SlideShare a Scribd company logo
SRINAGARINDRA THE PRINCESS MOTHER SCHOOL
KANCHANABURI
ประเภทของโปรแกรมย่อย
ประเภทของโปรแกรมย่อย (Procedure) เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม
มีหน้าที่เฉพาะตัวโดยแยกการทางานออกจาก โปรแกรมอย่างอิสระ
การเขียนโปรแกรมที่มีการทางานแบบโปรแกรมย่อยจะช่วยลด
ความซับซ้อนของโปรแกรม ซึ่งจะทาให้สามารถแก้ไขและเพิ่มเติม การทางาน
ของโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ในบางครั้งโปรแกรมหลักจะมีการส่งข้อมูลไปทางาน
ในโปรแกรมย่อยด้วย โดยข้อมูลนั้นจะเก็บอยู่ในรูป ตัวแปรพิเศษเรียกว่า
พารามิเตอร์ (Parameter)
โปรแกรมย่อย
Sub มาจากคาเต็มว่า ซับรูทีน (Subroutine) เป็นโปรแกรมย่อย
เมื่อทางานแล้ว จะไม่มีการส่งผลการทางานกลับไปยังโปรแกรมที่เรียก
ซับรูทีนนี้ใช้งาน
สามารแบ่งโปรแกรมย่อยได้ 2 ประเภท คือ
Function เป็นโปรแกรมย่อยเมื่อทางานเสร็จแล้ว จะต้องมีการส่งผล
การทางานกลับไปยังโปรแกรมที่เรียกฟังก์ชันนี้ใช้งาน
โปรแกรมย่อยชนิด Sub
Sub เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาเพื่อการทางานอย่างใดอย่างหนึ่ง
โดยที่ไม่มีการรับพารามิเตอร์หรืออาจจะมีการรับพารามิเตอร์มาทางานก็ได้
แต่ไม่มีการส่งผลการทางานกลับไปยังโปรแกรมที่เรียกซับรูทีนนี้ใช้งาน
มีรูปแบบการเขียน Sub ดังนี้
โปรแกรมย่อยชนิด Function
Function เป็นโปรแกรมย่อยที่เขียนขึ้นมาเพื่อการทางานอย่างใด
อย่างหนึ่ง โดยที่ไม่มีการรับพารามิเตอร์หรืออาจจะมีการรับพารามิเตอร์มาทางาน
ก็ได้ เมื่อทางานเสร็จแล้วจะมีการส่งผลการทางานกลับมายังโปรแกรมที่เรียกฟังก์ชัน
นั้นใช้งาน มีรูปในการเขียนฟังก์ชัน ดังนี้
ฟังก์ชันในภาษา C
สาหรับเนื้อหาในบทนี้จะกล่าวถึงฟังก์ชันในภาษา C โดยจะประกอบ
ไปด้วยเนื้อหาหลัก ๆ คือ เรื่องที่หนึ่ง ฟังก์ชันมาตรฐาน เป็นฟังก์ชันที่บริษัทที่
ผลิตภาษา C ได้เขียนขึ้นและเก็บไว้ใน header file ภาษา C คือ เก็บไว้ในแฟ้ม
ที่มีนามสกุล *.h ต่าง ๆ ส่วนเรื่องที่สอง เป็นฟังก์ชันที่เขียนขึ้นหรือเรียกอีกอย่างว่า
โปรแกรมย่อย ที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้นมาใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งตาม
ความต้องการของงานนั้น ๆ โดยรายละเอียดของแต่ละฟังก์ชันมีดังต่อไปนี้
ฟังก์ชันมาตรฐาน (standard functions)
เป็นฟังก์ชันที่บริษัทที่ผลิตภาษา C ได้เขียนขึ้นและเก็บไว้
ใน header file ภาษา C คือเก็บไว้ในแฟ้มที่มีนามสกุล *.h ต่าง ๆ
เมื่อต้องการใช้ฟังก์ชันใด จะต้องรู้ว่าฟังก์ชันนั้นอยู่ใน header file ใดจากนั้นจึง
ค่อยใช้คาสั่ง #include<header file.h> เข้ามาในส่วนตอนต้นของโปรแกรม
จึงจะสามารถใช้ฟังก์ชันที่ต้องการได้ ซึ่งฟังก์ชันมาตรฐานเป็นฟังก์ชันที่
บริษัทผู้ผลิต C compiler เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้นาไปช่วยในการเขียนโปรแกรม
ทาให้การเขียนโปรแกรมสะดวกและง่ายขึ้น บางครั้งเราอาจจะเรียกฟังก์ชัน
มาตรฐานว่า “ไลบรารีฟังก์ชัน” (library functions)
ตัวอย่างฟังก์ชันมาตรฐาน เช่น ฟังก์ชัน pow(x,y) คือ ฟังก์ชันที่ใช้
หาค่ายกกาลังของ xy โดยที่ตัวแปร x และตัวแปร y มีชนิดเป็น double
ซึ่งฟังก์ชัน pow(x,y) จะถูกเก็บไว้ใน header file ที่ชื่อว่า math.h
ดังนั้นจึงต้องใช้คาสั่ง #include<math.h> แทรกอยู่ในส่วนตอนต้นของโปรแกรม
เหนือฟังก์ชัน main( ) จึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน pow(x,y) มาใช้งานภายใน
โปรแกรมนี้ได้
สาหรับฟังก์ชันมาตรฐานที่จะกล่าวถึงในหัวข้อนี้จะกล่าวเฉพาะฟังก์ชัน
มาตรฐานที่จาเป็น และเรียกใช้งานบ่อย ๆ เท่านั้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้
ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (mathematic functions)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้สาหรับการคานวณทางคณิตศาสตร์ และก่อนที่จะใช้
ฟังก์ชันประเภทนี้ จะต้องใช้คาสั่ง #include <math.h> แทรกอยู่ตอนต้น
ของโปรแกรม และตัวแปรที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้จะต้องมี
ชนิด (type) เป็น double เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้จากฟังก์ชันประเภทนี้จะได้ค่า
ส่งกลับของข้อมูลเป็น double เช่นกัน
1) ฟังก์ชัน acos(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่า
มุมในหน่วยเรเดียน (radian)
รูปแบบ acos(x);
2) ฟังก์ชัน asin(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม
ในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ asin(x);
ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ที่ควรทราบ มีดังนี้
3) ฟังก์ชัน atan(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม
ในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ atan(x);
4) ฟังก์ชัน sin(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม
ในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ sin(x);
5) ฟังก์ชัน cos(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม
ในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ cos(x);
6) ฟังก์ชัน tan(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม
ในหน่วยเรเดียน
รูปแบบ tan(x);
7) ฟังก์ชัน sqrt(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่ารากที่ 2 (square root) ของค่าคงที่หรือ
ตัวแปร x โดยที่ x จะต้องเป็นค่าคงที่ชนิดตัวเลขหรือตัวแปรที่มีค่าไม่ติดลบ
รูปแบบ sqrt(x);
8) ฟังก์ชัน exp(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า ex โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่จะใช้เป็นค่า
ยกกาลังของ e โดยที่ e มีค่าประมาณ 2.718282
รูปแบบ exp(x);
9) ฟังก์ชัน pow(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า xy โดยที
x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นตัวฐานซึ่งจะต้องมีค่ามากกว่าศูนย์
y เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นค่ายกกาลัง
รูปแบบ pow(x, y);
10) ฟังก์ชัน log(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน n (natural logarithm) ของค่าคงที่
หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ log(x);
11) ฟังก์ชัน log10(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน 10 ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดย
ที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้
รูปแบบ log10(x);
12) ฟังก์ชัน ceil(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการปัดเศษทศนิยมขึ้นของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลข
จานวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจานวนเต็มจะไม่มีการปัดเศษทศนิยม
รูปแบบ ceil(x);
13) ฟังก์ชัน floor(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการตัดเศษทศนิยมทิ้งของตัวแปร x
ถ้า x เป็นตัวเลขจานวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจานวนเต็มจะไม่มีการ
ตัดเศษทศนิยมทิ้ง รูปแบบ floor(x);
14. ฟังก์ชัน fabs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสัมบูรณ์ (absolute value) ของค่าคงที่หรือ
ตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่เก็บค่าตัวเลขจุดทศนิยมที่มีค่าบวก
หรือลบก็ได้ รูปแบบ fabs(x);
ฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร (character functions)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลที่มีชนิดเป็น single char
(ใช้เนื้อที่ 1 byte) เท่านั้น และก่อนที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้
จะต้องใช้คาสั่ง #include<ctype.h> แทรกอยู่ตอนต้นของ
โปรแกรม จึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้
1) ฟังก์ชัน isalnum(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษร
หรือตัวเลข (letter or digit) ถ้าข้อมูลที่เก็บไว้เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข
ก็จะส่งค่ากลับที่เป็นจานวนเต็มที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน และถ้าข้อมูล
ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ไม่ได้เก็บตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่มีค่า
เป็นศูนย์มายังฟังก์ชัน
รูปแบบ isalnum(ch);
2) ฟังก์ชัน isalpha(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
เป็นตัวอักษร (letter) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจานวน
เต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับมาเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ isalpha(ch);
3) ฟังก์ชัน isdigit(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
เป็นตัวเลข 0 ถึง 9 หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลข
จานวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะไม่มีการส่งค่ากลับ
รูปแบบ isdigit(ch);
4) ฟังก์ชัน islower(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
เป็นตัวอักษรตัวเล็กหรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจานวนเต็ม
ที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ islower(ch);
5) ฟังก์ชัน isupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
เป็นตัวอักษรตัวใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจานวนเต็ม
ที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ isupper(ch);
6) ฟังก์ชัน tolower(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวใหญ่ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
ให้เป็นอักษรตัวเล็ก
รูปแบบ tolower(ch);
7) ฟังก์ชัน toupper(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวเล็กที่เก็บไว้ในตัวแปร ch
ให้เป็นอักษรตัวใหญ่
รูปแบบ toupper(ch);
8) ฟังก์ชัน isspace(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าค่าข้อมูลที่อยู่ในตัวแปร ch มีค่า
เป็น whitespace หรือไม่ (whitespace) ได้แก่ space, tab, vertical
tab, formfeed, carriage return และ new line
ถ้าเป็น whitespace เพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ฟังก์ชันนี้จะให้ค่า
ส่งกลับที่เป็นเลขจานวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ถ้าไม่ป็น whitespace ฟังก์ชัน
นี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0)
รูปแบบ isspace(ch);
9) ฟังก์ชัน isxdigit(ch)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลตัวเลขที่อยู่ในตัวแปร ch
เป็นตัวเลขฐานสิบหก (0-9, A-F, หรือ a-f) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะมีการ
ส่งค่ากลับตัวเลขที่ไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะส่งค่าเป็น
ตัวเลขศูนย์กลับมายังฟังก์ชัน
รูปแบบ isxdigit(ch);
ฟังก์ชันเกี่ยวกับสตริง (string functions)
ป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลชนิดสตริง (string) โดยก่อนที่จะใช้ฟังก์ชัน
ประเภทนี้จะต้องใช้คาสั่ง #include<string.h> แทรกอยู่ตอนต้นของโปรแกรม
เสียก่อน จึงจะเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับสตริงที่ควรทราบ มีดังนี้
strlen(s) strcmp(s1,s2)
strcpy(s) strcat(s1,s2)
ฟังก์ชันทั่วไปที่ใช้งานบ่อย ๆ
1) ฟังก์ชัน clrscr( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการลบข้อมูลออกจากจอภาพแบบ text mode
รูปแบบ clrscr( );
2) ฟังก์ชัน gotoxy(x,y)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้คาสั่งให้ตัวชี้ตาแหน่ง (cursor) เคลื่อนที่ไปยังตาแหน่งที่
ระบุไว้บนจอภาพ
รูปแบบ gotoxy(x,y );
โดยที่ x คือ ตาแหน่ง column บนจอมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 79
ส่วน column ที่ 80 สงวนไว้
y คือ ตาแหน่ง row บนจอภาพมีค่า
ตั้งแต่ 1 ถึง 24 ส่วน row ที่ 25 สงวนไว้
3) ฟังก์ชัน clreol( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความในบรรทัดที่ตัว cursor อยู่ โดยลบข้อความ
ถัดจากตาแหน่งของ cursor ไปจนกระทั่งจบบรรทัด
รูปแบบ clreol( );
4) ฟังก์ชัน deline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความทั้งบรรทัดที่มีตัว cursor อยู่ จากนั้นก็เลื่อน
ข้อความในบรรทัดที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาแทนที่
รูปแบบ deline( );
5) ฟังก์ชัน insline( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้แทรกบรรทัดว่าง 1 บรรทัด โดยแทรกอยู่ใต้บรรทัดที่
มี cursor อยู่
รูปแบบ insline( );
6) ฟังก์ชัน sizeof(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบขนาดของตัวแปร x ว่ามีขนาดกี่ Byte
รูปแบบ sizeof(x); หรือ sizeof(type);
โดยที่ x เป็นชื่อตัวแปรที่ต้องการตรวจสอบขนาด
type เป็นชนิดของตัวแปร เช่น int, float, char, double เป็นต้น
7) ฟังก์ชัน system( )
เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้คาสั่งที่อยู่ใน MS-DOS มาใช้งานได้
รูปแบบ system(“dos-command”);
โดยที่ dos-command คือคาสั่ง dos ที่ต้องการใช้ เช่น cls, dir, date,
time, etc. เป็นต้น
8) ฟังก์ชัน abort( )
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ยกเลิกการทางานของโปรแกรมโดยทันที่ทันใดไม่ว่าจะ
ทางานเสร็จหรือไม่ และจะมีข้อความบอกว่า “Abnormal program
termination” แสดงออกทางจอภาพด้วย
รูปแบบ abort( );
9) ฟังก์ชัน abs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ค่าสัมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลข
จานวนเต็มเท่านั้น
รูปแบบ abs(x);
เช่น int x = -65;
printf(“%d”, abs(x));
ผลลัพธ์ที่ได้ คือค่า 65
10) ฟังก์ชัน labs(x)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลข
ชนิด long integer
รูปแบบ labs(x);
11) ฟังก์ชัน atoi(s)
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนเต็ม (integer) ที่
สามารถนาไปคานวณได้
รูปแบบ atoi(s);
12) ฟังก์ชัน atof(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนทศนิยม
(floating point) ที่สามารถนาไปคานวณได้
รูปแบบ atof( );
13) ฟังก์ชัน atol(s)
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนเต็ม
ชนิด long integer ที่สามารถนาไปใช้คานวณได้
รูปแบบ atol(s);
Presenter

More Related Content

What's hot

Java-Chapter 12 Classes and Objects
Java-Chapter 12 Classes and ObjectsJava-Chapter 12 Classes and Objects
Java-Chapter 12 Classes and Objects
Wongyos Keardsri
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
F'olk Worawoot
 
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
Kanchana Theugcharoon
 
Reference :: Java :: เต็ม
 Reference :: Java :: เต็ม Reference :: Java :: เต็ม
Reference :: Java :: เต็มJitti Nut
 
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)Wongyos Keardsri
 
การวิเคราะห์อัลกอริทึม
การวิเคราะห์อัลกอริทึมการวิเคราะห์อัลกอริทึม
การวิเคราะห์อัลกอริทึม
guestc3a629f6
 
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)Wongyos Keardsri
 
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้น
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้นคลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้น
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้นFinian Nian
 
บทที่ 6 อาร์เรย์
บทที่ 6 อาร์เรย์บทที่ 6 อาร์เรย์
บทที่ 6 อาร์เรย์Theeravaj Tum
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1prapassonmook
 
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริงบทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริงOnpreeya Sahnguansak
 
Java Programming: โครงสร้างควบคุม
Java Programming: โครงสร้างควบคุมJava Programming: โครงสร้างควบคุม
Java Programming: โครงสร้างควบคุม
Thanachart Numnonda
 
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
tumetr
 
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุตJava Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
Thanachart Numnonda
 
9789740328766
97897403287669789740328766
9789740328766
Chirawat Wangka
 
9789740328766
97897403287669789740328766
9789740328766
CUPress
 

What's hot (18)

Java-Chapter 12 Classes and Objects
Java-Chapter 12 Classes and ObjectsJava-Chapter 12 Classes and Objects
Java-Chapter 12 Classes and Objects
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
3.6 ฟังก์ชัน
3.6 ฟังก์ชัน3.6 ฟังก์ชัน
3.6 ฟังก์ชัน
 
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
Reference :: Java :: เต็ม
 Reference :: Java :: เต็ม Reference :: Java :: เต็ม
Reference :: Java :: เต็ม
 
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)
Java-Answer Chapter 12-13 (For Print)
 
การวิเคราะห์อัลกอริทึม
การวิเคราะห์อัลกอริทึมการวิเคราะห์อัลกอริทึม
การวิเคราะห์อัลกอริทึม
 
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)
Java-Answer Chapter 05-06 (For Print)
 
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้น
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้นคลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้น
คลาสและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุเบื้องต้น
 
บทที่ 6 อาร์เรย์
บทที่ 6 อาร์เรย์บทที่ 6 อาร์เรย์
บทที่ 6 อาร์เรย์
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริงบทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง
 
Java Programming: โครงสร้างควบคุม
Java Programming: โครงสร้างควบคุมJava Programming: โครงสร้างควบคุม
Java Programming: โครงสร้างควบคุม
 
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
การวิเคราะห์อัลกอริทึม(algorithm analysis)
 
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุตJava Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
Java Programming: คลาสอินพุตและเอาต์พุต
 
9789740328766
97897403287669789740328766
9789740328766
 
9789740328766
97897403287669789740328766
9789740328766
 
งานทำBlog บทที่ 10
งานทำBlog บทที่ 10งานทำBlog บทที่ 10
งานทำBlog บทที่ 10
 

Similar to Presenter

กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานกลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
Kanchana Theugcharoon
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
Wittaya Kaewchat
 
4.ฟังก์ชันในภาษาซี
4.ฟังก์ชันในภาษาซี4.ฟังก์ชันในภาษาซี
4.ฟังก์ชันในภาษาซีmansuang1978
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
srinagarindra the princess mother school kanchanaburi
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
srinagarindra the princess mother school kanchanaburi
 
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1Little Tukta Lita
 
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1
บทที่  5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1บทที่  5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1Little Tukta Lita
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
chanamanee Tiya
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
chanamanee Tiya
 
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซี
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซีใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซี
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซีNattapon
 
2การแสดงผลและการรับข้อมูล
2การแสดงผลและการรับข้อมูล2การแสดงผลและการรับข้อมูล
2การแสดงผลและการรับข้อมูล
teedee111
 
บทที่6 งานคอม
บทที่6 งานคอมบทที่6 งานคอม
บทที่6 งานคอม
Ice Ice
 
Week 4 unit3 (chapter 4-5) - function
Week 4   unit3 (chapter 4-5) - functionWeek 4   unit3 (chapter 4-5) - function
Week 4 unit3 (chapter 4-5) - function
aj.mapling
 
3.Expression
3.Expression3.Expression
3.Expression
UsableLabs
 

Similar to Presenter (20)

กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานกลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
กลุ่มที่ 6 โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
4.ฟังก์ชันในภาษาซี
4.ฟังก์ชันในภาษาซี4.ฟังก์ชันในภาษาซี
4.ฟังก์ชันในภาษาซี
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน 1
 
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1
ฟังก์ชั่นย่อยและโปรแกรมมาตรฐาน ม.6.1
 
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1
บทที่  5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1บทที่  5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1
บทที่ 5 ข้อมูลชนิดอาร์เรย์และสตริง 6.1
 
งานทำBlog บทที่ 10
งานทำBlog บทที่ 10งานทำBlog บทที่ 10
งานทำBlog บทที่ 10
 
3.6 ฟังก์ชัน
3.6 ฟังก์ชัน3.6 ฟังก์ชัน
3.6 ฟังก์ชัน
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐานโปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
โปรแกรมย่อยและฟังก์ชันมาตรฐาน
 
Chapter 02 Flowchart
Chapter 02 FlowchartChapter 02 Flowchart
Chapter 02 Flowchart
 
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซี
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซีใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซี
ใบความรู้ที่ 1 ความรู้พื้นฐานโปรแกรมภาษาซี
 
Lesson5
Lesson5Lesson5
Lesson5
 
2การแสดงผลและการรับข้อมูล
2การแสดงผลและการรับข้อมูล2การแสดงผลและการรับข้อมูล
2การแสดงผลและการรับข้อมูล
 
บทที่6 งานคอม
บทที่6 งานคอมบทที่6 งานคอม
บทที่6 งานคอม
 
Power point
Power pointPower point
Power point
 
Week 4 unit3 (chapter 4-5) - function
Week 4   unit3 (chapter 4-5) - functionWeek 4   unit3 (chapter 4-5) - function
Week 4 unit3 (chapter 4-5) - function
 
Introduction toc
Introduction tocIntroduction toc
Introduction toc
 
3.Expression
3.Expression3.Expression
3.Expression
 

Presenter

  • 1. SRINAGARINDRA THE PRINCESS MOTHER SCHOOL KANCHANABURI
  • 2. ประเภทของโปรแกรมย่อย ประเภทของโปรแกรมย่อย (Procedure) เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม มีหน้าที่เฉพาะตัวโดยแยกการทางานออกจาก โปรแกรมอย่างอิสระ การเขียนโปรแกรมที่มีการทางานแบบโปรแกรมย่อยจะช่วยลด ความซับซ้อนของโปรแกรม ซึ่งจะทาให้สามารถแก้ไขและเพิ่มเติม การทางาน ของโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ในบางครั้งโปรแกรมหลักจะมีการส่งข้อมูลไปทางาน ในโปรแกรมย่อยด้วย โดยข้อมูลนั้นจะเก็บอยู่ในรูป ตัวแปรพิเศษเรียกว่า พารามิเตอร์ (Parameter) โปรแกรมย่อย
  • 3. Sub มาจากคาเต็มว่า ซับรูทีน (Subroutine) เป็นโปรแกรมย่อย เมื่อทางานแล้ว จะไม่มีการส่งผลการทางานกลับไปยังโปรแกรมที่เรียก ซับรูทีนนี้ใช้งาน สามารแบ่งโปรแกรมย่อยได้ 2 ประเภท คือ Function เป็นโปรแกรมย่อยเมื่อทางานเสร็จแล้ว จะต้องมีการส่งผล การทางานกลับไปยังโปรแกรมที่เรียกฟังก์ชันนี้ใช้งาน
  • 5. โปรแกรมย่อยชนิด Function Function เป็นโปรแกรมย่อยที่เขียนขึ้นมาเพื่อการทางานอย่างใด อย่างหนึ่ง โดยที่ไม่มีการรับพารามิเตอร์หรืออาจจะมีการรับพารามิเตอร์มาทางาน ก็ได้ เมื่อทางานเสร็จแล้วจะมีการส่งผลการทางานกลับมายังโปรแกรมที่เรียกฟังก์ชัน นั้นใช้งาน มีรูปในการเขียนฟังก์ชัน ดังนี้
  • 6. ฟังก์ชันในภาษา C สาหรับเนื้อหาในบทนี้จะกล่าวถึงฟังก์ชันในภาษา C โดยจะประกอบ ไปด้วยเนื้อหาหลัก ๆ คือ เรื่องที่หนึ่ง ฟังก์ชันมาตรฐาน เป็นฟังก์ชันที่บริษัทที่ ผลิตภาษา C ได้เขียนขึ้นและเก็บไว้ใน header file ภาษา C คือ เก็บไว้ในแฟ้ม ที่มีนามสกุล *.h ต่าง ๆ ส่วนเรื่องที่สอง เป็นฟังก์ชันที่เขียนขึ้นหรือเรียกอีกอย่างว่า โปรแกรมย่อย ที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้นมาใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ความต้องการของงานนั้น ๆ โดยรายละเอียดของแต่ละฟังก์ชันมีดังต่อไปนี้
  • 7. ฟังก์ชันมาตรฐาน (standard functions) เป็นฟังก์ชันที่บริษัทที่ผลิตภาษา C ได้เขียนขึ้นและเก็บไว้ ใน header file ภาษา C คือเก็บไว้ในแฟ้มที่มีนามสกุล *.h ต่าง ๆ เมื่อต้องการใช้ฟังก์ชันใด จะต้องรู้ว่าฟังก์ชันนั้นอยู่ใน header file ใดจากนั้นจึง ค่อยใช้คาสั่ง #include<header file.h> เข้ามาในส่วนตอนต้นของโปรแกรม จึงจะสามารถใช้ฟังก์ชันที่ต้องการได้ ซึ่งฟังก์ชันมาตรฐานเป็นฟังก์ชันที่ บริษัทผู้ผลิต C compiler เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้นาไปช่วยในการเขียนโปรแกรม ทาให้การเขียนโปรแกรมสะดวกและง่ายขึ้น บางครั้งเราอาจจะเรียกฟังก์ชัน มาตรฐานว่า “ไลบรารีฟังก์ชัน” (library functions)
  • 8. ตัวอย่างฟังก์ชันมาตรฐาน เช่น ฟังก์ชัน pow(x,y) คือ ฟังก์ชันที่ใช้ หาค่ายกกาลังของ xy โดยที่ตัวแปร x และตัวแปร y มีชนิดเป็น double ซึ่งฟังก์ชัน pow(x,y) จะถูกเก็บไว้ใน header file ที่ชื่อว่า math.h ดังนั้นจึงต้องใช้คาสั่ง #include<math.h> แทรกอยู่ในส่วนตอนต้นของโปรแกรม เหนือฟังก์ชัน main( ) จึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน pow(x,y) มาใช้งานภายใน โปรแกรมนี้ได้ สาหรับฟังก์ชันมาตรฐานที่จะกล่าวถึงในหัวข้อนี้จะกล่าวเฉพาะฟังก์ชัน มาตรฐานที่จาเป็น และเรียกใช้งานบ่อย ๆ เท่านั้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้
  • 9. ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (mathematic functions) เป็นฟังก์ชันที่ใช้สาหรับการคานวณทางคณิตศาสตร์ และก่อนที่จะใช้ ฟังก์ชันประเภทนี้ จะต้องใช้คาสั่ง #include <math.h> แทรกอยู่ตอนต้น ของโปรแกรม และตัวแปรที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้จะต้องมี ชนิด (type) เป็น double เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้จากฟังก์ชันประเภทนี้จะได้ค่า ส่งกลับของข้อมูลเป็น double เช่นกัน
  • 10. 1) ฟังก์ชัน acos(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่า มุมในหน่วยเรเดียน (radian) รูปแบบ acos(x); 2) ฟังก์ชัน asin(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม ในหน่วยเรเดียน รูปแบบ asin(x); ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ที่ควรทราบ มีดังนี้
  • 11. 3) ฟังก์ชัน atan(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า arc tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม ในหน่วยเรเดียน รูปแบบ atan(x); 4) ฟังก์ชัน sin(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า sine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม ในหน่วยเรเดียน รูปแบบ sin(x); 5) ฟังก์ชัน cos(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า cosine ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม ในหน่วยเรเดียน รูปแบบ cos(x);
  • 12. 6) ฟังก์ชัน tan(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คานวณหาค่า tan ของ x โดยที่ x เป็นค่ามุม ในหน่วยเรเดียน รูปแบบ tan(x); 7) ฟังก์ชัน sqrt(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่ารากที่ 2 (square root) ของค่าคงที่หรือ ตัวแปร x โดยที่ x จะต้องเป็นค่าคงที่ชนิดตัวเลขหรือตัวแปรที่มีค่าไม่ติดลบ รูปแบบ sqrt(x); 8) ฟังก์ชัน exp(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า ex โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่จะใช้เป็นค่า ยกกาลังของ e โดยที่ e มีค่าประมาณ 2.718282 รูปแบบ exp(x);
  • 13. 9) ฟังก์ชัน pow(x,y) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า xy โดยที x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นตัวฐานซึ่งจะต้องมีค่ามากกว่าศูนย์ y เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่ใช้เป็นค่ายกกาลัง รูปแบบ pow(x, y); 10) ฟังก์ชัน log(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน n (natural logarithm) ของค่าคงที่ หรือตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้ รูปแบบ log(x); 11) ฟังก์ชัน log10(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่า log ฐาน 10 ของค่าคงที่หรือตัวแปร x โดย ที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่มีค่าเป็นลบไม่ได้ รูปแบบ log10(x);
  • 14. 12) ฟังก์ชัน ceil(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการปัดเศษทศนิยมขึ้นของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลข จานวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจานวนเต็มจะไม่มีการปัดเศษทศนิยม รูปแบบ ceil(x); 13) ฟังก์ชัน floor(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการตัดเศษทศนิยมทิ้งของตัวแปร x ถ้า x เป็นตัวเลขจานวนทศนิยม แต่ถ้า x เป็นเลขจานวนเต็มจะไม่มีการ ตัดเศษทศนิยมทิ้ง รูปแบบ floor(x); 14. ฟังก์ชัน fabs(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสัมบูรณ์ (absolute value) ของค่าคงที่หรือ ตัวแปร x โดยที่ x เป็นค่าคงที่หรือตัวแปรที่เก็บค่าตัวเลขจุดทศนิยมที่มีค่าบวก หรือลบก็ได้ รูปแบบ fabs(x);
  • 15. ฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร (character functions) เป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลที่มีชนิดเป็น single char (ใช้เนื้อที่ 1 byte) เท่านั้น และก่อนที่จะใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ จะต้องใช้คาสั่ง #include<ctype.h> แทรกอยู่ตอนต้นของ โปรแกรม จึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้
  • 16. 1) ฟังก์ชัน isalnum(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษร หรือตัวเลข (letter or digit) ถ้าข้อมูลที่เก็บไว้เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ก็จะส่งค่ากลับที่เป็นจานวนเต็มที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน และถ้าข้อมูล ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ไม่ได้เก็บตัวอักษรหรือตัวเลขก็จะส่งค่ากลับที่มีค่า เป็นศูนย์มายังฟังก์ชัน รูปแบบ isalnum(ch);
  • 17. 2) ฟังก์ชัน isalpha(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษร (letter) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขจานวน เต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับมาเป็นเลขศูนย์ (0) รูปแบบ isalpha(ch); 3) ฟังก์ชัน isdigit(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวเลข 0 ถึง 9 หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลข จานวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะไม่มีการส่งค่ากลับ รูปแบบ isdigit(ch);
  • 18. 4) ฟังก์ชัน islower(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวเล็กหรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจานวนเต็ม ที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0) รูปแบบ islower(ch); 5) ฟังก์ชัน isupper(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปร ch เป็นตัวอักษรตัวใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่ให้ส่งค่ากลับเป็นเลขจานวนเต็ม ที่ไม่เท่ากับศูนย์ ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0) รูปแบบ isupper(ch);
  • 19. 6) ฟังก์ชัน tolower(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวใหญ่ที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวเล็ก รูปแบบ tolower(ch); 7) ฟังก์ชัน toupper(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษรตัวเล็กที่เก็บไว้ในตัวแปร ch ให้เป็นอักษรตัวใหญ่ รูปแบบ toupper(ch);
  • 20. 8) ฟังก์ชัน isspace(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าค่าข้อมูลที่อยู่ในตัวแปร ch มีค่า เป็น whitespace หรือไม่ (whitespace) ได้แก่ space, tab, vertical tab, formfeed, carriage return และ new line ถ้าเป็น whitespace เพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ฟังก์ชันนี้จะให้ค่า ส่งกลับที่เป็นเลขจานวนเต็มที่ไม่เท่ากับศูนย์ถ้าไม่ป็น whitespace ฟังก์ชัน นี้จะให้ค่าส่งกลับเป็นเลขศูนย์ (0) รูปแบบ isspace(ch);
  • 21. 9) ฟังก์ชัน isxdigit(ch) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลตัวเลขที่อยู่ในตัวแปร ch เป็นตัวเลขฐานสิบหก (0-9, A-F, หรือ a-f) หรือไม่ ถ้าใช่ฟังก์ชันนี้จะมีการ ส่งค่ากลับตัวเลขที่ไม่เท่ากับศูนย์มายังฟังก์ชัน ถ้าไม่ใช่ฟังก์ชันนี้จะส่งค่าเป็น ตัวเลขศูนย์กลับมายังฟังก์ชัน รูปแบบ isxdigit(ch);
  • 22. ฟังก์ชันเกี่ยวกับสตริง (string functions) ป็นฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลชนิดสตริง (string) โดยก่อนที่จะใช้ฟังก์ชัน ประเภทนี้จะต้องใช้คาสั่ง #include<string.h> แทรกอยู่ตอนต้นของโปรแกรม เสียก่อน จึงจะเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทนี้ได้ ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับสตริงที่ควรทราบ มีดังนี้ strlen(s) strcmp(s1,s2) strcpy(s) strcat(s1,s2)
  • 23. ฟังก์ชันทั่วไปที่ใช้งานบ่อย ๆ 1) ฟังก์ชัน clrscr( ) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการลบข้อมูลออกจากจอภาพแบบ text mode รูปแบบ clrscr( ); 2) ฟังก์ชัน gotoxy(x,y) เป็นฟังก์ชันที่ใช้คาสั่งให้ตัวชี้ตาแหน่ง (cursor) เคลื่อนที่ไปยังตาแหน่งที่ ระบุไว้บนจอภาพ รูปแบบ gotoxy(x,y ); โดยที่ x คือ ตาแหน่ง column บนจอมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 79 ส่วน column ที่ 80 สงวนไว้ y คือ ตาแหน่ง row บนจอภาพมีค่า ตั้งแต่ 1 ถึง 24 ส่วน row ที่ 25 สงวนไว้
  • 24. 3) ฟังก์ชัน clreol( ) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความในบรรทัดที่ตัว cursor อยู่ โดยลบข้อความ ถัดจากตาแหน่งของ cursor ไปจนกระทั่งจบบรรทัด รูปแบบ clreol( ); 4) ฟังก์ชัน deline( ) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบข้อความทั้งบรรทัดที่มีตัว cursor อยู่ จากนั้นก็เลื่อน ข้อความในบรรทัดที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาแทนที่ รูปแบบ deline( ); 5) ฟังก์ชัน insline( ) เป็นฟังก์ชันที่ใช้แทรกบรรทัดว่าง 1 บรรทัด โดยแทรกอยู่ใต้บรรทัดที่ มี cursor อยู่ รูปแบบ insline( );
  • 25. 6) ฟังก์ชัน sizeof(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบขนาดของตัวแปร x ว่ามีขนาดกี่ Byte รูปแบบ sizeof(x); หรือ sizeof(type); โดยที่ x เป็นชื่อตัวแปรที่ต้องการตรวจสอบขนาด type เป็นชนิดของตัวแปร เช่น int, float, char, double เป็นต้น 7) ฟังก์ชัน system( ) เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้คาสั่งที่อยู่ใน MS-DOS มาใช้งานได้ รูปแบบ system(“dos-command”); โดยที่ dos-command คือคาสั่ง dos ที่ต้องการใช้ เช่น cls, dir, date, time, etc. เป็นต้น
  • 26. 8) ฟังก์ชัน abort( ) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ยกเลิกการทางานของโปรแกรมโดยทันที่ทันใดไม่ว่าจะ ทางานเสร็จหรือไม่ และจะมีข้อความบอกว่า “Abnormal program termination” แสดงออกทางจอภาพด้วย รูปแบบ abort( ); 9) ฟังก์ชัน abs(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้ค่าสัมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลข จานวนเต็มเท่านั้น รูปแบบ abs(x); เช่น int x = -65; printf(“%d”, abs(x)); ผลลัพธ์ที่ได้ คือค่า 65
  • 27. 10) ฟังก์ชัน labs(x) เป็นฟังก์ชันที่ใช้หาค่าสมบูรณ์ของ x โดยที่ x เป็นตัวแปรที่เก็บตัวเลข ชนิด long integer รูปแบบ labs(x); 11) ฟังก์ชัน atoi(s) เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนเต็ม (integer) ที่ สามารถนาไปคานวณได้ รูปแบบ atoi(s);
  • 28. 12) ฟังก์ชัน atof(s) เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนทศนิยม (floating point) ที่สามารถนาไปคานวณได้ รูปแบบ atof( ); 13) ฟังก์ชัน atol(s) เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนค่า string ให้เป็นตัวเลขจานวนเต็ม ชนิด long integer ที่สามารถนาไปใช้คานวณได้ รูปแบบ atol(s);