More Related Content
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ (20)
More from คยูกี้ ขยี้มิน (10)
โครงงานคอมพิวเตอร์
- 2. โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามความ
สนใจ ความถนัดและความสามารถของผูเ้ รียน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
โครงงานจึงเป็ นกิจกรรมการเรียนรูที่มการเน้นผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ โดยผูเ้ รียน
้ ี
จะหาหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทังเชือมโยงความรูตาง ๆ และความรู้
้ ่
้ ่
ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างผลงานตามความ
ต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครูเป็ นที่ปรึกษาและให้คาแนะนา
- 4. 1.ความสามารถในการสื่อสาร
• เป็ นความสามารถที่เกิดจากการที่นกเรียนเป็ นผูทาโครงงานต้องนาเสนอ
ั
้
ผลงานให้ ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่าง
ชัดเจน ดังนัน ผูทาโครงงานต้องสื่อสารความคิดในการสร้างสรรค์
้ ้
โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทังเลือกใช้รปแบบของสื่อ
้
ู
อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผอื่นได้
ู้
เข้าใจ
- 6.
3.ความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดจากการที่ผเู้ รียนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ และอธิบายปั ญหาทางด้าน
คอมพิวเตอร์ รวมทังประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปั ญหา
้
4.ความสามารถในการใช้ทกษะชีวิต เกิดจากการที่ผเู้ รียนได้นาความรูและกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน
ั
้
การพัฒนาโครงงาน และนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน
ก่อให้เกิดการเรียนรูดวยตนเอง อันนาไปสูการเรียนรูตลอดชีวิต
้ ้
่
้
5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผเู้ รียนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ
แก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม และมีคณธรรม
ุ
- 7. ขอบข่ายของโครงงานดาเนินงานโดยนักเรียน เป็ นผูริเริ่มสร้างสรรค์และครูอาจารย์ เป็ นผูใ้ ห้
้
คาแนะนาปรึกษา
มีองค์ประกอบดังนี้
1. เป็ นกิจกรรมการเรียนให้นกเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบตดวยตนเองโดยอาศัยหลัก
ั
ั ิ ั
วิชาการทางทฤษฎีตามเนือหาโครงงานนันๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่
้
้
ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็ นกลุมโดยใช้ระยะเวลาสันๆ
่
้
เป็ นภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
- 8.
3. นักเรียนเป็ นผูพิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบตดวย
้
ั ิ ้
ตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร้อม
4. นักเรียนเป็ นผูเ้ สนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบตงานและการแปลผล
ั ิ
รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนดไว้
5. เป็ นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา
รวมทังการใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
้
- 9.
ประเภทของโครงงาน แบ่งได้เปน 5 ประเภท
็
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อ
การศึกษา เช่น โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์
2. โครงงานพัฒนาเครืองมือ เป็ นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างงาน ส่วนใหญ่จะ
่
อยู่ในรูปของซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลอง
การทดลองของสาขาต่างๆ
- 11. 1.
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational
Media)
เป็ นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรม
บทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึ กหัด บททบทวนและคาถามคาตอบไว้
พร้อม ผูเ้ รียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ชวยนี้
่
่
ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็ นครูผสอน ซึ่งอาจเป็ นการพัฒนา
ู้
บทเรียนแบบ Online ให้นกเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
ั
- 13. 2.
โครงงานพัฒนาเครืองมือ (Tools
่
Development)
เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ชวยสร้างงานประยุกต์ตาง ๆ ซึ่งโดยส่วน
่
่
ใหญ่จะเป็ นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนันสร้างขึนเป็ นโปรแกรมประมวลผลภาษา
้
้
ซึ่งจะเป็ นเครื่องมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ตาง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็ นไปได้โดยง่าย
่
ซึ่งรูปที่ได้สามารถนาไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น
โปรแกรมการค้นหาคาภาษาไทย
โปรแกรมอ่านอักษรไทย
- 15. 3.
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี (Theory
Experiment)
เป็ นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็ น
งานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็ นต้น เป็ นโครงงานที่
ผูทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง
้
ในเรื่องที่ตองการศึกษา แล้วเสนอเป็ นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของ
้
สมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ได้ พร้อมทังนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีดวยคอมพิวเตอร์
้
้
การทาโครงงานประเภทนีมจดสาคัญอยู่ที่ผทาต้องมีความรูเ้ รื่องนัน ๆ เป็ นอย่างดี
้ ี ุ
ู้
้
- 17. 4.
โครงงานประเภทการประย ุกต์ใช้งาน (Application)
โครงงานงานประเภทนีจะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้
้
สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมทีมอยูแล้วให้มี
่ ี ่
ประสิทธิภาพสูงขึนก็ได้ โครงงานลักษณะนีจะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของ
้
้
ผูใ้ ช้กอนแล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิงของนัน ๆ ต่อจากนันต้อง
่
่
้
้
มีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มี
ความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนีนกเรียนต้องใช้ความรูเ้ กียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์
้ ั
่
ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกียวข้อง รวมทังอาจใช้วิธีทางวิศวกรรม
่
้
ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
- 19. 5.
โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
โครงงานประเภทนีจะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้นาสนใจ
้
่
แก่ผเู้ ล่น พร้อมทังให้ความรูสอดแทรกไปด้วย ผูพฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวม
้
้
้ ั
ข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มอยู่ทวไปและนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึนใหม่เพื่อให้เป็ นเกมที่
ี ั่
้
แปลกใหม่และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุมต่าง ๆ
่