More Related Content
What's hot
What's hot (20)
พิธีแต่งงานในเอเชีย
- 2. พม่า อินโดนิเซีย กัมพูชา สิงค์โปร บรูไน ฟิลิปปินส์ ลาว มาเลเซีย เวียดนามThe Marriage of Asia เกาหลี อินเดีย
- 3. ที่มาและความสาคัญ คนสองคนอยู่ด้วยกันด้วยความรักจะเกิดความสัมพันธ์ขึ้น จุดสูงสุดของความสาพันธ์ขึ้น จุดสูงสุดของความสัมพันธ์นั้นคือการ แต่งงาน การแต่งงานคือการตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนรักเพื่อสร้าง ครอบครัวของตัวเอง ซึ่งพิธีแต่งงานในแต่ละประเทศในเอเชียก็มีความ แตกต่างกัน คณะผู้จัดทาจึงมีความสนใจในการศึกษาพิธีแต่งงานของแต่ ละประเทศในเอเชีย
- 5. สหภาพพม่า เป็นชาติที่ไทยเรารู้จักกันมานาน ปัจจุบันพม่ามีการปกครองแบบ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยจึงเรียกว่า “สหภาพพม่า” พม่ามีอาณาเขต ใกล้เคียงกับไทย และสามารถ ติดต่อกันได้ทั้งทางบก น้าและอากาศ สหภาพพม่ามีประชากรเป็นชนเชื้อชาติต่าง ๆ หลายเผ่า และเคยตกเป็น เมืองขึ้น ของอังกฤษ แต่วัฒนธรรมทางด้านศิลปะ ศาสนา และเครื่อง แต่งกายก็ยัง มิได้เปลี่ยนแปลงไป
- 6. การแต่งกาย ชาย สวมเสื้อแขนยาว มีทั้งแบบคอจีน กระดุมผ่าหน้า หรือเสื้อป้าย นุ่ง โสร่งลายเล็กๆ มีผ้าพันศีรษะ หญิง สวมเสื้อแขนยาวผ่าหน้า มีผ้าพันอกด้านใน วัสดุของผ้าซิ่นจะเป็น ผ้าปักดิ้น หรือหากหาผ้าที่มาจากพม่าหรือลักษณะใกล้เคียงได้ก็ดี ผม เกล้ามวยมีปิ่นปักดอกไม้สวยงาม สวมเครื่องประดับทอง เช่น ต่างหู กาไล สร้อยไข่มุก ฯลฯ
- 8. สิงค์โปร สิงคโปร์เป็นสาธารณรัฐตั้งอยู่บนเกาะเล็กปลายแหลมมาลายู มี พื้น ที่ราว 616ตาราง กิโลเมตร พลเมืองจะมีหลายชนชาติ เช่น จีน มลายู อินเดีย และยุโรป เพราะเป็นเมืองท่าที่สาคัญ การแต่งกายจึง แตกต่างกับชนชาติที่ตนเข้าไปอยู่
- 9. การแต่งกายของชาวมลายูในสิงคโปร์ เสื้อใช้ลวดลายและดอก คล้ายโสร่งของอินโดนีเซีย แบบอาจจะเพี้ยนไปบ้าง ใช้ผ้าพื้น เข้มทาตัวเสื้อ มีลวดลายตามรอบคอ สาบ และปลายแขน ส่วน ชายแต่งชุดสากล สาหรับชาวจีน อินเดีย ยุโรป ก็แต่งตามการแต่งกายของแต่ละชาติ เอกลักษณ์ของ ชาวสิงคโปร์ไม่มีศิลปะเป็นของตนเอง แต่สิ่งที่ประทับใจที่ สาคัญคือ ความเรียบร้อย มีระเบียบ และสะอาดที่สุดในโลกในสายตาของ ชาวโลก
- 11. ฟิลิปปินส์ การแต่งกาย ของชาวฟิลิปปินส์ในยุคนั้น นิยมใช้เครื่องประดับกาย ชาวเกาะ วิสายัน ชอบสักตามใบหน้า ร่างกาย และแขนขา ชายหญิงสวม เครื่องประดับที่ทาด้วยทองคาและเพชร พลอย ชาวพื้น เมืองนิยมใส่ ปลอกแขน กาไล และสร้อยคอ ก่อนสเปนเข้าครอบครอง สังคมแบ่ง ออกเป็น 3 ชนชิ้น คือ ขุนนาง เสรีชน และทาส
- 12. ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 สเปนก็พบฟิลิปปินส์เป็นชาติแรก ต่อมาเกาะทุกเกาะก็ตกอยู่ ในการปกครองของสเปน และได้รับอารยธรรม ต่าง ๆ ตลอดจนประเพณี ศาสนา วัฒนธรรมการ แต่งกาย และการ ดาเนินชีวิต ส่วนการแต่งกายก็ไม่มีการสวมเสื้อ แต่งกายแบบชาวเกาะ นิยม ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ และสักตามร่างกายดังกล่าวแล้ว
- 13. หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟิลิปปินส์ได้เอกราชตาม สนธิสัญญา เหตุการณ์บ้านเมือง ศิลปวัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย ก็มี การผสมผสานกันระหว่างชาวยุโรป เอเชีย และตะวันตก
- 14. เครื่องแต่งกายประจาชาติเป็นเสื้อคอกว้างแบบตะวันตก แขนยก ตั้งเป็นปีกกว้าง ทาด้วยผ้า บางและแข็งอย่างไหมสับปะรด นุ่งกระโปรงติด กับเสื้อเป็นชุดเดียวกัน ส่วนตามเกาะต่าง ๆ มีการ แต่งกายแบบคล้าย ชาวมลายู และอินโดนีเซีย คือ นุ่งโสร่งปาเต๊ะ สวมเสื้อผ้าไหมสับปะรด หรือแพร แขนกระบอกยาวจดข้อมือ มีผ้าพาดบ่า ส่วนผู้ชายจะสวมเสื้อ แขนยาวทาจากใบสับปะรด นุ่งกางเกง แบบสากล
- 16. ราชอาณาจักรลาว ผ้าทอมีบทบาทสาคัญในชีวิตครอบครัวของชาวไท-ลาว ทุกวันนี้ พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของ คนไท-ลาวยังคงใช้เครื่องแต่งกายที่งดงาม ประณีต ชุดเจ้าสาวทอด้วยไหมเส้นละเอียด สอดแทรก ด้วยเส้นเงินเส้น ทอง ผ้าเบี่ยง ซิ่นและตีนซิ่น จะมีสีและลวดลายรับกัน เจ้าบ่าวนุ่งผ้านุ่ง หรือผ้า เตี่ยวทอด้วยไหมละเอียดสีพื้น อาจะใช้เทคนิคการทอแบบ “หมากไม” คือการปั่นเส้นใย สวมเสื้อ แบบฝรั่งมีผ้าพาดบ่าเพื่อเข้าพิธีสู่ ขวัญ
- 17. การแต่งกาย ผู้หญิง นุ่ง Patoi (มีลักษณะคล้ายผ้านุ่งของไทย) นิยมทาเป็นลาย ทาง ๆ เชิงผ้าเป็น สีแดงแก่ หรือน้าตาลเข้ม ถ้าผ้านุ่งเป็น ไหม เชิงก็จะเป็นไหมด้วย มักจะทอทองและเงินแทรกเข้าไป ไว้ผมเกล้ามวยประดับดอกไม้ ผู้ชาย นุ่ง Patoi เป็นการนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชิ้น นอก กระดุม เจ็ดเม็ด
- 19. ราชอาณาจักรกัมพูชา ชุดประจาชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่ง กัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทาจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซัมปอตสาหรับ ผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมี หลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ ในชีวิตประจาวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยม ทาลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
- 20. การแต่งกาย หญิง นิยมนุ่งผ้าถุงสีดา เนื้อมัน คาดเข็มขัด ใส่เสื้อสี งานพิธีนุ่งผ้ายก พวกในวังมักนุ่งผ้า โจงกระเบน ไว้ผมตัด ทานหมากจนฟันดา ผู้ชาย นุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อคอปิด ขัดกระดุมห้าเม็ด การแต่งกายของปรเทศบรูไน
- 22. บรูไน บรูไน (Brunei) หรือ รัฐบรูไนดารุสซาลาม (State of Brunei Darussalam)ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว ทิศ ตะวันออก ตะวันตกและทิศใต้ ติดเขตซาราวัก ประเทศมาเลเซีย โดย พื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้
- 23. การแต่งกาย ผู้หญิง บรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสดใส โดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่ คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ผู้หญิงมุสลิมจะสวมผ้าคุมศีรษะในที่ สาธารณะ และในสถานที่ราชการ ผู้ชายมุสลิม แต่งกายเป็นทางการทั้งในสถานที่ราชการ และที่สาธารณะ คือจะสวมเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่านุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่งโสร่ง
- 25. อินโดนีเซีย อินโดนีเซีย เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิค รวมเกาะ ใหญ่น้อยราว 3,000 เกาะ ที่สาคัญคือสุมาตรา ชวา บาลี ชุลาเวสี (เซลีบิส) กาลมันตัน เวสต์อิเรียนเมืองหลวงคือจาร์กาตาอยู่บนเกาะชวา
- 26. การทอผ้าแบบดั้งเดิมของอินโดนีเซีย อินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะที่อยู่ในเส้นทางการค้าขายติดต่อกับอินเดีย จีน และยุโรปมานานกว่าร้อยปี ซึ่งความสัมพันธ์นี้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม ทักษะพื้น บ้านและวัตถุดิบในการผลิตผ้าทอของอินโดนีเซียซึ่งผลิตทั้งผ้า ฝ้ายพื้นๆ ผ้าฝ้ายที่วิจิตร ผ้าทอผสมเส้นใยไหม เส้นทองและเส้นเงินมีชุด แต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจาถิ่น
- 27. การแต่งกาย ผู้หญิง สวมเสื้อแขนยาวพอดี คอแหลม ผ่าหน้าอกเข้ารูปเล็กน้อย ยาว ปิดสะโพก เข้ากับ โสร่งที่เป็นลวดลาย ใช้สีสันกันเป็นทางบ้างดอกบ้าง ใช้ ผ้ายาว ๆ คล้องคอเช่นเดียวกับชาวมาเลเซีย ต่างกันที่คอเสื้อ ชาว มาเลเซียจะเป็นคอยู และเสื้อยาว ผู้ชาย แต่งชุดสากล ผูกไทด์ลายผ้าปาเต๊ะ สวมหมวกคล้ายหมวกหนีบ
- 29. มาเลเซีย การทอผ้าในมาเลเซียมีมากแถบกลันตันและตรังกานู ซึ่งเป็นผ้าที่ ทอโดยสอดไหมเงิน และทองลงในเนื้อไหมตามแบบผ้าทอในอินเดีย พวกช่างทอผ้าในมาเลเซียเป็นพวกที่อพยพมา จากเกาะสุมาตรา การแต่งกาย แตกต่างกันตามประเพณีนิยมของแต่ละเชื้อชาติ
- 30. ผู้หญิง นุ่งโสร่งปาเต๊ะสีสดมีลวดลายดอกดวงงาม สวมเสื้อคอยูแขนยาว ถึงข้อมือ ปล่อยชายเสื้อไว้นอกโสร่ง บางคนจะมีผ้าบาง ๆ คลุมศีรษะ คลุมไหล่ ชาวมาลายูชอบใช้เสื้อผ้า สีสดใสมีลวดลาย ใบไม้ดอกไม้โต ๆ สลับสีกัน ชาวจีนแต่งกายแบบจีนเรียกว่า “กี่เพ้า” หรือ “ฉ่งชา” ทา ด้วยผ้าเป็นดอกดวง ฉูดฉาด ผู้ชาย นุ่งโสร่งเป็นตา และสวมเสื้อแขนยาว บางคนสวมหมวก ใช้ผ้าโพก ศีรษะคนแก่มัก มีผ้าห้อยไหล่
- 32. เวียดนาม ชายแต่งกายคล้ายหญิง บางครั้งสวมเสื้อกุยเฮง สวมหมวกสีดา เย็บด้วยผ้า ไม่มีปีก ปัจจุบันแต่งสากลกันมากแล้ว ในเวียดนามใต้มี ชาวเขาเผ่าหนึ่งเรียกว่า พวกม้อย จะนุ่งผ้าสั้นๆ ปกปิดร่างกายแต่เฉพาะ ท่อนล่างคล้ายนุ่งใบไม้ ปัจจุบันหญิงสวมเสื้อนิยมเจาะหูสอดไม้ซึ่งเหลา แหลมๆ สวมกาไลคอ
- 34. เกาหลี พิธีแต่งงานแบบเกาหลีในซีรีส์หลายๆ เรื่อง ซึ่งพิธีแต่งงานนี้มีชื่อเรียกว่า 폐백 อ่านว่า "พเย-แบก" ซึ่งจุดประสงค์ของงานก็เพื่อเป็นการแสดงว่า ครอบครัวของฝ่าย ชายยินดีต้อนรับฝ่ายหญิงเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ของบ้านแล้ว
- 37. ในพิธีพเยแบก เจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องใส่ชุดฮันบก ที่แก้ม ของเจ้าสาวจะมีการวาดจุดหรือติดสติ๊กเกอร์จุดสีแดงๆ ดูน่ารัก สดใสและบริสุทธิ์ มีการคานับผู้ใหญ่ มีพิธีรินน้าชาให้ผู้ใหญ่ใน งาน จากนั้นผู้ใหญ่ในงานจะโยนเม็ดเกาลัดและผลอินทผลัม บ่าว สาวจะต้องใช้ผ้าคอยรับให้ได้มากที่สุด เพราะเม็ดเกาลัดหมายถึง จานวนลูกชายและผลอินทผลัมหมายถึงจานวนลูกสาวที่จะมีใน อนาคต
- 39. ในตอนท้ายของงาน บ่าวสาวจะนาเม็ดเกาลัดและผล อินทผลัมมากัดร่วมกัน (คล้ายๆ จุ๊บกันแต่มีเจ้าเม็ดนี้มาคั่นกลาง) จากนั้นเจ้าบ่าวจะแบกเจ้าสาวขึ้นขี่หลังเพื่อเป็นการแสดงถึงการ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน หรือเจ้าบ่าวจะแบกคุณแม่หรือคุณย่าขึ้น ขี่หลังด้วยก็ได้ สาหรับเงินใส่ซองงานแต่งงานของคนเกาหลีนั้น ส่วนมาก จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 วอนหรือ 1,500 บาท
- 41. อินดีย อินเดียขึ้นชื่อว่ามีประชากรเยอะมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นในอินเดียจึงมีศาสนาหลากหลาย แต่ศาสนาที่คนอินเดียนับ ถือมากที่สุดคือ "ศาสนาฮินดู" ประเพณีการแต่งงานของชาว อินเดียก็จะอิงแบบฮินดูเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งถือเป็นงานแต่งงานที่มี พิธีหลายขั้นตอนมากที่สุดงานหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
- 42. เริ่มจาก 2-3 วันก่อนถึงวันแต่งงาน เจ้าบ่าวและเจ้าสาว จะต้องเข้าพิธีฮัลดี นั่นคือจะต้องล้างตัวด้วยน้าขมิ้น แป้ง ไม้ จันทน์ นมข้น และน้าดอกกุหลาบ โดยจะทาลงบนมือ เท้า และ หน้าผาก ซึ่งน้าที่ว่าจะมีสีเหลืองเพราะเชื่อว่าจะทาให้ผิวดูสดใส เตรียมพร้อมรับวันแต่งงาน รวมถึงให้โชคแก่บ่าวสาวด้วย
- 44. พอมาถึง 1 วันก่อนวันแต่งงาน จะมีพิธีเมนดีห์ มีการจ้าง ช่างเพนท์เฮนน่าฝีมือดีมาเพนท์ให้เจ้าสาวและครอบครัว โดย เพนท์เป็นรูปต้นปาล์ม เพื่อให้มือของเจ้าสาวดูสวยงามนั่นเอง
- 46. เริ่มที่พิธีบารัต เจ้าบ่าวจะขี่ม้ามาที่งานแต่งงานพร้อมกับ ขบวนแห่อย่างอลังการเพื่อมารับเจ้าสาว และก่อนพิธีแต่งงาน อย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น จะมีการบูชาพระพิฆเนศเพื่อให้เกิด ความโชคดี จากนั้นเจ้าสาวจะถูกปล่อยตัวลงมา แต่ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาวจะถูกกั้นด้วยผ้าสีขาวเพื่อยังไม่ให้เห็นหน้ากัน ก่อนที่ผ้าสี ขาวจะค่อยๆ ถูกคลี่ออก เพื่อให้บ่าวสาวพบกันและแลกพวงมาลัย ดอกไม้แก่กัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต้อนรับซึ่งกันและกัน
- 48. มาถึงไฮไลต์สาคัญของงาน พ่อของเจ้าสาวจะรดน้าสังข์ใส่ มือเจ้าสาว จากนั้นจะจับมือของเจ้าสาวไปวางในมือของเจ้าบ่าว หมายถึงว่าได้ยินยอมยกลูกสาวให้แล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวของพี่สาว ของฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นผู้ใช้หมาก เหรียญทองแดง และเมล็ดข้าว ผูกที่ปลายผ้าพันคอของเจ้าบ่าวกับกระโปรงส่าหรีของเจ้าสาวเข้า ด้วยกัน มีความหมายเพื่อความเป็นหนึ่งเดียว ความสุขและความ รุ่งโรจน์
- 50. ต่อมาเป็นพิธีสัปตาปาดี คือเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้องเดิน รอบกองไฟจานวน 7 รอบ รวมถึงตั้งสัตย์ปฏิญาณด้วยกันว่าจะ รักและดูแลกันไปตลอดชีวิต จากนั้นจะเป็นพิธีมันกัลสุตรา โดย เจ้าบ่าวจะพันสายสิญจน์รอบคอของเจ้าสาว เป็นเครื่องหมาย แสดงถึงการเป็นภรรยาอย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการจบพิธีงาน แต่งงาน
- 51. หลังพิธีแต่งงานเสร็จแล้ว ก็ยังมีพิธีหลังงานแต่งงานต่อค่ะ เริ่มจากเจ้าสาวจะรับคาอวยพรจากญาติผู้หญิงของทั้งสองฝ่าย ผ่านการกระซิบข้างหู จากนั้นบ่าวสาวจะคานับและรับคาอวยพร จากญาติผู้ใหญ่จรครบทุกคน ก่อนจะเดินผ่านแขกร่วมงานที่จะ ช่วยโปรยดอกไม้และเมล็ดข้าวให้บ่าวสาวแทนคาอวยพร
- 53. ต่อมาเจ้าสาวจะต้องเดินทางไปบ้านฝ่ายชาย โดยนั่งเสลี่ยง ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ปัจจุบัน มักนั่งเสลี่ยงไปเพียงครึ่งทาง จากนั้นก็นั่งรถยนต์ต่อไปถึงบ้านเจ้าบ่าวค่ะ และเมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว เจ้าสาวจะต้องเตะหม้อข้าวที่ตั้งอยู่ที่หน้าบ้านเจ้าบ่าวก่อน ถึงจะ เข้าไปยังบ้านได้
- 54. หลังจากงานแต่งงาน 2-3 วัน จะมีอีกพิธี นั่นคือพิธี จัดการแสดงเพื่อเคารพพระนารายณ์และพระวิษณุ รวมถึงมีงาน เลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองงานแต่งงานค่ะ เป็นอันจบงาน แต่งงานอย่างสมบูรณ์
- 55. ผู้ทาโครงงาน นางสาวพิมพ์วรา เศรษฐ์วุฒิภัทร ม.6/3 เลขที่ 25 นางสาวธัญภา ภูมิคา ม.6/3 เลขที่ 37
- 57. แหล่งอ้างอิง ชุดแต่งงาน 10 ประเทศอาเซียน.html รวมชุดแต่งงาน 10 ประเทศอาเซียน (ตอนจบ).html