ป่าชุมชน
- 1. โครงการป่าชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง
“...ป่าไม้ที่จะปลูกนั้น สมควรที่จะปลูกแบบป่าใช้ไม้หนึ่ง ป่าสาหรับใช้ผล
หนึ่ง ป่าสาหรับใช้เป็นฟืนอย่างหนึ่ง อันนี้แยกออกไปเป็นกว้างๆ ใหญ่ๆ การ
ที่จะปลูกต้นไม้สาหรับใช้ประโยชน์ดังนี้ ในคาวิเคราะห์ของกรมป่าไม้รู้สึก
จะไม่ใช่ป่าไม้ เป็นสวนหรือจะเป็นสวนมากกว่าป่าไม้ แต่ในความหมายของ
การช่วยเหลือเพื่อต้นน้าลาธารนั้น ป่าไม้เช่นนี้จะเป็นสวนผลไม้ก็ตามหรือ
เป็นสวนไม้ฟืนก็ตาม นั่นแหละเป็นป่าไม้ที่ถูกต้อง เพราะทาหน้าที่เป็นป่า
คือ เป็นต้นไม้และทาหน้าที่เป็นทรัพยากรในด้านสาหรับให้ผลที่มาเป็น
ประโยชน์แก่ ประชาชนได้...” พระราชดาริ ปี พ.ศ. 2523
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 2. • ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง
• ที่ได้ดาเนินการในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจาก
พระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อัน
เนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดเชียงใหม่
• การปลูกป่า ๓ อย่าง คือ ป่าสาหรับไม้ใช้สอยป่าสาหรับเป็นไม้ผล และ
ป่าสาหรับเป็นเชื้อเพลิงซึ่งราษฎรสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่าง
เกื้อกูล นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์อย่างที่ ๔ อันเป็นการอนุรักษ์ดินและน้า
อีกด้วย นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 3. ไม้มงคล ๙ ชนิด
ในการก่อ สร้างอาคารบ้านเรือน
ก่อนทาการก่อสร้างนิยมทาพิธีวางศิลาฤกษ์โดย
ใช้ไม้มงคล 9 ชนิด ปักกับพื้นดินไม้ทั้ง 9 ชนิด
มีชื่อเป็นมงคลนาม ดังนี้
1. ไม้ราชพฤกษ์ (อาคเณย์) หมายถึง ความ
เป็นใหญ่และมีอานาจวาสนา
2. ไม้ขนุน (เหนือ) หมายถึง หนุนให้ดีขึ้น
ร่ารวยขึ้น ทาอะไรจะมีผู้ให้การเกื้อหนุน
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 4. 3. ไม้ชัยพฤกษ์ (ตะวันออก) หมายถึง การมี
โชคชัย ชัยชนะ
4. ไม้ทองหลาง (ศูนย์กลาง) หมายถึง การมี
เงินมีทอง
5. ไม้ไผ่สีสุก (พายัพ) หมายถึง มีความสุข
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 5. 6. ไม้ทรงบาดาล (อิสาน) หมายถึง ความ
มั่นคง หรือทาให้ บ้ านมั่นคงแข็งแรง
7. ไม้สัก (ทักษิณ) หมายถึง ความมีศักดิ์ศรี
ความมีเกียรติ
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 6. 8. ไม้พะยูง (หรดี) หมายถึง การพยุงฐานะ
ให้ดีขึ้น
9. ไม้กันเกรา (ปัจฉิม)
หมายถึง ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ หรือ
อีกชื่อหนึ่งว่าตาเสา
ซึ่งอาจหมายถึง ทาให้เสาเรือนมั่นคง
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 7. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชปรารถเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ด้วยทรงห่วง
ในสถานการณ์ของไม้ยางนาเมื่อกว่า ๔๐ ปีที่แล้วว่า
“ ไม้ยางนาในประเทศไทยได้ถูกตัดไปใช้สอยและทาเป็นสินค้ากันเป็น
จานวนมากขึ้นทุกปี เป็นที่น่าวิตกว่าหากมิได้ทาการบารุงส่งเสริมและดาเนินการ
ปลูกไม้ยางนาขึ้นแล้ว ปริมาณยางนาก็จะลดน้อยลงไปทุกที จึงควรจะได้มีการ
ดาเนินการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกไม้ยางนาเพื่อจะได้นาความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติ ”
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 8. ยางนา (Dipterocarpus alatus Roxb.) เป็นเสมือนพยาไม้แห่งเอเชีย
อาคเนย์ เพราะมีขนาดสูงใหญ่ มีถิ่นกาเนิดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย
อาจมีความสูงถึง ๕๐ เมตรและมีเส้นรอบวงที่ระดับอกถึง ๗ เมตร ในประเทศไทยพบ
อยู่ทั่วไป ซึ่งยืนยันได้จากชื่อหมู่บ้าน ตาบล อาเภอที่มีคาว่า “ ยาง ” อยู่ในทุกภาคของ
ประเทศ เช่น อาเภอท่ายาง ท่าสองยาง ยางตลาด และยางชุมน้อย เป็นไม้เอนกประสงค์
แทบทุกส่วนสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นแหล่งอาหาร
ป่า แหล่งนันทนาการ น้ามันยาก สมุนไพร และเนื้อไม้สาหรับใช้สอยทั่วไป จน
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้ให้ความสาคัญของไม้ยางเท่าเทียมกับไม้สัก
ด้วยการกาหนดว่าทั้ง “ ไม้สักและไม้ยางนาทั่วไปในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะขึ้นอยู่กับที่
ใด (รวมทั้งในเอกชน) เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. (ไม้หวงธรรมดา) ซึ่งการทาไม้
จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ” แม้ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ประเทศไทยก็
ยังต้องนาเข้าไม้ยางถึง ๑๔๑,๘๒๔ ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า ๑,๐๔๕ ล้านบาท
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 9. ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ในการเสด็จพระราชดาเนินทางรถยนต์ไปแปร
พระราชฐาน ณ พระที่นั่งไกลกังวล อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านป่ายาง
นาสูงใหญ่สองข้างทางถนนเพชรเกษม ช่วงหลักกิโลเมตรที่ ๑๗๖-๑๗๙ ท้องที่อาเภอ
ท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ สานักพระราชวัง
ไปเก็ยเมล็ดยางนาเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๐๔ ให้เจ้าหน้านาไปเพาะเลี้ยงกล้าไว้ใต้ร่ม
ต้นแคบ้านในบริเวณพระตาหนักจิตรลดารโหฐานส่วนหนึ่งและได้ทรงเพาะเมล็ดไม้
ยางนาโดยพระองค์เองไว้บนดาดฟ้าพระตาหนักเปี่ยมสุข ในพระราชวังไกลกังวล หัว
หิน อีกส่วนหนึ่ง
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 10. จากนั้นได้ทรงปลูกกล้าไม้ยางนาอายุ ๔ เดือน ในบริเวณสวนจิดลดาร่วมกับสมเด็จพระ
นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร คณาจารย์ และนิสิต
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จานวน ๑,๐๙๖ ต้น โดยมีระยะปลูก ๒.๕๐ x ๒.๕๐ เมตร เนื้อ
ที่ประมาณ ๔ ไร่ ๑ งาน ซึ่งถือเป็นสวนป่ายางนาที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย พร้อม
กับทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะวนศาสตร์และโครงการส่วนพระองค์ส่วนจิตรดา
ทาการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการปลูกไม้ยางนาในบริเวณสวนจิตรลดา โดยมีศาสตราจารย์
เทียม คมกฤส คณบดีคณะวนศาสตร์ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าโครงการ
งานวิจัยในครั้งนั้นมี ๓ สิ่งทดลองหลัก คือ
ปุ๋ย (ไม่ใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ๒๐ ก./ไร่ และใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ๔๐ ก./ไร่)
ให้ร่มด้วยไม้ระแนง (ไม่ให้ร่ม ให้ร่ม ๕๐ % และให้ร่ม ๗๕ % )
ปลูกพืชควบ (ปลูกยางนาควบกับแคบ้าน กล้วย และอ้อย)
และทรงมีพระบรมราชานุญาตให้คณาจารย์และนิสิตคณะวนศาสตร์ เข้าไปดูแลรักษาและ
เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเข้าไปปลูกต้นไม้ในวันปลูกต้นไม้ประจาปีแห่งชาติเป็น
ประจาทุกปี ตราบเท่าทุกวันนี้
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 11. ในส่วนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถือว่างานวิจัยไม้ยางนาในสวนจิตรลดามีจุดเด่น
3 ประการคือ ๑.เป็นงานวิจัยด้านวนวัฒนวิทยาเพื่อสนองพระราชดาริของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒.แปลงทดลองและงานทดลองภาคสนามอยู่ในบริเวณ
พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน ๓.เป็นต้นแบบของการวิจัยและการปลูกป่าตามระบบวน
เกษตรซึ่งมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมา ด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลพระ
ชนมพรรษา 6 รอบ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกับ กรมป่าไม้ จึงได้จัดให้มีการ
ประชุมสัมมนาเรื่อง “ไม้ยางนาและไม้ในวงศ์ยาง” ขึ้นในระหว่างวันที่ 17-18
พฤศจิกายน 2542 พร้อมกับจัดพิมพ์เอกสารประกอบการประชุมสัมมนารวม 4 ฉบับ
และปลูกต้นยางนาบริเวณอาคารสารนิเทศ 50 ปี จานวน 9 ต้น ไว้เป็นที่ระลึก
นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11
- 12. 16 แนวทางการปลูกป่า ตามคาพ่อ
1.ปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกบุกรุกแผ้วถางและพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
2.ปลกป่าตามบริเวณอ่างเก็บน้าหรือเหนืออ่างเก็บน้า เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นยาวนาน3.ปลุกป่า
บนภูเขาสูง เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน รวมทั้งเป็นแหล่งต้นน้าลาธาร
4.จาแนกสมรรถนะของที่ดินให้เหมาะสม พื้นที่ใดที่ไม่สามารถทาการเกษตรกรรมได้ให้มี
การรักษาสภาพป่าไม้ และให้มีการปลูกป่าโดยใช้ไม้ 3 ชนิด ได้แก่ ไม้สาหรับใช้สอย ไม้ผล
และไม้สาหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง
5.ในสภาพป่าเต็งรัง ป่าเสื่อมโทรมนั้น ความจริงไม่ต้องทาอะไร ป่าก็จะกลับคืนสภาพได้
6.วัชพืชคลุมพื้นที่อยู่อย่าเอาออกเพราะจะเป็นสิ่งป้องกันการเซาะพังทลายของหน้าดินเป็น
อย่างดี
7.อย่าใช้ยาฆ่าวัชพืชหรือยาฆ่าหญ้า เนื่องจากพิษของยาจะตกค้างอยู่ในพื้นดินเป็นเวลานาน
8.ก่อนปลูกป่าจาเป็นต้องกาจัดวัชพืช แต่วัชพืชในป่าเต็งรังในป่าต้นน้าธารไม่ต้องขจัด
9.ปลูกป่าเสริมธรรมชาติเป็นการเพิ่มที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
10.ปลูกป่าต้นน้าลาธาร โดยไม่ให้มีผู้บุกรุกเข้าไปตั้งหลักแหล่งใหม่ ป่าก็จะสามารถฟื้นฟูและ
ขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ นางสาวศิริวรรณ ใหญ่เอี่ยม ม.4/8 เลขที่11