More Related Content Similar to งาน power point Similar to งาน power point (20) More from รัฐนันท์ รติบดี More from รัฐนันท์ รติบดี (7) งาน power point2. ใบงำนที่ 2 เรื่อง ควำมหมำยและควำมสำำคัญของโครงงำน
ควำมหมำย
โครงงำน หมำยถึง กิจกรรมกำรศึกษำวิชำกำรงำนที่ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนได้เลือกขึ้น
มำศึกษำ ค้นคว้ำ ริเริ่มสร้ำงสรรค์ผลงำนตำมที่ตนเองมีควำมถนัด มีควำมพร้อมและสนใจ แล้วลงมือปฏิบัติ
ให้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยที่กำำหนดไว้ โดยมีรำยละเอียดของงำนที่จะทำำไว้ล่วงหน้ำ เป็นขั้นตอน พร้อมทั้ง
คำดกำรณ์ผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้โดยได้รับคำำแนะนำำปรึกษำจำกครูในโรงเรียนของตน
ควำมสำำคัญของโครงงำน
ควำมสำำคัญของโครงงำนในแง่ของกำรเรียนกำรสอน และกำรจัดกิจกรรมเสริมตำมหลักสูตร
มัธยมศึกษำตอนต้น ฉบับปรับปรุงพุทธศักรำช 2533 มีดังนี้คือ
1. ด้ำนนักเรียน
2. ด้ำนโรงเรียนและครูอำจำรย์
3. ด้ำนท้องถิ่น
1. ด้ำนนักเรียน ก่อให้เกิดคุณค่ำต่ำง ๆ ดังนี้คือ
1.1 ช่วยสร้ำงควำมหวังใหม่ในกำรริเริ่มงำนที่จะนำำไปสู่งำนอำชีพ และกำรศึกษำต่อที่ตนเองมี
ควำมถนัด และสนใจ
1.2 สร้ำงเสริมประสบกำรณ์จำกกำรปฏิบัติจริง ด้วยชีวิตจริง ส่งผลให้เกิดควำมเข้ำใจอย่ำง
ซำบซึ้งในโครงงำนที่สร้ำงสรรค์ขึ้นมำ
1.3 ได้มีโอกำสทดสอบควำมถนัดของตนเอง และกำรแก้ปัญหำในงำนที่ตนเองสนใจและมี
ควำมพร้อม ส่งผลให้เกิดควำมมั่นใจในกำรดำำเนินงำนต่อไป
1.4 ก่อให้เกิดควำมภำคภูมิใจที่ได้สร้ำงเกียรติประวัติในโครงงำนที่ได้ริเริ่มสร้ำงสรรค์
1.5 ก่อให้เกิดควำมรัก ควำมเข้ำใจและควำมสัมพันธ์อันดีงำมต่อกันในระหว่ำงเพื่อนนักเรียนที่
ปฏิบัติงำนเป็นกลุ่ม
1.6 ก่อให้เกิดควำมรู้ทำงวิชำกำรที่กว้ำงขวำงขึ้น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งได้รับควำมสำำเร็จในกำร
ศึกษำตำมหลักสูตรและตรงกับจุดหมำยที่กำำหนดไว้
ใบงำนที่ 2 เรื่อง ควำมหมำยและควำมสำำคัญของโครงงำน
ควำมหมำย
โครงงำน หมำยถึง กิจกรรมกำรศึกษำวิชำกำรงำนที่ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนได้เลือกขึ้น
มำศึกษำ ค้นคว้ำ ริเริ่มสร้ำงสรรค์ผลงำนตำมที่ตนเองมีควำมถนัด มีควำมพร้อมและสนใจ แล้วลงมือปฏิบัติ
ให้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยที่กำำหนดไว้ โดยมีรำยละเอียดของงำนที่จะทำำไว้ล่วงหน้ำ เป็นขั้นตอน พร้อมทั้ง
คำดกำรณ์ผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้โดยได้รับคำำแนะนำำปรึกษำจำกครูในโรงเรียนของตน
ควำมสำำคัญของโครงงำน
ควำมสำำคัญของโครงงำนในแง่ของกำรเรียนกำรสอน และกำรจัดกิจกรรมเสริมตำมหลักสูตร
มัธยมศึกษำตอนต้น ฉบับปรับปรุงพุทธศักรำช 2533 มีดังนี้คือ
1. ด้ำนนักเรียน
2. ด้ำนโรงเรียนและครูอำจำรย์
3. ด้ำนท้องถิ่น
1. ด้ำนนักเรียน ก่อให้เกิดคุณค่ำต่ำง ๆ ดังนี้คือ
1.1 ช่วยสร้ำงควำมหวังใหม่ในกำรริเริ่มงำนที่จะนำำไปสู่งำนอำชีพ และกำรศึกษำต่อที่ตนเองมี
ควำมถนัด และสนใจ
1.2 สร้ำงเสริมประสบกำรณ์จำกกำรปฏิบัติจริง ด้วยชีวิตจริง ส่งผลให้เกิดควำมเข้ำใจอย่ำง
ซำบซึ้งในโครงงำนที่สร้ำงสรรค์ขึ้นมำ
1.3 ได้มีโอกำสทดสอบควำมถนัดของตนเอง และกำรแก้ปัญหำในงำนที่ตนเองสนใจและมี
ควำมพร้อม ส่งผลให้เกิดควำมมั่นใจในกำรดำำเนินงำนต่อไป
1.4 ก่อให้เกิดควำมภำคภูมิใจที่ได้สร้ำงเกียรติประวัติในโครงงำนที่ได้ริเริ่มสร้ำงสรรค์
1.5 ก่อให้เกิดควำมรัก ควำมเข้ำใจและควำมสัมพันธ์อันดีงำมต่อกันในระหว่ำงเพื่อนนักเรียนที่
ปฏิบัติงำนเป็นกลุ่ม
1.6 ก่อให้เกิดควำมรู้ทำงวิชำกำรที่กว้ำงขวำงขึ้น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งได้รับควำมสำำเร็จในกำร
ศึกษำตำมหลักสูตรและตรงกับจุดหมำยที่กำำหนดไว้
3. 2. ด้ำนโรงเรียนและครูอำจำรย์ ก่อให้เกิดคุณค่ำต่ำง ๆ ดังนี้คือ
2.1 เกิดกำรประสำนงำนทำงวิชำกำรที่ผสมผสำนหรือบูรณำกำรเกิดขึ้นในโรงเรียน ตรง
กับหลักสูตรมัธยมศึกษำ และแนวทำงกำรพัฒนำกำรศึกษำของกระทรวงศึกษำธิกำร
2.2 เกิดควำมเข้ำใจที่ตรงกันว่ำ กำรเรียนกำรสอนในปัจจุบันขึ้นอยู่กับกำรฝึกปฏิบัติจริง
ในโครงงำนของนักเรียนมำกกว่ำที่จะเรียนอยู่แต่ในห้องเรียนเท่ำนั้น
2.3 เกิดศูนย์รวมสื่อกำรเรียนกำรสอน หรือศูนย์วัสดุอุปกรณ์กำรสอน สำำหรับให้หมวด
วิชำต่ำง ๆ ในโรงเรียนได้ใช้ร่วมกัน ส่งผลให้นักเรียนได้มีโอกำสฝึกใช้สื่อกำรสอนอย่ำงแท้จริงและ
หลำกหลำย
2.4 เกิดควำมสัมพันธ์อันดีระหว่ำงของนักเรียน โรงเรียน และครูอำจำรย์ที่มีโอกำส
ปฏิบัติงำนอย่ำงใกล้ชิด และเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพำะช่องว่ำงที่ต่ำงกัน
3. ด้ำนท้องถิ่น ก่อให้เกิดคุณค่ำต่ำง ๆ ดังนี้คือ
3.1 กำรเผยแพร่และประชำสัมพันธ์ควำมรู้ ผลงำนในเชิงปฏิบัติของโครงงำนที่ประสบ
ควำมสำำเร็จไปสู่ท้องถิ่น ทำำให้ท้องถิ่นกับโรงเรียนมีควำมเข้ำใจและประสำนสัมพันธ์กันดียิ่ง
3.2 ช่วยลดปัญหำวัยรุ่นในท้องถิ่นเกี่ยวกับควำมประพฤติ จรรยำมำรยำท และศีลธรรม
เพรำะนักเรียนที่มีโครงงำนมักจะเป็นนักเรียนที่มีควำมประพฤติดี มุ่งมั่นและสนใจกำรศึกษำเล่ำเรียน
เท่ำนั้น
3.3 ทำำให้ประชำชนในท้องถิ่นมีพื้นฐำนทำงกำรศึกษำดี โดยเฉพำะงำนอำชีพที่หลำก
หลำยและกำรพัฒนำกำรศึกษำที่มุ่งเน้นให้เยำวชนของชำติมีนิสัยรักกำรทำำงำน ไม่เป็นคนหยิบ
โหย่งและช่วยเหลือพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยดี
อ้ำงอิง
http://www.slideshare.net/krunangrong/ss-3611147
4. ขอบข่ายของโครงงาน
1. เป็นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลัก
วิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่
ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทำาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ
เป็นภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วย
ตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการแปล
ผล รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดำาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กำาหนด
ไว้
5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา
รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดำาเนินงานด้วย
ประเภทของโครงงาน
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อ
การศึกษา เช่น โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างงาน ส่วนใหญืจะอยู่
ในรูปของซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจำาลองการ
ทดลองของสาขาต่างๆ
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำา
วัน
5. โครงงานพัฒนาเกม เพื่อความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมารุก
แหล่งที่มา
5. ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ความหมาย
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน
ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียน
แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็น
อุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วย
ตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้
เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่าง
โครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยะจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการ
ชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สำาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน
หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้
เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่า
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้า
มาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชา
ต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของ
ประเทศไทย โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ วิถีชีวิตของคนไทยพวน โปรแกรม ดนตรี
ไทยแสนสนุก โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โปรแกรมสานวนไทยพาสนุก
โปรแกรมฝึกอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์
ตัวอย่างหัวข้อโครงงานประเภทการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
1. โปรแกรม ดนตรีไทยแสนสนุก
2. โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ความหมาย
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน
ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียน
แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็น
อุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วย
ตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้
เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่าง
โครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยะจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการ
ชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สำาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน
หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้
เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่า
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้า
มาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชา
ต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของ
ประเทศไทย โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ วิถีชีวิตของคนไทยพวน โปรแกรม ดนตรี
ไทยแสนสนุก โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โปรแกรมสานวนไทยพาสนุก
โปรแกรมฝึกอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์
ตัวอย่างหัวข้อโครงงานประเภทการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
1. โปรแกรม ดนตรีไทยแสนสนุก
2. โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
6. ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ความหมาย
โครงงานประเภท “ การพัฒนาเครื่องมือ ” โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานเพื่อ
พัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์
เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุม
ต่างๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้น สร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวล
ค่า ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วน
ซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ให้เป็นไปได้โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ
ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาดแจกันด้านหน้า และต้องการจะ
ดูวาด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์ คำานวณค่าและภาพที่ควรจะ
เป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก เป็นต้น
1.ซอฟต์แวร์วาดรูป เป็นโปรแกรมวาดภาพที่ทามาเพื่อมุ่งเน้นผู้ใช้ที่ต้องการสร้าง
ภาพงานศิลป์ บนคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ จุดเด่นของโปรแกรมนี้อยู่ตรงที่โปรแกรมมี
พู่กันให้เลือกใช้ครบเกือบทุกชนิดที่มีวางขายในตลาด ปัจจุบันผู้ใช้สามารถปรับแต่ง
พู่กันให้ตรงกับความต้องการได้ง่ายๆ นอกจากนั้นโปรแกรมยังสามารถบันทึกขั้น
ตอนการวาดภาพทุกขั้นตอน ทาให้เราสามารถแชร์ ขั้นตอนการวาดของเราให้กับ
เพื่อนๆ ทีหลังได้ทันที 2.ซอฟแวร์ฝึกพิมพ์ดีด เป็นซอฟแวร์ที่สามารถพิมพ์งานได้
โดยใช้การพิมพ์สัมผัส สามารถพิมพ์สัมผัสโดยไม่ต้องดูแป้นพิมพ์และฝึกความเร็วใน
การพิมพ์ให้ได้ในเวลาที่กำาหนด และการเรียนในปัจจุบันได้มีการใช้คอมพิวเตอร์มา
ช่วยเป็นสื่อการเรียนการสอน ทาให้ผู้เรียนต้องฝึกฝนการพิมพ์ให้คล่องเพื่อที่จะ
สามารถทางานได้อย่างรวดเร็ว
3.ซอฟแวร์วาดรูปสามมิติ เป็นซอฟแวร์ภาพสามมิติที่สามารถเขียนภาพโดยการนา
พื้นผิวแต่ละด้านของชิ้นงานมาเขียนประกอบกันเป็นรูปเดียว ทาให้สามารถมองเห็น
ลักษณะรูปร่าง พื้นผิวได้ทั้งความกว้าง ความยาว และความหนาของชิ้นงาน ทาให้
ภาพสามมิติมีลักษณะคล้ายกับการมองชิ้นงานจริง ภาพสามมิติที่เขียนในงานเขียน
แบบมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันในการวางมุมการเขียน และ
7. ตัวอย่างหัวข้อโครงงาน
v โครงงานเก้าอี้ปรับเอนได้
v โครงงานสัญญาณเตือนภัยอัจฉริยะ
v โครงงานเครื่องมือกล่องหาความสูงอัตโนมัติ
v โครงงานห้องนอนเปิด-ปิดไฟ อัตโนมัติ
v โครงงานโปรแกรมพอร์ตแบบขนานของไทย
v โครงงานโปรแกรมการออกแบบผังงาน
v โครงงานโปรแกรมเข้าและถอดรหัสข้อมูล
v โครงงานโปรแกรมประมวลผลคาไทยบนระบบปฏิบัติการ
ลีนุกซ์
v โครงงานโปรแกรมบีบอัดข้อมูล
v โครงงานโปรแกรมวาดภาพสามมิติ
v โครงงานโปรแกรมอ่านอักษรไทย
v โครงงานโปรแกรมการค้นหาคาภาษาไทย
v โครงงานโปรแกรมประเภท 3D
ที่มา :
http://www.slideshare.net/MintraPudprom/5-
14118403
8. ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
เป็น โครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็น
โครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความ
คิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจา
ลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ได้ พร้อมทั้ง
นาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทาโครงงานประเภทนี้มีจุด
สำาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลอง
เรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎี
การแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น
ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี
-การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเลี้ยงปลานิลด้วยคอมพิวเตอร์
-การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเพาะปลูกแก้วมังกรด้วยคอมพิวเตอร์
-การทดลองผสมสารเคมีต่างๆ ด้วยคอมพิวเตอร์
-ปัจจัยต่างๆ กับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน
-ผลการปลูกข้าวในสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน
-โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดเบื้องต้น
-โปรแกรมจาลองการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
-การทานายอุณหภูมิจากข้อมูลที่ผ่านมา
-การเปรียบเทียบเทคนิคของการย่อขนาดแฟ้มข้อมูล
ที่มาของข้อมูล : http://blog.eduzones.com/jipatar/85915
9. ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท “การประยุกต์ใช้งาน”
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)
เป็น โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งาน
จริงในชีวิต ประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่ง
อาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย
เป็นต้น โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของ
เดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้อง
ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อนแล้วนา ข้อมูลที่ได้มาใช้ใน
การออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทา
งานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความ
สมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจ
ใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
ตัวอย่างโครงงาน
1. ระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียนของโรงเรียน
2. โปรแกรมสังเคราะห์เสียงสาหรับคนตาบอดบนรถประจาทาง
3. โฮมเพจส่วนบุคคล
4. โปรแกรมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น
5. โปรแกรมพจนานุกรมไทย-อังกฤษ
10. ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
โครงงานพัฒนาเกม เพื่อความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมารุก โปรแกรม ต่อ
ให้เพิ่ม เติมให้เต็ม (Magic Puzzle) โปรแกรม เกมผู้รอดชีวิต โปรแกรมเกมทศ
กัณฑ์ เกมทายคำาศัพท์ และเกมการคำานวณเลข เป็นต้น ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะ
เน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกความคิดอย่างมีหลักการ โครง
งานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้
เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทำาการสำารวจและ
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนำามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่
เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ
ตัวอย่างโครงงาน
เกมอักษรไขว้ เกมส์มวยไทย