Ppt1. การรับรู้ความเป็นองค์การ
แห่งการเรียนรู้และ
ความต้องการในการพัฒนา
ตนเอง
ของพนักงานบริษัทไทย เอ็น
โอ เค จำากัด
โดยนางสาวพัชรารัตน์
หิรัญศิริ
เลขประจำาตัว
49751705
2. วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้การเป็นองค์การ
แห่งการเรียนรู้ของพนักงานบริษัทไทย
เอ็น โอ เค จำากัด ที่มปัจจัยส่วนบุคคลแตก
ี
ต่างกัน
2. เพื่อเปรียบเทียบความต้องการพัฒนา
ตนเองของพนักงานบริษัทไทย เอ็น โอ เค
จำากัด ที่มีปจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกัน
ั
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้
ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้และ 2
3. กรอบแนวคิดในการวิรู้คัย นองค์การ
จ
การรับ วามเป็
แห่งการเรียนรู้
• ความรอบรู้
• แบบแผนความคิดอ่าน
ปัจจัยส่วนบุคคล
• การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม
1. เพศ กัน
2. อายุ • การเรียนรู้ร่วมกันเป็น
3. ระดับการศึกษา ทีม
สูงสุด • การคิดอย่างเป็นระบบ
4. สถานภาพสมรส ความต้องการในการ
ที่มา: Senge (1990)
พัฒนาตนเอง
5. รายได้ต่อเดือน
1 ด้านการศึกษาต่อ
6. แผนกที่สังกัด 1 ด้านความรู้และทักษะที่
7. ระยะเวลาในการ เกี่ยวข้อง ในหน้าที่
ทำางาน(ปี) 1 ด้านภาษาญีปุ่น่
8. ตำาแหน่งงาน 1 ด้านจิตใจและ 3
4. องค์การแห่งการเรียนรู้
อ้างอิง Senge, Peter M. (1990).
The fifth discipline: The art and
practice of the learning
organization. New York: Doubleday
ตามที่อ้างอิงในเค้าโครงบทที่ 2 หน้า 6
• ความรอบรู้
• แบบแผนความคิด
อ่าน องค์การแห่ง
• การสร้างวิสัย การเรียนรู้
ทัศน์รวมกัน
่
• การเรียนรูรวมกัน
้ ่ 4
5. การพัฒนาตนเอง
อ้างอิงบริษัทไทย เอ็น โอ เค จำากัด
ตามทีอ้างอิงในเค้าโครงบทที่ 2 หน้า 7
่
1.ด้านการศึกษาต่อ
2.ด้านความรูและทักษะที่
้ การพัฒนา
เกี่ยวข้องในหน้าที่
3.ด้านภาษาญีปุ่น
่ ตนเอง
4.ด้านจิตใจและ
นันทนาการ
5
6. สมมุตฐานในการวิจัย วามเป็นองค์การ
ิ การรับรู้ค
แห่งการเรียนรู้
• ความรอบรู้
• แบบแผนความคิดอ่าน
ปัจจัยส่วนบุคคล H1 • การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน
1. เพศ • การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม
2. อายุ • การคิดอย่างเป็นระบบ
3. ระดับการศึกษา ทีมา : Senge (1994)
่
สูงสุด H3
4. สถานภาพ
ความต้องการในการ
สมรส
5. รายได้ต่อเดือน พัฒนาตนเอง
H2 1 ด้านการศึกษาต่อ
6. แผนกที่สังกัด
7. ระยะเวลาใน 1 ด้านความรู้และทักษะที่
การทำางาน(ปี) เกียวข้องในหน้าที่
่
8. ตำาแหน่งงาน 1 ด้านภาษาญีปุ่น
่
1 ด้านจิตใจและนันทนาการ
ที่มา: บริษัทไทย เอ็น โอ 6
10. วิธีการวิจัย
การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative
Research) โดยใช้วจัยเชิงสำารวจ
ิ
(Survey Research Method) และวิธี
การเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม
(Questionnaire)
กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานบริษัทไทย
เอ็น โอ เค จำากัด การคำานวณขนาดของ
กลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของ Taro
Yamane (1967) ขนาดของตัวอย่างที่
คำานวณได้เท่ากับ 167 ตัวอย่าง และ 10
12. วิธีการวิจัย
แบบสอบถาม (Questionnaire) ที่มีคำาถามชนิดปลายปิด
โดยแบ่งโครงสร้างคำาถามออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 คำาถามเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคล มีลักษณะเป็น
คำาถามแบบเลือกตอบได้เพียงคำาตอบเดียว (นามบัญญัติ,
เรียงลำาดับ)
ส่วนที่ 2 คำาถามเกี่ยวกับความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
ตามรูปแบบของ Likert’s scale โดยผู้ตอบสามารถเลือก
ตอบได้เพียงคำาตอบเดียว
ส่วนที่ 3 คำาถามเกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนาตนเอง
ตามรูปแบบของ Likert’s scale โดยผู้ตอบสามารถเลือก
ตอบได้เพียงคำาตอบเดียว
สถิติพรรณนาที่นำามาใช้ในการวิจัย คือ
12
1. ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง โดยนำามาแจกแจง
13. วิธีการวิจัย
สถิติอนุมานที่นำามาทดสอบสมมุติฐาน คือ
สมมุติฐานที่ 1 และสมมุตฐานที่ 2 ในการเปรียบ
ิ
เทียบค่าเฉลี่ยของตัวแปรต้นที่เป็นข้อมูลเชิง
กลุ่มแบบ 2 ตัวเลือก ตัวแปรตามเป็นข้อมูลเชิง
ปริมาณ ใช้ Independent Sample t-test ใน
กรณีที่เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของตัวแปรต้นที่เป็น
ข้อมูลเชิงกลุ่มมากกว่า 2 ตัวเลือก ตัวแปรตาม
เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้ One-way Analysis of
Variance
13
สมมุติฐานที่ 3 การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง