกว่าทั้งสอง
ด้าน
โดยที่ Fractals นั้นจะถูกใช้โดยส่วนมากในการทานายการกลับทิศ (Reversal) ในแนวโน้มในปัจจุบัน ซึ่งจะเลื่อน
จากแนวโน้มลง (Downtrend) ไปยังแนวโน้มขึ้น (Uptrend) ที่สามารถจะตามได้เมื่อบาร์ที่ต่าที่สุดนั้นอยู่ครงกลางของ
รูปแบบและสองบาร์ด้วยด้านต่าที่สูงกว่าสาเร็จนั้นพบบนด้านไม่ว่าจะเป็นด้านใดด้านหนึ่งของมัน การเลื่อนจากแนวโน้มขึ้น
(Uptrend) ไปเป็นแนวโน้มที่เป็นขาลง (Downtrend) นั้นสามารถถูกหาได้เมื่อบาร์ที่สูงที่สุดนั้นอยู่กลางของรูปแบบและสอง
บาร์ที่มีด้าน Lower high ที่อยู่ทั้งสองด้านของมัน หมายเหตุที่ว่า Fractals นั้นจะมีประสิทธิภาพเมื่อถูกใช้ในการเชื่อมกับ
ตัวชี้วัดอื่นๆอย่าง MA, Fibonacci Retracement และ Alligator
วิธีการใช้งาน:
1. ถ้า BUY Fractal นั้นจะสูงกว่าเส้นสีแดง(Alligator teeth) มันเป็นสัญญาณซื้อ
2. ถ้า SELL fractal นั้นจะต่ากว่าเส้นสีแดง(Alligator teeth) มันเป็นสัญญาณขาย
- 17. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Gator
(เกเตอร์)
Gator นั้นเป็น Oscillator ที่เป็นฐานมาจากตัวชี้วัด Alligator ที่ใช้ในการแสดงระดับของ Divergence /
Convergence ของ Smoothed Moving Averages
โดยที่ Oscillator นี้จะถูกชี้วัดในรูปแบบของสองบาร์ชาร์ท อย่างแรกไม่ว่าจะเป็นด้านเส้นศูนย์ ซึ่งบาร์ชาร์ทด้านบน
นั้นแสดงให้เห็นถึงระยะห่างระหว่างเส้นสีแดงและเส้นสีน้าเงิน โดยที่บาร์ชาร์ทด้านล่างนั้นแสดงให้เห็นถึงระยะห่างระหว่าง
เส้นสีแดงและเส้นสีเขียว โดยที่บาร์ชาร์ทนั้นมีสีแดงและน้าเงิน: บาร์นั้นจะกลายมาเป็นสีแดงเมื่อค่าของมันต่ากว่าบาร์ก่อน
หน้าอันหนึ่งและจะกลายมาเป็นสีเขียวเมื่อค่าของมันนั้นสูงกว่าบาร์ก่อนหน้าอันหนึ่ง
GatorOscillatorนั้นจะช่วยในการทาให้สามาถมองเห็นและทาการตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มในปัจุบันหรืออดีต
ในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งมันก็ยังช่วยในการทาให้สามารถที่จะมองเห็นการเข้าใกล้ (Rapprochement) และการตัดกันของ
Smoothed Moving Averages (Balance Lines)
- 18. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Linear Regression
(เชิงเส้นถดถอย)
Linear Regression นั้นเป็นวิธีการทางสถิติในการติดตามแนวโน้มหนึ่งๆ ซึ่งผลลัพธ์ของมันนั้นโดยทั่วไปแล้วนั้นจะ
ใกล้ๆกับ Moving Average และวิธีการใช้งานของมันนั้นก็คล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือนกับMA โดยที่ Linear Regression นั้นจะ
มีดีเลย์น้อยกว่าและนั่นเป็นการตอบรับที่มากขึ้นต่าการเปลี่ยนแปลงของราคา
Linear Regression นั้นถูกใช้ในการบ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่มีความโดดเด่น(Dominant trend) ในตลาดที่มีการ
ดีเลย์เพียงเล็กน้อยจากราคาจริงของสินทรัพย์ ซึ่งมันยังคงที่จะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเบี่ยงเบนในอนาคตFuture
Divergence ของแนวโน้มหลักไม่แค่เพียงเมื่อราคานั้นเริ่มเคลื่อนที่ไปไกล้แนวเส้นโน้มภายในระยะแคบๆหนึ่งๆ
วิธีการใช้งาน:
1. ทิศทางของตัวชี้วัดนั้นแสดงให้เห็นถึงไม่ว่าจะเป็นว่ามีแนวโน้มที่เป็นBullish หรือ Bearish ในตลาดขณะนั้นก็ตาม
โดยที่การตัดกันของตัวชี้วัดนั้นและชาร์ดราคานั้นจะเป็นการยืนยันให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มนั้นๆ ซึ่ง
มันไม่แต่เป็นการยืนยันเพราะว่า
2. การเปลี่ยนแปลงในตัวชี้วัดนี้นั้นจะสายไปสาหรับการเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของราคาหนึ่งๆ
หมายเหตุ: ถ้าราคาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีรูปแบบไปรอบๆเส้นถดถอย(Regression Line) ซึ่งแนวโน้มตลาดนั้นก็ควรที่จะ
มีการโอนเอียงที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- 19. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Moving Average Convergence/Divergence
(ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบคอนเวอร์เจนท์และไดเวอร์เจนท์)
Moving Average Convergence/Divergence (MACD) นั้นเป็นตัวชี้วัดที่จะตามแนวโน้มนั้นๆ ซึ่งมันจะประกอบ
ไปด้วยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ12-Period Exponential Moving Average (EMA, สีเขียว), 26-Period Exponential Moving
Average (สี Navy) และบาร์ชาร์ท (สีแดง) ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมัน โดยที่MACD นั้นถูกใช้เมื่อราคานั้น
ผันผวนในกลไกของราคา
ซึ่ง MACD นั้นโดยหลักจะถูกใช้ในการกาหนดสามสิ่งคือเงื่อนไขของ: Crossover, Overbought/Oversold และ
Divergences โดยที่การ Crossovers นั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อMACD นั้นตกไปต่ากว่าเส้นสัญญาณ(Signal Line) ซึ่งมันจะ
เป็นสัญญาณ Bearish signal (สัญญาณในการขาย) ในทางกลับกันเมื่อMACD นั้นไปเหนือเส้นสัญญาณ(Signal Line)
มันก็จะเป็นสัญญาณBullish Signal (สัญญาณในการซื้อ) โดยเงื่อนไข Overbought/Oversold นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อMA นั้น
เกิดการขึ้น/ลงอย่างรุนแรงจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ยาวกว่า ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่ว่าราคานั้นจะเป็นการขยายไปมากเกินไปบ
และจะกลับมาในเร็วๆนี้ในระดับความเป็นจริง(Realistic Levels) มากยิ่งขึ้น ซึ่ง Divergence นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อการ
เบี่ยงเบนของราคา (Price Diverges) จาก MACD ที่จะเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดแนวโน้มในปัจจุบัน(Current Trend)
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อ MACD นั้นต่ากว่าเส้นสัญญาณ(Signal line) มันเป็นสัญญาณขาย
2. เมื่อ MACD สูงกว่า Signal Line มันเป็นสัญญาณซื้อ
3. MACD ที่ไปตัดเหนือเส้นศูนย์ในไม่ว่าจะเป็นทิศทางใดก็ตามก็ถูกใช้เป็นสัญญาณในการซื้อ/ขาย
หมายเหตุ:
มันอะไรที่จะแนะนาให้ทาการรอสาหรับการยืนยันในการCross Over ไปยัง Signal Line ก่อนที่จะทาการเข้าไปยัง
ตาแหน่งใดๆ นี่จะช่วยในการหลีกเลี่ยงการเข้าไปตาแหน่งนั้นๆเร็วเกินไป
.
- 21. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Momentum
(โมเมนตั้ม)
Momentum นั้นเป็น Indicator/Oscillator ที่ใช้ในการวัดอัตราของการเปลี่ยนแปลงต่างๆในกระแสราคา (Currency
Prices) ซึ่งมันจะทาการประเมินค่าความแตกต่างระหว่างราคาปิดของวันนี้ (Today’s Closing Price) และราคาปิด n วันที่
ผ่านมา โดยทั่วไปจะเป็นในช่วง 10 วันที่จะถูกใช้สาหรับการคานวณของตัวชี้วัดนี้ ซึ่งในกรณีของโมเมนตั้มนี้จะถูกคานวณ
โดยการนาราคาปิดในปัจจุบันมาทาการลบกับราคาปิดสิบวันที่ผ่านมาและทาการพล็อตผลลัพธ์ไปรอบๆเส้นศูนย์ ซึ่งผลลัพธ์
ของการพล็อตนั้นสามารถที่จะเป็นลบได้เมื่อราคาในปัจจุบันนั้นต่ากว่าราคาเก่าสุดที่ผ่านมา หรือเป็นบวกก็ต่อเมื่อราคาใน
ปัจจุบันนั้นมากกว่าราคาเก่าสุดที่ผ่านมา
ก็จะเหมือนกับ MACD ที่ว่า Momentum นั้นยังคงสามารถที่จะใช้เป็นตัวชี้วัดในการติดตามเทรนใดๆได้ ซึ่ง
สัญญาณซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อตัวชี้วัดนั้นไปถึงล่างสุดของแนวโค้งลงและจากนั้นก็จะเริ่มปรับตัวขึ้นมา สัญญาณขายจะเกิดขึ้น
เมื่อตัวชี้วัดนั้นไปถึงด้านบนสุดของแนวโค้งขึ้นและจากนั้นก็จะเริ่มปรับตัวลงมา ด้งตัวชี้วัดที่ผ่านมาที่มันสามารถที่จะใข้ได้
เมื่อความใกล้ของตลาดที่จะไปยังจุดสูงสุด/ต่าสุดที่จะตามมาด้วยการแกว่งตัวอย่างรุนแรงของตัวชี้วัดนั้นๆซึ่งจะตามมาด้วย
การลดลงในค่าของตัวชี้วัดนั้นในขณะที่อัตราต่างๆนั้นก็ได้เริ่มที่จะขึ้น /ลง หรือเคลื่อนที่ในแนวระดับ อย่างในกรณีที่เกิด
Divergence ขึ้นมานั่นเอง
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อดัชนีชี้วัดนั้นไปถึงด้านล่างของแนวโค้งด้านล่างและเริ่มที่จะขึ้นนั่นเป็นสัญญาณซื้อ(Signal to buy)
2. เมื่อดัชนีชี้วัดนั้นไปถึงด้านบนของแนวโค้งด้านบนนั่นเป็นสัญญาณขาย(Signal to buy)
- 22. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Moving Average
(ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่)
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average (MA)) นั้นเป็นตัวบ่งชี้ (Indicator) ที่แสดงให้เห็นถึงราคาเฉลี่ยภายในช่วงเวลา
ที่ได้กาหนดเอาไว้ ซึ่งมีอยู่ 4 ประเภทของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: Simple MA, Exponential MA, Smoothed MA และ Weighted
MA ซึ่งมันต่างกันในแต่อย่างเพียงแค่ในเทอมของน้าหนักของสัมประสิทธ์ (Weight Coefficients) ที่ได้กาหนดเอาไว้เป็น
ข้อมูลล่าสุด
ซึ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่นั้นโดยส่วนมากแล้วจะถูกใช้ในการกาหนดพื้นที่ของแนวรับ (Support) และแนวต้าน
(Resistance) ในการที่จะให้ความสาคัญในด้านทิศทางของแนวโน้มหนึ่งๆและเพื่อความเรียบของความผันผวนของปริมาณ
และราคา ซึ่งทิศทางของตัวชี้วัดนั้นก็จะแสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นแนวโน้ม Bullish หรือ Bearish ที่เป็นปัจจุบันในตลาดนั้นๆ
ชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งการตัดกันของชาร์ทตัวชี้วัดและราคานั้นจะเป็นการยืนยันที่ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มหนึ่งๆ ซึ่งมัน
ก็จะเป็นเพียงการยืนยันเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นๆของตัวชี้วัดนี้ก็จะสายไปสาหรับการเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลง
ของราคาหนึ่งๆได้
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อราคาสินค้าขึ้นไปสูงกว่า MA ของมัน นั่นเป็นสัญญาณซื้อ
2. เมื่อราคาหล่นไปอยู่ต่ากว่า MA ของมัน นั่นเป็นสัญญาณขาย
3. ทิศทางของ MA นั้นจะให้แนวความคิดไม่ว่าจะมีแนวโน้มBearish หรือแนวโน้ม Bullish ในตลาดหรือไม่ก็ตาม
- 23. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Parabolic SAR
(พาราโบลิก เอสเออาร์)
Parabolic SAR (stop-and-reversal) นั้นเป็นตัวชี้วัดที่ถูกใช้สาหรับการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ซึ่งมันมีมากใน
MA ทั่วไปแต่ไม่เหมือนกับ MA ที่ว่า Parabolic SAR นั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งที่สูงและอาจที่จะเปลี่ยนตาแหน่งของมัน
ในเทอมต่างๆของราคา ซึ่งนี่คือตัวชี้วัดในอุดมคคิสาหรับการให้จุดออกจากตลาด(Exit Points)
ซึ่ง Parabolic SAR นั้นส่วนมากจะถูกใช้ในตลาดที่มีแนวโน้มสาหรับการสร้างการปิดออเดอร์(closing orders)
และในการทาหยุดการซื้อขาย(Trailing stop order) ซึ่งมันก็ยังคงถูกใช้สาหรับการกาหนดเทรนนั้นๆ: ถ้าพาราโบลานั้นไป
อยู่ที่ต่ากว่าเส้นราคา ตลาดก็จะกลายเป็นBullish แต่ถ้าพาราโบลานั้นไปอยู่หนือเส้นราคาตลาดนั้นก็จะเป็นBearish
วิธีการใช้งาน:
1. ตาแหน่งที่ยาวควรที่จะถูกปิดไปเมื่อราคานั้นหล่นไปต่ากว่าเส้นSAR
2. ตาแหน่งที่สั้นควรที่จะถูกปิดไปเมื่อราคานั้นพุ่งสูงกว่าเส้นSAR
ซึ่งในแต่ละจุดของการกาหนดSAR นั้นจะเป็นระดับของการทาStop-Order สาหรับช่วงการซื้อขายในปัจจุบันและช่วงการ
ซื้อขายที่ไม่เป็น (วัน, ชั่วโมง, ฯลฯ)
หมายเหตุที่ว่า: ตัวชี้วัดนั้นจะใช้ได้เพียงแค่สาหรับตลาดที่มีแนวโน้มเท่านั้น ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์ในเฟสที่เป็น
Sideways Phrases ต่างๆ
- 24. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Relative Strength Index
(ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์)
Relative Strength Index (RSI) นั้นเป็นราคาหนึ่งๆที่ตามOscillator ที่มีระยะระหว่าง 0 ถึง 100 ซึ่งมีอยู่ 3 โซนที่มี
ความโดยสิ้นเชิงในชาร์ทของตัวชี้วัดนี้: ทางโซนด้านบนนั้นจะเป็นระยะ(Overbought) จาก 70 ถึง 100 และโซนด้านล่างจะ
เป็นระยะ (Oversold) จาก 0 ถึง 30 ซึ่งจะกลางเป็นระยะ 30 ถึง 70
โดยที่ค่า RSI นั้นส่วนมากจะถูกใช้ในการซื้อขายรายวัน(Day trading) ในการหาสถานะของตลาด ไม่ว่าจะมันจะ
เป็น Oversold, Overbought หรือ Stable ถ้ายอดบนของ RSI นั้นอยู่ในโซนด้านบน(Upper zone) (Overbought, >70)
และจากนั้นก็กลับไปยังโซนกลาง โดยที่ราคาก็อาจจะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าด้านล่างของRSI นั้นอยู่ในโซนต่า
(Oversold, <30) และจากนั้นก็จะกลับไปที่โซนกลาง โดยที่ราคาก็จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
วิธีการใช้งาน:
1. เมื่อยอดสูงสุดของ RSI นั้นอยู่ในโซน Overbought zone ราคาที่ถูกคาดไว้นั้นก็จะไปตามนั้น ซึ่งเป็นสัญญาณขาย
2. เมื่อยอดสูงสุดของ RSI นั้นอยู่ในโซน Oversold zone ราคาที่ถูกคาดเอาไว้ก็จะไปตามนั้น ซี่งเป็นสัญญาณซื้อ
Divergence: เมื่อราคานั้นไปถึงจุดต่าสุด/สูงสุดใหม่แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากค่าต่าสุด/สูงสุดใหม่แค่อย่างใด
3. บนชาร์ทค่า RSI ที่ Price Correction นั้นจะเกิดขึ้นตามทิศทางของRSI นั้นๆ
หมายเหตุ: ในชาร์ท RSI นั้นระดับแนวรับ/แนวต้าน และรูปแบบ Reversal Patterns นั้นบางครั้งเห็นได้อย่างชัดเจนกว่าใน
ชาร์ทราคา
- 25. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Standard Deviation
(ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) นั้นเป็นการวัดทางสถิติของความผันผวน(Volatility) ซึ่งมัน
โดยทั่วไปแล้วจะไม่ถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้แยกออกมาแต่ว่าจะเป็นส่วนประกอบของตัวชี้วัดอื่นๆ
ซึ่งส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้นส่วนมากจะถูกใช้ในตลาดหุ้นในการทาการระบุระดับของความผันผวนของตลาดหุ้น
ซึ่งตัวชี้วัดนี้ก็ยังคงถูกประยุกต์ใช้ในกองทุนรวม(Mutual Funds) ต่างซึ่งเป็นที่ๆมันแสดงให้เห็นถึงว่าจะมีเงินทุนคืนมาเท่าใด
ที่เป็นการเบี่ยงเบนไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ในการคืนเงินทุนในปกติ
วิธีการในการใช้งาน:
1. ค่าของตัวชี้วัดนี้โดยทั่วไปแล้วจะสูงถ้าราคานั้นมีการเปลี่ยนเปลงอย่างทันทีทันใด
2. ถ้าค่าของตัวชี้วัดนี้ไม่สูงราคานั้นก็จะมีความเสถียร
3. ก่อนที่จะมีการขึ้น/ลงของราคาอย่างมีนัยสาคัญนั้นตัวชี้วัดโดยทั่วไปแล้วจะมีค่าที่ต่า
- 26. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Stochastic
(สโตเคสติค)
ตัวชี้วัด Stochastic นั้นเป็น Oscillator ที่ใช้ในการเปรียบเทียบที่ๆราคาสินทรัพย์ (Asset’s Price) นั้นปิดสัมพันธ์กับ
ระยะราคาของมันไปเหนือระยะเวลาที่ให้ ซึ่งมันจะประกอบไปด้วยเส้นสองเส้น: เส้นหลักเรียกว่า %K (สีเขียว) และเส้นรอง
เรียกว่า %D (สี Navy) ซึ่งในเส้นหลัก (%K) ความผันผวนต่างๆโดยทั่วไปนั้นจะมีความชัดเจนมากกว่าในเส้นรอง (%D)
เพราะว่า %D นั้นเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ของเส้น %K ซึ่ง Stochastic Indicator นั้นได้ทาการวัดใน
สเกลจาก 0% ไปจนถึง 100%
โดยที่ Stochastic Oscillator นั้นส่วนมากจะถูกใช้ในตลาดที่มีแนวโน้ม ถ้าทั้งเส้น (%D และ %K) นั้นอยู่ด้านบน
ของโซนบน (Upper zone) (เหนือเส้นกากับ 80%) และจากนั้นตัวชี้วัดก็กลับมายังโซนกลาง (Middle zone) ซึ่งอัตรานั้นๆก็
จะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าทั้งสองเส้นอยู่ที่ด้านล่างอยู่ในโซนต่า (Lower zone) (ต่ากว่า 20%) และจากนั้นตัวชี้วัดก็
จะกลับมายังโซนกลาง (Middle zone) ซึ่งอัตราก็จะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
วิธีการใช้งาน:
เมื่อเส้นหนึ่งๆของ Stochastic หล่นไปอยู่ต่ากว่า 20% และจากนั้นขึ้นไปอยู่เหนือระดับ (A) หรือเมื่อเส้น %K
1. นั้นขึ้นไปเหนือเส้น %D เส้น (B) มันก็เป็นสัญญาณซื้อ
เมื่อเส้นหนึ่งๆของ Stochastic นั้นขึ้นไปเหนือ 80% และจากนั้นก็หลนลงมาใต้ระดับ (C) หรือขายเมื่อเส้น %K
2. นั้นหล่นต่ากว่าเส้น %D ซึ่งมันเป็นสัญญาณขาย
Divergence: ถ้าอัตราในการสร้างอนุกรมของค่าต่าสุด/สูงสุดใหม่และ Oscillator นั้นไม่จากนั้นบางอัตรา
3. ถ้าความถูกต้อง (Correction) นั้นเป็นไปได้ในทิศทางของการเคลื่อนที่ของ Oscillator’s Movement
- 27. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Williams' Percent Range
(วิเลียมเปอร์เซ็นต์เร้น)
Williams' Percent Range (Williams %R, หรือ %R) เป็นตัวชี้วัดทางโมเมนตั้ม (Momentum Indicator) ที่ทาการ
วัดระดับแรงซื้อมากเกินไป (Overbought) และระดับแรงขายมากเกินไป (Oversold) ที่แกว่งขึ้นๆลงๆระหว่าง 0 และ -100%
เมื่อค่าไปถึง 0% มันก็จะหมายความว่าราคาปิดนั้นดูเหมือนว่าจะสูงไป ในทางกลับกันเมื่อค่าไปถึง -100 % มันหมายความ
ว่าราคาปิดนั้นถือได้ว่าต่าไป
โดยที่ค่า Williams %R นั้นโดยส่วนมากจะถูกใช้เป็นการบอกใบ้ถึงเงื่อนไขของตลาดในตลาดในการซื้อขายใดๆ ซึ่ง
มันจะแสดงให้เห็นถึงการหันกลับของราคาสินค้าที่สาคัญแฝงอยู่ บ่อยครั้งที่ตัวชี้วัดนี้จะไปถึงจุดสูงสุดและจะหันกลับลงมา
เล็กน้อยก่อนหน้าราคาสินค้านั้นๆ ก็เหมือนกับว่า %R จะไปถึงจุดต่าสุดและจะหันกลับขึ้นไปเล็กน้อยก่อนหน้าราคาสินค้า
นั้นๆนั่นเอง
วิธีการใช้งาน:
1. ถ้าค่าอ่านได้ใน ระยะ 0 ถึง -20 %: ตลาดนั้นมีแรงซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งมันสามารถถือได้ว่าเป็น
สัญญาณขาย
2. ถ้าค่าอ่านได้ใน ระยะ -80 ถึง -100%: ตลาดนั้นมีแรงขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งมันสามารถถือได้ว่าเป็น
สัญญาณซื้อ
- 28. การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยโปรแกรม GCI Trader SOLVER INSTUITUTE © 2008
Note: แนะนาให้รอดูตัวชี้วัดทางราคาในการเปลี่ยนทิศทางก่อนที่จะทาการตัดสินใจทาการซื้อขายใดๆ
อ้างอิง
http://help.sysfx.com/documents/traders_manual/en_US/
“การลงทุนในความรู้คือการลงทุนที่คุ้มค่า”
ท่านผู้สนใจสามารถเข้ารับอบรมกรวิเคราะห์การลงทุนขั้นสูง
กับเราได้ที่
www.solverenterprise.com
Tel.055341081, 0851188440
(ติดต่อ อ.นราธิป จารัส)