E-commerce  หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  คือการทำธุรกรรมหรือธุรกิจ  ที่ผ่านช่องอิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทาง ทั้งในรูปแบบ ข้อความ เสียง และภาพ รวมถึงการขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาข้อมูลแบบดิจิตอล พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  (Electronic Commerce  หรือ  E-Commerce )
ประเภทของเว็บไซต์   E-Commerce ประเภท E-Classified Online Catalog Web Site E-Shop Web Site E-Marketplace Auction
ประเภทของเว็บไซต์   E-Commerce 1.  การประกาศซื้อ - ขาย  ( E-Classified) เป็นรูปแบบเว็บไซต์   E-Commerce  ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจประกาศความต้องการ ซื้อ - ขาย สินค้าของตนได้ภายในเว็บไซต์
2.  เว็บไซต์แคตตาล็อกสินค้าออนไลน์  ( Online Catalog Web Site) จัดทำเว็บไซต์   E-Commerce  ในรูปแบบแคตตาล็อกออนไลน์ ที่มีรูปภาพและรายละเอียด   สินค้าพร้อมที่อยู่เบอร์โทรติดต่อ ไม่มีระบบการชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์  โดยหากผู้สนใจสินค้าก็เพียงโทรสอบถามและสั่งซื้อสินค้าได้ ซึ่งเการใช้เว็บไซต์เป็นเหมือนโบว์ชัวร์หรือแคตตาล็อกออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกดูรายละเอียดสินค้าและราคาได้
3.  ร้านค้าออนไลน์  ( E-Shop Web Site)   เป็นรูปแบบเว็บไซต์   E-Commerce  สมบูรณ์แบบ ที่มีทั้งระบบการจัดการสินค้า ระบบตะกร้าสินค้า  ( Shopping Cart)  ระบบการชำระเงิน รวมถึงการขนส่งสินค้า ครบสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าและทำการชำระเงินผ่านเว็บไซต์ได้ทันที
4. การประมูลสินค้า  ( Auction) เว็บไซต์   E-Commerce  ที่มีรูปแบบของการนำสินค้าของไปประมูลขายกัน โดยจะเป็นการแข่งขันใน การเสนอราคาสินค้า หากผู้ใดเสนอราคาสินค้าได้สูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ก็จะชนะการประมูลและสามารถซื้อสินค้าชิ้นนั้นไปได้ ด้วยราคาที่ได้กำหนดไว้ โดยส่วนใหญ่สินค้าที่นำมาประมูล หากเป็นสินค้าใหม่ ซึ่งหลังการประมูลสินค้าจะมีราคาที่ไม่สูงกว่าราคาท้องตลาด
5. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์  ( E-Marketplace) เป็นเว็บไซต์   E-Commerce  ที่มีรูปแบบเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ โดยภายในเว็บไซต์จะมีการรวบรวมเว็บไซต์ของร้านค้าและบริษัทต่างๆ มากมาย โดยมีการแบ่งหมวดหมู่ของสินค้าเอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าไป ดูสินค้าภายในร้านค้าต่างๆ ภายในตลาด  ได้อย่างง่ายดายและสะดวก
รูปแบบของการทำธุรกิจออนไลน์   E-Commerce รูปแบบ (C2C : Consumer to Consumer) ( B2C : Business to Consumer) ( B2B : Business to Business) ( B2G : Business to Government) 
รูปแบบของการทำธุรกิจออนไลน์   E-Commerce 1.  การค้ารูปแบบ บุคคล กับ บุคคล  –  (C2C : Consumer to Consumer) เป็นการค้าและทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยกันเองที่ไม่ใช่รูปแบบของร้านค้าหรือธุรกิจ ซึ่งการซื้อ - ขายนี้อาจทำผ่านเว็บไซต์ที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะ
2.  การค้ารูปแบบ ธุรกิจ กับ บุคคล  ( B2C : Business to Consumer) ธุรกิจที่เป็นรูปแบบบริษัทฯ หรือร้านค้ากับผู้บริโภคที่เป็นบุคคลทั่วไป   ซึ่งเป็นการค้าแบบขายปลีก ที่มีการสั่งซื้อสินค้า จำนวนและมูลค่าการซื้อ - ขายแต่ละครั้งจำนวนไม่สูงมาก โดยการค้าแบบนี้มักชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
3.  การค้ารูปแบบ ธุรกิจ กับ ธุรกิจ  ( B2B : Business to Business) เป็นการค้าและทำธุรกรรมระหว่างธุรกิจที่เป็นในรูปแบบ บริษัทหรือร้านค้าด้วยกัน  ส่วนใหญ่จะมีการสั่งซื้อสินค้าและมีมูลค่าการซื้อ - ขายแต่ละครั้งจำนวนสูง  การค้าแบบนี้มักชำระเงินผ่านธนาคาร
4.  การค้ารูปแบบ ธุรกิจ กับ รัฐบาล  ( B2G : Business to Government)  เป็นการค้าระหว่างธุรกิจที่เป็นในรูปแบบของเอกชนกับองค์กรของรัฐซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าร่วมระบบ B2G  โดยที่ภาครัฐสามารถเข้ามาสั่งสิ้นค้าจากบริษัทในเครือได้  โดยจะให้ข้อมูลและสินค้าที่ทันสมัยโดนที่บริษัทเข้าเชื่อมโยงความสัมพันธ์ตามข้อตกลงที่ภาครัฐออกกฎขึ้นมา
บทบาทของรัฐในการส่งเสริม  E-Commerce กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนการส่งออกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยจะจัดทำ  Homepage  ผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์จากการโฆษณาสินค้าและบริการผ่าน   Internet  โดยใช้  Web Site  ของกระทรวงพาณิชย์
กระบวนการพื้นฐานเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  Basic Process   Catalog   Order   Payment  Shipping
Factors ปัจจัยที่ส่งผลให้การทำ  e-Commerce  สำเร็จ  Research  Planning  Loan  Payment  Transport  Product  Price  Promotion  Time  Stock
กลุ่มของผู้บริโภค  E-Commerce กลุ่มของผู้บริโภค Inventor (2.5   % ) Early Adoptor  (13.5% )  Early Majority (34% )  Laggards(16%)   Late Majority   ( 34%  )
กลุ่มของผู้บริโภค  E-Commerce
ประโยชน์ของ  E-Commerce  ต่อผู้ประกอบการหรือผู้ขาย    เป็นการสร้างและเพิ่มช่องทางการขายและจัดจำหน่ายมากขึ้น  จากตลาดภายในพื้นที่ ออกสู่ตลาดโลกได้อย่างง่ายดาย    เปิดบริการให้บริการตลอด   24  ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันปิด   ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการบริหารและจัดการได้อย่างมหาศาล  ทำให้สามารถลดราคาสินค้า เพื่อทำการแข่งขันได้ดีขึ้น  สร้างโอกาสให้เกิดการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่มากมาย  เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพ  
 ช่วยทำการวิจัยการตลาดและการพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็วและประหยัด ประโยชน์ของ  E-Commerce  ต่อผู้ประกอบการหรือผู้ขาย    เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้น    การให้บริการหลังการขายให้คำปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์  หรือการแก้ไขเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
 ได้รับความสะดวกในการจัดส่ง เพราะสินค้าส่วนใหญ่จัดส่งถึงบ้าน ประโยชน์ของ  E-Commerce  ต่อผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ   เลือกซื้อสินค้าได้ในราคาถูกกว่าทั่วไป    เลือกซื้อสินค้าและบริการได้จากร้านค้าต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก  มีโอกาสเลือกและเปรียบเทียบราคาสินค้าได้มากขึ้น  ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปซื้อสินค้าถึงที่  รับสินค้าได้ทันที   ( หากเป็นสินค้าประเภทสื่อดิจิตอล เช่น เพลง โปรแกรม และไม่มีค่าขนส่ง )  สามารถดูข้อมูลสินค้าได้ละเอียดมากขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก
สายด่วนผู้บริโภค E-Commerce !!  ภัยร้ายที่แฝงมากับโลกยุคดิจิตอล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ .)  รับผิดชอบร่วมกับกระทรวง  ICT  และ  NECTEC  เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ . ศ . ๒๕๒๒ กระทรวงพาณิชย์ โทร . ๐๒ - ๕๔๗ - ๕๐๕๐ สายด่วน ๑๕๗๐

E Commerce

  • 1.
  • 2.
            E-commerce หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกรรมหรือธุรกิจ ที่ผ่านช่องอิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทาง ทั้งในรูปแบบ ข้อความ เสียง และภาพ รวมถึงการขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาข้อมูลแบบดิจิตอล พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce หรือ E-Commerce )
  • 3.
    ประเภทของเว็บไซต์ E-Commerce ประเภท E-Classified Online Catalog Web Site E-Shop Web Site E-Marketplace Auction
  • 4.
    ประเภทของเว็บไซต์ E-Commerce 1. การประกาศซื้อ - ขาย ( E-Classified) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ E-Commerce ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจประกาศความต้องการ ซื้อ - ขาย สินค้าของตนได้ภายในเว็บไซต์
  • 5.
    2. เว็บไซต์แคตตาล็อกสินค้าออนไลน์ ( Online Catalog Web Site) จัดทำเว็บไซต์ E-Commerce ในรูปแบบแคตตาล็อกออนไลน์ ที่มีรูปภาพและรายละเอียด   สินค้าพร้อมที่อยู่เบอร์โทรติดต่อ ไม่มีระบบการชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์ โดยหากผู้สนใจสินค้าก็เพียงโทรสอบถามและสั่งซื้อสินค้าได้ ซึ่งเการใช้เว็บไซต์เป็นเหมือนโบว์ชัวร์หรือแคตตาล็อกออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกดูรายละเอียดสินค้าและราคาได้
  • 6.
    3. ร้านค้าออนไลน์ ( E-Shop Web Site)   เป็นรูปแบบเว็บไซต์ E-Commerce สมบูรณ์แบบ ที่มีทั้งระบบการจัดการสินค้า ระบบตะกร้าสินค้า ( Shopping Cart) ระบบการชำระเงิน รวมถึงการขนส่งสินค้า ครบสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าและทำการชำระเงินผ่านเว็บไซต์ได้ทันที
  • 7.
    4. การประมูลสินค้า ( Auction) เว็บไซต์ E-Commerce ที่มีรูปแบบของการนำสินค้าของไปประมูลขายกัน โดยจะเป็นการแข่งขันใน การเสนอราคาสินค้า หากผู้ใดเสนอราคาสินค้าได้สูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ก็จะชนะการประมูลและสามารถซื้อสินค้าชิ้นนั้นไปได้ ด้วยราคาที่ได้กำหนดไว้ โดยส่วนใหญ่สินค้าที่นำมาประมูล หากเป็นสินค้าใหม่ ซึ่งหลังการประมูลสินค้าจะมีราคาที่ไม่สูงกว่าราคาท้องตลาด
  • 8.
    5. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Marketplace) เป็นเว็บไซต์ E-Commerce ที่มีรูปแบบเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ โดยภายในเว็บไซต์จะมีการรวบรวมเว็บไซต์ของร้านค้าและบริษัทต่างๆ มากมาย โดยมีการแบ่งหมวดหมู่ของสินค้าเอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าไป ดูสินค้าภายในร้านค้าต่างๆ ภายในตลาด ได้อย่างง่ายดายและสะดวก
  • 9.
    รูปแบบของการทำธุรกิจออนไลน์ E-Commerce รูปแบบ (C2C : Consumer to Consumer) ( B2C : Business to Consumer) ( B2B : Business to Business) ( B2G : Business to Government) 
  • 10.
    รูปแบบของการทำธุรกิจออนไลน์ E-Commerce 1. การค้ารูปแบบ บุคคล กับ บุคคล – (C2C : Consumer to Consumer) เป็นการค้าและทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยกันเองที่ไม่ใช่รูปแบบของร้านค้าหรือธุรกิจ ซึ่งการซื้อ - ขายนี้อาจทำผ่านเว็บไซต์ที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะ
  • 11.
    2. การค้ารูปแบบธุรกิจ กับ บุคคล ( B2C : Business to Consumer) ธุรกิจที่เป็นรูปแบบบริษัทฯ หรือร้านค้ากับผู้บริโภคที่เป็นบุคคลทั่วไป   ซึ่งเป็นการค้าแบบขายปลีก ที่มีการสั่งซื้อสินค้า จำนวนและมูลค่าการซื้อ - ขายแต่ละครั้งจำนวนไม่สูงมาก โดยการค้าแบบนี้มักชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  • 12.
    3. การค้ารูปแบบธุรกิจ กับ ธุรกิจ ( B2B : Business to Business) เป็นการค้าและทำธุรกรรมระหว่างธุรกิจที่เป็นในรูปแบบ บริษัทหรือร้านค้าด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีการสั่งซื้อสินค้าและมีมูลค่าการซื้อ - ขายแต่ละครั้งจำนวนสูง การค้าแบบนี้มักชำระเงินผ่านธนาคาร
  • 13.
    4. การค้ารูปแบบธุรกิจ กับ รัฐบาล ( B2G : Business to Government)  เป็นการค้าระหว่างธุรกิจที่เป็นในรูปแบบของเอกชนกับองค์กรของรัฐซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าร่วมระบบ B2G โดยที่ภาครัฐสามารถเข้ามาสั่งสิ้นค้าจากบริษัทในเครือได้ โดยจะให้ข้อมูลและสินค้าที่ทันสมัยโดนที่บริษัทเข้าเชื่อมโยงความสัมพันธ์ตามข้อตกลงที่ภาครัฐออกกฎขึ้นมา
  • 14.
    บทบาทของรัฐในการส่งเสริม E-Commerceกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนการส่งออกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยจะจัดทำ Homepage ผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์จากการโฆษณาสินค้าและบริการผ่าน Internet โดยใช้ Web Site ของกระทรวงพาณิชย์
  • 15.
  • 16.
    Factors ปัจจัยที่ส่งผลให้การทำ e-Commerce สำเร็จ Research Planning Loan Payment Transport Product Price Promotion Time Stock
  • 17.
    กลุ่มของผู้บริโภค E-Commerceกลุ่มของผู้บริโภค Inventor (2.5 % ) Early Adoptor  (13.5% ) Early Majority (34% ) Laggards(16%) Late Majority ( 34% )
  • 18.
  • 19.
    ประโยชน์ของ E-Commerce ต่อผู้ประกอบการหรือผู้ขาย  เป็นการสร้างและเพิ่มช่องทางการขายและจัดจำหน่ายมากขึ้น จากตลาดภายในพื้นที่ ออกสู่ตลาดโลกได้อย่างง่ายดาย    เปิดบริการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันปิด  ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการบริหารและจัดการได้อย่างมหาศาล ทำให้สามารถลดราคาสินค้า เพื่อทำการแข่งขันได้ดีขึ้น  สร้างโอกาสให้เกิดการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่มากมาย  เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพ  
  • 20.
     ช่วยทำการวิจัยการตลาดและการพัฒนาสินค้าได้อย่างรวดเร็วและประหยัด ประโยชน์ของ E-Commerce ต่อผู้ประกอบการหรือผู้ขาย  เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้น    การให้บริการหลังการขายให้คำปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ หรือการแก้ไขเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
  • 21.
     ได้รับความสะดวกในการจัดส่ง เพราะสินค้าส่วนใหญ่จัดส่งถึงบ้านประโยชน์ของ E-Commerce ต่อผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ  เลือกซื้อสินค้าได้ในราคาถูกกว่าทั่วไป    เลือกซื้อสินค้าและบริการได้จากร้านค้าต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก  มีโอกาสเลือกและเปรียบเทียบราคาสินค้าได้มากขึ้น  ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปซื้อสินค้าถึงที่  รับสินค้าได้ทันที ( หากเป็นสินค้าประเภทสื่อดิจิตอล เช่น เพลง โปรแกรม และไม่มีค่าขนส่ง )  สามารถดูข้อมูลสินค้าได้ละเอียดมากขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก
  • 22.
    สายด่วนผู้บริโภค E-Commerce !! ภัยร้ายที่แฝงมากับโลกยุคดิจิตอล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ .) รับผิดชอบร่วมกับกระทรวง ICT และ NECTEC เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ . ศ . ๒๕๒๒ กระทรวงพาณิชย์ โทร . ๐๒ - ๕๔๗ - ๕๐๕๐ สายด่วน ๑๕๗๐